ขอโทษที่ช้า ขอโทษที่หาย ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
---------------------------------------------
คุณกายนอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง เหงื่อกาฬผุดพรายเต็มแผ่นหลัง ใบหน้าซีดเซียวริมฝีปากแตกแห้ง ดูแล้วน่าสงสารยิ่งนัก ผมรีบเตรียมน้ำใส่กะละมังใบย่อม ผ้าขนหนูพื้นเล็กชุบน้ำบิดจนหมาด ก่อนจะเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้เขาเพื่อลดไข้
“อื้อ...” เขาครางเบาๆในลำคอเมื่อผมใช้ผ้าชุบน้ำโปะลงบนหน้าผากของเขา
“...หนาว นิค... หนาว...” คุณกายนอนขดตัวสั่น เพราะผมเพิ่งเช็ดตัวให้เขาเสร็จ ยังไม่ทันได้เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ให้เขาเลยด้วยซ้ำ
“ครับๆ” ผมรีบหยิบชุดนอนตัวใหม่มาสวมใส่ให้เขาทันที แล้วห่มผ้าห่มให้เขาจนมิดชิด
ในขณะที่ผมจะลุกไปอาบน้ำอาบท่าเตรียมเข้านอนบ้าง จู่ๆคนที่ผมคิดว่าหลับไปแล้วกลับยื้อดึงชายเสื้อผมเอาไว้ไม่ให้ไปไหน
“นิค... อย่าไปไหนสิ...” เขาบอกเสียงแหบแห้ง ลืมตาแดงๆขึ้นมามองหน้าผม
“ไม่ได้ไปไหนครับที่รัก แค่จะไปอาบน้ำเดี๋ยวก็มา ” ผมส่งยิ้มให้ ก่อนจะก้มลงหอมแก้มเขาเบาๆ
“เร็วๆนะ...”
“คร้าบ... รอแป๊บนะครับคนดี” มือผมลูบศีรษะเขาเบาๆ จนเขาค่อยๆหลับตาลงอีกครั้ง ผมจึงหันมาคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ผมก็มาแทรกตัวเข้าไปในผ้าห่ม คว้าร่างที่กำลังนอนหลับอยู่เข้ามากอดไว้แนบตัว ร่างกายของคุณกายอุ่นขึ้นกว่าปกติด้วยพิษไข้ แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ได้ร้อนตามเหมือนที่ร่างกายแสดงออก กลับซุกตัวเข้ามากอดผมไว้แน่นอย่างกับตัวเองกำลังหนาวเหน็บอย่างไรอย่างนั้น แม้ผมจะรู้สึกอึดอัดและร้อนๆอยู่บ้าง แต่ผมก็ยินดีที่ตัวผมสามารถสร้างความอบอุ่นให้เขาคลายหนาวได้ ผมยิ้มให้กับตัวเอง ก่อนจะก้มลงจูบเบาๆที่กลุ่มผมสีดำขลับนุ่มลื่นของเขา แล้วหลับตาลงด้วยใจที่อบอุ่นผ่อนคลาย...
...
ผมหลับๆตื่นๆตลอดทั้งคืน เพราะต้องคอยดูแลคนป่วยอยู่เป็นระยะๆ จะหลับก็หลับไม่ลงเพราะเอาแต่ห่วงเขาอยู่ตลอด กว่าจะได้นอนจริงๆ ก็ประมาณตี่สีตีห้าเข้าแล้ว
ตื่นขึ้นมาอีกที ไม่รู้เวลาเท่าไหร่ แต่ผมได้ยินเสียงคนคุยกันที่หน้าประตูห้อง
“ไม่อยู่เที่ยวด้วยกันต่อเหรอ...”
“ไม่ล่ะ... ฉันกะว่าจะกลับไปสะสางงานที่กรุงเทพฯก่อนแล้วค่อยบินไปคาปรี คราวนี้ไปนานหน่อย กะว่าจะพักให้เต็มที่เลย...”
เสียงแรกเป็นเสียงของคุณกาย ส่วนเสียงที่สองเห็นจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากนายเรโอนั่น!
“...” คุณกายเงียบเสียงไป ผมจึงลืมตาขึ้นมามองดูคนทั้งคู่
ภาพที่เห็นคือคุณกายยืนอยู่หน้าประตูห้องนอนหันหลังให้กับผม ส่วนนายเรโอมันกำลังเอามือทาบแก้มและลูบไล้พวงแก้มสุดที่รักผมเบาๆ ทำเอาผมอยากจะส่งเสียงกระแอมขึ้นมาขัดจริงๆ ให้ตายเหอะ! มันฉวยโอกาสแฟนผม!
“ไข้ลดลงแล้วนะ ยังปวดหัวอยู่รึเปล่า...? นี่... อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิกาย ...ฉันยังไม่ตายหรอกน่า ยิ้มหน่อยๆ นะนะ เรโอไม่ชอบกายทำหน้าเศร้าแบบนี้เลยอ่ะ...”
แหวะ! พูดมาได้นะไอ้อิตาเลี่ยน! มาหวานใส่แฟนผมได้ยังไงกัน ผมล่ะอยากลุกขึ้นมาอาละวาดจริงๆ แต่ที่ยอมอยู่เฉยๆแบบนี้เพราะผมเป็นคนใจกว้างต่างหาก ยอมๆไอ้บ้านั่นมันสักหน่อย เดี๋ยวมันก็ไปแล้ว เฮอะ! ไอ้ก้างไม่มีคุณภาพ สมแล้วที่ต้องโดนส่งกลับบ้านเกิด! หึหึ...
“น่านแหละ... ยิ้มสวยๆแบบนั้นแหละ เรโอล่ะช๊อบชอบ เห็นแล้วจะกรี๊ดสลบ ฮ่าๆๆ” ไอ้อิตาเลี่ยนทำเสียงน่าหมั่นไส้ ก่อนจะแกล้งทำตัวเซไปพิงกรอบประตูเหมือนกับคนหมดแรง เห็นแล้วผมล่ะอยากเข้าไปถีบมันจริงๆ
“บ้านแกสิ เดี๋ยวโดนถีบ” น้านนน ที่รักผมช่างรู้ใจจริงๆ สมแล้วที่เรารักกัน ฮ่าๆ เอาเลย ถีบเล้ยย ผมเปิดโอกาส!
“ฮ่าๆ อย่างนี้ค่อยสมเป็นไอ้กายหน่อย โหดๆแบบนี้ล่ะใช่เลย”
“พอได้แล้ว อย่ามาเล่น แล้วจะกลับมาเมื่อไหร่ล่ะ นานไหม?” คุณกายเริ่มทำเสียงจริงจังขึ้น โถๆ มันไปนานๆก็ดีแล้วครับที่รักกกก ปล่อยไอ้บ้านี่มันไปเหอะ!!
“ทำไมล่ะ คิดถึงเรโอเหรอ...” มันเข้าข้างตัวเองสุดๆ ผมได้ยินแล้วแสลงหูเลย อยากจะเข้าไปตบกะโหลกมันจริงๆ จะยุ่งกับคนของผมมาไปแล้ว...
“ไม่ใช่โว้ย! เบื่อขี้หน้าว่ะ... ไปนานๆเลยไป” โอ้วว! ถูกใจผมมากที่ร๊ากกก น่านแหละๆ
“แหง่ะ! ทำไมทำกับเค้าอย่างงี้อ่ะ...” ไอ้เรโอทำเสียงอ้อนสุดๆ ช่างอ้อนพระบาทาของผมจนเท้าผมสั่นกระตุกขึ้นมาทันที
“อย่ามาปัญญาอ่อน... เดี๋ยวโดนโบก” คุณกายว่าเสียงเรียบ ผมล่ะสะใจ หึหึ
“ฮ่าๆ เออ... ไม่รู้สิ อยากกลับเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ว่าจะไปเป็นพระเอกมิวสิคคนอกหักที่นั่นสักพัก หึหึ!”
“...เรโอ”
“พอๆ ไม่พูดเรื่องนี้กันแล้ว ลงไปกินมื้อเช้ากับฉันกัน ฉันทำข้าวต้มกุ้งที่นายชอบเตรียมไว้ให้แล้ว” ไอ้หมอนั่นบอกยิ้มๆ ก่อนจะคว้ามือคุณกายให้เดินออกจากห้อง
“เอ่อ...แล้วนิคล่ะ...” คุณกายยื้อตัวไว้แล้วถามขึ้นเบาๆ ทำเอาหมอนั่นชะงักกึกทันที เห็นแล้วสะใจ ฮ่าๆ ทำไมที่รักผมน่ารักแบบนี้! อุตส่าห์นึกถึงผมด้วย... ผมแอบยิ้มด้วยความปลื้มใจ
“ปล่อยมันนอนไม่ได้เหรอ อย่าไปปลุกมันเลย ยังไม่อยากเห็นหน้าให้เสียบรรยากาศ...”
“ดีกันหน่อยไม่ได้เหรอ...?” คุณกายถามเบาๆ น้ำเสียงติดจะอ้อนวอนหน่อยๆ
“ตอนนี้จะให้ปุบปับก็คงจะไม่ได้หรอก มันอยู่ที่ความรู้สึก นายเข้าใจฉันหน่อยนะ...”
ผมเห็นด้วยนะกับที่มันพูด ถึงนายเรโอจะเป็นเพื่อนสนิทคุณกายก็เถอะ แต่ความรู้สึกของมันที่มีไม่ใช่แค่เพื่อนนี่นา... จะให้ผมเปิดใจยิ้มรับอย่างปกติสุข เห็นจะเป็นเรื่องยาก... ยังไงผมก็คิดว่าระหว่างผมกับมัน สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้ และเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการสมานฉัน คือการที่เราคงสถานะต่างคนต่างอยู่ ไม่ก้าวก่ายในจุดยืนของกันและกันก็พอ ผมคิดว่าแบบนี้แหละ มันเป็นการดีที่สุดแล้ว... ---------------------------------------------------------
คนอ่าน