[Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4  (อ่าน 62041 ครั้ง)

ออฟไลน์ JUPJIB

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +218/-0
เรื่องนี้มันแปลงมาจากfictionของจิ๊บเองนะค่า จำได้ว่าตอนนั้นเอาเรื่องนี้ส่งอาจารย์ หุหุ

จิ๊บไม่แน่ใจว่าเคยเอาลงมาก่อนหรือเปล่านะคะ แต่คิดว่าไม่

และเรื่องนี้จะอยู่ในหนังสือรวมเรื่องสั้นด้วยค่ะ


มันมี 2 พาร์ทนะคะ ถ้าเจอคำว่า END ก็เลื่อนลงไปอ่านต่อเลยค่า


ผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

**ถ้าจิ๊บสะกดผิดหรือใครอ่านแล้วภาษาตรงไหนมันดูขัดๆหรือไม่รู้เรื่องก็โพสบอกหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ**



.........................


สวัสดีครับ

ความรักของคุณเป็นแบบไหน

ความรักของผม มันเริ่มขึ้น เมื่อผมบอกคนที่ผมรักไปว่า

“เราไม่ได้รักนายแบบนั้น.....แต่นายเป็นเพื่อนที่เรารักที่สุด”

............................................

“วีรอนานไหม”

เสียงเดิมๆ แต่ทำไมใจผมมันสั่นต่างจากปกติไปได้นะ

ผมหันไปหาคนถามพลางส่ายหัวแทนคำตอบ ใช่ ผมรอไม่นานสักนิด และภาวนาขอให้เขามาช้ากว่านี้ด้วยซ้ำ ไม่รู้ทำไม แต่การเผชิญหน้ากับเขามันช่างยากลำบาก

เราสองคนออกเดินเพื่อกลับบ้านด้วยกัน เป็นเช่นปกติทุกวัน เป็นแบบเดิมๆ แต่ผมปฏิเสธไม่ได้หรอกว่า ความรู้สึกของผมมันแตกต่างจากที่เคย

ผมกับเขา เราสองคนเดินและคุยกันด้วยเรื่องสัพเพเหระตามปกติ เหมือนเดิม

แต่มันไม่เหมือนทุกวันตรงที่...ผม...ภาวนาให้ทางเดินกลับบ้านช่วยยาวไปเรื่อยๆโดยไม่มีที่สิ้นสุดที .....ผมยังอยากอยู่กับเขา ให้นานอีกสักหน่อยก็ยังดี

แต่คำภาวนาของผมมันจะเป็นจริงได้ยังไง ในเมื่อเส้นทางที่เดิน มันก็ยังยาวเท่าเดิม

“ไปก่อนนะ”

เขาหันมาลาผมและเดินแยกไป เขาไม่หันกลับมามอง ก็เลยไม่ได้รู้สักนิดว่า ผมยังคงยืนมองเขาอยู่อย่างนั้น ยืนมองจนเขาเดินลับตาไป

แปลกไหม ตอนที่ไม่ได้เจออยากเห็นหน้า แต่ก็กลัวการเผชิญหน้ากับเขา ผมอยากอยู่กับเขานานๆ อยากพูดคุยกับเขาเยอะๆ แต่ก็กลัวเกินกว่าจะพูดสิ่งที่อยากพูดที่สุดออกไป

ผมอยากบอกว่า ผมรักเขา แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อวันนั้น ผมเป็นคนปฏิเสธเขาไปเอง

.................................
“วี วี ทวีวัฒน์!!”

เขาเรียกพร้อมเขย่าตัวผมเบาๆ ผมที่นั่งนึกอะไรเรื่อยเปื่อยเลยได้สติหันกลับไปมอง

“อะไรเหรอ”

เขาหน้ามุ่ย คงเพราะพูดกับผมไปแล้วตอนที่ผมเหม่อ

“โทษทีที่ไม่ได้ฟัง”

“เราบอกว่าวันนี้เรากลับเย็น ประชุมเรื่องงานโรงเรียน นายจะรอไหม”

ผมชั่งใจคิด ยังไม่ทันตอบ เขาก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นมาเอง

“เราว่านายไม่ต้องรอหรอก มันเย็นมาก กลับไปก่อนเลยก็ได้”

ผมกำลังอ้าปากจะเถียง แต่ไม่ ในเมื่อเขาไม่อยากให้ผมอยู่รอ ผมก็จะไม่อยู่

“อืม”

และแล้ว วันนั้นเอง ความห่างไกลระหว่างเราก็ค่อยๆเพิ่มขึ้น

................................

จากวันนั้นเราไม่เคยได้กลับบ้านด้วยกันอีก กลางวัน เขาก็มีงานยุ่งมากจนไม่สามารถกินข้าวกับผมได้ ผมไม่เคยเอ่ยฉุดรั้งเขาไว้ เพราะรู้ว่าผมไม่มีสิทธิ์

เขาที่เคยบอกว่ารักผม และผมที่บอกเขาไปว่าไม่ได้รักเขา

ที่จริงมันเป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่หรือ ที่เขาจะตีตัวออกห่างจากผมไป

ผมเข้าใจ เขาคงไม่อยากอยู่ใกล้ๆผม แต่...แต่ผมยังอยากอยู่ใกล้ๆเขา ยังอยากสนิทกันเหมือนเดิม ยิ่งห่างกัน ผมก็ยิ่งรู้ ว่าเขามีอิทธิพลต่อผมมากแค่ไหน ไม่ใช่เพราะเขาเป็นเพื่อนที่ผมรักที่สุดอย่างที่ผมเคยพูดไปหรอก แต่เป็นเพราะผมรักเขามากเกินกว่าเพื่อนไปแล้วต่างหาก

........................................................

งานโรงเรียนที่จัดขึ้น ดูดีสมกับที่เขาเป็นหัวหน้างาน แต่ผมไม่มีกระจิตกระใจจะไปเดินดูงานสนุกๆนี่หรอก ผมแอบมานั่งในห้องเรียนที่ว่างเปล่าไร้ผู้คน ใช่ที่ๆผมเจอเขาครั้งแรก ที่ๆเขาเอ่ยคำว่ารักกับผม และที่ๆผมพูดออกไปว่าไม่ได้รักเขา
เสียงเจี๊ยวจ๊าวของงานโรงเรียนมันทำให้ผมรู้สึกเหงาขึ้นมานิดๆ ทำไมนะ ทำไมผมต้องเกิดมาเป็นคนโง่แบบนี้ด้วย ทำไมผมต้องเป็นคนเข้าใจอะไรยากแบบนี้ แค่ความรู้สึกของตัวเอง ทำไมผมต้องใช้เวลานานนักกว่าจะเข้าใจ

ทำไม ผมต้องมาเข้าใจ เมื่อมันสายไปแล้วด้วย

ครืด~~~~

เสียงประตูถูกเลื่อนออก ผมหันไปมองแล้วเห็นร่างของเขายืนนิ่งอยู่ที่นั้น
เขาผงะตกใจเล็กน้อยที่เห็นผมอยู่ที่นี่

ผมพยายามฝืนส่งยิ้มให้เขาที่ก้าวเข้ามาในห้องช้าๆ

“ไม่ไปดูงานหรือ”

ผมถามเมื่อเขาเดินมาหยุดอยู่ข้างๆผม

“ก็ ไม่มีอะไรให้ดูแล้วล่ะ”

สองประโยคที่พูดกัน นอกจากนั้นก็เป็นความเงียบ เราทั้งคู่ยืนอยู่ที่ขอบหน้าต่าง มองทอดออกไปยังผู้คนที่พลุกพล่านในงานโรงเรียน

ความเงียบ ชวนอึดอัด

ยิ่งด้วยใจของผมที่ทนเก็บมานานด้วยแล้ว

มันก็ทำให้ทนไม่ได้

“นายมีอะไรจะบอกเราไหม”

ผมที่กำลังจะพูด ถูกเขาตัดหน้าพูดขึ้นมาก่อน

แต่ผมยังไม่เข้าใจ อะไรที่เขาต้องการ เขาถาม เหมือนรู้

แล้วเขาจะรู้ได้ยังไง ไม่สิ ถ้าเขารู้แล้วยังตีตัวห่างออกไป ก็แปลว่า......

“นายไม่พูด เราจะพูดก่อนล่ะนะ”

ก่อนที่ผมจะคิดต่อจากนั้น เขาก็แทรกขึ้นมาก่อน

“เรารักนายนะวี รักที่มากกว่าเพื่อน นายจะมาเป็นคนรักของเราได้ไหม”

ประโยคเดียวกัน ประโยคเดิม วันนั้นเขาก็พูดกับผมอย่างนี้ วันที่ผมบอกว่าไม่ได้รักเขาแบบนั้น แต่เห็นเขาเป็นเพียงเพื่อน แต่ตอนนี้ ความคิดของผมมันต่างออกไป

น้ำใสๆมันไหลออกมาช้าๆ เขารู้ เขารู้ความคิดของผม

เขารู้จักผมดี เขารู้ว่าตอนไหนควรถอย ตอนไหนควรรุก

และแน่นอนเขารู้คำตอบของผมในวันนี้

ผมโผเข้าสู่อ้อมกอดของเขาทั้งน้ำตา เขากอดผมไว้แน่น แต่ไม่อึดอัด อ้อมกอดของผม ที่ๆซึ่งผมคิดว่าผมได้สูญเสียมันไปซะแล้ว

“นายแกล้งเรา”

ผมพูด แม้จะยังสะอื้น เขาไม่ตอบ ผมไม่เห็นหน้าเขา แต่ผมรู้ว่าเขากำลังยิ้ม

“นายก็แกล้งเราเหมือนกัน”

ผมอยากจะบอกว่าผมไม่ได้แกล้ง แค่ไม่รู้เท่านั้น แต่ผมรู้ ว่าเถียงกับเขาไม่ชนะแน่

“เรารักนายนะวี รักมาก”

เขาย้ำอีกครั้ง พร้อมกอดผมแน่นขึ้น

ผมยิ้ม ผมดีใจ แม้ผมจะรู้สึกตัวช้าไป แต่เขาก็ยังคอย

“เราก็รักนายเอก”

……………………






PS.

อ่ะ ผมเผลอบอกชื่อเขาไปซะแล้ว ทุกคนช่วยทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นด้วยนะครับ ก็เขาของผมน่ะ ย้ำว่าเล่าได้ แต่ห้ามบอกชื่อเขานิ่น่า เขาบอกว่าเขาเขิน....แต่แหม ผมก็เขินนะ ให้มีแค่ชื่อผมคนเดียวให้ผมเขินคนเดียวได้ไงล่ะเนอะ
แล้วก็ถ้าเจอเขา ผมก็ฝากบอกเขาด้วยนะครับว่า

“วีรักเอกนะคร๊าบ” (ถึงผมจะบอกเขาเองอยู่ทุกวันก็เถอะ)

ไปล่ะครับ บ๊ายบาย

.....................................................

END

มีต่อนะคะ

ออฟไลน์ JUPJIB

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +218/-0
..................................................

สวัสดีครับ

ความรักของคุณเป็นแบบไหน
ความรักของผม เคยหยุดลง เมื่อผมบอกคนที่ผมรักไปว่า

“เรารักนายนะวี รักที่มากกว่าเพื่อน นายจะมาเป็นคนรักของเราได้ไหม”

...................................

ผม อาจจะดูเป็นคนหลงตัวเอง หากบอกว่า ผมมั่นใจว่าคนที่ผมรักก็รักผมเช่นกัน

เขา ผู้ซึ่งยิ้มให้ผมเสมอ และปฏิบัติกับผม จนผมรู้สึกได้ว่า ผมแตกต่างจากคนอื่น

แต่เมื่อผมตัดสินใจบอกรักไป เขากลับพูดมาว่า ผมเป็นเพียงแค่เพื่อน

หากเป็นคุณ คุณอาจจะตัดใจ แต่ผมไม่

เพราะผมเห็นประกายตาหวั่นไหวของเขา ผมรู้จักเขาดีพอ ที่เขาตอบมาแบบนี้ ....เขายังไม่รู้ใจตัวเอง

.........................................

ผมยังทำตัวปกติ

แต่ผมก็เห็น

ผมเห็นแววตาที่เปลี่ยนไปของเขา

เวลาที่เราเดินกลับบ้าน เขาพยายามทำตัวให้เป็นปกติ แต่ผมก็รู้ ว่าเขากำลังใจเต้น

ไม่.... ผมไม่ได้ยินเสียงหัวใจเขาหรอก แต่หน้าแดงๆของเขาต่างหากที่มันฟ้องอยู่

“ไปก่อนนะ”

เมื่อผมแยกจากเขา ผมก็ยังรู้สึกได้ถึงสายตาที่มองตามหลังมา นั่นทำให้ผมไม่ได้หันกลับไป ทั้งๆที่ผมอยากจะหันกลับไปโบกมือลาเขาอีกซักครั้งจะตาย

.............................

“เราบอกว่าวันนี้เรากลับเย็น ประชุมเรื่องงานโรงเรียน นายจะรอไหม”

ผมบอกเขาที่นั่งรอผมกลับบ้านพร้อมกันเหมือนทุกวัน เขาเงียบ เหมือนกำลังใช้ความคิด ผมก็เลยชิงพูดออกมาซะก่อน

“เราว่านายไม่ต้องรอหรอก มันเย็นมาก กลับไปก่อนเลยก็ได้”

ผมเห็นเขาทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ที่เขาพูดออกมาคือ

“อืม”

และแล้ว วันนั้นเอง ความห่างไกลระหว่างเราก็ค่อยๆเพิ่มขึ้น บางคนอาจคิดว่าผมใจร้าย แต่กับเขาของผม บางครั้งความห่างไกลก็อาจเป็นสิ่งจำเป็น

...............................................

จากนั้น เรายิ่งห่างไกลกันมาขึ้นเรื่อยๆ ผมทุ่มตัวให้งานโรงเรียน แต่ผมก็ยังแอบสังเกตเขาอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้เขาจะไม่เคยรู้ก็เถอะ

งานโรงเรียนที่มาถึง ทั้งๆที่ผมตั้งใจจะให้เขามาอยู่ตอนที่ผมขึ้นไปร้องเพลงในงานโรงเรียนแท้ๆ ผมตั้งใจจะบอกรักเขาอีกครั้งในวันนี้ โดยการร้องเพลงเนี่ยแหละ

แต่ผมหาเขาตลอดทั้งงานก็ไม่เจอเลย

ผมยกเลิกการขึ้นไปร้องเพลงของตน แม้จะโดนเพื่อนบ่น ผมก็ไม่สนใจ

ผมเดินขึ้นไปยังตึกเรียน ที่ซึ่งผมเจอกับเขาครั้งแรก ที่ๆผมบอกรักเขา และที่ๆเขาปฏิเสธผม

ครืด~~~~

ผมเปิดประตูเข้าไปก็ต้องชะงักเล็กน้อย

คนที่ผมคิดถึงเขายืนอยู่ตรงนั้น เขาหันมามองผมด้วยท่าทางตกใจนิดหน่อยก่อนจะปรับให้เป็นปกติ

“ไม่ไปดูงานหรือ”

เขาถามเมื่อผมเดินไปอยู่ข้างเขา

“ก็ ไม่มีอะไรให้ดูแล้วล่ะ”

ผมตอบกลับตามความจริง ก็งานน่ะ ผมจัดการเรียบร้อยหมดแล้วนี่นา

จากนั้น เราสองคนก็เงียบ ไม่ได้พูดอะไรกันเลย

ผมรู้ว่าเขาอึดอัด และกำลังจะระเบิด

“นายมีอะไรจะบอกเราไหม”

ผมแย่งเขาพูดขึ้นมาก่อน

“นายไม่พูด เราจะพูดก่อนล่ะนะ”

“เรารักนายนะวี รักที่มากกว่าเพื่อน นายจะมาเป็นคนรักของเราได้ไหม”

ผมพูดประโยคเดิม แต่ผมรู้ว่าคำตอบจะต่างไป เขาโผเข้าสู่อ้อมกอดของผม ผมกอดเขาไว้แน่น กอดให้สมกับที่ไม่ได้กอดมาก่อนหน้านี้

“นายแกล้งเรา”

เขาพูดทั้งสะอื้น ผมยิ้ม ใช่ ผมแกล้งเขาจริงๆนั่นแหละ แต่ถ้ามันจะทำให้เขาเข้าใจตัวเองมากขึ้น ก็น่าแกล้งใช่ไหมล่ะ

“นายก็แกล้งเราเหมือนกัน”

ผมต่อว่ากลับไป รู้หรอกว่าเขาไม่ได้แกล้ง แต่ก็อดต่อว่าไม่ได้อยู่ดี

ที่เขาปฏิเสธผม ไม่ใช่ผมไม่เจ็บนะ แต่ผมรักเขามากกว่า เลยยินดีที่จะรอ

“เรารักนายนะวี รักมาก”

ผมย้ำอีกครั้ง และอยากบอกเขาว่า ถึงเขาจะรู้ตัวช้ากว่านี้ ผมก็ยังจะรักเขาอยู่ดี

……………………

PS

ถามว่าผมจะฝากบอกอะไรเขาบ้างเหรอ

ไม่ล่ะ

เดี๋ยวผมไปกระซิบบอกเขาเองที่ข้างหูดีกว่า

มันดูซึ้งกว่ากันเยอะเลยใช่มั้ยล่า......

......................

END

จบจริงๆแล้วค่ะ :pig4:

ปล.ตอนพิเศษของเรื่องปฐพี รอก่อนนะคะ ยังไม่ได้ตรวจทานเลยค่ะ

ออฟไลน์ PandP

  • Déjame vivir esa fantasía.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-0
    • http://www.facebook.com/iAMpingPINGping
เรื่องน่ารักจังค่ะ ใสๆหวานๆ
รอตอนพิเศษของคุณปฐพีนะคะ

ออฟไลน์ เฉาก๊วย

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +251/-6
ขอบคุณสำหรับเรื่องสั้นนะคะคุณ JUBJIB  :pig4:
ดีใจจังจะมีตอนพิเศษของตริน-ปฐพี ด้วย  :กอด1:

bow55

  • บุคคลทั่วไป
น่ารัก รักกันเบาๆ

ออฟไลน์ fannan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-6
น่ารักจริงการกระทะมันสื่อได้เยอะเนอะขอบคุณครับ

ออฟไลน์ Ryojung

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-1
น่ารักจังเลย รักกันเบาๆ อ๋า รักจัง

ออฟไลน์ coon_all

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
น่ารักโฮกกกกกก
ชอบทุกเรื่องเลย
วายะนี่หื่นมากกกกกกกก

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
Love story ของวัยใสๆ ที่มาสั้นๆ แต่น่ารักมากคะ :L2:

so close

  • บุคคลทั่วไป
 :call: ตอนพิเศษ ปฐพี ขอแบบน้ำตาลเรียกพี่เลยนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ TanyaPuech

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +531/-23

ออฟไลน์ JUPJIB

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +218/-0
สวัสดีค่าทุกคน ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่านค่ะ

ก่อนอื่น ขอชี้แจ้งเรื่องคู่อื่นๆก่อนนะคะ
จอมไตรจิ๊บวางตัวไว้ พลอตบางส่วนไว้ แต่ไม่แน่ใจว่าจะแต่งได้กี่คู่ เพราะงั้น ยังไม่มีการยืนยันว่าจะแต่งกี่คู่ค่ะ จิ้นๆๆๆๆ กันไปก่อนเนาะ  o18

เรื่องที่แต่งไปแล้วแต่ยังไม่จบ(ค้างมาหลายปีล่ะ) :z10: มีคู่ดิน - ปาม กับ ตาหวาน - ภาคค่ะ มันยังไม่จบง่ายจิ๊บเลยยังไม่มั่นใจเอามาลง แหะๆ

ปล.ตอนพิเศษของปฐพีจะลงวันเสาร์นี้ค่ะ


ต่อไปจะแจ้งข่าวเรื่องหนังสือค่ะ มี 3 ข้อ

1. ส่งหนังสือไปครบแล้วนะคะ (ยกเว้นท่านที่โอนมาหลังวันที่ 28 ค่ะ) จิ๊บเมลไปบอกเลขที่ส่งแล้ว ใครไม่ได้เมลหรือวันพุธหน้า(10 สิงหาคม 2554)ยังไม่ได้หนังสือติดต่อจิ๊บด่วนค่า แล้วอย่าลืมเช็คของตามในเมลนะค่า ใครไม่ได้อันไหนเมลมาด่วนเช่นกันค่า หนังสือส่งช้ากว่ากำหนด(มาก)ขออภัยเป็นอย่างสูงค่ะ หากหนังสือมีข้อผิดพลาดก็ขออภัยด้วยนะคะ และหากหนังสือมีปัญหาจากการพิมพ์แจ้งมาได้ จิ๊บจะแจ้งทางโรงพิมพ์เปลี่ยนให้ค่ะ

2. เรื่องเปิดจองอีกรอบ ยังไม่ได้กำหนดแน่นอนค่ะ เพราะจิ๊บชีวิตวุ่นวายมาก และหนังสืออาจจะเพิ่มราคา(คือดูเหมือนรอบนี้จิ๊บจะคำนวนผิดไปนิดหน่อย )แต่ก็ยังไม่แน่นอนอีกเหมือนกัน อาจจะไม่เพิ่มก็ได้ ต้องดูปัจจัยหลายๆอย่าง ถ้าจะเปิด-ไม่เปิดยังไงจะแจ้งอีกครั้งนะคะ

3. หนัีงสือรอบนี้หมดแล้วนะค่า

ขอบคุณค่ะ[/color]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-08-2011 19:25:31 โดย JUPJIB »

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
กรี๊ดกร๊าดดด น่ารักจัง

รอเรื่องปฐพี่ค่ะ

ออฟไลน์ Pepor

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-3
น่ารักทุกคู่เลยค่ะ
 :pig4:

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ pppp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 387
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
คิดถึงคุณ JUPJIB นะคะ จะรออ่านจอมไตรนะคะ
สู้ๆ ค่ะ

ออฟไลน์ kny

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1800
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-15

ออฟไลน์ panari

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
อยากอ่านคู่ ตาหวานกับภาคอ่ะ  :impress2: (ใช่คู่นี้ป่าวที่พระเอกฟันแล้วทิ้ง แก้แค้นนายเอก กลัวจำผิดเพราะมีหลายคู่เกิ๊น  :serius2:) อยากให้คุณจิ๊บแต่งคู่นี้ต่ออ่ะ เค้าชอบแนวนี้ ในบล๊อคอ่านแล้วค้างมาก กำลังสนุกเลย  :sad4:

minimonmon

  • บุคคลทั่วไป
 :o8:อ่านทั้งสามเรื่องน่ารักทั้งสามเรื่องเลย ถึงจะเศร้าบ้างแต่ก็happyหล่ะน้า :กอด1:

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






nazavo

  • บุคคลทั่วไป
 o13เขียนได้แบบ...อ่านแล้วสบายใจอ่ะ ไม่รู้จะบอกไง น่ารัก และดูอบอุ่น ชอบมากจ้า ...ให้ใจไปเล้ยๆๆๆๆ :L1:

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
เพิ่งได้อ่าน น่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :o8:
มีซีนเศร้าๆ แต่สุดท้ายก็หวานฉ่ำ มีความสุขสุดๆค่ะ
เสียดายที่เป็นเรื่องสั้นเนอะ :เฮ้อ:

ออฟไลน์ lovely2min

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
น่ารักทุกเรื่องเลยจ้า

เรื่องของไคล์แอบสงสารตอนแรกแต่ก้ดีที่จบด้วยดี

เธียร์ก็น่ารัก

เรื่องสุดท้าย น่ารักมากๆ วีกะเอก

ออฟไลน์ natalee22

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
ชอบเรื่องของคุณ JUBJIB ทุกเรื่องเลย น่ารักมากๆ

อ่านเพลินจนลืมเวลาบ่อยๆ

ขอบคุณสำหรับเรื่องสั้นสนุกๆ นะคะ

ออฟไลน์ rellachulla

  • iiRita♥World Behind My Wall♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-8
ชอบมากทุกเรื่องเลยค่า
กอดดดคุณจิ๊บ เอามาลงอีกนะคะ อิอิ

ออฟไลน์ nco1236

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-3
มีความสุขทุกตอนเลยครับ  o13

ออฟไลน์ JUPJIB

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +218/-0

Title : รักแบบเป้
Chapter : ตอนเดียวจบ
Rate : 15+

ผมรักคนๆหนึ่งอยู่

เขาเป็นพี่ชายข้างบ้านที่ผมสนิทสนมมากกว่าพี่ชายแท้ๆของผม

ผมรักเค้ามานาน และก็รักพอจะเห็นด้วยว่า คนที่ผมรักนั้นกำลังรักใคร

.......................................................

พี่ปอ พี่ชายคนรองของผมปรากฏตัวขึ้นที่บ้านโดยไม่มีการแจ้งนัดล่วงหน้าพร้อมๆกับเพื่อนสนิทที่ไปไหนด้วยกันเสมอแบบที่เรียกได้ว่า เห็นพี่ปอที่ไหนเห็นพี่บาร์ทที่นั่น ทั้งสองมายังบ้านที่พี่ชายผมแทบจะไม่กลับมาเลยตั้งแต่แยกออกไปอยู่หอด้วยเหตุผลที่ว่า เป็นห่วงผม กลัวว่าจะอยู่คนเดียวไม่ได้ ... ให้ตายเถอะ ดูยังไงนั้นก็เป็นข้ออ้างชัดๆ ผมไม่เชื่อหรอก

ทำไมน่ะหรือครับ?

ก็นี่มันใช่ครั้งแรกที่ไหนที่ผมต้องอยู่บ้านคนเดียว แต่เพิ่งเป็นครั้งแรกเนี่ยล่ะที่พี่ปอเกิดจะเป็นห่วงผมขึ้นมา

พ่อกับแม่ของผมทำธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ทำให้ทั้งสองคนรักการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ และไม่เคยอยู่ติดบ้าน ตั้งแต่ผมจำความได้ ผมก็เห็นพวกท่านเดินทางไปโน่นมานี่อยู่เสมอ ผมชินเสียแล้ว และนั่นไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจหรือว่าขาดความอบอุ่นแต่อย่างใด เพราะถึงแม้พวกท่านจะไม่อยู่บ้าน แต่ก็ยังโทรหาและยังคอยดูแลเอาใจใส่ชนิดที่ผมพูดไม่ได้เลยว่าโดนปล่อยปละละเลย

เอาเถอะพักเรื่องพ่อแม่หรือประวัติครอบครัวผมไว้ก่อน วกกลับมาพูดเรื่องพี่ชายคนสวย(?)ของผมก่อนดีกว่า

ผมนั่งอยู่ที่โซฟากำลังพยายามดูดีวีดีที่ซื้อมาใหม่อย่างตั้งใจ แต่เพราะบรรยากาศรอบกายทำให้ไม่สามารถทำได้อย่างใจคิดนัก ผลเหล่มองพี่ชายกับเพื่อนสนิทของเค้าที่นั่งเบียดกัน...ผมหมายถึงนั่งติดกันอยู่บนโซฟาตัวเดียวกัน พี่ชายผมนั่งก้มหน้างุดๆ สักพักก็หันไปทำสีหน้าลำบากใจให้เพื่อนสนิทตัวเองต้องเอ่ยอะไรคล้ายปลอบใจเพื่อเรียกความมั่นใจให้ตัวเอง จากนั้นพี่ชายผมก็จะเงยหน้าขึ้นมองผม อ้าปากคล้ายอยากพูดอะไรสักอย่าง ก่อนจะหุบปากฉับแล้วเริ่มก้มหน้าลง จากนั้นก็หันไปมองหน้าเพื่อนสนิทตัวเองอีกครั้ง เงยหน้ามองผม อ้าปากเหมือนจะพูดแล้วก็ก้มหน้าอีกที ผมเห็นพี่ปอทำแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาจนนึกรำคาญในใจ แต่ผมก็ไม่โวยวายออกไปเพราะนั้นไม่ใช่นิสัยของผม หากตาก็คอยจะเหล่มองเพื่อนสนิทพี่ชายที่ยังคงมองพี่ชายผมอย่างให้กำลังใจด้วยความชื่นชมแกมสงสารเล็กๆไม่ได้ ก็พี่เค้าปลอบพี่ชายผมเป็นรอบที่ยี่สิบได้แล้วมั้ง เป็นผม คงไม่สนใจ ลุกหนีให้พี่ปอเค้าเรียกความมั่นใจของตัวเองด้วยตัวเองไปแล้ว

“เป้”

โอ้ ในที่สุด พี่ชายผมก็อ้าปากเรียกผมได้เสียที ผมหันไปมองพี่ปอทันทีเพราะเตรียมจะหันอยู่แล้ว แต่พอหันไป ก็เจอพี่ชายที่ก้มหน้าก้มตาทำสีหน้าลำบากใจ กระอักกระอ่วน และ ..............และพี่ชายผมก็เงียบไป

“.....”

“.....”

“.....”

ให้ตายสิ!!!

จริงอยู่ผมไม่ได้มีนิสัยขี้โวยวายอย่างที่พี่ชายทั้งสองคนเป็น แต่ผมน่ะ ความอดทนก็ไม่สูงนักหรอกนะ

ผมลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินไปกดปิดเครื่องดีวีดีกับโทรทัศน์ ก่อนจะโบกมือให้พี่ปอกับเพื่อนสนิท เป็นการบอกลาเพื่อขึ้นนอน

ก็ถ้าผมอยู่ตรงนั้นนานกว่านี้ ผมอาจจะโพล่งอะไรบ้าๆออกไปก็ได้

..........................................................

“เป้....ตื่น เป้ เป้”

ผมรู้สึกตัว งัวเงีย และหงุดหงิด ใครที่มาปลุกผมในเช้าวันหยุดอย่างนี้

มือข้างหนึ่งของผมยกขึ้นปัดแขนของคนที่เขย่าผมไม่ยอมหยุดอย่างรำคาญใจ แต่มันไม่ได้ทำให้เจ้าตัวหยุดเขย่าร่างผมเลยสักนิด
   
“เป้ เป้”

โธ่ ผมรู้ชื่อตัวเองหรอกครับ จะเรียกทำไมหนักหนา และในที่สุด ผมก็ยอมแพ้การตื้อไม่เลิกนั่นด้วยการลุกขึ้นนั่ง แม้ว่าดวงตาของผมจะยังปิดอยู่ก็ตาม

“ไปอาบน้ำสิ เร็วๆเลย”

แล้วทั้งๆที่ดวงตาผมยังไม่เปิด ผมก็โดนฉุดกระชากลากถูให้เข้าไปในห้องน้ำจนได้

เฮ้อ...วันหยุดของผม

...................................................

อาหารเช้าวันนี้มีข้าวต้มกุ้งสุดแสนอร่อยฝีมือพี่ปอคนดีของผมซึ่งผมไม่ได้กินมานานแสนนาน นานจนผมลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าพี่ชายผมทำข้าวต้มกุ้งได้อร่อยนัก

มาแปลกจริงๆด้วย

ผมได้แต่คิดในใจ และคิดได้แค่นั้น เพราะพอสายตาผมหันไปเจอคนที่ขึ้นไปปลุกผมกำลังนั่งทำหน้าดีอกดีใจที่จะได้กินข้าวต้มกุ้งของพี่ปอก็เกิดอาการเซ็งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

เชอะ!!! คนอะไร ตัวก็โตอย่างกับยักษ์ ทำท่าอย่างกับเด็กสามขวบได้อมยิ้ม แถมจะกินก็ไม่กินสักที เอาแต่มองพี่ผมแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ได้ เห็นแล้วมันอดไม่ได้จริงๆจนต้องตวัดช้อนไปตักกุ้งตัวโตในถ้วยของคนนั่งยิ้มบ้านั้นมาเข้าปากด้วยความหมั่นไส้

“เฮ้ย!”

แน่นอน ว่าเป็นเสียโวยวายแบบลืมเก็กของอีกฝ่ายที่ทำเอาผมต้องกลั้นยิ้มบนใบหน้า ดี! อยากไม่สนใจผมดีนัก แบบนี้มันต้องแกล้งให้เข็ด

“เป้นิสัยไม่ดีเลยนะ”

พี่ปอของผมเอ็ดผมไม่จริงจังนักและหันหลังกลับอย่างตั้งใจจะไปตักกุ้งตัวใหม่มาให้คนที่โดนผมแย่งกุ้ง หารู้ไม่ว่านั้นเป็นการเปิดโอกาสให้ผมชัดๆ

ผมจัดการเทเกลือลงในถ้วยข้าวต้มของพี่ชายข้างบ้านแบบไม่ยั้งมือ และรวดเร็วจนเจ้าของถ้วยห้ามไว้ไม่ทัน กว่าเค้าจะคว้าขวดเกลือออกจากมือผมได้ ข้าวต้มกุ้งของเค้าก็เปลี่ยนสภาพกลายเป็นข้าวต้มทะเลไปเรียบร้อย

ผมยิ้มอย่างสะใจ แล้วยิ่งเมื่อพี่ปอเดินมาพร้อมหม้อข้าวต้มและตักกุ้งให้เค้าด้วยแล้ว ผมก็ยิ่งยิ้มกว้างเข้าไปอีก ดีใจนัก เกรงใจนัก ก็กินข้ามต้มน้ำทะเลเค็มๆไปให้พอใจเลย สมน้ำหน้า

ผมคิดอย่างพอใจก่อนจะลงมือกินข้าวในถ้วยตัวเองด้วยความสบายใจ แน่นอน ผมไม่สนใรอยยิ้มแหยๆที่เค้าส่งให้พี่ชายผม และไม่สนใจแววตามาดหมายอย่างคนจ้องจะเอาคืนของอีกฝ่ายที่ส่งมาทางนี้ด้วย

ไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องสนใจสักหน่อย

อืม ว่าแต่ เพื่อนสนิทพี่ชายผมไปอยู่ที่ไหนนะ ทำไมไม่ตัวติดกันแล้วล่ะวันนี้

.....................................

ออฟไลน์ JUPJIB

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +218/-0
.....................................

“เล่นแสบนักนะเรา”

ทันทีที่มาอยู่ในห้องผมกันแค่สองคนพี่ชายข้างบ้านของผมก็เปิดฉากต่อว่าผมทันที แล้วมีหรือที่ผมจะสำนึก ผมทำเป็นไม่สนใจเสียงต่อว่านั้นแล้วค้นดีวีดีเพื่อเลือกมาเปิดดู ก็อยากจะดูเรื่องที่ดูค้างไว้เมื่อคืนอยู่หรอก แต่มันไม่ใช่แนวที่อีกคนที่บอกว่าจะมาดูกับผมชอบน่ะสิ ผมถึงต้องมานั่งเลือกใหม่อยู่นี่

“อ๊ะ!”

เสียงผมอุทานอย่างตกใจ เมื่อโดนฉุดแขนให้หันกลับไปหาคนพูด พร้อมๆกับที่ตกอยู่ในอ้อมกอดของอีกฝ่ายซะอย่างนั้น

“ปล่อยน่าพี่ตูน”

ผมดิ้นเล็กๆและส่งเสียงคล้ายรำคาญให้อีกฝ่ายได้รู้อย่างไม่ปิดบัง หากแต่ในความเป็นจริง ผมกำลังพยายามกลบเกลื่อนเสียงหัวใจที่เต้นระรัวเหมือนจะหลุดออกมานี่ต่างหาก แต่คนที่กอดผมไม่สะทกสะท้านสักนิด คนตัวโตกว่ายังคนฉวยเอาความได้เปรียบทางรูปร่างหากำไรเข้าตัวเองด้วยการกอดผมแน่นเข้าไปอีก พร้อมๆกับที่เจ้าตัวก้มลงใช้จมูกจรดกับแก้มผม

ตอนนี้เองที่ผมเลิกดิ้นแล้วเปลี่ยนเป็นเชิดหน้ามองไปด้านข้าง เม้มริมฝีปากแน่นด้วยความไม่พอใจ แต่ไม่ มันไม่ได้ทำให้เค้ารู้สำนึกสักนิดว่าผมกำลังโกรธแล้วก็กำลังงอนนะ เพราะสิ่งที่เค้าทำต่อมาคือการกดจมูกลงบนแก้มของผมอีกข้าง ปิดท้ายด้วยการแนบริมฝีปากลงมายังริมฝีปากของผมแผ่วเบา แล้วเค้าก็ยิ้ม จากหางตาของผม ผมเห็นว่าเค้ายิ้มจริงๆ

“พี่ยิ้มอะไรนักหนา”

ในที่สุด ผมก็อดรนทนไม่ได้ต้องถามขึ้นมาเมื่อเห็นว่าคนที่ยิ้มอยู่เงียบๆนั้นไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยผมจากอ้อมกอดนี้ และไม่มีท่าทีว่าจะหยุดยิ้ม

“ยิ้มเราน่ะสิ งอนอะไรน่ะ หึ”

อย่ามาถามด้วยเสียงเอ็นดูกึ่งหยอกเย้าอย่างนี้นะ ผมตะโกนในใจเพราะไม่ใช่วิสัยที่จะโวยวายออกไป

“ไม่ได้งอน”
   
นั้นคือส่วนที่ผมพูดออกไปแล้วก็สะบัดหน้าหนีไปทางอื่น ไม่ยอมสบตาพี่เค้าอีกรอบ เสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้นแผ่วเบาจนผมไม่แน่ใจว่าพี่ตูนกำลังหัวเราะอยู่หรือไม่ และไม่คิดจะหันไปมองให้เสียฟอร์ม

มีอะไรน่าขำ?

ผมถามตัวเองว่าไอ้ที่ผมทำๆอยู่นี่มันตลกตรงไหน

ผมกำลังไม่พอใจ และก็คิดว่าตัวเองแสดงออกมากพอให้อีกฝ่ายรู้ แล้วทำไมแทนที่เค้าจะง้อผม กลับกลายเป็นว่าเค้ากำลังหัวเราะไปได้ล่ะ มันตลกนักหรือไง ผมเป็นตัวตลกให้เค้าหรือไง

“ปล่อยผม”

คราวนี้ผมเริ่มโกรธขึ้นมาจริงจังแล้วนะ ผมไม่สะบัดหน้าหนี แต่เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างเต็มตา ตั้งใจจะส่งสายตาเย็นชาไปให้ให้อีกฝ่ายรู้ว่าผมโกรธจริง แต่แล้วทุกอย่างกลับผิดแผนไปหมด

ก็เมื่อผมเงยหน้าขึ้นมองสบสายตาคู่คมที่ทอดมองมาที่ผมอย่างอ่อนโยนแล้ว ผมจะเอาใจที่ไหนไปโกรธเค้าลงล่ะครับ

“พี่ตูน ปล่อยเถอะ ผมจะไปเปิดหนัง”

หลังจากทอดถอนใจให้กับความใจง่ายของตัวเอง ผมก็เอ่ยขึ้นเรียบๆ ไร้วี่แววของการประชดประชันหรือแง่งอนอย่างเมื่อครู่นี้อีก และนั้นทำให้อ้อมกอดเมื่อครู่คลายลง แต่ใช่ว่าผมจะพ้นพันธนาการจากเค้า

พี่ตูนพี่ชายข้างบ้านของผมจับมือผมไว้และจูงไปทางชั้นวางดีวีดี พร้อมกับใช้มือข้างที่ว่างไล่ดูชื่อหนังตามชั้น แล้วหยิบออกมาเรื่องหนึ่ง

“อันนี้ไหม ?”
ผมเคลื่อนใบหน้าเข้าไปมองหน้าปกใกล้ๆแล้วส่ายหัว ก่อนจะเบียดให้คนตัวโตกว่าเขยิบไปนิดเพื่อที่ผมจะได้มอง
เห็นรายชื่อหนังบนชั้นเหมือนๆอย่างเขา เราสองคนผลัดกันหยิบหนังออกมาจากชั้น และเอ่ยถามเพื่อขอความคิดเห็นจากอีกคน และเมื่อยังไม่มีการพยักหน้าตกลง ทำให้แม้จะผ่านไปกว่าสิบนาทีแล้ว เราทั้งคู่ยังเลือกหนังมาเปิดดูไม่ได้เลย

“เอ่อ....”

เสียงที่ดังขึ้นจากทางประตูห้องนอนของผมเรียกความสนใจจากเราทั้งคู่ให้หันไปมองที่มาของเสียงแทนชั้นดีวีดี และพี่ชายข้างบ้านของผมที่จับมือผมแน่นเมื่อครู่นี้ กลับผละตัวห่างจากผมไปอย่างง่ายดายในทันที

“ครับพี่ปอ เข้ามาสิครับ”

ผมบอกแล้วหันหน้ากลับมายังชั้นดีวีดีอีกครั้ง ... คนเดียว เพราะพี่ชายข้างบ้านของผมนั้น ยังคนหันไปให้ความสนใจกับผู้มาใหม่

“พี่บาร์ทล่ะพี่ปอ”

ผมเอ่ยถามหาเพื่อนสนิทของพี่ชายที่ยังไม่เห็นมาตั้งแต่เช้า

“ไปมหาลัยน่ะ ไปส่งงาน เย็นๆถึงจะกลับ”

ผมพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ มิน่าล่ะ ทั้งๆที่ปกติตัวติดกันแท้ๆ

“มีอะไรกับบาร์ทหรือเปล่าเป้”

พี่ชายผมถามแทรกน้ำเสียงหวาดระแวงไว้โดยไม่รู้ตัว ผมหมายถึงตัวคนพูดน่ะนะที่ไม่รู้ตัว แต่ผมน่ะรับรู้ได้เต็มๆ เฮ้อ...มันอะไรกันนักนะ มีอะไรก็ไม่พูด ทำตัวไม่สมกับเป็นพี่ปอเลย

“เปล่าหรอกครับ นึกว่าอยู่จะชวนมาดูหนังด้วยกัน”

ผมว่าแล้วหันไปชูดีวีดีให้พี่ชายข้างบ้านดูว่าใช้ได้ไหม แต่เมื่อหันไปกลับเจอสายตาพี่ตูนที่กำลังทำหน้าไม่พอใจ และไม่ได้มองผมอยู่ ผมไม่รู้ว่าเค้าไม่พอใจเรื่องอะไร และก็ไม่อยากจะรู้ ผมเลยไม่สนใจจะถามความเห็นเค้าอีก ผมจะดูเรื่องนี้ ในเมื่อเค้าไม่สนใจจะเลือกหนังแล้ว ผมก็จะเลือกของผมเองนี่ล่ะ

“เป้ชอบดูหนังแนวนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”

พี่ชายของผมเอ่ยถามทันทีที่เห็นชื่อหนัง แต่ผมไม่ตอบ ผมยิ้มให้แบบไม่มีความหมายแล้วตัดสินใจจดจ่ออยู่กับโทรทัศน์แทนการหันไปมองดูพี่ชายของผม หรือพี่ชายข้างบ้านของผม จะทำอะไรกันก็เชิญ ใครจะโกรธ ใครจะอยากพูดอะไร ใครจะเงียบ หรือใครจะสนใจดูหนังมากน้อยแค่ไหนก็ช่างเถอะ ผมไม่สนใจล่ะ อยากทำอะไรก็ทำ

...........................................................

ผมกำลังดูหนังได้ครึ่งเรื่อง เมื่อคนตัวโตที่ผมไม่ได้สนใจอีกเลยหลังจากหนังเริ่มเดินมายืนบังหน้าจอโทรทัศน์อย่างไม่มีสามัญสำนึก ผมตวัดสายตาขึ้นมองคนที่บังผมอยู่ แล้วก็ได้เห็นว่าคนที่บดบังโทรทัศน์นั้นกำลังอารมณ์ไม่ดีอย่างสุดๆสายตาคู่นั้นจ้องมองลงมาที่ผมอย่างไม่พอใจ และแน่นอนผมรู้สึกตัวช้าไป

ร่างสูงโน้มตัวลงมากักขังผมไว้ในอ้อมกอด หลังผมชนเตียงที่ผมนั่งพิงอยู่เมื่อครู่  และเค้าก็ใช้มือดันให้ผมเงยหน้าขึ้น เมื่อริมฝีปากคู่นั้นประทับลงมา ....และมันไม่ใช่แค่จูบแผ่วเบา ริมฝีปากนั้นบดเบียดอย่างไร้ซึ่งความอ่อนโยนแสดงให้เห็นว่าคนตรงหน้าผมนี้กำลังโกรธอยู่จริงๆ ลิ้นร้อนรุกรานเข้ามาอย่างจาบจ้วงไร้ความเกรงใจแม้สักนิด ก่อนที่ฟันคมจะกัดเบาๆที่ริมฝีปากผม และแรงยิ่งขึ้นเมื่อผมไม่เผยอปากยอมรับสัมผัสเหล่านั้น

“โอ๊ย!”

ผมร้องเสียงอู้อี้เมื่อคนที่จูบผมอยู่เมื่อครู่กัดจริง จนผมต้องยอมให้อีกฝ่ายจูบรุกรานอย่างใจด้วยความตระหนก กลิ่นคาวเลือดโชยมาเข้าจมูกพร้อมๆกับที่ลิ้นรับรู้ถึงรสเลือด เลือดจากริมฝีปากของผม แต่คนที่จูบผมอยู่ตอนนี้ไม่สนใจ คนรุกรานยังคงเข้าชิมความหวานภายในเรียวปากอย่างพอใจ ไล่ชิมความหวานอย่างถ้วนทั่ว โดยไม่สนใจร่างกายของผมที่กำลังสั่น ทั้งเพราะความหวาดกลัวในความรุนแรงที่ได้รับไม่บ่อยนักและเพราะความรัญจวญจากสัมผัสอันคุ้นเคย

“อือ ฮือ”

เสียงประท้วงแผ่วเบาของผมเพื่อให้คนที่ยังสนุกสนานกับการรุกรานริมฝีปากของผมได้รู้ว่าผมกำลังจะขาดอากาศหายใจ ทำให้เค้าผละออกมาอ้อยอิ่งอยู่ที่ริมฝีปากที่ยังคงมีเลือดซึ่มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเคลื่อนใบหน้าต่ำลงมาฝั่งจูบลงบนต้นคอของผม ผมรู้สึกเจ็บจี๊ดที่ต้นคอทุกที่ที่เค้าฝั่งรอยจูบลงไปพร้อมๆกับอาการวูบโหวงในช่องท้อง

บ้าชะมัด

ผมรับรู้ได้เลยว่าตัวเองกำลังตื่นตัว

แต่เหมือนผมลืมอะไรไปบางอย่าง

 “อ๊ะ!”

พลัก!

ทันทีที่ผมนึกออกว่าผมลืมอะไรไป ผมก็ผลักร่างสูงที่ไม่ทันได้ตั้งตัวรับแรงจากผมให้ถอยห่างออกไปทันที แม้เค้าจะผละออกไปไม่มากอย่างที่ผมตั้งใจนัก แต่มันก็ยังดี ที่มันสามารถหยุดการกระทำทั้งหมดทั้งมวลของเค้าไว้ได้

“พี่ปอล่ะ”

ผมตื่นตระหนกเมื่อตระหนักได้ว่า สิ่งที่ผมกับเค้าทำไปเมื่อครู่นี้อาจปรากฏสู่สายตาพี่ชายของผม สายตาของผมสอดส่ายหาพี่ชายไปทั่วห้อง ก่อนที่ผมจะถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อหันไปเห็นว่าพี่ชายคนดีของผมกำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงของผมข้างหลังนี่เอง

แล้วผมก็นึกขึ้นมาได้ พี่ชายข้างบ้านของผม ไม่มีทางทำอะไรแบบนั้นต่อหน้าพี่ชายผมอยู่แล้ว ผมน่าจะรู้ดี

“กลับไปเลยไป”

ผมออกปากไล่คนที่ยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิมหลังจากโดนผมผลัก พี่ตูนเงยหน้าขึ้นมองผม ท่าทางเค้าจะโกรธไม่ใช่น้อยที่ผมไปขัดจังหวะเค้าโดยการผลักเมื่อครู่นี้...แล้วก็คงที่ออกปากไล่อยู่นี่ด้วย

“กล้ามาเลยนะเราน่ะ”

 เสียงพูดเรียบๆที่มาพร้อมกับรอยแย้มยิ้มบนริมฝีปากทำเอาใจผมไปกองอยู่ที่ตาตุ่ม...สันหลังเย็นวาบขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
   
ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก สมองประมวลความคิดหาทางรอดจากเงื้อมมือคนที่ส่งยิ้มร้ายมาให้ ใช่แล้ว

“พี่ปะ...อุ๊บ”

ปากที่กำลังจะส่งเสียงเรียกพี่ชายโดนมือหนากดปิดลง

“ชี่ย์.......อย่าไปรบกวนคนหลับสิ”

ผมเหลือบตาขึ้นมองคนที่ปิดปากผม อารมณ์กลัวเริ่มเปลี่ยนอารมณ์โกรธและน้อยใจเมื่อดูท่าทางว่าพี่ตูนจะเห็นความสำคัญของพี่ชายผมมาก สำคัญขนาดเวลาที่พี่ชายผมนอนหลับเค้าก็จะไม่ให้มีใครไปรบกวนเลยเชียว เชอะ! ทีเวลาผมหลับ พี่เค้ายังไม่เห็นจะทำแบบนี้เลย เอาแต่กวน เอาแต่ปลุกผมตลอด จนผมแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน ช่างแตกต่างกันจริงนะ ก็ใช่สิ ผมไม่ใช่พี่ปอนิ่

“ไม่ต้องมาทำท่างอน เราผิดอยู่นะ”

ผมล่ะอยากถามเค้าจริงๆว่าผมผิดตรงไหน และอยากบอกเค้าด้วยว่าผมโกรธอยู่ไม่ได้งอน แต่ไม่ ผมไม่พูดกับเค้าหรอก ก็ผมโกรธอยู่นี่

“อืมมม”

เสียงจากลำคอและการขยับตัวจากเบื้องหลัง ทำให้สงครามระหว่างผมกับพี่ตูนหยุดชะงักชั่วคราว คนตัวโตกว่าปล่อยมือที่ใช้ปิดปากผมแล้วเปลี่ยนเป็นนั่งแหมะลงตรงพื้นข้างๆผม สายตาเริ่มจับจ้องไปทางโทรทัศน์อีกครั้ง ... ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“หืม กี่โมงแล้วเนี่ย”

พี่ชายผมผุดตัวลุกขึ้นแล้วเงยหน้ามองนาฬิกาเหมือนต้องการสำรวจว่าตัวเองหลับไปนานแค่ไหน ผมปรายตามองไปยังคนที่นั่งข้างๆ เบ้ปากอย่างหมั่นไส้ ว่าจะไม่พูดอะไรแล้วเชียว แต่ปากมันก็อดไม่ได้

“เหอะ ไม่แน่จริง”

คนถูกว่าปรายตามมามองผมอย่างเอาเรื่องแล้วก็เจอสายตาท้าทายของผมที่ส่งไปให้เต็มๆ แน่นอน ตอนนี้ผมไม่กลัวหรอก ก็พี่ปอพี่ชายผมนั่งอยู่ทั้งคน คนอย่างเค้าจะไปกล้าทำอะไร

“เฮ้ย!”

ผมคิดผิด ผมคิดผิด ผมคิดผิด

ผมย้ำความคิดตัวเองไปมาเมื่อคนที่น่าจะไม่กล้าในความคิดผมคว้าคอผมรั้งให้เข้าใกล้ใบหน้าของเค้าอย่างรวดเร็ว และก่อนที่ผมจะได้ทันขัดขืน ริมฝีปากของเราสองคนก็ชนกันเสียแล้ว

มันเป็นเพียงจูบแผ่วเบา .... แต่อานุภาพร้ายแรง

ผมรู้สึกตัวได้เลยว่าใบหน้าของผมร้อนผ่าว และมันคงจะแดงก่ำน่าดูทีเดียว สมองรับรู้แทบจะปิดประสาทสั่งการ ไม่กล้าหันกลับไปมองข้างหลังสักนิดว่าพี่ชายผมเห็นภาพเมื่อครู่หรือไม่ แต่คนที่โดนผมท้าทายว่าไม่แน่จริงสงสัยจะยังไม่พอใจกับผลงานตัวเอง

ร่างสูงยกตัวผมลอยหวือไปนั่งบนตักตัวเองหน้าตาเฉย แขนแข็งแรงทั้งสองข้างล๊อกผมไว้ คางมนกดลงมาที่ไหล่ผม แล้วดูโทรทัศน์ต่ออีกครั้ง ผมนั่งนิ่งตัวแข็งทื่อให้เค้ากอดเอาตามใจ ลมหายใจอุ่นๆรินรดที่ข้างแก้มยิ่งทำเอาผมคิดอะไรไม่ออก

แน่ล่ะ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เค้าทำตัวแบบนี้กับผม

แต่มันก็เป็นแบบนี้ทุกทีสิน่า ผมไม่เคยควบคุมไม่ให้เลือดมันสูบฉีดขึ้นมาบนใบหน้าได้ แล้วยิ่งตอนนี้ พี่ชายผมเองก็...พี่ชายผม...ไม่อยู่แล้ว ... ออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย

หึ! ผมขยับตัวยุกยิกดิ้นออกจากอ้อมกอดเมื่อคิดได้ว่าตัวเองเผลอดีใจไปนิดหน่อยเมื่อครู่นี้ เมื่อคิดว่าพี่ชายข้างบ้านกล้าจูบกล้ากอดผมต่อหน้าพี่ปอ แต่ไม่ เปล่าเลย เพราะพี่ปอไม่อยู่แล้วต่างหาก

“อย่าดิ้นน่า เดี๋ยวไม่ได้ดูหนังนะ”

เสียงขู่เบาๆพร้อมจมูกที่ซุกไซ้ลำคอ ทำให้ผมหยุดดิ้น ไม่ได้กลัวคำขู่ของพี่ตูนหรอก แต่ผมกำลังโกรธมากอยู่ต่างหาก ผมกัดริมฝีปากตัวเองแน่นจนเลือดที่หยุดไหลไปแล้วซึมออกมาอีก บังคับตัวเองไม่ให้ร้องไห้ออกมา คนที่กอดผมอยู่ไม่ได้รับรู้อารมณ์ของผมสักนิด ยังคงใจจดใจจ่อกับหนัง เฮ้ออออ ผมล่ะเหนื่อยใจจริงๆ แล้วสุดท้ายผมก็หลับไป ตอนไหนไม่รู้เหมือนกัน

.............................

ออฟไลน์ JUPJIB

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +218/-0
ผมตื่นขึ้นมาเมื่อรู้สึกว่าท้องกำลังประท้วงหิว โทรทัศน์ถูกปิดลงและในห้องมืดสนิท หากแต่แสงไฟและเสียงหัวเราะแผ่วเบาที่ดังมานั้นทำให้ผมรู้ว่ายังมีคนอื่นอยู่ในบ้าน ผมเดินลงมาข้างล่างแล้วเจอพี่ปอของผมกับพี่ตูนพี่ชายข้างบ้านกำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน ผมยืนนิ่งอยู่ตรงบันได จับใจความได้ว่าดูเหมือนทั้งสองคนจะกำลังคุยเรื่องความหลัง มันก็เป็นธรรมดาแหละนะ เพราะถึงแม้ว่าพี่ปอจะอายุน้อยกว่าพี่ตูนเกือบปี แต่ว่าทั้งคู่ก็เรียนในชั้นเดียวกัน ที่จริงแล้วทั้งคู่ก็เรียนมาด้วยกันตลอด แม้คนที่สนิทกับพี่ตูนจริงๆจะคือพี่ป่านก็เถอะ

“ตูน อย่าว่าปออะไรเลยนะ แต่น้องยังเด็กอยู่”

หูผมแทบจะกางออกเมื่อได้ยินบทสนทนาที่เหมือนจะกล่าวพาดพิงถึงผม

“แล้วสำหรับปอ เป้ต้องอายุเท่าไหร่ถึงจะไม่เด็กล่ะ”

พี่ปอเงียบไป คงเพราะตัวเองก็ตอบคำถามนั้นไม่ได้

“ปอจะไม่บอกน้องก็ตามใจเถอะนะ แต่ตูนน่ะรอมานานแล้ว แล้วก็จะไม่รออีก ยังไงตูนก็จะบอก ... ความรักเป็นสิ่งสวยงามนะปอ ตูนเชื่อว่าเป้จะต้องดีใจกับปอ”

“แล้วตูนล่ะ”

ผมไม่ได้ยินอีกว่าทั้งสองคนคุยอะไรกัน ผมแน่ใจและรับรู้แล้วว่าทั้งคู่กับลังคุยอะไร

พี่ปอกับพี่ตูน ... สองคนนั้นคงตั้งใจจะบอกเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่ให้ผลรู้ แต่ก็กลัวผมรับไม่ได้

บ้าชะมัด

เรื่องบ้าๆ!!!!!

.............................

“เป้ เอ่อ คือว่า.............”

“พี่บาร์ท อันนี้อร่อยนะ กินดูๆ”

ผมยอมรับว่าตั้งใจหลีกเลี่ยงคำพูดของพี่ปอ ด้วยการใช้พี่บาร์ทเป็นเครื่องมือ พี่บาร์ทมองหน้าผมงงๆแต่ก็พยักหน้ารับเอากับข้าวที่ผมตักให้ พี่ปอหน้าเสียลงเล็กน้อย และพี่ตูนทำหน้าไม่พอใจขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

ช่างสิ ผมไม่เห็นจะแคร์เลย

ตลอดการกินข้าวเย็นนั้น ผมเอาแต่ชวนพี่บาร์ทคุยโดยไม่สนใจท่าทีของพี่ปอหรือของพี่ตูนเลยสักนิดเถอะ ก็ทำไมผมต้องสนใจด้วยเล่า

แล้วคนที่ทนไม่ได้ก่อนก็คือพี่ชายข้างบ้านของผม

พี่ตูนลุกขึ้นมาลากผมออกจากโต๊ะตั้งแต่ผมยังไม่อิ่ม ลากผมไปยังบ้านของเขาซึ่งอยู่ข้างๆบ้านผม เขาไม่พอใจ แต่มันช่วยไม่ได้นิ่ ก็ผมยังไม่อยากรับรู้นิ่นา ผมโดนลากเข้ามาในห้องนอนแล้วก็โดนจับเหวี่ยงลงบนเตียงซะอย่างนั้น

“เล่นอะไรของเราหึเป้”

ดูเหมือนพี่ตูนจะอารมณ์ไม่ดีเอามากๆ เขาพูดเสียงเบาก็จริงแต่ก็เป็นไปในลักษณะของการขบกรามแน่น ดวงตาคู่คมจ้องมองมาใบหน้าผมอย่างจะเอาเรื่อง

“เล่นอะไร พี่ตูนนั่นล่ะเล่นอะไร มันเจ็บนะ”

ผมก้มลงดูข้อมือตัวเองที่แดงเป็นปื้นแล้วก็ตวัดสายตาสู้ทันที พี่เขานึกว่ามีแต่ตัวเองหรือไงที่โมโหได้ ผมเองก็โมโหแล้วเหมือนกันนะ

“ก็เราทำบ้าอะไร ไปอี๋อ๋ออะไรกับบาร์ทนักหนา”

“อี๋อ๋ออะไรพี่ตูน ผมก็แค่ชวนเขาคุย ชวนกินข้าว ทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดีก็เท่านั้น เรียกว่าอี๋อ๋อตรงไหน”

พี่ตูนทำท่าโมโหมากขึ้นกว่าเดิมที่เจอผมยอกย้อน เจ้าตัวเดินตรงมาหาผมแล้วคว้าแขนข้างเดิมกำแน่น

“จะคิดมาทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดีอะไรตอนนี้ ทุกทีไม่เห็นจะเคยทำ ... ไม่ใช่ว่าเกิดนึกพิศวาสเขาขึ้นมาหรอกเหรอ เมื่อวานก็เห็นถามหา”

“พิศวาสบ้าอะไร ผมไม่ใช่พี่ปอกับพี่ตูนนะ จะได้นึกพิศวาสผู้ชายด้วยกัน โอ๊ย ... ปล่อยนะ มันเจ็บ”

ยิ่งพูด พี่ตูนก็ดูเหมือนจะยิ่งเพิ่มแรง ท่าทางโมโหนั้นเปลี่ยนเป็นเศร้าลึกอยู่เสี้ยววินาทียามที่ผมพูดเมื่อครู่ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นวาวโรจน์อย่างเก่า พี่ตูนคงโมโหที่ผมพูดถึงพี่ปออย่างนั้น

“ดี ไม่พิศวาสก็ดี งั้นก็ลองกันหน่อยแล้วกัน ดูถูกกันดีนัก”

พี่เขาว่าแล้วก็กดผมลงกับเตียง พี่ตูนขึ้นคล่อมผมจากด้านบน มือหน้าดึงกระชากเสื้อผ้าผมออกจากร่างกายอย่างไม่ปราณี ผมได้แต่นอนอึ้ง จนเมื่อเสื้อถูกถอดออกไปนั่นล่ะถึงเพิ่งรู้สึกตัว

ผมใช้มือ ทั้งผลัก ทั้งดิ้น ทั้งทุบร่างสูงและแข็งแรงกว่าเบื้องบน แต่มันไม่ได้ผลเลย ขาสองข้างนั้นทำอะไรไม่ได้เมื่อพี่ตูนนั่งทับท้องน้อยผมไว้อย่างนี้

“พี่ตูน อย่าบ้านะ ปล่อย ... โอ๊ย!”

ไม่ถึง ดังไปไม่ถึงเลย คนตัวโตก้มลงฝั่งเขี้ยวคมลงบนผิวตรงต้นคอผม ก่อนจะเคลื่อนไปตรงหัวไหล่และกัดมันอีกครั้ง

“ปล่อยนะ ปล่อยนะ ไอ้บ้า ปล่อย”

ถึงจะโวยวายก็ไม่มีความหมาย เขาคงรำคาญมือผมที่คอยทุบคอยผลักจึงใช้เสื้อผมที่ถูกถอดออกเข้ามัดมันเอาไว้ด้วยกัน

“พี่ตูน”

ผมครางในลำคอเบาๆอย่างไม่อยากเชื่อ พี่ตูนที่ผมรู้จักแม้จะชอบแกล้งผมแต่ก็ไม่เคยทำอะไรให้ผมต้องเจ็บตัวมากนัก พี่ตูนของผมอ่อนโยนและยืนอยู่ข้างผมเสมอ พี่ตูนคนนั้นกลับกลายเป็นพี่ตูนคนนี้เพียงเพราะผมเอ่ยว่าพี่ปอเพียงแค่นั้นน่ะหรือ น้ำตาที่หลั่งรินไม่ใช่เพราะความกลัวที่ถูกทำร้าย ไม่ใช่เพราะความเจ็บที่ร่างกาย แต่มันเป็นเพราะจิตใจของผมมันรับไม่ไหว ผมเสียใจ ผมเจ็บไปทั่วทั้งใจ เขาอยากทำให้ผมเจ็บ และผมก็เจ็บจริงๆ

ดูเหมือนน้ำตาจะช่วยหยุดความบ้าของเขาได้บ้าง พี่ตูนหยุดมือเมื่อสัมผัสได้ถึงอาการสะอื้นไห้ของผม คนตัวสูงลุกขึ้นแล้วเดินหนีไปทางห้องน้ำ คล้ายต้องการสงบจิตใจของตัวเอง ทิ้งผมเอาไว้ที่เดิม

เสื้อที่พันมือผมไว้คล้ายออกเพียงพอให้ผมหลุดออกจากพันธนาการ ผมคู้ตัวกอดตัวเองร้องไห้อยู่บนเตียงนั้น ผมเสียใจ และเจ็บลึกอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน แม้ผมจะเจ็บในใจทุกครั้งที่เห็นว่าพี่ตูนรักพี่ปอ แต่มันไม่เคยเจ็บมากเท่าครั้งนี้เลย

“เป้”

เสียงเรียกที่ดังขึ้นพร้อมทั้งเตียงที่ยวบลงเพราะน้ำหนักตัวทำให้ผมขยับตัวหนีตามสัญชาตญาณ ผมกลัว ความโหดร้ายที่เพิ่งได้รับ มันยังคงฝั่งอยู่ในจิตใจ พี่ตูนดูเหมือนจะหน้าเสียไป แต่เจ้าตัวก็ยังไม่ล่ะความพยายาม เขาเอื้อมมือมาคว้ามือผมไปจับ ก่อนจะลูบเบาๆคล้ายปลอบใจ เขาทำอย่างนั้นเงียบๆ และผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรจะพูดอะไร

“พี่ขอโทษ”

เมื่อเห็นว่าผมเริ่มจะสงบจิตใจลงได้มากแล้ว พี่ตูนก็พูดขึ้นมาพร้อมคว้าตัวผมไปกอดไว้อย่างอ่อนโยน

 ความอบอุ่นจากอ้อมกอด เสียงที่กระซิบแผ่วเบา หากมันไม่ใช่แค่ความฝันก็คงจะดี

...............................

“ตื่นแล้วหรือเป้”

พี่ปอเอ่ยถามเมื่อผมลืมตาตื่น ภาพรอบๆตัวชัดเจนแล้วสติที่เรียกกลับมาได้แล้วของผมบอกว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้อง ห้องของผม ที่บ้านของผม

ผมพยักหน้าให้พี่ชายคนรอง แม้อยากจะรู้แต่ก็ไม่คิดจะเอ่ยปากถามว่าผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ผมไม่อยากเอ่ยปากถามถึงคนที่ผมกำลังนึกถึงอยู่ตอนนี้

“พี่คิดว่าพี่ต้องพูดกับเป้สักทีแล้ว ปล่อยไปแบบนี้พี่สงสารตูน”

ผมพยักหน้าให้พี่ชายอีกทีแล้วก็เดินไปทางห้องน้ำ

“พี่ปอลงไปรอข้างล่างเถอะ เดี๋ยวผมตามลงไป”

ผมว่าแล้วเดินลับเข้าห้องน้ำไป

ผมได้ยินเสียงประตูห้องเปิด เสียงฝีเท้าพี่ปอที่เดินห่างออกไป และเสียงประตูที่ปิดลง ผมทรุดตัวลงนั่งหน้าประตูห้องน้ำ น้ำตาที่ผมพยายามกักไหลลงมาเงียบๆ

มันถึงเวลาแล้ว ถึงเวลาที่ผมต้องทำใจยอมรับ พี่ปอพูดถูก ปล่อยเรื่องให้มันเนินนานไปอย่างนี้ไม่ได้อะไร พี่ตูนน่าสงสาร พี่ชายข้างบ้านที่ผมรักทรมานใจมานานแค่ไหนแล้วที่ต้องปิดเรื่องความรักของเค้าเอาไว้ พี่ปอเองก็นาสงสาร ผมต้องยอมรับความจริง ต้องรับมันให้ได้แม้ว่าความจริงเหล่านั้นจะทำให้ผมเจ็บ

ผมจะต้องเข้มแข็ง

ผมสัญญากับตัวเองว่าจะร้องไห้ที่ตรงนี้ให้พอ ร้องไห้ตอนนี้ แล้วเมื่อผมรับฟังความจริง ผมจะต้องยินดีกับพี่ทั้งสองคนของผม ผมรักพี่ทั้งสองคนนั้น แม้จะรักในรูปแบบที่ไม่เหมือนกันแต่ผมก็รัก

มันไม่ใช่เรื่องดีเลยที่จะปล่อยให้คนที่ผมรักทรมาน

ความรักที่เนินนานมันถึงเวลาที่ต้องจบแล้ว และผมต้องจบมันอย่างเงียบเชียบ จบมันด้วยการไม่พูดไม่บอกความรักครั้งนี้ของผมออกไป

ผมอาบน้ำช้าๆ แม้จะพยายามบอกตัวเองว่าต้องยอมรับให้ได้

แต่ผมก็ขอต่อเวลาออกไป ขอต่อเวลาออกไปอีกสักนิด แค่นิดเดียวจริงๆ

................................

ผมเดินลงมาชั้นล่างแล้วอดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมที่นั่งอยู่ตรงนั้นมีคน 4 คน คือ พี่ป่านพี่ชายคนโตของผม พี่ปอพี่ชายคนรอง พี่บาร์ทเพื่อนสนิทพี่ปอ แล้วก็พี่ทิมพี่ชายของแฟนพี่ป่าน งงไหมครับ? ตัวผมน่ะ งงมากเลยทำไมการจัดเรียงมันแปลกๆจนน่าแปลกใจแบบนี้

ผมลงนั่งและมองพี่ชายแท้ๆทั้งสองคนด้วยสีหน้าสงสัย

มือของพี่ป่านกุมมือพี่ทิมแน่น แล้วพี่ทิมก็ก้มหน้าก้มตา ไม่สบตาผม ทั้งๆที่ปกติเวลาผมเจอพี่ทิมซึ่งมาพร้อมกับน้องสาวที่เป็นแฟนพี่ป่าน เราสองคนออกจะเข้ากันได้ดีแท้ๆ

พี่ปอเองก็จับมือพี่บาร์ทไว้แน่นเหมือนให้กำลังใจกันและกัน แต่พี่บาร์ทกลับมองมาที่ผมด้วยสายแต่แน่วแน่ ต่างจากพี่ปอที่หลบตาผมไปซะอย่างนั้น

เราทั้งห้านั่งกันเงียบๆ เงียบจนผมทนไม่ได้

“ไหนว่าจะพูดอะไรไงครับ”

ผมไม่ได้เจาะจงเพราะเมื่อมองดูแล้ว คิดว่าไม่แค่พี่ปอเท่านั้นที่มีเรื่องจะพูดกับผม พี่ป่านเองก็คงไม่ต่างกัน ไม่งั้นผมคงไม่ได้เห็นหน้าพี่ชายคนโตตั้งแต่เช้าอย่างนี้

“พี่อยากให้เป้รู้ เพราะเป้เป็นน้องของพี่”

ปกติพี่ป่านไม่ใช่คนพูดเพราะ แต่กับผมพี่ป่านจะพูดเพราะด้วยเสมอ พี่ตูนยังแซวพี่ป่านบ่อยๆว่าพี่ป่านกลัวผม ซึ่งความจริงที่พี่ป่านกลัว คือกลัวผมโกรธ ก็ตามประสาน้องคนเล็ก ผมเอาแต่ใจพอตัว และพี่ป่านกับพี่ปอ รวมถึงพ่อกับแม่ก็ตามใจผมมาก ไม่ว่าจะทำอะไร คนในบ้านจะเกรงใจผมที่สุด เพราะกลัวผมโกรธนั่นเอง

“พี่กับทิมรักกัน พี่อยากให้เป้ยอมรับเรื่องนี้”

ผมเงียบไปเนินนาน ความจริงที่พี่ป่านพูดออกมาทำเอาผมหัวหมุน 360 องศา ผมไม่คิดว่าก่อนว่าพี่ชายคนโตของผมจะมีคนรักเป็นผู้ชายด้วยกัน

ไม่ใช่ว่ารับไม่ได้ ในเมื่อตัวผมเองคนที่หลงรักมาเนินนานก็เป็นผู้ชาย เพียงแต่ว่า ... ผมก็อดตกใจไม่ได้ แถมคนที่เป็นแฟนพี่ป่านยังเป็นพี่ชายของแฟน เอ่อ ควรเรียกว่าแฟนเก่าสินะ ของพี่ป่านอีกด้วย

“พี่รู้ว่าควรบอกน้องให้เร็วกว่านี้ แต่ว่า พี่คิดว่าควรให้น้องเรียนจบม.ปลายเสียก่อนค่อยมารับรู้ พี่ไม่อยากให้ความสัมพันธ์แบบพวกพี่กลายเป็นตัวอย่างหรือตัวชี้นำ เป้เข้าใจใช่ไหม”

ผมพยักหน้าเบาๆ จะพูดว่าเข้าใจเสียทีเดียวก็ไม่ใช่ ผมยอมรับว่าแอบน้อยใจที่ดูเหมือนเรื่องนี้จะมีเพียงผมเท่านั้นที่ไม่ทราบเรื่อง พี่ปอที่นั่งนิ่งๆนั้น ท่าทางเหมือนรอลุ้นผล และไม่ได้แปลกใจกับเรื่องนี้ แปลว่าพี่ปอเองก็คงรู้เรื่องนี้มานานแล้ว

“แล้วพี่ปอล่ะ”

พี่ชายคนรองผมเงยหน้าขึ้นช้าๆก่อนจะพูดออกมาเบาๆ

“พี่เองก็คบกับบาร์ทมาสักพักแล้ว”

อันนี้ผมอึ้งไปจริงๆ ผมที่พยายามทำใจว่าพี่ปอจะบอกผมเรื่องความสัมพันธ์กับพี่ตูน แต่กลายเป็นว่าคนที่พี่ปอคบด้วยคือพี่บาร์ท!

แล้วพี่ตูนล่ะ?

ผมเงยหน้าขึ้นมอง อยากจะถามออกไปแต่ก็คิดว่าไม่ควรพูด ผมไม่ทราบว่าพี่ปอทราบไหมว่าพี่ตูนชอบตัวเอง หากไม่ทราบ เมื่อผมพูดออกไปแล้วอาจจะไม่ดีทั้งกับพี่ปอและพี่ตูน หากพี่ตูนอยากให้พี่ปอรู้ว่าความรู้สึก พี่ตูนก็ควรจะเป็นคนบอกเอง

“ผมไม่ใช่เด็ก พวกพี่ไม่บอกอย่างนี้ผมไม่ชอบนะ”

ผมพูดแล้วมุ่ยหน้า ทั้งสี่คนหน้าเสียอย่างเห็นได้ชัดจนผมต้องถอนหายใจออกมาเบาๆ ถึงจะรู้สึกเหมือนโดนกันออกจากกลุ่มเมื่อต้องรู้เรื่องเป็นคนสุดท้าย แต่ผมก็ไม่อยากจะทำให้พวกพี่ๆไม่สบายใจ

“เอาเถอะ ผมเห็นว่าเป็นเรื่องดีๆหรอกนะ จะยอมให้สักครั้งแล้วกัน แต่ถ้าคราวหน้าพวกพี่ปิดบังอะไรผมอีก ผมจะโกรธจริงๆ เลิกคบกันไปเลย”

ผมพูดยิ้มๆ แซวพี่ชายเล่น แต่กลับทำให้พี่ชายสองคนของผมยิ่งหน้าเสียเข้าไปใหญ่ พอผมเห็นเลยต้องหยุดยิ้มชั่วคราว เพราะมีเหตุเดียวเท่านั้นที่ผมพูดไปแบบนั้นแล้วพวกพี่ชายผมจะทำหน้าเสีย

ทั้งสองคนยังมีเรื่องปิดบังผมอยู่!!

“พวกพี่พูดออกมาเดี๋ยวนี้นะ”

ผมพูดเสียงเรียบแล้วทีนี้ แต่แทนที่ทั้งสองคนจะพูดออกมา กลายเป็นว่าอ้ำๆอึ้งๆกันอยู่ได้

ผมนั่งหน้าหงิกให้รู้แล้วว่าผมไม่พอใจและกำลังจะเหวี่ยง พี่ทิมกับพี่บาร์ทนั่งมองเงียบๆแล้วทำหน้าเหมือนกลั้นหัวเราะอยู่ ทำให้ผมรู้ว่าเรื่องราวมันคงไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่ แต่ผมพยายามทำเป็นไม่สนใจ ตีหน้าเครียดอย่างเดียว

“คือว่าเรื่องไอ้ตูน”

พี่ป่านพูดขึ้นหลังจากที่นิ่งอยู่นาน ผมก็พยักหน้าเงียบๆเป็นเชิงบอกให้พูดมาผมฟังอยู่

“คือไอ้ตูนน่ะ มันบอกพี่ตั้งแต่เมื่อสัก 10 ปีก่อนแล้วว่ามันชอบเป้ ชอบแบบที่ไม่ใช่น้องชายน่ะ แต่พวกพี่เห็นว่าตอนนั้นเป้ยังเด็ก แบบว่ายังเด็กมากๆ แล้วตอนนั้นพวกพี่ก็ยังไม่ค่อยเห็นด้วยเรื่องความรักระหว่างผู้ชายนัก พวกพี่เลยบอกให้มันรอเป้จบม.ปลายก่อน แล้วพี่ก็ไม่คิดว่ามันจะรอได้ ทีนี้… เอ่อ…. เป้ เป้ เฮ้ยเป้!”

ผมตอนนี้เข้าสู่โหมดช็อคไปเรียบร้อยแล้วครับ เรื่องที่ผมไม่เคยรู้มาก่อนทำเอาผมตาค้าง สติแทบไม่เหลืออยู่กับเนื้อกับตัว พยายามมองหน้าพี่ป่านพี่ปอให้เห็นว่าพวกพี่เค้าล้อผมเล่นบรรทัดไหนหรือเปล่า แต่กลับมองไม่เห็นว่ามีคำว่าล้อเล่นอยู่บนใบหน้าพี่ชายทั้งสองสักนิด

แล้วเรื่องที่ผมคิดมาตลอดว่าพี่ตูนชอบพี่ปอล่ะ?

หรือว่าพี่ตูนจะเอาเรื่องนี้มากลบเกลื่อนเรื่องที่ตัวเองชอบพี่ปอเพราะพี่ปอมีพี่บาร์ทแล้ว ไม่! เดี๋ยวสิ! พี่ป่านบอกว่าสิบปีก่อน ตอนนั้นผมยังอายุ 8 ขวบเอง แถมพี่ปอยังไม่มีท่าทางจะชอบพี่บาร์ทเลยด้วย

หรือว่าอันที่จริงแล้วคนที่เข้าใจผิดคือผม

ผมรู้ว่าพี่ตูนพี่ชายข้างบ้านของผมชอบกอดชอบฟัดชอบหอมแก้มผมมาตั้งแต่เด็ก แล้วยิ่งช่วงหลังๆก็เลยไปถึงขั้นจูบผมบ่อยๆ ล้วงนั้นล้วงนี่บ้าง แต่ผมคิดว่านั้นเป็นการหยอกล้อเล่นกันระหว่างพี่น้อง ผมเข้าใจว่าพี่ตูนคิดว่าผมเหมือนน้องชายเลยทำตัวสนิทสนมด้วยแบบนั้น

ผมรู้ว่าพี่ชายข้างบ้านของผมหวงผมมาก ไม่ว่าจะมีข่าวแม้เพียงลอยๆว่ามีคนมาจีบผมหรือมีใครทำท่าทางมาสนิทสนมกับผมแบบแอบแฝง ไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิงพี่ตูนจะโมโหมาก และแทบจะตามไปเอาเรื่องบุคคลเหล่านั้น และเผลอมาพาลโกรธผมให้ผมต้องไปตามง้ออยู่บ่อยๆ แต่ผมก็คิดว่านั่นเป็นอาการพี่ชายหวงน้องธรรมดาเท่านั้น

หากว่าที่ผมคิดมาตลอดมันผิดล่ะ พี่ตูนไม่ได้หยอกล้อกับผมเพราะคิดว่าเป็นน้องชายข้างบ้าน แต่ตั้งใจแสดงความรักออกมาให้ผมได้เห็น พี่ตูนไม่ได้หวงผมเพราะผมเป็นน้องชาย แต่หวงและหึงเพราะว่าเป็นคนที่พี่ตูนรัก

ผมรู้สึกเหมือนตัวเองจะลอยได้เมื่อคิดว่าคนที่ผมรักเค้าก็รักผมตอบเหมือนกัน แต่ผมก็ต้องเบรกตัวเองไว้ก่อน ผมอาจจะคิดไปเองก็ได้ ตลอดมาผมไม่เคยแม้แต่จะตั้งความหวังเพราะคิดว่าตัวเองไม่ได้มีหวังอะไร แต่เมื่อมาถึงตอนนี้ก็ต้องยอมรับว่าผมเริ่มจะหวังกับความรักขึ้นมาบ้างแล้ว

“เดี๋ยวผมมานะ”

ว่าแล้วผมก็รีบวิ่งออกจากบ้านทันทีโดยไม่สนใจฟังเสียงเรียกของพี่ๆ


ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
อ๊ายยยยยยยยยยยยยยชอบคนปากแข็งทั้งสองคนเลย
รออ่านต่อนะคะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด