b|ueBoYhUb - - เหอะๆ น่าแปลกอยู่นะ เป็นเพื่อนแต่ไม่กล้าโทร
กลับมาหาถึงบ้าน >>> คนแก่คงมองพิรุตไม่ออกหรอก อิอิ
ไม่ได้จับผิดนะ แต่ถ้าผมเป็นพ่อกาย คงสงสัยนึกว่าเจ้าหนี้มา >>> เผอิญว่าไม่ใช่พ่ออ่ะ แต่เป็นลุงกะป้า
deshiwa - - อ่าครับขอให้พี่นิคเจอพี่กายเร็วๆๆนะครับ >>> เร็วๆนี้แหละ
จะได้รักกันซะที เพราะที่เห็นก็ไม่มีวี่แวว >>> รอดูกันต่อปาย
ว่าจะลงเอยกันได้เลยอ่าครับ >>> ก็ต้องติดตาม อิอิ
สู้ๆๆเป็นกำลังใจให้เสมอครับ >>> ขอบคุณค่า
ken_krub - - เป็นกำลังใจให้ครับ >>>
LonelyBoiZ - - มาเปงกำลังใจให้นะคับ อิอิ สู้ๆๆนะคับ >>> อ่ะจ้า
nartch - - แม้จะสั้นไปหน่อยยยย แต่ได้ข่าวคราวพี่นิคก็ ok ละ...
น่าจะเป็นพี่นิคนี่ละน๊ะ...ที่จะจัดระเบียบชีวิตให้กายยยย >>> งั้นม้าง
คิดแล้วอิจฉา,,,,,,,, >>> อิจฉาก็หาจิ อิอิ
+1 ให้กำลังใจกันไปปปปปตามระเบียบบบ ทั้งวันละวันนี้.... >>> ขอบคุณค่ะ
Turn_righT - - ให้กำลังใจคนโพส +1 ให้กำลังใจคนช่วยโพสก็ +1 จ้า >>>
อยากจะลุ้น...แต่ไม่รู้จะช่วยลุ้นยังไง ห่างไกลกันซะขนาดนั้น >>> คอยลุ้นละกาน
อ๊ะ!! แต่นิคก็ยังมีหวังนี่เนอะ กายเขาคิดถึงนิคด้วยนะ อิอิ >>> ฮ่าๆ ช่ายๆ
three - - แอบย่องมาดูความเคลื่อนไหวครับแล้วเราก็ย่องออกไป >>> จาย่องปายหนายยย
yoki - - อ่ะ เรื่องนี้ลงที่เด็กดีใช่ป่าวค่ะ หยกเคยอ่านอิอิ >>> ช่ายแล่ว
แต่มาอ่านซ้ำอีกทีก็สนุกเหมือนเดิมมาอัพต่อไวๆน่ะค่ะ >>> จ้า
cargo - - อีกนิดก็ได้เฉียวแล้ว >>> เฉียวอาราย
pongsj - - เพิ่งได้อ่าน สนุกมากๆเลยคับ ติดใจซะแล้วสิ อิอิ >>> ดีใจนะเนี่ย
ถ้าค้างก็อย่าว่ากันน๊า บอกไว้ก่อง อิอิ
============================================================================
“จ้ะ ชื่อนิคโคลัสหรือ?” คุณป้ามองนามบัตรของผมแล้วถาม
“ครับ เรียกผมนิคเฉยๆก็ได้” ผมบอกยิ้มๆ ในใจลอบดีใจสุดขีด ไม่คิดว่าโอกาสของผมจะได้มาง่ายๆแบบนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ดูหนทางจะยากลำบากมากแท้ๆ พระผู้เป็นเจ้าคงจะเข้าข้างผม ถึงได้มีโอกาสดีๆแบบนี้เกิดขึ้นกับผม
หลังจากนั้น ผมก็ขอตัวลาพวกท่านกลับ ความหนักอึ้งในจิตใจผมเริ่มผ่อนคลายลง เรื่องที่คิดว่ายากลำบาก กลับกลายเป็นสิ่งที่ไม่ยากอย่างที่คิด ความเป็นจริงมันไม่ได้เลวร้ายเท่าไรนักเลย
ผมอยู่เคลียร์ธุระหลายๆอย่างที่อังกฤษวันกว่าๆ รวมทั้งเรื่องจองตั๋วเครื่องบินไปไทยด้วย เมื่อผมไปถึงเมืองไทย ผมก็มัวนั่งรอโทรศัพท์จากคุณลุงคุณป้าอย่างไม่มีกระจิตกระใจทำอย่างอื่น จนกระทั่งข้ามวันไปแล้ว ก็ยังคงไม่มีการติดต่อเข้ามา ผมได้แต่คิดร้อนใจอยู่คนเดียว นี่ผมหวังสูงเกินไปไหมเนี่ย!!
จนกระทั่งเช้าวันนี้ สิ่งที่ผมรอคอยก็มาถึง คุณป้าของคุณกายได้ติดต่อมาหาผม บอกไฟลต์บินที่คุณกายจะมา ผมจึงรีบไปเช็คเวลาบินทันที พอตกเย็นผมก็ไปรอรับเขาที่สนามบิน รออย่างใจจดใจจ่อ...
ผมคิดไปต่างๆนาๆ ว่าถ้าเขาพบกับผมเขาจะมีท่าทียังไง จะรีบหนีผมไปเลยหรือเปล่า? หรือเปิดปากด่าผมก่อน ความจริงตอนปรึกษาเรื่องแผนการกับพี่เอ พี่เขาเสนอแผนลักพาตัวให้ผมทำ แต่ผมไม่อยากใช้แผนนี้ เพราะมันจะมีแต่ผลเสียเกิดขึ้น ผมกลัวว่าเขาจะเกลียดผมกว่าเดิม ผมจึงไม่อยากให้เป็นแบบนั้น
วันนี้ผมจึงคิดว่าแค่มารอเจอหน้าเขาก็พอ ขืนลักพาตัวที่นี่ คนต้องแตกตื่นกันแน่ และเขาก็คงจะขัดขืนผมอย่างถึงที่สุดแน่นอน
นั่นไง มาแล้ว... คนที่ไม่ว่าจะยังไง ก็ดูโดดเด่นในสายตาผมเสมอ ไม่ว่าเขาจะอยู่ท่ามกลางฝูงชนที่แออัดคับแน่นยังไง ผมก็ยังสามารถมองเห็นเขาได้อย่างเด่นชัด
ผมยิ้มกว้างขึ้น เมื่อเห็นชายหนุ่มที่ผมเฝ้ารอคอย กำลังเดินมาทางผม ความจริงอยากจะรีบวิ่งไปกอดเขาเสียด้วยซ้ำ แต่ก็ต้องอดทนระงับใจเอาไว้ก่อน แล้วเฝ้ารอเขาเดินมาใกล้อย่างอดทน
ผมเพ่งพินิจมองเขาโดยละเอียด ดูเขาท่าทางแปลกๆอย่างไรไม่รู้ หน้าตาเขาดูไม่ค่อยมีชีวิตชีวาเลย หรืองานที่มิลานที่คุณลุงคุณป้าว่า จะหนักหนาสาหัสมาก ถึงกับทำให้คุณกายดูหม่นหมองลงถึงขนาดนี้ ผิดกับตอนที่ผมเจอกับเขาที่ลอนดอนเลย
เขาคงจะไม่ได้สังเกตเห็นผม จึงยังไม่มีปฏิกิริยาใดๆ จนกระทั่งเขาเดินมาใกล้ผม ผมจึงเดินไปประชิดตัวเขา แล้วจับแขนเขาเอาไว้ เห็นเขาเงยหน้ามองผมอย่างงุนงง จากนั้นสายตาเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นตกใจ
แต่ที่ผมตกใจยิ่งกว่าคือ คุณกายไม่ได้ขัดขืนผม แต่กลับเซเข้ามาซบอกผมซะเฉยๆ ผมตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเลยจริงๆ
_____________________________________
หลังจากคืนที่ผมมีปากเสียงกับเรโอ เราก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก พอเช้าวันรุ่งขึ้นผมก็เตรียมตัวไปสนามบินทันที แน่นอนว่าเรโอเป็นคนขับรถไปส่งผม แต่ระหว่างทางผมก็ไม่ได้พูดอะไรกับมัน และมันก็ไม่ได้พูดอะไรกับผม มันทำแค่เพียงเหลือบมองผมเป็นพักๆเท่านั้น
ที่ผมไม่พูดคุยอะไรกับมันก็ไม่ใช่อะไรหรอก เพียงแต่ผมเหนื่อยที่จะพูดก็เท่านั้น กระทั่งการขยับร่างกายผมยังไม่ค่อยอยากจะทำเลย ร่างกายผมตอนนี้มันดูฝืดๆอย่างไรไม่รู้ แต่ผมก็ยังฝืนทำตัวให้เป็นปรกติต่อหน้าเจ้าเรโออยู่ดี
ก่อนจากลา เรโอเพียงแค่ใช้สายตามองส่งผมเท่านั้น แต่ผมสามารถรับรู้ได้จากสายตาของมัน ว่ามันห่วงใยผมมาก ผมยิ้มตอบรับความรู้สึกของมัน แล้วเดินจากไป
ตลอดระยะเวลาการเดินทางบนฟากฟ้า ผมหลับเป็นตายมาตลอดทาง เป็นอย่างที่เจ้าเรโอว่าเลย ว่าผมจะอาการแย่ลง แต่ผมก็ไม่ได้นึกเสียใจที่รีบเดินทางกลับไทย เพราะผมคิดว่าผมมาอยู่ที่ไทยผมรู้สึกดีกว่าการอยู่ที่ต่างประเทศมากว่า
ก้าวแต่ละย่างก้าวของผมช่างหนักอึ้งเหลือเกิน ทำไมสนามบินมันกว้างอย่างนี้นะ เมื่อไหร่จะถึงทางออกสักที ผมเดินลากกระเป๋าไปตามทางอย่างเซ็งๆ
ตอนนี้ผมปวดหัวมาก เหมือนสมองจะระเบิดออกมาให้รู้แล้วรู้รอด การมองเห็นของผมในตอนนี้ก็ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไร ตาผมมันพร่าๆมองอะไรไม่ค่อยถนัดชัด ผมต้องกระพริบตาถี่ๆแล้วพยายามเพ่งมอง ภาพเบื้องหน้าถึงจะชัดเจนขึ้น
ผมอยากจะรีบกลับบ้านไปนอนพักผ่อนมาก ไม่อยากให้ตัวเองป่วยอยู่แบบนี้ ผู้คนรอบข้างเดินกันขวักไขว่รอบตัวผม จนผมตาลาย แต่ผมก็ยังกดฟันข่มใจเดินต่อไป
แล้วผมก็รู้สึกได้ถึงแรงจับของใครบางคนที่ฉุดแขนผมรั้งไว้ ผมงุนงงมาก หันหน้าไปมองคนๆนั้นด้วยความสงสัย ภาพของคนผู้หนึ่งปรากฏขึ้นในสายตาผม หน้าเขาเบลอๆ ผมเห็นเขามีอยู่สามหัว ผมจึงเพ่งมองอย่างตั้งใจอีกครั้ง ใบหน้านั้นจึงค่อยๆรวมตัวเข้าหากัน เป็นใบหน้าหนึ่งที่ทำให้ผมตกใจมาก!!
แล้วสายตาผมก็เริ่มพร่าเลือน รู้สึกวิงเวียนศีรษะอย่างมาก จากนั้นผมก็ไม่สามารถรับรู้อะไรได้อีกเลย...
___________________________________