- 2 - “♪♫อาจเป็นเพราะเรา..คู่กันมาแต่ชาติไหน ♪♫” เสียงริงโทนโทรศัพท์ผมดังตัดความคิดหยุดลง
โดยปริยาย รีบยกขึ้นดูเบอร์เป็นของนายท่าน รีบกดรับอย่างรวดเร็วเลย..
“ครับพ่อ..ว่าไงได้ข่าวน้องไหม?” รั่วถามแทบลืมหายใจไปเลย
“
เอ่อ!...รู้แล้วโว้ย!..ระยำจริงแกเจ้าบอมย์ คราวหน้าถ้าสร้างปัญหาให้สะใภ้ฉันอีกละก็ นอกจากจะไม่
ช่วยแล้ว ฉันยังจะกระทืบซ้ำอีก” แหนะ..ทั้งนายท่านทั้งนายแม่รุมผมกันใหญ่ ไม่มีใครเข้าข้างผมเลยเหอะ ทั้งที่สะใภ้
พวกท่านนั่นแหละทำให้ผมนอยด์แดกจนต้องหลบมาไกลข้ามทวีป
“โธ่พ่อ..อย่าเพิ่งบ่นตอนนี้ รีบบอกผมก่อนน้องอยู่ไหน?” ผมตัดบท ก่อนจะโดนอีกยาว
“โง่จริงไอ้ลูกชั่ว น้องอยู่มหาลัยแกนั่นแหละ ตอนนี้ให้การ์ดคอยดูอยู่ห่างๆ นั่งอยู่ในสวนหย่อม
แกรีบไปง้อสะใภ้ฉันซะ” ปิดท้ายอวยพรผมซะหูแทบแตก จนต้องดึงมือถือออกห่าง เพิ่งเห็นนายท่านใส่อารมณ์กับผม
ก็เรื่องนี้แหละ คงโมโหน่าดูสิท่า
“ครับๆ..แค่นี้ก่อนนะพ่อ ผมจะรีบไปง้อสะใภ้ให้พ่อเดี๋ยวนี้แหละ..ขอบคุณครับพ่อ” พูดจบรีบตัดสาย
พร้อมหันไปบอกพี่สอนด่วนจี๋
“ตรงไปมหาลัยผมเลยพี่ รู้จักทางใช่ไหม?” ไม่ลืมถามกันพลาด เผื่อแกไม่รู้ทาง
“รู้ครับ นั่นคือที่แรกที่ผมกับคุณจอมไปตามหาคุณ ตรงดิ่งไปหาโปรเฟสเซอร์คุณนั่นแหละ
ถึงรู้ว่าคุณมาหาแหม่มคนสวย เราได้ที่อยู่แหม่มจากอาจารย์คุณนั่นแหละ ถึงตามมาเจอภาพประวัติศาสตร์เต็มตา”
พี่สอนยังเหย้าผมได้อีก
“พอเหอะพี่ มันไม่ได้มีอะไรอย่างที่พี่เข้าใจ..ผมจูบเธอตามที่ขอ ความจริงเธอขอคบกับผม
แต่ผมบอกเธอไปแล้วว่าผมมีคนรักอยู่แล้ว เธอก็แค่จูบลา จังหวะพี่กับจอมมาเห็นเข้าพอดี หากผมคิดจะมีอะไรกับเธอจริงๆ
จะมายืนจูบโชว์ทำไมหน้าบ้าน เข้าไปในบ้านไม่ดีกว่าหรือครับ” ผมบอกแกไป
“ไว้คุณไปอธิบายให้คุณจอมเข้าใจก็แล้วกัน มาบอกผมก็คงช่วยอะไรไม่ได้หรอกครับ” อ้าว! ดูมือขวาผมสิ
วันนี้ชักได้ใจใหญ่พูดจากวนกว่าปกติ มีว่าแดกผมอีก เอาเข้าไป..ทุกคนเหมือนเจตนารุมผมซะงั้น ทั้งที่ผมเป็นคนน่าได้รับ
ความเห็นใจมากกว่า โดนสุดที่รักของทุกคนทำร้ายจิตใจนะนั่น..ไหงกลับรุมผมเนี่ย...ลองใครได้ฟังคำพูดตัดสัมพันธ์
จากปากน้องแบบผมแล้วไม่คิดมาก ผมกล้าพนันเลยเอ้า...ไม่ใช่ไม่ง้อไม่ขอโทษ..แต่นักเลงใจแข็งมากเหอะ..
ขยันทำให้ผมวิตกจริต ใช้เวลาง้อเป็นเดือนยังไม่ยอมยกโทษให้ ไอ้ที่เคยมั่นใจว่าไม่มากก็น้อยจอมต้องมีใจให้บ้าง
ก็พลอยหมดกำลังใจขาดความเชื่อมั่นเข้าสิ เจอบอกให้เป็นพี่น้องกันดีกว่า...ใครไม่เสียใจเล่าว่ะ!..อารมณ์ตอนนั้น
มันไม่เหลือสติแล้ว นอกจากจุก เจ็บ เสียใจ....
ช่างเถอะ..ตอนนี้ผมแอบดีใจ อย่างน้อยนักเลงก็ไม่ได้มีความสุขกับสิ่งที่ตนหลุดปากพูดกับผม
ฟังจากพี่สอนคงคิดถึงผมเหมือนกันแหละน่า ตายเป็นตายครั้งนี้ปากแข็งมากนัก พ่อจะจับจูบขยี้ปากแดงๆ ช่างแดกดัน
ให้อ่อนจนนิ่มแบบไม่กล้าปากแข็งกันอีกเลยคอยดู...ดื้อนักจับกดแม่งเลย ดูดิว่าจะใจแข็งกับผมอีกไหม?...
-------------------------------------------------------------------
จอดรถได้ผมดิ่งไปยังจุดที่ได้รับรายงานจากการ์ดว่าจับตาดูจอมแสบของผมอยู่ เจ้าตัวยังไม่รู้ว่า
อยู่ในสายตาคนของนายท่านตลอดเวลา ตอนนี้ผมเจอเป้าหมายแล้ว นั่งเหยียดขาพิงหลังกับต้นไม้ตรงพื้นหญ้าหลับตา
ไม่ไหวติง ผมยกมือสูงให้สัญญาณการ์ดโดยไม่ต้องหันไปมองเพื่อขอความเป็นส่วนตัว เพียงเท่านี้การ์ดของนายท่าน
ก็ทยอยจัดการกันคนในบริเวณ มีทั้งคู่รัก และพวกนักศึกษาให้ทยอยเดินออกไปจนรัศมีโดยรอบแทบไม่เหลือใครแล้ว
การ์ดของนายท่านมีวิธีกันคนไม่ยากแถมไม่ทำให้ใครเดือดร้อนด้วยผมรู้ดี ตัดสินใจก้าวอย่างเงียบกริบตรงเข้าไปหา
นักเลงจอมทรนงที่แสนปากหนักทันที
เพื่อไม่ให้จอมพยศประทุษร้ายร่างกายผมได้ ก่อนจะเคลียร์กันสำเร็จ ผมจึงต้องเตรียมป้องกัน
โดยวางแผนรวบกดจอมแสบแสนพยศไว้ใต้ร่างสูงใหญ่แข็งแกร่งของผมเสียก่อน นั่นหมายถึงทั้งแขนขาต้องไม่ปล่อยคนเก่ง
มีอิสระทำร้ายผมเข้าให้ ดังนั้นจึงต้องย่องเท้าอย่างเงียบกริบ เข้าไปใกล้เป้าหมายซึ่งยังไม่รู้ตัวว่าผมมายืนค้ำหัวห่างไม่ถึงคืบ
ถือโอกาสแอบสำรวจหน้าหล่อปานเทพบุตรที่แสนคิดถึงสักหน่อย ตั้งแต่เจอมัวตะลึงอึ้งกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
จนลืมสำรวจสุดที่รัก
หน้าหล่อใสได้รูป เป็นส่วนผสมที่ลงตัวอย่างไร้ที่ติระหว่างไทยกับญี่ปุ่น คิ้วเรียวยาวรับกับขนตา
งอนหนาหลุบปิดตาคมวาวอย่างมีเสน่ห์ของเจ้าตัว จมูกโด่งแหลมปลายเชิดนิดๆ บ่งบอกถึงความดื้อรั้นถือตัวเจ้าของเป็นอย่างดี
ปากหยักสวยสีชมพูสดที่ลิ้มลองเมื่อใดต้องยอมรับว่าทั้งนุ่มทั้งหวานจนไม่รู้จักเบื่อ ถึงตรงนี้อดใจไม่ไหวต้องค่อยๆ กลั้นหายใจ
ก้มหน้าลงไปเกือบชิดก่อนประกบปากแนบสนิทปิดปากสวยสีสดที่เย้ายวนจนต้องขโมยจูบ และไม่รอปฏิกิริยาโต้ตอบอัตโนมัติ
ของจอมแสบ ผมกอดรัดกดร่างที่เหยียดยาวไว้ใต้ร่างผมใต้ต้นไม้นั่นแหละ
นักเลงจอมดื้อลืมตาโพล่งพยายามดิ้นหนีแต่โทษทีตัวผมไซร้บิ๊กปานนั้น ฟัดกับร่างสูงโปร่ง
ของน้องมีหรือจะหลุดจากล๊อคผมได้ง่ายๆ อ้าปากจะตวาดแหวใส่ผมก็กลายเป็นเปิดช่องให้ผมฉกลิ้นเข้าไปกวาดต้อนลิ้นนุ่ม
เกี่ยวรั้งดูดพันจนได้สมใจอยาก
“อือออ...อืมม!!” เสียงครางทุ้มต่ำของน้อง ที่พยายามต่อต้านก่อนจะยอมจำนนให้ผมดูดกลืน
ความหวานในโพรงปากนุ่มเข้าให้ในที่สุด
ผมบดจูบอย่างกระหายหิวอย่างไม่รู้จักพอ ให้สมกับความคิดถึง ให้สมกับความทรมานที่ไม่ได้
แตะต้องจอมดื้อนานนับเดือน หากไม่ติดว่าสุดหล่อเริ่มหายใจติดขัดผมคงไม่ยอมถอนปากออก
ปล่อยให้โกยอากาศได้หรอก
“ฮา...เฮือกกก!!” น้องหน้าแดงก่ำ ลามไล้ไปทั้งหูทั่วลำคอขาวซึ่งโผล่พ้นปกสแวตเตอร์ออกมา
เห็นแล้วอยากกัดให้จมเขี้ยวจริงๆ ให้ตายสิ ผมจ้องหน้าน้องนิ่งพรางสำรวจไปทั่ว และต้องหยุดสายตากับริมฝีปากสีสด
ที่บัดนี้บวมเจ่อ
“ปล่อย!” พอหายใจคล่อง มาเลยน้ำเสียงเรียบนิ่งใบหน้าไม่แสดงอาการของเจ้าตัว ที่ขยันส่ง
สายตาเย็นชาให้ผมอย่างไม่พรั่นพรึง ผมไม่ยอมขยับแถมกระชับร่างกายตรึงร่างน้องแน่นเข้าไปอีก
“ปล่อย..เดี๋ยวนี้!” เริ่มเสียงดังขึ้นแล้วครับ
“ไม่..จนกว่าจอมจะยอมฟังพี่เสียก่อน” ผมจ้องตอบน้อง พร้อมบอกให้เจ้าตัวฟังผมอธิบาย
“ไม่จำเป็น ไม่มีอะไรต้องฟัง” น้องตอบผมกลับ แถมจ้องตาตอบอย่างไม่ลดละ โอหังโคตรเมียกู..
“จำเป็นมาก และจอมต้องฟังด้วย” ผมย้ำไม่ยอมเช่นกัน
“เพื่ออะไร?” ถามได้หน้านิ่งมาก น้ำเสียงเย็นชาได้อีก
“เพราะพี่ไม่ต้องการให้จอมเข้าใจผิด ทำให้เราต้องผิดใจไปใหญ่” ผมตอบอย่างใจเย็น
ใช้น้ำเสียงที่คิดว่านุ่มที่สุด
“หึ..คิดว่าคุณบอมย์เบย์คงกำลังสับสน ผมไม่มีอะไรต้องผิดใจกับคุณ เพราะฉะนั้นปล่อยผมได้แล้ว” น้องแทนตัวเองเสียห่างเหิน แถมเรียกชื่อผมซะเต็มยศ ประชดเห็นๆ ยังบอกว่าไม่มีอะไร ปากแข็งจริง..จูบเมื่อกี้ไม่ช่วยให้
ปากเจ่อแสนหน้ากดอ่อนลงเลยว่างั้น
“หยุดประชดเสียที คุยกันดีดี ตามพี่มาถึงนี่ไม่ใช่เพราะเรามีเรื่องต้องปรับความเข้าใจกันหรือไง?” ผมดักทางทันที
“คุณคงเข้าใจผิดแล้ว ผมมาตามคำสั่งคุณป้า ท่านบอกให้มาพบคุณแล้วถึงจะอนุญาตให้ผม
กลับญี่ปุ่น ผมมาตามคำสั่งท่านก็แค่นั้น” เอาเหว้ย! เชื่อแล้วเมียนักเลงเค้าสุดยอดแห่งการดื้อ แสนพยศจริงๆ ให้ตายเหอะ...
“แค่นั้น?” ผมยักคิ้วถามกวนไปให้ นึกอยากยั่วโมโหคนอวดดีบ้างอย่างนึกสนุก ได้ผลเกินคาด
หน้าที่เก๊กนิ่งแดงแปร๊ด ตาคมวาวเขม็งดุ คิ้วขมวดมุ่นแล้วนั่น ออกอาการหงุดหงิดที่ถูกผมกวนใส่
“แล้วคุณเข้าใจว่ามีอะไรมากกว่านั้นหรือไง?” เสียงห้วนสะบัดแล้ว ค่อยดีขึ้นหน่อย อย่างน้อย
แสดงอารมณ์โมโหก็ยังดีกว่าปั้นหน้านิ่งละหว้า
“มีสิ...เพราะพี่รู้ว่าแฟนกำลังโกรธ เพราะเข้าใจผิดที่เห็นพี่จูบผู้หญิงอื่นอยู่” ผมตอบกลับไป
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผม ก็ไปเคลียร์กับแฟนคุณเองสิ ปล่อยผมได้แล้ว” เสียงดังขึ้นอีก
พูดจบเม้มปากแน่นจ้องผมตาเขม็งอย่างเอาเรื่อง พยศจริงๆ
“เกี่ยวสิครับ ทำไมจะไม่เกี่ยวเพราะแฟนพี่ก็คนนี้ไง” ผมอมยิ้มตีมึนเข้าใส่ ดูสิไอ้ตัวดีจอมดื้อ
จะทำยังไง
“คุณคงกำลังมึนกับจูบของฝรั่งผมทองไม่หาย ถึงได้งี่เง่าเหมาเอาเองแบบนี้ เข้าใจเสียใหม่
ผมไม่ใช่แฟนคุณ ปล่อยผมซักที” น้องยังไม่ยอมกัดกรามกรอด..พูดเสียงต่ำรอดไรฟันใส่ผมจ้องตาเขียวแล้วนั่น
“โอ้!..เสียใจด้วยครับ พี่ยอมรับว่ามึนจูบจริง แต่ไม่ใช่กับสาวฝรั่งคนไหนเลย แต่มึนเพราะจูบ
แฟนตัวเองเมื่อตะกี้ต่างหาก จอมหรือเปล่าที่มึนจูบจนจำไม่ได้ว่าเป็นแฟนของพี่” ผมยิ้มกริ่มต่อปากต่อคำกับน้องต่อ
เจ้าตัวฮึดฮัดอย่างโมโหที่โดนผมยั่วกวนประสาท แต่ก็กระดิกตัวไม่ได้ดังใจ
“ปล่อยสิโว้ย!..แม่งรัดอยู่ได้ อย่ามามั่วนิ่มนะไอ้ลุงกาม ใครเป็นแฟนเหอะ ไปตายให้หนอนแดก
เลยไป..ไอ้บร้า!” มาเป็นชุด คำเรียกขานติดปากมาแล้ว หูแดงหน้าแดงเถือกเมื่อเจอผมตีมึนท่าเดียว แถมเจ้าตัวดันทำอะไร
ผมไม่ได้เสียด้วย สะใจชะมัดที่ได้แก้ลำนักเลงจอมดื้อเค้าเสียบ้าง
“ไม่ปล่อย เรื่องอะไรจะปล่อย ก็ตามมาให้พี่กอดถึงที่เอง ข้ามทวีปเลยนะนั่นแล้วใคร
จะโง่ปล่อย..จริงไหม?” ผมยังยั่วไม่เลิก แถมยกยิ้มกวนใส่อีก นักเลงจอมพยศถลึงตาคมอย่างเอาเรื่อง
“ไอ้ลุงเหี้ย!!!!...จะเอาไงว่ามา” มาซะเสียงสูงเลย สุดท้ายก็ยอมคุย ต้องเล่นแบบนี้
ถึงยอมเจรจา ไม่งั้นก็ดื้อหัวชนฝา
“พี่ไม่ได้มีอะไรกับนาตาลีจริงๆ แค่จูบแบบเพื่อนไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น เราเป็นเพื่อนกัน” ผมบอกพร้อมกับมองหน้าน้องแอบสำรวจไปด้วย เจ้าตัวยอมฟังที่ผมอธิบายหรือไม่
“หึ..ช่างเถอะจะเป็นอะไรก็ไม่เกี่ยวอยู่แล้ว ปล่อยได้ยัง” มีเสียงขึ้นจมูกยังไม่ยอมเข้าใจอีกแหนะ
“บอกว่าเพื่อนก็เพื่อน หากจูบจริงต้องอย่างเราเมื่อกี้ต่างหากถึงเรียกว่าจูบ เลิกต่อต้านพี่เสียที
ที่ว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน พี่รักจอมมากนะ! รู้ไหม?” ผมบอกน้องน้ำเสียงหนักแน่น ทำเอาคนใต้ร่างที่พยายามฮึดดิ้นหยุดกึก
จ้องตาผมนิ่ง ก่อนจะมีน้ำรื้อขึ้นตาคมแล้วไหลลงขมับสองข้างหน้าตาเฉย เล่นเอาผมอึ้งเผลอปล่อยมือที่กดแขนเจ้าตัวไว้
เอามาจับหน้าหล่ออย่างเบามือก่อนจะใช้นิ้วโป้งเกลี่ยน้ำตาที่ไหลย้อยให้อย่างอ่อนโยน ใจหล่นวูบเมื่อเห็นน้ำตานักเลงอีกครั้ง
ไม่คิดว่าน้องจะร้องออกมา
“อึก..ไอ้บ้า..แม่งพอใจยัง ฮึก..สะใจแล้วใช่ไหมที่ทำกูเสียใจจนได้ เล่นกับความรู้สึกกูพอแล้วสินะ
ไปตายเลย..ไอ้ลุงเหี้ย..ฮึกฮือออ!” ผมอึ้งเลยครับเมื่อน้องหลุดเสียงสะอื้นออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ พร้อมกับกร่นด่าผมไปด้วย
อารมณ์ตอนนี้ไม่นึกโกรธที่ถูกด่าสักนิด ก้มจูบหน้าผาก พร้อมแก้มใสสองข้างพร่ำปลอบอย่างอ่อนโยนไปด้วย
“ชู่ววว์...ไม่ร้องนะครับคนเก่ง ไม่เอาไม่พูด พี่ไม่เคยล้อเล่นกับความรู้สึกของจอมเลยนะ
พี่พูดจริงๆพี่รักจอม รักมาก...รักจนกล้าพูดได้เต็มปากเลยว่าพี่ขาดจอมไม่ได้...ให้ตายภายใน..” พูดไม่ทันจบประโยคสุดท้าย
สุดหล่อเอามือขาวเรียวมาปิดปากผมไว้เสียก่อน
“ฮึก..จะแช่งตัวเองทำไม..โง่หรือบ้าเนี่ย!” น้องหยุดร้องหันมาตวาดผมเฉยเลย
ค่อยดีขึ้นหน่อย ยอมรับไม่ชอบเห็นน้ำตาบนหน้าหล่อปานเทพบุตรของน้องเลยจริงๆ
“ครับๆ..ไม่แช่งไม่พูดแล้วครับ แต่จอมต้องเชื่อนะครับ พี่รักจอมจริงๆ ไม่เคยล้อเล่นกับความรู้สึก
ของจอมเลยสักครั้ง” ผมยังยืนยันน้ำเสียงหนักแน่น
“ไม่เคย..หึ..กล้าพูดเนอะ ไอ้ที่แกล้งตายนั่นหละ ไม่ล้อเล่นหรือไง รู้ไหมว่ากูรู้สึกยังไง มึงก็รู้ว่า
มีแต่คนทิ้งกู คนที่กูรักพากันตายจนหมดแล้ว มึงยังเอาเรื่องตายมาล้อเล่นอีก นึกว่ากูโง่หรือไง กูรู้ตั้งแต่วันที่คุณลุงคุณป้า
ส่งคนมารับศพจอมปลอมของมึงแล้วเหอะ พวกเพื่อนมึงอีกไม่มีใครเศร้าหรือคิดจะจัดการเรื่องศพมึงสักคน มันผิดวิสัยของ
เพื่อนที่รักกันมาก กูมีสมองไม่ได้กินหญ้า รอว่าเมื่อไหร่มึงจะยอมบอกแต่มึงก็ไม่ติดต่อมา โผล่หัวมาก็สร้างปัญหาเอาตัวล่อ
กระสุนหาเรื่องตายอีกจนได้ ทำแต่ละอย่างคิดถึงจิตใจกูไหมว่ารู้สึกยังไง...มึงบอกรักๆๆๆๆ...อยู่ข้างหูกูทุกวัน ทำให้กูไม่เป็น
ตัวของตัวเอง ทำให้คิดกับมึง...แล้วยังมาโกหกกูอีก แบบนี้เค้าเรียกว่าไม่ล้อเล่นกับความรู้สึกแล้วให้กูคิดยังไง พอประชด
เข้าหน่อยมึงก็หันหลังหนีไม่โผล่หัวอีกเลย..นี่คือคนที่เค้ารักกันสินะ ทำกับกูตั้งหลายครั้งมีหน้าว่ารักอีก ยืนจูบฝรั่งผมทอง
ได้อย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อนยังกล้าให้เชื่อว่ารักกูจริงว่างั้น...ฮึกกก..อึก...อือออ!!” พูดจบ สะอื้นน้ำตาไหลอีกแล้ว ผมอึ้งกับคำพูด
ตัดพ้อต่อว่าทั้งสีหน้าแววตาที่น้องแสดงออกนั่นอีก เหมือนน้องปล่อยมาจนหมดแบบไม่กักอีกแล้ว ผมรู้สึกผิดอย่างไม่มีคำแก้ตัว
“พี่ยอมรับผิดทุกอย่างที่จอมพูดมา แต่ขอให้รับรู้ไว้เถอะ ทุกการกระทำพี่มีเหตุผลที่ทำทั้งสิ้น
บนความเป็นจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าพี่เองก็รู้สึกแย่ที่ต้องโกหกแฟนตัวเอง แต่ทำไงได้เพื่อส่วนรวมพี่จำเป็นต้องทำ เพียงหวังว่า
ผ่านเหตุการณ์เสร็จสิ้นแล้ว คนที่พี่รักต้องเข้าใจและพร้อมจะให้อภัยในการกระทำของพี่แน่ๆ พื้นฐานที่ทำให้พี่มั่นใจว่าแฟนพี่
ต้องให้อภัย เพราะพี่เชื่อว่าเค้าเองก็คงรักพี่ไม่ต่างกัน เหตุผลเดียวที่เค้าจะไม่ยอมอภัยให้พี่นั่นก็คือ...เค้าไม่ได้รักพี่เลย..”
ผมพูดและหยุดทิ้งค้างไว้แค่ประโยคสุดท้าย พร้อมกับจ้องสบตาน้องไม่มีหลบ รอฟังว่าน้องจะตอบผมว่าอย่างไร
“พูดแบบนี้ ต้องการให้ตอบยังไง..แม่งบังคับชัดๆ” น้องเป็นฝ่ายเบือนหน้าหลบผมแทน
ก่อนจะบ่นออกมาพอให้ได้ยิน ยิ่งอาการที่น้องแสดงออกนั่น มันทำให้หัวใจผมพองคับอก แต่ผมจะปล่อยให้ผู้ร้ายปากแข็ง
ลอยนวลไม่ได้เด็ดขาด ยังไงวันนี้ต้องบีบให้มั่นคั้นให้ตาย
“อย่างพี่หรือจะบังคับเค้าได้ ยิ่งหัวใจของคนที่พี่รักด้วยแล้ว ก็อย่างที่บอกเค้าไม่ยอมอภัยให้พี่
ไม่เคยพูดให้ได้ยินสักครั้งว่ารักพี่เช่นกัน แล้วพี่จะหวังอะไรได้อีกเล่า นอกจากเดินออกมาจากชีวิตเค้าตามที่เค้าต้องการ...
อยากให้เป็นเพียงพี่น้องกัน ยอมรับว่าได้ยินคำนี้พี่เสียใจมาก จนไม่สามารถอยู่เจอหน้าได้ เพราะมันพาลให้ขาดใจเสียเปล่าๆ..
นั่นคือเหตุผลที่พี่หนีมาถึงที่นี่ แต่ในเมื่อตามพี่มา พี่ก็สัญญากับตัวเองแล้วว่า ไม่ว่ายังไง..จะแลกด้วยอะไรพี่ก็จะไม่ยอม
ปล่อยเค้าไปเป็นอันขาด” ผมพูดจ่อใส่ข้างหูนักเลงที่กำลังเขินจนหน้าแดงก่ำ
“
ตัวยังกะควายธนู ใครจะไปคิดว่าใจปลาซิว พูดแค่นี้ทำเป็นใจเสาะหนีมาซะไกล จะหน้าด้าน
เหมือนตอนหื่นสักนิดก็ไม่มี ทนตื้ออีกหน่อยก็ยกโทษให้แล้ว ยังมีหน้ามางอนอีก..คนที่งอนคือคนโดนหลอกไม่ใช่”
น้องลดคำพูดหยาบคายลงแล้ว
“หึ..พี่ยอมรับว่าเสียใจ แต่ไม่ได้งอนสักหน่อยให้ตายสิเอ้า...เพียงแค่เสียใจที่คิดว่าจอมไม่ต้องการ
พี่แล้วจริงๆ เล่นบอกกันตรงๆว่าให้กลับไปเป็นพี่น้อง ใครฟังไม่เสียใจกันเล่า แต่ตอนนี้พี่จะไม่ยอมไปไหนเด็ดขาด
เอาเถอะ..แม้จะไม่มีวาสนาได้ฟังคำรักจากปากจอม เพราะเชื่อแล้วว่าจอมคงไม่รักพี่หรอก นั่นสินะพี่บังคับจอมเอง
วางแผนเอาเองทุกอย่าง จอมจะรักพี่ได้ไงจริงไหม วันนั้นที่พี่ถูกยิงตอนเอาตัวออกไปเป็นเป้ากระสุนถ้าตายคงดีไม่น้อย
จอมคงไม่ต้องลำบากใจเพราะพี่อีก” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเบาหวิว เป็นการตัดพ้ออย่างทดท้อ
“บ้าหรือเปล่าว่ะ!..บอกไม่ชอบเรื่องตายดันย้ำพูดอยู่นั่นแหละ อรึ้ยยย! ฉลาดทุกเรื่องเจ้าเล่ห์ก็ปานนั้น
ทีงี้ทำเป็นโง่...แม่ง...ก็ได้...รักเหอะ” คำสุดท้ายเสียงเบามาก แทบจะไม่ได้ยินหากไม่ตั้งใจฟัง แต่ผมก็แอบอมยิ้มดีใจ
ปั้นหน้านิ่งไว้ก่อน เพราะยังไม่ถูกใจในสิ่งที่ต้องการจะฟัง
“อะไรครับ พี่ฟังไม่ทันจอมพูดอะไรนะ” ผมแกล้งเนียนถามเอาเฉพาะประโยคสุดท้าย เล่นเอา
นักเลงหน้าแดงจนกลัวเลือดจะทะลักแล้วนั่น
“อรึ้ย...บอกว่ารักไงเล่า” ยังดังไม่พอ
“หะ..อะไรยังไง..พูดให้ชัดๆ สิครับ” ผมยังตีมึนเนียนได้อีก
“โว้ย!..บอกว่ารัก..รัก..รัก..ไอ้บ้า!..หูแตกหรือไง” คราวนี้มาซะดังลั่นเล่นเอาขี้หูเต้นระบำกันเลย
ผมฉีกยิ้มกว้างก่อนจะฉกจูบปิดปากที่กำลังโวยวายของนักเลงขี้โมโหทันที งานนี้นายท่านกับนายแม่ไม่ผิดหวังแล้วครับ
ผมพาสะใภ้กลับไปได้แล้ว ที่สำคัญคืนนี้คงต้องฉลองถือโอกาสฮันนีมูนเสียเลย ไหนๆ ก็ข้ามทวีปมาถึงนี่แล้ว
สั่งพี่สอนบอกทางโรงแรมจัดห้องสวีทโดยใช้ห้องรับรองส่วนตัวของครอบครัวผมนั่นแหละเปิดแชมเปญฉลองให้กับผลงาน
ที่สามารถง้างปากของนักเลงคนเก่งยอมสารภาพรักผมได้เสียที...บิ๊กบอมย์คงต้องทำงานหนักโต้รุ่งกันเลยงานนี้
ชดเชยให้กับเวลาที่เสียไปจัดเต็มกันหน่อย...แหมใครจะไปทนไหวเทพบุตรสุดหล่อผิวเนียนเนื้อแน่น กลิ่นหนุ่มเย้ายวน
ให้โหยหาทุกค่ำคืนมาอยู่ตรงนี้ตัวเป็นๆ
มีหรือสิงห์บอมย์กับบิ๊กบอมย์จะไม่ร่วมมือกันเล่าครับ..ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ.....??????ต่อให้แล้วนะคะ หวังว่าคงสมใจกับนักอ่านที่ตามลุ้นตามเชียร์กันอยู่
ตอนหน้าเป็นตอนจบแล้วนะคะ ขอให้มีความสุขกับการติดตาม
เรื่องราวของน้องจอมกับพี่บอมย์ ที่สำคัญขอกำลังใจจากนักอ่านทุกท่าน
เหมือนที่มีให้กันเสมอมา คนเขียนก็รออ่านเม้นท์ของทุกท่านเพื่อชาร์ตแบต
เพิ่มพลังให้กับตนเองในการเขียน มนต์มาร เหยี่ยวหัวใจ และเทพพิทักษ์ขุนทัพ
ที่จะทยอยมาลงให้เร็ววันนี้
Luk.