ตอนที่ 29 ฟุตบอลกระชับมิตร “ก็กูบอกมึงหลายครั้งแล้วว่าไม่ได้มีอะไรกับไอ้ฮอยฮักโว้ย!”
“แล้วทำไมต้องโกหกกูด้วย!”
“ถ้ามึงอยากรู้เรื่องนั้นก็ไปถามไอ้ฮักมันเอาเองสิวะ กูจะไปรู้กับมันเหรอ?”
ผมกับไอ้โซโล่เถียงกันตั้งแต่รถออกจากร้านบ้านนาจนกระทั่งถึงหน้าบ้านก็ยังไม่เถียงกันไม่หยุด กูอธิบายปากจะฉีกอยู่แล้วว่าไม่ได้ชอบไอ้ฮอยฮักแล้ว นั้นมันอดีตโว้ย! อดีตเมื่อนานมาแล้ว เอ่อ...ก็ไม่นานเท่าไร แต่! ตอนนี้เนี่ยกูน่ะไม่ได้ชอบไอ้ฮอยฮักมันแล้วโว้ย ไม่รู้เรื่องสักที!! ไอ้ตัวเข้าใจยากเอ๊ย!!
“แน่ใจนะว่ามึงน่ะไม่มีอะไรแล้วจริงๆ”
“กูจะมีหรือไม่มีก็แล้วไงล่ะ ในเมื่อมึงไม่เชื่อกู!”
เชอะ! ผมประชดออกแนวน้อยใจใจน้อยแล้วน่ะเนี่ย กูทั้งยืนทั้งนั่งยันมันยังไม่เชื่ออีก เดี๋ยวอีกหน่อยผมจะนอนยันมันจะเชื่อไหมวะ? ไอ้โซโล่เจอประโยคประชดเล็กๆ มันก็เงียบไปแล้วหันมาถามเสียงนิ่งเชียว
“ตกลงไม่มีอะไรจริงๆ ใช่ไหม?”
“เออ!!”
ทีเรื่องของมึงกูยังไม่เคยยุ่งเลยเหอะ คู่ขาคู่แข้งเก่าของมึงน่ะ แล้วทำไมทีมึงต้องจี้กูซะพรุนแบบนี้ด้วยวะ!! เข้าใจว่าหึง เข้าใจว่าต้องมีหวงกันบ้าง แต่เนี่ยมันมากไปนะโว้ย! ไม่เชื่อใจกันบ้างหรือไง!?
“อย่าให้กูเห็นว่ามันไม่จริง ตายไม่ดีแน่”
“มึงจะฆ่ากูงั้นเหรอ?”
“เปล่า เพื่อนมึงนั้นแหละจะตาย!”ไอ้โซโล่มันส่ายหน้าแล้วเอ่ยเสียงเหี้ยม ผมมองมันเล็กน้อย ไม่ได้ซึ้งครับแค่มองคนไม่เจียมบอดี้ มึงจะเอาอะไรไปฆ่าท่านเทพฟ่ะ!? มีแต่มึงนั้นแหละจะตายก่อนนะไอ้โซโล่!!
“ไม่ต้องทำหน้าดูถูกโว้ย กูไม่โง่ไปให้มันเชือดหรอก กูก็ใช้เพื่อนให้เป็นประโยชน์สิฟ่ะ!”ไอ้โซโล่มองหน้าผมแล้วยักไหล่อย่างเป็นต่อ โห นี่มันกะจะให้ไอ้วินเซอร์ฆ่าเพื่อนกูเลยว่างั้น? ผมกับไอ้โซโล่ยืนเงียบอยู่หน้าบ้าน เมื่อกี้แม่งด่ากันแซ่บนัวซะเสียงดัง ชาวบ้านไม่ออกมาปารองเท้าใส่ก็ถือว่าบุญแล้วล่ะครับ
“เข้าบ้านเหอะมึง ตรงนี้มันหนาว”
นานทีเดียวกว่าจะมีใครพูดอะไรออกมา ไอ้โซโล่มันเนียนจับมือผมจูงเข้าบ้านไป นี่ตกลงมึงกับกูพูดกันรู้เรื่องแล้วใช่ไหมเนี่ย? แล้วทำไมมันคืนดีกะกูง่ายชิบหายแบบนี้วะ เมื่อกี้ยังซักกูฉอดๆ!
“ไมบ้านเปิดไฟวะ?”
กูจะไปรู้ได้อย่างไงล่ะ กูก็มาพร้อมมึงเนี่ยแหละ เฮ้! อย่าบอกนะว่าโจรขึ้นบ้านน่ะ!! กูว่าแล้วเชียว บ้านมึงมันล่อพวกโจรเกินไปไง! มันดูเลิศกว่าบ้านของพวกข้างๆ ทั้งหมดเลยนี่หว่า! โจรขึ้นก็ไม่แปลก ไอ้โซโล่มันเปิดประตูเข้าบ้านไปแล้วหยุดเดิน ผมชะโงกหน้าไปมอง
“โม! มึงมาทำอะไรวะ?”
“นั้นเป็นคำทักพี่ชายที่นั่งรอมึงตั้งหลายชั่วโมงหรือไง!!?”
ผมมองอีกฝ่ายอย่างสนใจ นั่นพี่โมโน พี่ชายของไอ้โซโล่มันนี่น่า ผมเพิ่งเคยเห็นตัวจริงก็วันเนี่ยแหละครับ จะว่าไปแล้วพี่โมโนเนี่ยหน้าเหมือนไอ้โซโล่เลยแฮะ อย่างกับฝาแฝดกันแน่ะ! ไอ้โซโล่มันเดินเข้าไปหาพี่ชายมันด้วยใบหน้ากวนทีน
“ไม่ได้จ้างให้รอนิ”
“ฆ่าน้องบังเกิดเกล้ามันบาปเปล่าวะ?”
“บาปวะ”
“บาปไม่บาปกูไม่สน ขอเตะให้ดั้งแหมบสักทีเถอะ!”
“ไอ้โมไอ้เหี้ยนี่! มึงมีเรื่องอะไรก็รีบๆ พูด กูจะไปนอน”
“ถุย มึงเป็นคุณหนูอนามันตอนไหนไม่ทราบ สี่ทุ่มจะนอน!”
“ไม่ได้นอนเฉยๆ โว้ย หึๆ”
“บักหื่น!”ผมตะโกนด่าไอ้โซโล่อย่างลืมตัว พี่โมโนก็หันขวับมามองผม ไอ้โซโล่มันก็ยักไหล่ ต่อหน้าพี่มึงก็จะไม่ปิดบังหรือแอบบ้างหรือไงวะ!? อายเขาบ้าง แล้วอีกอย่างพี่มึงรับได้เหรอวะที่มีน้องสะใภ้เป็นผู้ชายน่ะ ฟาย!! พี่โมโนมองผมนิ่งๆ แล้วหันกลับไปมองไอ้โซโล่
“น่ารักดีนี่หว่า”
“แหงล่ะ เมียกูซะอย่าง”
“เหมือนเมียกูเลยวะ”
“ลามปาม!”
“อ้าว กูพูดเรื่องจริงวะ เออ ช่างหัวแม่งมันก่อนเหอะ ตอนนี้กูอยากคุยกับมึงก่อนวะ”
“เรื่องไรวะ?”
“เดี๋ยวมึงก็รู้เองนั้นแหละ”พี่โมโนแกไม่ได้ตอบไอ้โซโล่แต่กลับหันมายิ้มให้กับผม เห็นรอยยิ้มพี่แกมันเหมือนไอ้โซโล่เวอร์ชั่นเพลย์บอยเจ้าสำราญอย่างไงไม่รู้แฮะ!
“น้องสะใภ้คนงามไปอาบน้ำแปะแป้งแต่งตัวรอไอ้คุณน้องเหี้ยนี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวพี่เขยคนนี้ก็คุยกับมันก่อนแล้วจะปล่อยให้ไปสวีวี่วีกัน!”
พออีกฝ่ายเรียกผมว่าน้องสะใภ้แล้วมันรู้สึกแปลกๆ อย่างไงไม่รู้แฮะ ผมพยักหน้ารับง่ายๆ แล้วเดินขึ้นไปข้างบน ไม่ได้ไปอาบน้ำแปะแป้งรอให้ไอ้โซโล่มางาบหรอกนะ!! วันนี้กูจะนอนก่อน! ถึงจะเลยช่วงงดไปแล้วก็เถอะ ผมหันไปมองสองคนนั้นที่พอผมเดินจากมาไกลก็คุยกันหน้าตาซีเรียสมาก คุยเรื่องอะไรกันวะ? แต่ช่างเถอะ คงจะเป็นเรื่องครอบครัวของไอ้โซโล่ล่ะมั้ง ผมหันหลังเดินต่อ
พอเข้าห้องมาก็อาบน้ำอาบท่าแต่งตัวจะนอนเรียบร้อย นานพอสมควรที่ไอ้โซโล่จะโผล่หัวเข้ามาในห้อง เห็นหน้ามันจะยังคงความเครียดไว้แล้วรู้สึกห่วงๆ มันนิดหน่อย
“พี่โมโนแกกลับแล้วเหรอ?”
“เออ”
“คุยเรื่องไรกันวะ เห็นทำหน้าซีเรียสๆ”
“เรื่องงานแต่งไอ้โมมัน”
“แล้วทำไมมึงต้องซีเรียสวะ เรื่องมงคลนี่หว่า!”
“มันอยากให้กูเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้ แต่ก็ไม่อยากเป็นไง ก็เลยเถียงกันนิดหน่อย สุดท้ายมันก็ยอมแพ้ ให้พี่หมึกเพื่อนมันเป็นแทน กว่าจะตกลงกันได้ต้องเถียงคอเป็นเอ็นแน่ะ เหนื่อยชะมัด”ไอ้โซโล่มันบ่นๆ แล้วเดินมาทิ้งตัวนอนลงบนเตียงแล้วปีนป่ายเอาหัวมาวางแปะที่ตักของผม เวร ยังไม่ได้อาบน้ำก็เข้ามาเกลือกกลิ้งบนเตียงงั้นเหรอ!? แถมเอาความโสโครกมาใส่กูอีกแน่ะ อย่ามาทำตัวน่าสงสารเพราะกูรู้ทันมึง!
“จะนอนแล้วเหรอวะ?”
นั้นไง! กูพูดผิดซะที่ไหนล่ะ!!?
“เออ วันนี้เหนื่อยจะนอนแล้ว มึงก็ไปอาบน้ำนอนได้แล้ว ไป่!”
“อย่าเนียน ครบอาทิตย์ไปตั้งนานแล้วด้วย”
“กูไม่ได้เนียน กูจะนอน!”ผมผลักหัวไอ้โซโล่ออกแล้วถีบมันลงไปจากเตียง จากนั้นก็ล้มตัวนอนหนุนหมอนเตรียมตัวจะนอนเรียบร้อย ไอ้โซโล่มันลุกขึ้นยืนมองมาที่ผม ไอ้หน้ายิ้มๆ ของมัน กูไม่ไว้ใจสุดๆ เลยวะ!
“เอ่อ! ถ้านอนได้ก็นอนไป~!”ไอ้โซโล่มันพูดทิ้งท้ายไว้แบบนั้นแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ผมมองตามมันเล็กน้อย มันพูดแบบนั้นหมายความว่าอย่างไง คนอย่างผมมีรึจะไม่รู้? ไอ้เลวโซโล่!! ตลอดอ่ะมึง!! ให้กูพักแค่อาทิตย์เดียวเอง ชิ!! ผมนอนกระดิกเท้าบนเตียงคิดอะไรเพลินๆ
อะไรนะ? ทำไมไม่คิดจะทำอะไรเลยงั้นเหรอ? จะให้ทำอะไรล่ะครับ อย่างไงมันก็โดนเหมือนเดิมนั้นแหละ นอนรออย่างสงบเนี่ยแหละดีที่สุด ผมไม่ได้ยินยอมมันนะโว้ย ก็แค่อย่างไงก็โดนก็เลยไม่ขัดขืนเท่านั้นเอ๊ง!! ไม่นานไอ้โซโล่ก็เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพผ้าเช็ดตัวพันเอว
“ไมไม่นอนวะ?”มันถามผมอย่างแปลกใจ
“นอนไปมึงก็ปล้ำกูสิ”
“ทำอย่างไม่นอนแล้วกูจะไม่ปล้ำงั้นแหละ”
“ก็ดีกว่าโดนทำอะไรตอนไม่รู้สึกตัววะ”
“หึๆ อย่างกับเคยโดนถึงได้รู้ว่าดีกว่าอย่างไง”
“ก็เพราะไม่รู้ว่าเคยหรือเปล่าเนี่ยแหละ อย่างมึงไว้ใจได้ซะที่ไหนล่ะวะ!?”
“ก็ถือว่าตัดสินใจได้ดีนี่ ตอนนอนทำแล้วไม่ค่อยรู้สึกอะไรเลย มันไม่สนุกเท่าไร”
ตกลงมึงเคยทำตอนกูนอนงั้นเหรอ? แสรดดดด!!! ตอนนี้ผมนั่งง่วงอยู่ที่ห้องเรียนอยู่ครับ อะไรนะ? ถามว่าทำไมถึงตัดตอนเมื่อคืนออกไปงั้นเหรอ? อืม! เพราะว่าผมขอเอาไว้นั้นแหละ อ่านแต่บทแบบนั้นมันไม่เบื่อแย่หรือไงกัน!? แถมยังจะอ่านแต่ผมถูกทำอะไรบ้างอยู่นั้นแหละ ลองมาเป็นคนถูกทำบ้างสิว่าจะยอมให้เอาตอนนั้นมานำเสนอบ้างหรือเปล่า? ในห้องนอนน่ะไม่เบื่อหรือไงครับ? เดี๋ยวถ้าไปทำโลเคชั่นอื่นๆ เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังล่ะกัน (ไม่ค่อยเลยอ่ะกู)
“ไงวะไอ้พรีสต์ มาเช้านี่หว่า!”ไอ้คุณเพื่อนโผล่เข้ามาอย่างมาดแมนหน้าใสๆ ที่ไม่เคยได้ต้องแป้งแบบผู้หญิงทั่วไปของไอ้ฟ้าโผล่เข้ามาในห้องตามด้วยสาวๆ สาขาผมเรียงกันมาเป็นตับ อย่างไงสาขาผมก็ยังมีผู้หญิงอยู่นะครับ ถึงจะมีผู้ชายเยอะกว่าสักหน่อยก็เถอะแต่ถือว่าสาขาของผมเนี่ยผู้หญิงเยอะแล้ว
“ทำไมแกดูอ่อนระหวยโรยแรงแบบนี้วะ?”ไอ้คุณเมย์ฉายาฮิตเลอร์เจ้าเก่าวางกระเป๋าแล้วก็กัดผมทันที นี่ยังดีนะโว้ยวันนี้ไอ้โซโล่มันมีเรียนเช้าก็เลยไม่ได้ทำแต้มทั้งคืนน่ะ โชคดีสุดๆ วะ!! ไม่งั้นสภาพผมคงจะเป็นซากแพนด้าไปแล้วล่ะ
“พรีสต์โว้ย! พรีสต์!”ไอ้สตางค์โผล่เข้ามาในห้องแล้วรีบจรลีมาหาผมด้วยใบหน้าตื่นเต้นสุดขีด อะไรวะ? เกิดอะไรขึ้น!? มึงเมนส์มางั้นเหรอไอ้เตี้ย!? จริงอ่ะ!! มันทิ้งกระเป๋าลงบนโต๊ะแล้วนั่งเก้าอี้ขยับตัวมาหาผมอย่างชิดสุดๆ
“มึง...ถ้ากูจะขอลายเซ็นไอ้ฮอยมันตอนนี้ยังทันเปล่าวะ?”
“...”
เชี่ย!!! กูนึกว่าเรื่องห่าอะไรซะอีก!!
“มึงก็ขอมันดูล่ะกัน”
“แล้วทำไมไอ้ฮอยมันรู้จักมึงตอนเด็กๆ ด้วยวะ?”
“ก็ไม่เห็นแปลก กูกับมึงเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กแล้วโว้ย”
“ห๊ะ! เชี่ยพรีสต์ มึงรู้ว่ากูชอบเลิฟมีมึงเลยปิดบังกูไว้งั้นเหรอ มึงชั่วมากไอ้พรีตส์!”
อ้าว กลายเป็นกูชั่วไปซะงั้นวะ!! ผมถอนหายใจแล้วส่ายหน้าไปมา กูก็เพิ่งรู้เมื่อเร็วๆ นี้นี่เอง คนที่ชั่วน่ะไอ้พี่เลิฟมึงต่างหาก!! ไอ้สตางค์มันก็เตรียมอัลบั้มรูปภาพไว้รอท่าไอ้ฮักทันที ป๊าดดด! ไม่คิดว่ามึงจะเตรียมมาพร้อมขนาดนี้เลยวะไอ้สตางค์!
“แล้วทำไมมันต้องปลอมตัวมาเรียนด้วยวะ?”
“กูไม่ใช่ไอ้ฮักมันนะโว้ย รอถามมันเองสิวะ”
คราวนี้ไอ้โจ้มันถามเองครับ กูจะไปรู้ไหม? กูไม่ใช่ไอ้ฮักมัน อยากรู้ก็ต้องรอถามมันเอาเองสิวะ! ผมทิ้งตัวลงบนโต๊ะอีกครั้ง พวกเพื่อนๆ ของผมก็มากันครบแล้ว ไอ้บู๊ลิ้มเดินเข้ามาเจอไอ้สตางค์ที่กอดอัลบั้มรูปของไอ้ฮักอย่างทนุถนอมแล้วมันก็ส่ายหน้าเซ็งๆ เดินไปนั่งกับไอ้แซมข้างหลัง เมื่อสามีแพ้ให้กับดาราในดวงใจ เฮอะๆ!!
“ทำไมฮอยยังไม่มาอีกวะ?”
“กูไม่ใช่เงาไอ้ฮักมันนะโว้ย ถามอยู่นั้นแหละ”
“กูรู้โว้ย! ว่าแต่ทำไมมึงเรียกว่าฮักวะ?”
“อ้าว! ก็ชื่อว่าฮักมาตั้งแต่เด็กแล้วโว้ย”
“ทำไมชื่อฮักวะ ไม่ได้ชื่อฮอยเหรอ?”ไอ้สตางค์มันก็ถามผมด้วยสายตาเป็นประกายปิ๊งๆ หวังว่ามึงจะไม่ได้เอาเรื่องนี้ไปขายให้นักข่าวนะโว้ย มองกูซะสยองเกล้าแบบนั้นน่ะ!
“ถ้าเรียกฮอยมันก็ไปซ้ำกับพี่มันสิวะ”
“ไอ้ฮักมันมีพี่ด้วยเหรอวะ?”
“ก็มีสิ พี่มันชื่อว่าฮอยยิ้ม ส่วยมันชื่อว่าฮอยฮักไง”
“ฮอยยิ้มที่แปลว่ารอยยิ้มเปล่าวะ? แล้วชื่อฮอยฮักมันก็หมายถึงรอยรักสิวะ!”ไอ้โจ้มันเอ่ยอย่างตกใจในความหมายของชื่อไอ้ฮอยฮัก กูก็ว่างั้นแหละแต่ไม่เคยถามมันเรื่องนี้สักที ชื่อติดเรทแปลกๆ นะมึงไอ้ฮัก! ไอ้สตางค์เนี่ยยิ้มเป็นปลื้ม
“รอยรักงั้นเหรอ? ชื่อเก๋สุดๆ อ่ะ”
ตอนที่ยังไม่รู้ว่ามันเป็นเลิฟมีเนี่ยมึงเคยบอกว่าชื่อไอ้ฮักมันแปลกๆ ไม่ใช่หรือไง พอรู้ว่าเป็นเลิฟมีกลายเป็นว่าชื่อมันเก๋ดีงั้นเหรอ? แสดงถึงความแตกต่างในการมองม๊ากมาก!!
“มิน่าถึงใช้ชื่อว่าเลิฟแฮะ”ไอ้แซมเข้ามาแจมในวงสนทนาครับ ไอ้สตางค์มันก็พยักหน้าแล้วมันก็ทำหน้าเหมือนคิดอะไรได้
“เดี๋ยวนะ พี่ของไอ้ฮักมันชื่อว่าฮอยยิ้ม หรือว่า...นายแบบสุดหล่อสไมค์คนนั้นจะเป็น...พี่ชายของไอ้ฮักมันวะ?”
“เออ นั้นแหละพี่มันล่ะ”
“โอ๊ยยยยย~ หล่อน่ากินทั้งพี่ทั้งน้อง!! ครอบครัวนี้จะหน้าตาดีไปไหน!?”
“อะไรนะ ใครน่ากิน?”ไอ้บู๊ลิ้มหันมาหาเรื่องแฟนตัวเองทันที ไอ้สตางค์มันกรี๊ดกร๊าดไม่สนใจคำถามของไอ้บู๊ลิ้มเลยแม้แต่น้อย เมื่อมันเจอดาราในดวงใจมึงก็กลายเป็นหัวเน่าวะไอ้บู๊ ทำใจซะ!!
“เฮ้ย! พรีสต์มีคนมาหาแกแน่ะ”ไอ้วาวหญิงแกร่งอีกนางของสาขาเดินเข้ามาบอกผมก่อนจะเดินไปสมทบกับพวกเพื่อนๆ ผมพยักหน้ารับอย่างงงๆ ใครมาหากูวะ? คงจะไม่ใช่น้องข้าวโพดอีกหรอกนะ? ไม่ล่ะมั้ง น้องข้าวโพดจะมาอะไรตั้งแต่เช้าแบบนี้วะ! ผมลุกขึ้นแล้วเดินไปเปิดประตูเพื่อไปหาแขกที่อุตส่าห์มาหาผมตั้งแต่เช้า พอเดินออกไปก็เจอเข้ากับไอ้หัวขาวๆ ยืนทำหน้ากวนตีนตั้งแต่เช้า
ไอ้วินเซอร์?“ฝากใบลาด้วย”มันยืนซองขาวๆ มาให้กับผม ไอ้ผมก็รับมาอย่างงงๆ แล้วทำไมมึงมาส่งใบลากับกูวะ? กูกับมึงไม่ได้รู้จักใกล้ชิดสนิทขนาดจะเอาใบลามาฝากกันได้นะโว้ย แล้วอีกอย่างกูก็ไม่รู้ด้วยว่ามึงเรียนกับอาจารย์อะไร! ผมทำหน้าเหวอๆ จนไอ้วินเซอร์มันเอ่ยออกมาด้วยอาการสมเพชเวทนา
“ไม่ใช่ของกู ของฮักโว้ย”
“ห๊ะ? ของไอ้ฮักมัน? แล้วทำไมมันลาล่ะวะ?”
เออ! แล้วอีกอย่างทำไมมึงเป็นคนเอาใบลามาให้ด้วย! ปกติไอ้ฮักจะลามันก็โทรมาบอกผมนี่น่าแล้วค่อยส่งใบลาทีหลัง แล้วนี่อะไรวะ? ไอ้วินเซอร์ถ่อสังขารมาส่งใบลาแทนซะงั้น! ไอ้หัวขาวนั้นก็กอดอกทำเอ็กซ์มาดเท่ใส่ ลีลาเหอะมึง! รีบๆ บอกมา กูชักจะรำคาญหัวขาวๆ ของมึงแล้ว!!
“ไม่มีแรงลุก”
“หา? ไอ้ฮักมันเมาตกบันไดเหรอวะ?”
“...เหี้ย มึงโง่หรือเปล่าวะ? กูเอามันยันเช้าเลยไม่มีแรงลุกมาเรียน! โอเคไหม? มึงเข้าใจหรือยัง?”
“...เออ”ไอ้วินเซอร์มันพูดอย่างเหลืออด ผมเนี่ยเป็นฝ่ายอึ้งไปซะงั้น รู้เลยว่าทำไมไอ้วินเซอร์ถึงเป็นคนมาส่งใบลาให้ไอ้ฮัก ฮักเพื่อนเลิฟเมื่อคืนมึงไม่ได้กลับบ้านสินะ มึงไปค้างกับไอ้วินเซอร์สินะ!! ผมมองไอ้วินเซอร์อย่างสงสัยนิดๆ ไอ้ฮักเนี่ยถือว่าถึกพอตัวเลยนะมึงไปทำอย่างไงจนมันไม่มีแรงจะลุกขึ้นมาเรียนวะไอ้วินเซอร์!!?
“ก็ใครบอกให้เพื่อนมึงยั่วกูก่อนล่ะ อย่างไงก็ฝากด้วยล่ะ”
ผมยืนมองไอ้วินเซอร์ที่เดินอาดๆ ไปอย่างวางกล้ามสุดๆ แถมยังส่งยิ้มทักทายสาวๆ กับคนอื่นๆ ที่ทักมันก่อน ไอ้วินเซอร์!!! ไอ้งี่เง่า!! ทำหน้ากะลิ้มกะเลี่ยลับหลังเพื่อนกูงั้นเหรอ กูจะฟ้องไอ้ฮัก คอยดู!!! มึงหล่อมากงั้นเหรอ? ถุย!! คิดว่าไอ้ฮักจะมีแค่มึงได้งั้นเหรอ!!? กูจะหาชู้ให้ไอ้ฮัก คอยดู!!! ผมเดินเข้ามาในห้องด้วยอารมณ์กรุ่น ซวยแต่เช้าที่เจอไอ้เวรหัวขาวนี่!!
“ไอ้พรีสต์~!!!! มึงมาดูข่าวนี่สิวะ!!”
“อะไรวะ?”
“เลิฟมี!! เลิฟมีกับใครก็ไม่รู้กอดแนบชิดกลางสนามบินเลยมึง!!!!?”ไอ้สตางค์ตะโกนเสียงไม่พอใจจัด มือกำหนังสือพิมพ์จะยับไปทั้งเล่มแล้ว ไอ้สตางค์ใจเย็นโว้ย! ดูตอนนี้ไอ้เตี้ยมันดูน่ากลัวไงไม่รู้วะ ผมเดินมาชะโงกดูหนังสือพิมพ์ในมือของไอ้สตางค์แล้วชะงักกึกทันที
นั้นมัน...
ไอ้ฮักกับพี่เฮอร์มิตนี่หว่า!!!(แอบมีผมเบลอๆ ข้างหลังด้วย)
TBC.
เอาครึ่งแรกไปก่อนนนนนน~!!!!! ครึ่งหลังไว้วันพรุ่งนี้(หรือเปล่า?)
อยากจะบอกว่ารายงานยังไม่เสร็จ ฮ่าๆๆๆ
อาทิตย์นี้ทำรายงานส่งสองเล่มแน่ะ โหดสุดๆ อ่ะ~!
พรุ่งนี้ส่งรายงานเล่มสุดท้ายของอาทิตย์นี้ เฮ้อ~
จะมีงานงอกอีกหรือเปล่าน่า ไม่อยากมีเลยอ่ะ ขี้เกียจจจจจ!!! 
ปล.ครึ่งหลังพบกับฟุตบอลกระชับมิตรของวิศวะ~
หนุ่มหล่อวิศวะเหอะๆ~~
