LOVE HIGH STORY – 66 – We Are Love High | ตกอยู่ในสภาวะรักล้นใจ“ต้าร์... ตื่นเร็ว”
“...”
“ต้าร์...”
“...”
“ตื่นเร็วๆ เดี๋ยวไม่ทันนะ”
“...อือ”
“ยังจะมาอืออีก... ไปล้างหน้าเร็วๆ จะสายแล้ว”
“...อืม...ม...ม”
“ไอ้เปี๊ยกกกกกกก ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลย ไปไม่ทันเอ็งจะโดนเตะ”
“...ไปไหน”
“ลุกขึ้นมาเหอะน่า”
“...”
“นี่!! ถ้าคิดจะหันมาค้อนก็หัดลืมตาซะบ้างเหอะ!! เร็วๆ เลย อย่ามัวลีลา รีบไปล้างหน้าเดี๋ยวนี้เลย”
“...”
กีต้าร์ลุกขึ้นยืนตาปรือแล้วถอนหายใจยาวๆ เชิงประชดร่างสูงจอมสั่งก่อนจะลากเท้าเดินเข้าห้องน้ำไป... เซ่อนอนขนาดที่ไร้สติจนลืมตัวไปแล้วว่าตัวเองไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเลยสักชิ้น เดินโป๊เข้าห้องน้ำแบบขี้ตาบังสติซะอย่างนั้น... โบ๊ทเห็นก็ได้แต่แอบขำอยู่ในใจ นึกอยากจะเข้าไปอุ้มมาฟัดให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ต้องอดใจไว้ก่อน เพราะมีภารกิจที่เขาตั้งใจไว้ตั้งแต่ก่อนมาแล้วว่าต้องทำให้สำเร็จ
ผ่านไปเพียงชั่วอึดใจ ไม่ทันเสียงชักโครกจะหยุดดัง ประตูห้องน้ำก็เปิดออกก่อนที่กีต้าร์จะเดินออกมาทั้งๆ ที่ร่างกายยังเปลือยเปล่าอยู่เช่นเดิม... รองน้ำล้างหน้าไปแล้ว แต่กีต้าร์ก็ยังคงตาปรือแบบสุดๆ เรียกได้ว่าน้ำเย็นๆ ไม่ช่วยอะไรเลย... แต่สิ่งที่โบ๊ทพูดก็ทำให้กีต้าร์ต้องตาโตขึ้นมาเฉียบพลัน
“ต้าร์... เดินโป๊แบบนี้คิดจะยั่วกันเหรอ หืมมมมม”
“เฮือก!!!”
ได้ยินเช่นนั้นกีต้าร์ก็สติมาปัญญาเกิด วิ่งพล่านหาเสื้อผ้าที่กระจายอยู่รอบเตียงมาสวมใส่โดยทันที... หน้าแดงแปร๊ด... ส่วนโบ๊ทก็นั่งหัวเราะให้กับท่าทางลนลานของรุ่นน้องร่างเล็ก เลยโดนปาหมอนใส่หน้าไปซะเต็มรัก... แล้วคิดว่าโบ๊ทจะยอมไหมละ... สุดท้ายก็เลยได้กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันไปรอบก่อนได้ฤกษ์ออกจากห้อง... กีต้าร์เลยหายเซ่อนอนไปโดยปริยาย
.
.
โบ๊ทเดินนำกีต้าร์ออกจากโรงแรมทั้งๆ ที่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น... เมื่อครู่นี้เดินผ่านล็อบบี้โรงแรมเห็นนาฬิกาบอกว่าเพิ่งจะหกโมงเท่านั้น...
“ไปไหนเนี่ยคุณโบ๊ท”
“เดินตามมาเหอะน่า เดี๋ยวรู้เอง”
“เสียเวลานอนนะเนี่ย”
“ทนง่วงเอาหน่อยน่า เปี๊ยก... เมื่อคืนไม่ใช่เอ็งที่ไม่ค่อยได้นอนนะ โบ๊ทก็ได้นอนน้อยๆ พอๆ กับเอ็งนั่นแหละ แถมโบ๊ทยังเหนื่อยกว่าด้วยนะ หึหึ”
“...ไอ้!!!”
“ฮ่าๆๆๆๆ เอาน่า โบ๊ทอยากพาไป... ไปกับโบ๊ทนะ” ร่างสูงยื่นหน้ามาพูดใกล้ๆ พร้อมรอยยิ้ม
“...” กีต้าร์ไม่ตอบอะไร คำพูดมันยังจุกปากมาตั้งแต่ประโยคก่อนหน้า เลยได้แต่พยักหน้าส่งๆ ไปอย่างนั้น แต่ก็ยังแอบได้ยินเสียงบ่นงืมงำ จับความได้ว่า “ทำเป็นมาถาม... แม่ง... เอาเข้าจริงก็ไม่เคยเลือกได้หรอก ฮึ่ย!!!”
“อะไรนะ”
“เปล๊า...” กีต้าร์ตอบเสียงสูง เลี่ยงหลบสายตา ตีมึนแล้วออกเดินต่อโดยไม่รอให้ร่างสูงนำ
“เปี๊ยกเดี๋ยว”
“อะไร”
*หมับ*ยังไม่ทันได้คำตอบจากร่างสูง มือเรียวก็โดนมือแกร่งเข้ากุม และเมื่อกีต้าร์หันหน้ามา ก็สบตากับรุ่นพี่ร่างสูงที่กำลังตีสีหน้าเหมือนมีอะไรที่อยากจะพูด... จ้องตากันในความเงียบอยู่อย่างนั้นอยู่สักพักจนกีต้าร์เริ่มใจเต้นแรง จนในที่สุดร่างสูงก็โน้มตัวมากระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงและสีหน้าจริงจังอย่างช้าๆ และชัดๆ ว่า...
“มันไม่ใช่ทางนั้นวะเปี๊ยก”*ตึงงงงงงงงงง*“...ไอ้!!” กีต้าร์กัดฟันสบถจนได้ยืนเสียงฟันกรามขบกันเอี๊ยดอ๊าด แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรก็โดนรุ่นพี่คนสนิทจูงมือออกเดินไปซะก่อน
.
.
สองหนุ่มเดินจูงมือกันผ่านแสงจากหลอดไฟนีออนข้างทางไปเรื่อยๆ จนไปถึงท่าหน้าบ้าน... เห็นชาวเรือกลุ่มใหญ่เพิ่งกลับเข้าฝั่งจากการหาปลาเมื่อคืน... กีต้าร์หยุดยืนดูด้วยความอยากรู้อยากเห็นอยู่สักพักก็โดนโบ๊ทลากออกเดินต่อ
“ไปเหอะต้าร์ เดี๋ยวไปไม่ทัน”
“รีบเหรอ” ร่างเล็กเอ่ยถามแต่น้ำเสียงดูเป็นประโยคกวนประสาทมากกว่า ยิ่งไอ้แววตายียวนกับหน้าเชิดๆ นั่นยิ่งทำให้รู้สึกว่าจริงๆ แล้วไอ้เปี๊ยกไม่ได้ตั้งใจจะถามหรอก... แบบนี้เขาเรียกว่า “กวนตีนโดยไตรตรองไว้ก่อน”
“รีบดิ”
“ถ้ารีบแล้วทำไมไม่เอามอไซค์มา?”
“ก็มันไม่ได้ไกลมากนี่... ก็อากาศมันดี... ก็อยากเดินชิลๆ ด้วยกัน... ก็อยากเดินจับมือกันบ้าง... ก็ขี่มอไซค์แล้วมันถึงเร็วไป” ร่างสูงตอบโดยไม่สนใจใบหน้าและน้ำเสียงเกรียนๆ ของร่างเล็ก
“...” กีต้าร์ได้ยินเช่นนั้นก็เขินจนพูดอะไรไม่ออก เอาแต่ยืนนิ่งเสตาไปที่อื่น พยายามฝืนยิ้ม แต่ก็มีหลุดอมยิ้มเล็กๆ อย่างห้ามไม่อยู่... ตั้งใจจะกวนประสาทเขา แต่เจอเขาพูดให้เขินซะงั้นเลย
“ยังสงสัยอะไรอีกไหม หืม?” โบ๊ทเห็นท่าทางของกีต้าร์ก็อดยิ้มไม่ได้
“จะให้ถามอะไรเยอะแยะล่ะ รีบไม่ใช่เหรอ... งั้นก็รีบไปสิ” กีต้าร์ตอบโดยที่ยังแกล้งเสตามองไปทางอื่น ก่อนจะเบี่ยงตัวเดินนำไป
โบ๊ทยิ้มกว้างแล้วออกเดินตาม ขาเรียวเร่งสปีดให้ทันแล้วคว้ามือเล็กมาจับไว้ ก่อนจะเดินเบียดให้ไหล่ชิดกัน...
.
.
สองหนุ่มเดินชิลกันไปตามทางอีกประมาณ 15 นาทีก็มาถึงหาดแหลมหัวโขดที่อยู่ห่างจากท่าหน้าบ้านไปประมาณหนึ่งกิโลเมตร... เมื่อไปถึงก็เห็นว่าแหลมหัวโขดมีหาดเล็กๆ ที่สวยงามไม่แพ้หาดอื่นๆ ของเกาะล้าน เพียงแต่มีคลื่นแรงและน้ำลึกกว่าหาดอื่นๆ จึงทำให้คนทั่วไปนิยมไปหาดอื่นๆ ของเกาะล้านกันมากกว่า... หาดนี้จึงมีความเป็นส่วนตัวสูงถึงสูงมาก โดยเฉพาะเช้าตรู่แบบนี้
“มาทันเวลาพอดีเลย...” ร่างสูงเอ่ยขึ้นในขณะที่ดวงตาจับจ้องไปยังขอบฟ้าไกล
“ห๊ะ?” กีต้าร์กวาดตามองไปรอบๆ... ไม่ยักกะเห็นอะไรนอกจากน้ำทะเล โขดหิน และหาดทราย...
“มานี่ๆ ไปนั่งตรงโน้นกัน” โบ๊ทไม่สนใจหน้างงๆ ของร่างเล็ก คว้าข้อมือแล้วลากออกเดินมุ่งหน้าไปยังโขดหินเตี้ยๆ ริมคลื่นทะเล... พอไปถึงก็พากันปีนป่ายขึ้นไปนั่งบนโขดหินโดยที่โบ๊ทปีนขึ้นไปก่อนแล้วยื่นมือลงมาให้กีต้าร์เกาะดึงตัวขึ้นตามไปนั่งข้างๆ กัน...
“ที่นั่ง VIP ฮ่าๆๆๆ”
โบ๊ทพูดเล่นตบท้ายพร้อมรอยยิ้มปนขำก่อนจะคว้ามือต้าร์ขึ้นมากุมไว้แล้วนั่งทอดสายตามองไปยังขอบฟ้าที่ตัดกับน้ำทะเล... กีต้าร์พอจะเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้างว่าร่างสูงพาเขามาทำไม ว่าแล้วก็นั่งทอดสายตาไปยังขอบฟ้าแบบรุ่นพี่ร่างสูงบ้าง... เฝ้ารอเวลาที่พระอาทิตย์จะส่องแสงแรกของวันจากขอบฟ้าขอบทะเล... ปล่อยให้ลมทะเลลอยกระทบหน้าเบาๆ ปล่อยใจปล่อยความคิดไปกับสายลมและคลื่นทะเลที่ซัดกระทบโขดหินจนละอองน้ำกระเซ็นใส่เท้า
“สวยดีเนอะ” กีต้าร์เอ่ยขึ้นลอยๆ
“อืม... แต่เดี๋ยวมันจะสวยกว่านี้” โบ๊ทหันมาตอบพร้อมรอยยิ้มอุ่น
“อือ” กีต้าร์พยักหน้ารับก่อนจะเอนหัวไปซบไหล่ของรุ่นพี่ร่างสูง... โบ๊ทเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มกว้าง ความสุขมันมันเพิ่มขึ้นเฉียบพลันจนล้นใจ เลยส่งต่อความสุขไปยังมือของร่างเล็ก... บีบมือเบาๆ อ่อนโยน ถนุถนอม...
สองหนุ่มนั่งซบอิงรอพระอาทิตย์ขึ้นกันอยู่สักพักก็สิ้นสุดการรอคอย... แสงสีส้มค่อยๆ ส่องพ้นขอบฟ้าเป็นริ้วสีส้มแสดไล่เป็นเฉดกลืนไปกับสีฟ้าหม่นของผืนฟ้าที่เพิ่งผ่านพ้นความมืดยามค่ำคืน... พระอาทิตย์ค่อยๆ โผล่พ้นขอบทะเล ส่องแสงเป็นประกายอยู่ในดวงตาของชายหนุ่มทั้งสอง
ในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ พระอาทิตย์ก็ขึ้นเต็มดวง เห็นเป็นดวงไฟสีส้มดวงใหญ่ลอยอยู่เหนือขอบฟ้า...
“ดูเหมือนใกล้เลยเนอะ เหมือนจะไปถึงได้เลยอะ แค่ขอบทะเลนี่เอง” กีต้าร์เอ่ยขึ้นพลางชี้ไปยังพระอาทิตย์ดวงโตตรงหน้า
“ถ้ามันใกล้แค่นั้น โบ๊ทจะพาไปดูใกล้ๆ เลยดีไหม ไม่แค่นั่งดูเฉยๆ ห่างๆ แบบนี้”
“จริงอะ”
“จริงๆ... ถ้าเพื่อคนที่โบ๊ทรักอะ โบ๊ททำให้ได้หมดแหละ”
“...”
.
*ตึกตึก ตึกตึก ตึกตึก ตึกตึก ตึกตึก ตึกตึก ตึกตึก*.
คำพูดเรียบๆ ของโบ๊ททำเอากีต้าร์ใจเต้นแรง ตื่นเต้นจนเผลอบีบมือร่างสูงซะแน่นจนร่างสูงหัวเราะเล็กๆ ในลำคอ
“เขินเหรอต้าร์”
“เปล๊าาาา”
“งั้นไหนเงยหน้ามาให้ดูหน่อยสิ”
“ไม่เอาาาาา”
“ฮ่าๆๆๆๆ... ไหนนนนน เงยหน้าแดงๆ มาให้ดูหน่อย” ว่าแล้วโบ๊ทก็จับคางเรียวของรุ่นน้องร่างเล็กแล้วพยายามเชิดคางให้เงยหน้า แต่กีต้าร์ก็ฝืนไว้พลางส่งเสียงโวยวายเล็กๆ... ร่างสูงเลยโน้มตัวก้มหน้าลงไปดู แต่กีต้าร์ก็มุดหนี... สุดท้ายเลยหลายเป็นลงไปมุดหัวหนุนตักร่างสูงซะงั้น... ดูๆ ไปก็คล้ายๆ กับแมวเกรียนๆ ที่นอนมุดนอนขดอยู่บนตักของเจ้าของ
“เอ้า มุดหน้าแบบนี้แล้วจะเห็นพระอาทิตย์เหรอ หืม”
“ไม่ดูแล้ว”
“ฮ่าๆๆๆๆ... งั้นโบ๊ทก็ไม่ดูแล้วเหมือนกัน”
“อ้าว ทำไมละ”
“ก็โบ๊ทมีไอ้เกรียนที่หน้าแดงยิ่งกว่าพระอาทิตย์อยู่ข้างๆ แล้วไง... ฮ่าๆๆๆๆ”
“ตลกนักนะ *แง่ม!!*”
“โอ้ย!! ไอ้เปี๊ยก กัดขาเลยเหรอ!!! เดี๋ยวปั๊ดกัดหูซะหรอก”
“อย่านะ!!!” ได้ยินคำขู่เช่นนั้น กีต้าร์ก็รีบเอามือมาปิดหูโดยทันที
“ฮ่าๆๆๆ”
“...”
“ต้าร์...”
“หืม??” ร่างเล็กขานรับโดยที่ยังมุดหน้าหนุนตักร่างสูงและมือยังปิดหูไว้ไม่ยอมปล่อย
“เปิดหูก่อนเร็ว จะบอกอะไรให้ฟัง”
“พูดมาเลยก็ได้แบบนี้ก็ได้ยิน”
“ฮ่าๆๆๆ ไม่เอาดิ เปิดหูจะได้ฟังชัดๆ”
“เชื่อก็บ้าแล้ว จะกัดหูผมละสิ”
“โอยยยย ถ้าเป็นหูฉลามก็ว่าไปอย่าง... หูเกรียนอย่างเอ็งกัดไปก็เค็มลิ้นเปล่าๆ ฮ่าๆๆๆๆ”
“เฮอะ!!!” ถึงจะว่างั้น แต่กีต้าร์ก็ยังปิดหูไว้ไม่ยอมปล่อย
“...”
“...”
“...”
“...” กีต้าร์รอฟังว่าโบ๊ทจะพูดอะไร แต่โบ๊ทก็ยังไม่ยอมพูดสักที เลยค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาดูหน้าเจ้าของตักให้แน่ใจก่อนจะค่อยๆ เลื่อนมือออกจากหูของตัวเอง
เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่ารุ่นพี่ร่างสูงคนสนิทกำลังมองเขาด้วยแววตาอบอุ่นพร้อมรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้าหล่อเหลา... ทำเอาใจเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่... จ้องกันอยู่ชั่วอึดใจ ริมฝีปากบางของร่างสูงก็เอื้อนเอ่ยคำที่ทำให้กีต้าร์ตื่นเต้นจนเผลอกลั้นหายใจ
.
.
.
“โบ๊ทรักต้าร์นะ”.
.
.
*ตึกตึก ตึกตึก ตึกตึก ตึกตึก ตึกตึก ตึกตึก ตึกตึก*.
.
“ก่อนหน้านี้ที่ไม่ได้พูดคำนี้ไม่ใช่ว่าไม่คิด... อยากพูดมาตลอด แต่ไม่เคยมั่นใจ ไม่เคยกล้าพูด... ไม่ใช่ไม่มั่นใจในความรู้สึกนะ อันนั้นอะโบ๊ทมั่นใจมาตั้งแต่ที่ขอให้เราคบกันแล้วละ... แต่มันก็พูดยาก ก็เลยบอกตัวเองว่ามันคงไม่เป็นไร มันคงไม่ใช่สิ่งจำเป็น เพราะสิ่งที่เราทำสิ่งที่เรามอบให้กันและกันมันก็ชัดเจนในตัวอยู่แล้ว... แต่ที่พูดในวันนี้ก็เพื่อจะให้ต้าร์ได้มั่นใจในตัวโบ๊ทให้มากขึ้นนะ...”
“...”
“เลิกถามโบ๊ทได้แล้วว่าเบื่อไหม... เลิกคิดมากเรื่องครอบครัวของโบ๊ท... เลิกกังวลกับอนาคตของความสัมพันธ์ของเราสองคน...”
“...”
“โบ๊ทไม่เคยเสียดายเวลาของเราสองคนเลยแม้แต่วินาทีเดียว... โบ๊ทไม่กลัวว่าที่บ้านโบ๊ทจะคิดยังไง ณ ตอนนี้ เพราะโบ๊ทรู้ว่าสักวันมันจะโอเค... แล้วโบ๊ทก็มั่นใจในวันนี้และอนาคตของ [เรา] ว่ามันจะไปได้สวย...”
“...”
“โบ๊ทชอบความรู้สึกที่โบ๊ทมีเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน และความรู้สึกนี้มันก็ทำให้โบ๊ทมั่นใจกับสิ่งที่โบ๊ทคิดและบอกต้าร์ไปในวันนี้”
“...”
“โบ๊ทจริงจังนะต้าร์... ทุกคำ ทุกประโยค”
“...” กีต้าร์นอนนิ่งราวกับโดนคำพูดของโบ๊ทสะกดไว้... ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ ริมฝีปากบางเม้มแน่น... โบ๊ทเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มให้แล้วลูบหัวลูบผมชี้ๆ นั้นเบาๆ
สิ้นคำบอกรักและคำพูดของร่างสูง ทั้งคู่ก็ตกอยู่ในความเงียบ ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาจากปากของกีต้าร์แม้แต่คำเดียว... แต่ถึงกระนั้น บรรยากาศกัลไม่ได้ดูอึดอัดเลยแม้แต่น้อย... กีต้าร์พลิกตัวเข้าหาโบ๊ทแล้วนอนซุกอยู่อย่างนั้นนิ่งๆ ส่วนโบ๊ทก็นั่งลูบหัวคนบนตักไปพลางดูพระอาทิตย์ไปพลางพร้อมรอยยิ้มจางๆ ที่ประดับอยู่บนใบหน้า
“เราไปเดินเล่นกันไหม” ร่างสูงเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าน้ำทะเลยังไม่ขึ้นสูงนัก น่าจะลงไปเดินเล่นบนทรายชื้นๆ นุ่มๆ กันสักหน่อย
“อือ” กีต้าร์พยักหน้าและส่งเสียงรับในลำคอ
ว่าแล้วสองหนุ่มก็พากันปีนลงจากโขดหิน... ร่างสูงถอดรองเท้าแตะหูคีบแล้วก้มลงไปใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางเกี่ยวมาถือไว้ในมือขวา ส่วนมือซ้ายก็ยื่นไปหาร่างเล็กแล้วแบออก... กีต้าร์เห็นก็ถอดร้องเท้ามาถือไว้บ้าง ส่วนมืออีกข้างที่ว่างก็ยื่นมาจับมือของรุ่นพี่ร่างสูงไว้ก่อนจะพากันเดินเลาะไปตามขอบหาดทรายและคลื่นทะเล
สองหนุ่มเดินกันเงียบๆ ไปเรื่อยๆ เดินช้าๆ ให้คลื่นซัดใส่เท้า... กีต้าร์เดินก้มหน้ามาตลอดทาง ไม่ใช่อายที่หน้าแดง ไม่ใช่ว่าเขินที่ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ แต่เป็นเพราะเขากำลังคิดถึงสิ่งที่รุ่นพี่ร่างสูงเพิ่งจะพูดกับเขาอยู่... ไล่ทวนทุกคำ ทุกประโยค
“เป็นไรละเรา ทำไมเงียบไปละ หืม?” โบ๊ทเอ่ยถามขึ้นลอยๆ เมื่อเห็นกว่าคนข้างกายเอาแต่เดินเงียบๆ ไม่พูดไม่จา
“...” เมื่อได้ยินโบ๊ทถาม กีต้าร์ก็เลยหยุดเดินแล้วดึงมือรั้งร่างสูงไว้ให้หยุดเดินเช่นกัน...
“...” โบ๊ทหยุดเดินแล้วหันมามองรุ่นน้องร่างเล็กที่เอาแต่ก้มหน้ามาตั้งแต่บนโขดหินพลางเอียงหัวแล้วส่งสายตาเป็นเชิงถาม
“...” กีต้าร์ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นด้วยใบหน้าที่ดูจริงจัง เห็นได้จากปากที่เม้มเข้าหากันเล็กน้อยกับแววตาที่ฉายแววความตั้งใจอย่างชัดเจน ท่าทางเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง...
“...” โบ๊ทยืนรอฟังเงียบๆ พร้อมรอยยิ้มอบอุ่นบนใบหน้า บีบมือที่จับกันไว้นั้นเบาๆ แทนคำพูดให้กำลังใจ
กีต้าร์หายใจเข้าลึกเฮือกใหญ่ก่อนจะเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังว่า...
“ผมอะ พูดไม่เก่งนักหรอกนะ เรื่องความรักเนี่ย... แสดงออกก็ไม่เก่ง อาจดูเก้ๆ กังๆ ไปบ้าง แต่ผมก็พยายามนะ...”
“...”
“ผมหวานไม่เป็นหรอก... แล้วผมก็อาจดื้อไปบ้าง... แต่ ก็ไม่ใช่ว่าคุณโบ๊ทไม่ดื้อสักหน่อยนี่... ดังนั้น ห้ามเบื่อผมนะ”
“...”
“แล้วก็... ห้ามทิ้งด้วย”
“...”
“...”
“...”
“...จบแล้ว”
“อะไร พูดจบแล้วเหรอ”
“จะให้พูดอะไรอีกละ... จบแล้ว”
“หืมมมมม??? แน่ใจ๊? ลืมพูดอะไรไปรึเปล่า”
“จะให้พูดอะไรละ”
“...” โบ๊ทไม่ตอบ เอาแต่ยืนหรี่ตาใส่ร่างเล็กเป็นเชิงบอกว่า “อย่ามาทำเนียน”
“...” พอเจอร่างสูงไล่ต้อนแบบนี้ กีต้าร์ก็เลยได้แต่หลบตา หันหน้าหนีทำเป็นก้มมองคลื่นมองปูไปเนียนๆ ทั้งๆ ที่ในใจก็รู้ว่าโบ๊ทอยากฟังอะไร ซึ่งก็เป็นสิ่งที่กีต้าร์เองก็อยากพูดออกไป แต่... เขินเกิ๊น!!
“...”
“...”
“ท่าทาง... โบ๊ทจะจริงจังอยู่แค่ฝ่ายเดียวแล้วล่ะมั้ง...” ร่างสูงแกล้งเอ่ยขึ้นลอยๆ ด้วยน้ำเสียงตัดพ้อแล้วปล่อยมือของรุ่นน้องร่างเล็กให้เป็นอิสระก่อนจะเดินไปเตะน้ำทะเลเบาๆ
“...”
“อุตส่าห์พามาบอกรักตอนพระอาทิตย์ขึ้น...” เตะน้ำทะเลเตะทรายไปก็ตัดพ้อไป
“...”
“แค่เอ่ยขึ้นลอยๆ นะ ไม่ได้เจาะจงใคร” ว่าแล้วก็แอบเหล่มายังรุ่นน้องร่างเล็กสักหน่อย
“...”
“อุตส่าห์รอคอยวันนี้ตั้งแต่ก่อนออกจากกรุงเทพ...”
“...”
“แค่พูดกับคลื่นนะ ไม่ได้กระทบใคร”
“...”
“อุตส่าห์ใจกล้าหน้าด้านบอกรักเขาไปตรงๆ แต่จะพูดอะไรให้เราชื่นใจหน่อยก็ไม่...” โบ๊ทแกล้งตัดพ้อไปเรื่อยเปื่อย แต่ประโยคนี้ยังพูดไม่จบกีต้าร์ก็ตัดบทขึ้นมาเสียก่อน
“โอยยยยยย คุณโบ๊ทททททท พอแล้ววววววว แทงผมฉึกฉึกจนเลือดจะไหลหมดตัวแล้วเนี่ย”
“งั้นก็พูดมาสิ”
“...เขินอะ”
“แล้วที่โบ๊ทบอกต้าร์ไปบนโขดหินนั่นคิดว่าโบ๊ทไม่เขินเหรอ”
“ก็นั่นมันคุณโบ๊ทนี่ ผมกับคุณโบ๊ทไม่เหมือนกันสักหน่อย... ผมก็บอกแล้วไงว่าผมพูดไม่เก่งอะ”
“ก็โบ๊ทอยากฟังจากปากของต้าร์นี่นา”
“ทำไมต้องให้พูดด้วยละ ที่ผมทำ ที่ผมยอมมาตลอดเนี่ย มันยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ” พูดไปก็หน้าแดงไป เพราะดันไปนึกถึงช่วงเวลาที่เขา “ยอม” ให้โบ๊ททำอะไรต่อมิอะไร
“แต่โบ๊ทอยากฟัง”
“...”
“...แค่นี้ทำให้โบ๊ทไม่ได้เหรอ”
“ก็ได้ๆ... งั้น... หลับตาก่อนดิ ถ้าคุณโบ๊ทมองมันเขินอะ”
“...” ว่าแล้วร่างสูงก็เดินกลับมายืนอยู่ตรงหน้ากีต้าร์ก่อนจะค่อยๆ หลับตารอฟังสิ่งที่อยากฟังมาตลอด
.
.
.
.
เงียบกริบ... หลับตามาตั้งนาน ได้ยินแต่เสียงคลื่นทะเล
.
.
.
.
เมื่อเห็นว่ากีต้าร์เงียบสนิทไม่พูดสักที โบ๊ทเลยลืมตาขึ้นดู แต่สิ่งที่เห็นคือ... ความว่างเปล่า... ว่าแล้วก็เลยกวาดตาหาไปทั่วหาด เลยเห็นว่าไอ้เจ้าเปี๊ยกมันกำลังค่อยๆ ย่องออกจากหาดไปอย่างเงียบๆ... คิดจะหนี
“ไอ้เปี๊ยก!!!”
“เฮือก!!!”
“หนอยยยยย หลอกให้ยืนหลับตา คิดได้นะเอ็ง!!!”
“ก็มันเขินนี่เฟ้ย!!!”
“กลับมานี่เลยนะ!!”
“ไม่!!” ว่าแล้วก็ออกใส่เกียร์แมวขยับสปีดเฉียบพลัน จากย่องเป็นสับขาหนีตายแบบขั้น max
“ถ้าจับได้นะ ฮืมมมมม!!!”
.
และแล้วบนถนนในยามเช้าอันแสนเงียบสงบของเกาะล้านก็กลายเป็นเช้าที่คึกครื้นด้วยเสียงโวยวายของสองหนุ่มที่วิ่งไล่จับกันโดยมีจุดสตาร์ทอยู่ที่หาดแหลมหัวโขด... อืม มันช่างเป็นเช้าที่สดใสดีจริงๆ เลยนะ
.
.
ไม่มีใครรู้หรอกว่าเขาสองคนจะวิ่งไล่กันไปไกลแค่ไหน แต่ที่อยากให้รู้ไว้คือ... ไม่ว่าพวกเขาจะวิ่งกันไปทางไหน ทางเส้นนั้นจะมีเงาของเขาทั้งสองทอดอยู่คู่กันเสมอ... ถ้าคนหนึ่งหนี อีกคนหนึ่งก็จะเป็นฝ่ายไล่อยู่ไม่ห่าง แต่ไม่ว่าจะใครเป็นฝ่ายวิ่งหนี ใครเป็นฝ่ายวิ่งไล่ ยังไงตอนท้ายทั้งคู่ก็จะกอดคอเดินไปด้วยกันเสมอ... มันเป็นเช่นนั้นตลอดมา และก็จะเป็นเช่นนั้นตลอดไป
...นั่นไง พูดไม่ทันขาดคำ ฮ่าๆๆๆๆ
เอ้า! เอาเหอะ ปล่อยให้เขาวิ่งกันไปสองคนเถอะนะ มันเป็นเรื่องของคนสองคน... ส่วนพวกเราสามสี่ห้าคนมาร้องเพลงกันดีกว่า หยิบอูคูเลเล่ขึ้นมาเล่นด้วยกัน ใครเล่นไม่เป็นก็เขย่าลูกแซ่กกับแทมโบรีนไปละกันนะ... เอ้า 1 2 3!
โอ้ทะเลแสนงาม... ฟ้าสีครามสดใส... มองเห็นเรือใบ... ลอยอยู่ในทะเล
หาดทรายงามเห็นปู... ดูสิดูหมู่ปลา... กุ้งหอยนานา... อยู่ในท้องทะเล
โอ้ทะเลแสนงาม... ฟ้าสีครามสดใส... มองเห็นเรือใบ... ลอยอยู่ในทะเล
หาดทรายงามเห็นปู... ดูสิดูหมู่ปลา... กุ้งหอยนานา... อยู่ในท้องทะเล
โอ้ทะเลแสนงาม... ฟ้าสีครามสดใส... มองเห็นเรือใบ... ลอยอยู่ในทะเล
หาดทรายงามเห็นปู... ดูสิดูหมู่ปลา... กุ้งหอยนานา... อยู่ในท้องทะเล
โอ้ทะเลแสนงาม... ฟ้าสีครามสดใส... มองเห็นเรือใบ... ลอยอยู่ในทะเล
หาดทรายงามเห็นปู... ดูสิดูหมู่ปลา... กุ้งหอยนานา... อยู่ในท้องทะเล
- โปรดติดตามตอนจบ –