**มาต่อจนได้จ้า ขอบคุณสำหรับท่านที่ยังคงรออ่านนะคะ ^ ^ ตอนพิเศษตอนนี้คงลงเป็นตอนสุดท้ายในเล้าให้อ่านกันแล้วจ้า
ถ้าสามารถเคลียร์งานค้างอีกเรื่องได้เสร็จทัน ก็ว่าจะรวมเล่มม่านราตรีนี้ไปพร้อม ๆ กันเลย ในปลายเดือนกุมภาพันธ์ค่ะ ซึ่งถ้ามีการรวมเล่มก็คงจะแต่งตอนพิเศษหวาน ๆ เพิ่มในเล่มอีกสักหน่อยตามระเบียบล่ะนะคะ ^ ^
ยังไงก็ขอกล่าวคำว่าขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ติดตามเรื่องนี้มาตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ และตามตอนพิเศษกันด้วย
หวังว่าคงจะได้เจอกันอีกครั้งในเรื่องใหม่ค่ะ
ขอบคุณจริง ๆ แล้วก็สวัสดีปีใหม่ด้วยนะคะ ทักทายช้าไปหน่อย คงไม่ว่ากันนะคะ ^ ^ตอนพิเศษ #2
คืนข้ามปี
...วันสิ้นปี หลายบ้านนั้นวุ่นวายกับการจัดเก็บทำความสะอาดบ้านพักอาศัย และมีหลายบ้านที่จัดงานเลี้ยงฉลองกันตามลำพังครอบครัว หรือร่วมกับเพื่อนฝูง ตุลาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น เขาช่วยพวกพาทิศจัดเก็บกวาดที่คฤหาสน์ม่านราตรี ก่อนจะไปฉลองเป็นส่วนตัวกับครอบครัวและญาติฝั่งแม่ที่บ้านของบิดา
“แย่ชะมัด คิดว่าจะได้เคาท์ดาวน์ปีใหม่กับตุลเป็นครั้งแรกแท้ ๆ”
รุ้งพรายบ่นอุบ เพราะปีที่แล้วตุลาก็กลับไปฉลองกับที่บ้านแบบนี้เหมือนกัน
“เอ่อ คุณรุ้งครับ มันจำเป็นนี่ครับ”
“ใช่ซิ! พวกเรามันไม่ใช่ครอบครัวของตุลนี่นา จะไปสำคัญอะไรกับตุลนักล่ะ!”
รุ้งพรายประชดอย่างพาล ๆ ด้วยความน้อยใจ เพราะเธอเตรียมของขวัญปีใหม่ไว้เซอร์ไพรส์อีกฝ่ายเรียบร้อย และตุลาก็ทำท่าเหมือนกับว่าจะกลับมาร่วมเคาท์ดาวน์ที่คฤหาสน์ได้ ทว่าเพราะปีนี้มีญาติ ๆ มาด้วย ทำให้กำหนดงานเลี้ยงดำเนินยาวไปจนถึงเที่ยงคืน ซึ่งก็ทำให้ชายหนุ่มต้องค้างที่บ้านเดิมไปโดยปริยาย
“ไม่ใช่นะครับคุณรุ้ง”
ตุลาบอกด้วยสีหน้าลำบากใจ ทำให้พาทิศที่เฝ้ามองอยู่ต้องมาช่วยคนรักพูดอีกเสียง
“อย่าทำให้ตุลลำบากสิรุ้ง เธอก็น่ารู้ดีไม่ใช่หรือ ว่าตุลให้ความสำคัญกับพวกเราแค่ไหนน่ะ”
รุ้งพรายชะงัก ปีศาจสาวในร่างแมวเมินมองไปอีกทาง แล้วทำเสียงฮึในลำคอเบา ๆ
“ฉันเข้าใจ แต่แล้วไงล่ะ พวกเราก็อยากใช้ช่วงเวลาพิเศษร่วมกับเขาเหมือนกันนี่!”
“แค่มีตุลอยู่ด้วยทุกวันก็เป็นวันพิเศษแล้วล่ะ เทียบกับทางนั้นที่ตุลจะได้กลับไปหาแค่นาน ๆ ครั้ง หรือช่วงเทศกาลสำคัญแล้ว เธอไม่คิดว่าพวกเราจะมีความสุขกว่าเขาหรือ”
พาทิศเตือนสติ ทำให้รุ้งพรายนึกขึ้นมาได้ ปีศาจแมวสาวเดินเข้ามาคลอเคลียไถขาของตุลา ทำให้ตุลายิ้มออกและอุ้มอีกฝ่ายขึ้นมากอด
“ขอโทษนะตุล ฉันนี่แย่จริง ๆ พาลใส่ตุลแบบนี้”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจดี”
รุ้งพรายซุกศีรษะซบกับอกของอีกฝ่ายนิ่งสักพัก แต่แล้วก็ต้องหลุดร้องเมี้ยวดังลั่น เมื่อถูกมือของใครบางคนจับหลังคอเธอ และหิ้วขึ้นมา
“ซบพอแล้ว นานกว่านี้มีเคืองแน่”
“ปล่อยฉันนะ! ไอ้ซอมบี้ขี้อิจฉาเอ๊ย!”
รุ้งพรายโวยวายลั่นออกไปข้างนอก ทำให้ราตรีที่นั่งคุยกับปิ่นสุดาต้องเหลือบไปมองตามทิศที่มาของเสียง แล้วสั่นศีรษะอย่างเอือมระอาแทบจะพร้อม ๆ กัน
“อีกปีแล้วสินะ ที่ตุลมาอยู่กับพวกเรา เวลานี่มันผ่านไปเร็วจังเลยนะ”
ราตรีเปรยเบา ๆ ซึ่งปิ่นสุดาที่นั่งเล่นอยู่ปากบ่อก็ยิ้มรับ
“นั่นสิคะ จะว่าไปฉันยังจำตอนคุณตุลเป็นเด็กได้อยู่เลยนะคะเนี่ย ตอนนั้นคุณตุลน่ารักมาก แก้มงี้ยุ้ยน่าดึงเล่นเชียว”
ราตรีหัวเราะเบา ๆ อย่างเห็นด้วย ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นกริชกับอธิปออกมาเดินเล่นด้วยกันที่สวน
“คู่นั้นก็เหมือนกันนะปิ่น ตอนแรกไม่คิดว่าจะลงเอยแบบนี้ แล้วดูเข้าสิ ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าอีตาหมอผีลามกนั่น จะไปคู่กับคุณกริชได้ เสียของจริง ๆ ผู้ชายดี ๆ ยิ่งมีน้อยอยู่ ถึงจะเป็นวิญญาณก็เถอะ”
ราตรีบ่นอุบ เพราะเธอไม่ค่อยชอบความทะลึ่งทะเล้นที่อธิปมี แต่พอได้กริชเป็นแฟน หมอผีหนุ่มก็ดูเพลาพฤติกรรมเหล่านั้นลงไปมากทีเดียว
ทางด้านอธิปนั้นกระแอมเบา ๆ อย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ เพราะดันหูดีได้ยินผีสาวนินทาเอาเข้าเต็มเปา เขาเหลือบมองราตรีที่พอเห็นหน้าเขาเข้าก็ค้อนขวับให้ทันที
“ฉันไปทำอะไรให้หล่อนโกรธนะ ถึงได้คอยตั้งแง่เป็นไม้เบื่อไม้เมาแบบนี้ตลอด”
อธิปบ่นอุบ ทำเอากริชหันมาเหลือบตามองอย่างนึกหมั่นไส้
“ทีงี้ทำเป็นไม่จำ ไปจีบ ไปแซว ไปลวนลามผ่านคำพูดกับเขามาเป็นปี เขาไม่ด่าให้ทุกครั้งที่เจอหน้าก็บุญเท่าไหร่แล้ว”
กริชเปรยเรียบ ๆ ทำเอาอธิปสะดุ้ง แล้วรีบโอบร่างโปร่งมากอดหลวม ๆ อย่างประจบ
“โธ่เอ๊ยนายกริช นั่นมันวิธีตีสนิท ไม่ได้ตั้งใจจีบจริง ๆ ซักหน่อย ใช่มั้ยจ๊ะ แม่ผีคนสวย”
อธิปรีบหันไปหาราตรีเพื่อให้ช่วยพูด ราตรีเหลือบมามองอีกฝ่าย แล้วซ่อนยิ้มในสีหน้า ก่อนจะหันมาทางกริช แล้วเอ่ยขึ้น
“ก็คงอย่างที่เขาว่าล่ะค่ะคุณกริช ...คุณอธิปคงไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ ถึงได้เคยแกล้งทำเป็นเนียนกอดฉัน แล้วบอกว่าเข้าใจผิดเป็นคุณน่ะ”
กริชชะงักกึก แล้วหันมามองอธิปเขม็ง จนหมอผีหนุ่มหน้าซีดเผือด
“ง่า...นั่นมันเรื่องเมื่อปีที่แล้วตอนที่ฉันเข้ามาใหม่ ๆ แถมหัวใจก็ยังว่างอยู่นะนายกริช ...ถ้าเป็นตอนนี้ล่ะก็ ไม่มีอีกแล้วแน่นอน”
“แสดงว่าเรื่องจริงสินะ”
“มันก็จริง...”
อธิปบอกเสียงอ่อย แต่ก็ต้องรีบแก้ตัวตามมาเมื่อกริชเมินใส่เขาด้วยความงอน
“โธ่เอ๋ยนายกริช นายก็รู้นิสัยฉันดี เห็นผู้หญิงสวย ๆ ก็อดหยอกล้อนิด ๆ หน่อย ๆ ไม่ได้ แต่ไม่ได้ทำอะไรเสียหายเกินเลยไปกว่านั้นนี่นะ”
“ใช่...ฉันรู้จักนายดี ไม่ทำอะไรเสียหายเกินเลย ถ้าอีกฝ่ายไม่เปิดไฟเขียวให้ใช่ไหมล่ะ!”
กริชประชด ทำให้หมอผีหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอ ราตรีเห็นดังนั้นก็ลอบยิ้มนิด ๆ สะใจที่เห็นอธิปโดนเล่นงานกับเขาบ้าง ถึงแม้เธอจะไม่ได้เกลียดอะไรอีกฝ่ายนัก แต่ก็ขอแก้แค้นคืนเรื่องที่เคยโดนแกล้งเมื่อก่อนบ้างล่ะ
“ไม่เอาน่าอย่างอนสิ ใกล้ปีใหม่แล้วนะ คนดี๊คนดียกโทษให้สามีผู้น่ารักคนนี้เถอะนะ”
กริชหน้าแดงวาบต่อคำพูดของอีกฝ่าย ปิ่นสุดานั้นหลุดกรี๊ดเบา ๆ แล้วหันไปซุบซิบกับราตรีทันที
“ดูสิราตรี เรียกแทนตัวว่าสามีด้วย แสดงว่าเมื่อคืนก่อนที่ผ่านมา ที่ฉันได้ยินแว่วใครเรียกเมียจ๋าอย่าโกรธผัวเลยอะไรนั่น ก็ไม่ได้หูฝาดล่ะสิ”
กริชกับอธิปสะดุ้งเฮือก หันขวับไปที่เงือกสาวแทบจะพร้อมกัน ดูเหมือนว่าปิ่นสุดาจะรู้ตัวเธอแสร้งทำเป็นยิ้มหวานแล้วกระโดดลงไปหลบในบ่อของตน จนคนมองต้องทำตาปริบ ๆ
“เฮ้อ! ยังไงก็น่าเสียดายจริง ๆ นั่นล่ะ เอาเถอะ ฉันเข้าใจนะคะคุณกริช ว่าคนเรามักชอบอะไรที่ตรงข้ามกับตัวเอง ...แต่ยังไงมันก็เหมือนสาวสวยกับสัตว์ป่าลามกอยู่ดีล่ะนะ”
ราตรีพึมพำแล้วหายตัววับกลับเข้าซุ้มดอกราตรีของเธอ เหลือแต่เพียงชายหนุ่มสองคนที่ยืนอยู่ แล้วเป็นกริชที่หันขวับมามองอธิปเขม็ง
“ฉันบอกนายแล้วใช่ไหมว่าอย่าเรียกแบบนั้น ถ้าจะเรียกให้กางเขตแดนก่อนไง เจ้าหมอผีบ้า!”
“ก็ลืมไปนี่นาว่าบ้านหลังนี้มันหูผี จมูกมด กันทั้งนั้น”
อธิปบอกพลางยิ้มเจื่อน ๆ แล้วก็รีบวิ่งตามง้อเมื่อกริชหายตัวหนีไปด้วยความโมโหปนอาย ซึ่งกว่าวิญญาณหนุ่มจะหายงอนได้ อธิปก็ต้องไปเรียกตุลาให้มาช่วยกล่อมด้วยอีกคน
ตกบ่ายของวันนั้น ตุลาก็ออกเดินทางจากคฤหาสน์ม่านราตรีกลับไปร่วมงานเลี้ยงสิ้นปีกับครอบครัวที่บ้านเดิมของเขา ทำเอาสมาชิกที่เหลือมีสีหน้าห่อเหี่ยวไปตาม ๆ กัน
“แล้วทำไมไม่ชวนพวกพี่ชายกับพี่สะใภ้นายมาอยู่เสียด้วยกันเลยล่ะนายกริช เจ้าหนูนั่นจะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมา”
อธิปเสนอความเห็น ทำเอารุ้งพรายในร่างแมวหูกระดิก แล้วมองไปที่กริชอย่างสนใจ
“นายจะหาเรื่องให้พี่ชายกับพี่สะใภ้ฉันหัวใจวายตายหรือไง...อีกอย่างถ้ารู้ว่ามีภูตผีอยู่เป็นฝูงแบบนี้พี่ไกรมีหวังลากตัวตุลกลับ แล้วจ้างหมอผีมาทำพิธีขับไล่พวกนี้หมดแน่”
“พี่ชายนายไม่ชอบผี?”
“เออ! ถึงไม่แสดงออกเท่าตุล แต่รายนั้นทั้งเกลียดทั้งกลัวผีมากเลยทีเดียว ส่วนพี่สะใภ้ฉัน ไม่แสดงออกอะไรเลยว่ากลัว แต่บทจะเป็นลมก็เป็นไปเลยโดยไม่มีเตือนล่วงหน้าน่ะ”
อธิปกับคนอื่น ๆ มองกริชตาปริบ ๆ แล้วต่างก็พึมพำนินทากันเบา ๆ
“แสดงว่าสายเลือดกลัวผีนี่เป็นกรรมพันธุ์สินะ”
อธิปเปรยค่อย ๆ แต่ทำให้คนที่เล่าเรื่องสะดุ้งเฮือก ก่อนจะแสร้งทำเป็นกลบเกลื่อนท่าทีด้วยการวางเฉย ทว่าปฏิกิริยาเมื่อครู่นั้นอยู่ในสายตาของทุกคนหมดเรียบร้อย
“อืม...หวังว่าอาการกลัวผีของครอบครัวนั้น คงไม่ได้เกิดจากกรณีเดียวเหมือนที่ตุลเคยโดนใช่ไหมครับ”
พาทิศเปรยถามอย่างสงสัย ทำเอาคนอื่นหันมองผีดิบหนุ่มและกริชสลับไปมา
“เอ๋? เกี่ยวอะไรกับตุลด้วยหรือ มันเรื่องอะไรกันคะ คุณกริช”
รุ้งพรายถามอย่างแปลกใจ แต่กริชนั้นเบือนสายตาไปทางอื่น ไม่ยอมตอบ ทำให้อธิปที่เฝ้ามองอยู่และรู้นิสัยอีกฝ่ายดีพอจะเดาได้ในที่สุด
“หรือว่า นายไปแกล้งจนพวกเขาจากที่เฉย ๆ เลยกลายเป็นกลัวผีฝังใจไปน่ะ”
กริชสะดุ้ง แล้วเงียบไป ทว่าพอถูกสายตากดดันของทุกคนที่มองมา เขาก็เม้มปากแน่นก่อนจะหันมาโพล่งใส่อย่างหงุดหงิด
“ก็ใช่! ก็ตอนนั้นยังเป็นวัยรุ่นอยากรู้อยากลองอยู่นี่นา แล้วก็สนุกด้วยที่เห็นพี่ชายกับพี่สะใภ้กลัวน่ะ ส่วนตุลก็แค่อยากแหย่หลานเล่น ๆ ใครจะรู้ว่าจะกลัวกันขนาดนี้เล่า!”
คนอื่น ๆ เงียบกริบ ภาพพจน์ดี ๆ ที่เคยสะสมมาของอีกฝ่ายเริ่มพังทลายลงช้า ๆ อธิปถอนหายใจเบา ๆ แล้วลูบศีรษะคนรักค่อย ๆ
“ช่วยไม่ได้ นายมันชอบเล่นชอบทดลองอะไรห่าม ๆ มาตั้งแต่ตอนมีชีวิตอยู่แล้วนี่เนอะ”
“เชอะ! คนเรามันก็เคยมีเรื่องที่ทำผิดพลาดกันบ้างสิ ตอนนี้ฉันก็เสียใจอยู่เหมือนกันนะ กับเรื่องที่เคยทำลงไปน่ะ”
กริชรีบแก้ตัว แต่อธิปและคนอื่น ๆ มองมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ เพราะหวนนึกถึงตอนทดสอบความกล้าครั้งก่อนโน้นที่อีกฝ่ายเป็นคนวางแผน แม้จะบอกว่าทำไปเพื่อลองใจตุลา แต่สีหน้าระรื่นยามที่แผนการสำเร็จนั่น มันก็ทำให้พวกเขาพูดอะไรแทบไม่ออก และไม่อยากบอกตุลาให้รู้ด้วย เพราะกลัวว่าชายหนุ่มจะน้อยใจ อีกอย่างถึงจะพูดออกไป แต่กริชก็มีวิธีกลับดำเป็นขาว ทำให้ตุลาชื่นชมตนเองได้เสมออยู่แล้ว
“อธิป...ไม่เชื่อที่ฉันพูดหรือ”
กริชสบตากับคนรักแล้วทำเสียงอ้อน ๆ จนอธิปต้องกลืนน้ำลายลงคอ แล้วรีบบอก
“เชื่อสิ จะไม่เชื่อได้ไงล่ะ”
กริชลอบยิ้มน้อย ๆ ทำเอาพาทิศ ราตรี และ รุ้งพราย ต้องมองตากันปริบ ๆ ก่อนจะสั่นศีรษะอย่างระอา แล้วแยกย้ายกันไปคนละทาง เพราะดูเหมือนทั้งคู่จะเริ่มสร้างโลกส่วนตัวของพวกเขาขึ้นมาเสียแล้ว
เสียงเพลง เสียงดนตรี จากในหมู่บ้านดังแว่ว ๆ มาจนถึงคฤหาสน์ม่านราตรี ที่ตอนนี้ค่อนข้างจะเงียบเหงา เพราะสมาชิกในคฤหาสน์ไม่มีแก่ใจจะจัดงานเลี้ยงสังสรรค์อย่างคนอื่นเขาเลยสักนิด
“ป่านนี้ตุลคงกำลังสนุกอยู่แน่ ...ฮึ!”
รุ้งพรายบ่นพึมพำ เธอและคนอื่น ๆ มานั่งเล่นกันที่ซุ้มดอกราตรี เพราะขี้เกียจนั่งเหงาจับเจ่าอยู่แต่ในคฤหาสน์นั่นเอง
“อืม...หรือไม่ก็กำลังถูกสาว ๆ หลีอยู่ ญาติฝั่งแม่เด็กนั่น มีแต่สาวเอ๊าะ ๆ ทั้งนั้นเลยไม่ใช่หรือ”
อธิปที่พอจะจำได้เอ่ยกระเซ้าผีดิบหนุ่ม แต่กริชนั้นลอบมองคนรักแล้วเปรยขัด
“สาวเอ๊าะ ๆ ที่นายเห็นเมื่อสิบปีก่อน ตอนนี้ก็กลายเป็นรุ่นป้ากันหมดแล้วมั้งนั่น”
หมอผีหนุ่มชะงักกึก แล้วทำท่ากอดอกสยองเมื่อจินตนาการถูกทำลายจนย่อยยับ
“หมดกันนายกริช นายทำฉันสยองส่งท้ายปีเลยนะเนี่ย”
อธิปบ่นอุบเรียกเสียงฮึเบา ๆ จากวิญญาณหนุ่ม พร้อมกับเสียงเปรยประชดตามมา
“อยากเห็นสาว ๆ สวย ๆ ก็ไปเรียกพวกนางไม้กิ๊กเก่านายมาสิ!”
“แหม ๆ บอกแล้วไงว่าเลิกหมดแล้ว ตอนนี้เปลี่ยนสเป็คมาเป็นแบน ๆ ขาว ๆ เร่าร้อน เซ็กซี่ใกล้ ๆ นี่แทนแล้วล่ะ”
อธิปหยอดคำหวานแต่ดูเหมือนจะทำให้คนฟังโมโหเสียมากกว่า เพราะหมอผีหนุ่มเล่นพูดจาไม่ดูสถานที่เลยว่ามีคนอื่นนั่งอยู่ด้วยหรือไม่
“คืนนี้อย่าหวังจะได้ยุ่งด้วยเลย!”
กริชกระซิบขู่อย่างหมั่นไส้ ทำเอาหมอผีหนุ่มต้องรีบอ้อนประจบ ภาพที่เห็นทำให้พาทิศรู้สึกคิดถึงตุลาขึ้นมาบ้างเช่นกัน
“ไม่โทรไปหาล่ะพาทิศ ถ้าแค่คุยโทรศัพท์คงปลีกตัวมาได้หรอกนะ”
ราตรีเสนอเพราะหันไปเห็นใบหน้าหมอง ๆ ของเพื่อนชายเข้าพอดี
“อ๊ะ! จริงด้วย พวกเราก็เคาท์ดาวน์ผ่านทางโทรศัพท์กับตุลก็ได้นี่นา เร็วเข้า ไปโทรกันเถอะ!”
รุ้งพรายรีบขัดอย่างดีใจ ทว่าอธิปกลับเหลือบมองดูนาฬิกาข้อมือ แล้วหันไปมองปีศาจแมวสาว
“นี่แม่เหมียว นี่เพิ่งสี่ทุ่มเองนะ ถ้าใช้เบอร์บ้านโทรเข้ามือถือหมอนั่น รับรองเดือนนี้เจ้าหนูจ่ายค่าโทรศัพท์ตรึมแน่”
อธิปรีบแย้ง ทำเอารุ้งพรายต้องหันกลับมามอง
“งั้นใช้มือถือของลุงโทรแทนได้เปล่าล่ะ”
รุ้งพรายบอกแล้วยิ้มหวาน แต่อธิปนั้นกลับแค่นหัวเราะแล้วเปรยไปมองที่กริชซึ่งทำเฉไฉมองไปทางอื่น
“ฉันโดนยึดโทรศัพท์ไปแล้ว แถมโดนหักซิมทิ้งอีก แค่มีสาวโทรมาคุยด้วยตามประสาคนคุ้นเคยแท้ ๆ”
“คุ้นเคย? คนคุ้นเคยเขาไม่จ๊ะจ๋ากันหวานฉ่ำอย่างนั้นหรอกนะ อีกอย่างหักซิมทิ้งไปก็ดีแล้วนี่ จะได้ไม่ต้องคอยเติมเงินให้สิ้นเปลืองไง แล้วนายก็เลิกอาชีพหมอผีแล้วด้วย ไม่เห็นจำเป็นต้องพกโทรศัพท์เอาไว้กับเขาเลย...จริงไหม”
กริชบอกแล้วยิ้มหวานเย็นชาให้ ทำเอารุ้งพรายต้องลอบกลืนน้ำลายลงคอ แล้วขยับไปห่างอย่างนึกกลัว ส่วนอธิปได้แต่ยิ้มหน้าเจื่อน ๆ แล้วพยักหน้ารับอย่างขัดไม่ได้
“จ้า ที่รัก นายพูดถูกทุกอย่างเลย ไม่ผิดเลยสักนิดเดียว”
กริชทำเสียงฮึในลำคออย่างหมั่นไส้เพราะรู้ดีว่าถูกประชด จากนั้นเขาจึงหันไปทางพาทิศแล้วบอกกับอีกฝ่าย
“ใกล้ ๆ เที่ยงคืนแล้วโทรไปสิ เพราะพอใกล้เที่ยงคืน พวกผู้ใหญ่ทางโน้นก็คงเมาแอ๋กันหมดแล้วล่ะ ตุลก็คงจะว่างพอดี”
ผีดิบหนุ่มยิ้มรับอย่างขอบคุณ จากนั้นรุ้งพรายก็ชวนปิ่นสุดา และราตรี คิดคำอวยพรปีใหม่ที่จะใช้พูดกับอีกฝ่ายตอนเที่ยงคืนของวันนี้ ทั้งหมดกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง อธิปกอดเอวกริชหลวม ๆ แล้วหอมแก้มวิญญาณหนุ่มฟอดใหญ่ ระหว่างที่ยืนดูทุกคนนั่งคิดคำอวยพร ทำเอากริชหน้าแดงแล้วหยิกแขนหมอผีหนุ่มแรง ๆ โทษฐานทำรุ่มร่ามไม่เข้าท่า จนสาว ๆ ต้องหันมาอมยิ้มน้อย ๆ แล้วหันกลับไปนั่งคิดคำอวยพรของพวกหล่อนกันต่อไป
พอถึงเวลาเกือบเที่ยงคืน พาทิศก็ต่อสายไปหาคนรักของเขา โดยมีคนอื่น ๆ ล้อมวงโทรศัพท์ ที่ตอนนี้เปิดลำโพงให้ได้ยินเสียงปลายสายกันถ้วนหน้า
“สวัสดีครับ ตุลาพูดครับ”
ตุลารับโทรศัพท์อย่างแปลกใจที่เห็นเบอร์จากคฤหาสน์ม่านราตรีโทรเข้ามา แต่แล้วเขาก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงทักทายดังขึ้นหลายเสียง
“เอ๋...เกิดอะไรกันขึ้นหรือครับนั่น”
“ทุกคนอยากเคาท์ดาวน์ไปพร้อมกับตุลน่ะ ตุลยุ่งอยู่หรือเปล่า”
พาทิศเอ่ยถาม เสียงปลายสายเงียบไปสักพัก พวกเขาได้ยินเหมือนตุลาคุยอะไรบางอย่างกับใครสักคน จากนั้นจึงมีเสียงดังขึ้น
“ตอนนี้ไม่ยุ่งแล้วล่ะครับ ...คุยได้ตามสบายเลย”
“สนุกไหมงานเลี้ยง”
“สนุกดีครับ แต่ถ้ามีทุกคนอยู่ด้วยคงยิ่งสนุกกว่านี้”
ตุลาตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทำให้คนฟังแต่ละคนอมยิ้ม โดยเฉพาะผีดิบหนุ่มยิ่งอยากเห็นหน้าคนรัก แล้วหอมแก้มสักฟอดใหญ่ ๆ เพื่อเป็นการขอบคุณความน่ารักของอีกฝ่าย
“ตุล! พวกเราคิดคำอวยพรปีใหม่เอาไว้ให้นายด้วยนะ”
เสียงรุ้งพรายแทรกขัดเข้ามา แล้วก็ตามมาด้วยราตรี กับปิ่นสุดา ที่บอกให้ตุลากลับบ้านพรุ่งนี้ไว ๆ พวกเธอจะได้จัดปาร์ตี้งานปีใหม่ให้กับชายหนุ่มตั้งแต่เช้า
“ครับ ๆ อยากกลับให้ถึงบ้านจะแย่อยู่แล้ว คิดถึงทุกคนที่สุดเลยครับ”
ตุลาบอกตามมาอย่างร่าเริง แล้วหลุดร้องอ๊ะเบา ๆ ก่อนเงียบไป ทำให้ทุกคนตกใจถ้วนหน้า
“เป็นอะไรไปตุล!”
กริชรีบถามอย่างเป็นห่วง เสียงหัวเราะแห้ง ๆ ดังเข้ามาก่อน แล้วปลายสายจึงดังขึ้นอีกครั้ง
“หกล้มน่ะครับ พอดีมัวแต่คุยไม่ได้มองทาง”
กริชกับคนอื่นขมวดคิ้วยุ่ง ส่วนอธิปถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ระวังหน่อยสิเจ้าหนู เดี๋ยวทางนี้ก็รีบหายตัวแจ้นไปหาเพราะห่วงหรอก”
หมอผีหนุ่มเอ่ยพาดพิงคนใกล้ตัว ทำให้กริชหันมาค้อนขวับ แล้วคุยกับหลานชายต่อ
“พวกพี่ไกร กับพี่สาเป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม”
“สบายดีทั้งคู่ครับ พ่อยังบ่นถึงอาให้ผมฟังอยู่เลย ว่าถ้าอายังอยู่คงได้มาฉลองด้วยกัน”
กริชรับฟังยิ้ม ๆ เขารู้ว่าพี่ชายรักเขามาก และเขาเองก็รู้สึกผิดต่อพี่ ที่ตัดสินใจทิ้งชีวิตนี้โดยไม่ได้ปรึกษาอีกฝ่าย ถ้าเกรียงไกรรู้ คงโกรธและผิดหวังในตัวเขามากทีเดียว
“ตอนนี้คุยอยู่ที่ไหนเนี่ย ถ้าอยู่นอกบ้านก็เข้าบ้านไปก่อน อากาศค่อนข้างเย็นนะวันนี้ ระวังจะเป็นหวัด”
กริชถามอย่างเป็นห่วง เสียงหัวเราะอ่อย ๆ ดังขึ้นปลายสายชวนให้สงสัย แต่พอจะถาม รุ้งพรายก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน
“คุณกริช! อย่ามัวแต่ชวนคุยสิคะ ตุล! อีกห้านาทีเองนะ มาเตรียมนับถอยหลังกันได้แล้วเร็วเข้า!”
กริชชะงักกึก ก่อนจะยอมปล่อยให้สาว ๆ ล้อมวงโทรศัพท์และตัวเขาถอยออกมายืนห่าง ๆ เช่นเดียวกับพาทิศและอธิป
“โดนแย่งเจ้าหนูไปแล้วนะนาย”
อธิปเอ่ยแซวพาทิศที่ยืนยิ้มมองสาว ๆ ที่กำลังแย่งกันคุยกับตุลาอยู่ ผีดิบหนุ่มหันกลับมาแล้วบอกพร้อมรอยยิ้มน้อย ๆ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ นาน ๆ ที”
“เหอะ ๆ นั่นสิ ปกติเจ้าหนูก็ขลุกอยู่แต่กับนายทั้งกลางวันกลางคืนนี่นะ”
อธิปเปรย ทำเอาคนข้าง ๆ คิ้วกระตุกขึ้นมานิด ๆ ด้วยความหวงหลานชาย แต่ก็ต้องหันกลับไปอีกทางเมื่อได้ยินเสียงอุทานอย่างตื่นเต้นของรุ้งพรายดังขึ้น
“ต๊าย! อีกนาทีเดียวเท่านั้น เอาล่ะนะ เริ่มนับถอยหลังกันล่ะ ....ตุล ยังฟังอยู่หรือเปล่า!”
รุ้งพรายตะโกนถามด้วยความแปลกใจ เพราะคุย ๆ กันอยู่เสียงตุลาก็หายไปจากโทรศัพท์เสียเฉย ๆ แถมยังได้ยินเสียงลมแว่ว ๆ เข้ามาในสายอีกต่างหาก
“ตุล! เป็นอะไรยังฟังอยู่หรือเปล่า”
กริชถามขึ้นบ้าง แม้แต่พาทิศเองก็เริ่มชักจะวางเฉยไม่ไหว
“ตุล...ได้ยินพวกเราไหม”
เสียงเงียบไปจนทุกคนใจคอไม่ดี และก่อนที่กริชจะตัดสินใจหายตัวกลับไปดูหลานชายที่บ้านเดิม เขาก็ต้องชะงักกึก เช่นเดียวกับทุก ๆ คนที่อยู่ในคฤหาสน์นั่น เมื่อได้ยินเสียงรั้วบ้านเปิดออก พร้อมกับร่างหนึ่งที่เพิ่งมาถึง
“ตุล!”
ทุกคนทิ้งโทรศัพท์วิ่งไปที่หน้าบ้าน พวกเขาเห็นตุลายิ้มกว้าง แล้วกึ่งวิ่งกึ่งเดินขึ้นมา
“ยังเหลืออีกสิบวินะครับ”
ตุลาโชว์นาฬิกาบนมือถือของเขาให้ทุกคนเห็น รุ้งพรายชะงักก่อนหันไปสบตากับคนอื่น ๆ ทุกคนมีรอยยิ้มกลับมา แล้วเริ่มนับถอยหลังตามเวลาที่เหลืออยู่
“5... 4 ... 3...2 ...1 สวัสดีปีใหม่!”
เสียงประสานด้วยความยินดีดังกังวานไปทั่วคฤหาสน์ม่านราตรี และหลังจากที่ต่างคนต่างอวยพรปีใหม่กันเรียบร้อย ตุลาก็ถูกพาเข้ามาในบ้าน ส่วนพาทิศก็ไปชงนมอุ่น ๆ มาให้ชายหนุ่มดื่มแก้หนาว เพราะทั้งหน้าและทั้งมือของอีกฝ่ายนั้นเย็นเฉียบไปหมด
“ดูสิ มือเย็นเชียว เหลวไหลจริง ๆ ทำไมถึงกลับมาคนเดียวดึก ๆ แบบนี้ รู้ไหมว่ามันอันตรายมากน่ะ”
กริชบ่นใส่หลานชาย เช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ที่รุมดุชายหนุ่มราวกับเขาเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ ตุลายิ้มแห้ง ๆ แล้วบอกเสียงอ่อย
“ก็ผมคิดถึงทุกคนนี่ครับ อย่างน้อยก็อยากจะมาร่วมเคาท์ดาวน์ด้วยกัน เลยขออนุญาตพ่อกับแม่ออกมาก่อน”
พอได้ยินคำพูดของตุลา คนอื่น ๆ ก็พากันโกรธไม่ลง และต่างมีรอยยิ้มให้เหมือนเดิมก่อนหน้านั้น
“แล้วพี่ไกรยอมปล่อยหลานมาง่าย ๆ อย่างนั้นหรือ”
กริชถามอย่างสงสัย ซึ่งตุลาก็หันไปยิ้มให้กับผู้เป็นอา แล้วบอกออกไปตามตรง
“ผมบอกว่ามีคนสำคัญรออยู่ครับ...พ่อกับแม่ก็ไม่ซักอะไรมาก แต่พวกท่านบอกว่า ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ก็เล่าให้ฟังบ้างแล้วกัน”
คำพูดของตุลาทำเอาทุกคนตาเบิกกว้าง แม้แต่กริชเองก็ยังตกใจด้วยเช่นกัน
“หรือว่าทั้งคู่พอจะรู้ระแคะระคายบ้างแล้ว”
กริชพึมพำ แต่อธิปนั้นเหลือบไปมองคนรัก แล้วเปรยขึ้นบ้าง
“ถ้าได้อ่านนิยายของเจ้าหนูเรื่องแรกนั่น แล้วไม่คิดว่ามันเป็นแค่นิยายก็คงพอจะเดาอะไรออกได้บ้างล่ะ”
คำพูดของอธิปทำให้คนอื่นหันมาสบตากันอย่างเป็นกังวล แต่ตุลานั้นกลับขัดขึ้นมาเสียก่อน
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ถ้าพวกท่านไม่ยอมรับ ผมก็จะพยายามอธิบายจนกว่าพวกท่านเข้าใจ ...แต่ผมเชื่อนะครับ ว่าพวกท่านจะต้องชอบพวกคุณเหมือนกับผมแน่นอน”
สมาชิกในม่านราตรีหันมาสบตากัน แล้วต่างมีรอยยิ้มมอบให้กับเจ้าของบ้านคนปัจจุบันกันถ้วนหน้า
“แน่นอน ก็พวกท่านเป็นพ่อแม่ของเธอนี่นะ”
พาทิศบอกพร้อมรอยยิ้ม ตุลายิ้มน้อย ๆ ตอบคนรัก จากนั้นพวกเขาก็พูดคุยกันถึงการเตรียมตัวต้อนรับพ่อแม่ของชายหนุ่ม ซึ่งตุลาก็รีบร้องห้ามเสียงหลง เพราะรุ้งพรายเตรียมเสนอการต้อนรับแบบจัดหนักเพื่อเสริมภูมิต้านทานให้ทั้งคู่ ทางด้านกริชนั้นหัวเราะเบา ๆ แต่ก็แอบนิ่งคิดอะไรเงียบ ๆ อย่างสนใจเช่นกัน ทำเอาตุลาต้องหันมามองอาของตนตาปริบ ๆ เลยทีเดียว
จากนั้นเวลาก็เริ่มล่วงเข้าสู่ตีหนึ่ง ตุลาหาวขึ้นเบา ๆ เพราะความง่วง ทุกคนจึงแยกย้ายกันไป และปล่อยให้ตุลาขึ้นไปนอนพักผ่อน ชายหนุ่มเอ่ยลาและกล่าวสวัสดีปีใหม่ทุกคนอีกครั้ง เขาเดินขึ้นชั้นสองไปพร้อมกับพาทิศ ก่อนจะหยุดมองลงมารอบ ๆ ทั่วคฤหาสน์ พลางพึมพำกับตัวเองแผ่วเบา
“สวัสดีปีใหม่นะม่านราตรี ปีนี้ก็ขอฝากตัวด้วยอีกเหมือนเดิมนะ”
.... END …
ฝากข่าวนิดนึงค่ะ ตอนนี้ปัดเปิดรีไรท์นิยายทำมือเก่า ๆ ที่เคยทำไป
อาทิเช่น คุณตำรวจยอดรัก คุณอาที่รัก ดวงใจจ้าวมังกร โดยเปิดจอง/โอนตั้งแต่วันที่ 2 มกรา ถึง 14 กุมภา 55 ค่ะ
อ่านรายละเอียดได้ที่นี่ค่ะ
จิ้มจ้ะ