ตอนที่ 23 “เป็นไงบ้าง”
“เกมตกลงไปคุยกับจิตแพทย์ฮะ เมื่อกี้เขาชวนแม่ไปด้วย”
“ต้อน เป็นไงบ้าง”
ต้อนส่ายหน้า “ไม่ค่อยดี แต่ก็เหมือนดีแล้วที่เห็นว่าเกมดีขึ้น”
พี่จับมือนิ่มไว้ พาเดินออกมาที่ลานจอดรถ “ไม่มีอะไรดีขึ้นในชั่วเวลาแค่ข้ามวันหรอก มันจะค่อยๆดีขึ้นอย่างช้าๆ”
“แต่แม่เกมวันนี้ เหมือนเป็นคนละคนกับที่ผมเคยเจอเค้าครั้งแรก จนถึงเมื่อวานนี้ ก็ว่าดูไม่เหมือนเดิมแล้ว แต่วันนี้ยิ่งดูเปลี่ยนไปอีก”
พี่พยักหน้า ขณะที่ต้อนพูดเรื่อยๆ “ตอนแรกที่ผมเข้าไปในห้องยังคิดว่าแม่เกมจะไล่ผม เพราะว่าผมเป็นสาเหตุที่ทำให้เกมคิดสั้น แต่แม่เกมกลับเฉยๆ นั่งคุยกับแม่ผมได้ตั้งนาน”
“คงเพราะแม่เกมอาจคุยกับเกม แล้วก็หมอ ทำให้รู้ว่าสาเหตุที่แท้จริงมันคืออะไร”
ต้อนนิ่งเงียบ จนกระทั่งมาถึงบ้าน แล้วเดินตามเข้ามาในบ้านพี่
“สาเหตุมันเกิดจากการที่เกมไม่ชอบแพ้น่ะหรือฮะ”
พี่ดึงมือน้องให้นั่งลงข้างๆที่โซฟา
ต้อนถอนหายใจยาว เอียงหน้าลงซบไหล่
“ดีจังที่ได้คุยกัน”
“ฮื่อ” พี่ก้มมองคนที่หลับตา
เกลี่ยนิ้วมือที่แก้ม ริมฝีปากอิ่ม
ต้อนลืมตา เงยหน้าขึ้นมอง “พี่จะกลับบ้านเมื่อไหร่”
พี่ดันปลายคางน้อง ให้หยุดนิ่งรับริมฝีปากที่กดจูบ บดริมฝีปาก เบียดลิ้น มือแกร่งกอดคนตัวเล็กเข้ามาแนบชิด ไล้มือทั่วแผ่นหลังบาง
ต้อนหอบหายใจเมื่อพี่ผละริมฝีปากหนาเลื่อนไปที่แก้ม ขบเบาๆที่ใบหู
เสียงครางแผ่วเบาของคนในอ้อมแขน ไร้แรงต่อต้าน
พี่จูบย้ำที่ริมฝีปาก มือโอบเอวให้ลุกขึ้นตาม
เหมือนเท้าไม่ได้แตะพื้น รู้แต่เพียงริมฝีปากที่จูบไปทั่ว ไม่เว้นให้หายใจ กระทั่งหยุดยืนอยู่ในห้องนอน พี่ดึงเสื้อยืดสีอ่อนพ้นตัว แล้วถอดเสื้อของตัวเอง ต้อนกอดอก เหลียวมองรอบตัว แต่พี่ดึงใบหน้าให้หันกลับมารับจูบ ก้าวเท้าดันให้ต้องถอยหลังจนถึงเตียงกว้าง
ร่างสูงใหญ่ คร่อมตัวตาม กดไหล่คนที่กระถดตัวหนี ให้หยุดนิ่ง ดวงตาหวานเชื่อมจ้องมองไปทั่วใบหน้า ลำตัว ใช้ข้อนิ้วกดลากจากคาง ลำคอ ผ่านร่องอก ถึงหน้าท้อง
ต้อนรีบคว้าข้อมือพี่ไว้
“พี่ฮะ..”
พี่ก้มลงจูบปาก พลิกมือขึ้นมาหาอกบาง กอบกุมแล้วบี้ยอดอก
ต้อนสะบัดหน้าหนีจูบ สูดปาก
จูบไล่ลงมาหายอดอก เพียงตวัดปลายลิ้น แล้วเม้มดูด ต้อนก็ผวายกอกตามแรง ลากลิ้นลงมาที่หน้าท้องจูบ และขบฟัน ต้อนได้แต่ยกตัวตามแรง ส่งเสียงคราง
ความรุ่มร้อนคับแน่น จนต้องพยายามดันไหล่พี่ออก
“พอ พอ มันจะแตกแล้ว”
พี่จับดันลงนอนเหมือนเดิม ลงลิ้นที่ยอดอกสีอ่อน เจตนาบดเบียดแก่นกายที่แน่นตึงคับกางเกงยีน
“พี่ พี่ พอก่อน...”
พี่ยกตัวขึ้นสบตาหวาน กรีดนิ้วผ่านร่องอกลงหาขอบกางเกงยีน แทรกมือเข้าใต้กางเกง
“อื้อ....”
ต้อนผวายกตัวตามมือ หลับตาแน่น
มือใหญ่บดคลึงแล้วบี้ที่ส่วนปลาย
ต้อนคว้าคอหนาจูบปากพี่แล้ว ซุกหน้าลงกับไหล่กว้าง หอบหายใจแรง
พี่แกะกระดุมกางเกง รูดซิบแล้วถอดออก ก้มลงจูบแรงที่หน้าท้อง มือใหญ่รูดให้ช้าๆ แล้วเปลี่ยนเป็นลิ้น และริมฝีปาก
ไม่ต้องนับหนึ่งถึงร้อย ต้อนก็เกร็งไปทั้งตัว แล้วพ่นน้ำสีขาวขุ่น ให้พี่รับไว้ ได้แต่ทิ้งตัวลงนอนหายใจแรง
พี่ขยับตัวลุกนั่งแล้วถอดกางเกงตัวเองออก ชั่ววูบหนึ่งที่เงยหน้าขึ้นมองไปที่บ้านฝั่งตรงข้าม แล้วกลับมามองน้อง
คำพูดของแม่ต้อนที่บอกว่าให้รอก็ดังขึ้นที่ข้างหู
คำตอบรับของพี่ว่ารอได้ เหมือนเพิ่งออกไปจากปาก
“ต้อนครับ”
ต้อนมองใบหน้าพี่ที่เปลี่ยนไปแล้วขยับลุกขึ้นนั่ง หันกลับไปมองบ้านตัวเอง แล้วหันกลับมามองพี่อีกครั้ง
“พี่ฮะ”
คนตัวเล็กขยับเข้ามาหา จูบปากแผ่วเบาแล้วเลื่อนมาที่ลำคอ จูบไซ้วนเวียน แล้วประคองใบหน้าอ่อนใสไว้ในมือ
“รอพี่นะ”
น้ำใสเอ่อล้นขอบตา แดงเรื่อ
“รอฮะ แล้วพี่ล่ะ พี่จะลืมผมมั้ย”
“เฝ้ามองมานานขนาดนี้ จะลืมได้ยังไง”
"ถ้าเกิดพี่บวชแล้ว แล้วพ่อกับแม่พี่จะให้พี่ไปแต่งงานกับสาวคนอื่นล่ะ”
“ไม่หรอก พ่อแม่พี่ไม่ได้เป็นคนแบบนั้น”
“แล้วถ้าเกิด...”
“ไม่มีอะไรแบบนั้น ขอให้เชื่อพี่ พี่รักต้อน”
ต้อนพยักหน้า
พี่เช็ดน้ำตาจากแก้มใส จูบย้ำที่แก้ม
“นอนพักมั้ย เมื่อคืนได้นอนแป๊บเดียวนี่นา”
ต้อนช้อนตาขึ้นมองพี่ ขยับนั่งซ้อน มองแก่นกายพี่แล้วเหลือบตาขึ้นสบตาสีอ่อน
ต้อนกลืนน้ำลาย แตะปลายนิ้วที่แก่นกายพี่แล้วชักให้ช้าๆ
พี่ช้อนคอดันใบหน้าขึ้นมารับจูบ ขณะที่มือใหญ่รวบแก่นกายทั้ง 2 รูดช้าๆจนขยายตัว ก็จับลำตัวผอมบางยกขึ้นสูงลงลิ้นที่อกบางจนกลายเป็นสีแดงจัด
ต้อนได้แต่ส่งเสียงคราง เหยียดตัวรับริมฝีปาก แทรกนิ้วมือที่ผมของพี่
มือที่จับเอวไว้เลื่อนมาบีบนวดที่สะโพกกลม ช้อนเข้าหาจุดอ่อนไหวที่ด้านหลัง เพียงแค่เกลี่ยนิ้วที่ปากทางต้อนก็รีบคว้าข้อพี่ไว้ แล้วค่อยคลายออก นิ้วมือที่ด้านหลังกดเพียงข้อนิ้ว ขณะที่มือที่ด้านหน้าเร่งเร็วต่อไป
ต้อนครางอู้ ก้มลงจูบปากพี่ แล้วดึงมือพี่ออก ทิ้งตัวลงนั่งตัก
มือซุกซนชักให้น้องช้า ๆ ต้อนช้อนตามองพี่ แล้วจับแก่นกายของพี่ไว้
“มันน่ากลัวเหมือนกันนะเนี่ย”
“ไม่หรอก มันออกจะเชื่อฟัง”
ต้อนคลี่ยิ้มกว้าง “ตัวพ่อจริงๆ”
พี่เร่งมือที่ด้านหน้า พร้อมกับเกลี่ยนิ้วมือเพียงปากช่องทางด้านหลังอีกครั้ง
ต้อนหลับตาแน่น เผยอปากรับจูบ แล้วพลิกหน้าจูบแก้มพี่
มือใหญ่ยิ่งเร่งความเร็ว ต้อนเร่งมือตาม แล้วเปลี่ยนมาคว้าข้อมือพี่ไว้แน่น
พี่ดึงสะโพกต้อนเข้ามาหาบดแก่นกายเข้าหากัน น้ำสีขาวขุ่นเอ่อท่วม
ค่อยปล่อยให้ลงนอนบนเตียงกว้าง จูบปากย้ำอีกครั้ง
“นอนพักก่อน พี่จะลงไปเตรียมข้าวเที่ยงให้ เสร็จแล้วจะมาปลุกนะครับ”
ต้อนหันไปมองนาฬิกาที่ข้างเตียงพี่ “จะบ่ายสองแล้ว”
“หิวล่ะสิ”
“มากกกกก ง่วงด้วยแต่ผมไปอาบน้ำก่อนดีกว่า”
“งั้นนอนพักก่อนไม่ดีกว่าหรือไง”
“ไม่อ่ะ เดี๋ยวหลับยาว”
แต่เมื่อพี่ลุกขึ้นจากเตียง ดวงตาเข้มหันไปมองที่บ้านข้างๆ แล้วก้มลงมามองคนที่จ้องอยู่
ส่งยิ้มอ่อนๆให้กันแล้วลุกไปแต่งตัว
อาบน้ำใส่เสื้อผ้าชุดเดิม เดินลงมาที่ชั้นล่าง ข้าวราดหน้าไก่ เพิ่งวางลงบนโต๊ะ พี่ทำหน้าตาสงสัย
“ไม่นอนพักจริงๆน่ะ”
“หิว ถ้านอนสงสัยยาว เพราะเมื่อคืนก็นอนไม่หลับ”
“แล้วจานนี้ จะอิ่มมั้ยเนี่ย”
“ดูก่อน ทำไมครัวพี่ของกินไม่มีวันหมด”
“เรื่องง่ายๆ เราก็เลือกทำของที่มันมีอยู่ในตู้สิ”
ต้อนลงนั่งที่เก้าอี้ ทำท่าเหมือนอยากเอาหัวโขกโต๊ะ
“ไรวะเนี่ย”
“อย่าเพิ่งหมดแรง กินข้าวก่อน เดี๋ยวสักสี่โมงค่อยกลับบ้านก็ได้”
ต้อนตักข้าวใส่ปากแล้วกัดช้อนนิ่งๆ
“มีอะไร”
“แบบนี้เรียกว่าขัดคำสั่งแม่ใช่มั้ย”
พี่พยักหน้ายอมรับ “ใช่”
ต้อนก้มหน้ามองจานข้าว “แย่จัง”
พี่เอื้อมมือมาขยี้ผมเบาๆ “ขอโทษ ที่ทำให้ลำบากใจ”
“มันก็ผิดด้วยกันทั้งคู่แหละ”
ต้อนบอกแล้วกินข้าวจนหมด “อร่อยจัง ผมจะไม่ได้กินของอร่อยแบบนี้อีกนานเลยสินะ”
พี่ลุกขึ้นมาหาจับต้อนนั่งตัก กอดไว้นิ่งๆ
“อีกนิดเดียวไง อีกนิดเดียว”
“ฮื่อ....อีกนิดเดียว”
ทั้งที่รู้มาตลอดว่าใจตรงกัน แต่ก็เหมือนกับมีเหตุให้ต้องต่อเวลาที่จะได้อยู่ด้วยกัน ออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า
“พี่ไปเมื่อไหร่”
“พรุ่งนี้”
ต้อนหันมากอดเอวพี่ไว้แน่น ซุกหน้าลงกับไหล่ น้ำตาอุ่นๆไหลซึมที่เสื้อพี่
มือใหญ่ลูบหลังเบาๆ “อย่าร้องไห้ เดี๋ยวเราก็จะได้อยู่ด้วยกันแล้ว”
ต้อนเงยหน้าขึ้นมองพี่ ดวงตาคู่สวยแดงช้ำ
“โทรหาผมนะ”
“ครับ” พี่เช็ดน้ำตาที่อาบแก้ม
ต้อนได้แต่ฝืนยิ้ม “แปลกจริง ทั้งที่เราก็ใช่ว่าจะตัวติดกันตลอดเวลา แต่ทำไมครั้งนี้มันถึงได้ใจหายขนาดนี้นะ”
....เพราะมันคือคำสั่งของแม่ ที่แสดงออกมาตลอดว่ายินดีต้อนรับอ๋อม แต่ในวันหนึ่งแม่กลับไม่ยินดีเลยสักนิดที่อ๋อมจะกลายมาเป็นคนรักของลูกชาย...
ถึงคำสั่งคือให้ห่างกันสักพัก เพื่อที่จะได้พิจารณาตัวเอง ทำในสิ่งที่ควรทำ
ถึงไอ้เล้งจะช่วยแปลความหมายคำพูดของแม่ไปในทางที่ดี
แต่ต่างก็รู้ว่า ที่แม่ต้องการคืออะไร...
ต้อนลุกไปนั่งดูทีวี แต่ได้ยินเสียงพี่อ๋อมโทรศัพท์คุยกับพี่โอ ฝากดูทั้งบ้านและคนทางนี้
“เรื่องเกมน่ะ เขาตกลงคุยกับจิตแพทย์ คงไม่มีอะไร แต่ฝากมาดูต้อนด้วย....กูก็รู้ว่า ปกติแม่ต้อนเขาไม่เคยเป็นแบบนี้ เขาคงช็อคที่มันมาพร้อมกันหลายเรื่อง ถ้ากูไม่ติดว่า ใกล้บวชไม่ควรเดินทางไกล กูก็จะรอพาไปด้วยกันตอนวันงานแหละ … เออ ก็เคยซุ่มอยู่ยังไง ก็ซุ่มต่อไป ไม่เท่าไหร่ แต่เรื่องความเชื่อ ก็พูดไม่ถูก อยู่ดีๆ ก็เกิดเรื่องเกมขึ้นมา แม่ก็เกิดจะไม่ยอมรับกู”
พี่อ๋อมพูดแล้วเดินมานั่งลงข้างๆต้อน “ฝากด้วยนะโอ”
ต้อนเอียงหน้าซบไหล่พี่ ดวงตาจ้องมองภาพในโทรทัศน์ 2 มือประสานกันไว้แน่น
จนหนังจบ ต้อนก็ลุกขึ้น “กลับบ้านละ”
พี่พยักหน้า ยังคงจับมือไว้เมื่อเดินออกมาส่ง จนเมื่อต้อนไขกุญแจเข้าบ้านตัวเอง มอเตอร์ไซค์รับจ้างเข้ามาจอด
แม่ลงจากรถ ดวงตาคมกริบจ้องมองมือของต้อนกับอ๋อมที่คลายออกจากกัน แล้วพูดเรียบๆ
“เข้าบ้านต้อน ส่วนเธอ ทำไมยังไม่กลับบ้านไปซะตั้งแต่วันนี้”
“แม่ฮะ พรุ่งนี้พี่ก็ไปแล้ว”
“ต้อน แม่บอกให้ต้อนไปดูเกมไม่ใช่หรือไง”
“ไปฮะ แต่ว่า...”
“นัดกันไปหาที่โรงพยาบาลใช่มั้ย พอแม่ออกมา ก็ออกมาเลยสินะ แล้วเกมจะเป็นยังไง แก้ไขทีละเรื่องได้มั้ยต้อน”
“เราไม่ได้นัดครับ ผมไปดักรอตอนที่ต้อนกับเพื่อนลงมากินข้าวเที่ยงกัน”
แม่หันมาถลึงตาใส่พี่อ๋อมทันที
ต้อนที่ยืนอยู่ถึงกับน้ำตาร่วง “แม่ แม่เป็นอะไร แม่เป็นอะไร ทำไมอยู่ดีๆ แม่ก็ไม่ชอบพี่อ๋อม”
แม่กัดปากแน่น คว้าข้อมือต้อนให้เดินเข้าบ้าน แล้วสั่งให้ต้อนเข้าไปอยู่ในห้องนอน
ค่ำลงพ่อกลับเข้าบ้าน ความเงียบเหงาที่ไม่เคยเกิดขึ้น ก็กลับเกิดขึ้นในบ้านหลังนี้ เสียงพูดคุย เสียงหัวเราะหายไป ต้อนกินข้าวเสร็จก็กลับเข้าห้อง
พ่อเดินไปหยิบหนังสือพิมพ์ ทำเหมือนจะอ่าน แต่แล้วก็กลับถือไว้ในมือ เดินไปนั่งลงข้างแม่ที่โซฟาหน้าโทรทัศน์
“แม่เป็นอะไรของแม่เนี่ย”
“โกรธ”
“ทำไมล่ะ”
“แม่บอกให้ต้อนอยู่ดูแลเกม บอกให้ต้อนกับอ๋อมห่างกันสักพัก แต่กลับให้อ๋อมไปรับกลับมาบ้าน เป็นพ่อไม่โกรธหรือไง แทนที่ 2 คนนี้จะพยายามแก้ไข กลับคิดถึงแต่ตัวเอง”
“ต้อนกับอ๋อมบอกกับแม่ว่านัดกันหรือ”
“ไม่ อ๋อมบอกว่า ตามไปดักที่โรงพยาบาล”
พ่อพยักหน้า “งั้นก็แสดงว่าแม่คิดเองว่าเขานัดกัน ทั้งอาจคิดเองว่า พวกเขาไม่ได้พยายามแก้ไข”
“นี่!” แม่หันมาทำตาวาว ท่าทางเอาเรื่อง แต่พ่อยังคงเดินหน้าใช้น้ำเย็น
“แม่กลายเป็นคนที่ไม่เชื่อลูกตัวเองไปตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็ตั้งแต่ที่ต้อนโกหกแม่เรื่องอ๋อม”
“เขาโกหก หรือเขาไม่ได้เล่า ที่ไมได้เล่าเพราะอะไร เราเองก็รู้อยู่ อย่าว่าแต่มีผู้ชายมาจีบเลย มีผู้หญิงมาจีบยังไม่ค่อยจะอยากเล่าให้พ่อแม่ฟังเลย เพราะพ่อแม่ต้องบอกว่า เธอยังเด็ก อยากให้เรียนหนังสือ ใช่มั้ยล่ะ” พ่อหันมาหาแม่ “แล้วจะว่าไป ทั้ง 2 คนก็แค่ไม่ได้พูดออกมา แต่กับตาเราเองเนี่ย เราเห็นทั้ง 2 คนคุยกัน อยู่ด้วยกันมาตลอดน่ะแหละ”
แม่ได้แต่หันไปมองทางอื่น
พ่อกางหนังสือพิมพ์ในมือ “ลูกมีคนรัก ไม่ได้แปลว่าเขาจะรักเราน้อยลงนี่นา ที่พ่อกับแม่รักกัน ไม่ได้ทำให้เรารักพ่อแม่ของเราลดลงสักนิดไม่ใช่หรือไง”
“ขอเวลาแม่อีกนิดเถอะพ่อ มันทำใจได้ยากจริงๆ ที่จะต้องเห็นต้อนมัน....เป็นแบบนั้น”
“แบบไหนล่ะ”
“ก็แบบในทีวี น่ะ ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าด แต่งหน้าทาปาก เป็นตัวตลก บ้าผู้ชาย”
พ่อหัวเราะหึหึกางหนังสือพิมพ์อ่านคอลัมน์โปรดในหนังสือพิมพ์
“กลัวลูกเป็นตัวตลก กลัวลูกไม่รัก กลัวในสิ่งที่มันยังมาไม่ถึง”
“แล้วพ่อจะรอให้มันเกิดขึ้นก่อนแล้วค่อยมาตามแก้ไข เหมือนเรื่องของเกมหรือไง”
พ่อได้แต่ตั้งใจอ่านหนังสือพิมพ์ต่อไป
*-*-*
โอลงจากรถแท็กซี่ที่หน้าบ้านอ๋อม แล้วเดินถือถุงอาหารและเครื่องดื่มเข้ามาในบ้าน
เจ้าของบ้านตัวจริงได้แต่ส่ายหน้า เหนื่อยใจ
“มึงนี่ ไม่เคยยอมให้กูได้ดราม่าจริงๆ กูละเชื่อแล้ว”
“ก็มึงไม่เข้ากับดราม่า ไม่ต้องบ่นเลย ไปเอากระติกน้ำแข็งมา ของที่เตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวาน เอาอะไรมาอุ่นกินได้มั่ง” โอพูดไปเรื่อยๆ รื้อบ้านไปเรื่อยๆ ปล่อยให้เจ้าของบ้านนั่งดูละครตอนเย็น
สักพักเฟียตก็มาพร้อมกับทู
ไม่ต้องลุกไปเปิดประตูให้มันหรอก มันเปิดประตูเองได้
ทันทีที่ก้าวเข้ามาในบ้าน ทูก็เดินมานั่งยองๆ มองหน้าอ๋อม
“ว่ามาจะให้ทำอะไรบ้าง”
อ๋อมถึงได้หันไปหาโอ
“ไปยกกับแกล้มมา”
“สัดเหอะอ๋อม เรื่องเกมกูจัดให้ แต่เรื่องแม่ เรื่องต้อนว่าไง” ทูมันไม่ยอมฮาตาม
“ไม่ว่าไง กูเคยอยู่ตรงไหน ก็อยู่ตรงนั้น บวชเสร็จกลับมา กูไม่ยอมอยู่โดยไม่มีต้อนแน่ๆ แล้วแม่ก็บอกเองว่ากลับมาค่อยคุยกันใหม่”
“แล้วมึงโทรไปฝากน้องกับไอ้โอ”
“แล้วจะให้ฝากมึงเหรอ ทั้งงาน ทั้งไอ้เฟียต”
“ไอ้เฟียตทำไม”
“ก็มึงคนมีแฟน กูใช้คนโสดสะดวกใจกว่า ไม่อยากทำให้มึงผิดใจกัน” อ๋อมบอกตรงๆ
“เหอะ คิดไปได้นะมึงเนี่ย”
อ๋อมหันมาหรี่ตามองเพื่อน ก็ทูมันไม่ชอบเป็นคนนอกมาแต่ไหนแต่ไร คราวนี้เสือกโทรไปขอความช่วยเหลือจากโอ ดีแค่ไหนที่มันไม่โดนมันด่าตั้งแต่หน้าบ้าน
“เออ ขอโทษ ไม่ใช่ว่ากูไม่เชื่อมือมึง แต่มึงก็รู้คนเรามันเปลี่ยนในช่วงเวลาข้ามคืนไม่ได้ ถ้ามึงไม่ได้ไปไหน ก็แวะมาดูน้องที่บ้าน ที่โรงพยาบาลให้กูที”
“มึงไม่ไว้ใจ ว่าเกมมันจะยอมปล่อยต้อน”
“เออ ไม่ไว้ใจ ไม่เคยไว้ใจ ก็ดูขนาดแม่เขาสิ เห็นๆกันอยู่ทุกวัน จะคุยกัน หรือเข้าไปหาที่บ้านแม่เขาก็เห็น แต่พอรู้ว่า กูชอบน้อง เขากลับรับไม่ได้”
ทูนั่งขัดสมาธิ หันไปรับแก้วเหล้าจากเฟียต “มันไม่ง่ายหรอกนะอ๋อม กูเอง ยังไม่กล้าบอกที่บ้านเลย ทั้งที่ไอ้เฟียตมันไปบ้านมา 3 ครั้งแล้ว”
“พี่วรรณน่ะรู้ แต่ไม่พูด เขายอมรับแบบห้ามพูดน่ะ” เฟียตอธิบาย “ว่าแต่มึงเหอะ มึงกล้าบอกกับพ่อแม่มึงมั้ยล่ะ”
อ๋อมถอนหายใจแรงๆ “เมื่อคืนตอนที่คุยกับพี่โชค ว่ากูขออีกวันเดียว ขอคุยกับน้องก่อน เขาก็พูดเหมือนกับว่าเห็นว่ามีอะไรพิเศษ แต่ไม่อยากเชื่อ”
“แม่ต้อนก็คงเห็น แต่ไม่อยากเชื่อ พอพูดออกมาว่ามันเป็นความจริงก็เลยช็อค...มึงก็อย่าใจร้อน” ทูบอก
“โห ทู อย่างกูเนี่ยนะ เย็นกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว” อ๋อมบอกแล้วยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ
โอที่นั่งฟังมานานจิ้มปลาหมึกย่างที่ถ้วยน้ำจิ้มจนชุ่ม “มึงนี่มั่นใจจนน่ากลัวว่ะ อ๋อม มึงไม่เผื่อเลยหรือว่า กลับมาแม่เขาจะประกาศห้ามคบเด็ดขาด หรือต่อเวลาว่าให้มึงจบด๊อกเตอร์ก่อน”
อ๋อมหันไปมองที่บ้านข้างๆ “กูก็แค่ทำเหมือนเดิม”
“ยังไง” โอถาม
“ก็จีบไปเรื่อยๆ ยังไงไม่เค้าก็ไม่ได้คุม 24 ชั่วโมงอยู่แล้วนี่ นัดไปเจอกันข้างนอกก็ได้ แม่เค้าไปทำงาน กูก็แค่เดินไปหา”
“โหหหหห มึงนี่เลวกว่าที่กูคิดไว้เยอะนะเนี่ย” ทูค่อนขอด
“ถามจริงเหอะ พวกมึงคิดว่า กูจะยอมแพ้เพราะคำแม่เหรอ ทั้งที่ใจน้องอยู่กับกู”
“กูคิดว่า มึงจะบอกว่า จะเอาชนะใจแม่ให้ได้น่ะสิ คำตอบของมึงเนี่ย ไม่เลวจริงคิดไม่ได้นะเนี่ย” ทูด่าไม่เลิก
“ไอ้เรื่องทำให้แม่เขาไว้ใจ ว่ากูไม่ได้มาหลอกน้องมันก็ต้องทำอยู่แล้ว”
อ๋อมบอก แต่ไม่วายคอยหันไปมองห้องนอนที่ชั้น 2 ของบ้านข้างๆ ว่าเปิดไฟหรือยัง
“แล้วจะว่าไป ให้กูจบด๊อกเตอร์ กูว่าง่ายกว่าให้กูไปเป็นผู้พิพากษาก่อน แล้วค่อยยอมให้คบกันนะ”
ทูส่ายหน้า “ไม่อยากจินตนาการผู้พิพากษาอ๋อมเลยจริงๆว่ะ น่ากลัว”
โอทำท่าเหมือนกำลังพูดกับหมูย่าง “แต่เรื่องเกมเนี่ย กูตะขิดตะขวงใจชอบกล มันเหมือนรู้อยู่แล้วว่า ยังไงต้อนก็ต้องยอม คิดไปแล้วระแวงเหมือนที่มึงระแวงแหละอ๋อม”
“เอาชีวิตตัวเองมาล้อเล่นแบบนี้ ได้ยังไง” เฟียตตักปลาดุกฟูให้ทู “ชัยชนะมันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ”
“มันถึงต้องไปคุยกับจิตแพทย์ไง” ทูสรุป “แต่อย่าว่างั้นงี้เลยนะ เมื่อวานนี้ ทั้งที่เห็นมันเป็นอย่างนั้น กูยังอยากจับคอมันเขย่าๆ ถามว่า มึงคิดได้แค่นี้หรือไง”
โอกับอ๋อมหันมาพยักหน้าหงึกหงักให้กัน
“ไม่แปลกใจเลยว่ะ”
เมื่อพี่โชคขับรถปิคอัพมากับคนงานอีกคน ในตอนเกือบเที่ยงของวันถัดมา เหลือสมาชิกอยู่ที่บ้าน 3 คน คือ อ๋อม เฟี๊ยต และ โอ ส่วนทูน่ะเฟียตพากลับไปส่งบ้านตั้งแต่เช้าเพราะต้องทำงาน
“มากินเหล้าเป็นเพื่อนอ๋อมหรือไง” พี่โชคถาม
“ครับ เมาไม่กลับไงครับ” โอบอก ขณะที่เฟียตกับอ๋อมช่วยกันเก็บบ้าน
“ยังมีของในครัวนะโอ” อ๋อมบอก ขณะที่เดินขึ้นไปเอากระเป๋าเสื้อผ้าบนบ้าน
“เออ ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวกูรอดักเอากุญแจบ้านให้น้อง กูก็กลับเหมือนกัน”
พี่โชคถึงกับหันมามองหน้าน้องชาย
“อ้าว ยังไงกันล่ะมึง”
“ก็อย่างที่ได้ยินแหละ”
พี่ชายถึงกับเท้าเอว
“สัดอ๋อม เหี้ยอ๋อม ไอ้ห่าอ๋อม มึงรู้มั้ยว่ากูเป็นห่วงมึงขนาดไหน!”
”เฮ้ย! ด่าทำไมเนี่ย”
“เดี๋ยวกลับไปกูจะบอกให้พ่อกับแม่ ด่ามึงด้วย แถมพี่สะใภ้มึงอีกคน”
“ไรวะ ไอ้ห่าพี่โชคด่าไม่หยุด”
“ก็แล้วหมาที่ไหน ทำเสียงโศกสลดใส่กู ว่าแม่เขาไม่ยอมรับวะ กูละอยู่ไม่ติด กลัวมึงบ้าอะไรขึ้นมา”
“มันบ้ากว่าที่พี่คิด” โอบอก
“เพราะมันยืนยัน ยังไงมันก็รอได้ เพราะมันจะเอา” เฟียตช่วยเสริม “คิดไปคิดมามันนี่แหละนิสัยชอบเอาชนะ พวกเดียวกับไอ้เกม”
“ถูก แล้วมันก็กำลังมีแผน” พี่โชคทำรู้ดี
“เฮ้ย อะไรกั๊น ไม่มี๊” อ๋อมทำเสียงสูง ชนิดที่ถ้าทูอยู่ตรงนี้ได้โดนด่าหน้าหงาย
โอหันมาพยักหน้าใส่เพื่อนรูปหล่อ “กูเข้าใจละ พอผ่านช่วงต่ำสุด มึงจะรีเบิร์ธ”
“เฮ่ย อะไรกัน ไม่มีอะไรหรอก แค่กลับไปที่จุดเดิม เมื่อตัดสินใจว่าจะรอ ก็รอเท่านั้นเอง จริงมั้ยเฟียต” อ๋อมหาพวก
เฟียตยักคิ้วแทนคำว่าใช่
แล้วอันที่จริง อ๋อมมันก็บอกแผนการเบื้องต้นกับเพื่อนๆไปแล้วด้วย
=========จบตอนที่ 23==========
อีก 2 ตอนก็จะได้ย้ายห้องกันแล้ว มีอะไรขาดตกบกพร่องบอกกันนะครับ
ขอบคุณที่รักเรา 2 คน ขอบคุณในทุกคะแนนและการติดตาม
ไจฟกับที
^
^
เวอร์ชั่นเมากลับเช้า เข้านอนไปแล้ว แ้ล้วสะดุ้งตื่นขึ้นมาอัพแล้วโทรมาสั่ง ทีมาแล้วมาดิทด้วยนะพี่เมา ตาหลอดๆ ไม่ดิท ปล่อยไว้งี้แหละ
อย่าเพิ่งถามถึงเรื่องใหม่นะครับ เพราะพล็อตที่ป๋าเขียนยังไม่จบเลย เขาคนงานเยอะ แล้วก็ยังอาจแก้ไขได้อีกเรื่อยๆ ดังนั้นเรื่องการเริ่้มโพสต์ได้อีกเมื่อไหร่ก็ยิ่งยาวนานออกไปอีก
มาอีกครั้งวัน อังคาร นะครับ