บทที่ 15
ซ่อมครั้งที่หนึ่ง บทที่ 15 !!!
ห่วงใย
ตึกสูงเฉียดฟ้าซึ่งเป็นที่ตั้งของ “อินทราทิพย์กรุ๊ป” คลาคล่ำไปด้วยผู้คนไม่ว่าจะเป็นพนักงานและลูกค้ารายเล็กรายย่อยที่เดินสวนกันไปมา ศิขรินทร์เปิดชั้นต้นๆให้บริษัทอื่นเข้ามาเช่าจับจองพื้นที่ เพียงแค่นี้ก็สร้างรายได้ให้กับชายหนุ่มเป็นกอบเป็นกำ และสำนักงานใหญ่ของอินทราทิพย์วิลล่าก็อยู่ชั้นบนสุด อาณาจักรของความหรูหรา ที่ไม่ว่าผู้ใดก็ตามเมื่อได้มาพบเอจอก็ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หรูหราสมกับเป็นอินทราทิพย์
ร่างสูงสมส่วนของศิขรินทร์นั่งทำงานด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ทำเอาพนักงานที่ได้พบเจอกับชายหนุ่มแปลกใจไม่น้อยว่า นายใหญ่ของพวกเขาเป็นอะไรไป ทำไมถึงดูอารมณ์ดีขนาดนั้น แต่ใครก็ไม่สงสัยเท่ากับเพื่อนสนิทอย่าง กรุง วรยศ ได้ยินได้รับฟังข่าวลือที่ดังไปถึงบริษัทเขาก็รีบรุดมาดูหน้าเพื่อนสนิทตัวเองทันทีว่ามันจะบานแล้วบานอีกอย่างที่ใครๆเขาพูดถึงกันไหม
“มึงจะนั่งมองหน้ากูอีกนานไหมไอ้เหี้ยคุณกรุง” ศิขรินทร์เอ่ยปากทักทายกรุงอย่างยิ้มๆ เพราะตั้งแต่เข้ามาไอ้เพื่อนตัวดีก็เอาแต่นั่งจ้องหน้าเขา ไม่พูดไม่จาเป็นเวลาเกือบยี่สิบนาที ถ้ามันไม่ใช่ไอ้กรุง และถ้ามันไม่ใช่เพื่อนสนิท สาบานได้ว่าป่านนี้มันกระเด็นออกนอกห้องไปแล้ว
“เดี๋ยวนะ ขออีกนิดกำลังได้ที่เลย ปากฉีกออกมายี่สิบเซ็น หางตาเยิ้ม หน้าบาน หัวเราะถี่ ตาหวานเยิ้ม อาการอย่างนี้มันต้องเกี่ยวกับคุณพีตแน่นอน” สมแล้วที่เป็นกรุง เพราะมันเดาถูกหมดทุกทาง ไม่มีผิด ไม่มีเพี้ยน แต่ไอ้อาการที่มันบรรรยายออกมานั้น มันเกิดขึ้นอยู่บนใบหน้าเขาอย่างนั้นเหรอ
“เปล่า.........ไม่ได้มีอะไร กูจะอารมณ์ดีนี่มันผิดตรงไหน”
“อย่ามาโกเจ็ดแม่กับกูไอ้ศิ บอกมาว่ามึงไปทำอะไรมา” กรุง ทำหน้าขรึมอย่างคาดคั้น สายตาคมจ้องมองเพื่อนสนิทอย่างจับผิด ถ้าหากมันยังบอกอีกว่าไม่มีอะไร ไอ้กรุงคนหล่อคนนี้จะลุกขึ้นไปเอาเท้ายันหน้าหล่อๆ ของมัน ยิ่งมองยิ่งหมั่นไส้ ปกติศิขรินทร์ก็หล่อแล้ว ยิ่งมาอยู่ในอารมณ์โลกนี้มันชมพูไปหมดอย่างนี้ ออร่าความหล่อมันยิ่งฉาย ใช่ว่าตัวเองไม่หล่อ แต่มันหล่อคนละแบบกับไอ้เพื่อนตัวดี สำหรับกรุงแล้วสาวๆมักจะบอกว่าเป็นคนที่สุภาพ หล่อแบบหนุ่มอ่อนโยน แต่สำหรับไอ้ศิแล้ว มันหล่อแบบเจ้าเล่ห์ เสือร้าย นิ่ง ขรึม แค่มันใช้สายตา ผู้หญิงผู้ชายก็แพ้มันหมดแล้ว ศิขรินทร์ตาสวย ยิ่งตอนมันโกรธยิ่งสวย นั่นแหละคือสาเหตุที่กรุงชอบยั่วโมโหศิขรินทร์ ยามใดที่ได้มองแก้วตาสีเทาของศิขรินทร์ฉายแววลุกเป็นไฟนั้น มันช่างสร้างความสุขและความสนุกให้กับกรุงไม่น้อยเลยทีเดียว
“ข่าวเร็วดีนี่หว่า ใครเป็นคนคาบไปบอกมึงล่ะ” มือหนาของศิขรินทร์เปิดเอกสารอ่านอย่างใจเย็น ผิดกับเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ตรงข้าม ตอนนี้กรุง วรยศ กำลังเดือดด้วยความอยากรู้เต็มที่ ขืนไอ้ศิมันลีลาอย่างนี้ไปอีกห้านาที มีหวังได้วางมวยกันแน่ๆ
“ใครคาบไม่สำคัญ สำคัญมันอยู่ที่ว่าเมื่อใดมึงจะแหกปากบอกกูซักทีว่ะ”
“ก็แค่............กูกับเขากำลังคบกันอยู่”
“ห๊ะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
“มึงจะตกใจทำไมว่ะ คนเขาเกิดมาคู่กันก็ต้องเป็นแฟนกันอยู่แล้ว” ศิขรินทร์เล่าเกินความจริงไปนิดนึง เพราะความเป็นจริงนั้น ทั้งสองคนแค่ทดลองคบกัน แต่สำหรับชายหนุ่มแล้วจะตอนนี้หรือตอนไหน ภัสดาก็เป็นคนรักอยู่ดี ไม่ต้องทดลองให้เสียเวลา แต่ก็ต้องตกลงรับปากไปอย่างนั้นก่อน อะไรที่มันคว้าได้ อินทรีเงินก็รีบคว้าทันที ปล่อยไว้นานไม่ได้เดี๋ยวคนสวยหลุดมือ
“พวกมึงเพิ่งเจอกันแค่ทีสองทีเองนะโว้ย เอาเวลาที่ไหนไปจีบกันวะ” กรุง วรยศ ขอคำนับในไวดั่งจรวดของเพื่อนสนิทที่สามารถทำให้ช่างฟิตหน้าสวยแต่โหดมาเป็นแฟนได้ อย่างนี้ก็ลงลอยพอดีเลยซิ สองคู่ชูชื่น เขากับคีตา ไอ้ศิกับคุณพีต
“มันไม่เกี่ยวกับว่าจะเจอกันกี่ครั้งหรอกนะไอ้กรุง เพราะต่อให้เจอกันครั้งเดียว กูก็จะทำให้เขาเป็นแฟนให้ได้ ไม่รู้ซิวะ ....หัวใจมันบอกกูอย่างเดียวเลยว่า คนนี้น่ะมันใช่ ชัวร์แน่ๆ ไม่ต้องเสียใจ ทุ่มไปเลยให้เต็มที่” ศิขรินทร์เอ่ยด้วยใบหน้าที่อมยิ้ม ยามนึกถึงใบหน้าสวยๆที่บิดงอบึ้งตึงยามเขาบังคับจูบ และฟัดแก้ม อยากที่จะใกล้ชิดให้มากกว่านี้ อยากทำมากกว่านี้
“ฟังแล้วขนลุก มึงทำไงว่ะ บอกกูหน่อยดิ เผื่อคีย์จะยอมตกลงเป็นแฟนกูบ้าง”
“ของอย่างนี้บอกกันไม่ได้ว่ะ มันต้องอาศัยเทคนิคส่วนตัว”
“โอโห ไอ้คุณศิ มึงหล่อ มึงเก่ง มึงเทพ กูมันด้อยค่า ก็ไม่น่าถามมึงเลย”
“คำชมช่างตรงกับความจริง ...........มันจะยากอะไรว่ะ ตื้อแม่งอย่างเดียว ถ้าดื้อมากๆก็จับจูบเลย เชื่อกูร้อยทั้งร้อยเคลิ้มเพราะจูบ แต่กูไม่รับประกันว่าหลังจูบมึงจะโดนอะไรนะ” เพราะตัวของศิขรินทร์เองก็โดนมาไม่น้อยเหมือนกัน ทั้งเตะ ทั้งทุบ ทั้งตี เหลือแต่ต่อย ซึ่อย่างหลังก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าลองเท่าไรนัก ดูก็รู้ว่าคุณแฟนที่แสนดี(?) ของศิขรินทร์คนนี้นั้นมือและเท้าหนักไม่ใช่เล่น เพราะฉะนั้นอย่าเสี่ยงกับช่างฟิตดีกว่า
“มันก็จริงของมึง..........” กรุง วรยศจะรู้ไหมว่าตอนนี้เจ้าตัวกำลังทำหน้าเจ้าเล่ห์ได้อย่างน่ากลัวยิ่งนัก จริงอยู่ที่มันอ่อนโยน ผู้หญิงผู้ชายได้ยินได้ฟังคารมมันก็ต่างพกเพ้อหลงใหลกันเป็นแถวๆ แต่หารู้ไม่ว่าไอ้คนอย่างนี้นี่แหละที่น่ากลัว ภายใต้หน้ากากที่ยิ้มแย้มนั่นซ่อนอะไรหลายๆอย่างไว้อีกมากมาย และศิขรินทร์ก็รู้ดีว่ามันคืออะไร
“มึงมาหาเพื่อที่จะถามกูว่า กูเป็นแฟนกับพีตแค่เนี๊ยะ งานการไม่รู้จักทำ” ประชดเพื่อให้มันเกิดสำนึก
“กูเคลียร์หมดแล้ว ประมาณอาทิตย์หน้ากูต้องไปดูบ่อน้ำมันที่เพิ่งเปิดสัมปทาน คราวนี้ไปนานหน่อย ไม่รู้ว่าคนทางนี้จะลืมกูหรือเปล่า”
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า มึงลืมไปแล้วเหรอว่าพีตน่ะเพื่อนใคร เดี๋ยวกูบอกให้แฟนกูดูให้”
“แหมๆ ไอ้คนมีแฟน พูดได้เต็มปากเต็มคำเลยนะมึง ความจริงตอนนั้นคุณพีตอาจจะป่วยอยู่ก็ได้นะมึง ไม่ลองถามดีๆอีกซักรอบว่ะ” ถึงอย่างไรไอ้กรุง คนนี้ก็ยังไม่อยากจะปักใจเชื่อเพื่อนตัวเองมากซักเท่าไร ชื่อเสียงของภัสดานั้นค่อนข้างดีเลยทีเดียว ทั้งการวางตัว ทั้งฐานะ หน้าที่การงาน ไม่รู้ว่าทำกรรมอะไรไว้ถึงต้องมาเจอะเจอกับไอ้คนเจ้าเล่ห์อย่างศิขรินทร์
“กูมันเลวร้ายขนาดนั้นเลยเหรอว่ะ” ฟังไอ้กรุงพูดกรอกหูไปมาอย่างนี้ ชักจะหมดความั่นใจในตัวเองแล้วซิ
“กูขอแนะนำให้มึง ลดความหื่น ความเหี้ยลง รับรองดูดี”
“พูดเหมือนมึงไม่หื่นไม่เหี้ยเลยเนอะ ชอบไม่ใช่เรอะ สาวพรหมจรรย์น่ะ รสนิยมเซ่บๆอย่างนี้น่าเอาไปเล่าให้คุณคีย์ฟังจัง”
“ไอ้ศิ ไอ้เพื่อนชั่ว ถ้ามึงทำจริงๆ กูจะให้คนไปเผาเกาะรังนกมึง” เห็นไหม ใครว่ากรุงอ่อนโยน สุภาพ เห็นหรือยัง เห็นธาตุแท้ของมันหรือยัง ก็บอกแล้ว ถ้าสันดานไม่ทางเดียวกัน จะคบเป็นเพื่อนมาถึงตอนนี้หรือ
“ก็ไม่ทำหรอกน่า วางใจได้ ยกเว้น ถ้ามึงกวนตีนกูก็ไม่แน่ หึหึ”
กรุง วรยศ ส่ายหน้าให้กับความเจ้าเล่ห์ของตัวเองและของเพื่อน ไม่ว่าจะกี่ปีกี่ปีนิสัยขี้แกล้งของพวกก็ยังไม่หายไปซักที แต่ดูเหมือนว่าจะทำอย่างเมื่อก่อนไม่ได้เสียแล้ว เพราะขืนใครเล่นตุกติกอะไรไป ไม่พ้นต้องชวดเรื่องหัวใจแน่นอน นิ่งไว้ก่อน คนหล่อสอนไว้
......................................................................
หลังจากเพื่อนสนิทขอตัวกลับไปทำงาน ศิขรินทร์ก็เร่งทำงานอย่างที่คลั่งข้างอยู่บนโต๊ะเต็มที่ ตอนนี้เขากำลังคิดว่าจะวางมือจากธุรกิจกาซิโนดีไหม ด้วยเหตุผลอะไรหลายๆอย่างที่มันทำให้เขาอยากหยุดธุรกิจการพนันทีเสียที และตัวแปรสำคัญที่ทำให้เขาคิดนั่นก็คือ ภัสดา หากจะให้หัวตัวเองต้องมาเสี่ยงกับลูกปืนเหมือนเขานั้นมันคงไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไร และอีกอย่างพ่อกับแม่เขาก็เคยพูดขอให้หยุดเหมือนกัน แต่ตอนนั้นยังไม่คิด เพราะไฟแรง เลือดร้อน อยากครอบครองทุกอย่างไว้ในกำมือตัวเอง แต่ตอนนี้สมองและหัวใจกำลังทำงานไปด้วยกัน หากเลือกเงินทองแล้วต้องเสียหัวใจอันเป็นที่รักไป ศิขรินทร์ อินทราทิพย์คนนี้ขอเลือกหัวใจก็แล้วกัน
“คุณช่อ เข้ามาพบผมหน่อย”
สิ้นเสียงของร่างสูงไม่ได้ร่างท้วมของเลขาวัยกลางคนก็เข้ามาอยู่ในกรอบสายตาของศิขรินทร์ ชายหนุ่มยื่นแฟ้มเอกสารไปข้างหน้าแล้วเอ่ยวาจาสั่งงานเสียงนุ่ม ซึ่งนานๆครั้ง ช่อฟ้าถึงจะได้ยิน
“แฟ้มรายละเอียดต่างๆของกาสิโอที่มาเก๊าน่ะ”
“ค่ะ ทราบแล้วค่ะ......มันทำไมเหรอค่ะ” ช่อฟ้าถามอย่างสงสัย เพราะเธอได้สรุปยอดเงินของกาสิโน่แห่งนี้ให้กับศิขรินทร์ไปตั้งแต่ต้นเดือนแล้ว แต่ทำไมแฟ้มเจ้าเก่าถึงย้อนกลับมาหาหล่อนได้อีกครั้ง หรือหล่อนทำบัญชีผิด โอ้ ไม่นะ เม็ดเงินหลายร้อยล้าน จะชดใช้ได้อย่างไรเนี่ย ทั้งปีทั้งชาติมันจะหมดเหรอ
“ผมแค่จะบอกคุณว่า ผมจะเลิกทำบ่อนกาสิโน เลยอยากให้คุณเร่งสรุปความเสียหายให้หน่อยถ้าผมจะถอนหุ้นออกมา”
“คุณศิจะเลิกทำกาสิโนหรือคะ ทำไมล่ะคะ ตอนนี้เงินสะพัดคืนละประมาณร้อยล้านแล้วนะคะ แล้ว............”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมก็แค่เหนื่อย ทำอะไรหลายๆอย่าง เงินทองเป็นของนอกกาย แค่ที่มีอยู่ในมือผมก็บริหารจัดการไม่ทันแล้ว” ไหนจะโครงการบ้านจัดสรรที่เน้นกลุ่มไฮโซ คอนโดมิเนี่ยมสุดหรูและทันสมัย ที่สร้างรายได้ให้กับเขาเป็นพันๆล้าน อีกทั้งยังมีธุรกิจโรงแรมรีสอต ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาลที่ต่างก็อยู่ในเครือของ อินทราทิพย์กรุ๊ป แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว เพราะอย่างนี้ไงล่ะทำไม อินทรีเงินถึงไม่เคยมีแฟนซักคน ก็เพราะว่างานมันเอาเวลาเกือบทั้งชีวิตไปหมดนี่ไง
“ก็จริงค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะรีบทำนะคะ” แล้วช่อฟ้าก็รีบขอตัวออกไปโดยเร็ว หากศิขรินทร์ออกปากให้เร่งทำแล้ว งานจะต้องไม่เกินวันหรือสองวัน เพราะเวลาทุกวินาทีของอินทรีเงินนั้นช่างมีค่ามหาศาลเสียจริงๆ
“เขาจะรู้ไหมนะ ว่าเราทำเพื่อเขาขนาดนี้” แผ่นหลังหนาเอนพิงพนักเก้าอี้ทำงานเนื้อดีอย่างพักผ่อน ลมหายใจร้อนผ่อนออกมาอย่างช้าๆ แล้วหยุดสมองเรื่องงานไว้ก่อน เพราะตอนนี้อยากหางานให้หัวใจได้สูบฉีดเลือดเหลือเกิน
“ป่านนี้หน้าคงเต็มไปด้วยน้ำมันเครื่องแน่ๆ...........แต่ก็น่ารักดี” นึกไปนึกว่าก็ให้แปลกใจตัวเอง ผู้หญิงสวยๆงามๆ ไฮโซเหมาะกับเขาทุกอย่างมีให้เลือกตั้งเยอะตั้งแยะ กลับมาถูกใจผู้ชายหุ่นเพรียวบางส่มสวนหน้าหวาน ปากคมอย่างภัสดา นี่ซินะที่เขาบอกว่า คู่กันแล้ว คงไม่แคล้วคลาดกันไปได้ ศิขรินทร์เชื่อหมดใจเลยงานนี้
เมื่อเช้า ศิขรินทร์เดินไปเคาะห้องของอีกฝ่ายด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใจ แต่เมื่อเจ้าของห้องเปิดประตูออกมาต้อนรับด้วบใบหน้าอันบูดๆเซ็งๆ ก็อดที่จะคว้ามาหอมแก้มซักฟอดสองฟอดไม่ได้ และนั่นก็ต้องแลกมาด้วยการโดนทุบที่หลังและอกเต็มแรงจากอีกฝ่ายทีสองที ก็จุกไปตามระเบียบ แต่ศิขรินทร์คนขายบ้านหน้าหล่อคนนี้ยึดคติ รักเขาแล้ว เราต้องทน ไอ้ศิทนได้ !!! รอให้ภัสดาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็จูงมือมาขึ้นรถ และตอนขึ้นรถก็มีปากเสียงกันเล็กน้อย เพราะเป็นกระสัยต่อการดำรงชีวิต เพราะศิขริทร์ยื่นความจำนงไปว่าต้องการที่จะขับรถมาส่งแฟนตัวเองที่อู่ แต่ภัสดาก็คัดค้านเพราะต้องการเอามอเตอร์ไซคันเก่งของตัวเองไป แต่ในสุดท้ายบทสรุปมันก็จบลงที่จูบ...
หนึ่งจูบ หยุดได้ทุกอย่าง
สรรพคุณ – หยุดคนดื้อ หยุดคนเถียง ปราบพยศ
เพราะฉะนั้นตอนเช้า Audi R8 คันสวยของศิขรินทร์จึงมีตุ๊กตาหน้าหวานอย่างภัสดานั่งมาด้วย
หลังจากตกลงคบเป็นแฟนกันมา เวลาก็เดือนมาถึงหนึ่งเดือนเต็มๆ หนึ่งเดือนที่ได้รู้อะไรหลายๆอย่าง หนึ่งเดือนที่ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน เวลาสามสิบวันนั้นช่างมีความหมายสำหรับเขาเหลือเกิน ทุกอย่างมันดูพอดีไปหมด ไม่หวานเกินไป ไม่ขมจนเกินไป ไม่มีใครนิ่ง และไม่มีใครรีบร้อน ทุกอย่างมันลงตัวอยู่ที่คำว่าพอดี ทุกคนอาจจะคิดว่านายช่างโหดๆ เถื่อนๆอย่างนั้นจะหวานเป็นเหรอ เขาจะกล้าแสดงออกต่อหน้าคนรักไหม ไม่กล้าแน่นอน เพราะพวกวิศวกรรมมันเถื่อนมันดิบ มันเซอร์ แต่หารู้ไหมว่า แนวคิดเหล่านั้นช่างสวนทางกับพฤติกรรมของภัสดาจริงๆ ยกตัวอย่างเช่น .........................
“คนหล่อรับสายครับ” การโทรมากวนเขาทำงานนี่ไง คือความน่ารักชนิดที่ว่ากระโดดฟัดก็ไม่หาย ฮึ้ยยย หมั่นเขี้ยว
“อ้าวเฮ้ยโทรผิด!! พอดีจะโทรหาประธานหน้าสัปเหร่อน่ะ ผิดได้ไงว่ะ อืม........ขอโทษนะครับ” แล้วอีกฝ่ายก็วางสายไป รวดเร็วชนิดที่ว่าศิขรินทร์ตามแทบไม่ทัน
สัญญาณโทรศัพท์ดังขึ้นนมาอีกครั้ง เสียงเพลงที่ตั้งไว้สำหรับคนพิเศษ มีคนเดียวเท่านั้นที่ศิขรินทร์จะยกขึ้นมาอยู่ในฐานะคนรัก จะเป็นใครเลยถ้าไม่ใช่ภัสดาสุดกวนที่กดโทรมารอบที่สอง คราวนี้ไม่รู้ว่าจะโดนมุกอะไร เพราะฉะนั้นเขาต้องตั้งรับไว้ดีๆ ไม่อยากเพลี้ยงพล้ำเดี๋ยวโดนหัวเราะอีก
“ขอสายสัปเหร่อศิหน่อยครับ” หมัดแรกฮุกที่แก้มซ้ายเต็มๆ แต่ไมเป็นไร พระเอกรับได้
“อ๋อ พอดีเขาไม่ว่างน่ะครับ งานยุ่ง สัปเหร่อไฮโซก็อย่างนี้แหละครับ” สวนคืนกลับไปด้วยแย็บ
“ศิ.......................” ศิขรินทร์ ส. กระทิงแดงยิม แพ้น็อค เพราะได้ยินว่าคนสวยเรียกชื่อเล่นว่า ศิ เต็มๆ
“ครับที่รัก......”
“เอาแผนที่ไหม?”
“ไม่ดีกว่าครับ ไม่อยากได้ ..........หลงทางยังหาเจอ แต่หลงพีตนี่ไม่อยากหาทางออกเลยครับ” ต้องชิ่งเล่นก่อนครับ ไม่งั้นจะโดนสวนมาแบบเจ็บๆ แสบๆ ปล่อยเขาไปครับ เพราะถ้าผมอยู่ใกล้ๆเขาแล้ว รับรองว่าอีกฝ่ายต้องเสียแก้มเสียปากให้ผมแน่นอน
“หึหึ ไอ้คนปากเหม็น ตอนมึงจบบริหารเขาให้ใบประกาศหม้อดีเด่นมาไหมว่ะ”
“ไม่นะครับ เพราะผมไมได้หลายใจหม้อคนไปทั่ว ผมหม้อแฟนนี่ผิดตรงไหน”
“อ๋อเหรอ แล้วกินข้าวหรือยังล่ะ” ความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานมลายหายไปแทบจะทันที ความห่วงใยที่สื่อผ่านทางเครื่องมือสื่อสารที่เรียกว่าโทรศัพท์นั้นช่างอ่อนโยนและน่าซึมซับและกักเก็บเอาไว้ ขอเพียงแค่อีกฝ่ายโทรมาถามด้วยความห่วงใย ขอเพียงแค่นี้ สิ่งอื่นสิ่งใดก็ไม่อยากได้อีกต่อไปแล้ว
“ยังเลยครับ คิดว่าจะเคลียร์งานให้เสร็จก่อน แล้วค่อยไปกิน แล้วพีตกินหรือยังครับ”
“กูแดกไปจนขี้ออกมาเป็นก้อนแล้ว มึงนั่นแหละไปหามากินเลย บอกไปไม่เคยจำไอ้เรื่องปากเรื่องท้อง ถ้ามึงยังดูแลตัวเองไม่ได้ แล้วมึงจะมาดูแลกูได้ไง” ศิขรินทร์น็อคอีกแล้วครับพี่น้อง
“ขอโทษครับ เดี๋ยวจะไปกินเดี๋ยวนี้เลย พีตไม่งอนนะ” ว่าแล้วร่างสูงก็ผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที ขาเรียวยาวกึ่งเดินกึ่งวิ่งเพื่อกดลิฟต์ลงไปยังชั้นอาหารของบริษัท ที่จำหน่ายอาหารให้แก่พนักงานอย่างฟรีๆ ถ้าไอ้กรุงมันมาได้เย็นประโยคเมื่อกี้ล่ะก็ เขาคงได้โดนหัวเราะเยาะแน่ๆ มีที่ไหนที่อินทรีเงินจะถูกปราบให้กลายเป็นกระต่าย(?) ที่แสนจะเชื่องยอมทำตามคำสั่งแบบเคร่งครัดอย่างนี้
“คุณช่อทานข้าวกลางวันหรือยัง?”
ร่างสูงหยุดถามเลขาหน้าห้อง และนั่นก็สร้างความแปลกใจให้กับช่อฟ้าไม่น้อย ร้อยวันพันปีเจ้านายไม่เคยจะทักถามเรื่องอาหารกลางวัน แต่ทำไมวันนี้ถึงมาแปลก
“กินแล้วค่ะ คุณศิจะรับตอนไหนค่ะ บ่ายสองหรือบ่ายสามดิฉันจะได้โทรไปสั่งที่ห้องอาหารในโรงแรมให้”
โอ้...บ่ายสอง บ่ายสามอย่างนั้นเหรอ นั่นคือเวลาทานข้าวกลางวันของเขาเหรอเนี่ย เพิ่งรู้เหมือนกันว่าตัวเองกินอาหารไม่ตรงเวลาซักมื้อ
“ไม่ต้องแล้วล่ะ พอดีกำลังจะหาอะไรทานพอดี”
ช่อฟ้ามองตามแผ่นหลังหนาของศิขรินทร์อย่างสงสัย ร้อยวันพันปีไม่เคยหาอะไรทานเอง และอีกอย่างดูเหมือนจะใส่ใจคนรอบข้างมากขึ้นกว่าปกติ อะไรกันนะที่ทำให้เจ้านายผู้นิ่งสงบเยือกเย็นแป็นน้ำแข็งของเธอเริ่มทอแสงอบอุ่นให้กับคนรอบข้าง
“ศิ กูไม่งอนมึงนะ กูก็แค่พูดไปตามความจริง มึงต้องดูแลตัวมึงเองให้ดีก่อน ก่อนที่จะมาดูแลกู แล้วนี่เดินถึงไหนแล้ว”
ลิฟต์เปิดออกชั้นอาหารพอดี ศิขรินทร์กวาดตาซ้ายขวาอย่างไม่รู้ว่าจะไปเริ่มที่ตรงไหน เพราะไม่เคยย่างกายเข้ามาในชั้นนี้ซักที ร่างสูงจึงขอคำปรึกษาจากคุณแฟนที่เคารพอย่างอ่อนน้อมและถ่อมตน
“ระดับผู้บริหารมาเอง เดินเข้าไปซื้อเลย อย่าสั่งแต่ของเผ็ดเดี๋ยวกระเพราะทะลุกินของจืดบ้างๆ แล้วจะกินได้ไหม”
โอ๊ยที่รักครับ จะทำให้รักให้หลงไปถึงไหนครับ สงสัยคนสวยคงจะห่วงว่าเขาจะกินอาหารพื้นๆแถวนี้ไม่ได้ นี่ศิขรินทร์นะครับ ถึงจะหล่อรวยแต่ไม่ได้เรื่องมากเคยใช้ชีวิตแบบฉบับลูกทุ่งมาตั้งหลายปี ของแค่นี้ทำไมจะกินไม่ได้
“อะ.....เอ่อ ทะ......ท่าน ประธาน กะ..กิน อะไร ดะ...ดี ค่ะ” แม่ครัวเอ่ยวาจาอย่างกล้าๆ กลัว ๆ อีกทั้งยังไม่เงยหน้ามาสบตาอีกต่างหากแล้วอย่างนี้ศิขรินทร์จะสั่งอาหารได้ไหมเนี่ย สงสัยต้องลงมาบ่อยๆเสียแล้ว แม่ครัวแม่บ้านและพนักงานจะได้เลิกกลัว
“แปปนึงนะครับ..............พีตคิดให้ผมหน่อยว่าจะกินอะไรดี” ขอยอมรับด้วยความสัตย์จริงว่าศิขรินทร์ไม่รู้จักอาหารตรงหน้าเลยซักอย่าง ถึงจะเคยใช้ชีวิตแนวลูกทุ่งแต่นั่นก็ตอนอยู่เมืองนอก แต่นี่ประเทศไทยข้าวแกงนั้นช่างห่างไกลตัวของศิขรินทร์จริงๆ
“ตอนเช้าบ่นปวดท้องใช่ไหม งั้นสั่งผัดผักไก่ทอดแล้วกัน”
ร่างบางสั่งการผ่านโทรศัพท์เสียงเฉียบ คงจะห่วงเขามากจริงๆ ต่อไปนี้สงสัยต้องเริ่มฝึกกินข้าวให้ตรงเวลาเสียแล้ว ศิขรินทร์รับฟังอย่างแข็งขัน เมื่อได้ใจความสรุปออกมาว่าเขาควรที่จะทานผัดผักกับไก่ทอดและน้ำผลไม้สักแก้วแล้ว ร่างสูงก็ลงมือมั่วทันที เอาเว้ย สู้!
“ป้าครับเอาผัดผักกับไก่ทอด แล้วก็เอ่อ น้ำแครอทครับ”
แม่บ้านพยักหน้าสรับแล้วหันหลังไปสั่งลูกน้องที่อยู่ด้านหลังสองคนให้ไปกดน้ำแครอทที่ตู้ด้านข้างทันที และนั่นก็ทำให้ศิขรินทร์ได้รู้ว่าหากต้องการจะสั่งอาหารก็เดินเข้ามาเลย แต่น้ำนั้นต้องบริการตัวเอง อืม ฝ่ายโภชนาทำแคนทีนออกมาไม่เลวโครงการดีนะ สมแล้วที่เซ็นอนุมัติเงินให้
ร่างสูงในชุดสูททำงานดูหล่อเหล่าและชวนหลงใหลไม่น้อยเมื่อเดินถือถาดอาหารไปนั่งโต๊ะที่จัดไว้ยังโซนที่จัดสำหรับนั่งรับประทานอาหาร เหล่าพนักงานต่างมองมาที่ชายหนุ่มอย่างตะลึงและเกรงกลัวไปในตัว ไม่คิดว่าชาตินี้จะได้เจออินทรีเงินตัวเป็นๆ และดูเหมือนว่าความเครียดจะไปตกอยู่ที่แม่ครัวและลูกน้องที่ต่างพากันเดินตามร่างสูงออกมาเป็นขบวน ศิขรินทร์จึงหันไปกระซิบปรึกษาในโทรศัพท์กับภัสดาอย่างเบาๆ คนน่ารักแถมใจดีเลยให้คำตอบว่าคุณป้าแม่ครัวคงจะกลัวอาหารรสชาติไม่ถูกปากท่านประธานใหญ่
“ป้าครับ ผมทานได้ครับ ไม่เป็นไร ป้าไม่ทำงานต่อเถอะครับ ขอบคุณมาก”
- ประธานขี้เต๊ะ เสแสร้งแต่หน้าคุณป้าแน่นอนเลย – นี่คือเสียงกระซิบของภัสดาที่ดังแว่วมาจากในโทรศัพท์ ร่างสูงทำอะไรมากไม่ได้เพราะคุณป้าคนเก่งยังไม่ขยับไปไหน
“ถ้าไม่อร่อยรีบบอกนะครับ เดี๋ยวป้าจะปรุงใหม่ทันที”
เมื่อทุกคนสลายหายตัวไปหมดแล้ว แต่ก็ยังคงเหลือพนักงานบางส่วนที่เพิ่งเดินเข้ามา และทุกคนก็ทำหน้าโซนเดียวกันหมดนั่นก็คือ ตะลึง ตกใจ และเกรงกลัว ร่างสูงก็ไม่ได้ว่าอะไร หันไปคุยโทรศัพท์อีกเล็กน้อย
“ศิ ทานผักให้หมด ดื่มน้ำแครอทให้หมด ถ้าเหลือมึงโดน แค่นี้แหละ...............โว๊ยยยยยยยยย ไอ้ลูกหมา!!!!!!!!”
เสียงบอกแกมห่วงใยของภัสดาแปรเปลี่ยนเป็นตะโกนขึ้นมาทันที ถ้าให้เดาคงถูกลูกน้องแซวเรื่องคุยโทรศัพท์แน่ๆ อู่นี้เขาเคารพรักกันปานพี่น้องคลานตามกันมา มิตรภาพมันแน่นแฟ้นเกินกว่าที่ศิขรินทร์จะเข้าใจ แต่มองดูว่ายังไงแล้ว ภัสดานั้นเป็นเทวดาสำหรับทุกคนในอู่นั่นเอง
“ครับ เดี๋ยวตอนเย็นไปรับนะครับ”
“พูดรู้เรื่องแล้วจะย้ำเพื่อ กินๆไป แค่นี้แหละ”
“ก็อยากพูดซ้ำ ย้ำให้ฟังอีกรอบ เผื่อใครแถวนี้อยากโดนทำโทษอีกรอบ”
เพราะเคยมีเหตุการณ์หนีกลับคอนโดก่อน ครั้งนั้นคือครั้งแรกที่ศิขรินทร์จะกลายร่างเป็นเสือที่กระโดดขย้ำคนปากเก่งอย่างภัสดา ทำโทษเล็กๆ น้อยๆ ไม่มีอะไรมาก ก็แค่จับจูบนัยเนียอยู่บนเตียงสามวันสามคืน ไม่ได้ออกไปไหน ไร้ซึ้งการร่วมรักแต่ศิขรินทร์ก็ทำให้คนเก่งปากกล้ากลายร่างเป็นแมวน้อยได้เหมือนกัน บทเรียนครั้งนั้นทำเอาภัสดาเชื่อฟังเขาได้สองวัน แต่ก็กลับมาซ่าส์ได้ในวันที่สาม ซ่าส์ในแบบของคนสวย แต่ไม่กล้าหนีกลับบ้านก่อนอีกแล้ว
“ใครมันอยากโดนอย่างนั้นว่ะ .....แล้วเมื่อไรจะวาง วางไปซิ พูดมากอยู่ได้”
“ก็แล้วทำไมพีตไม่ว่างก่อนล่ะ ผมก็รอให้พีตวางก่อนไง”
“เออว่ะ ทำไมกูถึงไม่ว่าง ............ชิ วางแล้วนะ ........จะวางแล้วนะ .......นี่ๆ กูจะวางแล้วนะ”
“ครับๆที่รัก หึหึ ว่างได้เลยครับ ผมแพ้คุณแล้ว”
เมื่อสัญญาณตัดขาดไป แต่รอยยิ้มก็ไม่ได้จางหายไปจากใบหน้าคมเข้ม เรียวปากสวยยิ้มในแบบฉบับที่คนเดินผ่านไปผ่านมาขาอ่อนได้ทันที อยากจะประกาศให้คนทั้งโลกได้รู้ว่าแฟนเขาน่ะน่ารักขนาดไหน
.
.
.
.
.
ซ่อมครั้งที่หนึ่ง บทที่ 15 !!!
รักและขอบคุณ
By Chocolate Love ~