หายไปด้วยความมึน เรื่องมันยืดออกปายยยย
ตอนนี้กับเข้าชายฝั่งไทยได้แล้วคร๊า
ต่อกันเลยดีกว่า
++++++++++++++++++++++++++++
ผมตื่นขึ้นมาด้วยความเหนื่อยอ่อน เมื่อคืนแทบจำความไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง รู้แต่ว่ากว่าผมกับนิคจะได้นอนหลับกันจริงๆก็รุ่งเช้าแล้ว และต้องยอมรับว่าถึงจะเหนื่อย แต่ผมก็มีความสุข…
รู้สึกปวดเมื่อยเนื้อตัวไปหมดโดยเฉพาะสะโพก จนไม่อยากจะขยับลุกจากเตียงไปไหนอีก วันนี้ผมก็เกงานจนได้ สภาพแบบนี้ผมคงถ่อสังขารไปทำงานไม่ได้หรอก แค่จะเข้าห้องน้ำยังลำบากเลย นิคก็ไม่รู้หายไปไหน ทิ้งผมให้นอนบนเตียงคนเดียวนานแล้วนะ…
รอนานจนเผลอหลับไปอีกรอบ ตื่นมาอีกทีเพราะได้ยินเสียงดังกุกกักๆข้างนอกห้อง
ผมพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง อดหน้านิ่วนิดหน่อยไม่ได้เพราะความเจ็บแปลบที่ส่วนนั้นมันระบมไปหมด
“นิค… นิคครับ!”
“คร้าบบ!” เสียงขานรับพร้อมกับร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาในห้องนอน
“ไปไหนมา นานจัง…”
“ไปซุปเปอร์มาเก็ตมาครับ ในตู้เย็นโล่งว่างมาก ไม่มีของทำกับข้าวเลย ผมเลยไปซื้อของสดมาใส่ไว้ เห็นคุณเพลียๆก็เลยไม่อยากปลุก” เขาบอกยิ้มๆ เดินมานั่งข้างเตียง ก่อนจะหอมแก้มผมฟอดหนึ่ง
“ฮ้า! ชื่นใจจัง… หิวรึยังครับ ผมซื้อกับข้าวทำร้อนๆมาหลายอย่างเลย ไปกินกันเถอะครับ”
“อะ…อื้มม ไปสิ”
ผมตอบรับอ้อมแอ้ม อยู่ๆก็ไม่กล้ามองหน้าคนข้างๆขึ้นมาซะงั้น
จากนั้นเราก็ไปกินข้าวกันโดยที่ผมไม่ต้องเดินไปเองเลย เพราะมีคนอาสาอุ้มผมตลอดเวลาไม่ว่าผมคิดจะไปที่ไหนในบ้าน แรกๆก็เขินอยู่เหมือนกัน แต่สักพักก็เริ่มชิน หลังๆจะไปไหน จะเข้าห้องน้ำทำธุระก็เรียกใช้เองซะเลย ฮ่าๆ สะใจดีเหมือนกัน อยากให้ผมเป็นแบบนี้เองนักนี่
“คราวนี้จะอยู่นานไหม…?” ผมถามขึ้นมาขณะเรากำลังดูหนังกันที่โซฟา โดยที่ผมนอนหนุนตักนิคอยู่
พูดแล้วก็รู้สึกใจหายขึ้นมาเลย เจอกันแค่วันเดียวทำไมเวลาผ่านไปเร็วจัง… นี่ท้องฟ้าก็มืดแล้ว อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เป็นเช้าของอีกวันเสียแล้ว…
“อาทิตย์นึงครับ หึหึ…ถามแบบนี้แสดงว่าคิดถึงผมเหรอ?”
“…ก็ …มั้ง” ตอบเสียงเบาแต่คิดว่าเขาต้องได้ยินอยู่แล้วแหละ
“หึหึ… ไม่ต้องบอกผมก็รู้น่า ทำเอาเมื่อคืนผมซาบซึ้งเป็นอย่างดี”
เพี้ยะ! ผมเอามือฟาดขานิคหน้าร้อนวูบ
“อย่ามาทะลึ่งนะ!”
“ฮ่าๆ”
ยังมีหน้ามาหัวเราะหน้าระรื่นอีก หมั่นไส้ชะมัด
“คุณกายครับ… ผมขอโทษนะครับที่อยู่ๆก็ขาดการติดต่อไป คือผม…” ผมเอามือไปปิดปากเขาหยุดคำพูดไว้
“ช่างเถอะ… แค่กลับมาก็ดีแล้ว แต่คราวหน้าจะมีธุระหรืออะไรต้องบอกก่อนนะ อยู่ๆหายไปแบบนี้ ไม่เอาอีกแล้ว…”
เพิ่งรู้ตัวก็ตอนนี้เองว่าสิ่งที่ผมกลัวมากที่สุด คือการจากไปของเขา…
ใจของผมมันโหวงวูบไปหมด กับการรอให้วันแต่ละวันผ่านพ้นไป โดยที่ไม่ได้พบเจอ หรือแม้แต่ได้ยินเสียง
“ผมอยากขอโทษอีกเรื่อง…” หนุ่มฝรั่งดึงมือผมไปกอบกุมไว้
“ขอโทษที่เมื่อวานผมอารมณ์เสียใส่คุณ เรื่องคุณกับเพื่อน… ผมมันงี่เง่าเอง”
“ใช่! ทำเหมือนไม่เชื่อใจกันเลย” ผมสำทับ
“ไม่ใช่ไม่เชื่อใจคุณ… แต่ผมไม่ไว้ใจมันต่างหาก” เขาแย้งเสียงอ่อย
“ฉันกับเรโอคุยกันรู้เรื่องแล้ว เราต่างก็รู้จุดยืนของตัวเองดี ยังไงความสัมพันธ์แบบเพื่อนก็ยั่งยืนกว่า”
“คุณพูดเหมือนกับว่าเป็นคนรักจะไม่ยั่งยืน?” ผมเหลือบตามองเขา ก็เห็นว่านายนิคกำลังมองผมอยู่ด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด
“ไม่รู้สิ… แต่ถ้าเราเข้าใจกันในทุกๆเรื่องของกันและกันมันก็คงจะยั่งยืนมั้ง”
“คุณคิดมากอีกแล้วนะ อย่าไปคาดเดาหรือสงสัยในสิ่งที่ยังมองไม่เห็นสิครับ แบบนั้นจะทำให้คุณยึดติดกับมันตลอดเวลา การอยู่ด้วยความเข้าใจกันมันก็ถูกนะ แต่ถ้าวันใดวันหนึ่งการเข้าใจกลายเป็นพยายามจะเข้าใจ มันจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนบีบคั้นตัวเอง และการพยายามเข้าใจในตัวผมจะกลายเป็นสิ่งที่คุณคาดหวังไว้โดยไม่รู้ตัว ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าคุณคาดหวังอะไร ถ้าเราไม่บอกความรู้สึกออกมาตรงๆ”
ผมครุ่นคิดตามที่เขาบอก ก่อนจะพยักหน้าตอบรับเบาๆแล้วส่งยิ้มให้ นี่สินะเหตุผลที่เขาคอยบอกให้ผมแสดงความรู้สึกถึงสิ่งที่ผมต้องการจากเขาออกมาตรงๆ
บางครั้งใจสื่อใจมันคงไม่เพียงพอ ต้องมองตา คิดถึงกันบ้าง เข้าใจกันและกัน และแชร์ความรู้สึกร่วมกัน
เอาเป็นว่า เรื่องความรักผมคงต้องค่อยๆเรียนรู้ค่อยๆรักไปละกัน…
“หึ… ว่าแต่คนอื่นคิดมาก แล้วเมื่อวานใครกันล่ะที่คิดมากเรื่องฉันกับเรโอ”
“โธ่… นั่นเขาเรียกว่าหึงคร้าบบบบคุณ!”
++++++++++++++++++จบตอน+++++++++++++++++++++++++