B13
ผมนั่งมองหน้ากับฮิ้นท์มันอยู่อีกพักนึงทั้งที่ตอนนี้อยากกอดมันจริงๆแต่ก็ไม่ได้ อาผมนั่งอยู่ทั้งคนเนี่ย เฮ้อ... อดใจไว้ก่อนเรา
" เอ้อ... แล้วอาจารย์เค้าว่าไง ใครๆเค้าตามหาเรากันใหญ่เลยดิ แย่ว่ะ เดือดร้อนกันหมด" อยู่ๆก็นึกขึ้นมาได้ว่าป่านนี้อ.สุพจน์อาจจะซวยเพราะเค้าต้องเป็นคนรับผิดชอบเด็กที่ไปด้วย
" อ๋อ... ไม่เป็นไรแล้ว แต่ถ้ามีไรจริงๆพวกเราจะยืนยันเองว่าอาจารย์เค้าไม่ได้ปล่อยปละละเลยไม่คุมเด็ก แต่มันเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ ก็ฝนเล่นอยู่ๆก็ตกยังงั้นอ่ะ" ฮิ้นท์มันยืนยันหนักแน่นว่าต้องช่วยอ.สุพจน์
" ก็เนี่ย เราห่วงว่ะ กลัวอาจารย์เค้าจะมีปัญหา อาจจะโดนผอ.ว่าก็ได้ ไม่งั้นก็คงโดนแบนเรื่องจัดกิจกรรมแหง ขืนเป็นงั้นอ่ะซวยแน่"
" ถ้างั้นเราต้องช่วยกันนะ ไม่งั้นเราไปคุยกะผอ.เองก็ยังได้ อ่ะ..."
" โห... จะลุยเองเลยเหรอ ฮ่าๆๆ ดี... งั้นไปด้วยกัน" ผมว่าแล้วก็ยกมือตั้งขึ้นมาจับกะมัน ประมาณว่าให้สัญญาแบบนั้น
พอคุยกันสักพักผมก็บอกให้มันกลับไปบ้านก่อนจะได้พักผ่อน มันก็ไหว้อาวดีกะพ่อผมแล้วกลับไป ผมเองตอนนี้ก็เริ่มง่วงมากอีกแล้วก็หลับไปอีก ตื่นอีกทีก็เกือบสี่โมงและพอดีหมอเข้ามาบอกว่าให้ผมกลับบ้านได้เลย
พอกลับมาบ้านผมก็อยากนอนต่ออีกแล้วอ่ะ ทนไม่ไหวเข้าก็งีบไปอีกนิดครับ นึกสงสัยว่าหมอให้ยานอนหลับมากไปป่าววะ ง่วงตลอด มาตื่นเอาเกือบสามทุ่มได้ เวร... หิวโคตรแต่ก็รีบโทรไปหาฮิ้นท์มันก่อน ไม่รู้เป็นไงมั่งป่านนี้
คุยกันไปแป๊บนึงผมก็วาง อยากให้มันพักผ่อนมากกว่า นี่ผมเป็นเอามากเหมือนกันว่ะ ห่วงมันซะขนาดนี้จนแทบจะออกนอกหน้าแล้วมั๊ง แล้วนี่ก็อยากเจอหน้ามันซะแล้ว อยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็วๆ
โอ๊ย... เป็นเอามากจริงๆด้วยว่ะเรา ไม่ได้ๆ คงต้องเบรคๆตัวเองมั่งว่ะ อย่าไปอะไรมากมายนักเลย เพราะยังไงๆผมก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดีว่าจะไปรักมันจริงๆ อาจแค่เพราะผมหวั่นไหวไปกะมันมากตอนนั้นก็ได้ เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานระหว่างความเป็นความตายมันก็คงทำให้ใจคนไขว้เขวไปได้ยังงี้แหละน่า
ถามผมว่าตอนนี้ผมชอบมันก็คงต้องตอบว่าใช่ อันนั้นผมยอมรับจริงๆ แต่ถ้าถึงขั้นรักมันนี่ ตอนนี้ผมก็มีเริ่มไม่แน่ใจบ้างเหมือนกัน อาจจะเหมือนไอ้วินมันก็ได้นะ ผมว่ามันก็คงแค่ชอบน้องกรแค่นั้นเหมือนกันแต่คงไม่ได้ถึงขั้นรักอะไรไปขนาดนั้นหรอก
-
-
พอวันจันทร์ผมรีบตื่นไปรร.กะแหวนเพราะอยากไปถามอ.สุพจน์ว่าเป็นไงมั่ง ก็ยังมีขากะเผลกหน่อยๆเพราะเจ็บแผล น่ากลัวคงอีกนานกว่าจะหาย
" ที่จริงก็หยุดพักอีกสักวันก็ได้นี่นา ยังไม่หายดีเลยนี่ ขาก็ยังเจ็บ" แหวนบอกพลางมองขาที่เดี้ยงๆของผม
" ไม่เป็นไรหรอก เราเป็นห่วงเรื่องอ.สุพจน์มากกว่าอ่ะ อยากไปถามข่าวให้รู้เรื่องว่าเป็นไงมั่ง" พูดจบก็ขับรถออกไปรร.กันครับ แต่พอไปถึงก็เจอไอ้ป่านไอ้วินมันทำหน้าตกตะลึงตอนเจอผม
" เฮ้ย... หายดีแล้วเหรอวะมึง รีบมาเรียนเนี่ย" ไอ้ป่านถามผมก่อน ตามด้วยไอ้วิน
" ใช่... ไมขยันนักวะมึง"
" ไม่ใช่หรอกเว้ย กูจะมาถามเรื่องอ.สุพจน์อ่ะ กูเป็นห่วงเค้า" พูดจบผมก็เดินไปห้องศิลป์ทันที แต่ก็ไม่เจออาจารย์หรอกครับ เล่นเอาผมใจหายกลัวว่าอาจารย์แกจะเดือดร้อนเพราะผมจริงๆ
" เฮ้ย... งั้นเดี๋ยวกูไปดูที่ห้องพักครูก่อนว่ะ แกอาจจะอยู่นั่น" หันไปบอกไอ้วินไอ้ป่านกะแหวนครับแล้วก็รีบไปห้องพักครู แต่ก็ไม่เจออีก
" อ๋อ... อ.สุพจน์อยู่ในห้องผอ.นี่จ๊ะ เดี๋ยวก็คงออกมาแล้ว มีธุระอะไรเหรอ" อ.ผาณิตที่สอนวิทย์แกบอกผมครับเพราะเห็นผมไปยืนด้อมๆมองๆเลยออกมาถามว่ามาหาใคร
" เอ่อ... เหรอครับ งั้นไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมากครับจารย์" ผมบอกอาจารย์แล้วก็รีบเดินออกมา ใจหายเลยว่ะ ผอ.เรียกพบอ.สุพจน์เหรอ คงไม่ได้โดนผอ.เล่นงานเรื่องผมอยู่หรอกนะ
" เอาไงวะมึง..." ไอ้วินเอ่ยถามขึ้นมา
" ก็คงต้องรอว่ะ ไม่รู้จะเอาไง" ผมบอกเสียงเครียด ใจไม่ดีเลยอ่ะ แต่พอแป๊บนึงออดก็ดัง เฮ้อ... ต้องไปเข้าแถวแล้ว
ผมเห็นฮิ้นท์มันอยู่ในแถวกับวิวแจงเหมือนเคย ก็ยิ้มให้มันไปครับมันก็ยิ้มตอบ เฮ่ย... ไม่ได้ๆ ต้องเบรคๆตัวเองไว้มั่งดิวะ ชอบมันก็ชอบได้ แต่อย่าให้มันออกมามากนัก ไม่งั้นจะเดือดร้อน
พอเลิกแถวเรากลับไปถึงห้องไอ้ผมก็ร้อนใจออกมาหาอ.สุพจน์ที่ห้องศิลป์อีก ไอ้วินไอ้ป่านมันเลยตามมาด้วย แต่พอไปถึงคราวนี้ก็เจออาจารย์แกนั่งร่างภาพอย่างสบายอารมณ์อยู่ซะงั้น
" จารย์ครับ ตกลงผอ.ว่ายังไงมั่งครับ"
" เอ้อ... นายบุญณรงค์น่ะเอง เป็นไงมั่งล่ะนี่ หายดีแล้วเหรอเรา" อ.สุพจน์ยิ้มแล้วถามอาการผมซะงั้น
" ครับ ผมหายดีแล้วล่ะ แล้วอาจารย์ล่ะครับเป็นไง ขอโทษนะครับ เป็นเพราะผมแท้ๆเลยทำให้ต้องเดือดร้อนยังงี้"
" อ๋อ... ไม่เป็นไรๆ อืม... ขอบใจนะที่ห่วงครู ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว ครูอธิบายให้ผอ.ท่านเข้าใจเรียบร้อย วันนั้นน่ะเรากำลังจะให้เจ้าหน้าที่เค้าออกไปตามอยู่แต่สะพานมันขาดเลยข้ามไปไม่ได้ ก็ต้องรอกันอยู่ก่อน"
" ครับ... สะพานมันขาดผมกะฮิ้นท์เลยลองเดินเลาะตามธารน้ำไปเผื่อจะพอมีช่วงที่ข้ามได้น่ะครับ ก็ตกน้ำไปเกือบแย่เหมือนกันแต่ก็ข้ามมาจนได้อ่ะครับ"
" อืม... ดีแล้วล่ะ ดีที่ยังเดินกันมาจนเกือบถึงที่พัก นั่นน่ะครูดีใจมากๆตอนที่เจอเรานะ แต่พอเห็นเราสลบกันไปก็ตกใจรีบให้เค้าพาไปโรงพยาบาลก่อน แล้วก็โทรไปตามผู้ปกครองเราอีกที"
" แล้วผอ.ไม่ว่าอะไรเหรอครับ"
" ก็ไม่แล้วล่ะ เราสองคนปลอดภัยดีก็โอเค ก็มันเหตุสุดวิสัยจริงๆไม่ได้มีใครผิดหรอก ท่านก็เข้าใจแหละแต่ต่อไปถ้าจะจัดทริปกันอีกคงต้องไปเช้าเย็นกลับน่ะ จะได้ปลอดภัยชัวร์ๆ"
" ว้า... ก็แย่อยู่ดี เป็นเพราะผมแท้ๆเลย" เซ็งเลยเว้ย ไม่น่าเลยเรา แล้วทีนี้จะได้มีทริปสนุกๆอีกเหรอเนี่ย
" ไม่เป็นไรหรอก อย่าคิดมาก เราไม่ได้ตั้งใจให้เป็นยังงี้นี่ ก็เอาไว้คราวหน้าค่อยดูอีกที หาที่ๆไปแล้วปลอดภัยกว่านี้ก็ได้ ไม่ต้องห่วงนะ" อ.สุพจน์คงพยายามปลอบใจผมมั๊ง แต่ก็ยังดี ผมค่อยโล่งใจหน่อย
ทีแรกโคตรกลัวว่าผอ.คงโวยอ.สุพจน์หนักแน่ที่คุมเด็กไม่ดี แต่พอสรุปออกมาแบบนี้มันก็โอเค เสียดายว่าต่อไปทริปหน้าอาจไม่มีไปค้างคืนแล้วคงไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ แต่ก็เอาวะ ได้แค่นี้ก็ยังดี
พอคุยกับอ.สุพจน์เรียบร้อยผมก็จะรีบกลับไปเข้าห้อง แต่ตอนผ่านหน้าห้องสมุดผมก็เห็นฮิ้นท์มันยืนอยู่กับวิวแจง ดูสีหน้ามันไม่ค่อยจะดีนักเหมือนมีเรื่องอะไรกันอีกแล้ว
แต่พอถามไปมันก็บอกว่าไม่มีอะไร มองหน้ามันแว่บนึงมันก็รีบหลบอีกครับ ผมว่ามันต้องมีอะไรอีกแน่ ตามันแดงๆยังกะจะร้องไห้ยังงั้น แต่ก็ยังไม่กล้าถามอะไรมันมากกว่านี้
กลับมานั่งเรียนผมก็ห่วงมันนะ คิดไปเรื่อยว่ามันมีเรื่องอะไรแน่ ทนรอไปจนพักเที่ยงผมเลยไปตามหามันจนเจอ ก็เห็นไปนั่งกันอยู่ที่ห้องช๊อปงานอุตสาหกรรมน่ะครับ สงสัยจะโดดกันจริงๆด้วย
" อ้าว... ทำไมมานั่งกันอยู่นี่อ่ะ กินข้าวกันยังน่ะ" ผมตะโกนถามมันก็รีบหันมา
" เอ่อ... ยังเลย"
" เฮ่ย... ก็รีบไปกินดิ เที่ยงกว่าแล้วนะ ไปเร็ว" ผมเร่งจนพวกมันเดินตามมาที่โรงอาหาร แล้วก็นั่งอยู่เป็นเพื่อนมันกับวิวแจง
" แล้วไอ้ทักล่ะ มันไปไหนเหรอ ทุกทีเห็นมาด้วยกันนี่" คำถามนี้ทำเอาทั้งสามคนสะดุ้งไปนิดนึงแล้วมองหน้าผม นี่เราพูดอะไรไปผิดไปเรอะ
" เห็นมันว่ามันจะไปที่ชมรมมันน่ะ ฮัท" ยัยแจงตอบผมแล้วกินต่อ ที่เหลือก็ตั้งหน้าตั้งตากินกันไปเหมือนไม่มีอะไร
จนผมเองชักไม่กล้าถาม คิดเอาว่าเดี๋ยวรอให้ฮิ้นท์มันสบายใจกว่านี้หน่อยละกัน พอตอนเย็นผมก็ต้องรีบไปซ้อมบอลอีก ช่วงนี้ใกล้แข่งเข้ามาเรื่อยๆเลยต้องมีซ้อมทุกวัน
แต่ต่อไปนี้ผมสบายใจสุดๆครับเพราะคุยทุกอย่างกะพ่อเรื่องนี้เรียบร้อยแล้วพ่อยอมตามใจผมทุกอย่าง ให้ผมตัดสินใจเองว่าอยากจะทำอะไร อยากเข้าชมรมอะไร อยากเรียนต่อที่ไหนก็ได้ แค่ขอให้ตั้งใจทำทุกอย่างให้ดีก็พอ เหมือนฝันเลยว่ะ ฝันที่ดีสุดๆที่กลายเป็นความจริงแล้ว ต่อไปผมก็ไม่ต้องกังวลว่าจะทำให้พ่อเสียใจเรื่องความฝันของเค้าอีก
เพราะอย่างน้อยตอนนี้ผมก็จะพยายามทุ่มเทเรื่องเล่นบอลไปให้เต็มที่ อนาคตข้างหน้าผมอาจไม่ได้ไปอยู่กับทีมสโมสรอะไรก็จริง แต่ผมก็จะทำสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้คือนักฟุตบอลของรร.ให้ดีที่สุดก็แล้วกัน
-
-
ช่วงเย็นวันนั้นผมแวะไปเอารูปที่อัดไว้ที่ร้านถ่ายรูปเจ้าประจำผม ก็รูปที่ไปทริปด้วยกันล่ะครับ โชคยังดีที่ผมได้กล้องคืนมาส่วนฮัทมันก็ได้อุปกรณ์วาดรูปทุกอย่างคืนเหมือนกัน แล้วนี่ผมก็เพิ่งเอามาให้เค้าอัดเมื่อวานนี้แหละ
" อ้ะ... นี่ ได้แล้วนะ ไปถ่ายที่ไหนกันมาเนี่ย" เฮียเจ้าของร้านถามผมอย่างกันเอง
" อ๋อ... ที่เขื่อนป่าสักฯครับเฮีย รร.จัดไปอ่ะครับ"
" เหรอ.... อืม... ก็ดี ได้ภาพสวยๆมาเยอะเลยนะ สวยมากๆโดยเฉพาะภาพคนน่ะ หึๆ" นั่น... เฮียแซวผมซะแล้วว่ะ ยิ้มมีเลศนัยอีกแน่ะ
ก็เพราะว่าภาพคนน่ะ มีแต่รูปฮิ้นท์มันทั้งหมดเลยครับผมถ่ายไว้เยอะมากอยู่ จับอิริยาบทท่าต่างๆของมันตอนวาดรูปอยู่ที่นั่น แบบว่ามันอดใจไม่ได้เลยถ่ายเก็บไว้ อัดเป็นภาพขาวดำกับซีเปียโทนน้ำตาลแบบนี้แล้วมันคลาสสิคดีจริงๆ
ไม่ว่าจะเป็นตอนมันตั้งใจวาดรูปอยู่ ตอนมันมองวิวเพลินๆ โดยเฉพาะตอนมันยิ้มนะ ผมต้องรีบถ่ายเก็บไว้ทันที เน้นโคลสอัพที่หน้ามันทั้งนั้น
และทั้งหมดนั้นมันคงไม่รู้ตัวหรอกครับว่าผมถ่ายรูปมันอยู่ ซึ่งผมชอบนะ มันจะได้อารมณ์เป็นธรรมชาติดีเวลาถ่ายภาพคนที่อยู่ในอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งแบบนี้น่ะ ยิ่งถ่ายเป็นภาพขาวดำยิ่งดูสวย และอย่างที่บอก เราสามารถเก็บภาพนั้นไว้ได้ตลอดไปด้วยไง
" ก็เนี่ย... เฮียชอบนะ ฝีมือดีมากนะเรา จัดองค์ประกอบได้สวยลงตัวทุกรูปเลย แสงเงาในภาพก็สวย พอดีๆไม่มีขาดเกิน ยังงี้นี่เทิร์นโปรฯได้เลย"
" ฮ่าๆ ไม่ใช่กอล์ฟนะครับเฮีย" ผมขำที่เฮียแกแซว แกก็หัวเราะไปด้วย
" ก็นั่นแหละ นี่ก็ถือว่าใช้ได้แล้ว โดยเฉพาะรูปคนที่ถ่ายน่ะ สื่ออารมณ์ดีมากๆ สงสัยเพราะคนถ่ายก็มีใจกับคนเป็นแบบรึเปล่าวะ ฮ่าๆๆ" โดนไปอีกดอกละเรา เฮียแกแซวผมอีกจนได้
" ไม่ใช่หรอกครับเฮีย ไอ้นี่น่ะมันเพื่อนผมเอง"
" ห๊า...! เพื่อน.... เพื่อนผู้ชายเหรอเนี่ย" เฮียแกตกใจเสียงดังแล้วรีบหยิบรูปกลับขึ้นมาจ้องดู
" ครับ... ผู้ชายทั้งแท่งเลยล่ะ" พูดไปก็ขำไปกับหน้าเหวอๆของเฮียแก
" เว้ย... อะไรกันวะ ก็นึกว่าผู้หญิง เห็นมันสวยน่ารักซะยังงั้น เวร... ทำไมเด็กเดี๋ยวนี้มันกลายเป็นยังงี้"
" ฮ่าๆ ครับ แต่นี่แหละ เพื่อนผมเอง ผู้ชายชัวร์ๆ"
" เออๆ เอาเหอะ ยังไงเฮียก็ชอบทุกรูปเลย เรายังเด็กๆอายุแค่นี้แต่ฝีมือดีได้ขนาดนี้แล้ว สนใจจะส่งงานไปประกวดมั๊ยล่ะ ตอนนี้เค้ามีประกวดอยู่น่ะ" เฮียแกชวนผมแล้วก็หยิบโบรชัวร์ออกมาให้ดู
" เนี่ย... ประกวดระดับประชาชนทั่วไปได้เลย เค้าไม่ได้จำกัดคอนเซปต์ เปิดฟรีให้ทุกรูปแบบงาน จะภาพวิว ภาพคนอะไรก็ได้ทั้งนั้น น่าสนนะ ลองดูดิ"
" ก็น่าสนครับ แต่อย่างผมนี่จะสู้เค้าไหวเร้อ ฮะๆๆ มีแต่ผู้ใหญ่มืออาชีพทั้งนั้นเลย"
" ก็ลองดูก่อน ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนี่ ค่าสมัครก็ไม่แพง"
" อืม... ครับ งั้นเดี๋ยวลองไปคิดดูก่อน"
" ได้... ก็รีบตัดสินใจละกัน ไม่แน่เกิดได้รางวัลขึ้นมาอ่ะ ดังเลยนะ เพราะนี่มันงานใหญ่อ่ะ" เฮียย้ำผมอีกที ผมก็ยิ้มรับคำแล้วก็กลับออกมาจากร้าน
ตอนขับรถกลับผมก็คิดไปเรื่อย งานนี้มันน่าสนใจนะ ในรายละเอียดบอกว่าผู้เข้ารอบจะได้จัดแสดงผลงานที่สยามพารากอนที่กรุงเทพฯด้วย โห... เยี่ยมอ่ะ งั้นคงต้องลองส่งดูซะหน่อย
แต่พอนึกๆไปก็สะท้อนใจอยู่หน่อยนึง ตรงที่พอเฮียแกเห็นรูปที่ผมถ่ายออกมาแกก็ดูออกทันทีว่าผมตั้งใจถ่ายรูปฮิ้นท์มันมากๆเหมือนกับมีใจให้ น่ากลัวนะเนี่ย กลายเป็นว่าผมคงต้องระวังการกระทำบางอย่างของตัวเองซะแล้ว ไม่งั้นมันอาจจะฟ้องออกมาซะก่อนก็ได้ว่าผมคิดยังไงกะฮิ้นท์มัน
นึกถึงมันแล้วผมก็อยากเจอมันแฮะ ช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้เจอมันเลย มัวยุ่งหลายเรื่องโดยเฉพาะซ้อมบอล ตัวมันเองก็หายๆไปเหมือนกันสงสัยก็คงยุ่ง งั้นก็แวะไปหามันหน่อยละกัน แค่นี้คงไม่เป็นไร เอ้อ...ใช่ ชวนมันไปซื้อของที่โลตัสหน่อยก็น่าจะดีเพราะเดี๋ยวผมต้องไปหาซื้อชุดกีฬาเตรียมใส่วันแข่งอยู่แล้ว งั้นแวะแผนกเครื่องเขียนให้มันแนะนำพวกอุปกรณ์กะสีให้หน่อยดีกว่า
ว่าแต่.... นี่มันคงไม่ดูเหมือนกับว่าผมชวนมันไปออกเดทหรอกนะ หรือจะยังไง....
-
-
ขับมาถึงบ้านมันผมก็เข้าไปไหว้พ่อแม่มันเหมือนเคย แม่มันบอกว่ามันอยู่ในห้องแล้วก็เดินไปเรียก
" เออ... นายทำอะไรอยู่อ่ะ ว่างอยู่รึเปล่า"
" อ๊ะ... ว่างสิ ว่าง... ทำไมเหรอ" มันรีบตอบผมทันทีทันใด ก็เหมือนเคยอ่ะ สไตล์มัน
" เราว่าจะไปซื้อของที่โลตัสอ่ะ ไปด้วยกันมั๊ย"
" อืม... ดีๆ เราก็ว่าจะไปหาซื้อของเหมือนกัน"
" เหรอ... งั้นโอเค นี่เรากะว่าจะให้นายไปช่วยเลือกพวกสีกับอุปกรณ์ให้ด้วยอ่ะ" ผมบอกจุดประสงค์มันไปเสร็จสรรพ จากนั้นก็ให้มันซ้อนท้ายผมไปด้วยกันจนไปถึงโลตัสตอนนั้นก็จะบ่ายสามแล้ว เลือกซื้อของโน่นนี่มาเยอะเหมือนกัน ทั้งชุดวอร์มของผมกับพวกอุปกรณ์วาดรูป ส่วนฮิ้นท์ผมเห็นมันไปเลือกเสื้ออยู่พักนึงแต่ก็ไม่ได้ซื้อ
แต่พอสักพักเดินผ่านไปตรงที่ร้านขายพวกสร้อยกะแหวนมันก็ไปยืนดูๆอยู่แล้วก็ซื้อสร้อยมาเล้นนึง ผมเห็นแล้วก็ยิ้มๆแต่ไม่ได้ถามอะไรมัน คิดว่ามันถูกใจอันนั้นเลยซื้อมั๊ง
" หิวยังอ่ะ เราเลี้ยงนะอุตส่าห์มาเป็นเพื่อนเรา" ผมออกปากชวนมันกะจะโชว์ป๋าซะหน่อย
" โห... ไม่ต้องหรอก แชร์กันก็ได้" มันปฏิเสธอย่างเกรงใจ
" เป็นไรไปเล่า มาๆ เลี้ยงเพื่อนมื้อนึงมันจะสักเท่าไหร่กันวะ" ผมบอกแล้วก็ให้มันเลือกว่าจะไปกินร้านไหน ก็เข้าไปนั่งกินกันคุยกันไปเรื่อยๆ เวลามันก็ช่างผ่านไปเร็วดีจริงๆ
" อ๊ะ... จะค่ำแล้วนี่ กลับกันเหอะเราว่า"
" ไปดิ" ผมบอกแล้วจ่ายตังค์แล้วออกมาที่รถขับกลับไปส่งมันที่บ้านทันที
" อาทิตย์หน้าเราก็จะแข่งแล้วนะ ไม่รู้จะเจอทีมหินๆอีกมั๊ยเนี่ย"
" เหรอ... อยากไปดูจัง" มันพูดขึ้น ตามันก็บ้องแบ๊วได้อีก
" ต้องดูก่อนอ่ะ ว่าเค้าจะให้แข่งที่ไหนอาจจะสนามบอลที่ศูนย์เยาวชนนะ"
" ได้... แล้วเราจะตามไปดูนะ" มันว่าแล้วก็เดินเข้าบ้านไป ผมเองก็ขับรถกลับมาบ้านกว่าจะถึงก็เกือบสองทุ่ม ตอนนี้ผมนึกถึงเรื่องที่เฮียที่ร้านถ่ายรูปเค้าชวนผมไว้ ประกวดภาพถ่ายงานนี้น่าสนใจมากๆยังไงผมว่าคงจะต้องขอลองสักหน่อย ว่าแล้วก็ลองมาค้นดูงานเก่าๆที่ผมเคยถ่ายไว้ ก็มีรูปพวกวิวกับรูปคนล่ะครับ แต่ดูๆแล้วก็ยังไม่ค่อยมีรูปไหนที่โดนๆอย่างที่หวังเลย
แต่พอลองเอารูปฮิ้นท์ทั้งหมดมาลองนั่งดูผมก็รู้สึกว่า รูปนี้มันดูมีชีวิตชีวาและน่าประทับใจจริงๆอ่ะ นึกถึงคำพูดของเฮียเค้าที่ว่า รูปพวกนี้ผมถ่ายออกมาได้สื่ออารมณ์ดีมากเหมือนกับมีใจให้คนเป็นแบบ เหอๆ อาจจะจริงของเค้าก็ได้ว่ะ
ถ้างั้นก็ลองเอารูปนี้ล่ะวะไปประกวดดู เอาน่ะ แค่ลองเฉยๆขำๆเป็นประสบการณ์ไป ไอ้จะหวังชนะรางวัลอะไรคงไม่อ่ะ งานนี้มีแต่มืออาชีพแน่ๆผมว่านะ เพราะงั้นไม่ต้องหวังอะไรจะดีกว่า
ส่วนรูปมันที่เหลืออยู่ผมก็เริ่มคิดว่าจะทำยังไงดี เลยหยิบเอาสมุดสเก๊ตซ์ปกแข็งมาเล่มนึงแล้วเริ่มต้องเอากาวแปะรูปมันติดลงในนั้น แต่ละรูปผมก็จะเขียนใต้รูปไว้ว่ารู้สึกยังไงกะรูปนั้น แต่พอยิ่งผมทำแบบนี้แล้วมันก็ยิ่งรู้สึกว่าผมชอบมันมากจริงๆ แต่อีกใจนึงผมกลับไม่แน่ใจนะว่านี่เราแค่ชอบมันใช่มั๊ย แค่รู้สึกดีๆด้วยเป็นพิเศษแค่นั้นหรือว่ารักมันกันแน่ แต่ที่รู้ๆตอนนี้ผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้เจอมัน ได้พูดคุยกะมันยังงี้ แล้วถ้านี่มันจะเป็นแค่ความรู้สึกระหว่างเพื่อนที่มากเป็นพิเศษก็ไม่เป็นไรหรอก เอาเป็นว่าผมพอใจกับที่เป็นอยู่แบบนี้ก็ละกัน ต่อไปจะเป็นยังไงค่อยว่ากัน
-
-
To be Continued