บทที่ 44
คนๆเดียวกัน
.
.
.
.
.
.
หลักเขตมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของติยะอย่างสงสัย เพราะตั้งแต่ขึ้นรถมานั้นเพื่อนสนิทของตนเองก็เอาแต่นั่งเงียบไม่พูดไม่จา แต่ลักษณะท่าทางที่เงียบนั้นเหมือนจะไม่ได้มีเรื่องทุกข์ แต่กลับจะคล้ายสุข จนต้องเอ่ยปากถามออกไป
“เป็นอะไรว นั่งเงียบๆ”
“เปล่าว่ะ ไม่มีอะไรหรอก”
“แต่ท่าทางมึงไม่ได้เหมือนอย่างที่ปากบอกเลยนะ”
“หึ!........กูเพิ่งขอนักธุรกิจใหญ่เขาเป็นเพื่อนวะ” ติยะบอกเสียงเรียบ
“ห๊ะ!! มึงไปหลงใหลได้ชอบอะไรกับไอ้ศิวะ” หลักเขตอุทานเสียงหลง เพราะจากที่รู้ๆกันอยู่แล้วว่า ทั้งสองคนนั้นไม่ค่อยจะกินเส้นกันเท่าไร เรียกเอาได้ง่ายๆว่า ถ้าพูดถึงติยะต่อหน้าศิขรินทร์เมื่อไร ฝ่ายนั้นจะนั่งเงียบเชียบปล่อยรังสีอำมหิตออกมาอย่างเดียว
“กูไม่อยากทำให้พีทคิดมาก” ติยะเอ่ยพร้อมทั้งนึกย้อนไปถึงเพื่อนสนิทที่ตนเคยแอบมีใจให้ ผลสุดท้ายพอรู้ตัวก็สายเกินไป
“คิดได้อย่างนั้นก็ดี เพราะพีทก็อยากให้เพื่อนกับแฟนไปกันได้ด้วยดี” หลักเขตพูดเสร็จก็เอื้อมมือไปตบบบ่าของเพื่อนสนิทอย่างปลอบใจ
โชคดี..........ความรักครั้งแรก
.
.
.
.
‘ถ้ายังเล่นตัวอยู่ล่ะก็ ระวังคุณศิหนีไปมีกิ๊ก’ ไอ้คีย์ปากเสีย ลองมันทำดูซิพ่อจะเอาให้ตายกันไปข้างหนึ่งเลย
‘พีท จะมัวรอทำไม เรื่องบนเตียงมันเป็นส่วนหนึ่งของความรักรู้ไหม’ อริสก็พูดได้ซิ ก็อริสผ่านจุดนั้นมาแล้วนี่หน่าคนแต่งงานไปแล้วก็พูดง่ายซิ
‘ถ้ายังมัวแต่ลีลาล่ะก็ โดนทิ้งไปคีย์ไม่รู้ด้วยนะ’ คีตา! พูดอะไรไม่เป็นมงคล ไอ้เผือกไม่มีทางทำอย่างนั้นแน่นอน
.
.
.
.
“คิดอะไรอยู่ครับ คิ้วขมวดเชียว” ศิขรินทร์เอ่ยถามคนที่นั่งอยู่บนปลายเตียงที่เดี๋ยวก็ยิ้ม เดี๋ญวก็หัวเราะ เดี๋ยวก็หน้าบึ้ง
“เรื่อยเปื่อย ตอนเย็นคุยอะไรกับไอ้คุณติเหรอ” ภัสดาเอ่ยถามคนที่อยู่ในกรอบสายตา พร้อมทั้งตบเตียงปุๆ เรียกร่างสูงใหญ่ให้ลงมานั่งเคียงข้างกับตน และดูเหมือนว่าท่านประธานก็ยอมทำตามทุกความต้องการอย่างไม่เกียงงอน
“เรื่องของลูกผู้ชาย” ศิขรินทร์เอ่ยเสียงหวานพร้อมทั้งใช้ลำแขนแข็งแรงของตนเองโอบรัดเอวบางให้แนบชิดเข้ามาอีก อยู่ใกล้นายช่างใหญ่ทีไรมือไม่อยู่กับร่องกับรอยทุกที
“อ้าว....แล้วกูไม่เป็นลูกผู้ชายตรงไหนวะเผือก” คนที่บอกว่าตนเป็นลูกผู้ชายสายพันธ์แท้โชว์กล้ามน้อยๆใต้ร่มผ้าให้ดู ศิขรินทร์เลยให้รางวับคนเก่งไปแก้มละฟอดสองฟอด เลยโดนลูกผู้ชายคนเก่งเขาค้อนประหลับประเหลือกกลับมาอยู่หลายที
“ฮึฮึ....อยากรู้จริงๆเหรอ”
“ไม่อยากรู้มั้ง ถามซะขนาดนี้”
“ไหนล่ะครับ สิ่งของแลกเปลี่ยน” ตลอดๆ พ่อค้าหน้าเลือดมันต้องมีของมาเลือกเปลี่ยนตลอด คบกับมันมาเสียเลือดเสียเนื้อไปไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร ค้ากำไรไม่มีใครเกินต้องมีสิ่งของมาแลกเปลี่ยนตลอดก่อนที่จะยอมเปิดปากพูดอะไรแต่ละครั้ง และภัสดาก็ยินยอมแต่โดยดี มือบางโน้มลำคอของอีกฝ่ายให้ต่ำลงมาอยู่ในระดับใบหน้าแล้วกมจมูกลงไปหอมแก้มสากอย่างแรง ศิขรินทร์ยิ้มพอใจแล้วหอมกลับอย่างกับว่ากลัวอีกฝ่ายจะเสียเปรียบ
“ติยะบอกว่า ตัดใจจากพีทได้แล้ว และตอนนี้ก็พร้อมที่จะเป็นเพื่อนใหม่ของผม”
“จริงเหรอ! ในที่สุดพวกมึงสองคนก็เป็นฝั่งเป็นฝากันเสียที ยินดีด้วยนะ” มีท่าทางประกอบคำยินดีเสียด้วย ศิขรินทร์ ทนความน่ารักน่าใคร่ของนายช่างใหญ่ไม่ไหว เลยจับคนเอวบางล้มลงไปบนเตียงและตนก็ตามลงไปติดๆ
“ใครกันนะที่กำลังจะเป็นฝั่งเป็นฝา คิดดูดีๆนะพีท” เอ่ยเสียงนุ่มลึกพร้อมทั้งลากจมูกสูดกลิ่นหอมรัญจวนใจอย่างไม่รู้จักเบื่อหน่าย กลิ่นกายหอมหวานของภัสดายิ่งทำให้สติอันน้อยนิดของศิขรินทร์นั้นกระเจิดกระเจิง แต่คำพูดที่อีกฝ่ายพูดออกมานั้น ทำเอากิจกรรมทุกอย่างต้องหยุดชักงักลงอย่างฉับพลัน
“ยอมแล้ว....นายช่างใหญ่ยอมเผือกแล้ว” สิ้นเสียงของภัสดา ศิขรินทร์ก็จู่โจมริมฝีปากบางที่ล่อตาล่อใจอย่างรวดเร็ว จูบอันร้อนเล่าที่ส่งให้กันไปมาครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ริมฝีปากหนาขบเม้มริมฝีปากล่างของร่างข้างใต้อย่างหลงใหล น้ำหวานที่ตนดื่มกินไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ชิมมานับครั้งไม่ถ้วน พิสูจน์มาแล้วว่าหวานซาบซ่านเพียงใด แต่มาวันนี้ความหวานที่เคยพายพบมานั้นยังต้องยอมแพ้รสจูบอันเสน่ห์หาในครั้งนี้ ลมหายในอุ่นร้อนเป่ารินรดซึ่งกันและกัน เสียงครางกระเส่าของร่างข้างใต้ทำเอาดวงตาคมกริบของศิขรินทร์นั้นทอประกายแววหวานอย่างรักใคร่และหลงใหล
“มาเป็นหัวใจอีกดวงของผมนะพีท” ศิขรินทร์เอ่ยชิดกับกลีบกุหลาบสีหวาน เมื่ออีกฝ่ายพยักหน้ารับ ก็เดินหน้าสานสร้างความสันพันธ์อันลึกซึ้งขึ้นมาอีกครั้ง
เสื้อผ้าชิ้นแล้วชิ้นเล่าค่อยๆหลุดออกไปจากร่าง โดยความร่วมมือของกันและกันไม่มีเสียงเอ่ยทัดทาน มีแต่เสียงลมหายใจที่เร่งจังหวะถี่กระชั้นขึ้นทุกวินาที เพียงไม่นานผิวเนื้อเปลือยเปล่าก็สัมผัสกันและกัน ภัสดามองลึกเข้าไปในดวงตาของศิขรินทร์ ตาสบตา สื่อความหมายถึงกัน ไร้คำพูด มีเพียงภาษากายที่ถ่ายทอดออกมาทดแทนเท่านั้น
“อ่าส์” ภัสดาหลุดเสียงครางหวาน เมื่อรับรู้ได้ถึงก้อนเนื้อเปียกชื้นที่ไล่ตวัดอยู่ตรงหน้าอกของตนเอง และเมื่อริมฝีปากร้ายๆนั้นขบเม้มและกัดมันเอาไว้ นายช่างใหญ่ก็ครางอย่างไม่เป็นภาษา เรียกรอยยิ้มเอ็นดูและหลงใหลจากร่างด้านบนได้เป็นอย่างดี
“ตรงไหนก็เป็นของผม ทุกที่บนร่างกายนี้เป็นของผมคนเดียว” ศิขรินทร์เอ่ยเสียงนุ่มลึก พร้อมทั้งตวัดลากลิ้นไล่ชิมผิวกายของภัสดาอย่างช้า ก้อนเนื้อเปียกชื้นผ่านไปที่ใดก็สร้างรอยรักเอาไว้ที่นั้น แต่แรงสั่นน้อยๆจากคนด้านล่างยิ่งทำให้ความต้องการของศิขรินทร์พุ่งทะยานสูงขึ้นไปอีก
“ศิ....กลัว” ภัสดาเอ่ยเสียงสั่นพร้อมทั้งบิดล่างไปมาเมื่อสติรับรู้ได้ถึงการบุกลุกอันร้ายกาจของศิขรินทร์ ตอนนี้ท่อนเนื้อของตนอยู่ในการกอบกุมของศิขรินทร์เมื่ออีกฝ่ายขยับมือขึ้นลง ความรู้สึกใหม่ก็เข้ามาแทนที่ความหวาดกลัว
“ผ่อนลมหายใจลงนะพีท.....จิกหรือกัดก็ได้ ผมไม่เจ็บหรอก” สิ้นเสียงอนุญาต ภัสดาก็ลงเล็บที่หัวไหล่แข็งแรงของศิขรินทร์ทันที รู้สึกได้ถึงความคับแน่นที่ค่อยๆกดเข้ามา แม้จะเคยอ่านหนังสือหรืออ่านตามเว็บไซต์เรื่องการร่วมรักทางช่องทางหลังมาบ้างแล้ว แต่ความจริงกับสิ่งที่จินตนาการนั้นมันช่างต่างกันยิ่งนัก
“ไม่เอานิ้วแล้ว....เผือก....ไม่เอาแล้ว” คนด้านล่างเอ่ยเสียงกระเส่า ดวงตากลมโตที่ตอนนี้ฉ่ำปรือเพราะพิษเส่นห์หามองสบกับดวงตาคมเข้มของศิขรินทร์อย่างร้องขอ
ศิขรินทร์ถอนนิ้วออกมาช้าๆ แล้วปาดเจลล่อลื่นลงบนช่องทางรักของภัสดา ความเย็นจากสิ่งแปลกปลอมทำเอานายช่างใหญ่สะดุ้งเล็กน้อย แต่เมื่อร่างกายรับรู้ได้ถึงท่อนเนื้อร้อนที่ค่อยๆสอดเข้ามา กลไกของร่างกายก็ปฏิเสธทันที
“ผ่อนหน่อยพีท หายใจเข้าลึก” ศิขรินทร์เอ่ยเสียงหนัก เพราะตอนนี้ท่อนเนื้อของตนเข้าไปได้เพียงแค่ส่วนหัวเท่านั้นก็โดนความอุ่นร้อนที่โอบรัดอยู่บีบกระชับรัดแน่นขึ้นไปอีก ความเสียวกระสันมากองอยู่เบื้องหน้าห้ามอารมณ์ดิบร้อนแทบไม่หวาดไม่ไหว
“อ๊าส์” แก่นกายอุ่นร้อนที่ค่อยๆสอดเข้ามานั้นกระแทกจุดกระสันของภัสดาเข้าอย่างจังเรียกเสียงครางระงมและแรงกระตุกจากร่างกายได้เป็นอย่างดี ศิขรินทร์หยุดพักให้ภัสดาได้ปรับตัวรับเอาแก่นกายเอาไว้เพียงชั่วครู่ จากนั้นเมื่ออีกฝ่ายอนุญาตให้ขยับ การสอดประสานจึงค่อยๆเริ่มขึ้นอย่างช้าๆ
“เป็นของเผือกแล้วนะนายช่างใหญ่” เอ่ยชิดติดกับหน้าผากเนียนที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ จนเมื่อทุกอย่างลงตัว จังหวะก็เริ่มเปลี่ยน จากเนิบช้าก็แปรเปลี่ยนเป็นเร็วขึ้น
“ศิ...อ๊าส์......อ๊ะ!” ภัสดาเกาะเกี่ยวลำคอแข็งแรงของศิขรินทร์อย่างหาที่พึ่ง ความเฉี่ยวกรากของอารมณ์ที่รุนแรงนั้นทำเอาร่างโปร่งบางแทบรับไม่ไหว แรงสอดประสาน เสียงของเนื้อกระทบเนื้อยิ่งฟังก็ยิ่งกระตุ้นอารมณ์ยิ่งขึ้นไปอีก
กายประสานกาย กิจกรรมดำเนินไปครั้งแล้วครั้งเล่ากลิ่นคาวฟุ้งไปทั่วห้องแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ทั้งสองคนนั้นตื่นขึ้นมาจากเสน่ห์หาได้เลย คนด้านร่างยอมเป็นผู้ตามอย่างไม่เกี่ยงงอนต่อให้ร่างสูงจับกายพลิกไปอยู่ท่าไหนก็โอนอ่อน่ผ่อนตามอย่างว่าง่าย ยิ่งเวลาผ่านพ้นไปเท่าไร แรงอารมณ์และการสอดประสานยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีก
เมื่อขีดจำกัดเริ่มหมดลงไป ร่างโปร่งบางก็ร้องครางเสียงสั่นอย่างไม่เป็นภาษา ศิขรินทร์เร่งจังหวะการสอดประสานให้เร็วยิ่งขึ้นไปอีก ความอุ่นร้อนจากช่องทางของภัสดาที่โอบรัดแก่นกายของตนเอาไว้ยิ่งทำให้อยากปลอดปล่อยยิ่งขึ้นไปอีก จนเมื่อคนเอวบางสิ้นกำหลังปลดปล่อยน้ำรักออกมา เมื่อนั้นศิขรินทร์ก็เร่งจังหวะกระแทกกระทั้นให้หนักหน่วงยิ่งขึ้นไปอีก จนในที่ความต้องการก็ถูกปลดปล่อย น้ำรักจำนวนมหาศาลถูกฉีดเข้าไปในช่องทางอุ่นร้อน ภัสดารู้สึกได้ถึงความอุ่นวาบที่หน้าท้องของตนเองได้อย่างทันที
“เมียศิ ต่อไปนี้ใช้นามสกุล อินทราทิพย์นะคุณภัสดา” ศิขรินทร์เอ่ยเสียงหวาน พร้อมทั้งใช้นิ้วเรียวยาวปัดเป่าเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาบริเวณหน้าผากเนียนให้อย่างรักใคร่
“โตจนมีผัวแล้วเหรอเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อ” ภัสดาเอ่ยเสียงอ่อนเพลีย เพราะกิจกรรมที่ดำเนินผ่านไปเมื่อสักครู่นั้นดูดเอาเรี่ยวแรงต่างๆนานาไปจนหมดสิ้น ซึ่งต่างจากศิขรินทร์ที่ดูเหมือนว่ากระปรี่กระเปร่าขึ้นมาทันตาเห็น
“ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ” ศิขรินทร์แกล้งขยับแก่นกายที่ยังเชื่อมติดกันสองสามที จนได้แรงทุบที่หัวไหล่ไปหนึ่งทีคนร่างสูงถึงได้หยุดแล้วล้มตัวลงมากกกอดร่างโปร่งบางเอาไว้อย่างห่วงแหน
“เอาออกไปเลย”
“อีกซักรอบได้ไหมเมีย”
“เต็มปากเต็มคำเลยนะไอ้เผือก!” ภัสดาแสร้งเอ่ยเสียงดังเพื่อกลบเกลื่อนความอาย ในที่สุดก็ได้เป็นหนึ่งเดียวกับคนที่รัก จินตนการเมื่อยามที่ได้อ่านหนังสือถึงความเลวร้ายของ ‘ครั้งแรก’ นั้นไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะตนได้รับทั้งความรัก ความทะนุถนอมจากศิขรินทร์อย่างมากมาย ความเจ็บและความกลัวพลันมลายหายสิ้นไปกับสายลมทันที
“เมื่อก่อนก็ว่าหวงแล้ว แต่ต่อไปนี้หวงกว่าเดิมอีกนะครับ”
“อย่าหวงมากเลย แค่นี้ก็ไปไหนไม่รอดอยู่แล้ว”
“ครับเมีย”
“ได้กูแล้ว ก็ดูแลกูให้ดีกว่าแต่ก่อนด้วยนะมึง”
“เดี๋ยวจะย้ายสำนักงานของท่านประธานอินทราทิพย์กรุ๊ปไปไว้ที่อู่เลยดีไหมครับ”
“อย่างนั้นก็เกินไป อื้อ! ทำอะไร” ภัสดารู้สึกได้ถึงนิ้วของอีกฝ่ายที่กำลังล้วงเข้ามาในช่องทางรัก
“เอาลูกชายออกครับ” ศิขรินทร์เอ่ยเสียงนุ่มแล้วค่อยๆสอดนิ้วกวาดต้อนน้ำรักออกมาอย่างช้าๆ เมื่อก้มลงไปมองก็เห็นของเหลวขุ่นข้นคล้ายน้ำนมที่ค่อยๆไหลลงมาจากช่องทางรักของภัสดา ทำเอาท่านประธานใหญ่หน้ามืดเพราะความหื่นขึ้นมาทันที ทำเองก็หื่นเอง
“เจ็บไหม ขอโทษนะเผือก” ภัสดาเอ่ยถามเสียงอ่อน พร้อมทั้งลูบไล้รอยฟันและรอยเล็บที่บริเวณหัวไหล่แข็งของศิขรินทร์ เจ้าของเรือนกายสูงใหญ่ส่ายหน้าไป ภัสดาถึงยิ้มออก
“เจ็บแค่นี้ เพื่อพีทผมทนได้อยู่แล้ว”
“อ้วกกๆๆๆๆ แหวะๆ น้ำเน่าเงาจันทร์อ่ะไอ้เผือก”
“อะไรนะครับ ทำกันทีเดียวได้ลูกแล้วเหรอ น้ำยาไอ้เผือกนี่มันก็แรงดีเหมือนกัน”
“อ๊ากกกๆ หยุดพูดเลยมึง เงียบๆไปเลย” ภัสดาเอ่ยประท้วงเสียงดัง ไม่ว่าจะพลิกกายไปทางไหนก็หนีไม่พ้นอ้อมแขนใหญ่ที่กกกอดร่างของตนเอาไว้ กรงเหล็กที่ภัสดาเต็มใจให้ขังนักหนา
“นอนนะครับ ดึกมากแล้ว” ศิขรินทร์เอ่ยเสียงหวาน มองคนร่างบางที่ปรือตามองหน้าตนอย่างหลงใหล ภัสดาไม่อยากนอน ไม่อยากหลับตา อยากนอนมองหน้าของท่านประธานใหญ่ไปทั้งคืน แต่สังขารก็ไม่เอื้ออำนวย เพราะความง่วงเริ่มเข้ามาครอบงำอย่างช้าๆ เปลือกตาบางกำลังจะปิดลงเข้าหากันอย่าง ช้าๆ.................
ปัง!!!!!
“ไอ้ตี๋!! ลื้อพาผู้ชายมานอนในบ้านเหรอ!!!!”
.
.
.
.
.
.
๐ ไม่ค้างเลยนะจริงๆ ไม่ค้างเลย 555555555555+
๐ เห็นทุกคนแตกตื่นเรื่องนิยายจะจบ ไม่ต้องกลัวค่ะ ยังไงลูกสะใภ้กับแม่ย่าต้องได้มาพบเจอกันอีกแน่นอน ความแซบยังรอพวกเราอยู่ไม่ต้องห่วง
๐ ใครไม่กด+ ให้นักเขียน ระวังงๆๆ เราจะให้พี่มะขามไปเข้าฝัน 555555+
๐ ใครมีอะไรจะพูดกับตอนนี้ก็พิมเอาไว้เยอะๆนะ 555+ เดี๋ยวจะเข้ามาอ่าน
รักและขอบคุณ
By Chocolate Love ~