LOVE HIGH STORY – 47 – Mine for Real | เป็นของผมอืมมมมมม
ไอ้เปี๊ยกมันน่ารักขึ้น... รึเปล่า
หรือผมคิดไปเอง...
ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ... ไม่หรอกมั้ง ผมว่ามันน่ารักขึ้นจริงๆ นะ...
เมื่อปีที่แล้ว มันไม่ได้น่ารักขนาดนี้
เดือนที่แล้ว มันก็ไม่ได้น่ารักได้เท่านี้
เมื่อวานนี้ มันก็น่ารักไม่เท่าวันนี้
หรือมันน่ารักขึ้นทุกวัน... ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ
สงสัยเป็นเพราะผมมันยาวขึ้นละมั้ง... อืมมมม ไม่รู้แหละ รู้แค่ว่าตอนนี้ผมว่ามันน่ารักจนหน้าหมั่นเขี้ยวเลยละ
น่าหมั่นเขี้ยวจนผมอยากจะจับมันมาฟัดให้หนำใจนักเชียว นี่ถ้าไม่ติดว่ามันหลับอยู่นะ โดนแน่!
จะว่าไป เวลาไอ้เปี๊ยกหลับเนี่ย เปลี่ยนเป็นคนละคนกับตอนตื่นเลยนะ
ตอนหลับ... ดูใสซื่อ ไร้พิษสง อย่างกับลูกแมว
เวลาตื่น... กวนประสาทนักละ แล้วเวลาทำหน้านิ่งๆ ไม่ยิ้มแย้มนะ หน้ามันจะเหมือนพวกต่อต้านสังคม ไม่สนใจใครเลยละครับ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ... แต่ถ้ามันยิ้มนะ โลกนี้ก็ดูสดใสขึ้นทันทีเลยละครับ
จริงๆ แล้วต้าร์มันจะยิ้มอยู่สองแบบ... ยิ้มแป้น กับ อมยิ้ม... ถ้าถามว่าผมให้มันยิ้มแบบไหนมากกว่า ตอบได้เลยว่าชอบเวลามันอมยิ้มครับ... เพราะอะไรนะเหรอ... ก็เพราะว่าเวลาที่มันอมยิ้ม มักจะหมายถึงว่ามันกำลังเขิน และเท่าที่ผมเห็นนะ ก็มีแต่เวลาที่อยู่กับผมนี่แหละ ที่มันอมยิ้ม... มันทำให้ผมรู้สึกว่า มันเป็นสิ่งพิเศษสำหรับผมนะ
นึกๆ แล้วก็ชวนให้นึกถึงตอนเจอกันใหม่ๆ... ใครจะไปคิดว่าผมจะมาตกหลุมรักมันได้แบบนี้ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ (//เขิน)
คิดดูเอานะครับ ตอนเจอกันครั้งแรก มันช่างเป็นอะไรที่ไม่น่าประทับใจเลยสักนิด... มันน่าจะเป็นอุบัติเหตุครั้งที่ตลกที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตผมเลยทีเดียว... ผมยังยืนยันว่าผมไม่ได้ผิดอะไรขนาดนั้นหรอกนะ แต่ไอ้เปี๊ยกมันก็ยังยืนยันว่าผมผิด แถมยังกลั่นแกล้งผมสารพัด จนผมอดไม่ได้ต้องตอบโต้ให้เจ็บๆ แสบๆ กันบ้าง... แล้วที่ยิ่งน่าหมั่นไส้ก็คือไอ้หน้าตายๆ ไม่รู้ร้อนรู้หนาวของมันเวลาแกล้งผมเนี่ยแหละ... คิดดูนะครับ
...ที่โต๊ะหินอ่อนที่ประจำของพวกผม เมื่อก่อนมันเป็นที่ของผม แต่พอพวกไอ้ทีมาเข้าชมรมของไอ้เต็ม ก็เลยกลายเป็นแหล่งรวมตัวสุมหัวของกลุ่มผมกับกลุ่มไอ้เปี๊ยกไปโดยปริยาย... วันไหนที่ผมไปมหาวิทยาลัยช้านะครับ ก็จะเจอไอ้เปี๊ยกนั่งทำหน้ากวนตีนใส่แบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว และที่แสบก็คือมันชอบแกล้งผมแบบเกรียนๆ!! ที่จำขึ้นใจเลยก็คือ...
...มันเอาน้ำจิ้มลูกชิ้นใส่ไว้ที่ปลายหลอดน้ำของผมตอนผมลุกไปเข้าห้องน้ำ!!!...
ไอ้เกรียน!!!
หลังจากนั้นมาผมก็เลยต้องมีตอบโต้บ้าง ตั้งรับแบบเดียวไม่ไหวละครับ จะโดนวางยาหรือเปล่าก็ไม่รู้... หลักๆ ผมก็จะเล่นมันเรื่องส่วนสูงนี่แหละครับ เริ่มจากเรียกมันว่า “ไอ้เปี๊ยก” เนี่ยแหละ กระตุกต่อมปรี๊ดมันได้ดีนักละ... ก็เลยเป็นที่มาของการต่อปากต่อคำกันอย่างที่เห็นนี่แหละครับ ฮ่าๆ...
เถียงกันกัดกันหนักขึ้นเรื่อยๆ เพื่อนๆ ผมมันยังพากันแซวเลยว่า “เห็นไม่ถูกกันแบบนี้ สุดท้ายเดี๋ยวก็ได้กันเองหรอกเว้ย ฮ่าๆๆๆๆ”... จะว่าไป ปากพวกมันก็หมาใช้ได้เลยนะครับ ไม่รู้จะเรียกว่าแช่งหรืออวยพรกันดี... เพราะสุดท้ายผมก็ไปไหนไม่รอด ชีวิตวนเวียนอยู่แต่กับไอ้เปี๊ยก เวลาไม่ได้อยู่ด้วยกันก็พาลคิดหาวิธีไปแกล้งมัน เลยกลายเป็นว่าในหัวมีแต่เรื่องของไอ้เปี๊ยกอยู่ตลอดเวลา รู้ตัวอีกทีก็เนี่ยแหละครับ... รักมันซะงั้น... แต่อย่าถามว่าเมื่อไรนะครับ ผมเองก็ตอบไม่ได้หรอก
ผมยังจำครั้งแรกที่ไอ้เปี๊ยกมันเข้าห้องผม และครั้งแรกที่ผมเข้าห้องมันได้อยู่เลยนะ แต่ก็อย่างว่าแหละ มีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งที่สอง แล้วก็ตามมาด้วยครั้งที่สาม สี่ ห้า... โอ้ยยย ถ้าถึงตอนนี้ก็นับไม่ถ้วนแล้วละครับ เรียกได้ว่านับวันที่แยกกันอยู่ห้องใครห้องมันยังง่ายกว่าเลย ฮ่า ฮ่า
ตอนนั้น... ที่คอนโดไฟดับ เห็นว่าหม้อแปลงระเบิดหรืออะไรสักอย่าง ดับอยู่นานเลยละครับ... พอดีว่าผมหิว แล้วต้มน้ำไว้ทันพอดี เลยได้กินมาม่ารองท้อง แล้วด้วยความที่แอร์มันไม่ทำงาน ผมก็เลยเปิดประตูห้องไว้เพื่อรับลม... ไอ้เปี๊ยกมันก็คงจะหิวอยู่เหมือนกันแหละครับ แต่คงไม่มีอะไรกิน ผมเห็นมันแอบมองตอนผมนั่งกินมาม่า... แล้วอย่างที่บอกไปแหละครับ ว่าไอ้เปี๊ยกเนี่ย เดาไม่ยาก เพราะมันรู้สึกยังไงก็จะแสดงออกมาทางสีหน้าหมดเลย... เวลาหิวนะ หน้ามันจะอ่อนแรงมาก ทำหน้าเหมือนแมวหิว ดูน่าสงสารสุดๆ... และด้วยความสงสาร ผมก็เลยเดินถือชามมาม่าไปกินล่อหน้ามันถึงหน้าห้อง ฮ่า ฮ่า ฮ่า... พอมันมองบ่อยๆ เข้าก็เริ่มกลืนน้ำลาย ผมเลยสงเคราะห์ถามไปว่าจะกินไหม เพราะผมมีมาม่าหลายซอง...
...มันก็ไม่เล่นตัวละครับ เดินฉับๆๆๆๆ เข้าห้องผมไปจัดการเองเสร็จสรรพ ก่อนที่ผมจะทำมันสำลักด้วยการเรียกเก็บเงินค่ามาม่ากับมันเป็นเงิน 20 บาท... ตอนนั้นมันตลกมากเลยละครับ หน้าเหวอทั้งๆ ที่เส้นมาม่ายังคาปาก ฮ่าๆๆๆๆๆ... มันก็ไม่ตอบอะไรผมนะ ตั้งหน้าตั้งตากินๆๆๆๆ กินจนหมดแล้วก็เดินเอาชามไปวางไว้ในอ่างล้างจานแล้วก็ควักแบงก์ยี่สิบออกมาสองใบวางไว้บนโต๊ะอาหารก่อนพูดว่า...
“ให้ 40 เลย”
ว่าแล้วก็เดินไปหยิบมาม่าอีกซองแล้วเดินหน้าบูดกลับห้องไป ฮ่าๆ...
แต่อย่าเพิ่งเข้าใจผิด คิดว่าผมเป็นคนงกอะไรนะ รีดไถกันตั้งห่อละ 20 บาท ผมก็แกล้งมันไปงั้นแหละ อดไม่ได้จริงๆ... สุดท้ายผมก็เอาเงิน 40 บาทของมันไปสอดไว้ใต้ประตูห้องมันคืนนั่นแหละ... แต่รู้อะไรไหมครับ เย็นวันนั้น หน้าห้องผมมีถุงเซเว่นที่ใส่มาม่าต้มยำขนาดบิ๊กแพ็คอยู่ 2 ห่อ พร้อมกระดาษโน๊ตที่เขียนด้วยดินสอว่า “หายกัน!”... ฮ่าๆๆๆ น่ารักไหมละ นี่แหละ ไอ้เปี๊ยกของผม
ส่วนตอนที่ผมเข้าห้องมันเป็นครั้งแรกอะเหรอครับ... เรื่องมันเกิดขึ้นหลังจากวันที่ไฟดับไม่นาน คือ ผมก็ไม่ใช่คนเนื้อหอมอะไรนักหรอกนะ แค่พอมีคนมาให้ได้พูดคุยเป็นสีสันของชีวิตอยู่เรื่อยๆ... แต่มันก็ดันมีคนที่คิดจริงจังกับผมมาก มากจนตามมาหาผมที่คอนโดฯ คงจะคิดรวบหัวรวบหางผมเสียให้ได้ ผมเลยต้องหนีไงละครับ แต่จะไปไหนได้ จะขับรถออกไปข้างนอกก็ต้องผ่านล็อบบี้อยู่ดี... พอคุยถ่วงเวลานานๆ เข้าเธอก็ดันเร่งเร้าจะขึ้นห้องผมซะให้ได้... ผมเลยต้องไปเคาะประตูห้อง 706 เพื่อขอใช้ห้องเป็นหลุมหลบภัยสักหน่อย
แล้วคิดว่าไอ้เปี๊ยกมันจะยอมให้ผมเข้าห้องมันดีๆ ไหมละ... ฮึ!! ไม่มีทางอะ... ผมต้องใช้แรงดันประตูอยู่พักใหญ่ ไอ้เปี๊ยกก็หน้าตายยืนเอาเท้ายันประตูไว้โดยแทบไม่ต้องออกแรงอะไร ท่าทางของมันตอนนั้นทำเอาผมเชื่อสุดใจเลยนะครับ ว่าถ้าในมือมันมีกรรไกรตัดเล็บอยู่ด้วย มันคงจะยืนตัดเล็บไปพร้อมๆ กับเอาเท้ายันประตูไว้ด้วยอะครับ!...
แล้วคนที่ออกแรงดันแทบตายอย่างผม กับคนที่แค่เอาเท้าตั้งขึ้นมายันประตูไว้อย่างไอ้เปี๊ยกเนี่ย คิดว่าใครจะชนะละครับ... แน่นอนว่าไม่ใช่ผม!... สุดท้าย ผมเลยต้องเอาของเข้าแลก บอกมันว่าจะพาไปเลี้ยงไอติมเป็นการตอบแทนมันถึงยอมให้เข้าห้องมันได้แบบฉิวเฉียด เพราะลิฟท์ที่น้องคนนั้นขึ้นมาหาผมเนี่ย มันเปิดออกพอดีกับตอนที่ผมเข้าห้องไอ้เปี๊ยกไป...
แล้วรู้ไหมครับ ว่าผมต้องเจออะไรจากข้อเสนอของตัวเอง!... ผมยังจำได้ วันที่ผมพามันไปเลี้ยงไอติมตามที่สัญญา มันดันเลือกที่จะกินฮาเก้นดาซ! แถมสั่งแบบกะว่าชีวิตนี้จะไม่เข้าร้านนี้อีกแล้วยังไงยังงั้น! ล่อซะกระเป๋าผมกลวงเลยละครับ!!
นี่แหละครับ ความแสบของไอ้เปี๊ยก... คิดๆ แล้วก็รู้สึกว่าเวลามันผ่านไปเร็วมากเลยนะครับ... จากวันนั้นที่หมั่นไส้มันแทบตาย จนถึงวันนี้ที่ผมมานอนกอดมันอยู่แบบนี้... มันก็ตั้งเกือบ 400 วันเลยนะ แต่ทำไมผมถึงได้รู้สึกเหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง... แล้วดูสิ ไอ้เปี๊ยกแสบวันนั้น วันนี้กลับมานอนซุกอกผมอย่างกับลูกแมวเชื่องๆ... หึหึหึ นี่ผมไม่ได้ฝันไปใช่ไหมว่ามันเป็นของผมแล้วจริงๆ.
.
...มีความสุขจังครับ... (//ยิ้ม).
.
“อืมมม”
ใกล้แล้วละครับ คงใกล้ได้เวลาลูกแมวจะตื่นขึ้นมาเป็นแมวเกรียนแล้วละครับ... ผมว่าผมแกล้งหลับดีกว่า ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ.
.
.
ร่างเล็กขยับตัวอยู่ในอ้อมกอดของร่างสูงก่อนจะซุกตัวเข้าหาอ้อมอกแกร่งของร่างสูง... เขานอนแช่อยู่สักพักก็ลืมตาช้าๆ เพื่อปรับรับแสง แล้วค่อยๆ ผละตัวออกจากอ้อมกอดมานอนมองหน้าร่างสูงที่ยังคงนอนหลับตาอยู่ข้างๆ ด้วยแววตาอบอุ่น ดูมีความสุข...
กีต้าร์เลื่อนมือไปวางไว้บนแก้มใสของรุ่นพี่ร่างสูงอย่างเบามือ... กลัวจะตื่น... เขาไล้นิ้วโป้งไปบนแก้มนั้นไปมาซ้ำๆ อย่างอ่อนโยนก่อนจะไล้ต่อไปยังกลีบปากได้รูปที่ประกบจูบเขา... ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนหวนกลับมาฉายซ้ำอยู่ในหัวราวกับภาพยนต์ 4D ระดับ HD ครบทุกรสสัมผัสที่ยังหลงเหลืออยู่ทุกที่ในร่างกาย...
.
.
.
เอ่อ... คือ... สรุปว่าเมื่อคืนนี้ ผมกับไอ้คุณโบ๊ท... เอ่อ... มีอะไรกันแล้วสินะ... ไม่ใช่แค่ฝันซะด้วยสิ เพราะผมยังรู้สึกหน่วงๆ ที่บั้นท้ายอยู่เลย เจ็บโคตรๆ... คิดๆ แล้วก็...
...น่าอายชะมัด...
นี่ยังดีนะ ที่ผมตื่นก่อน... ไม่งั้นผมเองก็คงทำตัวไม่ถูกอะ ไม่รู้ว่าจะสู้หน้าไอ้คุณโบ๊ทไหวไหม
เฮ้ออออออ คิดๆ แล้วก็ไม่รู้จะเสียใจหรือดีใจดี ไม่รู้ว่าต้องรู้สึกยังไงแล้วเนี่ยที่ต้องมาเสียตัวให้ผู้ชายด้วยกัน... ถ้าแม่รู้ แม่จะช็อกไหมเนี่ย ที่ลูกชายเพียงคนเดียวของแม่มามีแฟนเป็นผู้ชายตาตี่ๆ อย่างไอ้คุณโบ๊ทเนี่ย... อืมมมม แต่ไอ้คุณโบ๊ทมันหล่อ แม่คงไม่ว่าหรอก ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ... เฮ้อออออออ
เมื่อวานไอ้เราเองก็ดันปากดี ผมไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรดลใจให้ผมพูดไปแบบนั้น... “แล้วอยากฟลุ๊กไหมละ”... โอยยยยย หาเรื่องให้ตัวเองแท้ๆ... แต่ถ้าทำแบบนี้แล้วมันจะช่วยให้ผมลืมไอ้บาสได้อย่างหมดจด แล้วรับไอ้คุณโบ๊ทเข้ามาได้หมดใจ ผมว่า มันก็คงจะคุ้มอยู่ละมั้ง... ไอ้คุณโบ๊ทจะได้สบายใจด้วย เราจะได้เดินต่อไปด้วยกันอย่างไม่มีข้อกังขาในความรู้สึกของกันและกันอีก
ผมไม่ชอบให้ใครมาระแวงหรือมาจับผิด มันรู้สึกเหมือนไม่มีความไว้ใจให้กัน และผมก็ไม่ชอบความสัมพันธ์ที่ไม่มีความไว้ใจให้กันและกัน เพราะมันจะช่องโหว่ให้ปัญหาต่างๆ เข้ามาบั่นทอนความสัมพันธ์ให้ย่ำแย่ และสุดท้ายก็คงเลิกลากันไป... ถ้าถามว่าผมอยากอยู่กับไอ้คุณโบ๊ทตลอดไปเลยไหม ตอนนี้ผมคงตอบได้เต็มปากว่า “ใช่” แต่ก็นะ วันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้างก็ไม่รู้... ในอนาคต คุณโบ๊ทอาจต้องแต่งงานสร้างครอบครัว หรือผมอาจต้องแต่งงานเหมือนกัน... ไม่รู้สิ
เอาเหอะ อะไรจะเกิดก็ต้องปล่อยให้มันเกิด ถ้ามันอยู่นอกเหนือความควบคุมของผมหรือคุณโบ๊ท... อย่างน้อย วันนี้ผมก็ยังมีไอ้ตาตี่นี่นอนอยู่ข้างๆ... อย่างน้อยผมก็ยังอยู่ในอ้อมกอดของไอ้คุณโบ๊ทละนะ....
.
.
ร่างเล็กนอนจ้องใบหน้าใสของรุ่นพี่ร่างสูงอยู่นิ่งๆ แบบนั้น พลางไล้นิ้วไปบนริมฝีปากเบาๆ พร้อมรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้า แต่แล้ว กีต้าร์ก็ต้องหุบยิ่มเมื่อ...
“รอนานแล้วนะ เมื่อไรจะจูบเนี่ย ลูบอยู่นั่นแหละ” ร่างสูงกล่าวทั้งๆ ที่ยังหลับตาอยู่ ทำเอาร่างเล็กตกใจอยู่ไม่น้อย
.
เพี๊ยะ!!.
“โอ้ยยยยย ไอ้เปี๊ยก!!” โบ๊ทร้องสะดุ้ง ลืมตาตื่นทันทีที่โดนตบเข้าที่แก้ม
“หนอยยยย แกล้งหลับเหรอ... โดนแค่นี้มันยังน้อยไป ไอ้เจ้าเล่ห์! แต่เอ๊ะ... จะแกล้งหลับหรือไม่แกล้งก็คงไม่ต่างกันเท่าไร เพราะตาตี่แบบนี้จะหลับหรือตื่นก็ไม่ต่างกันหรอก!” กีต้าร์โวยวายใส่
“ปากดีแรงดีแบบนี้เนี่ย เก็บเอาไว้ครางเอาไว้ดิ้นดีกว่าไหมจ๊ะ” โบ๊ทพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์พร้อมส่งสายตาหื่นไปยังร่างเล็กที่ดีดตัวลุกขึ้นมานั่งชี้หน้าเขาอยู่ข้างๆ
“อ๊ากกกกกก ไอ้ลิง ไอ้หื่น ไอ้หน้าด้าน!!!”
“โอ้ยๆๆๆๆ ด่าแฟนแบบนี้ไม่ดีนะ... ตัวเล็ก...”
“ฮึ่ยยยยย ขนลุก มาตัวลงตัวเล็กอะไรอีกละ!”
“ตัวเล็กกกกกกก”
“อ๊ากกกกกก หยุดเลยนะ ห้ามเรียกแบบนั้น!!”
“ทำจะเรียกไม่ได้ หืออออ”
“ก็... ก็... ก็ผมนะ... ได้คุณโบ๊ทแล้ว... เพราะฉะนั้น คุณโบ๊ทต้องเชื่อฟัง เข้าใจไหม”
“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่าๆๆๆๆ... อะไรนะ ใครได้ใครนะ... ท่าทางเอ็งจะลืมไปแล้วละมั้ง เลยสับสน เอาเป็นว่า เดี๋ยวโบ๊ททวนความจำให้อีกรอบละกันนะ มามะ” ว่าแล้วก็โอบเข้าที่เอวบางหมับแล้วดึงรั้งเข้าหาตัว
“เฮ้ยยยย ปล่อยนะเว้ย ไม่เอาแล้ว ไม่เอา!!!” โวยวายไปก็พยายามแกะมือของโบ๊ทออกจากตัว
“ทำไมละ มามะ มาหาเฮียเร็ว ตัวเล็กกกก”
“โอยยยย ไม่เอาแล้ว... โอ้ยยยย ยังเจ็บอยู่นะเว้ย เบาๆ หน่อยดิ” ร่างเล็กเจ็บแปลบที่บั้นท้ายเมื่อขยับตัวแล้วมันกระเทือน
“...เจ็บเหรอ... ไหน มันเป็นยังไง” ร่างสูงได้ยินแบบนั้นก็ผ่อนแรงแล้วกอดร่างเล้กไว้นิ่งๆ แบบนั้น พลางส่งแววตาห่วงใยไปสบตา
“ก็เจ็บดิ... แม่ง...”
“ไหน บอกโบ๊ทสิ ว่ามันเป็นยังไง”
“ก็... ระบบไปหมดทั้งสะโพกเลยอะ... แล้ว... รู้สึกเหมือนมีอะไรคาอยู่ข้างในอะ...” ร่างเล็กกล่าวไปก็หน้าแดงไป ไม่กล้าสบตาร่างสูง...
“เหมือนมีอะไรคาอยู่งั้นเหรอ... อืมมมม” โบ๊ททำท่าคิดก่อนจะเปิดผ้าห่มแล้วก้มมองของตัวเอง...
“ทำไรอะ”
“อืมมมมม ของโบ๊ทก็ยังอยู่ที่เดิมนะ ไม่ได้คาอยู่... โอ้ยยย...”
“นี่! ยังจะเล่นอีกนะ”
“ฮ่าๆๆๆๆ”
“เจ็บจริงๆ นะเนี่ย ไม่ได้พูดเล่น... แม่ง รู้งี้ไม่ยอมดีกว่า ว้อยยยยยย”
“โอ๋ๆๆๆๆ... ไม่ต้องห่วงน่า โบ๊ทศึกษามาแล้ว... ถ้าไม่มีเลือด ไม่มีแผลก็ไม่น่ากลัวอะไรหรอกน่า... พักผ่อนเยอะๆ ก็หายแล้ว หรือถ้ามีแผลก็ต้องกินยา”
“อือ”
“ไม่ต้องคิดมากน่า มีอะไรเดี๋ยวโบ๊ทดูแลเองนะ... มานี่มา” ร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นพลางดึงร่างเล็กให้ลงไปนอนในอ้อมกอด
“เลี่ยนวะ”
“ฮ่าๆๆๆ”
“...”
“ต้าร์...”
“หืม”
.
“เราเป็นแฟนกันแล้วนะ”.
“รู้แล้วน่า”
“ต้าร์เป็นของโบ๊ทแล้วนะ ห้ามดื้อแล้วนะ เข้าใจไหม”
“ตลกละ ก็บอกแล้วไงว่าผมได้คุณโบ๊ทแล้ว เพราะฉะนั้น คุณโบ๊ทนั่นแหละ ที่เป็นของผม... ห้ามดื้อ ห้ามใช้กำลัง เข้าใจไหม”
“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ เอ็งนี่นะ”
“คุณโบ๊ท...”
“ครับ”
“ฮึ่ยยยย พูดเพราะทำไมเนี่ย ขนลุก!”
“เอ้า พูดเพราะกับแฟนตัวเอง จะเป็นไรไปละ หืม”
“ไม่เอาอะ พูดเหมือนเดิมดิ... ไม่เห็นต้องเปลี่ยนแปลงอะไรสักหน่อยนิ”
“เอางั้นเหรอ... ก็ได้ๆ แต่... ขออย่างดิ”
“อะไรละ”
“เรียกว่า พี่โบ๊ท แทนคำว่า คุณโบ๊ท ได้ไหม”
“ง่า... ไม่เอาอะ”
“ทำไมละ... นะ ต่อไปนี้เรียกโบ๊ทว่า พี่โบ๊ท โอเคป่าว”
“ไม่เอาอะ... มันไม่ชินปากอะ”
“เป็นแฟนกันแล้วนะ จะมาเรียกว่าคุณอยู่อีกเหรอ ห๊ะ”
“ไม่ใช่แค่ คุณ สักหน่อย ต้องเป็น ไอ้คุณโบ๊ท ถึงจะถูก ฮ่ะๆๆๆ”
“เอ็งนี่มัน ไม่น่ารักเอาซะเลยนะ”
“เอ้า... ก็... ใครๆ ก็เรียกคุณโบ๊ทว่า พี่โบ๊ท กันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นน้องคนนั้น น้องคนนี้... พี่โบ๊ทอย่างนั้น พี่โบ๊ทอย่างนี้ พี่โบ๊ทค่ะ พี่โบ๊ทขา พี่โบ๊ทครับ... ฮึ่ยยยย ไม่เอาด้วยหรอก”
“ฮ่ะๆๆๆ ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง... งั้นก็ตามใจ จะเรียกเหมือนเดิมก็ได้ ไม่ซ้ำใครดี”
“ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย...”
“แหม่ๆ ยังปากแข็งเหมือนเดิม... แต่ทำไมเวลาจูบมันถึงได้นุ่มนิ่มนักละ ไม่เห็นแข็งเลย”
“อ๊ากกกกก ไอ้ลิงภูเขา พูดอะไรออกมาเนี่ย”
“ฮ่ะๆๆ เป็นแฟนกันมาตั้งหลายวันแล้วนะ พูดเรื่องแบบนี้กับแฟนตัวเองจะเป็นไรไป”
“หึ!”
“ต้าร์...”
“อะไรอีกละ”
“จริงๆ แล้วโบ๊ทพูดเล่นนะ”
“ห๊ะ? เรื่องไรอะ”
“ที่บอกว่า... เอ็งไม่น่ารักอะ...”
“...บ้า... เสี่ยวอ่ะ”
“หึหึหึ เขินละสิ”
“ไม่ได้เขินสักหน่อย... ปล่อยได้แล้ว จะไปอาบน้ำ”
“รีบไปไหนละ เรียนตั้งบ่าย”
“ไม่รู้แหละ ผมอยากอาบน้ำแล้ว”
“ก็ได้... อาบไหวไหมเนี่ย ให้เข้าไปช่วยไหม”
“ไม่ต้อง!”
“ฮ่ะๆๆๆ ไม่ต้องเขินแล้ว เห็นหมดทุกส่วนแล้ว... มากกว่าแค่เห็นก็ทำมาแล้ว”
“อ๊ากกกกกก หยุดเลยนะ!”
“ฮ่าๆๆๆ”
“หลับตาด้วย จะลุกแล้ว”
ว่าแล้วร่างเล็กก็สั่งให้ร่างสูงหลับตาแล้วลุกเดินไปหยิบกางเกงบ๊อกเซอร์ที่หล่นอยู่ข้างเตียงมาสวมแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปด้วยท่าทางที่ดูก็รู้เลยว่า... คงจะเจ็บก้นจริงๆ อย่างที่ว่าแหละ...
ร่างสูงแกล้งหลับตาตามคำสั่ง แต่ก็ไม่วายแอบหรี่ตามองอยู่ตลอด... กีต้าร์คงไม่อยากให้มาเห็นสภาพร่างกายระบมๆ แบบนี้แน่ๆ ถึงสั่งให้เขาหลับตา... เห็นท่าทางของร่างเล็กที่เดินอย่างลำบากแล้วก็นึกสงสารและรู้สึกผิดอยู่ลึกๆ... แต่ถ้าถามว่าย้อนเวลากลับไปแล้วจะเปลี่ยนใจไม่ทำหรือเปล่า... คำตอบคือ “ไม่เปลี่ยนใจ ยังไงก็จะทำอยู่ดี”...
เมื่อร่างเล็กเดินเข้าห้องน้ำไป เขาก็ตรงไปยังฟักบัวก่อนจะเปิดน้ำให้ไหลรดหัวผ่านตัวให้ไหลลงท่อไป... ร่างเล็กกลั้นหายใจก่อนจะค่อยๆ ปล่อยของเหลวสีขาวปนแดงออกจากบั้นท้ายให้ไหลตามน้ำลงไปตามซอกขาและลงท่อระบายน้ำไป... สีหน้าเจ็บปวดแต่ก็เม้มปากแน่นไม่ให้มีเสียงเล็ดลอดออกมา... ไม่อยากให้ร่างสูงรู้ว่ามันเจ็บขนาดนี้...
ร่างเล็กปรับอุณหภูมิน้ำจากเย็นไปเป็นอุ่นจัดด้วยหวังว่าน้ำอุ่นๆ จะช่วยบรรเทาอะไรได้บ้าง... ไอน้ำฟุ้งไปทั่วห้องน้ำจนเกิดเป็นไอขึ้นบนกระจก เกิดเป็นข้อความเขียนเอาไว้ว่า...
“โปรดติดตามตอนต่อไป”-------------------------------------------------
[Bonus หลังไมค์]
ตอนเช้า ร่างสูงตื่นขึ้นมาก็พบว่าร่างเล็กยังนอนหายใจเข้าออกเป็นจังหวะสม่ำเสมออยู่ในอ้อมกอดของเขา นั่นก็แปลได้ว่าร่างเล็กยังหลับสนิท... เขานอนจ้องหน้าใสอยู่แบบนั้นก่อนจะนึกภูมิใจกับเหตุการณ์เมื่อคืน... ต้าร์เป็นของเขาแล้ว... และต้าร์ก็เต็มใจซะด้วย... มีความสุข
ว่าแล้วก็นึกอะไรขึ้นได้... เมื่อวานนี้ ต้าร์เขียนโพสอิทมาติดหน้าผากเขา... น่ารักจริงๆ... เช้านี้เขาเลยอยากทำบ้าง... ว่าแล้วก็ลุกออกจากเตียงเบาๆ แล้วไปหยิบกระดาษโพสอิทบนโต๊ะทำงานมาเขียนยิกๆ ก่อนจะกลับมาที่เตียงแล้วแปะไปบนหน้าผากของต้าร์...
เมื่อแปะได้ตามที่ต้องการแล้ว ก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปเก็บเอาไว้
.
~แชะ~
.
ภาพบนหน้าจอเป็นรูปของกีต้าร์ที่กำลังหลับอย่างกับลูกแมวโดยมีกระดาษโพสอิทสีเหลืองแปะอยู่บนหน้าผากพร้อมตัวหนังสือที่เขียนด้วยลายมือของร่างสูงว่า
.
“ของผม”
.
เมื่อถ่ายเสร็จก็นั่งพิจารณารูปอยู่พร้อมรอยยิ้มอยู่สักพักก็ปิดหน้าจอโทรศัพท์แล้ววางไว้ที่เดิม ก่อนจะทิ้งตัวลงนอน รอให้ต้าร์ตื่นขึ้นมาเจอกระดาษบนหน้าผาก... คงจะโวยวายแก้เขินอีกตามเคยสินะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ...
นอนรอนิ่งๆ อยู่อีกสักพักใหญ่ๆ ก็ทนไม่ไหว ท่าทางจะยังไม่ตื่นง่ายๆ... ว่าแล้วก็เลยตัดใจ เอากระดาษโพสอิทใบนั้นออก เพราะมันบังหน้าใส ทำให้เขามองหน้าต้าร์ไม่ได้แบบเต็มๆ... นอนจ้องอยู่อย่างนั้นก็ทำให้คิดได้ว่า...อืมมมมมม
ไอ้เปี๊ยกมันน่ารักขึ้น... รึเปล่า
หรือผมคิดไปเอง...
...-------------------------------------------------
ทั้งสองภาพนี้เป็นฝีมือของคุณ - คราส - ชนกลุ่มน้อยคนหนึ่งของเรานั่นเอง เธอส่งภาพมาให้พร้อมคำอธิบายว่า
"ปกติเวลาอ่านไม่ค่อยจิ้นต้าร์ตัวโตเท่าไร เห็นต้าร์กับโบ๊ทเป็น SD"ผมเห็นภาพแล้วก็ปลาบปลื้มมากถึงขีดสุด เพราะนี่เป็นภาพวาดภาพแรกที่มีชนกลุ่มน้อยวาดให้
(ได้รับ 21 สิงหาคม 2555)
จริงๆ แล้วอยากวาดเองเหมือนกันนะ แต่วาดไม่เป็นอะ ฮ่าๆๆๆๆ ถ้าวาดได้คงมีภาพประกอบมาให้ชนกลุ่มน้อยดูกันทุกบทแล้วละ พอคุณ - คราส - วาดมาให้ มันเหมือนฝันเป็นจริง
ต้องของบอกว่าชอบมาก สวยมากครับ ภาพที่มีไอ้เจ้าโบ๊ทอยู่ด้วยก็น่ารัก นึกถึงในหนังสือการ์ตูนที่มักจะมีหน้าคั่นเป็นการ์ตูนน่ารักๆ กวนๆ แบบนี้