“อีกไม่กี่วันพีทก็คงได้กลับไปพักรักษาตัวที่บ้าน ฉันคงไม่ค่อยได้เข้าบริษัทเท่าไร เอกสารอันไหนสำคัญๆก็เอามาให้เซ็นที่บ้าน ส่วนนัดต่างๆก็เลื่อนไปก่อนนะคุณช่อ ใครไม่พอใจก็ยกเลิกไปเลย ใครรอได้ก็รอ ใครไม่รอก็ช่างมัน”
ช่อฟ้าและวินัยพยักหน้ารับคำ อยู่คุยกันอีกเล็กน้อยทั้งสองคนก็ขอตัวออไปเพราะยังมีเรื่องต้องไปจัดการอีกมากมาย ศิขรินทร์เอ่ยขอบคุณเสียงนุ่มในความทุ่มเทของทั้งสองคน เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยวินัยและช่อฟ้าก็ขอตัวออกไปทันที ร่างสูงโปร่งจึงเดินกลับมาอยู่ตำแหน่งเดิมอีกครั้ง ทรุดกายนั่งบนเก้าอี้ข้างเตียงผู้ป่วย ยกมือเกลี่ยไรผมที่ตกลงมาระหน้าผากให้นายช่างใหญ่อย่างรักใคร่ เสียงลมหายใจที่ดังเป็นจังหวะเดียวกันยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าตอนนี้คนบนเตียงหลับลึกเพียงใด
“หายเร็วๆนะครับที่รัก”
*************************************************************
เช้าวันใหม่ของบ้านพิชัยภักดีเริ่มต้นด้วยยินดีเมื่อได้มีโอกาสต้อนรับขบวนขันหมากของบ้านอินทราทิพย์ที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า รอบๆบริเวณบ้านถูกจัดตกแต่งด้วยดอกไม้นานาชนิดส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วบริเวณ รอยยิ้มของแขกที่มาร่วมงานก็ยิ่งทำให้บรรยายแลดูอบอุ่นยิ่งขึ้นไปอีก แขกผู้มีเกียรติที่ถูกรับเชิญมาก็มีตั้งแต่เหล่าเพื่อนสนิทของภัสดา รวมไปถึงช่างฟิตทุกแผนก ที่แห่กันมาอย่างคับคลั่ง เสียงพูดคุยเสียงหัวเราะดังขึ้นเป็นระยะๆ และต้นเสียงหัวเราะก็มาจาก เหล่าลูกหมาสมุนซ้ายขวาของภัสดาที่มีทั้ง ตั้ม ดล แป๊ะยิ้ม ทั้งสามแต่งกายมาร่วมงานด้วยชุดเสื้อผ้าหลากสีสัน ทำเอาดอกไม้ในงานจืดสนิทไปทันที
“สีเสื้อของพวกมึงมันแสบตาจริงๆว่ะ” หลักเขตเอ่ยกับสามหนุ่มสามมุมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เพราะสนิทสนมกันเป็นอย่างดี
“แสบตาเพราะสีเสื้อหรือว่าแสบตากับความหวานของเฮียพีทกับลูกพี่ศิกันแน่ครับ” ไอ้แป๊ะเอ่ยเสียงเบา แม้จะรู้ว่าภัสดาไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ แต่เจ้าที่แรงก็ยังคงแรงอยู่วันยันค่ำ จึงไม่อยากเสี่ยงเท่าไรนักกับการที่ต้องมาโดนฝ่ามือหนักของเฮียพีทประทับลงบนแผ่นหลังหรือศีรษะเข้าอย่างจัง
“กูก็คิดอย่างมึงนั่นแหละแป๊ะ” หลักเขตเอ่ยยิ้มๆ แล้วเหลือบมองเข้าไปด้านใน เห็นคีตาวิ่งวุ่นกลับไปกลับกลับมา ตนจึงเลือกที่จะปลีกตัวออกมาอยู่หน้างาน รอรับขบวนขันหมากของท่านประธานหน้าหล่อดีกว่า
“แน่ใจนะว่ามึงกับกูจะเป็นประตูเงิน” ติยะ ถามหลักเขตอย่างไม่แน่ใจ เพราะเคยไปร่วมงานแต่งที่ใด ก็มักจะเป็นผู้หญิงที่มาทำหน้าที่นี้ แต่งานนี้มาแปลก เพราะเหล่าช่างฟิตและเพื่อนสนิทของฝ่ายนายช่างใหญ่ต่างจับจองประตูเงิน ประตูทอง ประตูประแจ ประตูเหล็ก สารพัดประตู กว่าเจ้าบ่าวจะได้เข้าไปด้านในก็คงเหนื่อยน่าดู
“ยิ่งกว่าแน่ใจ หึหึ” หลักเขตตอบเสียงเรียบ แต่เสียงโห่ร้องของขบวนขันหมากที่ดังมาจากหน้าบ้านก็เรียกความสนใจของแขกฝ่ายภัสดาได้เป็นอย่างดี ประตูมงคลตามแบบฉบับเด็กช่างกางกั้นเส้นทางของเจ้าบ่าวอย่างรู้หน้าที่ ถ้าไม่เอาคืนเฮียพีทวันนี้ ชาตินี้ก็คงหมดโอกาสแล้ว
ขบวนขันหมากของฝ่ายศิขรินทร์ต่างถือต้นไม้มงคลกันมาเต็มขบวน ญาติฝ่ายเจ้าบ่าวมาร่วมงานกันอย่างคับคลั่ง เพื่อนเจ้าบ่าวอย่างกรุง วรยศ เดินหน้าหล่อเคียงข้างเจ้าบ่าวที่ตอนนี้สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเสียแล้ว เพราะถูกผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจับแยกจากกัน โดยให้ภัสดามานอนที่บ้าน ส่วนศิขรินทร์นั้นความจริงต้องนอนที่บ้านของตัวเอง แต่ในเมื่อเมียกลับมานอนบ้าน ตนจึงเลือกที่จะขับรถมาจอดที่หน้าบ้านพิชัยภักดี ถือคติไม่ได้เห็นหน้า ขอแค่ได้เห็นหลังคาก็ยังดี หัวใจมันเลยลอยเข้าไปในบ้านของนายช่างใหญ่ทันที แต่ไม่ว่าจะชะเง้อคอมองหาสักเท่าไรก็ไม่เห็นดวงหน้าหวานที่หัวใจคำนึงหาสักที
“ใจเย็นๆหน่อยไอ้ศิ เดี๋ยวก็ได้เจอคุณพีทแล้ว” กรุงเอ่ยปลอบเพื่อนสนิท เพราะรู้ว่าอาการดังกล่าวของศิขรินทร์มันมีที่มาจากอะไร
ศิขรินทร์ปรายตามองหน้าเพื่อนสนิทแล้วพ่นลมหายใจออกมาเพราะความไม่ได้ดั่งใจ นึกโกรธมารดาอยู่นิดๆที่จัดพิธีในครั้งนี้ขึ้นมา เพราะนอกจากจะทำให้ตนและภัสดาต้องนอนแยกกันแล้ว ยังทำให้หัวใจทุรนทุรายเพราะไม่ได้กอดเมียเป็นอาทิตย์ ยิ่งนึกยิ่งหงุดหงิด แต่เมื่อเดินมามาถึงโถงหน้าบ้านก็เห็นใบหน้าหล่อเข้มของหลักเขตและติยะ แต่เมื่อมองต่ำลงมาก็คลายความสงสัยทันทีว่า ไอ้สองตัวเพื่อนซี้ของภัสดามายืนหน้าหล่อตรงนี้ทำไม
“ตรงนี้เขาเรียกว่าประตูเงิน พันปีครับท่าน ถ้าเจ้าบ่าวไม่เด็ดจริงก็เข้าไปไม่ได้หรอกครับ” หลักเขตเอ่ยกับคุณศิระ บิดาของศิขรินทร์ คุณหญิงวิจิตตราจึงยื่นซองสีแดงให้ติยะและหลักเขตคนละสองซอง
“ผมไม่รับหรอกครับ เพราะมันธรรมดาเกินไป” หลักเขตเอ่ยยิ้มๆ ศิขรินทร์หยักไหล่เล็กน้อยแล้วก้าวออกมายืนอยู่ด้านหน้า
“มึงต้องการอะไร” ร่างสูงเอ่ยถามเสียงเรียบ
“แล้วมึงมาทำอะไรล่ะวันนี้” หลักเขตตอบกลับไปเสียงเรียบเช่นกัน
“มาแต่งเมีย”
“อะไรนะ กูไม่ได้ยิน”
“มาแต่งเมียโว๊ยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!” แขกฝ่ายเหลื่อทั้งสองฝ่ายต่างโห่ร้องออกมาอย่างชอบใจเมื่อได้ยินคำประกาศลั่นของศิขรินทร์
“ไหนล่ะปัจจัย” ศิขรินทร์ดึงซองสีแดงให้ติยะและหลักเขตคนละห้าซอง ส่งยิ้มขอบคุณให้ทั้งสองแล้วเดินผ่านประตูเงินไปอย่างสวยงาม แต่กว่าจะผ่านประตูของเหล่าช่างฟิตก็ทำเอาคุณศิระ และคุณหญิงวิจิตตราแทบจะหมดตัว เพราะแต่ละประตูนั้นถ้าไม่ทุ่มจริงก็ผ่านไม่ได้ แต่ประตูมงคลลำดับสุดท้ายนี่ซิที่ศิขรินทร์หนักใจ เพราะแค่เห็นหน้าของสมุนซ้ายขวาของภัสดาก็รู้ว่าต้องโดนหนักอย่างแน่นอน
“ประตูนี้ชื่อว่า ประตูประแจเบอร์สิบสอง” นั่นประไร แค่ชื่อประตูก็ยังเรียกเสียงหัวเราะจากคนอื่นๆได้เป็นอย่างดี
“ลูกพี่ศิครับ หมดเนื้อหมดตัวหรือยังครับ” ตั้ม เอ่ยถามศิขรินทร์ด้วยน้ำเสียงหยอกเหย้า
“หมดเงินน่ะหมดได้ แต่ถ้าหมดใจรักนายช่างใหญ่ไม่มีทางแน่นอน”
“ฮิ้ววววววววววววววววววว”
“ลูกพี่มาหวานซะขนาดนี้ผมก็ไปไม่เป็นเลย แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ลูกพี่ให้ฉายาที่เฮียตั้งให้ตะโกนบอกรักเข้าไปดังๆเลยนะครับ ถ้าไม่ดังจนหลังคาบ้านสะเทือนผมไม่ให้เข้าไปจริงๆนะครับ”
“เอาจริงเหรอตั้ม” ไม่ใช่ไม่กล้า แต่เพราะฉายาที่ภัสดาตั้งให้ตนนั้นมีน้อยคนนักที่จะได้รับรู้
“เล่นๆก็ได้ครับ ประตูอยู่ทางนั้นครับ กลับได้เลย”
“แกกลัวอะไรล่ะตาศิ มาถึงขนาดนี้แล้ว เดี๋ยวเมียแกรอเก้อนะ” คุณหญิงวิจิตตราเอ่ยเสียงเร้าบุตรชาย เช่นเดียวกับคุณศิระที่ส่งยิ้มเอาใจช่วยบุตรชายอย่างเต็มที่
ศิขรินทร์สูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ แล้วมองเข้าไปในตัวบ้าน เห็นร่างของภัสดาที่แอบมาหลบฟังอยู่ตรงประตูบ้านแล้วอมยิ้มหวานเล็กน้อย เป็นไงเป็นกัน เพื่อเมียสักวัน ทำไมจะทำไม่ได้
“เผือกรักพีทนะครับ!!!!!!! ได้ยินไหมครับ ว่าเผือกรักพีท!!!!!!!!!”
“ฮิ้วววววววววววววววววววววววววววววว ~”
ศิขรินทร์เดินตามหลังบิดาและมารดาเข้ามาในตัวบ้าน กำลังผละไปเดินหาเมียแต่ก็ถูกฝ่ามือหยาบๆของเพื่อนสนิทกระชากเอาไว้ก่อนแต่ยังไม่ทันที่จะเอ่ยทัดทาน ร่างขาวบางของคนที่ใจเพรียกหาก็เข้ามาอยู่กรอบสายตา นายช่างใหญ่อยู่ในชุดสูทสูทสากลสีขาวล้วน ถ้าตาไม่ฝาดไปจริงๆเหมือนจะเห็นปีกสีขาวปลอดกระพรือพรึบพรับอยู่ที่ด้านหลังของอีกฝ่าย ดวงหน้าหวานใสขึ้นสีแดงระเรื่อ ทรงผมยาวประบ่าถูกจัดทรงไว้เป็นอย่างดี กระเป๋าเสื้อสูทมีดอกไม้ช่อเล็กๆปักเอาไว้ ยิ่งมองมากเท่าไรยิ่งไม่อยากถอนสายตามากเท่านั้น
“เก็บอาการหน่อยไอ้ศิ”
“ก็กูคิดถึงเมียกู” คำตอบของเพื่อนสนิททำเอากรุง วรยศ ถึงกับส่ายหัว ศิขรินทร์คงลาตำแหน่งคาสโนว่าหน้าหล่ออย่างเป็นทางการและถาวร เพราะมองดูศิขรินร์คงจะรุ่งเรืองเรื่องเกรงใจเมียอย่างแน่นอน
“อะแฮ่ม! เริ่มพิธีเลยก็แล้วกัน” คุณศิระกระแกมเรียกสติบุตรชาย แล้วหันไปส่งยิ้มให้เจ้าสัวภาสและภรรยา
“ที่ผมมาวันนี้ก็เพื่อจะมาขอหนูพีทให้เจ้าศิ สินสอดก็จัดมาให้อย่างสมน้ำสมเนื้อ เช็คเงินสดร้อยล้านนี่เป็นเงินของเจ้าศิ ส่วนเครื่องเพชรชุดนี้เป็นของคุณหญิง แต่มีอีกอย่างหนึ่งที่ผมยกมาไม่ได้นั่นก็คือ บริษัทอินทราทิพย์กรุ๊ป ที่ในอีกไม่ช้าจะกลายเป็นชื่อของหนูพีท” เหล่าแขกผู้มีเกีรยติทั้งหลายต่างส่งเสียงฮือฮาเมื่อได้ยินมูลค่าอันมหาศาลของสินสอดที่ฝ่ายเจ้าบ่าวหน้าหล่อนำมา
“มันมากไปหรือเปล่าคะ ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้มั้งคะ” คุณหญิงมาศเอ่ยอย่างเกรงอกเกรงใจ
“ไม่มากไปหรอกค่ะ เพื่อให้สมเกียรติสมศักดิ์ศรีของพิชัยภักดี แค่นี้ถือว่ายังน้อยไปด้วยซ้ำ” คุณหญิงวิจิตตรเอ่ยเสียงหวาน พรางมองหน้าของลูกสะใภ้จอมเถื่อน
“ถ้าป๊ากับคุณแม่จะกรุณา ยกพีทให้ผมด้วยเถอะนะครับ”
“มาถามป๊าก็ไมได้หรอกนะ โน่น ต้างถามไอ้พีทโน่น มามันตกลงหรือเปล่า”
“ว่าไงครับที่รัก”
“อะไรว่าไง” นายช่างใหญ่เอ่ยยิ้มๆ แม้จะเขินอายสายตาของศิขรินทร์ก็ตาม
“จะแต่งงงานกับเผือกไหมครับนายช่างใหญ่”
“สวมแหวนซิ มัวรออะไรล่ะ” ศิขรินทร์ยิ้นหวาน คว้าฝ่ามือบางขึ้นมากอบกุมแล้วบรรจงสวมแหวนเพชรเม็ดงามลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของภัสดาอย่างช้าๆ
เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เมื่อเจ้าบ่าวยกฝ่ามือบางของเจ้าสาวขึ้นมาจุมพิต เรียกร้อยยิ้มจากคนรอบข้างได้เป็นอย่างดี ต่อมาภัสดาก็ทำเช่นเดียวกันกับศิขรินทร์อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เมื่อสวมแหวนให้กันและกันเสร็จเรียบร้อย ยังไม่ทันที่ผู้ใหญ่จะเอ่ยอะไรออกมา ศิขรินทร์ก็คว้าร่างโปร่งของภัสดาเข้ามาแล้วประทับริมฝีปากลงบนกรีบปากบางทันที บดเบียดเคล้าคลึงจนพอใจจึงยอมผละออกมา ทั้งที่ใจจริงนั้นไม่อยากปล่อยคนร่างขาวให้ห่างกายเลยแม้แต่วินาทีเดียว
“อะไรกัน ยังไม่มีใครบอกให้เจ้าบ่าวจูบเจ้าสาวเลยนะ” เจ้าสัวภาสเอ่ยแซวบุตรเขยด้วยน้ำเสียงหยอกเหย้า
“ถ้าอย่างนั้นก็ส่งตัวเข้าหอเลยดีกว่า”
“ดีครับ!”
“เผือก~ เก็บอาการบ้างก็ดีนะ เดี๋ยวมึงจะโดนไม่ใช่น้อย!” ภัสดากดเล็บมือลงบนต้นขาแข็งของศิขรินทร์อย่างช้าๆ ใบหน้าขาวเนียนยิ้มสวยแล้วเอ่ยรอดไรฟันให้ได้ยินกันเพียงสองคน
“แต่คืนนี้ก็ไม่รอดอยู่ดีนะครับ”
**************************************************
สองกายประสานเป็นหนึ่งเดียว ทุกท่วงท่าลีลารักที่ขับขานร่วมกันการันตีจากเสียงครวญครางไม่ได้ศัพท์จากร่างข้างใต้ที่บิดเกร็งไปมาอย่างเสียวซ่าน เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังขึ้นมาเป็นระยะๆ กลิ่นคาวของรสรักคอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ เครื่องปรับอากาศทำงานอย่างดีเยี่ยม แต่ลาดไหล่แข็งแรงของคนด้านบนกลับอาบไปด้วยหยาดเหงื่อที่ไหลซึมออกมาจากกิจกรรมที่กำลังขับเคลื่อนอยู่ เตียงขนาดคิงไซส์รองรับสองร่างที่รวมกันเป็นหนึ่งครั้งแล้วครั้งเล่า เสียงหอบกระเส่า เสียงร้องหวีดแหลม เสียงสะอื้นปานขาดใจ ดังปะปนกับเสียงของหน้าขาแข็งแรงกระทบก้อนเนื้อกลมนุ่มหยุ่น เรียวลิ้นร้ายกาจกรีดแผ่นหลังแข็งแกร่งดุจหินผาครั้งแล้วครั้งเล่า เหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางหลัง รอยแดงจากแผ่นหลังกว้างไม่ก็ไม่น้อยหน้าไปกว่ารอยแดงจากการดูดชิมผิวเนื้อของคนข้างใต้ รอยสีกุหลาบกระจายตัวไปทั่วเรือนร่างบอบบาง หลักฐานของความรักที่ทักทอร่วมกัน ฝ่ามือประสานกัน ตาประสานตา กายประสานกาย ใจประสานใจ แลกลมหายใจกรุ่นร้อนซึ่งกันและครั้ง ครั้งแล้วครั้งเล่า ดูดชิมความหอมหวานของโพรงน้ำผึ้งกลางป่าใหญ่อย่างไม่รู้สึกเบื่อหน่าย แม้พายุแห่งรสรักพัดผ่านไป แต่ก็พร้อมที่จะเริ่มใหม่ได้ในทันที
“ไหวไหมครับ อาบน้ำก่อนไหม” ศิขรินทร์เอ่ยคนที่นอนปรือตาอยู่ด้านล่าง นิ้วเรียวแข็งปาดเหงื่อที่พุดขึ้นมาตามไรผมของภัสดาให้อย่างอ่อนโยน ดวงตาคมเข้มทอประกายหวานเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายส่งยิ้มหวานมาให้เช่นกัน
“กูน่ะไหวอยู่แล้ว ว่าแต่มึงน่ะไหวไหม” คนร่างขาวเอ่ยเสียงกระเส่าพร้อมทั้งลูบไล้แผงอกแข็งของศิขรินทร์อย่างยั่วยวน
“พูดอย่างนี้ ระวังจะโดนทั้งคืนนะครับ”
“ไม่กลัว กลัวไม่โดน” นายช่างใหญ่หยักคิ้วลิ่วล้อ แลดูน่ารักน่าใคร่ไปเสียหมด
“ขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้ผมมาเจอคุณ ขอบคุณใครสักคนที่ทำให้ผมขับรถไปชนท้ายรถของคุณ ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างกันมาตลอด ขอบคุณที่ไม่เคยทิ้งกันไปไหน ขอบคุณที่รักและเชื่อใจ ผมสัญญาด้วยชีวิตว่าจะรักคุณคนเดียว ภัสดาของผม”
ร่างสูงยกร่างโปร่งบางขึ้นมาแนบอก ให้แผงอกแข็งของตนเองซับน้ำตาแห่งความดีใจของภัสดา และต่อไปนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ไม่มีอะไรจะมาพรากภัสดาไปจากศิขรินทร์เด็ดขาด
แม้แต่ความตายก็มิอาจขวางกั้น
หนึ่งกาย สองลมหายใจ
หนึ่งหัวใจ สองแรงรัก
หนึ่งเดียว ที่ได้ประจักษ์
คือหนึ่งรักของภัสดาและศิขรินทร์
The End ๐ เดินทางกันมายาวนานเหลือเกินสำหรับนิยายเรื่อง "สะใภ้เถื่อน" อยากจะขอบคุณทุกๆกำลังใจ ทุกๆคอมเม้นท์ที่พิมเข้ามา ขอคุณคอมเม้นที่สม่ำเสมอ ไม่หายไปไหน อยากจะบอกเหลือเกินว่าคุณเป็นกำลังใจที่สำคัญที่ทำให้นิยายเรื่องนี้เดินมาถึงจุดนี้ได้
๐ ส่วนเรื่องเปิดจอง นิยายเรื่องนี้ เดี๋ยวจะเข้ามาแจ้งอีกทีนะคะ เพราะตอนนี้สำนักพิมพ์ยังไม่ระบุวันที่แน่นอน แต่ "สะใภ้เถื่อนได้คิวมาแล้ว
๐ ถ้าใครกลัวพลาดข่าวสารก็เข้าไปได้ที่ >>>
https://www.facebook.com/pages/Chocolate-Love-Fan-Club/255241697823084 เพจของนักเขียนเอกค่ะ อัพเดทตลอด
๐
ตอนพิเศษที่จะมีอยู่ในเล่ม มีทั้งหมดอยู่ 3 คู่นะคะ มี 1. ศิ-พีท 2.กรุง-คีตา 3. หลักเขต+?(เจอกันในเล่ม) แต่จะมีตอนพิเศษที่จะอัพในเล้าด้วย (น้ำจิ้มๆ)
๐ อุดหนุนนักเขียนตาดำๆ คนนี้ด้วยนะคะ
๐ ส่วนนิยายโปรเจคใหม่ก็คือ "ทัณฑ์แค้น แสนรัก" ที่จะมาอัพลงเล้าในลำดับต่อไป อย่าลืมติดตามกันนะค >M<
๐ สุดท้ายจริงๆ อยากบอกว่ารักคนอ่านทู๊กคนเลยยยยยยยยยย จุ๊บบบบบๆ
รักและขอบคุณ
By Chocolate Love ~