เสียงเอะอะโวยวายของพี่บู๊นี่น่ารำคาญมาก ผมซึ่งกำลังนอนขดตัวอยู่ในผ้าห่มอุ่นๆ ทนไม่ไหวต้องตะโกนตอบไปอย่างโมโห
"ไร พี่บู๊คนจะนอน เรียกอยู่ได้" ผมตะโกนออกไป แต่พี่แกคงได้ยินไม่ถนัดนักหรอ ได้ยินเสียงแกบ่นพร้อมทุบประตู ผมเลยต้องพาร่างกายที่อ่อนล้า ไปเปิดประตู
"กูเรียกตั้งนาน จะสิบโมงเเล้วยังจะนอนโก่งตูดอยู่อีก"พี่บู๊ทำหน้าโมโห ผมสำรวจพี่ชายที่วันนี้ดูดีผิดปกติ
"หล่อ จะไปไหนเนี่ย"ผมแอบแซว
"ไปเที่ยวเลยมาเรียกจะไปไหม"
"โอ้ยไม่เอาจะนอน"ผมบ่น แล้วก็เดินไปนอนบนเตียงต่อ ดีนะเมื่อคืนใส่เสื้อผ้าเเล้วไม่งั้น ได้เดินโทงๆ แน่
"อดหลับอดนอนมาจากไหนวะ เมื่อคืนกูก็เห็นว่าพากันหลับเร็ว ไอ้ทินมันยังตื่นแต่เช้าเข้ามาช่วยงานบ้านเเล้วกลับบ้านมันเลย มึงเป็นเจ้าของบ้านแท้ๆเเต่เสือกขี้เกียจ ลุกเลยมึง"พี่บู๊ดึงผ้าห่มที่ผมดึงมาอุดหูไว้ บ่นอย่างกับผู้หญิง พี่บู๊นี่เกิดมาสลับเพศกับพี่บิวจริงๆ ออผมลืมบอกไป พี่ๆผมเค้าเป็นแฝดกันอ่ะครับ
"เออๆ ลุกเเล้ว รู้หรอกน่ะว่าที่เรียกเนี่ยจะลากเค้าไปด้วยอ่ะเดะ ทำมาเป็นบ่น ทีตัวเองก็เหมือนกันน่ะแหละ ยังไม่30เลยขี้บ่นชิบเป๋ง"จากนั้นผมก็ชิ่งเข้าห้องน้ำด้วยความเร็วสูงก่อนที่ จะโดนบาทาของพี่ชายเอา
ผมค่อยๆปลดกระดุมเสื้อนอนออกทีละเม็ด.......จะบรรยายไมเนี่ย
ร่อยรอยที่ทินฝากไว้เมื่อคืน รอยจูบเป็นจ้ำๆหลายๆจุด บ่งบอกว่าเมื่อคืนผมไม่ได้ฝัน มันจะฝันได้ไงล่ะในเมื่อเมื่อคืนเล่นผมซะขนาดนั้นไม่คิดเลยพอเจอเเบบนี้ทินเหมือนเป็นคนละคนไปเลย ในที่สุดผมก็ได้รับรู้ถึงนิสัยของทินจนหมดเกลี้ยง หรือเปล่าน่ะ แต่ที่รู้ๆ ผมรู้สึกหน้าเเดงขึ้นมาทันตาเมื่อนึกถึงสายตาที่ทินมองผม แบบหยาดเยิ้ม อ๊าย บ้าไปแล้วเรา
เลิกๆๆๆไม่คิดละอาบน้ำก่อนดีกว่า พอโดนน้ำก็ถึงกับสะดุ้ง น้ำเย็นเฉียบ รู้สึกว่าร่างกายรุมๆด้วยไข้จะขึ้นเเน่เลย สงสัยต้องกินยาดักไข้ไว้เดี๋ยวเป็นเยอะ จะให้พี่บู๊ไปเที่ยวคนเดียวก็กระไรอยู่ ตัดขาดจากเมืองไทยมา5ปีหลังจากที่เรียนจบ เพื่อนๆหายหน้าหายตาทำมาหากินบางคนก็มีลูกกันหมดเเล้ว มีแต่พี่ชายเรานี่แหละที่ยังรักสันโดษอยู่อย่างนี้ ไม่ยอมมีครอบครัวซักที จนพี่บิวเขาเเซงหน้า จะเเต่งงานปีหน้าอยู่เเล้ว
"ไอ้บอย เสร็จยังเนี่ยกูรอนานเเล้ว"
"เอ้อ รู้เเล้วยังไม่ทันแก่เลย ขี้บ่น"ผมแผ่วเสียงคำว่าขี้บ่นลงหน่อย เดี๋ยวโดนพี่บู๊เตะ หลังจากนั้นก็รีบๆอาบน้ำแต่งตัว ใส่เสื้อผ้าหน้าผมเสริมหล่อ แบบที่ไม่เคยมาทำก่อน วันนี้ขอปล่อยซักวันไหนๆก็ไม่ได้ทำมานาน
พอสร็จก็จัดการปิดบ้าน ให้เรียบร้อย พี่บู๊บอกผมว่าเราจะไปสยามไปหาไรกิน หาซื้อเสื้อใหม่ๆใส่ เเวะร้านหนังสือหาหนังสืออ่านหลายๆเล่ม แล้วก็ไปดูหนัง ที่เมเจอร์.......................................................แทนที่จะดูหนังที่สยามไปลย แต่ต้องขับรถไปดูหนังที่เมเจอร์เนี่ยนะ
"จะได้เที่ยวหลายๆที่"พี่บู๊แกว่างั้นเลยเออๆ ออไป
"ตอนมืดไปคลอมถมกัน"อืม เอาเข้าไป ไปเดินคลองถมตอนดึกอีกตายเเน่ ไข้เเดกแน่ๆงานนี้ไม่ได้พักผ่อน แต่ก็จำใจตามพี่เเกไปนานๆจะได้เที่ยวตามประสาพี่น้องบ้างให้แกปล่อยแก่ซักวัน คิคิ ไม่แก่ก็เหมือนแก่เเหละ ขี้บ่นจู้จี้จุกจิกยิ่งกว่าผู้หญิงซะอีก คงเพราะพี่บู๊เลี้ยงผมแทนพ่อกับแม่มาตั้งแต่เล็กๆมันเลยติดเป็นนิสัย
"ไม่ใช่มนุษย์ ถ้ามีรักแล้วต้องสิ้นสุด ไม่ต้องแอบฝัน ไม่ต้องรับรู้ความจริง~ " แหะๆ เสียงโทรศัพท์ผมเองเเหละ
"สวัสดีครับที่รัก" อุ๊บ ผมแอบไปเหล่พี่บู๊ที่จับพวงมาลัยอามือข้างถนัดทำท่าปิดปากเหมือนจะอ้วก ชิ๊ แอบแซวกันซึ่งๆหน้า
"ตื่นแล้วหรอครับ ทานข้าวหรือยัง"ผมเหลือบมองนาฬิกา นี่มันสิบโมงกว่าๆเเล้วทินยังจะถามผมอีก
"อื้มเรียบร้อยหมดแล้ว ทินละทำอะไรอยู่"เสียงทินเงียบไปสักพักเเล้วจึงตอบต่อ
"ปรางเค้าขอให้ทินพาไปดูหนังที่เมเจอร์หน่ะ ไปไหม"ผมถึงกับสะอึกในลำคอ ทินกำลังจะไปดูหนังกับคนที่ผมรู้สึกไม่ถูกชะตาอย่างเเรง
"ไม่เป็นไรทิน วันนี้พี่บู๊ชวนบอยไปเที่ยวห้างน่ะ คงไปไม่ได้หรอก"ผมปฎิเสธิทินเสียงอ่อย ถ้าทินชวนผมไปคนเดียว ผมอาจจะบอกพี่บู๊แล้วขอไปกับทิน แต่นี่ทินเอาผู้หญิงคนนี้ไปด้วย ผมเลยไม่อยากไปให้เธอมองผมด้วยสายตาอาคาตมาดร้ายผม จนตัวเองรู้สึกอึดอัดหรอก
"อ่าวหรอ งั้นเย็นนี้เจอกันที่บ้านบอยนะ"ทินทำเสียงแผ่วลง เมื่อได้ยินเสียงผู้หญิงเเว่วมา คล้ายๆเสียงของปราง
"ครับ งั้นแค่นี้ก่อนเเล้วกัน ครับบาย ผมก็รักครับ"ผมกดปิดมือถือแล้วถอนหายใจเฮือก ผมรู้ว่าทำไมทินต้องโกหกพวกเขาเรื่องที่มานอนบ้านผม เพราะกลัวว่าจะถูกตำหนิ่ว่าผมจับทินมากเกินไป ไม่ให้อิสระเพราะคนบ้านนั้นเค้าถือมากเรื่องนี้ ก็เหมือนเเฟนกันที่ยังไม่ได้เเต่งงานแต่ผู้ชายมานอนบ้านผู้หญิง ยังไงมันก็ดูไม่เหมาะ ผมน่าจะเกิดเป็นผู้หญิงนะอะไรๆมันจะได้ง่ายๆกว่านี้ ผมน่าจะเเปลงเพศดีไหมเนี่ย แต่คิดไปคิดมา ถึงผมจะรักผู้ชายแต่จิตใจ ร่างกายของผม ที่พ่อเเม่ให้มา มันก็ยังเป็นผู้ชายอยู่ คิดอะไรบ้าๆ ทำไปก็ไม่มีประโยชน์ ผมแค่คิดเล่นๆนะไม่ได้คิดจะทำจริง
"เป็นอะไร ถอนหายใจเมื่อกี้เห็นยังหวานกันอยู่เลย"พี่บู๊ถามด้วยน้ำเสียงเหมือนจะเป็นห่วง
"ป่าวหรอก เค้าเเค่ง่วงนอน"พี่บู๊พยักหน้า พอคุยจบผมก็เอนหลัง ขอซักงีบเเล้วกัน
พอมาถึงสยาม พี่บู๊ก็พามาเลี้ยง ข้าว จากนั้นก็นั่งเล่นให้ข้าวย่อยเเล้ว พี่บู๊ก็ลากไปนู้นไปนี่ ซื้อนั่นซื้อนี่ให้ผมแบบไม่กลัวเงินจะหมดกระเป๋า ผมได้เสื้อยืดกางเกงยีนมา2ชุด พร้อมกับหนังสือโลกแตกเพื่อที่จะเอาไปฝากพ่อ บังเอิญผมไม่ค่อยอ่านหนังสือ แนวๆนี้อ่ะ ชอบอ่านเป็นนิยายมากกว่า พอจะหยิบก็โดนพี่บู๊เเซว
"จะเอาไปอ่านให้อินกับชีวิตจริงของมึงหรอ"ผมเลยไม่ซื้อเลย เดินงอลออกจากร้าน ยังดีได้หนักสือฝากพ่อเล่ม แต่พี่บู๊ก็คงซื้อให้ผมเเหละ แกรู้ว่าผมชอบอ่านแนวไหน แกก็ปาก......ไปเรื่อย ล่ะนะ พี่ชายผมน่ารักไหมล่ะ พอเที่ยวสยามกันจนพอใจ ก็ากลับไปเมเจอร์ต่อ ได้โอกาศผมเลยเเอบงีบต่อซะเลย
พอถึงเมเจอร์คนไม่ค่อยเยอะเท่าไร
"ดูไรอ่ะพี่"ผมถามพี่บู๊ เดือนนี้ไม่ค่อยมีหนังที่อยากดูเลย มีแต่แวมไพร์นี่แหละ รอบบ่าย3โมงเออดี อีกตั้ง ชม.
"แวมไพร์นี่แหละ พี่ไปซื้อตั๋วก่อนนะรออยู่นี่แหละ"ผมพยักหน้าเข้าใจ พอพี่บู๊เดินไปก็หาที่นั่งรอ พลันสายตาก็ไปเจอบุคคลที่คุ้นเคย.............ปรางที่กำลังเกาะเเขนทินหนึบพร้อมเเสดงท่าทางพูดคุยอย่างกับแฟนกัน จริงสิลืมไปทินพาปรางมาดูหนัง แต่ผมไม่คิดว่าจะมาเจอกันในเวลาแบบนี้เฮ้อ ภาพบาดตาบาดใจ ไม่เรียกดีกว่าไม่อยากมีเรื่องกับผู้หญิง เค้าว่าแรงหึงผู้หญิงนี่ยิ่งกว่าแรงหึงของผู้ชายร้อยเท่าไม่รู้จริงไหมแต่ผมไม่อยากลองหรอก แต่ปรางไม่ได้เป็นแฟนทินซักหน่อย ผมต่างหากที่เป็นเเฟนทิน เอาไงดีหนอ
"นั่งด้วยคนได้ไหม"ผมมองตามเสียงที่ถามเสียงคุ้นๆอ่ะ พอสบตากับเจ้าของเสียงผมเกือบจะหลุดร้องจ๊ากด้วยความตกใจปนบังเอิญ
"นั่งได้ไหม"ไอ้ลิตครับ ไอ้ลิตน่ะเองมันถามผมด้วยน้ำเสียงโครตเพราะเเถมยังยิ้มแบบที่ผมไม่เคยเห็น เเละไม่เคยคิดว่าจะเห็นทั้งชีวิตนี่ พอมันเห็นผมไม่ตอบมันเลยนั่งลงข้างๆ
"มาคนเดียวหรอครับ"เง้อ มันจำผมไม่ได้หรือไงวะ
"มากับพี่ชาย อยากรู้ไปทำไมอ่ะ"ผมตอบไปแล้วทำหน้ากวน มันเลิกคิ้วแล้วถามอีก
"เออครับ พอดีผมมารอเพื่อนนานเเล้วแต่ยังไม่เห็นเพื่อนเลย เห็นคุณนั่งเลยว่าจะชวนคุยฆ่าเวลา"โอ้ว พ่อคนอัธยาศัยดี เป็นมิตรกับทุกคนยกเว้น ไอ้อ้วนที่คบกับทิน ทั้งๆที่ผมตอบแบบกวนๆมันก็ไม่เห็นจะตอบกวนกลับเหมือนอย่างเคยๆคงจำผมไม่ได้เเน่ๆ
"อืม งั้นขอตัวก่อนละกัน"ผมลุกขึ้นแต่มันดันจับเเขนผม ผมหันไปมองแบบไม่พอใจ
"อ่อ ขอโทษครับ แต่คุณดูหน้าคุ้นๆเหมือนเคยเห็นที่ไหน ขอโทษที่เสียมารยาท"
"อืมไม่เป็นไร"แล้วผมก็เดินไปทางพี่บู๊พอดีกับที่แกวิ่งหน้าตื่นกลับมา
"บอย......พี่ดูหนังไม่ได้เเล้วอ่ะบอยดูไปคนเดียวนะ"พี่บู๊ทำหน้าเสียดายกับตั๋วหนัง แต่กลับไม่สงสารน้องที่ต้องดูหนังคนเดียวเล้ย
"ไมอ่ะ ไมดูไม่ได้อ่ะ"ผมพูดด้วยน้ำตกใจนิดๆปนไม่พอใจหน่อยๆ
"พอดีบอสพี่โทรมาจากนอเวย์ให้พี่ส่งงานทางเมลด่วนอ่ะ"
"ไรว้าขนาดกลับมาพักผ่อนที่บ้านงานยังต้องตามมาอีกหรอ"ผมบ่น
"น่าพี่ขอโทษ ครั้งนี้แค่ครั้งเดียวพี่ไปก่อนนะพี่ต้องส่งก่อน4โมง"ผมพยักหน้า เหมือนเข้าใจแต่จริงๆโกรธชิบหายพี่บู๊รีบเดินไปโดยที่ไม่เหลียวหลังมามองผมเลย อีก1ชม.นั่งรอคนเดียว เฮ้อ ผมเดินกลับมาที่เดิม แต่ไอ้ลิตก็ยังนั่งอยู่มันเลยทักผม
"อ่าวไม่เจอพี่ชายเเล้วหรอ"มันพูดพร้อมยิ้มโครตจะเป็นมิตร
"เค้าติดธุระ นี่นายเพื่อนมายังอ่ะนี่ให้ "ผมยื่นบัตรของพี่บู๊ไอ้ลิตทำหน้าแปลกใจ
"ออ ขอบคุณ"ออดีมายังรู้จักขอบคุณ
"เพื่อนนายอ่ะ"ผมถามมันย้ำเพื่อฆ่าเวลาขอสงบศึกกับมันบ้างก็ดีไหนๆมันก็จำผมไม่ได้เเถมไม่เเขวะผมอีกเหมือนที่เคยๆ
"สงสัยคงไม่มาเเล้วล่ะเมื่อกี้พวกมันโทรมาบอกติดธุระน่ะ"ผมพยักหน้ารับรู้เเล้วมองดูผู้คนเดินไปมา ทินกับปรางหายไปไหนเล้วไม่รู้ดีเหมือนกัน
"หิวไหม เดี๋ยวผมเลี้ยงข้าว ตอบแทนเรื่องบัตร"เออกำลังหิวอีกรอบเลย
"ไม่............ปฏิเสธิ" มันยิ้มเเล้วก็ลุกขึ้น
"งั้นปะ"
เมื่อผมจัดการซัดข้าวจนหมด ก็ได้เวลาเกือบที่จะดูหนังเเล้ว กินนานโครตเลยผม ก็มัวแต่คุยกับไอ้นี่หน่ะเเหละ ฟังมันเล่าชีวิตมัน เออชีวิตมันก็ดูดี เฮฮาตามประสาวัยรุ่น มันก็ไม่ได้ดูเลวร้ายเท่าไรนักหรอกนอกจากมันจะชอบทินเเล้วเกลียดผมอ่ะนะ แล้วก็คอยหาเรื่องกันตลอดมาถ้ามันรู้ว่าผมเป็นใครมันจะทำยังไงนะ
พอได้เวลา เราก็เข้าโรงหนังเพื่อนั่งรออีกไม่กี่นาทีเเล้ว ดีจังที่ได้นั่งกลางๆเพราะคิดว่าส่วนนี้ดูหนังมันดีที่สุดเเล้ว เกี่ยวไหมเนี่ย ผมกับไอ้ลิตยังไม่เลิกเม้าส์พอเขามาก็ยังนั่งคุยกันต่อ มันคุยสนุกมากถ้ามันได้เป็นเพื่อนผมมันคงได้เม้าส์กับผมจนน้ำลายแตกฟองแน่ๆ
"บอย"ผมตกใจกับเสียงเรียกเเล้วหันไปมองยังเสียง
"ทิน""ทิน"ทั้งผมทั้งไอ้ลิตร้องซะพร้อมกัน
"ไหนว่าไปเที่ยวกับพี่บู๊ไง ทำไมมาอยู่กับลิตล่ะ"ทินพูดน้ำเสียงเหมือนไม่พอใจ ผมได้แต่ทำหน้าเหวอพร้อมกับเหลือบไปมองปรางที่มองอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ
"พี่บู๊ติดธุระน่ะ"ผมรีบบอกทันทีไม่อยากให้เข้าใจผิด
"ไหนว่าชื่อ บาสไง บอย หรือว่า อย่าบอกนะ"ไอ้ลิตทำตาโต เออมึงเข้าใจถูกละ ว่าแต่มันคิดอะไรอ่ะ
"เออกูบอยเอง บอยเเฟนทิน"มันทำหน้าตกใจเเล้ว ทำตาตกลงหันไปอีกทางเหมือนคิดอะไรบางอย่าง อะไรของมันวะ
"ไม่คิดเลยนะว่าห่างทินแค่เเปปเดียว ก็แอบนอกใจซะละ"เอ่อ บุคคลที่ไม่มีบทพูดแต่อยากจะพูด ถามด้วยน้ำเสียงเหมือนเยาะ เย้ย
"บอย หายแล้วหรอไงมาเที่ยวเนี่ย"ทินนั่งลงข้างๆ แล้วเอามือจับแก้มผม ผมแอบชำเลืองมองปรางที่ทำหน้าตาแบบจะกินเลือดกินเนื้อ
"อื้มไม่เป็นไรมากหรอก"ผมตอบไปหน้าเเดงๆ
"ดูจบเรากลับบ้านกันนะ"
"อะไรนะทิน แล้วปรางล่ะ"ปรางเริ่มโวยเสียงดังจนคนรอบข้างหันมามอง ไฟถูกปิดลงพร้อมกับภาพที่กำลังจะฉาย
"ก็พาปรางกลับบ้านก่อน เดี๋ยวทินจะไปส่งบอยต่อ"ทินหันไปพูดแบบกระซิบ
"ปรางไม่ยอมนะ เรายังเที่ยวไม่เต็มที่เลยจะกลับเเล้วหรอ คอยดูนะปรางจะฟ้องคุณย่า"แล้วเธอก็เชิดใส่ เเล้วหันไปมองทางอื่น ทำสีหน้าท่าทางแบบไม่พอใจมาก ทินส่ายหัวเเล้วหันมาคุยกับผม
"กลับบ้านกันนะ ทินเป็นห่วง ว่าแต่มากับลิตได้ไง"ทินเหล่ไปมองลิตที่ทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้
"เพิ่งจะตกลง ดีกันน่ะ เฮ้ยใช่ป่าว"ผมหันไปถามมัน มันเหล่หางตามามอง
"เออ แค่ตอนนี้หรอก"แล้วมันก็ตั้งหน้าตั้งตาดูหนังที่กำลังจะฉาย
"เออดี เจอกูละไม่ทัก"ทินว่า ไอ้ลิตเลยหันมา
"อ้าวทินมาได้ไง เออบายดีป่าววะ"แล้วมันก็หันไปมองหนังต่อ กวน............ทีน ทินหัวเราะเเล้วไปดูหนัง มือที่ผมพาดไว้กับที่วางเเขนทินวางซ้อนเเล้วกุมมือผมไว้
"นี่แหละที่เราเรียกว่ารักแท้ ไปที่ไหนก็ต้องเจอกันอยู่ดี"ทินกระซิบบอกผม จนผมหน้าเเดง อ่ะนะทิน โรงหนังยังไม่เว้น จะหวานเลี่ยนไปถึงไหน
พอดูหนังเสร็จ ทินก็พาผมกลับบ้าน ก่อนกลับทินคุยอะไรกับลิตก็ไม่รู้ปล่อยให้ผมยืนอยู่กับปราง
"อย่าคิดนนะว่าฉันจะยอมง่ายๆ"จู่ๆเธอก็พูดออกมาแต่ไม่รู้พูดกับใครผมเลยทำเป็นหูทวนลม
"ทินต้องเป็นของฉัน อยากแกไม่มีวันได้อยู่ตำแหน่งคนรักหรอก"ผมยังทำเป็นไม่สนใจ จนถูกแรงผลักที่ไหล่
"นี่แก กล้าไม่สนใจฉันเหรอ"เออเพิ่งจะรู้ตัว ปรางทำหน้าโกรธแบบอยากจะตบผมเต็มที่
"เอ้าก็นึกว่าคุยกับอากาศ"ผมเลยว่ากลับแบบหาเรื่อง เอาเซ่มีเรื่องเมื่อไรเราจะได้รู้กันว่าเเรงหญิงกับแรงชายมันต่างกันแค่ไหน ในขณะที่กำลังจ้องตากันอย่างหาเรื่องแทบจะมีประกายไฟเหมือนในการ์ตูน ทินก็เข้ามาขัดจังหวะพอดี
"ปะกลับ"
พอขึ้นรถก็ตกอยู่ในความเงียบมันทำให้ผมอึดอัด แต่ไม่รู้จชวนทินคุยอะไรดีอีกอย่างผมนั่งเบาะหลัง สวนปรางแย่งนี่นั่งข้างหน้าไปซะก่อน
"ทินอมลูกอมไหมปรางเกาะให้"
"ไม่เอาอ่ะ"ทินส่ายหน้าปฏิเสธ ปรางทำหน้าจ๋อย
"ทิน วันนี้แม่ทำแกงใต้ที่ทินชอบอ่ะไปกินข้าวเย็นบ้านบอยไหม"
"ไปสิทินอยากกินพอดี"ผมยิ้มอย่างมีชัย ปรางมองผมผ่านกระจกด้วยสายตาอาฆาต จะเล่นกับพี่เร็วไปอีก10ชาตินะน้องนะ หึหึหึ ด้วยเราะในใจด้วยความสะใจ
พอมาถึงบ้านทิน ทินก็จอดรถแค่หน้าบ้านเท่านั้น
"ไม่เข้าบ้านก่อนหรอ"ปรางถาม
"ไม่อ่ะเดี๋ยวรถจะติดเอา"ปรางทำหน้าไม่พอใจ แต่ก็ลงจากรถ ทินออกรถจากตรงนั้นทันที แล้วตรงไปบ้านผม
"วันนี้คุยอะไรกับลิตบ้าง"ทินเริ่มถามขณะที่ขับรถ
"ก็เรื่องไร้สาระอ่ะ ไอ้ลิตมันจำบอยไม่ได้"ผมพูดไปตามความจริง
"อืมดีแล้ว แต่อย่าไปยุ่งกับมันมากนักนะ"ทินทำเสียงซะเครียดเลย
"รู้เเล้วน่า ทำอย่างกับว่าจะได้คุยกับมันแบบนี้อีกอ่ะ"ผมทำแก้มพองๆ แล้วหันไปทางกระจก ทินเอามือมาจับมือผม
"ก็ทินหวงอ่ะ บอยก็รู้นี่"
"ก็เหมือนกันนั่นแหละ"ผมหันหน้ากลับไปตอบ ทินยิ้มเจ้าเล่ห์
"งั้นคืนนี้ขอเเบบเมื่อคืนได้ไหม"ตลกละไง
"อะไร ถ้าพูดงี้ กลับไปนอนบ้านปะ"
"ฮะๆๆๆ คิดไรเนี่ย เค้าหมายถึงนอนกอดอ่ะ"มันก็คือๆกันนั่นแหละ
"ออๆๆๆ รู้เเล้วน่า" แล้วผมก็บอกปัดๆไปมองข้างทางแล้วอมยิ้ม ทินนิ่ ยิ่งได้ยิ่งเอาใจใหญ่ แต่สำหรับทินผมให้ได้ทุกอย่างอ่ะ แต่ก็ห่วงเหมือนกันรู้สึกกังวลเเฮะว่าปรางจะมาไม้ไหน คำขู่สารพัดที่เวลาเจอหน้ากันต้องได้ยิน มันดูน่ากลัวชอบกลขออย่าให้มันร้ายเเรงจนผมรับมือแล้วกัน เฮ้อ เเล้วคืนนี้ผมต้องทำแบบเมื่อคืนอีกไหมเนี่ย รู้สึกรุมๆตัวชอบกล สงสัยนั่งรถนานไปไข้ถามหาเเน่ๆเลยเฮ้อ กลุ้มใจนายบอย...............
.................