เที่ยงคืนกว่าผมก็ถึงกรุงเทพฯครับ ผมเรียกแท๊กซี่ไปบ้านลุงวัฒน์ทันทีเพราะกำชับลุงเค้าไปแล้วว่าไม่ต้องมารับเพราะมันจะดึกมากไปรบกวนเค้าเปล่าๆ แต่พอไปถึงบ้านเค้าผมก็เห็นเค้ารอผมกันอยู่ ลุงวัฒน์ท่าทางดีใจมากต้อนรับผมอย่างดีเหมือนเคย
" เป็นไงมั่ง หือ... เหนื่อยมั๊ยเรา กินไรมารึยังล่ะเนี่ย หิวมั๊ย" ลุงวัฒน์เอ่ยชวน ผมก็ยิ้มแล้วส่ายหน้านิดนึง
" ไม่หิวแล้วครับ งั้นเดี๋ยวผมเอาของไปเก็บบนห้องก่อนนะครับ" ผมบอกแกไปแล้วก็ขนของขึ้นห้องไป ห้องนี้มันก็ห้องเดิมล่ะครับ ผมเคยมานอนบ้านแกบ่อยๆอยู่แล้วแทบทุกปิดเทอม เพราะงั้นผมถึงคุ้นเคยกับบ้านนี้ดี
" งั้นเดี๋ยวก็ไปอาบน้ำแล้วนอนนะลูก นั่งรถมาเหนื่อยๆเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน เอ้อ... แล้วเราจะเอาอะไรอีกมั๊ย" ลุงวัฒน์เข้ามาถามผมที่ห้อง
" ไม่เป็นไรครับลุง ขอบคุณมากครับ" ผมปฏิเสธไป ลุงเค้าก็ไม่เซ้าซี้แล้วออกจากห้องไป ผมล้มตัวลงนอนคิดถึงวันพรุ่งนี้ว่ายังมีอะไรให้ผมต้องทำอีกเยอะมากอีกแค่ไม่กี่อาทิตย์ผมก็จะเปิดเทอมและต้องไปรร.ใหม่แล้ว ยังไม่รู้เลยว่าจะเป็นยังไงมั่งแต่ก็เอาเหอะ บอกแล้วว่าคงต้องลองกันดูสักตั้งน่ะนะ
-
-
วันนี้ผมไปที่รร.ใหม่เพื่อไปดูสถานที่กับลุงวัฒน์ อาจารย์พละที่สนิทกันกับลุงวัฒน์เค้าก็มาสัมภาษณ์ผมหลายเรื่อง ก็เรื่องเกี่ยวกับบอลนั่นแหละครับ ท่าทางเค้าก็พอใจผมมากอยู่นะเพราะลุงวัฒน์เค้าก็เชียร์ผมน่าดูเหมือนกัน
ที่รร.นี้อะไรๆก็ดูดีดูเลิศไปหมดครับ แค่โรงยิมก็มีตั้งสามหลังแถมข้างในก็ใหญ่สุดยอด มีสระว่ายน้ำทั้งในร่มและกลางแจ้งอีกสองสระเป็นสระระดับมาตรฐานโอลิมปิค เพราะงั้นไม่ต้องพูดถึงสนามบอลกันล่ะว่าจะยอดเยี่ยมแค่ไหน ขนาดแค่เห็นหญ้าในสนามผมก็รู้สึกเลยว่าเวลาลงไปเล่นมันคงนุ่มเท้ากว่าหญ้าที่รร.เก่าผมแน่ๆ
" เป็นไงมั่งเรา ชอบมั๊ย รร.นี้เค้ามาตรฐานอันดับหนึ่งทุกอย่างเรื่องกีฬาอยู่แล้ว รับรองหายห่วง" ลุงวัฒน์ถามผมตอนเดินกลับมาที่รถ
" ชอบมากครับ ทุกอย่างเพอเฟคหมด นี่ถ้าต้องจ่ายค่าเทอมเองผมคงไม่ไหวแน่ๆเลย"
" ฮ่าๆ ไม่ต้องห่วง เราอ่ะเรียนฟรีไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แค่ตั้งใจซ้อมให้ดีๆก็พอ ที่เหลือลุงจัดการเองว่ะ"
" ครับลุง แล้วผมจะพยายามตั้งใจเรียนตั้งใจซ้อมให้เต็มที่นะครับ" ผมรับปากลุงวัฒน์ไป เค้าก็ยิ้มเอามือมาลูบหัวผม
" ดีมาก... ฮ่าๆ เอ้อ... ไปกันดีกว่า เดี๋ยวไปกินข้าวกันก่อน จะเที่ยงแล้ว" ลุงวัฒน์ว่าแล้วก็ออกรถขับออกไปร้านอาหารแถวนั้น พอกินกันเสร็จก็กลับไปบ้าน
เย็นวันนั้นผมโทรคุยกับไอ้วินไอ้ป่านที่พ่วงสายมาด้วยกัน มันบ่นคิดถึงผมกันใหญ่โดยเฉพาะแหวนที่ก็โทรมาแทบทุกวันอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้คุยอะไรกันสักเท่าไหร่
ไอ้ป่านบอกว่าไอ้ทักมันโทรมาถามถึงผมด้วยทำเอาผมงงเหมือนกันว่าทำไม แต่ไอ้ทักมันไม่ได้บอกว่าจะถามไปทำไมหรอกนะ แล้วมันก็พยายามคาดคั้นเอาที่อยู่ผมที่กรุงเทพฯให้ได้แต่ไอ้ป่านมันก็ไม่ได้บอกอะไรไปเพราะตัวมันเองก็ไม่รู้อยู่ดี ผมไม่เคยบอกที่อยู่บ้านลุงวัฒน์กับมันอยู่แล้วด้วย และไอ้ที่ผมสงสัยมากๆตอนนี้คือตกลงไอ้ทักมันจะมาถามเรื่องนี้ไปทำไมวะ
" ที่จริงอ่ะถึงกูจะรู้กูก็ไม่บอกมันหรอกว่ะ น่ารำคาญ เรื่องนี้มันน่าจะจบๆไปได้ละ มึงก็ตัดใจไปแล้ว แต่นี่มันยังจะตามมาราวีอะไรอีกก็ไม่รู้ว่ะ" ไอ้ป่านบ่นให้ฟัง
" เหรอวะ เออๆ มึงไม่ต้องบอกมันก็ดีเหมือนกัน ไม่รู้ว่ามันจะต้องการอะไรน่ะนะ แต่กูก็ไม่อยากไปรับรู้อะไรกะมันอีกแล้วล่ะว่ะ ก็ช่างมันเหอะ"
" เออ... กูไม่บอกมันหรอก แต่เนี่ย ดีใจด้วยนะเว้ยที่มึงได้ที่สามอ่ะ พวกกูอยากไปดูมึงรับรางวัลจังว่ะ แต่เดี๋ยวต้องดูก่อนว่าจะไปได้มั๊ย"
" เออ... ดีๆ กูก็อยากให้พวกมึงมานะเว้ย ชวนไอ้โด่งมาด้วยได้ยิ่งดีอ่ะ เดี๋ยวกูเลี้ยงเอง" ผมชักตื่นเต้นที่พวกมันบอกว่าจะมางานรับรางวัลผม
ดีชะมัดที่พวกมันจะมาเจอผมในวันงาน ถ้างั้นผมคงต้องโทรบอกพ่อกับอาวดีแล้วล่ะ ไหนๆก็ไหนๆผมเองก็อยากให้พ่อกับอามาในงานด้วยเหมือนกัน เค้าคงจะดีใจและภูมิใจมากไม่งั้นเค้าจะหาว่าทำไมเรื่องสำคัญยังงี้ผมถึงไม่บอกเค้า
-
-
และแล้ววันที่ผมรอคอยก็มาถึงซะที บ่ายนี้ผมต้องไปงานที่พารากอนแล้ว นี่ผมตื่นเต้นน่าดูเหมือนกัน นัดไอ้ป่านไอ้วินไอ้โด่งไว้เรียบร้อยแล้วพอถึงเวลาผมก็ออกไปหาพวกมัน ส่วนพ่อกับอาผมจะตามมาทีหลังให้ผมรออยู่ที่งานได้เลย
ตอนนี้ผมมายืนอยู่ในงานต่อหน้าผลงานของผมเองที่ถูกอัดขยายทำเป็นเหมือนภาพโปสเตอร์ขนาดใหญ่มากติดอยู่กับบอร์ดแสดงงาน รูปนี้คือรูปฮิ้นท์มันตอนที่หันมายิ้มกับผมและผมถ่ายมันไว้ได้พอดี และที่ยิ่งทำให้ผมดีใจมากๆก็คือมีคนมากมายมายืนดูรูปของผมนี่แหละครับ แต่ละคนดูไปผมก็เห็นว่าเค้ามักจะอมยิ้มไปด้วยเหมือนกับว่ามีความสุขที่ได้เห็นรูปนี้
แต่ผมคิดว่าคงยังไม่มีใครรู้มั๊งว่าคนถ่ายรูปนี้ก็มายืนอยู่ข้างๆเค้านี่แล้ว อาจจะไม่มีใครคิดด้วยซ้ำว่าเด็กอย่างผมจะเป็นคนถ่ายรูปนี้ก็เป็นได้ แต่แค่นี้ผมก็ดีใจมากแล้วล่ะ ฝันส่วนนึงของผมได้เป็นจริงซะทีเพราะผมอยากที่จะมีโอกาสได้ติดผลงานตัวเองให้คนมาชมแบบนี้สักครั้งอยู่แล้ว
" โห...ไอ้ฮัท... งานนี้งานใหญ่น่าดูเลยว่ะ นักข่าวมากันเพียบเลยอ่ะ ยังงี้ก็ได้ออกทีวีสิวะ" ไอ้ป่านท่าทางมันตื่นเต้นยิ่งกว่าผมอีก ส่วนไอ้ที่เหลือก็ดูจะพอๆกัน
" เยี่ยมเลยเว้ย เพื่อนกู... เกิดแน่ๆมึงงานนี้"
" ไอ้บ้า.... เกิดห่าอะไรล่ะ เค้าให้มารับรางวัลเว้ย ไม่ได้มาประกวดเอเอฟ" ผมหันไปแกล้งว่ามัน
" ไม่รู้ล่ะเว้ย งานนี้มึงได้ออกทีวีแน่นอนว่ะ เผื่อมีแมวมองมาทาบทามมึงไปเข้าวงการไง ฮ่าๆๆ"
" ไปกันใหญ่ละมึง นี่มันงานประกวดภาพถ่ายเว้ย เลอะเทอะว่ะ... ไปๆ พวกมึงไปหาที่นั่งกันก่อน จองไว้ให้พ่อกะอากูด้วยนะเดี๋ยวเค้าจะมา กูจะไปเตรียมตัวกะเค้าหลังเวทีแล้ว" ผมบอกแล้วก็ไล่พวกมันไปหาที่นั่งที่เค้าจัดเตรียมไว้หน้าเวที
ผมเดินไปหาพี่ๆทีมงานที่หลังเวทีประมาณว่าไปรายงานตัวว่ามาแล้ว พวกพี่เค้าก็ให้ผมไปนั่งรอเตรียมตัวอยู่แถวหลังเวทีนั่นแหละ
" ฮัลโหล... ครับ... มาถึงแล้วใช่ป่ะ งั้นก็เข้ามาในงานได้เลยครับพ่อ พวกไอ้ป่านมันรออยู่ ไปนั่งกะพวกมันได้เลยครับ" ผมรับสายพ่อผมที่โทรมาแล้วก็วางไป จากนั้นผมก็นั่งรออยู่ตรงนั้นต่อ
" เอ้อ... น้องครับ น้องชื่อบุญณรงค์ที่ได้ที่สามใช่มั๊ยครับ" เสียงๆนึงถามผมจากด้านหลัง พอหันไปเห็นผมก็ตกใจนิดนึงเพราะว่าเค้าก็คือพี่ตากล้องชื่อดังคนที่ชมงานผมในบทวิจารณ์ของหนังสือนั้นน่ะเอง
" เอ่อ... ครับพี่ ใช่ครับ ผมเองครับ"
" หึๆ ดีเลยครับ เจอตัวจนได้ พี่อ่ะตามหาเราอยู่เลยนะเนี่ย"
" หือ... ตามหาผม... " งงดิครับ งานนี้ คนระดับนี้จะมาตามหาผมทำไมวะเนี่ย
" ครับ... ใช่แล้ว พี่อ่ะตามหาเราอยู่เพราะว่าพี่อยากถามอะไรเราหน่อยน่ะ"
" ทำไมเหรอครับ"
" พี่อยากรู้น่ะว่าคนในรูปที่น้องถ่ายน่ะเค้าเป็นใครเหรอ..." พี่ตากล้องถามผมแล้วยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย
"เอ่อ... เค้าเป็นเพื่อนผมเองครับ"
" หึๆ เพื่อนเราเหรอ อืม... เพื่อนเราจริงๆเหรอ แน่ใจนะ" คราวนี้เค้ายิ่งยิ้มใหญ่เลยอ่ะ เหมือนกะว่าจะจับผิดอะไรผมยังงั้นเลย
" เอ่อ... ก็ เพื่อนจริงๆครับ พี่คิดว่าไม่ใช่เหรอ"
" ฮะๆๆ เปล่าหรอก ไม่มีอะไร พี่อยากถามให้แน่ใจเท่านั้นแหละ เพราะพี่ดูตามเนื้องานเราน่ะนะ ลองถ้าถ่ายเก็บอารมณ์และทุกๆอย่างออกมาได้ดีขนาดนั้นน่ะ มันดูเหมือนกับว่าเป็นคนรักกันอยู่เลยนะ" ผมสะดุ้งทันทีที่เค้าบอกมาแบบนั้น ไม่อยากเชื่อว่ะอะไรมันจะขนาดนั้น นี่งานผมมันสื่อออกมาได้ขนาดนั้นเลยเหรอ
" ฮ่าๆๆ เอาล่ะๆ ไม่ต้องทำหน้าไม่ถูกขนาดนั้นก็ได้ เอาเป็นว่าพี่จะเข้าใจไปตามที่พี่เห็นและเราอยากให้พี่รู้ก็ละกันนะ แต่ยังไงก็ต้องขอชมเราจริงๆเพราะว่างานสวยมากครับ ไม่อยากเชื่อว่าเป็นฝีมือเราเลยนะ อายุแค่นี้เอง รับรองยังงี้อนาคตไกลแน่เรา สนใจอยากเรียนต่อด้านนี้โดยตรงมั๊ยล่ะ ไว้พี่จะช่วยแนะนำให้" พี่ตากล้องยื่นข้อเสนอให้ผมแล้วยิ้ม ผมก็อึ้งไปเลย ไม่นึกว่าอยู่ๆก็มีโอกาสดีๆเข้ามาหาผมอีกแล้ว ทำไมผมเฮงจังวะ
" เอ้อ... ครับพี่ สนใจสิครับ ผมก็อยากเรียนต่อด้านนี้อยู่เหมือนกัน ถ้าจบม.6ปั๊บผมก็อยากเรียนพวกถ่ายภาพนี่ต่ออยู่แล้วครับ แต่อยากเรียนที่จุฬาฯน่ะครับเพราะผมกำลังจะได้โควต้านักกีฬาที่นั่น"
" งั้นก็ดีเลย เอาล่ะ งั้นเราเก็บนามบัตรพี่ไว้นะ เร็วๆนี้พี่จะมีโครงการค่ายอบรมเกี่ยวกับการถ่ายภาพน่ะ เป็นของมหา'ลัยเค้าจัดน่ะครับ ถ้าเราอยากไปก็ติดต่อมาละกัน โอเค... ถ้างั้นเดี๋ยวพี่ต้องขอตัวก่อนนะต้องไปเตรียมงานทางโน้นอีกนิดหน่อย อย่าลืมติดต่อมานะครับ" พี่ตากล้องบอกผมก่อนจะขอตัวไปทำงานเค้าต่อ
ผมนั่งมองนามบัตรในมืออย่างดีใจ โชคดีจังว่ะเรา รู้สึกว่าหลังๆมานี่ผมเริ่มมีโชคมากขึ้นเรื่อยๆทำเอาผมนึกถึงไอ้คำที่ว่า ถ้าเราอันลัคกี้อินเลิฟมันจะลัคกี้อินเกมแทน สงสัยมันคงจะเป็นยังงี้นี่เอง
พอถึงเวลาที่กำหนดประธานเค้าก็เปิดงานกันไป ผมกับพี่ๆที่เค้าได้รางวัลก็มานั่งรอกัน แต่ละคนมาถามผมว่าเป็นผมเหรอที่ได้ที่สาม เก่งมากๆเพราะผมยังเด็กแต่ทำงานได้ระดับนี้ เล่นเอาผมเขินไปเลย
พิธีกรเริ่มประกาศให้แต่ละคนออกไปรับรางวัลตามคิวจนถึงคิวผมซึ่งเดินออกไปค่อนข้างจะทื่อๆเพราะผมตื่นเต้นมากอยู่ คนดูเยอะมากๆ ไฟแฟลชจากกล้องก็สาดมาวูบวาบๆจนผมมองไปหน้าเวทีไม่เห็นอะไรแล้ว กะว่าจะมองหาพ่อผมกะพวกไอ้ป่านซะหน่อย
แต่พอทิ้งจังหวะไปหน่อยนึงตาผมเริ่มหายมัวผมก็มองไปเห็นพ่อผม อาวดี พวกไอ้ป่าน แต่ที่ทำเอาผมชะงักค้างไปเลยตอนนี้ก็คือ คนที่ผมอยากเห็นมากที่สุดตอนนี้น่ะสิ
" ฮิ้นท์..... " ผมครางเบาๆในลำคอออกมา ความรู้สึกมันตื้อล้นออกมาจากข้างในจนแทบระเบิด วินาทีนั้นผมอยากจะรีบวิ่งไปหามันทันทีด้วยซ้ำ
The End
Ps.** จบแว้ววว เหลือตอนของฮิ้นท์อีกตอนเดียวนะครับ ในส่วนของฮัทจบแล้วล่ะ อิอิ ขอให้มีความสุขในการอ่านนะครับ
ขอบคุณมากสำหรับการสละเวลาติดตาม ขอบคุณคร้าบ