.
.
.
ในห้อง 706 ปาร์ตี้เล็กๆ ของกลุ่มชายหนุ่มเริ่มกันตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ตกลับขอบฟ้า โดยมีอาหาร เบียร์ และไพ่เป็นส่วนประกอบสำคัญ... คอมพิวเตอร์โน๊ตบุคของต้าร์ถูกยกมาเป็นเครื่องเสียงเปิดเพลงคลอโดยต่อกับลำโพงของโบ๊ทเพื่อเพิ่มพลังเสียงให้ดังพอ ไม่งั้นก็จะโดนเสียงของหนุ่มๆ กลบกันไปหมด...
ว่าแต่ ทำไมต้องมาสุมหัวกันที่ห้องของต้าร์... ไอ้เจ้าของห้องก็ปล่อยให้ทุกคนเข้ามาแบบงงๆ ไม่ทันได้คิดอะไร พอเอ่ยถามไป ก็ได้คำตอบที่ชวนให้รู้สึกเสียใจที่นึกสงสัยขึ้นมาทันทีว่า...
.
“ก็ปกติ งานแต่งเขาต้องไปจัดที่บ้านเจ้าสาวนะ”
.
โถ ไอ้เต็ม เอ็งนี่นะ ใส่ใจในรายละเอียดเสียจริงจริ๊ง!!!... ไม่รู้ว่ามันคิดแบบนั้นจริงๆ หรือแค่แซวรุ่นน้องตัวแสบที่ช่วงนี้แสบไม่ค่อยออกเพราะความรักมันจุกปากกันแน่ แต่ที่พอจะเห็นว่าเป็นเหตุผลหลักๆ อย่างหนึ่งก็คือ ห้องของต้าร์มีจานชามช้อนส้อม ขนม เครื่องดื่ม และสารพัดของกินอยู่ค่อนข้างครบถ้วน เลยทำให้ห้อง 706 มีความพร้อมที่จะเป็นเจ้าภาพรับรองแขกได้มากกว่าห้อง 707 นั่นเอง
มื้ออาหารดำเนินไปอย่างวุ่นวาย... จะเป็นไปด้วยความเรียบร้อยก็คงจะแปลกไปสักหน่อยกับชายโฉดทั้งเจ็ดคนนี้... ทั้งโหวกเหวก โวยวาย โยนอาหาร แย่งอาหาร บ่น กร่นด่า สบถ อุทาน และสารพัดสัตว์ที่ปล่อยกันออกมาเพ่นพ่านไปทั่ว... นี่ขนาดยังไม่เปิดเหล้ากันเลยนะ... เฮ้อออออ... ไอ้เจ้าต้าร์ก็เลยกลายเป็นคนที่ต้องปวดหัวมากที่สุด เพราะจริงๆ แล้วต้าร์มันเป็นคนที่รักษาความสะอาดของห้อง จัดห้องเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่พอไอ้พวกชายโฉดเหล่านี้เหยียบพื้นห้องเข้ามา เงามืดแห่งความฉิบหายก็เข้าครองพื้นที่ห้องเลยทันที...
แล้วไอ้คนขี้บ่นขี้โวยวายอย่างไอ้เจ้าเปี๊ยกเนี่ย มีหรือที่จะไม่โวย... เรียกได้ว่ากินข้าวไม่เป็นสุขก็แล้วกัน ต้องคอยออกปากปรามคนนั้น ห้ามคนนี้ ด่าไอ้ที โบกไอ้โจ อยู่ตลอดเวลา... สาเหตุหลักๆ ก็คือว่าไอ้พวกเกรียนนี่มันโยนอาหารแกล้งกัน จนโต๊ะรับแขกที่แปลงกายเป็นโต๊ะกับข้าวเลอะไปด้วยเศษอาหารอย่าง หัวหอม กระเทียม ผักสารพัดชนิด และเม็ดข้าว... เมื่อมื้ออาหารผ่านไป เจ้าของห้องสุดเนี๊ยบก็เลยต้องใช้กำลังภายใน บังคับขู่เข็ญให้ทีและโจช่วยกันเช็ดโต๊ะและทำความสะอาดพื้นรอบโต๊ะให้สะอาดเหมือนเดิม...
มื้ออาหารจบไป... เวลาของวงเหล้าและสำรับไพ่ก็มาถึง... เบียร์กระป๋องถูกแจกจ่ายออกไปให้ครบทุกคน... ไพ่พร้อม เบียร์พร้อม ว่าแล้วก็ไม่รอช้า เปิดการแสดงรำพัดกันด้วย “สลาฟ”... แต่คน 7 คนมันมากไปสำหรับการเล่นสลาฟ ดังนั้น คู่รักป้ายแดงจึงถูกจับคู่ให้เล่นคู่กันไปโดยปริยาย
“พวกมึงจะได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันไง ฮ่าๆๆๆ” เต็มตัวตั้งตัวตีจับคู่ต้าร์โบ๊ทเขาว่างั้นเมื่อต้าร์ถามถึงเหตุผลที่ยังคับให้เขาเล่นโดยจับคู่กับโบ๊ท
“แต่.. พี่เต็ม ถ้าไอ้ต้าร์กับพี่โบ๊ทเล่นด้วยกันแล้วชนะ ก็เป็น King ทั้งคู่... แบบนี้ก็ไม่มันส์ดิพี่” ทีเสริมด้วยมุขชวนฟ้าผ่าโดยเน้นคำว่า king อย่างจงใจ
“เออวะ แล้วถ้าแม่งได้เป็น Queen กันทั้งคู่นี่ยิ่งแย่เลยนะเว้ยยยยย กร๊ากกกกกก” ว่านเอ้ย เห็นไม่ค่อยพูดนะ แต่พูดออกมาทีก็เรียกเสียงฮาจากเพื่อนๆ ได้ไม่น้อย หัวเราะกันอร่อยกันเลย... เว้นไว้ก็แต่คนที่โดนแซวทั้งสองคนที่เหงื่อตกกับมุขเหี้ยๆ ของเพื่อนตัวดี
.
.
วงไพ่เล่นกันไปด้วยความครื้นเครง ยิ่งมีเบียร์ด้วยแล้ว ยิ่งรั่วกันได้ง่ายๆ ไอ้เวลาที่กรึ่มๆ กันเนี่ยแหละ เฮฮากันดีนักละ... เล่นกันไปก็แกล้งกันไป โบ๊ทกับต้าร์ก็โดนแซวอยู่ตลอดไม่ลดละ... ยิ่งเวลาที่คอมฯ มันสุ่มไปเจอเพลงรักเข้าทีไร เพื่อนๆ ต่างก็พร้อมใจประสานเสียงร้องแซวโบ๊ทกับต้าร์อย่างสนุกปาก... ทำเอาต้าร์นึกอยากจะลบเพลงให้หมดเครื่องก็วันนี้แหละ!
แต่เมื่อเวลาผ่านไป... เอ้า... โดนแซวทีก็เขินที เขินทีก็ยกเบียร์ที... ไปๆ มาๆ ก็ยกไปหลายกระป๋อง เลยกลายเป็นว่าไอ้ต้าร์เริ่มจะกรึ่มๆ... พอกรึ่มได้ที่ก็เลยกลายเป็นว่าเฮฮาไปกับคำแซวซะงั้น... มิหนำซ้ำ เพลงไหนดังขึ้นมามันก็แหกปากร้องประสานเสียงไปกับเขาด้วย... ลืมไปรึเปล่าว่าไอ้คำแซวพวกนั้นมันพุ่งเป้าไปที่เอ็งเต็มๆ เลยนะต้าร์!
โบ๊ทเห็นท่าทางของร่างเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ได้แต่เฝ้าดูอยู่อย่างนั้นด้วยรอยยิ้ม... น่ารักจริงๆ... น่ารักเกินไปแล้วนะ... อยากจะดึงเข้ามากอดแล้วหอมสักฟอด แต่ก็ติดที่ว่ามีเพื่อนๆ อยู่กันเต็มห้องขนาดนี้...
.
.
“เอาเว้ยๆ เกมสุดท้าย... ใครเป็นสลาฟ รับผิดชอบล้างจานทั้งหมดเว้ย!!” แบงก์โผลงขึ้นเสียงดังในขณะที่กำลังจะแจกไพ่เป็นรอบสุดท้าย
แต่ไม่รู้เป็นเพราะว่าเป็นรอบสุดท้ายหรือเปล่า จากก่อนหน้านี้ที่ทุกคนดูจะรุมหัวกันรุมแกล้งโบ๊ทกับต้าร์ให้เป็นสลาฟมาตลอด จึงหันมาแกล้งกันเองแบบไม่เลือกหน้าอินทร์หน้าพรหม... และสุดท้าย ก็กลายเป็นคู่ทีและโจที่ตกเป็นสลาฟเพราะโดนคู่ของโบ๊ทและต้าร์ที่ก่อนหน้านี้ตกเป็นสลาฟพลิกเกมจนชนะกลายเป็นคิง คิงคนเดิมอย่างคู่ทีและโจจึงโดนถีบให้ไปเป็นสลาฟอย่างช่วยไม่ได้ และสลาฟ(ทาส)ก็ต้องไปทำหน้าที่ของทาส นั่นก็คือล้างจานนั่นเอง... สมน้ำหน้า หึ!!
.
.
ชายหนุ่มทั้งกลุ่มลุกออกจากวงไพ่แล้วไปตั้งรกราก(?)กันใหม่ที่ระเบียงห้อง... เต็มหยิบอูคูเลเล่ติดมือมาจากรถด้วย เลยได้เอามาเล่นดนตรีแหกปากร้องเพลงกันแบบไม่เกรงใจข้างห้องกันสักนิด... กรึ่มๆ กันแบบนี้ ถึงโดนด่าก็ไม่เครียดแล้วละครับ ฮ่าๆ...
เพลงฮิตเพลงแล้วเพลงเล่าถูกเอามาปู้ยี้ปู้ยำโดยชายทั้งเจ็ดที่นั่งถือกระป๋องเบียร์นั่งซดกันอยู่ริมระเบียง ส่วนใหญ่ก็เป็นเพลงชิลๆ ของวงดังๆ ต่างๆ ทั้ง Tattoo Colour, Scrubb, Singular, ETC อะไรทำนองนี้... ต้าร์และโบ๊ทนั่งติดกันพิงประตูกระจก หันหน้าออกไปนอกระเบียงที่ตอนนี้เป็นท้องฟ้าสีดำ มีแสงสีขาวอ่อนๆ จากดวงจันทร์ส่องให้พอมีความสว่างอยู่บ้าง และได้แสงจากดาวเล็กๆ เต็มท้องฟ้าคอยช่วยดวงจันทร์อีกแรง...
“ไอ้เต็ม...” โบ๊ทเอ่ยเรียกเพื่อนสนิทที่เพิ่งจะเล่นจบไปอีกเพลง
“ว่า?”
“มึงเล่นเพลง [เธอหมุนรอบฉัน ฉันหมุนรอบเธอ] ได้ไหมวะ”
“โอยยย ของกล้วยๆ กูไม่ได้ซ้อมมาก็มั่วได้ ฮ่าๆๆๆ”
“เออ งั้นจัดมาหน่อย กูรีเควส”
“จัดไปลูกพี่!” ว่าแล้วก็เริ่มเกลาขึ้นอินโทรเพลง... โบ๊ทเอนตัวแล้วพิงหัวไปซบไหล่ร่างเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆ โดยไม่สนใจคำแซวโห่ฮิ๊วจากปากเพื่อนๆ
.
http://www.youtube.com/v/LAlZlKzLHGs ดาวนับล้านที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า
จะมีไหมนาที่ลอยอยู่เองเฉยๆ
ไม่ยอมโคจรหมุนไปไหนเลย
ไม่เคย ไม่เห็นเลยสักดวง
ดาวของฉันที่ลอยห่างไกลลิบๆ
แต่ดาวไหนๆ มันก็อยู่ไกลกันทั้งนั้น
ดาวของเธอฉันว่าก็เหมือนกัน
กี่ปีแสงนั้นอย่านับเลย
เมื่อดาวโคจรมาเจอะกัน
ฤดูก็เปลี่ยนผัน การหมุนก็ผันแปร
เมื่อเธอกับฉันมาเจอะกัน ชีวิตก็เปลี่ยนผัน
เปลี่ยนไปจากเดิม เปลี่ยนจังหวะหมุนของหัวใจให้ใกล้กัน
เกิดอาการเธอหมุนรอบฉัน ฉันหมุนรอบเธอ
แต่สองดาวก็ยังหมุนรอบตัวเอง
เธอดึงดูดฉัน ฉันดึงดูดเธอ
และสองดาวยังเปล่งแสงอันงดงามให้แก่กัน
ดาวนับแสนที่มีวงแหวนนับร้อย
ทั้งดาวเคราะห์น้อย ดาวฤกษ์ลอยคว้างๆ
ดาวทุกดวงนั้นย่อมจะแตกต่าง
มีเส้นทางหมุนของตัวเอง.
ชายหนุ่มทั้งกลุ่มเปล่งเสียงร้องกันอย่างครื้นเครง ไม่เว้นแม้แต่กีต้าร์และโบ๊ทที่ร้องไปก็เคาะจังหวะและโยกตัวตามเพลง... มิหนำซ้ำยังแอบชำเลืองกันอยู่เป็นระยะๆ... มีสบตากันบ้าง ยิ้มให้กันบ้าง แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้นความเขินอาย จนต้องผละสายตาออกจากกันอย่างช่วยไม่ได้...
ท่ามกลางแสงสลัวที่ส่องผ่านม่านบางจากในห้องออกมายังระเบียง... กีต้าร์และโบ๊ทนั่งอยู่ข้างกันโดยมีหัวของโบ๊ทพิงอยู่บนไหล่ของกีต้าร์ และมีหัวของกีต้าร์พิงไปบนหัวของโบ๊ทอีกที... มือของทั้งสองกุมกันไว้... ร้องเพลง สนุกสนานไปกับบรรยากาศครื้นเครงกับเพื่อนๆ... ถึงแม้จะไม่พ้นสายตาของใคร ก็ทุกคนก็รู้ดีว่าเวลานี้ ไม่ใช่เวลาจะมาแซวให้เขาเขินกันหรอกนะ... ว่าแล้วก็ปล่อยให้นั่งอิงและกุมมือกันไปแบบนั้น เพลงแล้วเพลงเล่า...
.
.
เวลาผ่านไปจนดึกดื่น กระป๋องเบียร์หลายสิบกระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมด... วงดนตรีเลิกไปแล้ว เหลือไว้แค่โบ๊ทกับต้าร์ที่ยังนั่งพิงกันดูดาวอยู่อย่างนั้น... ทีและโจพากันไปยึดเตียงของเจ้าของห้องไปแล้วเรียบร้อย... ส่วนเต็ม แบงก์และว่าน ก็ไปนอนกองทับๆ กันอยู่บนโซฟา น้ำก็ไม่อาบ ถุงเท้าก็ไม่ถอด สภาพร่อแร่เพราะฤทธิ์น้ำหมักยอดข้าว... อนาถ... ไม่มีแรงกลับบ้านกัน เลยต้องนอนกองๆ กันอยู่ในห้องของต้าร์เนี่ยแหละ...
โบ๊ทกับต้าร์นั่งกันต่ออีกสักพักก็ชวนกันกลับเข้าห้อง เตรียมตัวไปอาบน้ำนอนในห้อง 707... แต่พอเข้ามาถึงห้องก็ต้องเจอสภาพอุบาทๆ ของสามหนุ่มที่นอนก่ายกันเหมือนกองหินโสโครกบนโซฟา... โบ๊ทส่ายหน้าให้กับสภาพของเพื่อนตัวเอง... นี่ถ้าสาวๆ มาเห็น มีหวังโดนเมินกันถ้วนหน้า... ว่าแล้วก็หยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปไว้แบล็กเมล์สักหน่อย...
กีต้าร์เดินผ่านไปขำๆ ไม่ได้สนใจอะไรสักเท่าไร แต่สายตาก็ไปสะดุดเข้ากับสิ่งที่อยู่ในมือของพี่แบงก์... มันคือกรอบรูปที่เขาเก็บลงลิ้นชักโต๊ะข้างโซฟาไปนานแล้ว... สงสัยเมาแล้วรื้อของ เลยไปเจอเข้า... ว่าแล้วก็รีบเดินไปคว้าออกจากมือของแบงก์แล้วเก็บลงลิ้นชักเช่นเดิมก่อนที่โบ๊ทจะเดินมาเห็นเข้า
.
“ผมเข้าไปเอาสายชาร์จแบตก่อนนะ” ต้าร์กล่าวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนจะเดินหายเข้าห้อนอนตัวเองไป ปล่อยให้ร่างสูงยืนรอ...
พอร่างเล็กเดินพ้นประตูไป โบ๊ทก็เดินตรงไปที่โต๊ะข้างโซฟาแล้วเปิดลิ้นชัก... เขาเห็นกรอบรูปวางคว่ำหน้าไว้ท่ามกลางสิ่งของอีกหลายสิ่ง ทั้งสร้อยคอ แหวน แผ่นซีดี พวงกุญแจ... จึงหยิบออกมาพลิกดู... ภาพที่เขาเห็นทำเอาคิ้วขมวด ใจเต้นรัว หายใจไม่ทั่วท้อง... มันเป็นภาพของต้าร์กับชายหนุ่มหน้าตาเหมือนนักบอลทีมชาติญี่ปุ่นที่ชื่อนากาตะเมื่อสมัยหนุ่มๆ สวมชุดบอลเหงื่อโทรมกาย กำลังขี่หลังกีต้าร์ที่หน้าตาดูเหมือนกำลังหัวเราะร่ามีความสุขกันทั้งคู่... ดูท่าทางสนิทกันอยู่ไม่น้อย...
.
ไอ้คนนี้คือใคร...
บาสงั้นเหรอ...
แล้วทำไมรูปนี้ถึงถูกเก็บวางคว่ำหน้าอยู่ในลิ้นชักแบบนี้...
.
เขารับรู้ได้ถึงบรรยากาศความสนิทสนมจากแววตาของต้าร์และผู้ชายอีกคนในรูป... คิดๆ แล้วก็อดคิดอดหึงไม่ได้...
ถึงแม้รูปนี้จะวางพ้นหูพ้นตา วางคว่ำหน้าอยู่ในลิ้นชักที่ต้าร์ไม่เคยเปิด...
แต่ลิ้นชักนั้นก็ไม่ได้ปิดตาย...
แต่ต้าร์ก็ยังเก็บมันไว้...
เพื่ออะไร...
.
.
“เอ่อ... คุณโบ๊ท” เสียงเรียกจากร่างเล็กฟังดูแผ่วเบาแต่ก็สัมผัสได้ถึงความประหม่าและความตกใจในน้ำเสียง... โบ๊ทพ่นลมหายใจเบาๆ ก่อนจะวางกรอบรูปนั้นกลับลงไปที่เดิม
“เสร็จยัง”
“...อืม”
“งั้นไปเหอะ ง่วงแล้ว” ว่าแล้วโบ๊ทก็เดินนำต้าร์ออกจากห้อง 706 ไปไขประตูห้อง 707 แล้วก็เดินเข้าห้องไปด้วยสีหน้าเรียบ
กีต้าร์สัมผัสได้ถึงอารมณ์อึมครึมจากสายตาของโบ๊ท ถึงจะไม่พูดอะไร แต่ก็ดุออกว่าโบ๊ทมีเรื่องไม่สบายใจ และเขาก็คิดว่าเขารู้ว่าอะไรที่ทำให้เป็นแบบนั้น...
กีต้าร์เดินตามโบ๊ทเข้าห้องนอนไปก็เห็นว่าโบ๊ทกำลังเตรียมตัวจะอาบน้ำ... ไม่มีใครพูดอะไร... เอาอีกแล้ว อารมณ์อึดอัดๆ แบบนี้อีกแล้ว...
“คุณโบ๊ท” ต้าร์นั่งลงที่ขอบเตียงแล้วส่งเสียงเรียกโบ๊ทที่เดินไปๆ มาๆ อยู่หน้าตู้เสื้อผ้า เตรียมตัวกำลังจะอาบน้ำ
“...” โบ๊ทหันมาตามเสียงเรียก พยายามทำหน้าให้เป็นปกติมากที่สุด... เขารู้ตัวว่าตอนนี้กำลังอารมณ์ไม่ค่อยดีสักเท่าไร เพราะมีบางอย่างมากวนใจ แต่ก็ไม่อยากไปลงที่ร่างเล็ก เลยได้แต่ฝืนพยายามตีสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด... แต่มีเหรอที่ต้าร์จะดูไม่รู้... ก็อยู่ด้วยกันมาเป็นปีๆ แล้วนี่นะ
“มีอะไรอยากถามผมไหม”
“แล้วเอ็งมีอะไรอยากเล่าไหมละ”
“ก็... ก็มีนะ ถ้าคุณโบ๊ทอยากฟัง”
“...”
“...”
“...เขาเป็นใคร”
“คือ... มัน... มันชื่อบาส... เคยเพื่อนสนิทผมเมื่อก่อนนี้ สนิทมาก... เรารู้จักกันตอน ม. 1 ตอนนั้นมันเพิ่งย้ายโรงเรียนมา... ตอนแรกก็ไม่ได้รู้จักแบบสนิทอะไรหรอก มันเป็นคนหน้าตาย ไม่ค่อยพูด ทำตาขีดไปวันๆ... เอ่อ ไม่ได้ว่ากระทบคุณโบ๊ทนะ”
“เออ รู้น่า!... แล้วไงต่อ”
“ก็... ไม่มีอะไรหรอก... ตอนแรกก็ไม่ได้สนิทอะไรกันมากมาย จนตอน ม. 3 มันย้ายห้องมาอยู่ห้องเดียวกับผม ไอ้ที และไอ้โจ... เราก็เริ่มสนิทกันมากขึ้น เพราะมันชอบมากวนตีนผม เรียกได้ว่าไม่ค่อยพูด แต่พูดมาแต่ละคำผมก็นึกอยากให้มันหุบปากเลยละ...”
“...”
“แล้ว... พอดีมีงานวันวิทยาศาสตร์ แล้วครูประจำชั้นก็บังคับให้พวกผู้ชายเต้นโชว์เป็นตัวแทนห้อง... ผมกับมันได้จับคู่กัน ก็เลยได้ซ้อมกันอยู่บ่อยๆ”
“เอ็งเนี่ยนะ เต้น?”
“ก็ใช่นะสิ อย่ามาดูถูกนะ!”
“อะๆ ต่อๆ เล่ามา ซ้อมเต้นกันแล้วไงต่อ”
“ก็... เริ่มสนิทกันมากขึ้นตั้งแต่ตอนนั้นแหละ... มันเป็นคนบ้าบอลมาก วันๆ เพ้อถึงแต่การเตะบอล แถมยังเก่งอีกด้วย... ต่างกับผมโดยสิ้นเชิงที่หยิบจับกีฬาได้ทุกประเภท แต่ไม่เก่งเลยสักอย่าง... ผมก็เลยรู้สึกว่ามันนี่เท่ชะมัด... แต่ก็ไม่ได้อะไร”
“...”
“แล้วต่อมา พอขึ้นม. 4 ก็ได้อยู่ห้องเดียวกันอีก ก็เลยสนิทกันขึ้นเรื่อยๆ... รู้ตัวอีกทีก็โดนแซวเหมือนที่โดนกับคุณโบ๊ทเนี่ยแหละ... มันก็ไม่เคยปฏิเสธนะ มีแต่ผมที่โวยวายไปเรื่อยตามประสา เลยยิ่งทำให้เพื่อนๆ หลายๆ คนเริ่มเชื่อว่าผมกับมันแอบคบกัน...”
“แล้ว... เอ็งรู้สึกยังไงกับบาส”
“ตอนนั้นผมเองก็ไม่แน่ใจหรอก รู้แค่ว่าอยู่กับมันแล้วสนุกดี ชีวิตมีความสุข... มันกวนตีน แต่ก็ดูแลผมนะ... มันบอกความลับของมันให้ผมฟัง... คอยมาปรึกษาเรื่องครอบครัวของมัน ทั้งๆ ที่มันไม่เคยไปปรึกษาหรือพูดอะไรให้ใครฟัง... มันไว้ใจผม... มันชอบฝากของไว้แล้วไม่เอาคืน อย่างสร้อยรูปพระอาทิตย์ที่ผมเคยใส่เมื่อก่อน ไม่รู้คุณโบ๊ทจะเคยสังเกตเห็นไหม... นั่นก็สร้อยของมัน มันฝากผมให้ใส่ไว้ตอนที่มันแข่งบอลกีฬาสีตอน ม. 5 แล้วก็ไม่เคยเอาคืนกลับไป ผมถามมันมันก็บอกว่าฝากไว้ก่อนตลอดเลย... ยังมีเสื้อแขนยาวของมัน... พวงกุญแจ... ซีดีเพลง... แหวน... แล้วก็อะไรอีกเยอะแยะที่มันฝากผมไว้แล้วไม่ยอมเอาคืนไป... ส่วนหนึ่งก็อยู่ในลิ้นชักเดียวกับรูปนั่นแหละ”
“แล้ว ได้คบกันไหม”
“ไม่... เราเป็นเพื่อนกันจนถึงวันสุดท้ายของ ม. 6 เทอมหนึ่ง... มันบอกเพื่อนทุกคนว่ามันต้องไปเรียนต่อที่สวิส เพราะพ่อต้องย้ายไปที่สาขาของบริษัทที่สวิส... มันบอกทุกคน ยกเว้นผม... ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลย จนสัปดาห์สุดท้ายก่อนมันจะบิน... ผมโกรธมาก เลยไม่ไปส่งมัน... เราไม่เคยบอกลากันแม้แต่คำเดียว...”
“ทีกับโจรู้ไหม”
“เรื่องที่บาสจะไปสวิสนะเหรอ... หึ รู้สิ รู้กันหมด ยกเว้นผมไง... แต่มันบอกว่าบาสขอไว้ว่าไม่ให้บอกผม... ผมก้ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่อยากให้ผมรู้ อย่างน้อยจะได้บอกลากันดีๆ และกลับมาเจอกันใหม่ได้เมื่อมันกลับมา... แต่ก็นะ มันจบไปแล้ว”
“เอ็ง... รักบาสไหม”
“...ตอนแรกคิดว่าไม่... แต่ต่อมาก็รู้สึกได้ว่าคงเป็นแบบนั้น”
“แล้ว...ตอนนี้ละ”
“ฮ่ะๆๆ... ถ้าจะพูดตรงๆ ก็คงปฏิเสธได้ไม่เต็มปากนัก...”
“แล้ว... ถ้าวันหนึ่ง... บาสกลับมา... เอ็งจะกลับไปคบกับบาสไหม”
“ไม่... ไม่กลับไปแล้วละ ผมเดินพ้นจุดนั้นมาไกลเกินจะเดินกลับไป... ผมยังรักมันนะ ผมรู้สึกได้ว่าตัวเองยังรักมันอยู่ เพียงแค่ว่ามันไม่ใช่รักแบบเดิมแล้วละ...”
“ลืมมันไม่ได้เหรอ... ต้าร์”
“คุณโบ๊ท... เวลาที่คุณโบ๊ทมีความทรงจำที่เชื่อมติดกับใครสักคนเป็นเวลานานๆ... คุณโบ๊ทคิดว่าจะสามารถลืมมันได้ไหมละ... ผมพยายามแล้ว ไม่ใช่ไม่พยายาม... พยายามมานานแล้วด้วย รูปกับของๆ มันถึงได้ไปกองอยู่นลิ้นชักนั่นไง... แต่สุดท้ายผมก็ลืมไม่ลงอยู่ดี... มันเหมือนภาพที่จางไปตามเวลา แต่ยังไงเราก็ยังเห็น ยังนึกถึง และจำได้อยู่เสมอ ว่ามันเคยเป็นภาพอะไรมาก่อน...”
“...”
“อย่าคิดมากน่า คุณโบ๊ท... ไอ้เรื่องพวกนั้นมันคืออดีต... จบไปแล้ว... ถึงผมจะยังแบกมันไว้ แต่ก็แบกไว้ด้วยความรู้สึกที่เบาบางกว่าเดิมนะ...”
“...”
เมื่อเห็นว่าร่างสูงยังขมวดคิ้วทำหน้าเครียดอยู่ กีต้าร์เลยลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปหาร่างสูงที่ยืนพิงประตูระเบียงอยู่นิ่งๆ อย่างนั้น... สองมือเรียวค่อยๆ เอื้อมไปคว้ามืออุ่นของร่างสูงมากุมไว้
“ผมอยากให้เรามั่นใจในกันและกันนะคุณโบ๊ท...” คำพูดของต้าร์และมือที่ต้าร์คว้าไปกุมไว้ ทำให้โบ๊ทสบายใจขึ้นได้ จนเกิดเป็นรอยยิ้มบางๆ บนหน้าใส
“... ก็ได้... ไอ้บาสจะเคยเป็นใคร โบ๊ทจะไม่สนละ... ขอแค่ที่ตรงนี้ ในวันนี้ เป็นของโบ๊ทก็พอแล้ว...” ร่างสูงกล่าวพลางจิ้มไปที่อกข้างซ้ายของร่างเล็ก... ทำเอาร่างเล็กยิ้มด้วยความเขินจนหน้าขึ้นสี...
“...เสี่ยววะ”
“เขินเหรอ”
“เปล่าสักหน่อย”
“งั้น... ต้าร์ต้องยืนยันให้โบ๊ทมั่นใจหน่อยแล้วละ”
“หือ?”
“...” ร่างสูงไม่พูดอะไรต่อ แต่เอานิ้วไปจิ้มที่ปากตัวเองพลางโน้มหน้าเข้าหาร่างเล็ก...
กีต้าร์ชั่งใจอยู่ชั่วครู่ก็ตัดสินใจโน้มหน้าเข้าหาริมปากบางคู่นั้นก่อนจะค่อยๆ ประกบสัมผัสอ่อนโยนให้ช้าๆ... ไม่มีการใช้ลิ้น ไม่มีความเร่าร้อน... มีแต่เพียงสัมผัสแผ่วเบาแต่หนักแน่นในความรู้สึก...
แต่แล้ว... อารมณ์ก็ต้องเปลี่ยนโดนเบรกกระทันหันเมื่ออยู่ๆ ร่างสูงก็กล่าวออกมาว่า...
.
“เอ็งนี่มันหน้าอกแบนชะมัด”.
ร่างเล็กหุบยิ้มแล้วปัดมือร่างสูงออกอย่างไร้เยื่อไยก่อนจะพ่นลมออกจมูกแบบหน่ายๆ แล้วเดินหนีออกมา... แต่แล้วก็ถูกร่างสูงฉุดเข้าไปกอดอยู่ในอ้อมอก
“ฮ่าๆๆๆ ล้อเล่นนนนนนนน”
“ว่าแต่คนอื่นเกรียน ดูดิ กำลังซึ้งอยู่ดีๆ หมดมู้ดเลย”
“หมดมู้ดเดี๋ยวโบ๊ทปลุกให้เอง”
“อย่าเลย หยุดเดี๋ยวนี้ ไม่ต้องมาทำเสียงหื่นแบบนั้นเลยนะ”
.
“เอ็งนี่มันน่ารักชะมัด”.
กีต้าร์เขินจนไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี เลยได้แต่เงียบอยู่ในอ้อมกอดแบบนั้น...
“ต้าร์...”
“อะไร”
“ขอจูบหน่อย”
“ก็เพิ่งจูบไปเมื่อกี๊ไง”
“เมื่อกี๊มันจูบอนุบาลอะ... ไม่นับ”
“โอยยยยยยย ไอ้หื่น!!!”
“หึหึหึ”
.
.
ภาพสุดท้ายในห้อง 707 เป็นภาพเงาของชายหนุ่มสองคนยืนจูบและกอดกันอยู่ที่ประตูระเบียง มีเพียงแสงจากดวงจันทร์ที่ส่องเข้ามาผ่านม่านบาง... ในห้องมีเพียงเสียงของลมหายใจของชายหนุ่มทั้งสองที่ต่างก็ช่วงชิงลมหายใจของอีกฝ่าย... แต่ถ้าหากฝังดูดีๆ ก็จะได้ยินเสียงของหัวใจของคนทั้งสองที่ร้องเป็นเสียงเดียวกันว่า...
“โปรดติดตามตอนต่อไป”.
.
.
--------------------------------------------------
[Bonus หลังไมค์]
หลังจากที่มื้ออาหารเริ่มไปได้สักพัก ข้าวที่หุงไว้ก็หมดลงอย่างรวดเร็ว จนทำให้ไม่พอยาไส้ชายโฉดทั้ง 7 ชีวิต... ว่าแล้วทีและโจเลยอาสามลงไปซื้อข้าวเปล่าจากร้านป้าเพ็ญหน้าคอนโดฯ โดยที่ไม่พลาดที่จะลากไอ้ต้าร์ลงไปด้วยกัน...
ป้าเพ็ญ: เอ้า วันนี้กินจะอะไรกัน
ที: มาซื้อข้าวเปล่าอะป้า
ป้าเพ็ญ: อ้าว ซื้อแต่ข้าวเปล่า แล้วมีกับข้าวแล้วเหรอ
โจ: มีแล้วครับ พอดีวันนี้มีปาร์ตี้ที่ห้องไอ้เปี๊ยกอะครับ
ป้าเพ็ญ: เลี้ยงวันเกิดเหรอ
ที: เปล่าครับ เลี้ยงงานแต่... ฮุ๊บ!! (//โดนกีต้าร์พุ่งเข้าชาร์จเอามือปิดปากเอาไว้)
โจ: งานแต่งนะป้า
กีต้าร์: (//ค้อนดังควับ)
ป้าเพ็ญ: งานแต่งรึ?
โจ: ครับของพี่โบ๊ทกับไอ้เปี๊... โอ้ยยยย! (//โดนกีต้าร์กระทืบตีนซะเต็มรัก กระโดดเอามือกุมเท้าโหยงๆ)
ป้าเพ็ญ: ห๊ะ? อะไรนะ?
กีต้าร์: เปล่าครับป้า
ที: อานแอ่งอี่โอ๊ทอับไอ้เอี๊ยกอับอ้า (//พยายามพูดผ่านไรฟันทั้งๆ ที่ยังโดนต้าร์ปิดปากไว้)
กีต้าร์: (//กระซิบใส่หูทีด้วยน้ำเสียงเลือดเย็น) มึงอย่าบังคับให้กูต้องใช่วิชาสะกัดจุดนะมึง!!--------------------------------------------------
FlapJack's Corner:
มาละๆ พลังเต็มเปี่ยม (เพิ่งกินข้าวเสร็จ ฮ่าๆๆๆ) มาตอบเม้นท์ของตอนที่แล้วกันดีกว่า
@Mc_ma "รักษาสุขภาพด้วยนะคะ คนอ่านเป็นห่วง +1+เป็ด เป็นกำลังใจให้คนแต่งเสมอค่ะ" >>
@Kalamall ผมดิ ไปเล่นน้ำมา ดำมากกกกกกก
@imonkey mc เข้ามาอ่านซะดึกเลยนะครับ (เอ๊ะ ตูก็นอนดึกนี่หว่า... เพราะฉะนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสิเออ )
@aishiteru. "คุณโบ๊ทจัดหนักไปหรือป่าว หรือว่าต้าร์มันโวยเกินเหตุ" >> น่าจะเป็นอันหลังมากกว่านะ
@zaabbo "กำลังดูดดื่มกับความหวานอยู่ดีๆ มาเจอโบนัสเข้าไป ฮาแตกกันเลยทีเดียว 5555555" >> ชีวิตมันต้องมีรสชาตินะ
@eaey ฮ่าๆๆๆ ยังไม่ขนาดนั้น ในรถนี่เขาเรียกว่าในร่มหรือนอกร่มละเนี่ย
@BeeRY "กลับบ้านไปเล่นกับแมวซะหนำใจเลย" >> ฟังแล้วแอบเป็นห่วงแมวขึ้นมาตะหงิดๆ
@pim_onelove ฮ่าๆๆๆ เชื่อแล้วว่ารอวันไอ้เปี๊ยกเสียตัวอย่างใจจดใจจ่อจริงๆ
@RGB.__ "อยากมีแฟนเจรงๆ" >> จัดไป!!
@KURATA "อยากได้ที่ชาร์จแบตแบบนี้บ้างอ่ะ" >> แน่ใจนะว่าอยากได้แบบนี้
@sukie_moo "ต้าร์ต้องไปเรียนรู้ไหมเนี่ย" >> ของแบบนี้มันต้องอาศัยประสบการณ์
@ลู่เคอOlive♥ "คุณโบ๊ททำอะไรต้าร์ในรถอะ" >>
@iforgive "ต้าร์ยังเสี่ยวตามโบ๊ทไปอีกคน" >> สงสัยมันเป็นโรคติดต่อ
@namtarn11 "ถ้าไม่อัพให้ฟินบ่อยๆล่ะก็จะตามไปท่วง แล้วถ้ายังไม่ จะจุดไฟเผามันซะเลย หึหึ" >>
@greensnake "อัพเลเวล กระทั่งในรถ ในมหา'ลัยก็ไม่เว้น" >> ยังนะ!!!
@malula "คนเขียนรักษาสุขภาพด้วยน๊า" >>
@Theznux "อยากเป็นทีกับโจ" >> นั่นมันรัก-ยมเลยนะ แน่ใจเหรอว่าอยากเป็น
@yeyong "ไม่คิดว่าต้าร์จะกล้าเหมือนกัน" >> อะไรก็เกิดขึ้นได้ ถ้าเป็นไอ้เปี๊ยกต้าร์
@JingJing "ไอ้เปี๊ยกแย่แน่ แต่ไม่ยักสงสาร โฮะโฮะ" >> ฮ่าๆๆๆๆ ชอบประโยคนี้!
@Dkmine " หน้าไม่ใหม่ไม่เก่า ค้าบบ" >> แปลว่าอ่านมาเรื่อยๆ แต่เพิ่งได้มาพูดคุยกันสินะ... อืม เอาเป็นว่ากอดด้วยละกัน มามะ
@Whatever it is "น่าร้ากกกกกอะ" >> ผมรู้ตัว
@Mulberry "อยากได้ข้อมูลวิธีการชาร์จแบตแบบละเอียดยิบอะค่ะ" >> เอ่อ... มานี่มา เดี๋ยวจะบอกให้
@- คราส - "อ่านแล้วรู้สึกว่าคุณแจ๊คจะสะใจเป็นพิเศษ" >> ผมเองยังหมั่นไส้มันเลยอะ คิดดูเอาเหอะ
เอาละ +1 กันไปทุกคนคร้าบบบบ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ ทุกกำลังใจครับ --------------------------------------------------