พิมพ์หน้านี้ - [Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: JUPJIB ที่ 01-06-2011 11:37:58

หัวข้อ: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4
เริ่มหัวข้อโดย: JUPJIB ที่ 01-06-2011 11:37:58
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน

ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥
 ♥  เปิดจองหนังสือ  ♥  (http://www.jupjib.com)
เรื่องสั้นตอนเดียวจบ by JUPJIB
 ♥  โอ้ใจเอย  ♥  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=26270.msg1496939#msg1496939)
 ♥  ไดอารี่ของไคล์  ♥  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=26270.msg1498548#msg1498548)
 ♥  ไดอารี่ของเธียร์  ♥  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=26270.msg1508431#msg1508431)
 ♥  เพิ่งรู้ว่ารักเธอ  ♥  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=26270.msg1533798#msg1533798)
ปล.ที่ลงในนี้บางเรื่องไม่รวมในหนังสือนะคะ
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " โอ้ใจเอย " 01/06/54
เริ่มหัวข้อโดย: bow55 ที่ 01-06-2011 11:43:06
มารอคร้า
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " โอ้ใจเอย " 01/06/54
เริ่มหัวข้อโดย: JUPJIB ที่ 01-06-2011 11:58:40
นิยายเรื่องอื่นๆของ JUPJIB
 ♥  จอมไตรซีรี่ส (ไม้) คนมืดมนที่หลงรักคุณหมดใจ (จบ) ♥  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=16605)คุณnolirinลงให้ ขอบคุณค่า
♥  จอมไตรซีรีส์ (ดิน) ความรักไม่ใช่แค่คนสองคน (จบ) ♥  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33103)
 ♥  จอมไตร ซีรีส์ (ปฐพี) เห็นได้ด้วยตา รักได้ด้วยใจ (จบ) ♥  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=25950)
 ♥  จอมไตร ซีรีส์ (ตาหวาน) ซื้อด้วยใจ ขายด้วยรัก (จบ) ♥  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36948)
 ♥  เรื่องสั้นตอนเดียวจบ V.1 by JUPJIB  ♥ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=16206) คุณnolirinลงให้ ขอบคุณค่า
 ♥  เรื่องสั้นตอนเดียวจบ V.2 by JUPJIB  ♥ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=26270)
 ♥  man and child ซีรี่ส์ Love Just Ain't Enough(แนวM-Preg) (จบ) ♥ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42983)
 ♥  man and child ซีรี่ส์ Hard For Heart(แนวM-Preg) (จบ) ♥ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45955)



Title : โอ้ใจเอย

Chapter : ตอนเดียวจบ

แนะนำให้ฟังเพลงประกอบการอ่านเพื่ออรรถรสค่ะ กดไปฟังค่ะ (http://www.youtube.com/watch?v=I0f9JJJtMPU) (ที่จริงเนื้อเรื่องไม่ได้เข้ากับเนื้อเพลงเลย อิอิ)

♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥

ความรักจากผม เคยส่งไปถึงคุณบ้างหรือเปล่า

วันนี้ก็เหมือนทุกวัน ที่ผมตื่นขึ้นมาแต่เช้า รีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะได้ไปถึงที่ทำงานเป็นคนแรก วิ่งเอาขนมปังและเครื่องดื่มที่แวะซื้อไปวางไว้บนเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์แปะกระดาษไว้เพื่อบอกว่าฝากให้เขา ก่อนจะกลับออกไปนั่งอยู่ในร้านกาแฟเจ้าประจำเพียงเพื่อจะได้มองเห็นการมาของเขาคนนั้น

สองขารีบก้าวออกจากร้านเมื่อมองเห็นรถคันงามแล่นผ่านหน้าร้านไป กะเวลาที่จะได้ขึ้นไปยังที่ทำงานพร้อมๆกัน

ผมส่งเสียงทักทายเขาออกไปอย่างทุกวัน และเขาก็ยิ้มรับพร้อมพยักหน้าทักผมกลับ

ยามเรารอลิฟท์โดยสารเพื่อขึ้นไปยังชั้นบนพร้อมๆกัน ผมอดไม่ได้ที่จะมองถุงขนมปังและเครื่องดื่มที่เขาถือเอาไว้ ของที่ผมฝากไว้ให้

ในห้องของลิฟท์โดยสารวันนี้มีเพียงเราเท่านั้น ความเงียบที่โรยตัวนี้ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอึดอัดเลยสักนิด ... แต่หัวใจของผมมันกำลังเต้นแรง เป็นอย่างนี้ทุกวัน เมื่อผมได้อยู่กับเขาเพียงแค่สองคน

กลิ่นโคโลญจน์อ่อนๆยิ่งทำเอาใจผมเต้นระส่ำ

ติ๊ง!!!

เสียงลิฟท์ที่จอดยังชั้นอันเป็นที่ทำงานของผมเรียกสติของผมกลับมา เขากดเปิดค้างไว้เพื่อให้ผมได้ออกมาจากลิฟท์โดยสาร ผมก้มหัวเป็นการขอบคุณ ก่อนจะก้าวเดินออกมา ยืนหันหลังจนแน่ใจว่าลิฟท์ปิดสนิทจึงหันกลับมาอีกครั้ง

สายตาจ้องไปยังตัวเลขสีแดงที่บอกเลขที่ที่ชั้นของลิฟท์ไปถึง และมันก็หยุดยังชั้นเดิม ชั้นที่เหนือผมไปเพียงสี่ชั้น

ผมยิ้ม ก่อนจะเดินเข้าไปยังที่ทำงานเพื่อเริ่มการทำงานของวันนี้สักที

.......................................


ผมรีบเก็บของเมื่อได้เวลาพักเที่ยง สาวเท้าลงมาตามบันไดเมื่อรู้แน่ว่าลิฟท์โดยสารคงเต็มไปด้วยผู้คนที่ลงไปทานอาหารกลางวันเช่นเดียวกันกับผม

ผมตรงไปยังร้านขนมปังเจ้าประจำ เลือกขนมปังสองชิ้นและนมอีกหนึ่งกล่องสำหรับเป็นอาหารกลางวันของวันนี้ ก่อนจะเดินไปนั่งหลบมุมกินมันเงียบๆ

ผมลงมือทานอาหารกลางวันอย่างรีบร้อน สายตาสอดส่องไปยังทางเดิน เขาเดินลงมาข้างล่างพร้อมๆกับเพื่อนอย่างทุกวัน ดูเหมือนวันนี้จะมีเรื่องให้เขาไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ เพราะเขาไม่ยิ้มเล่นหัวกับเพื่อนอย่างทุกที ผมมองจนเขาเดินไปจนลับสายตา จึงรีบกินขนมปังของตัวเองต่อจนหมด

หยิบโทรศัพท์โทรหาร้านดอกไม้เพื่อสั่งดอกไม้ ...จะให้เป็นช่อคงไม่เหมาะแน่นอน ผมเลือกที่จะสั่งมาเป็นต้นไม้เล็กๆ หวังว่ายามที่เห็นมันคงจะทำให้เขารู้สึกสดชื่น ผ่อนคลาย และหายเครียดได้บ้าง

..................................

ผมเดินออกจากที่ทำงานในตอนเย็น รู้ว่าเขาคงยังไม่กลับเพราะไม่เคยเห็นเลิกงานตามเวลาอย่างผมสักที

สายฝนที่กำลังโปรยปรายลงมาหยุดขาที่กำลังจะก้าวเดินออกนอกตัวตึกของผมไว้

หิวชะมัด

ผมบ่นกับตัวเองเบาๆ ตัดใจที่จะเดินออกไปเพราะไม่ได้หยิบร่มมาจากห้อง เดินย้อนกลับเข้าไปยังร้านกาแฟที่ตั้งอยู่ในอาคารแทน

คนในร้านเยอะจนผมกลัวว่าจะไม่มีที่นั่ง แต่เป็นโชคดีเสียจริงที่ยังเหลือโต๊ะว่างอีกหนึ่งโต๊ะ

ผมนั่งลงและตัดใจเรื่องค่าอาหาร ยอมสั่งอาหารราคาแพงอย่างที่นานๆจะได้กินมาหนึ่งจาน

แล้วผมก็เห็นเขา

สายตาที่สอดส่ายหาโต๊ะนั่งทำเอาผมอยากลุกออกไปแล้วทิ้งโต๊ะนี้ให้เขาเสียจริง แต่ถึงผมจะคิดอย่างนั้น มันก็ช้ากว่าบริกรที่เดินเข้ามาหาผม

คำถามว่าจะสะดวกไหมหากเขาจะมาร่วมโต๊ะด้วยนั้นทำเอาหัวใจผมเต้นแรง

ช่างดีจริง ดีกว่าการเสียสละโต๊ะนี้ให้เขาอย่างที่คิดไว้เมื่อครู่เสียอีก

ผมพยักหน้าตอบรับ

ผมก้มหน้าทานอาหารโดยพยายามทำเป็นไม่สนใจว่าหัวใจกำลังเต้นแรงเหมือนจะเด้งออกมาจากอก

ส่วนเขาไม่ต้องพยายามก็ไม่สนใจผมอยู่แล้วใช่ไหม เพราะสายตาเขายังเอาแต่จับจ้องไปยังเอกสารที่ถือติดมือมาด้วย

ผมไม่ได้รู้สึกน้อยใจ แต่เป็นห่วงมากกว่า ... ทั้งๆที่ควรได้ทานอาหารอร่อยๆ แต่ยังต้องมานั่งคิดเรื่องงานอยู่อีก

ผมนั่งทานช้าๆเพราะต้องรอจนกว่าฝนจะหยุดถึงจะกลับได้ แต่เขาทานด้วยความเร็วที่สม่ำเสมอ คิดว่าคงเพราะยังมีงานเหลือต้องทำอยู่อีกใช่ไหม

ไม่นานเขาก็ทานอาหารจนหมด

เขาดื่มกาแฟอีกหนึ่งแก้ว ก่อนจะลุกเดินออกไป ไม่มองหน้าผมสักนิด อาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมที่นั่งทานข้าวเย็นด้วยกันเย็นนี้ เป็นคนที่ขึ้นลิฟท์โดยสารพร้อมๆกับเขาในทุกๆเช้า

แต่เอาเถอะ งานเขาเยอะ ผมเข้าใจ

ผมทานจนหมด และลุกขึ้นเพื่อจะไปจ่ายเงิน แต่...บิลจ่ายเงินของผมมันหายไป

สอบถามจนได้ความว่า เขาจ่ายให้ผมเสียแล้ว

................................

ผมดำเนินชีวิตเหมือนเมื่อวาน แต่วันนี้ ยามที่ผมส่งเสียทักทายเขาในตอนเช้า ผมยื่นเงินจำนวนหนึ่งซึ่งเป็นค่าอาหารของผมเมื่อวานให้กับเขาด้วย

เขาเลิกคิ้วขึ้นมาราวกับไม่เข้าใจว่าผมกำลังทำอะไร แต่ผมไม่สนใจจะอธิบาย

ผมมุ่ยหน้า ถึงเขาจะเมินผมขนาดไหน แต่ผมไม่ชอบใจเลยที่ต้องให้เขามาจ่ายอะไรให้

ผมยัดเงินใส่มือเขาก่อนจะเดินกลับไปนั่งยังเก้าอี้สำหรับนั่งพักด้านนอกตัวตึก รอให้เขาขึ้นไปเสียก่อนเถอะ ผมถึงจะขึ้นไปบ้าง

วันนี้ผมอารมณ์ไม่ดีจริงๆ

ผมนั่งรอเวลาผ่านไปจนสิบนาทีจึงเดินไปยังทางเดิมเพื่อขึ้นลิฟท์ไปทำงาน แต่เขายังยืนอยู่ตรงนั้น ข้างลิฟท์ที่เดิม ผมมองดูลิฟท์เปิดคนอื่นๆก้าวเดินเข้าไป แต่เขาไม่ เขายืนและนิ่งส่ายหัวให้คนในลิฟท์พร้อมด้วยรอยยิ้ม เหมือนกำลังรอใคร

คนๆนั้นใช่ผมหรือเปล่า

ผมเดินไปหยุดข้างหลังเขา แต่ไม่ทักทายอีก

เขามองมา และเมื่อลิฟท์เปิดเขาก็รอจนผมเดินเข้าไป ก่อนที่จะเดินตามเข้ามาบ้าง

ในลิฟท์ที่มีเพียงเราสองคนมีแต่ความเงียบ  จนกระทั่งมันมาหยุดยังชั้นที่ทำงานของผม ... ก่อนผมจะก้าวออกจากลิฟท์ เขารั้งผมเอาไว้ และวางอะไรบางอย่างลงบนฝามือผม

ก่อนจะดันผมเบาๆให้ออกจากลิฟท์ ผมเงยหน้าขึ้นมองด้วยความแปลกใจ และก็ได้เห็นรอยยิ้มบางๆที่ทำเอาความขุ่นมัวในใจผมหายใจจนหมด

ผมเดินมานั่งที่โต๊ะทำงานด้วยใจเลื่อนลอย ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าในมือมีอะไรบางอย่างที่เขาให้มา

ในมือผมมีลูกอมรสคาราเมล...พร้อมกระดาษเล็กๆหนึ่งแผ่น ตัวหนังสือที่เขียนไว้ ทำเอาผมแทบหยุดหายใจ

“ลูกอมทำให้อารมณ์ดี ต้นไม้เมื่อวาน ผมชอบมาก”

.................................

มีต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " โอ้ใจเอ
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 01-06-2011 12:05:34
ชอบเรื่องนี้นะ อยากให้คุณจิ๊บต่อเป็นเรื่องสั้นขนาดยาวจังเลยอ่ะ


ขออภัยที่แทรกค่ะ คุณจิ๊บ T^T
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " โอ้ใจเอย " 01/06/54
เริ่มหัวข้อโดย: JUPJIB ที่ 01-06-2011 12:08:26
^
^
^
คุณ love2y ค่ะ จิ๊บกลัวเป็นเรื่องยาวแล้วมันจะหมดสนุกน่ะสิค่ะ  :z3:
 แทรกก็ไม่เป็นไรค่า

♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥

The other side...

ผมอมยิ้มในลิฟท์ยามนึกถึงใบหน้าของเขาเมื่อครู่ นึกถึงสัมผัสยามที่ผมวางบางอย่างลงบนมือเล็กๆนั้น ยิ่งทำให้ผมไม่สามารถหยุดยิ้มได้

รอยยิ้มของผมมันคงมีมากเกินจนเพื่อนๆที่มาทำงานก่อนหน้าผมต้องเอ่ยแซวเพราะผมยังยิ้มไม่หุบสักที

ยิ่งมองไปที่ต้นไม้ต้นเล็กๆที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานของผมแล้วผมก็ยิ่งยิ้ม แค่นึกถึงคนที่ส่งมาให้กับพฤติกรรมแปลกๆที่ผมเห็นว่าน่ารักของเจ้าตัว

......................

ทุกเช้าผมจะเห็นผู้ชายตัวเล็กๆเดินออกจากร้านกาแฟด้วยความรวดเร็วยามเมื่อรถของผมขับผ่านหน้าร้านนั้น ผมมองเห็นและชะลอรถลงเสมอเพื่อมองดูเขาทางกระจกหลัง เอารถเข้าไปจอด แวะเอาของที่ใครบางคนฝากไว้ให้ผมที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์

อาจจะฟังดูขี้โกง แต่ผมก็รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าใครเป็นเจ้าของขนมที่ฝากไว้ให้ผมทุกเช้า ... ก็ถึงมันจะเช้าขนาดที่ว่ายังไม่มีใครมาทำงาน แต่กล้องวงจรปิดน่ะ มันทำงานตลอด 24 ชั่วโมงนี่นา

ผมยืนรอเขาอยู่ที่หน้าลิฟท์ไม่สนใจว่าลิฟท์จะมาก่อนหน้านั้นหรือไม่ ผมจะยืนรอจนกว่าเขาจะวิ่งเข้ามา ยืนอยู่ข้างหลังผม กล่าวทักทายผมตอนเช้าทั้งที่ยังเหนื่อยหอบ ดูเหมือนเขาจะไม่กล้ามองหน้าผมเอาเสียเลย

แต่ผมน่ะมองเขาตลอด มองจนเต็มตา

ยามที่เรานิ่งรอลิฟท์เขาจะมองถุงขนมในมือผมแล้วอมยิ้มเหมือนเด็กๆดีใจ และนั่นทำให้ผมอดยิ้มตามไม่ได้

เราเข้าไปในลิฟท์ ที่มีเพียงความเงียบ ผมยืนนิ่งมองเขาที่ยืนอยู่ข้างหลังผมผ่านเงาสะท้อนในลิฟท์ จนกระทั่งลิฟท์มาหยุดตรงชั้นที่เป็นที่ทำงานของเขา ผมจะกดปุ่มหยุดลิฟท์ไว้ รอจนเขาเดินผ่านออกไปเสียก่อน

ช่วงเวลาที่กลิ่นหอมอ่อนๆโชยมาแตะจมูก กลิ่นที่ผมพยายามเฟ้นหา แต่ก็ยังไม่สามารถตอบได้ว่ามันเป็นกลิ่นของอะไร ผมรู้แค่ว่า ผมได้กลิ่นหอมๆนี้มาจากตัวเขาทุกครั้งที่เขาเดินผ่านผมออกจากลิฟท์ไป

....................

เมื่อวานผมได้ต้นไม้ต้นเล็กๆหนึ่งต้น โดยที่ไม่ต้องระบุคนส่ง ผมก็รู้ว่ามาจากเขา

การ์ดเล็กๆที่พิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์ของทางร้านบอกให้ผมพยายาม และให้มองต้นไม้ไว้ ผมจะได้ผ่อนคลายไม่เครียด

คนส่งเขาคงรู้ว่าผมกำลังหนักใจกับงานอยู่

ผมยิ้มได้และดูเหมือนเรื่องงานที่ยุ่งยากมาตลอดทั้งเช้าจะยุ่งยากน้อยลง ยามที่ผมทำมันด้วยอารมณ์ที่ดีขึ้น

และผมตัดสินใจว่ายังไง ผมจะต้องทำความรู้จักกับเขาให้ได้ในเย็นวันนี้

.......................

ผมมองเห็นเขาเดินไปหน้าบริษัทและกลับเข้ามา เพราะฝนกำลังตก

เขาเดินไปหยุดลังเลที่หน้าร้านอาหารร้านหนึ่งในตึก ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไป ผมเดินตามไปและรั้งๆรอๆเพราะไม่กล้าเดินเข้าไปเสียทีเดียว

บริกรที่เห็นผมรีบเข้ามาขอโทษขอโพยที่ไม่มีโต๊ะว่าง ผมคิดได้ทันทีว่าโอกาสของผมมาถึงแล้ว ผมจึงบอกให้บริกรไปถามเขาว่า เขาพอจะให้ผมนั่งร่วมโต๊ะได้หรือไม่

.....................

ผมมองเขาที่ก้มหน้าก้มตากินเป็นระยะ ไม่กล้ามองมากเพราะกลัวเขาจะรู้ตัวว่าถูกผมมอง แกล้งทำเป็นอ่านเอกสารในมือทั้งๆ ที่เนื้อหามันไม่ได้เข้าไปอยู่ในสมองผมเลยสักนิด

แต่จนแล้วจนรอด ผมก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรกับเขา

ผมลุกขึ้นมาหยิบบิลเอาไปจ่ายเงิน ทั้งของเขาและของผม

และดูเหมือนผมจะทำให้เขาโกรธด้วยเรื่องนี้เข้าเสียแล้ว...

...............................

ยามที่เขายัดเงินคืนให้ผมและเดินจากไปด้วยความโกรธนั้นผมกำลังตกตะลึงด้วยความไม่เข้าใจ

ทั้งที่ผมเลี้ยงข้าวเขาเพียงมื้อเดียว แต่เขากลับโกรธเป็นฟืนเป็นไฟนักหนา ในทางกลับกัน เขาที่ซื้อขนมปังให้ผมทุกเช้า แถมยังต้นไม้เมื่อวานนี้อีก...

ผมยิ้มกับพฤติกรรมแปลกๆของเขา นั่นสิ ผมน่าจะเลิกสงสัยกับการกระทำของเขาได้แล้วเพราะเขาก็ทำตัวแปลกๆมาตั้งแต่แรก

ผมเดินไปซื้อขนมยังร้านขายของ และเขียนข้อความใส่กระดาษเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อ ยืนรอหน้าลิฟท์เหมือนทุกวัน

แม้จะมีคนมากมายเดินผ่านผมขึ้นลิฟท์ไป และชักชวนให้ผมขึ้นไปด้วย ผมก็ยิ้มให้พวกเขาเหล่านั้น ก่อนจะปฏิเสธไป

ผมกำลังรอ

แล้วในที่สุด เมื่อผ่านไปได้สักพัก เขาก็มา

ความเงียบเข้าโรยตัวภายในลิฟท์เหมือนทุกวัน

แต่วันนี้หัวใจผมเต้นแรง ยิ่งคิดถึงสิ่งที่ผมกำลังจะทำ หัวใจมันก็ยิ่งเต้นแรงขึ้นอีก

แล้วก็อย่างที่พวกคุณรู้ ผมส่งลูกอมพร้อมกระดาษแผ่นนั้นให้เขาไป

..................................

เอาล่ะกลับมาที่ปัจจุบัน ดูเหมือนว่าเที่ยงนี้ผมคงไม่มีเวลาลงไปทานอาหารกลางวันทั้งๆที่ผม อยากจะไปชวนเขาทานอาหารกลางวันจะแย่ แต่ผมยอมก็ได้ในเที่ยงนี้ ผมจะรีบทำงานให้เสร็จก่อนเวลาเลิกงานของเขาให้ได้

เพราะที่ผมเล็งเอาไว้จริงๆน่ะเป็นเย็นนี้ต่างหาก

ไม่ว่าจะยังไง

ผมจะต้องพูดกับเขา ทำความรู้จักกับเขาให้มากกว่านี้ให้ได้

เพราะงั้น ตอนพักเที่ยงนี้ ผมถึงได้แวบออกจากโต๊ะไปทั้งๆที่งานกองอยู่จนเต็ม

ก็แค่แวะไป แปะกระดาษไว้ที่โต๊ะทำงานเขา

ข้อความที่ผมบรรจงเขียน และหวังว่าเขาจะยอมรับคำชวนของผม

“เย็นนี้ กลับด้วยกันนะครับ”

..........................................

THE END
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " โอ้ใจเอย " 01/06/54
เริ่มหัวข้อโดย: bow55 ที่ 01-06-2011 12:12:54
ชอบแนวการบรรยายเนื้อเรื่องของคุณจุ๊บจิ๊บค่ะ
เรื่อยๆค่อยเป็นค่อยไป ไม่รีบเร่ง
อ่านแล้วต่อเนื่อง อารมณ์ไม่ติดขัด
อ่านแล้วสบายใจ
ชอบมากค่ะ +1 ให้เป็นกำลังใจ ^^
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " โอ้ใจเอย " 01/06/54
เริ่มหัวข้อโดย: ชะรอยน้อย ที่ 01-06-2011 13:55:14
ตกหลุมรักเรื่องนี้ด้วยคน น่ารักทั้งคู่เลยค่ะ อ่านแล้วนึกภาพตาม  :pig4:
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " โอ้ใจเอย " 01/06/54
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 01-06-2011 14:13:20
น่ารักมากๆเลยค่ะ อ่านแล้วรู้สึกดีมากๆ
ขอบคุณนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " โอ้ใจเอย " 01/06/54
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 01-06-2011 15:47:13
น่ารัก น่ารัก น่ารัก น่ารัก น่ารัก
อยากเขียนเมโมแปะใส่กล่องขนมบ้าง >> แต่ไม่มีคนจะให้ T__T
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " โอ้ใจเอย " 01/06/54
เริ่มหัวข้อโดย: Ryojung ที่ 01-06-2011 15:52:22
น่ารักจังเลยค่ะ อยากอ่านต่อจังเลย สั้นจังเลยยยย อยากอ่านอีกค่ะ!!
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " โอ้ใจเอย " 01/06/54
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 01-06-2011 16:09:39
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " โอ้ใจเอย " 01/06/54
เริ่มหัวข้อโดย: @StaR@ ที่ 01-06-2011 16:28:48
เนื้อเรื่องน่ารักอ่ะ อยากให้มีต่อจังเลย
 :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " โอ้ใจเอย " 01/06/54
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 01-06-2011 16:31:05
จบแล้วเหรอยังไม่อยากให้จบเลยน่ารักดี

 :pig4: คะ
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " โอ้ใจเอย " 01/06/54
เริ่มหัวข้อโดย: Piaanie ที่ 01-06-2011 16:53:46
น่ารักทั้งคู่เลย อมยิ้มทันทีที่อ่านจบ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " โอ้ใจเอย " 01/06/54
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 01-06-2011 17:23:16
น่ารักจังเลย
อยากมีกับเค้าสักคน :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " โอ้ใจเอย " 01/06/54
เริ่มหัวข้อโดย: evil_kun ที่ 01-06-2011 17:53:49
อร๊ายยยย   :impress2: :impress2:
น่ารักจริงๆเรื่องนี้
อ่านไปอมยิ้มไป  :-[
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " โอ้ใจเอย " 01/06/54
เริ่มหัวข้อโดย: pppp ที่ 01-06-2011 17:58:55
น่ารักกกกอ่ะ
พระเอกนี่แอบแกล้งมึนไม่น้อยทีเดียว
อยากให้มีตอนต่อไปอ่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " โอ้ใจเอย " 01/06/54
เริ่มหัวข้อโดย: ต่ายน้อย ที่ 01-06-2011 18:10:48
อยากให้มีตอนต่อไปจังเลยค่ะ
หรือเป็นตอนพิเศษน่ารักๆ ก็ได้
น่ารักทั้งพระเอก นายเอกเลย :-[
เป็นกำลังใจให้คุณjubjib :L2:
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " โอ้ใจเอย " 01/06/54
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 01-06-2011 18:40:47
อิ่มเอมใจค่ะเมื่ออ่านจนจบ
เป็นความรักที่ไม่ได้หวังผลว่าเค้าต้องรู้ว่าเป็นใครเมื่อเรารักก็หวังดี
มอบสิ่งดีๆให้กับคนที่เรารัก :3123: :L1:
ขอบคุณJUPJIBสำหรับเรื่องสั้นเรื่องนี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " โอ้ใจเอย " 01/06/54
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 01-06-2011 18:53:50
น่ารักได้โล่ห์ ทั้งคู่ >,,,,,,,,,<
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " โอ้ใจเอย " 01/06/54
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 01-06-2011 19:13:08
 :L1:
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " โอ้ใจเอย " 01/06/54
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 01-06-2011 19:26:49
 :impress2:


น่ารักเป็นบ้าเลย
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " โอ้ใจเอย " 01/06/54
เริ่มหัวข้อโดย: yumelove ที่ 01-06-2011 19:27:43
น่ารักจังเลยยยย  ชอบมากเลยค่ะ  เป็นความรู้สึกที่ดีมากๆๆเลย
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " โอ้ใจเอย " 01/06/54
เริ่มหัวข้อโดย: KaZuKi ที่ 01-06-2011 20:08:05
โอ็ยย น่าร๊ากอ่ะ เป็นการแอบรักที่สมบูรณ์แบบมากๆอ่ะค่า อยากให้ มีต่อจัง อิอิ เป็นกำลังใจให้ค่ะ o13
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " โอ้ใจเอย " 01/06/54
เริ่มหัวข้อโดย: litlittledragon ที่ 01-06-2011 20:30:15
มีได้ทำตอนช่วงเล่นบัดดี้ แต่ผ่านช่วงเวลานั้นมาแล้ว ก็ไม่เคยคิดจะทำอีกเลย
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " โอ้ใจเอย " 01/06/54
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 01-06-2011 20:33:41
น่ารักจัง
ที่จริงแต่งเป็นตอนๆ แบบจบในตอนก็ได้นะคะ
เพราะคิดว่ามันยังสร้างเรื่องได้อีก เพราะเพิ่งเริ่มต้นที่จะทำความรู้จักกันมากกขึ้น
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " โอ้ใจเอย " 01/06/54
เริ่มหัวข้อโดย: Badmiffy ที่ 01-06-2011 22:37:01
จบแล้วเรอะ!! สั้นจริงๆ โหย~ อยากอ่านต่ออ่ะ อัพให้เค้าหน่อยสิตัว

เอาเป็นเรื่องยาวเถอะนะ อยากรู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นยังไง

หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " โอ้ใจเอย " 01/06/54
เริ่มหัวข้อโดย: JUPJIB ที่ 02-06-2011 03:20:10
เปิดจองหนังสือ 3 เล่มดังนี้ค่า เปิดจองและโอนเงินตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 10 กรกฏาคม 2554 (ไม่สะดวกโอนตามเวลายังไงบอกได้นะค่า ถ้าแจ้งไว้จิ๊บจะเก็บหนังสือไว้ให้ค่ะ)

สั่งแค่เรื่องเดียวหรือสองเรื่องหรือทั้งหมดก็ได้ค่ะ

รวมเรื่องสั้นของJUPJIB ราคา 340 บาท (รวมค่าส่งแบบลงทะเบียนในประเทศ-ขอสงวนสิทธิ์ส่งแบบเดียวค่ะ)
จอมไตร ซีรี่ส์ เห็นได้ด้วยตา รักได้ด้วยใจ (ปฐพี-จิตริน) ราคา 340 บาท (รวมค่าส่งแบบลงทะเบียนในประเทศ-ขอสงวนสิทธิ์ส่งแบบเดียวค่ะ)
จอมไตร ซีรี่ส์ คนมืดมนที่หลงรักคุณหมดใจ (ไม้-กลอน) ราคา 320 บาท (รวมค่าส่งแบบลงทะเบียน-ขอสงวนสิทธิ์ส่งแบบเดียวค่ะ

รายละเอียดดูได้ข้างล่างค่ะ


(http://blog-imgs-46-origin.fc2.com/j/u/p/jupjibstorys/20110601084849b49.jpg)

 หนังสือ รวมเรื่องสั้นของJUPJIBราคา 340 บาท (รวมค่าส่งแบบลงทะเบียนในประเทศ-ขอสงวนสิทธิ์ส่งแบบเดียวค่ะ)
รายละเอียด เปิดจองและโอนเงินตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 10 กรกฏาคม 2554 (ไม่สะดวกยังไงบอกได้นะค่า ถ้าแจ้งไว้จิ๊บจะเก็บหนังสือไว้ให้ค่ะ)
จำนวนหน้า กระดาษถนอมสายตา จำนวนประมาณ 300 หน้าค่ะ (อาจเปลี่ยนแปลง)

เนื้อหา - มีที่ลงในบอร์ด และที่ไม่ได้ลง ( ตอนนี้ยังไม่ได้จัดหน้าดีๆค่ะ ถ้าหน้าเหลือเยอะอาจจะเพิ่มเรื่องอีกค่ะ )
เรื่องที่ลงในบอร์ด
1. รักแบบป่าน
2. รักแบบปอ
3. รักแบบเป้
4. เกลียดนักแต่ก็รักนะ (ยีนส์ - เบส)
5. อยากเป็นคนที่ถูกรัก (สงคราม - ซาว)
6. คนมันรัก (วอร์ - จัตวา)
7. โอ้ใจเอ๋ย
8. My Love (แปลงมาจากฟิกของจิ๊บค่ะ)
9. พึ่งรู้ว่ารักเธอ (แปลงมาจากฟิกของจิ๊บค่ะ)
+เรื่องที่ไม่ลงในบอร์ด
1. ตอนพิเศษ (ยังไม่บอกว่าของเรื่องไหนค่ะ ให้รอลุ้น)
2 .วาเลนไทน์ - ภีมเกลียดวันวาเลนไทน์เพราะการไปฉลองวันวาเลนไทน์ทำให้คนรักตีจาก และแล้ววาเลนไทน์ในอีก 2 ปีต่อมาเขากลับได้เจอกับคนรักเก่าอีกครั้ง ... ความรักของคนเกลียดวาเลนไทน์
3. เราจะกลับมารักกัน - ห่างกันสักพัก คำที่ไม่ว่าใครก็คงอยากได้ยินจากปากคนรัก แต่เมื่ออีกฝ่ายพูดมันออกมาแล้ว ติวก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร เมื่อคำๆเดียว แต่ตีความหมายได้หลายอย่าง ... ความรักกับคำว่าห่างกันสักพัก
4.รสจูบแสนหวาน - พร่ำเพ้อรำพันอยู่คนเดียวในชั่วโมงเรียนคืองานอดิเรกของผมล่ะ ปกติอาจารย์ก็มักจะมองข้ามเพราะว่าจนเบื่อจะว่าแล้ว แต่แล้วอาการของผมก็ยิ่งหนัก ยามเมื่อได้เจออาจารย์ฝึกสอนคนนั้น อ่า ปากอวบอิ่มน่าจูบจังนะ "อาจารย์ครับ ขอคิสทีเถอะครับ" ... ความรักแบบป๊อปปี้เลิฟของคนช่างฝัน(กลางวัน)


(http://blog-imgs-46-origin.fc2.com/j/u/p/jupjibstorys/20110601084836f09.jpg)
 จอมไตร ซีรี่ส์ เห็นได้ด้วยตา รักได้ด้วยใจ (ปฐพี-จิตริน)
รายละเอียด เปิดจองและโอนเงินตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 10 กรกฏาคม 2554 (ไม่สะดวกยังไงบอกได้นะค่า ถ้าแจ้งไว้จิ๊บจะเก็บหนังสือไว้ให้ค่ะ)
เรื่องย่อ - เมื่อต้องเดินทางกลับไปยังที่ซึ่งมีความทรงจำอันเลวร้าย ปฐพีก็ไม่อยากจะอยู่ที่นั่นให้นานนัก หากแต่เมื่อไปแล้วกลับได้พบเจอสิ่งที่คาดไม่ถึง ลูกชายที่ปฐพีไม่เคยรับรู้ว่าตัวเองมี บัดนี้เมื่อได้รู้ เขาต้องทำทุกวิถีทางให้ได้ลูกชายมา แล้วหม่าม้า(ที่เป็นผู้ชาย)ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้าของลูกชายตัวเองเล่า ปฐพีจะจัดการอย่างไรดี
เนื้อหา - มีตอนที่ลงในบอร์ด (ปกติ +ตอนพิเศษ) + ตอนพิเศษที่ไม่ลงในบอร์ด
จำนวนหน้า กระดาษถนอมสายตา จำนวนประมาณ 300 หน้าค่ะ (อาจเปลี่ยนแปลง)

ราคา 340 บาท (รวมค่าส่งแบบลงทะเบียนในประเทศ-ขอสงวนสิทธิ์ส่งแบบเดียวค่ะ)



(http://i68.photobucket.com/albums/i34/JUPJIB/3-1.jpg)
จอมไตร ซีรี่ส์ คนมืดมนที่หลงรักคุณหมดใจ (ไม้-กลอน)

รายละเอียด ....พิมพ์รอบที่ 4 (เหมือนรอบ 3 ทุกประการ>>เปลี่ยนปก + ตรวจคำผิดเพิ่มค่ะ นอกนั้นไม่ต่างจากรอบ 1+2 นะคะ)
รายละเอียด เปิดจองและโอนเงินตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 10 กรกฏาคม 2554 (ไม่สะดวกยังไงบอกได้นะค่า ถ้าแจ้งไว้จิ๊บจะเก็บหนังสือไว้ให้ค่ะ)
เรื่องย่อ - กลอนเด็กกำพร้าที่มีอดีตอันเลวร้ายทำให้กลายเป็นคนมืดมนและไม่ไว้ใจใคร ไม้ชายหนุ่มผู้เพียบพร้อมหนึ่งในทายาทของบริษัทยักษ์ใหญ่อดีตรักแรกของกลอน ด้วยเรื่องของเพื่อนและพี่ชายทำให้กลอนกับไม้ต้องกลับมาพบกันอีกครั้ง ในขณะที่กลอนพยายามถอยห่างจากทุกคนที่อยู่รอบข้าง แต่ผู้คนที่อยู่รอบข้างกลับยิ่งขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น โดยเฉพาะคุณไม้ ผู้ชายที่เข้าใจได้ยากคนนั้ กลอนไม่ค่อยพูด ชอบคิดมาก(และคิดเองเออเอง) ไม้ก็ช่างแกล้ง (และหวังดี(?)แบบแปลกๆ)... แล้วจะลงเอยกันยังไง ติดตามกันได้ในเรื่องนะค่า
เนื้อหา - มีตอนที่ลงในบอร์ด (ปกติ +ตอนพิเศษของไม้กลอน) และอีกเรื่องสั้นคู่พิเศษที่ไม่ได้ลงที่ไหนค่ะ
จำนวนหน้า ประมาณ 290 หน้าค่ะ (อาจเปลี่ยนแปลง)
ราคา 320 บาท (รวมค่าส่งแบบลงทะเบียน-ขอสงวนสิทธิ์ส่งแบบเดียวค่ะ)




เมลสำหรับสั่งจอง jupjibstoryแอดgmail.com


หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " โอ้ใจเอย " 01/06/54
เริ่มหัวข้อโดย: JUPJIB ที่ 02-06-2011 03:44:51
**ถ้าจิ๊บสะกดผิดหรือใครอ่านแล้วภาษาตรงไหนมันดูขัดๆหรือไม่รู้เรื่องก็โพสบอกหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ**

ขอบคุณพี่หยีที่ตรวจเบื้องต้นให้ค่ะ อิอิ

ผิลพลาดตรงไหนขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

Title : เรื่องสั้น(ไม่)ขยันเขียน:Cry's Dairy

Chapter : ตอนเดียวจบ

ผมรู้นะว่าผมโง่ แต่ผมก็คิดว่า หากมันจะเป็นอย่างนี้ตลอดไป ผมก็จะยอมเป็นคนโง่ได้ตลอดไปเช่นกัน

ตื๊ด...ตื๊ด..

" ครับ"

"ฮัลโหล ไคล์(CRY)จังเหรอ ฉันโชยะนะ

"อืม"

"ตอนนี้อยู่ที่สถานีหน้าโรงเรียนไคล์จังล่ะ มาเจอได้ไหม อยากเจอจังเลย นะ นะ นะ นะ"

"ได้สิ รอที่ร้านเดิมนะ"

"ครับผม"

ผมกดวางโทรศัพท์แล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้ คนที่โทรมาคือโชยะ คนที่เป็นแฟนของผมตอนนี้ เราคบกันมาได้ 2 เดือนแล้วครับ แต่เรารู้จักกันมาก่อนหน้านั้น 1 เดือน ผมคบกับโชยะ นานกว่าคนไหนๆที่ผมเคยคบด้วย หรือเพราะเป็นครั้งแรกที่คบกับผู้ชายด้วยกันก็ไม่รู้

โชยะเป็นคนหน้าตาดี รูปร่างดี สูงด้วยนะครับ แล้วก็เป็นคนคุยเก่ง ไม่บอกผมยังรู้เลยว่าเขาต้องป๊อปมากแน่ๆ ส่วนผม นอกจากจะไม่สูงเท่ามาตราฐานแล้ว หน้าตาก็ออกธรรมดา แถมเป็นคนเงียบๆ แต่ทำไมถึงมาคบกับผมนะ ช่างเถอะ ยังไงเวลาที่อยู่กับโชยะผมก็มีความสุขก็แล้วกัน

ครั้งแรกที่เจอกัน วันนั้นผมโดนผู้หญิงที่คบกันมาเกือบอาทิตย์บอกเลิก ด้วยเหตุผลที่ว่า
"ไม่เหมือนที่คิดไว้" ผมเองก็ไม่ได้จริงจังอะไร และโดนพูดอย่างนี้ด้วยบ่อยๆเลยชินซะแล้ว คนส่วนใหญ่ที่เข้ามาหาผมมักคิดว่าการเป็นคนไม่ค่อยพูดค่อยจาของผม เป็นสิ่งลึกลับ น่าค้นหา พอมาคบดูจริงๆแล้วเห็นว่า ผมก็ธรรมดาๆเลยผิดหวัง

"ขอโทษนะครับ"

ในขณะที่ผมมัวแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยก็มีเสียงแทรกมา

"ผมบังเอิญได้ยินเรื่องเมื่อครู่ ไม่ต้องคิดมากหรอกครับ ผู้หญิงไม่ได้มีคนเดียวซักหน่อย"

ผมอึ้งไป และคิดว่า ผมเคยรู้จักคนๆนี้รึเปล่านะ

"ขอบคุณครับ"

ผมเปล่งเสียออกไปและเดินเลี่ยงออกมา เพราะไม่ว่าจะพยายามค้นในหน่วยความทรงจำไหนๆก็ไม่มีเขาอยู่เลย ผมไม่ได้เสียใจอะไรหรอก แต่เสียความรู้สึกที่โดนบอกเลิกด้วยเหตุผลเดิมๆซ้ำแล้วซ้ำเล่า โชยะยังเดินตามผมมาอีก คนอะไรไม่รู้ตื้อจริง

"เดี๋ยวสิ นายชื่ออะไรเหรอ ชั้นโชยะนะ"

ผมหยุดและหันมาหาต้นเสียง

"มัซสึคาว่า ไคล์"

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ผมจึงบอกกลับไป

"มีเบอร์โทรไหม ฉันชอบนายนะ"

ไม่รู้ว่าเข้าใจผิดว่าผมเป็นผู้หญิงหรือว่าไง ถึงได้มาทำท่าอย่างกับจะจีบผมแบบนี้

"ผมเป็นผู้ชายนะ"

ผมพูดกลับแล้วมองหน้าโชยะว่าเขาจะตอบมาว่าไง แต่โชยะเพียงแค่ยิ้มให้เท่านั้น

"รู้อยู่แล้ว แต่ก็ยังจะเอาเบอร์ผมงั้นสิ?"

ผมถามต่อ และได้รับรอยยิ้มที่กว้างกว่าเดิมกลับมาเท่านั้น คนเจ้าชู้!!! ผมคิดยังงั้น แต่ก็ยังจดเบอร์โทรให้เขาไป ไม่รู้ว่าเพราะผมใจง่าย เพราะเขาหน้าตาดี หรือเพื่อตัดความรำคาญกันแน่ แต่ผมก็ให้เขาไปแล้ว ผมบอกขอตัวและโชยะก็ไม่ตามมาอีก ผมไม่คิดหรอกว่าเขาจะโทรมาจริง อาจจะเเค่เกิดบ้าเล่นสนุก พนันกับเพื่อนมาขอเบอร์ หรืออะไรก็ช่างเถอะ ไม่เกี่ยวกับผมอยู่แล้ว แต่คืนนั้นเอง ตอนที่ผมกำลังนั่งดูข่าวภาคค่ำอยู่นั้น ก็มีสายเรียกเข้าจากเบอร์ไม่คุ้น และเมื่อลองรับดู ก็รู้ว่าเขาบ้าโทรมาจริงๆด้วย

"สวัสดี ฉันโชยะนะ"

"สวัสดีครับ มีอะไรเหรอ"

ผมถามห้วนๆตามประสาคนพูดไม่เก่ง ในความรู้สึกของผม ผมไม่ได้ไม่อยากคุย แต่ก็ไม่ได้อยากคุย คุยก็ได้ไม่คุยก็ได้ ไม่เดือดร้อนอะไรอยู่แล้ว ปกติแล้วส่วนใหญ่ทนได้ไม่นานก็ต้องวาง เพราะเจออาการถามคำตอบคำของผม แต่โชยะกลับไม่ใช่ เขาคุยกับผมนานมาก ผมไม่เคยคุยโทรศัพท์นานขนาดนี้เลย เขาเล่าเรื่องต่างๆมากมาย ดึงผมให้สนใจฟัง ถึงผมเพียงแค่รับคำเมื่อเขาพูดเป็นเชิงถาม หรือหัวเราะเบาๆเมื่อรู้สึกตลกกับเรื่องที่เขาเล่า เขาก็ไม่รำคาญผมที่เงียบ และปล่อยให้เขาพูดคนเดียว เราสนิทกันเร็วมาก จนเขาเรียกผมว่า ไคล์จัง ตอนไหนก็ไม่รู้ ผมสบายใจเมื่อได้คุยกับโชยะ แล้วเมื่อโชยะบอกว่าอยากเจอ เราก็ไปกินข้าวด้วยกันบ้าง ไปดูหนังบ้าง ผมรู้สึกมีความสุขจริงๆที่ได้อยู่ใกล้ๆโชยะ แล้วเมื่อโชยะถามว่า "ไม่ใช่แบบเพื่อน แต่เราจะคบกันแบบแฟนได้ไหม"  ผมจึงตอบตกลงโดยไม่ลังเล

……………..

"นายนี่บ้าจัง"

เธียร์น้องชายฝาแฝดของผมพูดขึ้นเมื่อเดินออกมาจากโรงเรียนพร้อมกัน

"นายเอาแต่ชื่นชมเขา ดีอย่างงั้น ดีอย่างงี้ โชยะอะไรของนายเนี่ย ทั้งที่ๆนายไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลยแท้ๆ ชื่อโชยะ ก็จริงรึเปล่าไม่รู้ เขาบอกว่าไม่มีมือถือ นายก็เชื่อ บ้านอยู่ไหนก็ไม่รู้ เรียนที่ไหนก็ไม่รู้อีก ถามจริง ไคล์รู้อะไรเกี่ยวกับเขาบ้าง ฮึ?"

ผมยิ้มบางๆให้เธียร์ ไม่อยากเถียงด้วยเพราะมันก็จริงทุกอย่าง แต่ว่าเป็นอย่างนี้ก็ดีอยู่แล้ว ไม่เดือดร้อนอะไร ไม่เห็นต้องใส่ใจกับเรื่องพวกนั้นเลย

"เอาน่า แยกตรงนี้นะ ไปล่ะ"

ผมบอกเมื่อเดินมาถึงสถานี ถึงเธียร์จะบ่นโน้นบ่นนี้ แต่ก็ไม่เคยขัดขวาง แค่เตือนเพราะไม่อยากให้ผมจริงจังเกินไปเท่านั้น ผมอยากให้เธียร์ได้เจอกับโชยะเหมือนกันนะ แต่โชยะยังไม่อยากเจอ เขาไม่ได้บอกตรงๆหรอก แต่ผมก็รู้

"ทางนี้ไคล์จัง"

เมื่อผมเดินเข้าร้าน และมองหาโชยะ ก็มีเสียงเรียกดังขึ้นพร้อมมือโบกไปมาของโชยะ

"รอนานไหม"

ผมถามพร้อมกับนั่งลงฝั่งตรงข้าม โชยะในชุดนักเรียนก็ดูเท่ห์ดีนะ ผมแอบยิ้มให้กับความคิดของตัวเอง

"รอไคล์จัง นานแค่ไหนก็รอได้"

พูดแล้วก็ยิ้มกว้างแบบที่ทำผมใจละลายไม่เหลือเลย

"สั่งอะไรรึยังล่ะ"

ผมเปลี่ยนเรื่อง แล้วพยายามหันหน้าหนี ไม่อยากสบสายตาที่เป็นประกายวิบวับนั้นเลย เห็นแล้วรู้สึกตัวเองหน้าร้อนผ่าวยังไงไม่รู้

"ยังเลย รอให้ไคล์มาสั่งให้ไง"

ผมไม่รู้ว่าโชยะแกล้งพูดให้ผมยิ่งเขิน หรือว่าพูดจาประสาซื่อกันแน่ แต่ไม่อยากถามเรียกพนักงานมาสั่งอาหารดีกว่า

"วันนี้ฉันเลี้ยงเองนะ"

เมื่อพนักงานไปแล้ว อยู่ๆโชยะก็พูดขึ้นมา ผมขมวดคิ้วทันที จะหาเรื่องทะเลาะกันอีกรึไง น่าจะรู้ว่าผมไม่ยอมแน่ๆ เราทะเลาะกันเรื่องนี้ในตอนแรกๆ จนหลังๆโชยะก็เข้าใจและไม่เซ้าซี้จะเลี้ยงอีก ผมไม่เคยคบกับผู้ชายก็จริง แต่ผมไม่ใช่ผู้หญิง ไม่ต้องการให้ใครมาดูแลถึงขนาดนั้น

"นะ วันนี้เท่านั้นแหละ"

โชยะพูดเสียงอ่อน

"ก็วันนี้วันเกิดฉัน เลยอยากจะกินข้าวกับไคล์ แต่ถ้าให้ไคล์จ่าย ฉันรู้สึกเหมือนมันไม่ถูกน่ะ"

ผมมันแย่จริงๆด้วยล่ะ ขนาดวันเกิดแฟนตัวเองยังไม่รู้เลยเนี่ย

"ขอโทษนะ ฉันไม่รู้เลย"

ผมก้มหน้าก้มตาพูดอย่างคนรู้สึกผิด

"อ่า อย่าทำหน้าอย่างงั้นสิ ฉันไม่เคยบอก ไคล์จะรู้ได้ยังไง"

ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ แบบนี้เหมือนผมไม่ใส่ใจโชยะเกินไปรึเปล่านะ

"ว้า ทำหน้าอย่างงี้ฉันไม่ชอบเลยนะ ยิ้มหน่อยสิ ความจริงวันเกิดฉันไม่ได้สำคัญอะไรหรอก แค่วันนี้อยากกินข้าวกับไคล์เท่านั้นเอง"

"อ๊ะ จริงด้วย อย่างงี้ยิ่งให้เลี้ยงไม่ได้ใหญ่เลย"

ผมรีบแย้งเมื่อรวบรวมสติได้

"ทำไมล่ะ แค่วันนี้ไคล์จะตามใจฉันหน่อยไม่ได้รึไง"

โชยะพูดพร้อมทำหน้าเศร้า ผมอยากจะเถียงกับเขาซะเหลือเกิน จะบ้ารึเปล่า วันเกิดตัวเอง แต่มาเลี้ยงคนอื่น เฮ้อ...เขาคิดแบบไหนกันนะ

"เอางั้นก็ได้ แค่วันนี้เท่านั้นนะ"

ผมได้แต่ทำหน้าอ่อนใจยอมรับ โชยะยิ้มออกมาทันที ไม่นาน อาหารก็ถูกนำมาเสิร์ฟ เราสองคนกินอาหารอย่างมีความสุขเหมือนทุกครั้ง แต่วันนี้ ผมรู้สึกว่าได้ใกล้ชิดโชยะเข้าไปอีกนิด วันเกิด ใช่แล้ว ก็ต้องมีเค้กกับของขวัญด้วยสิ ผมลุกขึ้นและขอตัวไปห้องน้ำ แล้วรีบวิ่งไปซื้อเค้กที่ร้านขนมปังเจ้าประจำ ผมซื้อเค้กก้อนเล็กๆที่น่าจะพอสำหรับสองคน แล้ววิ่งไปที่ร้านกิ๊ฟช๊อปใกล้ๆกัน ที่ๆผมเล็งสร้อยข้อมือเส้นหนึ่งไว้ ความจริงผมมาดูหลายหนแล้ว แต่เพราะเป็นสร้อยเงินแท้ ราคาออกจะแพงซักหน่อย เลยตัดใจซื้อไม่ได้สักที (ก็ผมมันจนนี่) แต่สำหรับวันพิเศษแบบนี้ ไม่เป็นไรหรอก ที่ผมชอบ เพราะมันคล้ายอันที่ผมใส่อยู่มาก อันนี้โชยะซื้อให้ เพราะ เห็มผมไปจดๆจ้องๆอยู่นาน ผมไม่อยากรับหรอก ถึงจะชอบก็เถอะ แต่เพราะทนลูกตื้อไม่ไหวเลยต้องรับมา อันที่ผมจะซื้อเป็นรูปใบฟี่ เรียงต่อกันอย่างไม่ค่อยเป็นระเบียบเหมือนกันกับของผม แต่ขนาดใหญ่กว่าของผม ผมให้ร้านช่วยห่อให้ แล้วรีบวิ่งกลับไปเจอโชยะนั่งหน้ามุ่ยอยู่คนเดียว

"ไปนาน"

เขาพูดคำแรก

"ขอโทษทีนะ"

ผมว่าแล้วยื่นกล่องเค้กและของขวัญให้เขา

"สุขสันต์วันเกิด"

ผมยิ้มอย่างภาคภูมิใจ

"แล้วอย่าพูดว่าวันเกิดของโชยะไม่สำคัญอีกนะ อย่างน้อยๆก็สำคัญมากสำหรับฉัน"

ผมว่าแล้วบอกให้โชยะกินเค้ก โชยะยิ้มเหมือนฝืนๆกลับมาแล้วแบ่งเค้กเป็นสองส่วน

"ขอบคุณนะ"

เขาพูดเพียงเท่านั้น แล้วเราสองคนนั่งกินเค้กกันเงียบๆ ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อยู่ๆโชยะถึงได้เงียบไป แต่ผมอดน้อยใจไม่ได้ที่โชยะดูไม่สนใจของขวัญที่ผมซื้อให้สักนิด

"ขอบคุณจริงๆนะ ไคล์ไม่เหมือนกับที่คิดไว้เลยจริงๆ"

ผมอึ้งไปกับสิ่งที่ได้ยิน ผมจะได้ยินประโยคคล้ายๆกันนี้เสมอ เมื่อถึงเวลาที่จะต้องเลิกกับแฟน และตอนนี้คงถึงเวลาแล้วใช่ไหม ความสุขของผมกำลังจะหมดลงแล้วสินะ โชยะเรียกพนักงานมาเก็บเงิน ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้ง ต่างฝ่ายต่างจมอยู่ในความคิดตนเอง

"อากิกลับกันเถอะ"

ผมเงยหน้าขึ้นมองโชยะ แต่โชยะก็ยังยิ้มให้ผมเหมือนทุกครั้ง หลังจากนั้นเราสองคนก็ออกจากร้าน และไปที่สถานี เราแยกกันขึ้นรถไฟ ผมไม่รู้ว่าผมมาถึงบ้านได้ยังไง แต่ทันทีที่ปิดประตูห้อง ผมก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นทันที ผมแทบไม่มีเรี่ยวแรง ไม่สามารถจะเดินไปให้ถึงเตียงได้ด้วยซ้ำ น้ำตามันไหลออกมาไม่ยอมหยุด ผมกอดเข่าสะอื้นไห้กับตัวเอง คนเขียนไม่ได้พิมพ์ผิด คนอ่านไม่ได้อ่านผิด ผมไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม โชยะเรียกผมว่า "อากิ" เขาเป็นใคร? เป็นอะไรกับโชยะ?
ผมไม่สามารถบอกอะไรตัวเองได้เลย ไม่สามารถถามโชยะออกไปได้ในตอนนั้นด้วย ผมกลัวคำตอบ ฟังจากที่เขาพูดมา ตอนนี้โชยะคงเบื่อผมจะแย่แล้ว เพราะเขามี "อากิ" รึเปล่านะ ผมร้องไห้ ร้องไห้ และร้องไห้

"คำสาปจากชื่อ" วาบเข้าในหัวผม เพราะผมชื่อไคล์ (Cry) รึเปล่านะ ผมจึงต้องเสียใจอยู่เสมอ ต้องร้องไห้อยู่บ่อยๆ ผมคิดไปเรื่อยเปื่อย ต้องการให้หยุดคิดเรื่องโชยะไป แต่ก็ทำไม่ได้เลย
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " โอ้ใจเอย " 01/06/54
เริ่มหัวข้อโดย: JUPJIB ที่ 02-06-2011 03:45:34
ผมเรียนไม่รู้เรื่องเลยทั้งอาทิตย์ โชยะหายเงียบไป ไม่แม้แต่จะโทรมาซักครั้ง เราคงจะจบกันไปแล้วใช่ไหม ถึงวันนี้ผมเองก็ยังไม่รู้ตัวเองเลยว่าได้ทำอะไรผิดไป ผมรู้ว่าเราต้องจบกันในสักวัน แต่ผมไม่คิดว่าเราจะจบกันแบบนี้ ไม่คิดว่าโชยะจะหายไปเลยโดยที่ไม่บอกลาผมสักคำ

"โอ๊ย"

"ขอโทษครับ"

ผมเดินเหม่อไปเรื่อยเลยไปชนกับคนอื่นเข้า

"ไม่เป็นไร"

คนที่ผมชนหันมาตอบอย่างเป็นมิตร เขาหันกลับไปและออกเดิน แต่ผมก็คว้าแขนเขาไว้เสียก่อน

"มีอะไรครับ"

เขาถามงงๆ เพื่อนที่เดินล่วงไปก่อนต่างก็พากันหยุดและมองหน้าผม

"ขอโทษ แต่ เอ่อ อยากทราบว่าเรียนที่ไหนครับ ไม่ใช่สิ โรงเรียนคุณอยู่ที่ไหนครับ"

คนฟังทำหน้างง แต่อาจจะเพราะรีบก็เลยยอมบอกแบบไม่ซักอะไร ผมนั่งรถไฟมาไกลจากโรงเรียนผมค่อนข้างมาก ผมมาทั้งๆที่ไม่แน่ใจในตัวเองว่าคิดถูกรึเปล่า คนที่ผมเดินไปชนนั้นใส่เครื่องแบบนักเรียนเหมือนโชยะ แถวๆโรงเรียนผมไม่มีโรงเรียนไหนใส่เครื่องแบบ แบบนั้น แต่ว่าก็ใช่ว่าจะต้องเรียนที่เดียวกับโชยะนี่นา ผมไม่รู้ว่าจะได้เจอโชยะหรือเปล่า ไม่รู้ว่าเจอแล้วผมจะพูดอะไรดี ไม่รู้ว่าเจอผมแล้วโชยะจะว่ายังไง ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น แต่ผมก็มาแล้ว

ผมเดินมาตามทางที่ได้ถามจากคนแถวนั้น และมาหยุดนั่งที่สวนสาธารณใกล้ๆโรงเรียนนั้นซึ่งเป็นทางผ่านที่นักเรียนทุกคนต้องใช้ ผมคิดว่าโชยะเองก็ต้องผ่านทางนี้เช่นกัน แต่ว่าโชยะจะกลับไปหรือยังก็ไม่รู้ ผมนั่งรอ และพยายามมองหาโชยะ

เวลาผ่านไปเรื่อยๆกว่าชั่วโมงแล้ว ยังไม่มีเงาโชยะปรากฏตัวเลย "หรือจะกลับไปแล้วนะ"
ผมคิดและลุกขึ้น คิดว่าพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่แล้วกัน แต่แล้วสายตาผมก็มองเห็นคนคุ้นตาเดินออกมาจากโรงเรียนพร้อมด้วยผู้ชายอีกกลุ่มใหญ่ ผมกำลังคิดว่าจะเดินเข้าไปทัก แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ เพราะไม่อยากทักโชยะต่อหน้าคนอื่น โชยะคงไม่ชอบใจแน่ แล้วผมเองก็ไม่เคยรู้จักเพื่อนโชยะสักคน ความจริงโชยะไม่แม้แต่จะพูดถึงด้วยซ้ำ โชยะยังเดินและพูดคุยกับเพื่อนด้วยท่าทางยิ้มแย้ม แน่ล่ะ ก็ต้องมีแต่ผมเท่านั้นอยู่แล้วที่กังวลใจ ผมกำลังหวังอะไรอยู่กันแน่นะ ผมเดินตามหลังกลุ่มของโชยะไปเรื่อยๆจนใกล้จะถึงสถานีอยู่แล้ว แต่อยู่ๆทั้งกลุ่มก็หยุดชะงัก ผมรีบเดินหลบไปหาที่กำบัง แล้วแอบมองว่าเขาหยุดทำไมกัน แล้วผมก็เห็นว่าโชยะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง มองหน้าจอแล้วกดรับ

"ว่าไง"

"ตอนนี้อยู่ที่ไหนนะ"

ผมได้ยินเท่านี้อยู่ๆก็มีคนวิ่งเข้ามากระโดดกอดโชยะ ผู้ชายที่ตัวเล็กๆน่ารักกอดโชยะแล้วเขย่งตัวขึ้นจูบโชยะเบาๆ

"คิดถึงจัง"

คนๆนั้นว่า แล้วยิ้มหวานให้โชยะโดยที่ยังกอดโชยะอยู่ไม่ปล่อย

"อากิ นายมาทำอะไรที่นี่"

โชยะถาม แต่อากิคนนั้นไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่ยิ้มเท่านั้น ผมมองคนที่ชื่อ "อากิ" ร่างเล็ก บอบบาง น่าทะนุถนอมกว่าผมเยอะ หน้าตาน่ารักราวกับตุ๊กตา กล้าแสดงความรู้สึกของตนออกมาอย่างไม่อายใคร คนๆนี้ที่โชยะเรียกชื่อออกมาเมื่อวันก่อน ผม...ไม่มีอะไรไปสู้เขาได้เลยจริงๆ ผมแพ้โดยไม่ต้องคิดสู้เลยด้วยซ้ำ ผมหันหลังให้และตั้งใจจะกลับบ้านอยู่แล้ว แต่เสียงใสแจ้วๆนั้นยังดังมากระทบประสาทหูอยู่

"เมื่อสามเดือนก่อน ตอนวันเกิดทาคุยะน่ะ ขอโทษนะ ฉันไปไม่ได้จริงๆ เลิกงอนเถอะนะ"

ผมหันกลับไปมองทันที

สามเดือนก่อน!

วันเกิด!

ทาคุยะ!

ผมยังงงไม่หาย อากิก็ดึงคอโชยะโน้มลงมาและประทับริมฝีปากกันอีกรอบ คราวนี้ไม่ใช่แบบเมื่อกี้ ไม่ใช่เพียงบางเบา แต่เป็นแบบที่ลึกซึ้งกว่านั้น เขาไม่อายใครเลยรึไงนะ ถึงทางนี้คนจะผ่านน้อย แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีคน และที่สำคัญ เพื่อนโชยะยังยืนอยู่ที่เดิมเลยไม่ใช่หรือไง ผมชักทนไม่ไหวแล้วจริงๆ แล้วขาบ้าๆของผมมันก็ทำงานก่อนความคิดของผม มันพาผมไปหยุดอยู่หน้าโชยะเสียแล้ว ไม่รู้ผมคิดไปเองรึเปล่าว่าโชยะหน้าซีดไปเมื่อเห็นผม

"ไคล์"

โชยะเรียกผมเบาราวกับเพ้อ เพื่อนๆของโชยะที่ตอนแรกยืนกันอยู่เฉยๆ ขยับตัวไปมาและจ้องหน้าผมเป็นตาเดียว ผมเม้มริมฝีปากแน่น ผมจะพูดอะไรดีนะ จะพูดอะไรดี โชยะเดินเข้ามาหาผมหนึ่งก้าว ผมก็ถอยหลังออกไปหนึ่งก้าวเช่นกัน

"ไคล์ คือว่า...เอ่อ ไคล์มาได้ยังไงเหรอ"

ผมไม่ตอบ นี่เหรอสิ่งแรกที่โชยะถามผมออกมา เขาไม่แก้ตัวสักคำ ไม่แคร์ความรู้สึกผมเลยใช่ไหม ผมรู้สึกถึงรสเลือดจากริมฝีปากของตนเอง ขอบตาร้อนผ่าว แต่ไม่ ผมจะไม่ร้องไห้ตรงนี้ จะไม่ร้องให้คนอื่นเห็นหรอก มือของผมเลื่อนไปแกะสร้อยข้อมือที่โชยะซื้อให้ออก และผมก็ทิ้งมันลงตรงหน้า ไม่อยากแม้แต่จะยื่นกลับไปให้โชยะด้วยซ้ำ

"ไคล์!"

โชยะทำเสียงเข้มขึ้นมาเหมือนดุผม ช่างสิ ผมไม่สนหรอก ผมค่อยๆเดินถอยหลังออกมา เห็นโชยะก้มลงเก็บสร้อยข้อมือ เห็นท่าทางไม่ชอบใจของคนชื่ออากิ ใช่สิ เขามาก่อนด้วยซ้ำ ผมมันคนมาทีหลัง

ผมหันหลังกลับ เพื่อหนีจากตรงนี้ แต่มือหนาของโชยะก็มารั้งผมไว้ก่อน ผมพยายามสะบัดข้อมือหนีแต่ไม่เป็นผล จึงหันกลับไปเพื่อจะต่อว่าโชยะ แต่ผมกลับรู้สึกถึงริมฝีปากร้อนๆที่ปิดเสียงผมไว้เสียก่อน โชยะรุกเร้าอย่างไม่เกรงใจ ไม่ทะนุถนอมอ่อนโยนเลยด้วยซ้ำ มีแต่ความดุดัน สองมือของโชยะยึดมือผมไว้ไม่ให้ขัดขืน ลิ้นร้อนเข้ารุกรานภายในเรียวปาก ตักตวงความหวานโดยไม่สนใจอาการดิ้นรนของผม

"อือ"

ผมชักเบลอไปหมด คิดอะไรไม่ออก ไม่มีแรงจะขัดขืน อึดอัดเหมือนจะขาดอากาศหายใจ และดูเหมือนโชยะจะรู้เลยยอมถอนริมฝีปากออก ผมสูดหายใจเอาอากาศเข้าปอดอย่างเต็มที่ โชยะค่อยๆปล่อยแขนผมออก และตัวผมก็แทบทรุดลงไปกับพื้นหากโชยะไม่เข้ามารับได้ทัน ขาผมไม่มีแรงสักนิด โชยะจึงกอดพยุงตัวผมเอาไว้ ในขณะที่ผมทำได้เพียงหอบหายใจเท่านั้น ผมไม่รู้ว่ามันผ่านไปนานเท่าไหร่ อยู่ๆตัวโชยะก็โดนกระชากไป ผมเริ่มตั้งสติได้อีกครั้ง และขาก็เริ่มกลับมามีแรงอีกครั้งแล้วด้วย

"นี่มันอะไรกันทาคุยะ"

ทาคุยะ! ชื่อที่อากิเรียกโชยะแทรกเข้ามาในประสาทเซื่องๆของผมอีกครั้ง ทำไมผมยังยืนอยู่ตรงนี้อีกนะ ผมหันหลังกลับแล้วออกวิ่งทันที ไม่ฟังเสียงเรียกให้หยุดของโชยะที่ดังตามมาเบื้องหลัง

………………………….

ขณะนั้นเอง

โชยะที่ถูกอากิรั้งตัวไว้ กำลังมองอากิอย่างเอาเรื่อง

"ใครกันทาคุยะ"

"คนที่ฉันจริงจังด้วยไงล่ะ รู้แล้วก็ปล่อยสักที"

"ทำไมทาคุยะทำอย่างนี้กับชั้นได้ล่ะ"

โชยะมองหน้าคนถามอย่างไม่พอใจ

"เรื่องของเรามันจบไปตั้งแต่สามเดือนก่อนแล้ว ตอนที่นายเห็นคนอื่นสำคัญกว่าฉันไงล่ะ ทำอะไรอย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ ฉันไม่ได้โง่ จำไว้"

โชยะกระชากแขนออกและวิ่งตามไคล์ไป แต่ก็ไม่มีวี่แววของไคล์แล้ว

…………….

ผมนั่งอยู่บนรถอย่างเหม่อลอย ตอนนี้คนไม่ค่อยมีแล้ว ลงรถแล้วเดินเอื่อยไปเรื่อยอย่างไม่มีจุดหมาย แล้วขาผมก็พาผมมาหยุดอยู่ที่หน้าร้านที่ผมมักจะมากินกับโชยะบ่อยๆ ผมเข้าไปและสั่งอาหาร สั่งอย่างที่สั่งเวลามากินกันสองคน แต่ตั้งแต่นี้ไปคงไม่มีอีกแล้ว เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเรายังเลี้ยงฉลองวันเกิดของโชยะกันอยู่เลย แต่เท่าที่ผมมาลองคิดดูแล้ว ผมว่าวันนั้นคงไม่ใช่วันเกิดเขาหรอก แต่โชยะมาโกหกผมทำไม? เพื่อเล่นสนุกๆเท่านั้นเองรึเปล่า?

ผมเริ่มรู้ตัวเองแล้วว่า โง่ จริงๆ ไม่ได้ทำเป็นแกล้งโง่อย่างที่ตัวเองเข้าใจ ที่จริงผมก็แค่หลอกตัวเองเท่านั้น ไม่ใช่ว่าไม่อยากรู้เรื่องอะไรของโชยะ แต่ผมกลัวความจริงต่างหาก ผมกลัวว่าผมจะรู้ว่าผมไม่สำคัญอะไรกับโชยะเลย ไม่สักนิด แต่ตอนนี้ผมรู้แล้ว ยิ่งมีคนให้เปรียบเทียบ ผมก็ยิ่งรู้ได้ชัดเจน ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโชยะเลย ต่างจากอากิ ที่ดูเหมือนจะรู้เรื่องของโชยะทั้งหมด
แล้วจูบบ้าๆเมื่อกี้มันเพื่ออะไรกัน? โชยะทำไปทำไม? ผมกับโชยะคบกันมา แค่กอดกันยังไม่เคยเลย ขนาดแค่จับมือยังมีไม่บ่อย แต่วันนี้โชยะจูบ และดูเหมือนจะโกรธอะไรสักอย่าง หรือโชยะจะโกรธที่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผน ไม่เป็นไปอย่างที่คิดไว้ ผมไม่เห็นเข้าใจอะไรเลย เสียงโทรศัพท์มือถือของผมดังขึ้น ผมกดรับแต่ไม่ได้พูดอะไร

"ไคล์ ฉันโชยะนะ"

โชยะเริ่มต้นเหมือนทุกครั้ง ผมไม่ตอบอะไร แล้วโชยะก็พูดต่อ

"ฉันมีเรื่องอยากพูดด้วย ช่วยมาที่สวนหน้าสถานีนายหน่อยได้ไหม"

โชยะหมายถึงสวนหน้าสถานีใกล้ๆโรงเรียนผม ผมยังคงเงียบ เพราะผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ไม่รู้ว่าจะตอบตกลง หรือปฏิเสธดี

"ฉันจะรอนายนะ"

โชยะวางไปแล้ว ผมก็เริ่มกินข้าว ข้าวที่ผมไม่รู้รสชาติสักนิด น้ำตาที่พยายามห้ามไว้ไหลรินออกมาอย่างไม่สามารถกลั้นไว้ได้อีกต่อไป

…………………


มีต่อรีพลายถัดไปค่ะ
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " โอ้ใจเอย " 01/06/54
เริ่มหัวข้อโดย: JUPJIB ที่ 02-06-2011 03:46:12
ผมเดินเข้าไปที่สวน ตรงไปยังที่ประจำที่ผมมักจะมานั่งเล่นกับโชยะ ผมคิด คิด และคิด สี่ชั่วโมงที่ผ่านมาทำให้ผมใจเย็นลงได้บ้างแล้ว แต่จะได้พูดกันหรือไม่ก็อยู่ที่ว่าโชยะยังคงอยู่หรือไม่ มองหาไปทั่วสวน แต่ไม่มีแม้แต่เงาของโชยะ ก็แน่ล่ะ ตั้ง 4 ชั่วโมง ใครจะมาอยู่รอ....

"ไคล์"

เสียงเรียกชื่ออันคุ้นเคยดังขึ้นเบื้องหลังผม

"ยังอยู่อีกเหรอ"

ผมถามห้วนๆราวกับไม่ได้หวั่นไหวอะไรกับการปรากฏตัวของโชยะ ทั้งๆที่ความจริง ไม่ใช่เลย

"ฉันบอกเสมอไม่ใช่เหรอว่า รอไคล์น่ะ นานแค่ไหนก็รอได้"

ผมหลับตาลง สูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อรวบรวมความเข้มแข็งไว้

"มีอะไรก็พูดมาสิ"

จะได้จบๆกันไปเสียที ผมพูดในใจ

"ขอโทษนะไคล์"

โชยะพูดเบาๆ

"ขอโทษเรื่องอะไรล่ะ เรื่องที่โกหกว่าไม่มีโทรศัพท์ เรื่องที่โกหกว่าชื่อโชยะ เรื่องที่โกหกว่าเมื่ออาทิตย์ก่อนเป็นวันเกิด เรื่องที่เรียกชื่อสลับกับคนอื่น เรื่องที่หลอกลวงกันไม่เคยจริงใจด้วย หรือว่าเรื่องที่มาขอเลิกวันนี้?"

ผมสูดหายใจเข้าและเริ่มพูดต่อ

"แค่ ‘ขอโทษ’ คำเดียวมันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ แต่เอาเถอะ ไม่ว่าเรื่องอะไรฉันก็อโหสิให้แล้วกัน จากนี้ช่วยหายไปจากชีวิตฉันเลยก็พอ"

ผมพูดจบก็หันหลังกลับทันที เป็นอย่างนี้แหละดีแล้ว แต่ก่อนที่ผมจะได้ออกเดินกลับมีวงแขนแข็งแรงมาโอบรอบตัวผมไว้แน่น

"ปล่อย ทำอะไรของนายน่ะ"

ผมพยายามแกะมือโชยะออก ก็อย่างที่บอกไงครับ โชยะไม่เคยกอดผม แล้ววันนี้มันบ้าอะไรกันเนี่ย

"ฉันขอโทษ เรื่องที่เคยโกหกทั้งหมด เรื่องที่เรียกชื่อผิดไป แต่ฉันไม่ยอมเลิกกับไคล์หรอกนะ ไม่มีทาง"

โชยะเอาคางมาเกยบนหัวผมแล้วพูดต่อ

"แค่ ‘ขอโทษ’ มันฟังดูง่ายอย่างที่ไคล์ว่าจริงๆ แต่ต่อไปฉันจะพยายามทำตัวดีๆชดใช้ความผิดนะ"

ผมพยายามดิ้นให้หลุด แต่โชยะยิ่งเพิ่มแรงกอดเอาไว้

"ปล่อยนะ จะมาหลอกอะไรกันอีก"

"ไม่หลอกแล้ว จากนี้จะไม่โกหกไคล์แล้วล่ะ"

ผมหยุดดิ้นเมื่อรู้สึกเหนื่อย โชยะก็ปล่อยผม แล้วจับผมให้หันไปเผชิญหน้าด้วย

"ขอโทษที่ทำให้ร้องไห้"

โชยะว่าแล้วกอดผมไว้อีกครั้ง ผมไม่รู้ตัวสักนิดว่าน้ำตาไหลออกมา จนเมื่อโชยะพูดแล้วเสื้อตรงอกของโชยะเปียกผมถึงได้รู้ว่ามันเปียกเพราะน้ำตาของผมเอง ผมไม่อยากยกโทษให้โชยะ ไม่อาจจะรู้สึกเชื่อใจโชยะได้อีก แต่ผมก็ไม่สามารถหนีออกไปจากอ้อมกอดนี้ได้เช่นกัน
ผมร้องไห้อยู่นาน และโชยะก็กอดผมอยู่อย่างนั้น

"นี่โทรศัพท์ของฉัน"

โชยะพาผมมานั่งเมื่อผมเริ่มสงบลงแล้ว และยื่นโทรศัพท์มือถือให้ผม

"แลกกัน"

เขาว่า แต่ผมก็ยังนิ่ง ที่เขาไม่ให้เบอร์ผมตอนนั้นเพราะแลกกับคนอื่นแบบนี้รึเปล่านะ

"ฉันไม่เคยทำแบบนี้กับใครหรอก เพื่อนฉันบอกว่าทำแบบนี้แล้วไคล์อาจจะเชื่อใจฉันมากขึ้น ฉันอยากให้ไคล์รู้ว่าฉันจริงใจ"

"งั้นทำไมต้องโกหก"

ผมถามสวนออกไปทันที โชยะถอนหายใจออกมา

"ฉันยอมรับว่าเห็นครั้งแรกแค่นึกสนุก...แต่พอมาคบกับไคล์แล้วถึงได้รู้ว่าไคล์ไม่เหมือนอย่างที่คิดไว้สักนิด"

ผมขยับตัวกับคำพูดที่ผมไม่ค่อยชอบนัก

"ในทางที่ดีนะไคล์"

โชยะรีบแทรกขึ้นมา

"วันแรกที่พบกันเป็นวันเกิดฉัน เป็นวันที่พ่อแม่หย่ากันอย่างถูกต้องตามกฏหมาย เลือกวันดีไหมล่ะ...แล้วคนที่ฉันคบด้วยก็กำลังนอกใจฉัน เรื่องพวกนี้ไม่ทำให้ฉันเสียใจหรอกนะ แต่มันทำให้รู้สึกแย่และรู้สึกว่าไว้ใจใครไม่ได้ ไม่อยากผูกพันกับใคร...แต่พอฉันโทรไปหาไคล์ครั้งแรก ฉันพอจะเดาได้ว่าไคล์พูดไม่เก่ง แต่ฉันก็คิดว่าไคล์ตั้งใจฟังฉันอย่างจริงจัง แต่เพราะคุยทางโทรศัพท์ฉันเลยไม่แน่ใจ จากนั้นฉันเลยนัดเจอไคล์ และฉันก็รู้ว่าฉันคิดถูก...ไคล์สนใจฟังฉันเสมอ ทั้งๆที่ความจริงไคล์ไม่ต้องทำแบบนั้นก็ได้...ฉันรู้สึกว่าได้รับการใส่ใจ...รู้สึกดีที่ได้อยู่ใกล้ๆไคล์ ฉันเลยขอคบกับไคล์ ที่ไคล์ตกลง ฉันดีใจมาก ถึงจะกังวลเรื่องที่โกหกไคล์...แต่...ฉันคิดเอาเองว่าเป็นแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว เราดูมีความสุขกันทั้งคู่...จนเมื่ออาทิตย์ที่แล้วฉันพอเดาได้ว่าไคล์กำลังไม่ค่อยมีเงินใช้ ฉันอยากกินข้าวด้วยแต่ไม่อยากให้ไคล์ต้องจ่ายเลยโกหกไป แต่ไคล์กลับซื้อของให้ฉัน ซื้อเค้กให้ฉัน ฉันรู้ว่าไคล์ไม่ค่อยมีเงิน แต่ไคล์ก็ยังให้ความสำคัญกับฉัน แล้วฉันล่ะ ฉันเอาแต่โกหกเท่านั้นเอง ตอนนั้นฉันรู้สึกผิดมาก"

เพราะงั้นเขาถึงได้เงียบไปเหรอ ไม่ใช่เพราะผมทำอะไรผิด หรือเพราะเขาเบื่อผมหรอกเหรอ

"ตอนที่เรียกชื่อผิด ฉันกำลังคิดว่าอยากจะบอกความจริงกับไคล์ แต่จะบอกยังไงดี แล้วจะบอกเรื่องอากิดีไหม ปากเจ้ากรรมมันดันเอ่ยชื่ออกมาเสียนี่"

ผมพยักหน้ารับ โชยะเลื่อนมือมากุมมือผมไว้

"ฉันน่ะเลิกกับอากิไปตั้งแต่วันที่เจอไคล์แล้ว แต่ดูเหมือนอากิจะไม่รู้ตัวว่าโดนบอกเลิก คิดว่าฉันแค่โกรธเท่านั้น ความจริงฉันเองก็ไม่ได้มีแค่อากิคนเดียวเท่านั้นหรอกนะ"

ผมก็พอจะเข้าใจอยู่หรอก ว่าโชยะน่ะชอบพูดอะไรอ้อมๆ

"อาทิตย์นี้ฉันตระเวนบอกเลิกทุกคน พูดอย่างที่ไม่เคยพูดมาก่อน รวมทั้งอากิด้วย"

แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่เข้าใจงั้นสิ

"วันนี้ฉันคิดไว้อยู่แล้วว่าอากิต้องมา แต่การมาของไคล์เนี่ย ไม่ได้คิดไว้เลย"

"แถมยังไปเห็นนายทำอะไรกับอากิของนายด้วย"

"ไม่ใช่เห็นฉันทำ ต้องบอกว่าเห็นอากิทำต่างหาก แล้วอากิก็ไม่ใช่ของฉัน ไคล์ต่างหากที่เป็นของฉัน"

ผมทำหน้ามุ่ยไม่พอใจ

"แต่นายไม่ได้ว่าอะไรนี่"

"ฉันกำลังตกใจที่เขาทำอะไรกลางที่สาธารณะอย่างนั้น แถมเพื่อนฉันก็ยืนอยู่ พอรู้สึกตัวกำลังจะต่อว่าเขา ไคล์ก็มายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว"

ผมพยักหน้ารับ

"ตอนนี้ฉันเลิกกับอากิ ไม่มีใครอีกแล้ว มีแต่ไคล์ ฉันรักไคล์นะ"

ผมงงกับการบอกรักแบบไม่ทันให้ตั้งตัวของโชยะ

"ฉันคิดว่าถ้าเคลียร์ตัวเองได้หมดแล้วจะมาหาไคล์ แต่ไคล์ก็ไปหาฉันเสียก่อน"

ผมผิดงั้นสิ

"ฉันรักไคล์นะ"

โชยะย้ำอีกรอบ ผมกำลังจะใจอ่อน ผมอยากจะโกรธเขาให้มากกว่านี้จัง แต่ผมเองก็คิดแบบเดียวกัน ผมเองก็คิดว่าทุกสิ่งดีอยู่แล้ว

"รักฉันจริงๆเหรอ"

"อืม"

"ไม่โกหกอีกนะ"

"สัญญา"

"ถ้ามีคราวหน้าฉันอาละวาดแน่"

"ได้อยู่แล้ว"

โชยะพูดจบก็โน้มตัวแนบริมฝีปากลงมา คราวนี้โชยะรุกอย่างช้าๆ อ่อนหวาน แต่ก็ยังไม่วายบังคับนิดๆให้ผมเผยอปากรับ ยอมให้โชยะได้ส่งลิ้นร้อนๆเข้ามาสำรวจและตักตวงความหอมหวานได้เต็มที่...

"อืม"

 เสียงครางเบา ๆลอดออกมาจากลำคอโดยที่ผมไม่รู้ตัว โชยะถอนริมฝีปากออกให้ผมได้พักหายใจแล้วยิ้มใส่ตาผมก่อนจะแนบริมฝีปากลงมาอีก ความอ่อนหวานที่ได้รับ ทำเอาผมเคลิ้มจนคิดอะไรไม่ออก ถึงจะรู้สึกวาบหวามและรับสัมผัสเย็นๆบนผิวหนังใต้เสื้อที่ใส่ ก็ไม่ได้รู้เลยว่าโชยะสอดมือเข้าไปลูบไล้ผิวจนถ้วนทั่ว จนเมื่อมือของโชยะสัมผัสเข้ากับยอดอกและหยุดหยอกล้ออยู่ตรงนั้น

"อือ..."

โชยะถอนริมฝีปากออกและเคลื่อนลงมาขบเม้มที่ซอกคอ

"พะ...พอเถอะ"

ผมพูดอย่างยากลำบาก

"นี่มันข้างนอกนะ"

ผมพูดเบาๆ โชยะยอมถอยแต่โดยดีแต่ยังไม่วายทำหน้าเสียดาย ผมรวบรวมสติที่หายไปให้กลับคืนมา และจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง แล้วลุกขึ้นยืน

"กลับกันเถอะ"

ผมพูดแล้วโชยะก็ลุกขึ้นบ้าง ผมเพิ่งนึกได้ว่าโชยะจูบผมเมื่อเย็นนี้ บังคับจูบด้วย

"ก็ไคล์ถอดสร้อยทำไมล่ะ"

โชยะพูดง่ายๆเมื่อผมถาม

"ฉันซื้อให้ไคล์ ไคล์ซื้อให้ฉัน ถือว่าเป็นของหมั้น หมั้นไว้ก่อน"

โชยะพูดยิ้มๆ

"ห้ามทิ้งอีกล่ะ"

เขาว่าแล้วเอาข้อมือที่ใส่สร้อยที่ผมซื้อให้มาชนกับมือผม สร้อยกลับมาอยู่บนแขนผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

"ไคล์ไม่ถามเรื่องอื่นๆของฉันเหรอ ชื่อก็ไม่ถาม"

โชยะพูดขึ้นมา

"ช่างเถอะ เราค่อยๆทำความรู้จักกันไปก็ได้ วันเดียวเราคงรู้จักกันได้ไม่หมดหรอก"

ผมพูดแล้วยิ้มให้โชยะ โชยะหอมแก้มผมก่อนจะออกเดินโดยที่จูงมือผมไปด้วย คนอื่นจะมองยังไงไม่รู้ที่ผู้ชายสองคนเดินจูงมือกัน แต่ดูโชยะจะไม่สนใจสักนิด แล้วผมจะสนทำไม ผมกระชับมือโชยะแน่นขึ้น คอยดูนะผมจะไม่ปล่อยมือคู่นี้ไปตลอดชีวิตเลย เตรียมใจไว้เถอะโชยะ


END

แถม...

ขณะนั้นเองในความคิดของโชยะ (กลับถึงบ้านเมื่อไหร่อย่าหวังว่าจะปล่อยง่ายๆแบบเมื่อกี้นะ จะกอดให้คุ้มกับที่อดทนมานานเลยล่ะ รวมที่ให้นั่งคอยตั้ง 4 ชั่วโมงวันนี้ด้วย)
แล้วใครต้องเตรียมใจกันแน่ล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " ไดอารี่ของไคล์ " 02/06/54 เปิดจองP.1
เริ่มหัวข้อโดย: Muzik ที่ 02-06-2011 08:28:05
น่ารักจังเลย แต่ก็อยากให้เป็นเรื่องยาวนะคะ
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " ไดอารี่ของไคล์ " 02/06/54 เปิดจองP.1
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 02-06-2011 09:28:25
><,,, เรื่องก็น่ารักอีกแร้ว
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " ไดอารี่ของไคล์ " 02/06/54 เปิดจองP.1
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 02-06-2011 09:51:01
โชยะหื่น



ไคล์น่ารักน่าสงสารดีแฮะ
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " ไดอารี่ของไคล์ " 02/06/54 เปิดจองP.1
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 02-06-2011 17:02:00
แอบหดหู่เน๊อะ แฮปปี้แอนดิ้งแล้วจริงๆนะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " ไดอารี่ของไคล์ " 02/06/54 เปิดจองP.1
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 02-06-2011 19:25:29
อ่านแล้วมาม่าแบบเบาๆกำลังดี จบแบบที่ชอบ มาต่อเรื่องอื่นๆอีกนะคะ
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " ไดอารี่ของไคล์ " 02/06/54 เปิดจองP.1
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 02-06-2011 20:20:10
น่ารักอีกแล้ว เรื่องนี้
อยากอ่านอีกจังเลย :haun4:
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " ไดอารี่ของไคล์ " 02/06/54 เปิดจองP.1
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 02-06-2011 21:55:48
 :-[

น่ารักๆๆปนมาม่าเล็กๆ
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " ไดอารี่ของไคล์ " 02/06/54 เปิดจองP.1
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 02-06-2011 22:13:14
เขิลอ่ะ :-[
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " ไดอารี่ของไคล์ " 02/06/54 เปิดจองP.1
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 02-06-2011 22:29:42
นึกว่าจะเศร้าซะแล้ว
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " ไดอารี่ของไคล์ " 02/06/54 เปิดจองP.1
เริ่มหัวข้อโดย: bow55 ที่ 02-06-2011 22:39:05
แต่ละเรื่องสนุกมากค่ะ

ชอบอ่ะ มาอีกเยอะๆนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " ไดอารี่ของไคล์ " 02/06/54 เปิดจองP.1
เริ่มหัวข้อโดย: JUPJIB ที่ 08-06-2011 20:28:37
**ถ้าจิ๊บสะกดผิดหรือใครอ่านแล้วภาษาตรงไหนมันดูขัดๆหรือไม่รู้เรื่องก็โพสบอกหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ**

ขอบคุณพี่หยีที่ตรวจเบื้องต้นให้ค่ะ อิอิ

ผิลพลาดตรงไหนขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ




Title : เรื่องสั้น(ไม่)ขยันเขียน:TEARS's Dairy

Chapter : ตอนเดียวจบ




ผมเคยบอกว่าพี่ชายของผมโง่ แต่ความจริง คนที่โง่คงเป็นผมเอง

โง่ที่รักคนที่เขาไม่ได้รักผม

โง่ที่รักคนที่เขามีคนที่รักอยู่แล้ว

โง่ที่ยอมเจ็บไม่ยอมตัดใจ

ที่ผมยอมโง่ทุกวันนี้ หลายๆคนอาจจะไม่เข้าใจ แต่ผมรักของผมมากจริงๆ รักมากจนยอมโง่ ยอมตาบอด เรื่องของผมจะจบลงยังไง ไม่บอกผมก็รู้ ในที่สุดเราคงต้องเลิกกัน ไม่ว่าจะเพราะผมหรือเพราะเขา เรื่องของเราต้องจบลงแบบนั้นแน่นอน ก็มันไม่ได้มีอนาคตตั้งแต่แรกแล้วนี่ความสัมพันธ์แบบนี้

ทั้งๆที่รู้ตอนจบ ที่ไม่ว่ายังไงผมก็ต้องเจ็บ แต่ผมก็ยังเดินเข้าไปหามัน ไม่รู้สิ นอกจากผมจะโง่แล้วยังบ้าด้วยมั้ง

...........................................


เธียร์นั่งชันเข่าแล้วหันมาพิจารณาร่างของคนที่นอนอยู่ข้างๆ ร่างกำยำที่บัดนี้เปลือยเปล่ามีเพียงผ้าห่มที่ปกปิดขึ้นมาจนถึงช่วงเอว เจ้าของร่างนอนหายใจด้วยจังหวะสม่ำเสมออันเป็นการบอกว่าไปเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว

วายะ เป็นเพื่อนสนิทกับเขามาตั้งแต่เขาเริ่มเข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยม นี่ก็เข้าปีที่หกแล้วที่สนิทกันมา

ร่างบางไล้มือไปตามใบหน้าของเพื่อนที่นอนอยู่ วายะหน้าตาดี หุ่นก็ดี และคุยได้กับทุกคน ก็เลยออกจะดัง มีสาวๆมารุมชอบเยอะ จะว่าไปไม่ใช่แค่สาวๆหรอก ผู้ชายเองก็ด้วย คิดมาถึงตรงนี้เธียร์ก็ยิ้มและหัวเราะขื่นๆให้กับตัวเองเบาๆ

ใช่สิ และผู้ชายที่ว่านั่นน่ะก็รวมเขาเข้าไปด้วยอีกคน เธียร์ขยับตัว เมื่อเริ่มรู้สึกว่าน้ำตากำลังจะไหล ร่างข้างๆขยับอย่างงัวเงียเหมือนรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวใกล้ๆตัว

วายะปรือตาขึ้นมามองร่างที่นั่งอยู่ข้างๆด้วยท่าทางแปลกใจ แต่เพราะว่าง่วงนอนมากกว่า จึงไม่ได้ถามอะไร วายะจึงดึงตัวคนที่นั่งอยู่ให้ล้มตัวลงมานอน ดึงกระชับเข้ามาในอ้อมกอดตน

“นอนได้แล้วน่า”

ว่าแล้วก็หลับตาลงอีกครั้ง กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีกนิด แล้วไม่นานเขาก็หลับไปอีกครั้ง วายะหลับไปโดยไม่รู้เลยว่า คนในอ้อมกอดสะอื้นเบาๆกับความใส่ใจ ความอบอุ่นที่ได้รับ
ร้องไห้เบาๆ จนหลับไปในที่สุด

...........................................

“ฉันชอบไคล์ล่ะ”

อยู่ๆวายะก็พูดขึ้นมาในขณะที่นั่งเรียนหนังสืออยู่ เธียร์หันไปมองเพื่อนอย่างไม่เชื่อสายตา

ชอบไคล์เนี่ยนะ

เธียร์งงกับสิ่งที่ได้ยิน วายะกับไคล์รู้จักกันมาตั้งแต่ที่วายะรู้จักเธียร์นั่นล่ะ แต่ว่าไคล์ที่ไม่ค่อยสุงสิงกับเพื่อนไม่ได้สนิทกับวายะอย่างที่เธียร์สนิทด้วย ไคล์รับรู้ว่าวายะเป็นเพื่อนสนิทของเธียร์ก็เท่านั้น รู้จักกันมาตั้งนานแล้ววันนี้วายะเกิดบ้าอะไรขึ้นมาถึงได้มาบอกว่าชอบพี่ชายฝาแฝดของเขากันล่ะ

“ฉันเพิ่งรู้สึกตัวเมื่อไม่นานมานี้เอง เลยคิดว่ายังไงก็ต้องบอกนาย นายช่วยเชียร์ชั้นด้วยนะ”

วายะพูดเขินๆพลางตบไหลเธียร์เบาๆ เธียร์มองท่าทางของเพื่อนแล้วรู้สึกได้ว่า ไม่ได้พูดเล่น เลยได้แต่นั่งอึ้ง วายะชอบไคล์เหรอ จริงเหรอ

“ทำไมเงียบไปล่ะ รับไม่ได้เหรอ”

วายะพูดด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้นตามนิสัย เพราะเริ่มรู้สึกไม่ไว้วางใจ

เธียร์หัวเราะเบาๆ

“จะบ้าเหรอ”

แทนคำตอบที่ว่ารับได้ แล้วก็หัวเราะเบาๆอีกทีโดยที่ไม่ได้หันไปมองหน้าเพื่อนอีก เธียร์ไม่กล้าสบตาวายะตอนนี้ กลัวว่าคนข้างๆจะรู้ถึงความอ่อนไหวของตน

“อย่าหัวเราะสิ คนยิ่งเขินๆ”

วายะบ่นอุบอิบ แต่น้ำเสียงสดชื่นขึ้นเมื่อรู้ว่าเธียร์ไม่ได้ว่าอะไร แล้วหันไปสนใจอาจรย์ต่อ

นั่นสินะ ไคล์น่ะถึงจะบอกว่าไม่ค่อยสุงสิงกับใครแต่ก็มีคนชอบเยอะ ทั้งชายหญิง ต่างจากเธียร์ที่ผู้ชายก็คิดว่าเป็นเพื่อน ผู้หญิงก็คิดว่าเป็นเพื่อน (เชิงของเล่น)

ไคล์มีแฟนมาแล้วหลายคน ถึงจะไม่เห็นคบใครนานสักที แต่ก็ยังได้ชื่อว่ามี ต่างจากเขาที่ไม่เคยมีแฟนแม้แต่คนเดียว ก็แน่ล่ะ มัวแต่เอาเวลามาติดอยู่กับวายะ จะมีใครที่ไหนสนใจ แล้วก็คงเป็นเพราะเขาไม่มีเสน่ห์เองด้วยมั้ง วายะเองก็ติดอยู่กับเธียร์อย่างที่เพื่อนสนิทเขาอยู่ด้วยกัน ก็เห็นมีแฟนไม่ขาดสาย แต่วายะจะมีแฟนกี่คนก็ยังทำปกติกับเขา ไม่เคยห่างไป

“เฮ้อ...”

เธียร์ถอนหายใจเบาๆ เขาจะทำยังไงดี เขาอยากให้พี่คบกับวายะอยู่หรอกนะ เพราะวายะเองก็เป็นคนดี แต่เขาจะสามารถเชียร์วายะให้พี่ได้เหรอ ถ้าสองคนคบกันเขาจะสามารถยินดีได้เหรอ เขาจะทำได้จริงหรือในเมื่อ เขารักวายะ รักมาตลอดตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ แล้วต้องทำยังไงดีล่ะ

...............................................................................


“เธียร์...”

เสียงวายะที่ขึ้นต้นด้วยประโยคออดอ้อน

“ได้ข่าวว่าไคล์เลิกกับแฟนแล้วเหรอ”

คนตัวโตกว่าทำท่ากระแซะๆเข้ามา เธียร์ก็อดที่จะขำไม่ได้ที่เห็นท่าทางอย่างนั้น

“ช่วยถามให้หน่อยสิ”

เธียร์มองหน้าเพื่อนแล้วถอนหายใจ

“เรื่องแบบนี้ต้องถามเองนะ ไม่งั้นก็ไม่มีความหมายหรอก”

“น่านะ ไม่ได้ให้สารภาพหรอกนะ แค่เกริ่นๆเรื่องของฉันก็พอ นะนะ นะนะเธียร์นะ”

ใครมาเห็นวายะตอนนี้คงจะขำมากกว่าเอ็นดู คนตัวสูงๆหน้าเข้มๆมาทำท่าอ้อนแบบเด็กๆแบบนี้

“อือ จะลองพูดให้นิดนึงแล้วกัน”

ในที่สุดเธียร์ก็ทนลูกอ้อนไม่ไหว ต้องรับคำในที่สุด แล้วเย็นนั้นก็เหมือนปกติ เธียร์เดินตามไคล์กลับบ้าน กำลังคิดรวบรวมประโยคจะบอกเรื่องวายะ เอานะ เขาต้องพยายาม ถึงเขาจะเจ็บ แต่มันอาจจะเป็นความสุขของคนที่เขารักทั้งสองคนก็ได้

“ไคล์...”

“เธียร์...”

ทั้งสองคนพูดขึ้นมาพร้อมกัน ต่างฝ่ายต่างเงียบให้อีกฝ่ายพูดก่อน แต่ก็ไม่มีใครพูด ในที่สุด ไคล์ก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน

“ฉันมีแฟนใหม่แล้วนะ”

ไคล์พูดด้วยสีหน้ายิ้มๆ เธียร์มองหน้าพี่ชายที่พูดไปยิ้มไปแถมเขินนิดๆด้วยความประหลาดใจ ใช่ว่าไคล์ไม่เคยมีแฟน แต่ว่าไม่มีคนไหนที่ไคล์บอกเขาแบบนี้ ส่วนใหญ่เขาจะรู้เอาเองทั้งนั้น ยังไม่พอ ยังท่าทางของไคล์อีก เธียร์ชักอยากรู้ซะแล้วสิว่าผู้หญิงที่ไหนนะที่ทำให้ไคล์เป็นได้ถึงขนาดนี้

“ชื่อ โชยะล่ะ”

ไคล์พูด เธียร์ได้แต่อึ้งๆ ผู้หญิงอะไรชื่อโชยะ รึว่า อย่าบอกนะว่า

“เป็นผู้ชาย”

เธียร์ได้แต่อึ้งไป แฟนไคล์เป็นผู้ชายเหรอ

“แล้วเมื่อกี้เธียร์จะพูดอะไรเหรอ”

“เปล่านี่ ไม่มีอะไร”

เธียร์คิดว่าในเมื่อพี่ชายเขายังไม่ว่าง แถมดูท่าของไคล์ก็แปลกๆ เลยไม่พูดเรื่องของวายะก่อนดีกว่า ถึงจะดูเห็นแก่ตัวไปหน่อยก็เถอะ ที่เก็บเรื่องนี้ไว้

.......................................................
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " ไดอารี่ของไคล์ " 02/06/54 เปิดจองP.1
เริ่มหัวข้อโดย: JUPJIB ที่ 08-06-2011 20:30:31
“คือว่า ไคล์เขามีแฟนใหม่แล้วน่ะ”

เธียร์บอกเพื่อนที่รอฟังผลอย่างใจจดใจจ่อ ด้วยความรู้สึกผิด

“ฉันเลยไม่ได้บอกไคล์น่ะ นายคงไม่ว่าใช่ไหมวายะ”

วายะพยักหน้าเข้าใจ ถ้าบอกไปคงมองหน้ากันยากขึ้น ไม่บอกแหละดีแล้ว วายะส่ายหน้าระอาตัวเองที่ช้าไป ทั้งๆที่เขาเพิ่งรู้เมื่อวานนี้เองว่าไคล์เลิกกับแฟนสาวแล้ว เลยขอร้อง (แกมบังคับ) ให้เธียร์ช่วยไปบอกให้ แต่มันก็ยังช้าไปอยู่ดี

“เอาน่า”

เธียร์เดินเข้ามาตบบ่าเพื่อนให้กำลังใจ

“ไม่นานก็เลิกแล้ว เชื่อสิ ไคล์น่ะ”

เธียร์พูดทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่แน่ใจเพราะท่าทางของไคล์แปลกไป แต่ตามสถิติไม่เคยเกินสองอาทิตย์ ถ้าไม่มีแฟน ไคล์ไม่เคยปฏิเสธคนที่มาขอคบด้วย ถ้าหากว่าวายะเข้าไปสารภาพ ไคล์ก็คงตกลงด้วยเช่นกัน

“เอาเป็นว่าวันนี้ไปดื่มละกัน เดี๋ยวชั้นเลี้ยงเอง”

เธียร์ว่าพลางดึงแขนเพื่อนให้ลุกขึ้น วายะค่อยๆลุกขึ้นตามแรงดึงของเธียร์อย่างคนไม่ค่อยมีกระจิตกระใจ ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าไคล์ไม่เคยคบใครนาน แต่อะไรบางอย่างบอกเขาว่า คราวนี้อาจจะไม่เป็นอย่างนั้น

.......................................................

“เฮ้ยๆ เบาๆเพื่อนเบาๆ”

เธียร์ร้องบอกวายะที่ดื่มเอาดื่มเอา แต่ไม่ว่าจะห้ามยังไงร่างสูงก็ไม่สนใจสักนิด

“ฉันอกหัก ต้องดื่มสิ เอ้า นายก็มาดื่มด้วยกันสิ”

วายะว่า พลางส่งแก้วให้เธียร์ เธียร์ได้แต่ส่ายหน้า และมองดูวายะดื่มต่อ เธียร์ทำผิดรึเปล่านะที่ไม่ได้บอกไคล์เรื่องนี้ ที่ไม่บอกเพราะกลัวว่าวายะต้องเสียใจ กลัวว่าสองคนจะมองหน้ากันไม่ติด หรือว่าเป็นความเป็นแก่ตัวของเขาเองกันแน่นะ

เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง กว่าที่วายะจะยอมสงบลง ที่เรียกว่าสงบนี้ต้องเรียกว่าเมาไปแล้วมากกว่า เธียร์ประคองเพื่อนที่ตัวใหญ่กว่าตนมากมายออกจากร้านด้วยความยากลำบาก ยัดเพื่อนใส่แท็กซี่และตรงไปที่บ้านตน คนเมาไม่ได้หลับ เอาแต่พร่ำเพ้อ เรียกไคล์ๆไม่หยุดปาก ยิ่งสร้างความเจ็บปวดให้ร่างบางมากขึ้น อยากจะทิ้งไว้ให้หายเจ็บใจเล่นแต่ก็ทำไม่ได้

เมื่อมาถึงบ้าน เธียร์มองเข้าไปยังส่วนของไคล์และเห็นไฟปิด ไคล์คงนอนไปแล้ว ก็แน่ล่ะ นี้มันตีสามแล้ว ร่างบางประคองเพื่อนที่เมามายเข้าไปในบ้าน และปล่อยไว้ที่โชฟา อยากจะพาขึ้นไปนอนบนห้องอยู่หรอก แต่คงไม่ไหว จะเรียกไคล์มาช่วยก็ไม่ได้ ถอดรองเท้าถุงเท้า และแก้เข็มขัดพอให้วายะสบายตัว แล้วเธียร์ก็เปลี่ยนเสื้อผ้าตัวเองให้สบายขึ้นก่อนจะกลับมาจัดการกับเพื่อนตัวโตของตัวเองต่อ ผ้าขนหนูชุบน้ำถูกนำมาเช็ดตามส่วนต่างๆให้วายะสบายตัวขึ้น และนั่นทำให้วายะรู้สึกตัว ร่างสูงก็ปรือตามองก่อนจะจับข้อมือเธียร์ไว้แน่น

“ไคล์”

วายะเรียกชื่อแล้วดึงเธียร์เข้าไปหา เธียร์พยายามดิ้นขลุกขลักให้พ้นแต่กลายเป็นว่าทำให้วายะสามารถเปลี่ยนให้ร่างเธียร์ลงไปอยู่ภายใต้ร่างสูงได้อย่างง่ายดาย

“วา...อุ๊บ”

ก่อนที่เธียร์จะได้โวยวายเตือนสตินั้น วายะก็ก้มลงมาแนบริมฝีปากปิดเสียงเสียก่อน ลิ้นหนาเข้ารุกรานริมฝีปากอย่างรีบร้อน แต่ก็แฝงไปด้วยความอ่อนโยน เธียร์มึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็ยังตอบสนองไปตามสัญชาตญาณ ลิ้นบางค่อยๆเกี่ยวกระหวัดรับการรุกรานอย่างว่าง่าย
รสชาติของเหล้ายังอบอวลอยู่ในลมหายใจของวายะ และถ่ายทอดมาถึงเธียร์ เธียร์ไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำให้ตนมึนงงเป็นเพราะว่ากลิ่นแอลกอฮอล์เหล่านั้น หรือเพราะรสจูบของวายะกันแน่

วายะถอนริมฝีปากออกและมองหน้าที่หอบหายใจของเธียร์แล้วยิ้ม สองมือหนาประคองสองแก้มของเธียร์ไว้อย่างทะนุถนอม ก้มลงสูดดมแก้มแดงๆด้วยความเสน่หา จากนั้นก็เคลื่อนต่ำลงมายังลำคอ กดริมฝีปากแรงๆตรงแอ่งชีพจรที่วายะรับรู้ได้ถึงการเต้นเป็นจังหวะของมัน มือหนาสอดเข้าไปภายในเสื้อตัวบาง ลูบไล้ฝ่ามือไปทั่วเรือนกาย

“อือ...อย่า”

อาการร้องประท้วงเล็กๆจากเธียร์ไม่ได้ทำให้สติของวายะกลับคืนมา ไม่นานเสื้อก็ถูกถอดออกอย่างง่ายดาย เธียร์ไม่รับรู้อะไรอีกแล้วนอกจากรสสัมผัสของวายะ ไม่รู้ว่าตัวเองไม่มีอะไรปกปิดร่างกายตอนไหน ไม่รู้ตัวว่าที่ๆตัวเองอยู่คือห้องรับแขก บนโซฟา

“อึก...เจ็บ”

เธียร์ส่งเสียงเล็กประท้วงเมื่อร่างสูงถาโถมเข้าใส่โดยไม่ได้เตรียมพร้อมอะไร วายะชะงักไปกับสัมผัสคับแน่น ด้วยความไม่เคยเป็นคนแรกของใครทำให้ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง แต่จะให้ถอยหลังตอนนี้ก็ไม่ได้เสียแล้ว ร่างสูงค่อยดันตัวเข้าไป ขยับช้าๆและเร็วขึ้นเมื่อร่างข้างใต้ตอบสนอง

“อึก...อือ”

วายะค่อยๆเร่งจังหวะในขณะที่มือก็ขยับตรงส่วนอ่อนไหวให้ร่างบางไปด้วย

“อา...วายะ...วายะ...ไม่ไหวแล้ว”

เธียร์บอกเสียงพร่า ร่างสูงจึงยิ่งเคลื่อนไหวเร็วขึ้น การเคลื่อนไหวที่หนักแน่น แต่อ่อนโยน ไม่นาน ร่างบางก็ปลดปล่อยออกมา พร้อมๆกับที่รับรู้ถึงสายธารร้อนที่ได้รับการปลดปล่อยภายในตัวเขาเช่นกัน

เธียร์กอดวายะไว้แน่นราวกับกลัวว่าวายะจะหายไปไหนและอีกฝ่ายก็กอดเขาตอบด้วยเช่นกัน วายะกอดเธียร์เอาไว้อย่างทะนุถนอนแต่ก็กระชับแน่น กอดราวกับเธียร์เป็นคนรักคนสำคัญ
แต่เธียร์ก็รู้ดีว่า มันไม่ใช่เขา คนที่วายะรัก และกอดไว้ คือไคล์ต่างหาก

เธียร์ซบหน้าลงกับบ่าของวายะที่ทับอยู่ ไม่นานก็รับรู้ว่าร่างสูงหลับไปแล้ว เขาพยายามดันตัววายะออกห่าง ส่วนที่ยังคงเชื่อมต่อถึงกันค่อยๆถอยออกไปพร้อมกับความเจ็บ ไม่ต้องก้มลงไปมองก็รู้ดีว่า นอกจากหลักฐานแห่งความสุขของวายะแล้ว ยังต้องมีเลือดของเธียร์ปนออกมาด้วยแน่ๆ ร่างบางพยุงตัวเองลุกขึ้นอย่างยากลำบาก แต่ไม่นานก็ตั้งหลักได้ เขาอาบน้ำชำระร่างกายตัวเอง แล้วจึงมาจัดการที่ร่างวายะ แต่งตัวให้เพื่อนให้เหมือนเดิมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอดูว่าอะไรๆเรียบร้อยเข้าที่เข้าทางแล้วเธียร์หลับไปด้วยความอ่อนเพลีย

............................................

“โอ้ย...ปวดหัวชิบ”

วายะบ่นกับตัวเอง เอามือทุบหัวพยายามขับไล่อาการตึบๆออกไป ประคองตัวลุกขึ้นอย่างยากลำบาก ในที่สุดก็นั่งได้ กลิ่นกาแฟหอมฉุยลอยมาแตะจมูก พร้อมกับที่ถ้วยกาแฟถูกวางลงตรงหน้า

   “สม”

เสียงเล็กๆพูดอย่างโกรธๆ มองหน้าเขาค้อนๆ แล้วเดินกลับไปทางห้องครัว วายะอดอมยิ้มออกมาไม่ได้ กับกิริยาเหล่านั้น ร่างสูงยกกาแฟขึ้นดื่ม แล้วก็ยิ่งยิ้มเข้าไปอีก เมื่อมันเป็นรสชาติแบบที่ชอบ

   “เอ้า นั่งบ้ายิ้มอะไรอยู่ได้ ไปล้างหน้าล้างตาสิ ไป๊”

คนในครัว ชะโงกหน้าออกมาโวยวาย เมื่อเห็นเขาไม่ขยับไปไหน พูดเสร็จก็หายเข้าไปในครัวต่อ วายะขยับลุกขึ้นและตรงไปทางห้องน้ำของบ้านที่ชั้นสอง เขามาที่นี่บ่อยจนจะเป็นบ้านเขาไปอยู่แล้ว วายะหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ ตอนแรกว่าจะแค่ล้างหน้า แต่เปลี่ยนใจ อาบน้ำเลยดีกว่าเผื่ออาการจะดีขึ้น

..............

   “อ่า...หิวข้าวจังเลยเธียร์”

วายะเดินตรงมานั่งลงที่ประจำของตนซึ่งมีจานข้าววางอยู่

“อย่ามาทำเป็นพูด ล้างหน้านี่ นานขนาดนี้เลยเหรอ”

เธียร์โวยวายเล็กน้อยเพราะนั่งรอกินข้าวตั้งนาน และเริ่มลงมือกินข้าว

“โทษที คิดว่าอาบน้ำแล้วน่าจะดีขึ้นน่ะเลยอาบน้ำซะเลย”

วายะตอบพร้อมกับลงมือกินข้าวเช่นกัน ระหว่างกินข้าว ทั้งคู่ยังพูดคุยเหมือนปกติทุกอย่าง เธียร์ลอบมองหน้าวายะหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีอะไรผิดปกติจริงๆ ไอ้จะถามตรงๆก็ไม่กล้า ความจริงเขาน่าจะดีใจสิที่วายะจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้  แต่ก็แอบคิดเล็กๆว่าหากวายะจำได้อาจจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง อะไรที่ว่าจะเปลี่ยนไปยังไงล่ะ

“เฮ้อ...”

คิดมาถึงตรงนี้เธียร์ก็ต้องถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาอยากให้อะไรมันเปลี่ยนล่ะ นอนด้วยกันแค่ครั้งเดียวคงไม่ได้ทำให้วายะเปลี่ยนใจจากไคล์มาชอบเขาได้หรอก แล้วเมื่อคืนก็รู้อยู่แล้วว่าวายะคิดว่าเขาเป็นไคล์ วายะลืมไปแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว

   “นายเป็นอะไรรึเปล่าน่ะ”

วายะถามขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนไม่พูดไม่จาไม่กินข้าว ไม่ฟังที่เขาพูด

“อะ...เปล่านี่”

เธียร์ว่าแล้วกินข้าวต่อ แต่วายะก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

   “เมื่อคืน...มีอะไรรึเปล่า”

   วายะถามเรื่อยๆไม่ได้คิดอะไร แต่เธียร์กลับสะดุ้งสุดตัวโดนถามเรื่องนี้เข้า

   “มะ...ไม่มีอะไรนี่”

เธียร์ตอบเสียงตะกุกตะกัก วายะเห็นท่าทางของเพื่อนแล้วดูก็รู้ว่าต้องมีเรื่องอะไรแน่จึงถามอีกครั้ง

“มีอะไรรึเปล่า”

เสียงที่เข้มและจริงจังขึ้นทำให้เธียร์รู้ว่าวายะเริ่มสงสัยแล้ว

   “คือ...คือว่า...”

เธียร์อยากจะเลี่ยงเพื่อเปลี่ยนเรื่อง แต่สายตาที่มองตรงมานั้นบ่งบอกว่า ไม่มีทางเลยที่เขาจะทำแบบนั้นได้ ในขณะที่กำลังอึกอักหาทางออกไม่ได้นั้น เสียงเคาะประตูข้างก็ดังขึ้นมาพอดี
   
“เอ่อ...สงสัยไคล์มาน่ะ”
   
เธียร์ว่าแล้วรีบลุกขึ้นเพื่อนหนีสถานการณ์  แต่ก่อนจะเดินไปเปิดประตูก็นึกขึ้นได้ว่าวายะกำลังเสียใจเรื่องไคล์
   
“เอ่อ...นายโอเคไหม ถ้าไงเดี๋ยวให้ไคล์กลับไปก่อนก็ได้นะ”

   “ไม่เป็นไร”

   วายะตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เธียร์มองวายะแล้วต้องถอนหายใจ เหมือนจะรู้สึกเจ็บในอก ไม่รู้ว่าเพราะเจ็บแทนวายะ หรือว่าเจ็บที่เห็นท่าทางลำบากใจของวายะที่ต้องเจอไคล์วายะเข้มแข็งเสมอไม่ว่าเจอเรื่องอะไร แค่นี้ถือว่าเล็กน้อยล่ะมั้ง แต่แววตาของวายะมันบอกว่ายังรู้สึกอยู่ ไม่ว่ายังไงก็ยังรักสินะ

   “เธียร์ ยืมหนังสือคณิตหน่อยสิ”

   ไคล์ยิ้มแล้วบอกจุดประสงค์การมา

   “อือ  เข้ามาก่อนสิ”

   เธียร์ว่าพลางเดินนำเข้าบ้าน

   “อ้าว สวัสดีวายะ”

   ไคล์ยิ้มให้วายะ

   “วันนี้ก็มาค้างเหรอ”

   วายะยิ้มให้ไคล์

เธียร์แทบจะทนมองต่อไม่ได้เลยขอตัวขึ้นไปเอาหนังสือให้ไคล์ แต่เมื่อขึ้นมาถึงข้างบน แทนที่จะหยิบหนังสือทันทีก็กลับไปนั่งบนเตียงอย่างคนอ่อนแรงแทน เขาไม่รู้ว่าจะลงไปแล้วทำหน้าเป็นปกติได้รึเปล่า

.............................................................................................
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " ไดอารี่ของไคล์ " 02/06/54 เปิดจองP.1
เริ่มหัวข้อโดย: JUPJIB ที่ 08-06-2011 20:31:33
“เธียร์”

ไคล์เรียกเมื่อเข้ามายืนอยู่ข้างๆแต่เธียร์ดูจะไม่รู้ตัวเลยสักนิด

“เธียร์... เธียร์!!”
   
เสียงที่ดังขึ้นทำให้เธียร์รู้สึกตัวและหันมาตามเสียงเรียก

   “อะไรกัน อะไรกัน เรียกไม่ได้ยินนี่ใจลอยไปถึงไหนน้อ”

   ไคล์ว่าแล้วลงนั่งข้างๆอย่างคนนึกสนุก

   “ก็ไม่ได้...”

   “อย่ามาโกหกน่า”

   ไคล์รีบแย้งเมื่อเห็นว่าเธียร์ตั้งท่าจะแก้ตัว

   “ไปถึงเจ้าของรอยตรงนี้รึเปล่าน้า”

   ไคล์ว่าพลางจิ้มนิ้วมือลงตรงลำคอด้านซ้ายเธียร์รีบตะบบมือขึ้นที่ลำคอทันที เมื่อเช้าส่องกระจกก็ไม่เห็นแท้ๆหรือเราไม่ได้ส่องนะ

   “เออ...คือ”

   เธียร์ไม่รู้จะอธิบายยังไงไคล์ก็โบกมือเป็นเชิงว่าไม่ต้องอธิบายหรอก แล้วเดินไปหยิบหนังสือเลยเอง

   “ไปล่ะ”

   ว่าแล้วเดินออกไปจากห้อง

   “เฮ้ย ไคล์ รอด้วยสิ”

   เธียร์รีบเดินตามไคล์ลงมาด้วยกลัวว่าไคล์จะพูดเรื่องรอยนี้กับวายะ แต่เมื่อลงข้างล่าง ก็เห็นแต่ร่างสูงนั่งดูโทรทัศน์อยู่เท่านั้น

   “ไคล์ล่ะ”

   “กลับไปแล้วนี่”

   วายะตอบแล้วกลับไปสนใจโทรทัศน์ต่อ

.......................................................................


   “นี่ๆ ดูพี่วายะสิ เท่ห์ชะมัดเลยเนอะ”

   “นั่นสิ คนอะไรเท่ห์สุดๆ”

   “อยากไปสารภาพรักจัง”

   “นั่นสิๆ ถึงโดนปฏิเสธก็ขอให้ได้จูบด้วยสักครั้งก็ยังดี”

   “ถ้าได้มากกว่านั้นยิ่งดีใหญ่เลยเนอะ”

   แล้วสองสาวก็หัวเราะคิกคักกับเรื่องที่พูด ไม่ได้สนใจเลยว่ารอบตัวยังมีคนอีกมากมายที่ได้ยิน แถมหนึ่งในนั้นก็เป็นคนรู้จักวายะอย่างเธียร์ด้วย

   “ขอแค่สักครั้งก็ยังดีงั้นเหรอ”

   เธียร์คิดพลางมองไปยังสนามบาส วายะกำลังเลี้ยงลูกเข้าใต้แป้นบาสและชูทลงไป พร้อมๆกับที่กรรมการเป่านกหวีดหมดเวลาพอดี

   ผ่านมาสองอาทิตย์แล้วหลังจากเรื่องเมื่อวันนั้น วันนั้นหลังจากที่วายะตื่นขึ้นมา ก็ถามโน่นถามนี่นิดหน่อยตามประสา แต่พอเธียร์ซึ่งเตรียมคำโกหกไว้หมดแล้วตอบไป วายะก็ไม่ได้สงสัยอะไรอีก ทั้งสองยังคงทำตัวตามปกติ จะพูดให้ถูกคือ พยายามมากกว่า

   เพราะหลังจากวันนั้น พอวายะเข้าใกล้เธียร์ทีไร เธียร์เป็นต้องหน้าแดงขึ้นมาทุกที เธียร์ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ส่วนทางวายะเองก็ดูเหมือนจะเงียบๆไปกับเธียร์ ไม่ค่อยจ้อเหมือนเก่า มักจะนั่งเงียบๆเหมือนคิดอะไรอยู่ แต่ไม่ว่ายังไงก็ยังลากเธียร์ไปไหนมาไหนด้วยเหมือนเดิม อย่างวันนี้ก็ลากเธียร์มาดูแข่งบาส ทั้งๆที่เธียร์ปฏิเสธไปแล้ว ก็ยังบังคับพามาจนได้

   “เบื่อรึเปล่า”

   วายะที่วิ่งมาทางเธียร์ทันทีที่การแข่งขันจบลงถามขึ้น เธียร์ยิ้มบางๆตอบกลับเพื่อนไป แล้วส่ายหน้า ใครจะไปเบื่อเล่า ได้นั่งดูคนที่ชอบแข่งบาสน่ะ ได้มองวายะเท่าที่อยากจะมอง ไม่ต้องกลัวว่าใครจะสงสัย ไม่ต้องกลัวว่าวายะจะรับรู้ “งั้นรอแป๊ปนะ เดี๋ยวไปรวมก่อน”

   แล้ววายะก็วิ่งกลับไป คงโดนโค้ชดุแน่ๆที่วิ่งมาหาเขาแบบนี้  พอเห็นว่าวายะโดนดุจริงๆเธียร์ก็อดหัวเราะออกมาเบาๆไม่ได้

   “เอ่อ เป็นเพื่อนกับพี่วายะเหรอคะ”

   หนึ่งในสองสาวที่พูดถึงวายะเมื่อกี้เดินมาถามเธียร์

   “ครับ”

   เธียร์ตอบรับไปและยิ้มให้ สองสาวเลยชวนคุยโน่นคุยนี่ ที่จริงก็คุยเรื่องวายะนั่นล่ะ

   “เธียร์”

   เสียงเข้มๆที่ดังขึ้นข้างๆทำให้ทั้งสามคนหยุดการพูดคุยไว้

“ไปกันรึยัง”

เธียร์พยักหน้าแล้วลุกขึ้น

“ไปก่อนน.....เฮ้ย”

เธียร์ที่กำลังหันไปลาสองสาว แต่ยังไม่ทันพูดจบดีก็โดนวายะฉุด ดึง ลาก กระชากออกมาซะก่อน ส่วนสองสาวที่เห็นแบบนั้นแทนที่จะโกรธอาการไม่มีมารยาทของวายะ ดันกรี๊ดกร๊าดเข้าไปอีก เป็นอะไรกันมากรึเปล่าล่ะนั่น เฮ้อ...มันอะไรกันนักกันหนานะ

“นี่ เบาๆหน่อยสิ เจ็บนะ”

เธียร์โวยวายใส่วายะที่กำแขนเขาซะแน่น แถมลากเอาลากเอา เดินก็เร็ว ไม่ได้คิดเลยรึไงนะว่าขานักกีฬาชมรมบาสอย่างตัวเอง กับขาคนธรรมดาชมรมกลับบ้านอย่างเขาน่ะมันต่างกัน

“นี่ มันเจ็บ!!”

เสียงที่ดังขึ้นเหมือนเรียกสติวายะกลับมา ร่างสูงหันมามองเธียร์ที่หายใจหอบเพราะต้องเดินตามให้ทันวายะ ข้อมือแดงจากการโดนจับอย่างแรง

“โทษที”

มองแล้วเสยผมอย่างลำบากใจ

 “เป็นอะไรของนาย”

 “ไม่รู้สิ  โทษทีแล้วกันนะ”

วายะตอบแล้วออกเดินช้าๆ

“นี่ ไปดื่มกันไหม”

วายะพูดขึ้นมาลอยๆ

“ยังไงพรุ่งนี้ก็หยุดนี่”

“อือ ไปก็ไป”

...........................

   “ฮื่อ...นี่มันอะไรกัน!!!”

เธียร์ลืมตาขึ้นมาแล้วต้องตกใจกับสภาพเปลือยเปล่าของตัวเอง แถมข้างๆยังมีวายะที่นอนอยู่ในสภาพไม่ต่างกัน ร่างสูงที่รับรู้ถึงการเคลื่อนไหวข้างกายก็ลืมตาขึ้นมามองเธียร์ที่ตื่นมาโวยวายด้วยสายตาไม่เข้าใจ
   
“ตื่นแล้วเหรอ”ขยี้ตาพลางยันตัวลุกขึ้น

   “นี่ เมื่อคืน....”

   “ฮื่อ นายน่ารักจัง”

   วายะตอบทันทีทำเอาเธียร์ได้แต่อึ้งไป น่ารักเหรอ บ้าน่า

   “เมื่อคืนมัน...มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

   “อะไรกัน จำไม่ได้เหรอ”

   ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่าแต่เหมือนวายะจะอารมณ์เสียไปไม่รู้ว่าทำไม

“เมื่อคืนเราไปดื่ม”

“รู้แล้ว แล้วจากนั้นล่ะ”

“ฉันเมา นายเมา ฉันชวนนายขึ้นเตียง นายตกลง จบ”

วายะพูดแล้วล้มตัวนอนอีกที แต่คราวนี้หันหลังให้เธียร์เป็นการปิดฉากการพูดคุย  เธียร์ไม่ค่อยอยากจะเชื่อ แต่ความรู้สึกเหมือนกับว่ายังมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในส่วนลึกของร่างกายนี่มันอะไรกัน  ยิ่งเมื่อยืนขึ้นแล้วของเหลวขุ่นที่ไหลลงมาตามขาก็เป็นหลักฐานยืนยันได้ในทันทีว่า วายะไม่ได้โกหก วันนั้นที่ทำตอนที่วายะเมาไม่ได้สติยังไม่เป็นมากขนาดนี้เลย เมื่อคืน คงไม่ใช่ครั้งเดียวสินะ

“ทำไม...”

เธียร์ถามร่างที่หันหลังให้อย่างไม่เข้าใจ

“ทำไมถึงได้...ทำไมถึงได้ทำ...”

เมื่อโดนถามด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ สั่นๆ เหมือนคนถามจะร้องไห้ วายะเลยลุกขึ้นมาอีกครั้ง
   
“นี่จำไม่ได้จริงๆสินะ”

   น้ำเสียงและท่าทางบอกว่าคนตรงหน้ากำลังไม่พอใจอย่างมาก เธียร์ได้แต่เงียบแทนคำตอบ

   “ก็รู้สึกดีไม่ใช่เหรอ เรื่องที่เกิดขึ้นน่ะ”

   วายะพูดพลางเสตาไปด้านอื่น เพราะโมโหอยู่ เลยอยากพูดอะไรให้เธียร์รู้สึกบ้าง แต่ร่างบางก็ยังเงียบ ไม่มีเสียงตอบ มือหนาจึงเคลื่อนไปฉุดร่างคนที่ยืนอยู่ให้ล้มลงมาบนเตียงอีกครั้ง

   “จำไม่ได้ งั้นจะรื้อฟื้นความจำให้ละกันนะ ว่าเมื่อคืนน่ะมันดีแค่ไหน”

   วายะว่าพลางก้มลงกัดยังลำคอขาวทันที

   “โอ๊ย...”

   เธียร์เพิ่งได้สติจากความเจ็บที่โดนกัด

   “ปะ...ปล่อยนะวายะ โอ๊ย...อย่า...เจ็บ”
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " ไดอารี่ของไคล์ " 02/06/54 เปิดจองP.1
เริ่มหัวข้อโดย: JUPJIB ที่ 08-06-2011 20:32:18
เธียร์พยายามผลักร่างของวายะให้พ้นจากร่างตน แต่วายะไม่มีท่าทางว่าจะขยับตามแรงผลักสักนิด ริมฝีปากยังคงเคลื่อนต่ำลงไปเรื่อยๆถึงจะพยายามใช้มือดันใบหน้าให้ออกห่างจากร่างกายตน ก็ไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายสะทกสะท้านเลย ฝ่ายวายะที่ปล่อยให้ร่างเล็กกว่า ทั้งทุบ ทั้งดันอยู่นานก็เริ่มรำคาญ จึงใช้มือตรึงมืออีกฝ่ายไว้
   
“ไม่เอานะวายะ หยุด”

   เมื่อไม่สามารถใช้มือต่อต้านได้ ขาสองข้างเองก็โดนกดทับไว้ จึงได้แต่ร้องห้ามเท่านั้น

   ร่างสูงเคลื่อนริมฝีปากต่ำลงมาจนกระทั่งถึงยอดอกสีสวย

   “อะ...วายะ...อย่า”

ลิ้นที่โลมเลียยอดอกอย่างชำนาญทำเอาเธียร์ผวาไปทั้งร่าง ยิ่งโดนกระตุ้นก็ยิ่งรู้สึกถึงความแข็งตึงของยอดอกพร้อมๆกับที่ส่วนล่างของตนเริ่มขยายตัวขึ้นช้าๆ

   “อือ...อย่า”

   มือข้างนึงคลายข้อมือให้เธียร์เป็นอิสระแล้วย้ายมากอบกุมส่วนที่กำลังขยายตัวของเธียร์แทน ร่างบางไม่ได้ดิ้นรนขัดขืนอีกต่อไป ที่ทำก็มีเพียงดึงปกคอเสื้อของวายะไว้เท่านั้น

   “หึ   รู้สึกดีสิท่า”

   วายะพูดด้วยน้ำเสียงราวกับกำลังเยาะเย้ย ประชดประชัน แต่ก็ไม่ได้ทำให้เธียร์ได้สติสนใจฟังสักนิด

   “ถ้าเข้าไปตรงนี้จะยิ่งดีนะ”

   พูดพร้อมกับสอดนิ้วเข้าไปยังจุดซ่อนเร้น และขยับเข้าออก

   “อะ...อืม...”

   “ยังค้างอยู่เลยนะ ต้องเอาออกด้วยนะ ตรงนี้น่ะ”

   “อะ...อย่า”

   “แต่อย่างงี้ก็ดี”

   วายะว่าพลางถอนนิ้วออกและพลิกตัวร่างบางให้คว่ำหน้าลง สะโพกของเธียร์ถูกยกให้ลอยขึ้นแก่นกายร้อนระอุที่ขยายตัวเต็มที่แทรกเข้าไปอย่างแรงครั้งเดียวจนสุด

   “อึก...อึก...”

   เสียงร้องที่เจ้าของพยายามกัดผ้าปูที่นอนเพื่อกลั้นไว้หลุดออกมาเมื่อรู้สึกเจ็บจากการรุกรานครั้งนี้ ถึงจะไม่มากอย่างที่คิดแต่ก็ยังรู้สึกเจ็บอยู่ดี คนรุกรานไม่ได้สนใจร่างข้างใต้ตนเลยเลย ความโมโหดูจะมีอำนาจเหนือกว่า การที่ร่างบอบบางตรงหน้าเจ็บปวดบ้างดูจะทำให้วายะพอใจเป็นอย่างมาก

   “อย่า อะ...อึก...”
   เธียร์ที่พยายามเปิดปากห้าม ก็พูดออกมาแทบจะไม่เป็นคำเมื่อวายะเริ่มขยับกาย มือหนาอ้อมไปทางด้านหน้ากอบกุมแก่นกายของร่างข้างใต้ไว้อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงกอบกุมไว้เฉยๆวายะขยับขึ้นลงและคลึงยังส่วนปลายไปด้วยเพื่อกระตุ้นอารมณ์อีกฝ่ายให้มากขึ้น

   “อึก...อือ...อึก ”

   เมื่อร่างกายเริ่มชิน ก็ปฏิเสธไม่ได้สักนิดว่ารู้สึกดี สะโพกที่ถูกยกขึ้นขยับตามจังหวะที่อีกฝ่ายนำไปอย่างเป็นธรรมชาติ เธียร์ลืมความอาย หรือเหตุผลใดๆทั้งสิ้นสองมือจิกทึ้งผ้าปูที่นอนแน่น ใบหน้าแหงนขึ้นเพื่อสูดเอาอากาศให้หายใจได้เต็มที่ เรียวปากที่ตั้งใจจะปิดเสียงตัวเองไว้ก็เผลอส่งเสียงออกมาด้วยความรัญจวน

   “อะ...อา...วายะ...วายะ...อะ”

   ชื่อของอีกฝ่ายถูกเอ่ยออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับเพ้อ วายะเองพอได้ยินคนตรงหน้าเรียกตนเองด้วยน้ำเสียงสั่นพร่าก็เริ่มลืมความโกรธที่มีไป ร่างสูงขยับกายเร็วและแรงขึ้น ไม่ใช่เพื่อให้อีกฝ่ายเจ็บปวด แต่เพื่อให้รู้สึกมากขึ้น รู้สึกถึงตัวตนของเขามากขึ้น มือหนายังคงขยับกำรูดแก่นกายของร่างบางตามจังหวะการขยับของสะโพก

   “อะ...วายะ...พอ...ไม่ไหว...อะ...อะ”

   เธียร์ร้องบอกพร้อมกับที่ช่องทางด้านหลังบีบรัดแน่นขึ้นตามอารมณ์ที่ใกล้จะไปถึงจุดสิ้นสุดจังหวะขยับที่กระชับถี่เร็วขึ้นทำให้ร่างบางไม่สามารถทนได้อีกต่อไป

   “อะ...อะ...อา...วายะวายะวา..ยะ...”
   
ร่างบางกรีดร้องเรียกชื่ออีกฝ่ายพร้อมๆกับที่ หยาดหยดแห่งความรัญจวนพรั่งพรูออกมาจนสิ้น  ส่วนลึกของร่างกายตอบรับเป็นจังหวะ วายะแทรกกายจนสุดอีกครั้ง  ของเหลวร้อนระอุถูกปลดปล่อยภายในช่องทางลึก ร่างข้างใต้ทรุดลงทันทีที่ร่างสูงปล่อยมือจากสะโพกบาง สติค่อยๆพร่าเลือน จนเหมือนจะคล้อยหลับไป แต่แล้วอยู่ๆ เธียร์รู้สึกเหมือนตัวเองถูกยกให้ลอยขึ้น อ้อมแขนแข็งแรงและอบอุ่นทำให้ซุกหน้าเข้าหาอย่างลืมตัว
   
“อย่าเพิ่งหลับนะ หลับแบบนี้ไม่สบายตัวหรอก”

   เสียงทุ้มๆฟังสบายหู แต่เนื้อความไม่ได้เข้าหัวเลยสักนิด ไม่รู้ตัวว่าถูกวางลงในอ่างอาบน้ำเมื่อไหร่มารู้สึกตัวกระแสน้ำเย็นๆก็รินรดโดนตัวแล้ว นิ้วแกร่งสอดเข้าทำความสะอาดในส่วนเร้นลับให้เขาอย่างชำนาญ ทั้งๆที่รู้ดีว่าสภาพตัวเองตอนนี้น่าอายแค่ไหน แต่เธียร์ก็ทำอะไรไม่ได้ ความเหนื่อยล้าของร่างกายและจิตใจทำให้เขา ไม่มีแรงทำอะไรทั้งนั้น สมองก็ไม่ทำงาน ที่ทำได้ก็เพียงแค่ปรือตามองอย่างคนครึ่งหลับครึ่งตื่นเท่านั้น

   “นี่มันหมายความว่ายังไง ฮึ โชยะ”

   ไคล์โยนถุงที่มีช็อกโกแล็ตเต็มถุงตรงหน้าโชยะ คนที่นั่งดูทีวีอยู่หันมามองด้วยสายตาไม่เข้าใจว่าไคล์โวยวายเรื่องอะไร
   
“ที่ว่าหมายความว่าไงนี่เรื่องอะไรเหรอ”

   โชยะถามกลับ เพราะไม่เข้าใจจริงๆ แต่สำหรับไคล์แล้ว นั่นเป็นเหมือนการเพิ่มอารมณ์โกรธมากขึ้นไปอีก
   
“ทำ...ไม...นาย...ถึง...รับ...ของ...พวก...นี้...มา...”

   ไคล์ถามเสียงเข้ม ช้าๆ ชัดๆ ตอนนี้เองที่โชยะเพิ่งเข้าใจว่าไคล์โกรธเรื่องอะไร

   “ไม่เอาน่าไคล์ ก็แค่ของที่พวกผู้หญิงเดินแจกในห้องเรียนตามมารยาทเท่านั้นล่ะ ไม่มีอะไรหรอก”
   
โชยะพยายามอธิบาย แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล เพราะไคล์ยังยืนนิ่ง เม้มปากแน่น ตามองไปทางอื่นไม่หันมาสบกับโชยะ เดินแจกตามห้องบ้าอะไร ของเดินแจกตามห้องเขาก็ใช้ของไม่แพงสิ นี่มีแต่ของดีๆทั้งนั้น โชยะไม่เข้าใจอีกแล้วว่าทำไมไคล์ถึงโกรธ ก็มันไม่มีอะไรจริงๆนี่นา แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากถาม ไคล์ก็หันหลังเดินหนีไปเสียแล้ว

   “ไคล์เดี๋ยว เฮ้ย”

   โชยะร้องตกใจเมื่อเดินตามไคล์ไป แต่เจอไคล์ปิดประตูห้องใส่หน้าแทน

   “ไคล์ เป็นอะไร ออกมคุยกันให้รู้เรื่องก่อนสิ ไคล์ ไคล์”

โชยะทุบประตูหน้าห้องพลางส่งเสียงเรียก...แต่...ไม่มีเสียงตอบรับใดๆออกมา เอาไว้ให้ใจเย็นก่อนแล้วกัน โชยะคิดเมื่อรู้สึกอ่อนใจ พรุ่งนี้วันวาเลนไทน์แท้ๆ ทำไมต้องมาทะเลาะกันด้วยนะ เฮ้อออออออออออออ

........................................................

   
“อ้าวไคล์ ทำไมนั่งหน้ามุ่ยอย่างนั้นล่ะ”

   เธียร์ถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อพี่ชายมานั่งทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ที่ห้องรับแขกของตน

   “แล้ววันนี้ไม่ไปเดทเหรอ โชยะไปไหนแล้วล่ะ”

   พอเธียร์ถามถึงคนรักของพี่ชาย เจ้าตัวก็ล้มตัวนอนลงบนโซฟาทันที

   “คนอย่างนั้นน่ะ เลิกกันแล้วล่ะ”

   ไคล์พูดงอนๆ เธียร์ก็อดยิ้มไม่ได้ที่พี่ชายทำตัวเหมือนเด็กแบบนี้ นานๆจะเห็นสักที

   “ไม่เอาน่า”

   “บางทีฉันก็รู้สึกว่าการไม่รู้อะไรเลยนี่ทรมานใจชะมัด”

   ไคล์พูดเบาๆ เขาแทบไม่รู้เรื่องของโชยะเลย ถึงแม้จะรู้มากขึ้นกว่าแต่ก่อนแต่เพราะเขาเอ่ยปากเองว่าค่อยๆเรียนรู้กันไปก็ได้ โชยะเลยไม่ค่อยบอกอะไร ตัวไคล์เองก็อยากที่จะรู้เองมากกว่าให้เจ้าตัวเขาบอก

   เธียร์มองพี่ชายแล้วส่ายหน้า

   “ฉันว่าบางทีไม่ค่อยรู้ก็ดีนะ”

   เธียร์พูดแล้วนึกถึงเรื่องของตัวเอง เพราะคบกันมานาน เพราะสนิทกันมาก มันก็ช่วยไม่ได้ที่จะเข้าใจความคิดส่วนใหญ่ของกัน หลังจากที่มีอะไรกันครั้งที่สองแล้ว จากนั้นมาเขาและวายะก็กลายสภาพมาเป็นคู่นอนกันไปโดยปริยาย ถึงวายะจะไม่ได้พูดตรงๆ แต่การที่ยังลากเขาขึ้นเตียง ถ้าไม่บอกว่าเป็นคู่นอน แล้วมันอะไร แม้วายะจะอ่อนโยนด้วยเสมอ มากกว่าตอนที่ยังไม่มีอะไรกัน แต่ก็โดนตีตัวออกห่าง วายะไม่ชวนเขาไปเล่นบาส หรือฟุตบอลตอนพักเที่ยงหรือตอนเย็นอีกแล้ว ถึงจะมานั่งกินข้าวด้วยก็เถอะ เมื่อก่อนมีเขาอยู่ในทีมเสมอ แต่เดี๋ยวนี้เขาทำได้เพียงนั่งดูเท่านั้น เธียร์ไม่เข้าใจ ความห่างเหินพวกนี้คืออะไร เรื่องที่กอดเขาก็เหมือนกัน ถ้าถามว่าทำทำไม วายะก็จะโมโหฟึดฟัด แล้วก็ว่าก็อยากกอด วายะไม่พูด แต่เธียร์ก็รู้ว่าวายะกำลังใช้เขาเป็นตัวแทนของไคล์ พอคิดมาถึงตรงนี้น้ำตาก็ชักจะไหล
   
“แล้วจะไปไหนล่ะวันนี้”

   ไคล์ถามเพราะชุดที่น้องชายแต่ง
   
“อือ ไม่รู้สิ วายะไม่ได้บอกน่ะ บอกให้รอ...เดี๋ยวมารับก็เท่านั้นเอง”

   “หืมมมมมมมมมม ไปเดทเหรอ”

   ไคล์หันมาแซวเธียร์ที่รีบปฏิเสธเป็นพัลวัน

   “ไม่ใช่หรอก ธุระน่ะธุระ”

   ไคล์มองอย่างรู้ทัน ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเธียร์คิดยังไงกับเพื่อนสนิทตัวเอง วายะก็ดูจะชอบเธียร์นะ แถมหลังๆเขาเห็นรอยคิสมาร์กบนตัวเธียร์บ่อยๆ วายะก็มาค้างที่บ้านเธียร์บ่อยขึ้น ตอนนี้ต้องเลิฟๆกันอยู่แน่ๆ

   “เชอะ เรารึต้องแกร่วอยู่บ้าน”

   พูดจบเสียงโทรศัพท์มือถือของไคล์ก็ดังขึ้นทันที ไคล์ไม่สนใจจะรับมัน เสียงเรียกเข้าที่ตั้งไว้เป็นแบบเฉพาะทำให้รู้ว่าใครโทรมา เธียร์มองหน้าพี่แล้วหยิบมารับแทน

   “ฮัลโหล”

   “ไคล์ อีกสามสิบนาทีฉันไปรับนะ”

   “อือ”

   “งั้นไว้เจอกันนะ แค่นี้นะ” แล้วก็วางไป

   ไม่แปลกที่โชยะแยกเสียงไคล์กับเธียร์ไม่ออก เพราะเสียงสองคนเหมือนกันมาก ยิ่งในโทรศัพท์ยิ่งเหมือน ไม่ใช่แค่เสียงเท่านั้น หน้าตายังเหมือนกันอีก ก็แฝดกันนี่นะ ถ้าทำผมทรงเดียวกันนะ แต่ไคล์มักจะหวีผมเรียบร้อย ในขณะที่เธียร์ชอบทำให้ชี้ๆมากกว่า แล้วเธียร์ก็สูงกว่าไคล์เล็กน้อย

   “เขาบอกว่าอีกสามสิบนาทีจะมารับ ไปแต่งตัวสิ”

   “เชอะ...อ่ะ...จริงสิ”

   ไคล์กระเด้งตัวลุกจากการนอนยาวบนโซฟา ทำเสียงเหมือนนึกอะไรได้

   “มาเล่นสลับตัวกันไหม”

   ไคล์อมยิ้มกับแผนการของตน

   “นะนะ วันเดียวเอง”

   เธียร์นึกถึงว่า วายะกำลังชอบไคล์อยู่ เพราะงั้นถ้าได้อยู่กับไคล์คงจะดีใจกว่าแน่ๆ

   “ก็ได้”

   จากนั้นทั้งสองก็เริ่มการทำตัวเป็นอีกคนทันที

   “แต่ว่าฉันสูงกว่าไคล์นี่”

   “ไม่เป็นไร ถ้าเราไม่ยืนเทียบกันก็ไม่รู้หรอก”

   แล้วเสียงออดหน้าประตูบ้านไคล์ก็ดังขึ้น ไคล์แอบอยู่ตอนที่โชยะเข้ามาและเดินออกไปพร้อมกับเธียร์

   “เชอะ แยกก็ไม่ออก”

   ไคล์บ่นอุบอิบ ถึงโชยะจะไม่เคยเจอเธียร์ก็เถอะ แต่แค่แฟนตัวเองก็จำไม่ได้นี่ ไคล์บ่นแล้วเดินไปทางบ้านเธียร์รอวายะมารับ

............................................
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " ไดอารี่ของไคล์ " 02/06/54 เปิดจองP.1
เริ่มหัวข้อโดย: JUPJIB ที่ 08-06-2011 20:33:03
“จะไปไหนกันดีล่ะ”

   โชยะถามเธียร์ที่ปลอมเป็นไคล์ เธียร์มองแฟนพี่ชายอย่างขอลุแก่โทษ เขาอยากให้วายะสมหวังบ้างก็เท่านั้น

   “ไม่รู้หรอกนะว่าเล่นอะไรกัน แต่ว่าถ้าต้องมาทำหน้าอย่างนั้นก็อย่าทำตั้งแต่แรกสิ”

   โชยะพูดแล้วส่ายหน้าระอา ส่วนเธียร์มองแฟนพี่ชายอย่างตกใจ โชยะพูดเหมือนรู้

   “แล้วนี่ไคล์ไปไหนล่ะ แอบตามมารึเปล่า”

   โชยะว่าแล้วหันหลังไปมองหา

   “รู้เหรอ”

   วายะถามอย่างหวาดหวั่น นี่เขาทำอะไรให้โชยะจับได้กันนะ

“รู้ตั้งแต่เห็นที่บ้านแล้วล่ะ เธียร์สินะ”
เธียร์พยักหน้าอย่างรู้สึกผิด

“ยินดีที่ได้เจอกัน แต่ว่าเจอกันแบบนี้แปลกๆอยู่นะ”

โชยะพูดยิ้มๆเมื่อเห็นคนตรงหน้าหน้าเสียไป

เขารู้ว่าคนต้นคิดคงเป็นคนของเขาแน่ๆ

“แล้วนี่ไคล์ล่ะ”

“ไปแทนนัดของฉันน่ะ”

โชยะส่ายหน้าระอา คนพี่ก็คิดได้ คนน้องก็ยอมทำตาม ไม่รู้คู่นัดทางโน่นจะว่าไง

“แล้วไปที่ไหนล่ะ”

พอเธียร์บอกสถานที่โชยะก็พาไปที่เดียวกันทันที

.........................................

   ไคล์มาธุระที่เธียร์ว่าแทน แต่ดูยังไงก็ไม่เห็นมีธุระสักนิด นี่มันเดทชัดๆ ตอนที่วายะมารับ พอเปิดประตู วายะก็ยืนนิ่งไปจนไคล์นึกว่าจะจับได้ซะแล้ว แต่วายะก็ไม่ได้ว่าอะไร พูดคุยและทำตัว แบบปกติ...ปกติรึเปล่านะ ไม่รู้สิ ไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่ เธียร์ก็ไม่โทรมาสักที

เสียงเปิดประตูร้านดังขึ้น โชยะกับเธียร์เดินเข้ามา โชยะใช้มือข้างซ้ายโอบเอวเธียร์แล้วพาไปนั่ง ไคล์มองภาพตรงตรงหน้าอย่างไม่สบอารมณ์ ปกติโชยะไม่ทำบ่อยๆหรอก แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยทำ ไม่อยากมอง ไคล์เลยเบือนหน้าหนีไปอีกทาง แต่แล้วก็เหลือบไปเห็นสายตาของวายะที่กำลังมองไปนั้น โกรธอยู่แน่ๆ

“วายะ รู้เหรอ”

ไคล์ถามเบาๆด้วยความไม่แน่ใจ

“อือ”

ตอบเรียบๆ ไคล์เลยถอนหายใจออกมา

“ขอโทษนะ เพราะฉันแท้ๆ เลยไม่ได้มาเดทกับเธียร์เลย”

“ช่างเถอะ มันอยู่ที่เจ้าตัว”

วายะพูดจบก็หันไปมองโต๊ะโน้นอีกที

ทางด้านเธียร์ที่เห็นวายะมองมาด้วยสายตาไม่พอใจ ก็เอาแต่คิดว่าวายะคงนึกว่าเขาเป็นไคล์ เลยไม่พอใจที่เห็นไคล์อยู่กับแฟน
   
“กินอะไรดีล่ะ เดี๋ยวสั่งแล้วค่อยเข้าไปทักแล้วกัน”

   เธียร์พยักหน้าให้โชยะ  โชยะมองไปทางโต๊ะที่ไคล์กับวายะนั่งอยู่ ก็ปะทะสายตาเข้ากับวายะที่มองอยู่เต็มๆ ท่าทางที่บ่งบอกว่าไม่พอใจมากทำให้โชยะรู้ว่าฝั่งโน้นเองก็รู้ตัวเหมือนกัน
   
“ผู้ชายคนนั้นใคร”
   
วายะพูดขึ้นเมื่อเห็นทั้งสองลุกขึ้นและคงเดินมาทัก

   “แฟนฉันน่ะ”

   ไคล์อ้อมแอ้มตอบ โชยะกับเธียร์เดินมาถึงโต๊ะ และทักทายตามมารยาท แต่วายะกลับชวนให้นั่งด้วยกันซะนี่ โชยะก็ไม่ปฏิเสธเหมือนกัน พยายามกันตัวเธียร์ไว้ไม่ให้บอกไคล์ว่าแผนแตกแล้ว
วายะเองก็กันท่าไคล์ ทั้งสองเลยไม่มีโอกาสจะพูดให้อีกคนฟัง โชยะเอาใจเธียร์ตลอดเวลา มากกว่าที่ทำให้ไคล์อีก แล้วอยู่ๆก็ถามขึ้นมาว่า

   “เมื่อวานโกรธอะไรน่ะ ก็แค่ช็อกโกแล็ต”

   เธียร์ที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยได้แต่เงียบ และมองบรรยากาศมาคุบนโต๊ะอย่างหวาดหวั่นโชยะก็โกรธน่าดู ไคล์ก็พอกัน แล้วไหนจะวายะอีก โอย อยากหายตัวไปจากตรงนี้พอชักทนไม่ไหวเลยขอตัวไปห้องน้ำภาวนาให้ไคล์ตามเข้ามาที แต่ก็ไม่มีวี่แวว
   
พอออกมาจากห้องน้ำอีกที โชยะกับไคล์ก็หายไปแล้ว วายะที่เหลืออยู่บนโต๊ะก็นั่งทำหน้าไม่พอใจสุดๆอยู่

   “พวกนายเล่นอะไรกัน”
   ประโยคแรกที่ออกมาจากปากทำเอาเธียร์จ๋อยไปทันที  วายะลุกขึ้นแล้วดึงเธียร์ให้เดินตามออกมา
   
“แล้วผมนี่อะไร”

   วายะว่าพลางขยี้หัวให้ผมที่เรียบกลับมายุ่งอย่างเคย

   “นี่คงคิดอะไรบ้าๆอย่างอยากให้ฉันได้เดทกับไคล์อะไรทำนองนี้ล่ะสิ”

   พูดอย่างรู้ทัน เธียร์ก้มหน้าเดินตามวายะไป ไม่กล้าเถียงสักนิด เขาก็คิดอย่างนั้นจริงๆ และคิดว่าหากว่าไคล์ได้มาอยู่กับวายะสักวันอาจจะชอบวายะขึ้นมาก็ได้

   “นายนี่มัน....น่าโมโหชะมัด”

   วายะว่าแล้วเร่งฝีเท้าเดินเร็วขึ้นอีก

.......................................
   
   วายะพาเธียร์มาที่บ้านตัวเองและลากเข้าห้องทันที ร่างบางถูกเหวี่ยงลงบนเตียงอย่างแรง
   
“เลิกคิดเลิกทำอะไรบ้าๆสักทีจะได้ไหม”

   วายะบ่นแล้วถอดเสื้อตัวเองออก เธียร์ร่นถอยหลังเมื่อร่างสูงขึ้นเตียงมาอีกคน

   “แล้วเลิกทำท่าอย่างนั้นสักทีได้ไหม ทำเหมือนฉันกำลังจะข่มขืนนายงั้นล่ะ”

   เธียร์คิดในใจว่าแล้วมันไม่ใช่รึไง

   “นายตกลงคบกันเองนะแล้วมาทำท่าทางแบบนั้นหมายความว่าไง”

   ตกลงคบ...เมื่อไหร่หว่า ไม่เห็นจำได้
   วายะฉวยจังหวะที่เธียร์เผลอคว้าข้อเท้าเอาไว้แล้วกระชากแรงๆให้ร่างบางมาอยู่ใต้ร่างของตนทันที

   “ฉันโกรธนะวันนี้น่ะอย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก ไม่งั้น นายเจอดีแน่ๆ”

   วายะขู่ฟ่อ มือก็ถอดเสื้อไปด้วย

   “นี่เดี๋ยวสิ เราคบกันเมื่อไหร่ฉันจำไม่เห็นได้”

   “ช่างเถอะ เงียบๆไปก็พอ”

   กางเกงหลุดออกไปแล้ว

   “วันนี้วันวาเลนไทน์ แต่นายทำฉันโกรธ ก็รับการลงโทษไปแล้วกันนะ”

   แล้ววายะก็เริ่ม “ลงโทษ” เธียร์ทันที ตั้งแต่บ่าย...ยันเย็น...ไม่ให้ร่างบางได้พักบ้างเลยเธียร์แทบไม่มีเรี่ยวแรง ตอนเย็น วายะอุ้มเธียร์ไปอาบน้ำ ยกข้าวมาให้กิน แล้วจบลงด้วยการลงโทษต่อ
เธียร์ที่แสนเหนื่อยล้าได้แต่บ่นในใจว่า “ให้ตาย มันไปเอาเรี่ยวแรงมาจากที่ไหนกันนะ”

.................................................

   วายะลุกขึ้นกลางดึกหลังจากที่จัดการลงโทษอีกฝ่ายจนหนำใจ มองร่างที่หลับสนิทเพราะความเหนื่อยล้าอย่างเอ็นดู เขารู้มานานแล้วว่าเธียร์หัวช้า แต่ไม่นึกว่าจะซื่อบื้อได้ขนาดนี้ วายะมั่นใจว่าตัวเองแสดงออกชัดเจนมากว่าเธียร์เป็นคนสำคัญ ตั้งแต่เขารู้ตัวเองก็ทำแบบนั้นมาตลอด คนรอบข้างดูเหมือนจะรู้กันหมด เหลือแต่เจ้าตัวเท่านั้น เขาคงผิดเองที่ไปบอกว่าชอบไคล์ ตอนนั้นวายะคิดจริงๆว่าตนชอบไคล์ จนวันที่กินเหล้าเมา เมื่อตื่นขึ้นมาและได้เจอไคล์ เขาก็บอกตัวเองได้ในทันทีว่าไม่ได้ชอบไคล์ คนที่เขาชอบคือเธียร์ต่างหาก ที่คิดว่าตัวเองชอบไคล์ เพราะคิดว่าไคล์เป็นเธียร์ เธียร์ในแบบที่ไม่ใช่เพื่อนกัน จะว่าไงดีล่ะ คงชอบเธียร์แต่ไม่อยากเสียเพื่อนสนิทไปละมั้ง แต่พอได้คุยกับไคล์หลังจากที่คิดว่าชอบ ก็รู้ได้ว่าไม่ใช่ และไคล์กับเธียร์ไม่เหมือนกัน สองคนอาจจะไม่รู้ แต่ถึงหน้าตาจะเหมือนกันแค่ไหน บุคลิกและการแสดงออกอื่นๆไม่เหมือนกันสักนิด ตอนนี้ก็อยู่ที่เธียร์ล่ะนะว่าจะรู้ตัวเมื่อไหร่
   
“เฮ้อ...”

   ถอนหายใจเมื่อคิดว่าอาจจะคิดไม่ออกไปตลอดชีวิตเลยก็ได้ใครจะรู้ ถ้าเป็นอย่างนั้นจะทำไงดีล่ะ ทั้งๆที่วันที่เธียร์เมา เขารวบรวมความกล้าสารภาพออกไป และร่างบางก็ตอบรับรักเขาแล้วแท้ๆ แล้วไหงมันเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะเนี่ย ไอ้จะบอกเจ้าตัวไปตามความจริงก็ไม่อยากจะบอก เรื่องแบบนี้ดันลืมซะได้ ถึงจะเมาก็เถอะ แต่ก็โกรธอยู่ดี แล้วอีกอย่าง ถ้าได้ฟังความในใจของเธียร์อีกครั้งตอนที่เธียร์ไม่เมาคงจะดีไม่น้อย
   
“จะมีวันนั้นไหมเนี่ย”

   พูดแล้วก้มลงจูบขมับร่างบางเบาๆ

   “ฉันรักนายนะ เมื่อไหร่จะรู้ตัวสักที”

..........................................
   
 “พักนี้ไม่ค่อยเห็นออกไปไหนกับโชยะเลย”

เธียร์ถามเมื่อพี่ชายเอาแต่มาขลุกอยู่ที่บ้านตน

“เลิกกันแล้วน่ะสิ”

ฝ่ายนั้นตอบสบายๆราวกับว่าเป็นเรื่องเล็ก เธียร์หันไปมองอย่างไม่เชื่อ แต่ไคล์ก็ดูทีวีโดยที่ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมาเลย

“ทะเลาะกันเหรอ”

ถามเพราะเป็นห่วงพี่ชาย แต่อีกฝ่ายกลับทำท่าราวไม่คิดว่าเป็นเรื่องสำคัญอะไร

“จากกันด้วยดีต่างหาก คิดว่าที่จริงฉันชอบคนอื่นแล้วน่ะ”
“ใครเหรอ”

“วายะไงล่ะ”

พอไคล์พูดจบ เธียร์ก็หน้าถอดสีทันที วายะงั้นเหรอ ไคล์ชอบวายะ

“เธียร์ เธียร์”

ไคล์ส่งเสียงเรียกเมื่อเห็นว่าน้องชายเงียบไป

“เอ่อ...อะไรนะ”

“ไม่ได้ฟังเหรอ”

“ขอโทษที ยังไงจะช่วยเชียร์นะ”

เธียร์พูดแล้วยิ้มออกมา ไคล์ชอบวายะ วายะก็ชอบไคล์ แบบนี้ก็ลงตัวแล้วสินะ คนที่เขารักสองคนจะมีความสุข เขาต้องดีใจสิ แล้วทำไมน้ำตามันจะไหลแบบนี้ล่ะ

“ฉันรู้นะว่าเธียร์ก็ชอบวายะน่ะ”

ไคล์พูดตรงๆจนคนฟังสะดุ้ง

“จะว่าฉันนิสัยไม่ดีก็ได้นะ แต่เพราะชอบไปแล้วเลยไม่รู้ต้องทำไง”

ไคล์พูดด้วยสีหน้าเศร้าๆจนเธียร์ต้องรีบเข้าไปปลอบ

“ไม่เป็นไรหรอกน่า อย่าคิดมากสิ เรื่องของหัวใจน่ะ จะไปบังคับมันได้ไง”

“งั้นเราสองคนมาพยายามด้วยกันนะ”

ไคล์จับมือเธียร์ไว้ และพูดด้วยสายตามุ่งมั่น ในขณะที่เธียร์ได้แต่พูดในใจว่า อย่างเขาพยายามไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก ก็วายะน่ะ ชอบไคล์นี่นา คงหมดเวลาของตัวแทนอย่างเขาแล้วแน่ๆ

...................................

   จากนั้นมา เมื่อวายะมาที่บ้านไคล์จะอยู่ด้วยเสมอ วายะเองก็ไม่เข้าใจว่าไคล์กำลังทำอะไรอยู่ ท่าทางที่เอาอกเอาใจเขาเกินกว่าเหตุ แถมเมื่อไคล์มาอยู่ใกล้ๆแบบนี้ เธียร์ก็ยิ่งถอยห่างเขาไปมากขึ้นทุกที นี่มันเรื่องอะไรกัน ปวดหัวซะจริง
   
“วายะ อันนี้อร่อยไหม”

   ไคล์ถามพลางยื่นหน้ามาใกล้ๆ

   “อืม ก็ดี”

   ตอบอย่างเสียไม่ได้แล้วหันไปมองเธียร์ที่นั่งก้มหน้ากินข้าวโดยไม่พูดอะไร พักนี้เธียร์ไม่ค่อยยอมสบตาเขาเท่าไหร่ แถมตอนอยู่ที่โรงเรียนยังเหมือนหลบหน้าเขายังไงไม่รู้

   “วันนี้วายะก็มาค้างที่นี่เหรอ”

   ไคล์ถามเสียงหวาน วายะที่ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับไคล์ก็พยักหน้าแทนคำตอบ
   
“ดีจัง งั้นฉันมานอนด้วยได้ไหม”
   
วายะไม่ตอบ ถ้าถามน่ะ ตอนนี้เขาอยากอยู่กับเธียร์สองคนมากกว่า ถ้าเป็นไคล์ปกติเขาก็ไม่ว่าอะไรหรอก แต่ไคล์ตอนนี้น่ะ...ไม่ไหวๆ
   
“ได้ไหมเธียร์”
   
เมื่อวายะไม่ตอบ ไคล์เลยหันมาถามน้องชายแทน เธียร์พยักหน้าในขณะที่ยังก้มหน้ากินข้าวเหมือนเดิม
   
ตอนที่ไคล์บอกให้พยายามด้วยกัน เขาเป็นคนบอกเองว่าจะหลีกทางให้ เพราะงั้น ตอนนี้เขาจะพูดอะไรได้
.....................

   ไคล์มาสารภาพรัก...นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน วายะแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เขาไม่อยากจะเชื่อว่าไคล์ชอบเขา เป็นไปไม่ได้ หรือว่าเธียร์แกล้งเขาอีก วายะเพ่งมองร่างตรงหน้าว่าเป็นเธียร์ปลอมตัวมากรึเปล่า แต่...ดูยังไงก็ไคล์ชัดๆ
   
“คือว่า...”
   
วายะพยายามคิดหาคำพูดดีๆซักคำ เสียงกุกกักที่ดังมาห่างไปไม่มาก ทำให้ทั้งคู่ต้องหันไปมอง ร่างที่หันหลังวิ่งหนีไวไวนั่นไม่บอกก็รู้ว่าเป็นใคร
   
“นายเล่นอะไรน่ะ”
   
วายะถาม แล้วยิ่งพอหันไปเห็นรอยยิ้มของไคล์ก็ยิ่งต้องการคำตอบมากขึ้นไปอีก

..........................
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " ไดอารี่ของไคล์ " 02/06/54 เปิดจองP.1
เริ่มหัวข้อโดย: JUPJIB ที่ 08-06-2011 20:33:50
   เธียร์ล้มตัวลงบนที่นอน พยายามเช็ดน้ำตาให้หมด เมื่อถึงเวลาที่ต้องแสดงความยินดีกับคนที่เขารักทั้งสองคนจะต้องทำด้วยใจจริง แค่ตอนนี้เท่านั้นที่ขอร้องไห้ก่อน พยายามคิดว่าต้องทำใจให้ได้ แต่แล้ว ภาพที่ทั้งคู่กอดกัน ร่างที่วายะกอดเป็นไคล์ไม่ใช่ตน ก็โผล่ขึ้นมาในความคิด ไม่เอานะ เรื่องแบบนั้น เธียร์สะอื้นร้องไห้
   
เสียงขึ้นบันได้มาด้วยความรีบเร่ง และตามด้วยเสียงเคาะประตูห้องสนั่นหวั่นไหว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนที่ไม่เกรงใจชาวบ้านนี้เป็นใคร คงรีบมาบอกข่าวดีให้เขารู้ แต่ตอนนี้เธียร์ยังไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น
   
“เธียร์”
   
เสียงข้างนอกตะโกนเรียกอย่างร้อนใจ แต่ข้างในก็ยังเงียบ
   
“เปิดประตูนะ ฉันรู้ว่านายอยู่ข้างใน”
   
เสียงวายะไม่ค่อยพอใจ แต่เธียร์ก็ยังนิ่งเฉย เขายังแสดงความยินดีตอนนี้ไม่ได้หรอก
   
ปึง...ปึง
   
เสียงประตูถูกเตะจากข้างนอกทำเอาเธียร์ตกใจ เพราะไม่คิดว่าวายะจะทำขนาดนี้
   
“นายจะเปิดหรือจะให้พังเข้าไป”

   เสียงที่ถามเข้ามาอย่างเหลืออดทำให้เธียร์ต้องรีบลงจากเตียงไปเปิดประตูให้ วายะทำจริงแน่ น้ำเสียงของเจ้าตัวบอกมาอย่างนั้น

   “นายจะบ้า เฮ้ย”

   ยังไม่ได้ต่อว่าจนจบ ร่างสูงก็โถมตัวมากอดเธียร์ไว้แน่น

   “ถ้าปกติดีก็ช่วยเปิดเร็วๆหน่อยสิ”

   วายะพูดเสียงสั่น ไม่คิดว่าเธียร์จะทำอะไรบ้าๆหรอก แต่มันก็อดห่วงไม่ได้

   “นาย ร้องไห้เหรอ”
   
วายะถามเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงสะอื้นจากคนในอ้อมกอด เธียร์ได้แต่ก้มหน้าซ่อนน้ำตาเมื่อโดนดันตัวออกช้าๆ

   “เฮ้อ...ถึงมันจะดูน่ารักดีก็เถอะนะ”
   
วายะพูดเบาๆเหมือนพูดกับตัวเอง แล้วก้มลงเช็ดน้ำตาให้อีกฝ่าย

   “หยุดร้องเถอะนะ”

   ว่าแล้วรวบเธียร์มากอดอีกที เธียร์เองก็อยากจะหยุดหรอก แต่มันยากนี่ พอคิดว่าวายะกับไคล์จะลงเอยกันมันก็

จริงสิ ไคล์ ถ้าไคล์มาเห็นล่ะก็ ไม่ดีแน่ คิดดังนั้นจึงรีบผละออกทันที โดยที่วายะยังไม่ทันได้ตั้งตัว

“เดี๋ยวไคล์มาเห็นจะเข้าใจผิดเอานะ”

พูดแล้วก็ยกแขนปาดน้ำตา พยายามห้ามตัวเองไม่ให้ร้องไห้

วายะส่ายหัวอย่างอ่อนใจ ลากเธียร์เข้ามาในห้องแล้วปิดประตู จับร่างบางนั่งลงบนเก้าอี้ แล้วย่อตัวลงจนหน้าอยู่ระดับเดียวกัน

“เอาล่ะ มองหน้าฉันสิ”

เธียร์ที่เอาแต่ก้มหน้า เงยหน้าขึ้นตามที่วายะบอก

“ฟังนะ ฉันอยากให้นายคิดได้เอง แต่ดูเหมือนนายจะนึกไม่ออกจริงไหม”

เธียร์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามกลั้นสะอื้น ไม่เข้าใจว่าวายะพูดอะไร

“ฉันรักนาย รักจริงๆ ไม่ใช่ตัวแทนอะไรทั้งนั้น ใครๆก็รู้ ไคล์ก็รู้”

“...”
   
เธียร์อ้าปากค้าง ตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน ฝ่ายคนพูดยืดตัวตรงอีกครั้งลูบหน้าด้วยความเขิน
   
“ฉันเคยบอกนายไปแล้วครั้งหนึ่ง”
   
“ไม่เห็นเคยได้ยิน”
   
เธียร์เถียง

“อ่า นั่นสิ เพราะนายจำไม่ได้นี่ล่ะที่ทำให้ฉันอารมณ์เสียที่สุด”

“แล้วมันวันไหนกันเล่า”

“ก็วันที่นายเมาไง”

เธียร์พยายามนึกเหตุการณ์หลังออกมาจากร้านเหล้า แต่ก็นึกอะไรไม่ออก

“แล้วทำไมนายไม่บอกอีกเล่า”

“นายลืม ฉันก็ต้องโกรธเป็นธรรมดา”
   
“ทำเป็นพูดดีตัวเองก็จำไม่ได้แท้ๆ”

   เธียร์ลุกขึ้นจากเก้าอี้ พูดอย่างไม่ยอมแพ้

   “จำอะไรไม่ได้”

   วายะเองก็ไม่ยอมเหมือนกัน

   “วันนั้นนายเองก็จำไม่ได้เหมือนกันแหละมาว่าเขา”

   “วันไหนไม่ทราบ”

   “ก็วันที่นายเมาเพราะรู้ว่าไคล์มีแฟนแล้วไง”

   “จำอะไรไม่ได้”

   “โธ่เว้ย ตัวเองเป็นคนกดคนอื่นบนโซฟาแท้ๆ โซฟานะไม่ใช่เตียง”

   วายะยิ้มขำกับคำพูดอย่างลืมตัวของเธียร์ พูดออกมาจนได้ ทำไมเขาจะจำเรื่องวันนั้นไม่ได้ แต่ตอนแรกยังมึนๆมันเลยนึกไม่ออก พอได้กลับไปนอนเต็มอิ่มที่บ้านก็นึกออกแล้ว แต่เมื่อเธียร์ไม่พูดอะไร เขาก็เลยไม่พูดเหมือนกัน คิดว่าเดี๋ยวเธียร์ทนไม่ไหวก็พูดขึ้นมาเอง แต่เธียร์ก็ไม่พูด เขาเลยเริ่มเองใหม่ซะเลย ก็กลายเป็นว่าเธียร์จำไม่ได้ซะอีก

   “นายยิ้มอะไรน่ะ”

   เธียร์ถาม หงุดหงิดที่มาโดนว่า

   “ยิ้มเพราะว่าไม่ใช่ว่าจำไม่ได้น่ะสิ”

   วายะพูด ส่งสายตาเจ้าเล่ห์ จนเธียร์เริ่มนึกออกว่าตัวเองพูดอะไรออกไป ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีเมื่อรู้ว่าได้พูดเรื่องน่าอายออกไปซะแล้ว

   “ฉันจะทำให้ดูก็ได้นะ ยืนยันว่ายังไม่ลืม”

   ว่าแล้วก็ฉุดมือร่างบางไปที่เตียง

   “ผิดที่ไปหน่อยคงไม่เป็นไรนะ”

   เธียร์ได้แต่อ้าปากค้างกับสิ่งที่ได้ยิน วายะทำไมเป็นคนพูดอะไรได้หน้าไม่อายขนาดนี้ล่ะ อ่ะ ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนี้

   “หยุดก่อนนะ”

   พยายามดันร่างสูงออก แต่วายะก็ไม่ปล่อย

   “เชื่อแล้วๆ ปล่อยเถอะ”

   “เชื่อเหรอ เชื่อง่ายจัง”

   วายะว่าพลางซุกใบหน้าลงสูดกลิ่นหอมที่ซอกคอขาว

   “ถ้าเชื่อแล้วก็ให้รางวัลฉันหน่อยแล้วกันนะที่จำได้”

   “อ่ะ...ไม่เอานะ”

   วายะเงยหน้าขึ้นมายิ้มใส่ตาคนที่ดันอกเขาอยู่ พอเห็นว่าร่างบางกำลังจะอ้าปากพูดอะไรสักอย่างก็ก้มลงแนบริมฝีปากปิดเสียงนั้นไว้ก่อน ลิ้นร้อนเข้ารุกรานชิมความหวานภายในเรียวปากบางเกี่ยวกระหวัดให้ร่างบางตอบรับซึ่งทำได้ไม่ยากนัก

   “อือ...อืม”

   เสียงหวานดังจากลำคอ เสื้อถูกถอดออกไปเมื่อวายะละริมฝีออก เธียร์ไม่มีแรงร้องห้ามต้องหายใจเข้าปอดเต็มที่ เขาแทบไม่มีสติเหลืออยู่ มือหนาลูบไล้ไปทั่วผิวกาย ต่ำลงไปเรื่อยๆจนถึงขอบกางเกง กระดุมถูกปลดออก แล้วกางเกงก็หลุดออกจากตัวเขาอย่างง่ายดาย

   “อ่ะ...อย่า”

   วายะส่งมือเข้ากอบกุมกลางลำตัวของเธียร์ทันที รูดรั้งเป็นจังหวะในขณะที่ก้มลงครอบครองริมฝีปากบางอีกครั้ง

   “อือ...อา”

   มือที่เคยผลักไสกลับหยุดนิ่งจับเสื้อของวายะไว้แน่น ร่างสูงถอนริมฝีปากออกและฝังจมูกลงที่ซอกคอขาว สูดกลิ่นหอมหวานจนเต็มปอด ก่อนที่จะเม้มริมฝีปากฝากร่องรอยเอาไว้

   “อา...วายะ วายะ”

   เสียงที่เปล่งเรียกแหบพร่าและสั่นน้อยๆ วายะยิ้มกับชื่อที่อีกฝ่ายเรียก ไม่มีชื่อใครนอกจากเขา ไม่มีไม่ว่าเมื่อไหร่ เมื่อก่อน ตอนนี้ หรือว่าจากนี้ไป มือที่ขยับอยู่ก็เพิ่มจังหวะขึ้นราวกับจะให้รางวัล

   “อ่ะ...อ่ะ ไม่ไหว ไม่ไหวแล้ว...อ่ะ”

   ของเหลวถูกปล่อยออกมา เปรอะทั่วตัวของทั้งคู่ แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจหรือคิดว่ามันสกปรก ร่างสูงไล่ริมฝีปากต่ำลงมาเรื่อยจนมาถึงยอดอกสีสวยที่บัดนี้ตั้งชันราวกับรอคอย ลิ้นสากแตะชิมและขบเม้มแรง

“อ่ะ...พอเถอะ”

เสียงที่ร้องห้ามยังปนอาการหอบน้อยๆ ถึงไม่ได้ทำอะไรเลยแต่เธียร์ก็รู้สึกเหนื่อยหอบ และวายะก็ไม่ปล่อยให้เขาได้พัก แก่นกลางลำตัวที่เพิ่งได้รับการปลดปล่อยไปเริ่มขยายตัวขึ้นมาอีกครั้ง และไม่ได้มีแต่เธียร์เท่านั้นที่สังเกตเห็น วายะก้มลงไปและครอบครองมันไว้ด้วยเรียวปาก

“อา...อย่า...อย่าทำ”

ถึงจะร้องห้ามแต่ก็ไม่ได้รับความสนใจ มือหนาเคลื่อนตัวไปด้านหลังและแทรกเข้าไปเพื่อสร้างความคุ้นเคย นิ้วแรกผ่านเข้าไปและเริ่มขยับ เมื่อช่องทางเริ่มคุ้นเคยมากขึ้นนิ้วที่สองและสามก็เพิ่มเข้ามา

“อ่ะ...วายะ พอ พอเถอะ”

ถึงแม้จะร้องห้ามแต่ก็พูดได้ยากว่ารู้สึกไม่ดี เมื่อถูกกระตุ้นทั้งทางด้านหน้าและด้านหลัง เธียร์ก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป

“วายะ...พอ...พอ...อ่ะ...อ๊า”

เธียร์ไปถึงจุดหมายอีกครั้ง ของเหลวที่ถูกปล่อยออกมาถูกวายะกลืนลงไปจนหมด

“นาย...กิน...ไม่ได้นะ”

พูดปนหอบหายใจ

“ทำไม ของนายหวานดีออก”

พูดแล้วก็ขยับมาแนบริมฝีปากลงมาอีกครั้ง ช่วงชิงลมหายใจของเธียร์ไปพร้อมๆกับสติ และกระซิบที่ริมหูว่า

“นายก็ทำด้วยสิ”

อยากปฏิเสธอยู่หรอก แต่ก็รู้สึกว่าตัวเองเอาเปรียบ เธียร์จึงเลื่อนตัวลงช้าๆไปหยุดที่ตรงกลางลำตัวของอีกฝ่าย หยุด หยุด และหยุด คงจะนานไปหน่อยวายะเลยหัวเราะขึ้นมาอย่างขำๆแกมเอ็นดู

“ไม่ขำนะ ใครจะไปรู้ดีเหมือนนายเล่า”

“นั่นสินะ”

วายะพูดแต่ยังไม่หยุดขำ เธียร์ส่งสายตาไปค้อนๆ

“ก็บอกมาสิหรือจะให้ฉันไปเรียนจากคนอื่น”

วายะยิ้มกับการประชดประชัน

“ก่อนอื่นก็ถอดกางเกง”

เธียร์ทำตาม พอกางเกงถูกถอดออก ความแข็งขืนของวายะก็ปรากฏแก่สายตาทันที ไม่ใช่ไม่เคยเห็น แต่ไม่เคยเห็นแบบใกล้ๆแบบนี้

“ที่นี้ก็ใช้ลิ้น”

เธียร์สูดหายใจเข้าลึกๆแล้วทำตาม

“ริมฝีปากนายด้วยสิ”
   
ไม่นานวายะก็ไม่สอนอีก เธียร์เริ่มเรียนรู้ด้วยตนเองได้ มันก็ไม่ได้แย่นะในความคิดเธียร์ เสียงครางต่ำที่ออกมาจากลำคอของร่างสูง ก็แสดงให้เห็นว่าเธียร์ก็ทำให้วายะพอใจได้เหมือนกัน
   
“นายก็เก่งนี่”
   
วายะว่าแล้วดึงตัวเธียร์ขึ้นมา เธียร์ลุกตามแรงฉุดอย่างสงสัย วายะถอดเสื้อตนออกแล้วเหวี่ยงไปข้างเตียง
   
“ทำไมล่ะ นายจะไปอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
   
“แต่ฉันอยากถึงในตัวนาย”
   
ว่าแล้วก็สลับตำแหน่งให้เธียร์ลงมานอนใต้ร่างตน มือกระตุ้นกลางลำตัวร่างบางอีกครั้ง ปากก็แนบลงมาพร้อมกับลิ้นหนาที่รุกรานเข้ามาทันที
   
“อึก...อือ...อือ”
   
วายะจับขาขาวแยกออกจากกัน ค่อยๆสอดแทรกแก่นกายร้อนเข้าภายใน และเริ่มขยับ
เธียร์ขยับตามจังหวะนั้นอย่างว่าง่าย มือจับบ่าวายะไว้แน่น
   
“ฉันรักนายนะ รักนาย”
   
วายะกระซิบเบาๆการสอดแทรกประสานส่งเสียงน่าละอายไปทั่วห้อง แต่ก็ดังน้อยกว่าเสียงที่ผ่านลำคอเรียวออกมา เธียร์ไม่เข้าใจสิ่งที่วายะบอก ไม่รู้ว่าวายะพูดอะไร ที่ได้ยินมีเพียงคำเดียวเท่านั้น คือคำว่ารัก และดูเหมือนมันจะยิ่งทำให้เธียร์รู้สึกร่วมไปกับร่างสูงมากยิ่งขึ้น ยิ่งวายะเร่งจังหวะ มือที่กำบ่าไว้ก็ยิ่งเพิ่มแรงขึ้นอีก
   
“วายะ...จะไป...อ่ะ....อา”
   
ส่วนกลางลำตัวที่โดนเสียดสีทุกครั้งที่ร่างสูงขยับก็ปล่อยของเหลวของมาอีกครั้ง ช่องทางด้านหลังที่บีบรัดแน่นขึ้นเรียกร้องให้สิ่งที่สอดแทรกภายในปลดปล่อยออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน ของเหลวร้อนๆถูกฉีดพ่นสู่ภายในจนเอ่อล้น
   
วายะฟุบตัวลงทับร่างบางแต่ก็ไม่นานเพราะกลัวอีกฝ่ายจะอึดอัด ขยับกายลุกและลงนอนข้างร่างบาง เธียร์รับรู้การเคลื่อนไหวเหล่านี้ และเข้าใจจุดประสงค์ของวายะ วายะเป็นแบบนี้เสมอ อ่อนโยนกับเขาเสมอ ไม่ว่าตอนไหน ทำไมเขาไม่คิดมาก่อนนะ คิดไปก็เริ่มง่วงเริ่มเคลิ้มหลับด้วยความเพลีย แต่มือหนาที่ลูบไล้ตามลำตัวอีกครั้งก็ปลุกสติเขาขึ้นมาได้
   
“อ่ะ...พอน่า”
   
วายะไม่ตอบแต่ไม่หยุดมือ ก่อนที่เธียร์จะคล้อยตาม ภาพของไคล์ก็ลอยเข้าหัวมา เขาลุกขึ้นทันที เข้าห้องน้ำจัดการทำความสะอาดร่างกายตน และแต่งตัวไปยังส่วนของบ้านไคล์ทันที
   
“ไคล์ๆ เปิดประหน่อย ฉันเอง”
   
เคาะประตูอยู่นานก็ไม่มีเสียงตอบรับ จนอดรู้สึกเป็นห่วงไม่ได้ กำลังจะกลับไปเอากุญแจสำรองที่บ้านตนอยู่พอดีประตูก็เปิดออก
   
เธียร์มองสภาพไคล์ที่ออกมาเปิดประตูมึนๆ ถ้าเจอไคล์ที่ร้องไห้อยู่ก็ไม่น่าแปลกเท่าไหร่ แต่ไคล์ในสภาพเสื้อผ้ายับยู่ กระดุมติดไม่เรียบร้อย ริมฝีปากชื้นและบวมเจ่อ ตามลำคอและผิวตรงที่มองเห็นได้เต็มไปด้วยรอยคิสมาร์ก ใบหน้าแดงก่ำ ไม่ต่างจากเธียร์ที่รู้สึกอายเมื่อเจอสภาพไคล์เข้า กำลังจะอ้าปากถาม มือหนาก็มาฉุดร่างเขาออกจากตรงนั้นซะก่อน
   
“ขอโทษที่รบกวน”
   
วายะพูดยิ้มๆ เธียร์เดินตามแรงมือวายะด้วยสติหลุดลอย ยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้ตัวว่าโดนจับนั่งที่โซฟาเมื่อไหร่ด้วยซ้ำ วายะหายไปในห้องครัว และกลับออกมาอีกครั้งพร้อมน้ำหนึ่งแก้วส่งให้ เธียร์รับมาดื่มกล่าวขอบคุณเบาๆแต่ในสมอง (น้อยๆ) ยังนึกเรื่องไคล์อยู่
   
“ไคล์...กับใคร”

   เหมือนพูดกับตัวเองแต่ร่างสูงก็ตอบให้แทน

   “ก็โชยะแฟนเขาไง”

   เธียร์มองวายะพยายามจะบอกว่าเลิกกันแล้ว แต่วายะกลับพูดต่อซะก่อน

   “โชยะแค่ต้องไปต่างประเทศสองอาทิตย์เท่านั้นเอง”

   “แต่ไคล์บอกว่าชอบนาย”

   เถียงทันควัน แต่ก็โดนย้อนทันทีเหมือนกัน

   “อย่าบ้าน่า ไคล์เขาเห็นว่าเราสองคนไม่ไปไหนสักทีถึงได้วางแผนแบบนั้นขึ้นมาให้นายรู้ว่าฉันรักใคร เลือกใครก็เท่านั้นแหละ”

   “หมายความว่าไง”

   “พูดไป นายจะเข้าใจไหมนี่”

   วายะมองหน้างงๆของเธียร์อย่างอ่อนใจ แต่ก็คิดวิธีให้เธียร์เลิกสงสัยได้ ร่างสูงค่อยๆกดอีกฝ่ายลงกับโซฟา

   “นายจะทำอะไรน่ะ”

   เธียร์ที่เพิ่งได้สติตอนที่หลังแนบเบาะไปแล้วเรียบร้อยร้องโวยวาย

   “ก็รำลึกไง สถานที่จริงด้วยนะไม่ดีเหรอ”

   รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ส่งมาทำเอาเธียร์รู้สึกร้อนๆหนาวๆ

   “ไม่ดะอุ๊บ”

   ยังไม่ทันได้ตอบริมฝีปากก็แนบลงมาซะก่อนแล้ว แล้วทั้งห้องก็เต็มไปด้วยเสียงหวานๆของเธียร์อีกพักใหญ่
   
   ***ด้านไคล์ก็เดินกลับเข้ามาหาคนในบ้านที่หงุดหงิดเพราะถูกขัดจังหวะ

   “เธียร์นะออกมายังงั้นได้ไงนะ”

   บ่นเบาๆกับสภาพของน้องชาย

   “ยังไง”

   “ก็ปากแดงขนาดนั้น แถมรอยที่คออีก เห็นแล้วอายแทน”

   หน้าแดงๆของไคล์ก็เพราะเห็นรอยพวกนั้นแหละ แต่เมื่อกี้เจ้าตัวเขาก็หน้าแดงๆเหมือนกัน คงรู้ตัวอยู่มั้ง ไคล์คิดต่อในใจ โชยะยิ้มกับคำบ่นของไคล์แล้วลากเจ้าตัวไปส่องกระจก ไคล์หน้าแดงขึ้นมาอีกที อ่างั้นที่เธียร์หน้าแดงเมื่อกี้ก็เพราะสภาพเขาน่ะสิ...


END   

จบแล้วฮับ
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " ไดอารี่ของเธียร์(จบ) " 08/06/54 เปิดจองP.1
เริ่มหัวข้อโดย: prettypearl ที่ 08-06-2011 20:45:57
สองพี่น้องชื่อเศร๊าเศร้า  เคยอ่านเมื่อนานมาแล้วค่ะ  น่ารักทั้งคู่!!  :กอด1:

อ่านแล้ว หมั่นไส้วายะอย่างแรง  ทำน้องเธียร์เสียใจ  อ่านแล้วบีบๆหัวใจแทนน้องกันเลยทีเดียว :m31:

ขอบคุณมากๆนะค้รา
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " ไดอารี่ของเธียร์(จบ) " 08/06/54 เปิดจองP.1
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 08-06-2011 21:55:22
 :3123:
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " ไดอารี่ของเธียร์(จบ) " 08/06/54 เปิดจองP.1
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 08-06-2011 22:12:08
สองพี่น้อง น่ารักทั้งสองคู่เลย
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " ไดอารี่ของเธียร์(จบ) " 08/06/54 เปิดจองP.1
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 08-06-2011 22:28:56
อ่านสองเรื่องนี้ แล้วอดยิ้มไม่ได้ ต่างคนต่างวางแผน สุดท้ายก็จบลงด้วยดี
เป็นกำลังใจให้ จิ๊บนะครับ + ให้ทู้โน้นแล้ว งั้นทู้นี้ ก็ เอา  :กอด1: แทนละกัน
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " ไดอารี่ของเธียร์(จบ) " 08/06/54 เปิดจองP.1
เริ่มหัวข้อโดย: reborn23 ที่ 08-06-2011 22:37:16
 :pighaun:
วายะแกจะหื่นไปไหน

น่ารักเกือบทั้งหมด ยกเว้น คู่เธียร์  เรียกว่า หื่น  แทน  :haun4:
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " ไดอารี่ของเธียร์(จบ) " 08/06/54 เปิดจองP.1
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 08-06-2011 22:41:44
เคยเรื่องนี้มาแล้วเหมือนกัน ยังคิดเหมือนเดิม อยากให้เป็นเรื่องสั้นขนาดยาวววววววววววววววว อิอิ


ปล.
วายะบ่นอุบอิบ แต่น้ำเสียงสดชื่นขึ้นเมื่อรู้ว่าเธียร์ไม่ได้ว่าอะไร แล้วหันไปสนใจอาจรย์ต่อ
วายะ(น่าจะเป็นเธียร์นะ)ถามอย่างหวาดหวั่น นี่เขาทำอะไรให้โชยะจับได้กันนะ
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " ไดอารี่ของเธียร์(จบ) " 08/06/54 เปิดจองP.1
เริ่มหัวข้อโดย: Ryojung ที่ 08-06-2011 22:48:37
อ๊ายยยย น่ารักจังเลยค่ะ น่ารักทั้งคู่เลย อิอิ วายะก็เท่จังเลยยยย
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " ไดอารี่ของเธียร์(จบ) " 08/06/54 เปิดจองP.1
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 08-06-2011 22:53:18
น่ารักทั้ง 2 คู่เลย
 :o8:
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " ไดอารี่ของเธียร์(จบ) " 08/06/54 เปิดจองP.1
เริ่มหัวข้อโดย: babyfaibossy ที่ 08-06-2011 23:30:03
น่ารักจังเลย สนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " ไดอารี่ของเธียร์(จบ) " 08/06/54 เปิดจองP.1
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 08-06-2011 23:47:17
เป็นเรื่องสั้นที่มีหลากหลายอารมณ์ และ passionate มาก ๆ ค่ะ
ทั้งหวานซึ้ง น่ารัก วาบหวาม เจ็บปวด บีบคั้นความรู้สึก แต่สุดท้ายก็ happy ( ดีจัง~) 
แต่ละเรื่องทำให้คนอ่านมีความรู้สึกร่วมได้ดีจริง ๆ มีเสน่ห์จริง ๆ ค่ะ.... 
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " ไดอารี่ของเธียร์(จบ) " 08/06/54 เปิดจองP.1
เริ่มหัวข้อโดย: RinNam ที่ 09-06-2011 00:27:24
เป็นเรื่องเบาๆ มีปวดใจเล็กๆ แต่ก็ถือเป็นเรื่องเบาๆอ่านสบายๆ
น่ารักมากๆค่ะ
 :pig4: :L1: :L2:
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " ไดอารี่ของเธียร์(จบ) " 08/06/54 เปิดจองP.1
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 09-06-2011 01:04:28
เรื่องแรกน่ารักมากค่ะ ให้อารมณ์เหมือนดู music video เลยอะ  :-[

เรื่องที่สองของฝาแฝด ถูกคนที่ตัวเองรักทำให้เสียใจในตอนแรกทั้งคู่เลย น่าสงสาร  :m15: แต่สุดท้ายก็ได้ความรักตอบกลับมาเนาะ   :กอด1:

ขอบคุณคุณ JUBJIB มากๆ เลยนะคะ เรื่องสั้นน่ารักมากกกกกกกกกกก     :pig4:  :L1:  :pig4:
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " ไดอารี่ของเธียร์(จบ) " 08/06/54 เปิดจองP.1
เริ่มหัวข้อโดย: chae ที่ 09-06-2011 01:33:56
อยากอ่านของโชยะด้วยอ่า ><
อยากเห็นโชยะ โหดดดด
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " ไดอารี่ของเธียร์(จบ) " 08/06/54 เปิดจองP.1
เริ่มหัวข้อโดย: JUPJIB ที่ 28-06-2011 00:37:05
เรื่องนี้มันแปลงมาจากfictionของจิ๊บเองนะค่า จำได้ว่าตอนนั้นเอาเรื่องนี้ส่งอาจารย์ หุหุ

จิ๊บไม่แน่ใจว่าเคยเอาลงมาก่อนหรือเปล่านะคะ แต่คิดว่าไม่

และเรื่องนี้จะอยู่ในหนังสือรวมเรื่องสั้นด้วยค่ะ


มันมี 2 พาร์ทนะคะ ถ้าเจอคำว่า END ก็เลื่อนลงไปอ่านต่อเลยค่า


ผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

**ถ้าจิ๊บสะกดผิดหรือใครอ่านแล้วภาษาตรงไหนมันดูขัดๆหรือไม่รู้เรื่องก็โพสบอกหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ**


.........................


สวัสดีครับ

ความรักของคุณเป็นแบบไหน

ความรักของผม มันเริ่มขึ้น เมื่อผมบอกคนที่ผมรักไปว่า

“เราไม่ได้รักนายแบบนั้น.....แต่นายเป็นเพื่อนที่เรารักที่สุด”

............................................

“วีรอนานไหม”

เสียงเดิมๆ แต่ทำไมใจผมมันสั่นต่างจากปกติไปได้นะ

ผมหันไปหาคนถามพลางส่ายหัวแทนคำตอบ ใช่ ผมรอไม่นานสักนิด และภาวนาขอให้เขามาช้ากว่านี้ด้วยซ้ำ ไม่รู้ทำไม แต่การเผชิญหน้ากับเขามันช่างยากลำบาก

เราสองคนออกเดินเพื่อกลับบ้านด้วยกัน เป็นเช่นปกติทุกวัน เป็นแบบเดิมๆ แต่ผมปฏิเสธไม่ได้หรอกว่า ความรู้สึกของผมมันแตกต่างจากที่เคย

ผมกับเขา เราสองคนเดินและคุยกันด้วยเรื่องสัพเพเหระตามปกติ เหมือนเดิม

แต่มันไม่เหมือนทุกวันตรงที่...ผม...ภาวนาให้ทางเดินกลับบ้านช่วยยาวไปเรื่อยๆโดยไม่มีที่สิ้นสุดที .....ผมยังอยากอยู่กับเขา ให้นานอีกสักหน่อยก็ยังดี

แต่คำภาวนาของผมมันจะเป็นจริงได้ยังไง ในเมื่อเส้นทางที่เดิน มันก็ยังยาวเท่าเดิม

“ไปก่อนนะ”

เขาหันมาลาผมและเดินแยกไป เขาไม่หันกลับมามอง ก็เลยไม่ได้รู้สักนิดว่า ผมยังคงยืนมองเขาอยู่อย่างนั้น ยืนมองจนเขาเดินลับตาไป

แปลกไหม ตอนที่ไม่ได้เจออยากเห็นหน้า แต่ก็กลัวการเผชิญหน้ากับเขา ผมอยากอยู่กับเขานานๆ อยากพูดคุยกับเขาเยอะๆ แต่ก็กลัวเกินกว่าจะพูดสิ่งที่อยากพูดที่สุดออกไป

ผมอยากบอกว่า ผมรักเขา แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อวันนั้น ผมเป็นคนปฏิเสธเขาไปเอง

.................................
“วี วี ทวีวัฒน์!!”

เขาเรียกพร้อมเขย่าตัวผมเบาๆ ผมที่นั่งนึกอะไรเรื่อยเปื่อยเลยได้สติหันกลับไปมอง

“อะไรเหรอ”

เขาหน้ามุ่ย คงเพราะพูดกับผมไปแล้วตอนที่ผมเหม่อ

“โทษทีที่ไม่ได้ฟัง”

“เราบอกว่าวันนี้เรากลับเย็น ประชุมเรื่องงานโรงเรียน นายจะรอไหม”

ผมชั่งใจคิด ยังไม่ทันตอบ เขาก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นมาเอง

“เราว่านายไม่ต้องรอหรอก มันเย็นมาก กลับไปก่อนเลยก็ได้”

ผมกำลังอ้าปากจะเถียง แต่ไม่ ในเมื่อเขาไม่อยากให้ผมอยู่รอ ผมก็จะไม่อยู่

“อืม”

และแล้ว วันนั้นเอง ความห่างไกลระหว่างเราก็ค่อยๆเพิ่มขึ้น

................................

จากวันนั้นเราไม่เคยได้กลับบ้านด้วยกันอีก กลางวัน เขาก็มีงานยุ่งมากจนไม่สามารถกินข้าวกับผมได้ ผมไม่เคยเอ่ยฉุดรั้งเขาไว้ เพราะรู้ว่าผมไม่มีสิทธิ์

เขาที่เคยบอกว่ารักผม และผมที่บอกเขาไปว่าไม่ได้รักเขา

ที่จริงมันเป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่หรือ ที่เขาจะตีตัวออกห่างจากผมไป

ผมเข้าใจ เขาคงไม่อยากอยู่ใกล้ๆผม แต่...แต่ผมยังอยากอยู่ใกล้ๆเขา ยังอยากสนิทกันเหมือนเดิม ยิ่งห่างกัน ผมก็ยิ่งรู้ ว่าเขามีอิทธิพลต่อผมมากแค่ไหน ไม่ใช่เพราะเขาเป็นเพื่อนที่ผมรักที่สุดอย่างที่ผมเคยพูดไปหรอก แต่เป็นเพราะผมรักเขามากเกินกว่าเพื่อนไปแล้วต่างหาก

........................................................

งานโรงเรียนที่จัดขึ้น ดูดีสมกับที่เขาเป็นหัวหน้างาน แต่ผมไม่มีกระจิตกระใจจะไปเดินดูงานสนุกๆนี่หรอก ผมแอบมานั่งในห้องเรียนที่ว่างเปล่าไร้ผู้คน ใช่ที่ๆผมเจอเขาครั้งแรก ที่ๆเขาเอ่ยคำว่ารักกับผม และที่ๆผมพูดออกไปว่าไม่ได้รักเขา
เสียงเจี๊ยวจ๊าวของงานโรงเรียนมันทำให้ผมรู้สึกเหงาขึ้นมานิดๆ ทำไมนะ ทำไมผมต้องเกิดมาเป็นคนโง่แบบนี้ด้วย ทำไมผมต้องเป็นคนเข้าใจอะไรยากแบบนี้ แค่ความรู้สึกของตัวเอง ทำไมผมต้องใช้เวลานานนักกว่าจะเข้าใจ

ทำไม ผมต้องมาเข้าใจ เมื่อมันสายไปแล้วด้วย

ครืด~~~~

เสียงประตูถูกเลื่อนออก ผมหันไปมองแล้วเห็นร่างของเขายืนนิ่งอยู่ที่นั้น
เขาผงะตกใจเล็กน้อยที่เห็นผมอยู่ที่นี่

ผมพยายามฝืนส่งยิ้มให้เขาที่ก้าวเข้ามาในห้องช้าๆ

“ไม่ไปดูงานหรือ”

ผมถามเมื่อเขาเดินมาหยุดอยู่ข้างๆผม

“ก็ ไม่มีอะไรให้ดูแล้วล่ะ”

สองประโยคที่พูดกัน นอกจากนั้นก็เป็นความเงียบ เราทั้งคู่ยืนอยู่ที่ขอบหน้าต่าง มองทอดออกไปยังผู้คนที่พลุกพล่านในงานโรงเรียน

ความเงียบ ชวนอึดอัด

ยิ่งด้วยใจของผมที่ทนเก็บมานานด้วยแล้ว

มันก็ทำให้ทนไม่ได้

“นายมีอะไรจะบอกเราไหม”

ผมที่กำลังจะพูด ถูกเขาตัดหน้าพูดขึ้นมาก่อน

แต่ผมยังไม่เข้าใจ อะไรที่เขาต้องการ เขาถาม เหมือนรู้

แล้วเขาจะรู้ได้ยังไง ไม่สิ ถ้าเขารู้แล้วยังตีตัวห่างออกไป ก็แปลว่า......

“นายไม่พูด เราจะพูดก่อนล่ะนะ”

ก่อนที่ผมจะคิดต่อจากนั้น เขาก็แทรกขึ้นมาก่อน

“เรารักนายนะวี รักที่มากกว่าเพื่อน นายจะมาเป็นคนรักของเราได้ไหม”

ประโยคเดียวกัน ประโยคเดิม วันนั้นเขาก็พูดกับผมอย่างนี้ วันที่ผมบอกว่าไม่ได้รักเขาแบบนั้น แต่เห็นเขาเป็นเพียงเพื่อน แต่ตอนนี้ ความคิดของผมมันต่างออกไป

น้ำใสๆมันไหลออกมาช้าๆ เขารู้ เขารู้ความคิดของผม

เขารู้จักผมดี เขารู้ว่าตอนไหนควรถอย ตอนไหนควรรุก

และแน่นอนเขารู้คำตอบของผมในวันนี้

ผมโผเข้าสู่อ้อมกอดของเขาทั้งน้ำตา เขากอดผมไว้แน่น แต่ไม่อึดอัด อ้อมกอดของผม ที่ๆซึ่งผมคิดว่าผมได้สูญเสียมันไปซะแล้ว

“นายแกล้งเรา”

ผมพูด แม้จะยังสะอื้น เขาไม่ตอบ ผมไม่เห็นหน้าเขา แต่ผมรู้ว่าเขากำลังยิ้ม

“นายก็แกล้งเราเหมือนกัน”

ผมอยากจะบอกว่าผมไม่ได้แกล้ง แค่ไม่รู้เท่านั้น แต่ผมรู้ ว่าเถียงกับเขาไม่ชนะแน่

“เรารักนายนะวี รักมาก”

เขาย้ำอีกครั้ง พร้อมกอดผมแน่นขึ้น

ผมยิ้ม ผมดีใจ แม้ผมจะรู้สึกตัวช้าไป แต่เขาก็ยังคอย

“เราก็รักนายเอก”

……………………






PS.

อ่ะ ผมเผลอบอกชื่อเขาไปซะแล้ว ทุกคนช่วยทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นด้วยนะครับ ก็เขาของผมน่ะ ย้ำว่าเล่าได้ แต่ห้ามบอกชื่อเขานิ่น่า เขาบอกว่าเขาเขิน....แต่แหม ผมก็เขินนะ ให้มีแค่ชื่อผมคนเดียวให้ผมเขินคนเดียวได้ไงล่ะเนอะ
แล้วก็ถ้าเจอเขา ผมก็ฝากบอกเขาด้วยนะครับว่า

“วีรักเอกนะคร๊าบ” (ถึงผมจะบอกเขาเองอยู่ทุกวันก็เถอะ)

ไปล่ะครับ บ๊ายบาย

.....................................................

END

มีต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " ไดอารี่ของเธียร์(จบ) " 08/06/54 เปิดจองP.1
เริ่มหัวข้อโดย: JUPJIB ที่ 28-06-2011 00:38:57
..................................................

สวัสดีครับ

ความรักของคุณเป็นแบบไหน
ความรักของผม เคยหยุดลง เมื่อผมบอกคนที่ผมรักไปว่า

“เรารักนายนะวี รักที่มากกว่าเพื่อน นายจะมาเป็นคนรักของเราได้ไหม”

...................................

ผม อาจจะดูเป็นคนหลงตัวเอง หากบอกว่า ผมมั่นใจว่าคนที่ผมรักก็รักผมเช่นกัน

เขา ผู้ซึ่งยิ้มให้ผมเสมอ และปฏิบัติกับผม จนผมรู้สึกได้ว่า ผมแตกต่างจากคนอื่น

แต่เมื่อผมตัดสินใจบอกรักไป เขากลับพูดมาว่า ผมเป็นเพียงแค่เพื่อน

หากเป็นคุณ คุณอาจจะตัดใจ แต่ผมไม่

เพราะผมเห็นประกายตาหวั่นไหวของเขา ผมรู้จักเขาดีพอ ที่เขาตอบมาแบบนี้ ....เขายังไม่รู้ใจตัวเอง

.........................................

ผมยังทำตัวปกติ

แต่ผมก็เห็น

ผมเห็นแววตาที่เปลี่ยนไปของเขา

เวลาที่เราเดินกลับบ้าน เขาพยายามทำตัวให้เป็นปกติ แต่ผมก็รู้ ว่าเขากำลังใจเต้น

ไม่.... ผมไม่ได้ยินเสียงหัวใจเขาหรอก แต่หน้าแดงๆของเขาต่างหากที่มันฟ้องอยู่

“ไปก่อนนะ”

เมื่อผมแยกจากเขา ผมก็ยังรู้สึกได้ถึงสายตาที่มองตามหลังมา นั่นทำให้ผมไม่ได้หันกลับไป ทั้งๆที่ผมอยากจะหันกลับไปโบกมือลาเขาอีกซักครั้งจะตาย

.............................

“เราบอกว่าวันนี้เรากลับเย็น ประชุมเรื่องงานโรงเรียน นายจะรอไหม”

ผมบอกเขาที่นั่งรอผมกลับบ้านพร้อมกันเหมือนทุกวัน เขาเงียบ เหมือนกำลังใช้ความคิด ผมก็เลยชิงพูดออกมาซะก่อน

“เราว่านายไม่ต้องรอหรอก มันเย็นมาก กลับไปก่อนเลยก็ได้”

ผมเห็นเขาทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ที่เขาพูดออกมาคือ

“อืม”

และแล้ว วันนั้นเอง ความห่างไกลระหว่างเราก็ค่อยๆเพิ่มขึ้น บางคนอาจคิดว่าผมใจร้าย แต่กับเขาของผม บางครั้งความห่างไกลก็อาจเป็นสิ่งจำเป็น

...............................................

จากนั้น เรายิ่งห่างไกลกันมาขึ้นเรื่อยๆ ผมทุ่มตัวให้งานโรงเรียน แต่ผมก็ยังแอบสังเกตเขาอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้เขาจะไม่เคยรู้ก็เถอะ

งานโรงเรียนที่มาถึง ทั้งๆที่ผมตั้งใจจะให้เขามาอยู่ตอนที่ผมขึ้นไปร้องเพลงในงานโรงเรียนแท้ๆ ผมตั้งใจจะบอกรักเขาอีกครั้งในวันนี้ โดยการร้องเพลงเนี่ยแหละ

แต่ผมหาเขาตลอดทั้งงานก็ไม่เจอเลย

ผมยกเลิกการขึ้นไปร้องเพลงของตน แม้จะโดนเพื่อนบ่น ผมก็ไม่สนใจ

ผมเดินขึ้นไปยังตึกเรียน ที่ซึ่งผมเจอกับเขาครั้งแรก ที่ๆผมบอกรักเขา และที่ๆเขาปฏิเสธผม

ครืด~~~~

ผมเปิดประตูเข้าไปก็ต้องชะงักเล็กน้อย

คนที่ผมคิดถึงเขายืนอยู่ตรงนั้น เขาหันมามองผมด้วยท่าทางตกใจนิดหน่อยก่อนจะปรับให้เป็นปกติ

“ไม่ไปดูงานหรือ”

เขาถามเมื่อผมเดินไปอยู่ข้างเขา

“ก็ ไม่มีอะไรให้ดูแล้วล่ะ”

ผมตอบกลับตามความจริง ก็งานน่ะ ผมจัดการเรียบร้อยหมดแล้วนี่นา

จากนั้น เราสองคนก็เงียบ ไม่ได้พูดอะไรกันเลย

ผมรู้ว่าเขาอึดอัด และกำลังจะระเบิด

“นายมีอะไรจะบอกเราไหม”

ผมแย่งเขาพูดขึ้นมาก่อน

“นายไม่พูด เราจะพูดก่อนล่ะนะ”

“เรารักนายนะวี รักที่มากกว่าเพื่อน นายจะมาเป็นคนรักของเราได้ไหม”

ผมพูดประโยคเดิม แต่ผมรู้ว่าคำตอบจะต่างไป เขาโผเข้าสู่อ้อมกอดของผม ผมกอดเขาไว้แน่น กอดให้สมกับที่ไม่ได้กอดมาก่อนหน้านี้

“นายแกล้งเรา”

เขาพูดทั้งสะอื้น ผมยิ้ม ใช่ ผมแกล้งเขาจริงๆนั่นแหละ แต่ถ้ามันจะทำให้เขาเข้าใจตัวเองมากขึ้น ก็น่าแกล้งใช่ไหมล่ะ

“นายก็แกล้งเราเหมือนกัน”

ผมต่อว่ากลับไป รู้หรอกว่าเขาไม่ได้แกล้ง แต่ก็อดต่อว่าไม่ได้อยู่ดี

ที่เขาปฏิเสธผม ไม่ใช่ผมไม่เจ็บนะ แต่ผมรักเขามากกว่า เลยยินดีที่จะรอ

“เรารักนายนะวี รักมาก”

ผมย้ำอีกครั้ง และอยากบอกเขาว่า ถึงเขาจะรู้ตัวช้ากว่านี้ ผมก็ยังจะรักเขาอยู่ดี

……………………

PS

ถามว่าผมจะฝากบอกอะไรเขาบ้างเหรอ

ไม่ล่ะ

เดี๋ยวผมไปกระซิบบอกเขาเองที่ข้างหูดีกว่า

มันดูซึ้งกว่ากันเยอะเลยใช่มั้ยล่า......

......................

END

จบจริงๆแล้วค่ะ :pig4:

ปล.ตอนพิเศษของเรื่องปฐพี รอก่อนนะคะ ยังไม่ได้ตรวจทานเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " เพิ่งรู้ว่ารักเธอ(จบ) " 08/06/54 เปิดจองP.1
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 28-06-2011 00:50:19
เรื่องน่ารักจังค่ะ ใสๆหวานๆ
รอตอนพิเศษของคุณปฐพีนะคะ
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " เพิ่งรู้ว่ารักเธอ(จบ) " 08/06/54 เปิดจองP.1
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 28-06-2011 01:12:53
ขอบคุณสำหรับเรื่องสั้นนะคะคุณ JUBJIB  :pig4:
ดีใจจังจะมีตอนพิเศษของตริน-ปฐพี ด้วย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " เพิ่งรู้ว่ารักเธอ(จบ) " 08/06/54 เปิดจองP.1
เริ่มหัวข้อโดย: bow55 ที่ 29-06-2011 02:45:17
น่ารัก รักกันเบาๆ
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " เพิ่งรู้ว่ารักเธอ(จบ) " 08/06/54 เปิดจองP.1
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 29-06-2011 06:20:10
น่ารักจริงการกระทะมันสื่อได้เยอะเนอะขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " เพิ่งรู้ว่ารักเธอ(จบ) " 08/06/54 เปิดจองP.1
เริ่มหัวข้อโดย: Ryojung ที่ 29-06-2011 09:24:17
น่ารักจังเลย รักกันเบาๆ อ๋า รักจัง
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " เพิ่งรู้ว่ารักเธอ(จบ) " 08/06/54 เปิดจองP.1
เริ่มหัวข้อโดย: coon_all ที่ 29-06-2011 10:00:49
น่ารักโฮกกกกกก
ชอบทุกเรื่องเลย
วายะนี่หื่นมากกกกกกกก
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " เพิ่งรู้ว่ารักเธอ(จบ) " 08/06/54 เปิดจองP.1
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 29-06-2011 11:57:05
Love story ของวัยใสๆ ที่มาสั้นๆ แต่น่ารักมากคะ :L2:
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " เพิ่งรู้ว่ารักเธอ(จบ) " 08/06/54 เปิดจองP.1
เริ่มหัวข้อโดย: so close ที่ 30-06-2011 11:30:23
 :call: ตอนพิเศษ ปฐพี ขอแบบน้ำตาลเรียกพี่เลยนะคะ
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " เพิ่งรู้ว่ารักเธอ(จบ) " 08/06/54 เปิดจองP.1
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 30-06-2011 13:00:56
 :-[
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " เพิ่งรู้ว่ารักเธอ(จบ) " 08/06/54 เปิดจองP.1
เริ่มหัวข้อโดย: JUPJIB ที่ 04-08-2011 13:46:18
สวัสดีค่าทุกคน ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่านค่ะ

ก่อนอื่น ขอชี้แจ้งเรื่องคู่อื่นๆก่อนนะคะ
จอมไตรจิ๊บวางตัวไว้ พลอตบางส่วนไว้ แต่ไม่แน่ใจว่าจะแต่งได้กี่คู่ เพราะงั้น ยังไม่มีการยืนยันว่าจะแต่งกี่คู่ค่ะ จิ้นๆๆๆๆ กันไปก่อนเนาะ  o18

เรื่องที่แต่งไปแล้วแต่ยังไม่จบ(ค้างมาหลายปีล่ะ) :z10: มีคู่ดิน - ปาม กับ ตาหวาน - ภาคค่ะ มันยังไม่จบง่ายจิ๊บเลยยังไม่มั่นใจเอามาลง แหะๆ

ปล.ตอนพิเศษของปฐพีจะลงวันเสาร์นี้ค่ะ


ต่อไปจะแจ้งข่าวเรื่องหนังสือค่ะ มี 3 ข้อ

1. ส่งหนังสือไปครบแล้วนะคะ (ยกเว้นท่านที่โอนมาหลังวันที่ 28 ค่ะ) จิ๊บเมลไปบอกเลขที่ส่งแล้ว ใครไม่ได้เมลหรือวันพุธหน้า(10 สิงหาคม 2554)ยังไม่ได้หนังสือติดต่อจิ๊บด่วนค่า แล้วอย่าลืมเช็คของตามในเมลนะค่า ใครไม่ได้อันไหนเมลมาด่วนเช่นกันค่า หนังสือส่งช้ากว่ากำหนด(มาก)ขออภัยเป็นอย่างสูงค่ะ หากหนังสือมีข้อผิดพลาดก็ขออภัยด้วยนะคะ และหากหนังสือมีปัญหาจากการพิมพ์แจ้งมาได้ จิ๊บจะแจ้งทางโรงพิมพ์เปลี่ยนให้ค่ะ

2. เรื่องเปิดจองอีกรอบ ยังไม่ได้กำหนดแน่นอนค่ะ เพราะจิ๊บชีวิตวุ่นวายมาก และหนังสืออาจจะเพิ่มราคา(คือดูเหมือนรอบนี้จิ๊บจะคำนวนผิดไปนิดหน่อย )แต่ก็ยังไม่แน่นอนอีกเหมือนกัน อาจจะไม่เพิ่มก็ได้ ต้องดูปัจจัยหลายๆอย่าง ถ้าจะเปิด-ไม่เปิดยังไงจะแจ้งอีกครั้งนะคะ

3. หนัีงสือรอบนี้หมดแล้วนะค่า

ขอบคุณค่ะ[/color]
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " เพิ่งรู้ว่ารักเธอ(จบ) " 4/8/54 แจ้งข่าวP.3
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 04-08-2011 21:50:07
กรี๊ดกร๊าดดด น่ารักจัง

รอเรื่องปฐพี่ค่ะ
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " เพิ่งรู้ว่ารักเธอ(จบ) " 4/8/54 แจ้งข่าวP.3
เริ่มหัวข้อโดย: Pepor ที่ 04-08-2011 22:47:37
น่ารักทุกคู่เลยค่ะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " เพิ่งรู้ว่ารักเธอ(จบ) " 4/8/54 แจ้งข่าวP.3
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 05-08-2011 03:58:17
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " เพิ่งรู้ว่ารักเธอ(จบ) " 4/8/54 แจ้งข่าวP.3
เริ่มหัวข้อโดย: pppp ที่ 05-08-2011 06:47:08
คิดถึงคุณ JUPJIB นะคะ จะรออ่านจอมไตรนะคะ
สู้ๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " เพิ่งรู้ว่ารักเธอ(จบ) " 4/8/54 แจ้งข่าวP.3
เริ่มหัวข้อโดย: kny ที่ 05-08-2011 09:52:39
 :o8:
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " เพิ่งรู้ว่ารักเธอ(จบ) " 4/8/54 แจ้งข่าวP.3
เริ่มหัวข้อโดย: panari ที่ 05-08-2011 10:04:20
อยากอ่านคู่ ตาหวานกับภาคอ่ะ  :impress2: (ใช่คู่นี้ป่าวที่พระเอกฟันแล้วทิ้ง แก้แค้นนายเอก กลัวจำผิดเพราะมีหลายคู่เกิ๊น  :serius2:) อยากให้คุณจิ๊บแต่งคู่นี้ต่ออ่ะ เค้าชอบแนวนี้ ในบล๊อคอ่านแล้วค้างมาก กำลังสนุกเลย  :sad4:
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " เพิ่งรู้ว่ารักเธอ(จบ) " 4/8/54 แจ้งข่าวP.3
เริ่มหัวข้อโดย: minimonmon ที่ 05-08-2011 16:24:43
 :o8:อ่านทั้งสามเรื่องน่ารักทั้งสามเรื่องเลย ถึงจะเศร้าบ้างแต่ก็happyหล่ะน้า :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " เพิ่งรู้ว่ารักเธอ(จบ) " 4/8/54 แจ้งข่าวP.3
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 05-08-2011 18:11:07
 :L2: o13
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " เพิ่งรู้ว่ารักเธอ(จบ) " 4/8/54 แจ้งข่าวP.3
เริ่มหัวข้อโดย: nazavo ที่ 06-08-2011 05:13:18
 o13เขียนได้แบบ...อ่านแล้วสบายใจอ่ะ ไม่รู้จะบอกไง น่ารัก และดูอบอุ่น ชอบมากจ้า ...ให้ใจไปเล้ยๆๆๆๆ :L1:
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " เพิ่งรู้ว่ารักเธอ(จบ) " 4/8/54 แจ้งข่าวP.3
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 06-08-2011 08:07:15
เพิ่งได้อ่าน น่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :o8:
มีซีนเศร้าๆ แต่สุดท้ายก็หวานฉ่ำ มีความสุขสุดๆค่ะ
เสียดายที่เป็นเรื่องสั้นเนอะ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " เพิ่งรู้ว่ารักเธอ(จบ) " 4/8/54 แจ้งข่าวP.3
เริ่มหัวข้อโดย: lovely2min ที่ 07-08-2011 21:08:07
น่ารักทุกเรื่องเลยจ้า

เรื่องของไคล์แอบสงสารตอนแรกแต่ก้ดีที่จบด้วยดี

เธียร์ก็น่ารัก

เรื่องสุดท้าย น่ารักมากๆ วีกะเอก
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " เพิ่งรู้ว่ารักเธอ(จบ) " 4/8/54 แจ้งข่าวP.3
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 09-08-2011 13:01:32
ชอบเรื่องของคุณ JUBJIB ทุกเรื่องเลย น่ารักมากๆ

อ่านเพลินจนลืมเวลาบ่อยๆ

ขอบคุณสำหรับเรื่องสั้นสนุกๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " เพิ่งรู้ว่ารักเธอ(จบ) " 4/8/54 แจ้งข่าวP.3
เริ่มหัวข้อโดย: rellachulla ที่ 09-08-2011 17:47:30
ชอบมากทุกเรื่องเลยค่า
กอดดดคุณจิ๊บ เอามาลงอีกนะคะ อิอิ
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " เพิ่งรู้ว่ารักเธอ(จบ) " 4/8/54 แจ้งข่าวP.3
เริ่มหัวข้อโดย: nco1236 ที่ 09-08-2011 22:25:10
มีความสุขทุกตอนเลยครับ  o13
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " เพิ่งรู้ว่ารักเธอ(จบ) " 4/8/54 แจ้งข่าวP.3
เริ่มหัวข้อโดย: JUPJIB ที่ 16-10-2011 22:31:15

Title : รักแบบเป้
Chapter : ตอนเดียวจบ
Rate : 15+

ผมรักคนๆหนึ่งอยู่

เขาเป็นพี่ชายข้างบ้านที่ผมสนิทสนมมากกว่าพี่ชายแท้ๆของผม

ผมรักเค้ามานาน และก็รักพอจะเห็นด้วยว่า คนที่ผมรักนั้นกำลังรักใคร

.......................................................

พี่ปอ พี่ชายคนรองของผมปรากฏตัวขึ้นที่บ้านโดยไม่มีการแจ้งนัดล่วงหน้าพร้อมๆกับเพื่อนสนิทที่ไปไหนด้วยกันเสมอแบบที่เรียกได้ว่า เห็นพี่ปอที่ไหนเห็นพี่บาร์ทที่นั่น ทั้งสองมายังบ้านที่พี่ชายผมแทบจะไม่กลับมาเลยตั้งแต่แยกออกไปอยู่หอด้วยเหตุผลที่ว่า เป็นห่วงผม กลัวว่าจะอยู่คนเดียวไม่ได้ ... ให้ตายเถอะ ดูยังไงนั้นก็เป็นข้ออ้างชัดๆ ผมไม่เชื่อหรอก

ทำไมน่ะหรือครับ?

ก็นี่มันใช่ครั้งแรกที่ไหนที่ผมต้องอยู่บ้านคนเดียว แต่เพิ่งเป็นครั้งแรกเนี่ยล่ะที่พี่ปอเกิดจะเป็นห่วงผมขึ้นมา

พ่อกับแม่ของผมทำธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ทำให้ทั้งสองคนรักการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ และไม่เคยอยู่ติดบ้าน ตั้งแต่ผมจำความได้ ผมก็เห็นพวกท่านเดินทางไปโน่นมานี่อยู่เสมอ ผมชินเสียแล้ว และนั่นไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจหรือว่าขาดความอบอุ่นแต่อย่างใด เพราะถึงแม้พวกท่านจะไม่อยู่บ้าน แต่ก็ยังโทรหาและยังคอยดูแลเอาใจใส่ชนิดที่ผมพูดไม่ได้เลยว่าโดนปล่อยปละละเลย

เอาเถอะพักเรื่องพ่อแม่หรือประวัติครอบครัวผมไว้ก่อน วกกลับมาพูดเรื่องพี่ชายคนสวย(?)ของผมก่อนดีกว่า

ผมนั่งอยู่ที่โซฟากำลังพยายามดูดีวีดีที่ซื้อมาใหม่อย่างตั้งใจ แต่เพราะบรรยากาศรอบกายทำให้ไม่สามารถทำได้อย่างใจคิดนัก ผลเหล่มองพี่ชายกับเพื่อนสนิทของเค้าที่นั่งเบียดกัน...ผมหมายถึงนั่งติดกันอยู่บนโซฟาตัวเดียวกัน พี่ชายผมนั่งก้มหน้างุดๆ สักพักก็หันไปทำสีหน้าลำบากใจให้เพื่อนสนิทตัวเองต้องเอ่ยอะไรคล้ายปลอบใจเพื่อเรียกความมั่นใจให้ตัวเอง จากนั้นพี่ชายผมก็จะเงยหน้าขึ้นมองผม อ้าปากคล้ายอยากพูดอะไรสักอย่าง ก่อนจะหุบปากฉับแล้วเริ่มก้มหน้าลง จากนั้นก็หันไปมองหน้าเพื่อนสนิทตัวเองอีกครั้ง เงยหน้ามองผม อ้าปากเหมือนจะพูดแล้วก็ก้มหน้าอีกที ผมเห็นพี่ปอทำแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาจนนึกรำคาญในใจ แต่ผมก็ไม่โวยวายออกไปเพราะนั้นไม่ใช่นิสัยของผม หากตาก็คอยจะเหล่มองเพื่อนสนิทพี่ชายที่ยังคงมองพี่ชายผมอย่างให้กำลังใจด้วยความชื่นชมแกมสงสารเล็กๆไม่ได้ ก็พี่เค้าปลอบพี่ชายผมเป็นรอบที่ยี่สิบได้แล้วมั้ง เป็นผม คงไม่สนใจ ลุกหนีให้พี่ปอเค้าเรียกความมั่นใจของตัวเองด้วยตัวเองไปแล้ว

“เป้”

โอ้ ในที่สุด พี่ชายผมก็อ้าปากเรียกผมได้เสียที ผมหันไปมองพี่ปอทันทีเพราะเตรียมจะหันอยู่แล้ว แต่พอหันไป ก็เจอพี่ชายที่ก้มหน้าก้มตาทำสีหน้าลำบากใจ กระอักกระอ่วน และ ..............และพี่ชายผมก็เงียบไป

“.....”

“.....”

“.....”

ให้ตายสิ!!!

จริงอยู่ผมไม่ได้มีนิสัยขี้โวยวายอย่างที่พี่ชายทั้งสองคนเป็น แต่ผมน่ะ ความอดทนก็ไม่สูงนักหรอกนะ

ผมลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินไปกดปิดเครื่องดีวีดีกับโทรทัศน์ ก่อนจะโบกมือให้พี่ปอกับเพื่อนสนิท เป็นการบอกลาเพื่อขึ้นนอน

ก็ถ้าผมอยู่ตรงนั้นนานกว่านี้ ผมอาจจะโพล่งอะไรบ้าๆออกไปก็ได้

..........................................................

“เป้....ตื่น เป้ เป้”

ผมรู้สึกตัว งัวเงีย และหงุดหงิด ใครที่มาปลุกผมในเช้าวันหยุดอย่างนี้

มือข้างหนึ่งของผมยกขึ้นปัดแขนของคนที่เขย่าผมไม่ยอมหยุดอย่างรำคาญใจ แต่มันไม่ได้ทำให้เจ้าตัวหยุดเขย่าร่างผมเลยสักนิด
   
“เป้ เป้”

โธ่ ผมรู้ชื่อตัวเองหรอกครับ จะเรียกทำไมหนักหนา และในที่สุด ผมก็ยอมแพ้การตื้อไม่เลิกนั่นด้วยการลุกขึ้นนั่ง แม้ว่าดวงตาของผมจะยังปิดอยู่ก็ตาม

“ไปอาบน้ำสิ เร็วๆเลย”

แล้วทั้งๆที่ดวงตาผมยังไม่เปิด ผมก็โดนฉุดกระชากลากถูให้เข้าไปในห้องน้ำจนได้

เฮ้อ...วันหยุดของผม

...................................................

อาหารเช้าวันนี้มีข้าวต้มกุ้งสุดแสนอร่อยฝีมือพี่ปอคนดีของผมซึ่งผมไม่ได้กินมานานแสนนาน นานจนผมลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าพี่ชายผมทำข้าวต้มกุ้งได้อร่อยนัก

มาแปลกจริงๆด้วย

ผมได้แต่คิดในใจ และคิดได้แค่นั้น เพราะพอสายตาผมหันไปเจอคนที่ขึ้นไปปลุกผมกำลังนั่งทำหน้าดีอกดีใจที่จะได้กินข้าวต้มกุ้งของพี่ปอก็เกิดอาการเซ็งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

เชอะ!!! คนอะไร ตัวก็โตอย่างกับยักษ์ ทำท่าอย่างกับเด็กสามขวบได้อมยิ้ม แถมจะกินก็ไม่กินสักที เอาแต่มองพี่ผมแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ได้ เห็นแล้วมันอดไม่ได้จริงๆจนต้องตวัดช้อนไปตักกุ้งตัวโตในถ้วยของคนนั่งยิ้มบ้านั้นมาเข้าปากด้วยความหมั่นไส้

“เฮ้ย!”

แน่นอน ว่าเป็นเสียโวยวายแบบลืมเก็กของอีกฝ่ายที่ทำเอาผมต้องกลั้นยิ้มบนใบหน้า ดี! อยากไม่สนใจผมดีนัก แบบนี้มันต้องแกล้งให้เข็ด

“เป้นิสัยไม่ดีเลยนะ”

พี่ปอของผมเอ็ดผมไม่จริงจังนักและหันหลังกลับอย่างตั้งใจจะไปตักกุ้งตัวใหม่มาให้คนที่โดนผมแย่งกุ้ง หารู้ไม่ว่านั้นเป็นการเปิดโอกาสให้ผมชัดๆ

ผมจัดการเทเกลือลงในถ้วยข้าวต้มของพี่ชายข้างบ้านแบบไม่ยั้งมือ และรวดเร็วจนเจ้าของถ้วยห้ามไว้ไม่ทัน กว่าเค้าจะคว้าขวดเกลือออกจากมือผมได้ ข้าวต้มกุ้งของเค้าก็เปลี่ยนสภาพกลายเป็นข้าวต้มทะเลไปเรียบร้อย

ผมยิ้มอย่างสะใจ แล้วยิ่งเมื่อพี่ปอเดินมาพร้อมหม้อข้าวต้มและตักกุ้งให้เค้าด้วยแล้ว ผมก็ยิ่งยิ้มกว้างเข้าไปอีก ดีใจนัก เกรงใจนัก ก็กินข้ามต้มน้ำทะเลเค็มๆไปให้พอใจเลย สมน้ำหน้า

ผมคิดอย่างพอใจก่อนจะลงมือกินข้าวในถ้วยตัวเองด้วยความสบายใจ แน่นอน ผมไม่สนใรอยยิ้มแหยๆที่เค้าส่งให้พี่ชายผม และไม่สนใจแววตามาดหมายอย่างคนจ้องจะเอาคืนของอีกฝ่ายที่ส่งมาทางนี้ด้วย

ไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องสนใจสักหน่อย

อืม ว่าแต่ เพื่อนสนิทพี่ชายผมไปอยู่ที่ไหนนะ ทำไมไม่ตัวติดกันแล้วล่ะวันนี้

.....................................
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " เพิ่งรู้ว่ารักเธอ(จบ) " 4/8/54 แจ้งข่าวP.3
เริ่มหัวข้อโดย: JUPJIB ที่ 16-10-2011 22:37:18
.....................................

“เล่นแสบนักนะเรา”

ทันทีที่มาอยู่ในห้องผมกันแค่สองคนพี่ชายข้างบ้านของผมก็เปิดฉากต่อว่าผมทันที แล้วมีหรือที่ผมจะสำนึก ผมทำเป็นไม่สนใจเสียงต่อว่านั้นแล้วค้นดีวีดีเพื่อเลือกมาเปิดดู ก็อยากจะดูเรื่องที่ดูค้างไว้เมื่อคืนอยู่หรอก แต่มันไม่ใช่แนวที่อีกคนที่บอกว่าจะมาดูกับผมชอบน่ะสิ ผมถึงต้องมานั่งเลือกใหม่อยู่นี่

“อ๊ะ!”

เสียงผมอุทานอย่างตกใจ เมื่อโดนฉุดแขนให้หันกลับไปหาคนพูด พร้อมๆกับที่ตกอยู่ในอ้อมกอดของอีกฝ่ายซะอย่างนั้น

“ปล่อยน่าพี่ตูน”

ผมดิ้นเล็กๆและส่งเสียงคล้ายรำคาญให้อีกฝ่ายได้รู้อย่างไม่ปิดบัง หากแต่ในความเป็นจริง ผมกำลังพยายามกลบเกลื่อนเสียงหัวใจที่เต้นระรัวเหมือนจะหลุดออกมานี่ต่างหาก แต่คนที่กอดผมไม่สะทกสะท้านสักนิด คนตัวโตกว่ายังคนฉวยเอาความได้เปรียบทางรูปร่างหากำไรเข้าตัวเองด้วยการกอดผมแน่นเข้าไปอีก พร้อมๆกับที่เจ้าตัวก้มลงใช้จมูกจรดกับแก้มผม

ตอนนี้เองที่ผมเลิกดิ้นแล้วเปลี่ยนเป็นเชิดหน้ามองไปด้านข้าง เม้มริมฝีปากแน่นด้วยความไม่พอใจ แต่ไม่ มันไม่ได้ทำให้เค้ารู้สำนึกสักนิดว่าผมกำลังโกรธแล้วก็กำลังงอนนะ เพราะสิ่งที่เค้าทำต่อมาคือการกดจมูกลงบนแก้มของผมอีกข้าง ปิดท้ายด้วยการแนบริมฝีปากลงมายังริมฝีปากของผมแผ่วเบา แล้วเค้าก็ยิ้ม จากหางตาของผม ผมเห็นว่าเค้ายิ้มจริงๆ

“พี่ยิ้มอะไรนักหนา”

ในที่สุด ผมก็อดรนทนไม่ได้ต้องถามขึ้นมาเมื่อเห็นว่าคนที่ยิ้มอยู่เงียบๆนั้นไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยผมจากอ้อมกอดนี้ และไม่มีท่าทีว่าจะหยุดยิ้ม

“ยิ้มเราน่ะสิ งอนอะไรน่ะ หึ”

อย่ามาถามด้วยเสียงเอ็นดูกึ่งหยอกเย้าอย่างนี้นะ ผมตะโกนในใจเพราะไม่ใช่วิสัยที่จะโวยวายออกไป

“ไม่ได้งอน”
   
นั้นคือส่วนที่ผมพูดออกไปแล้วก็สะบัดหน้าหนีไปทางอื่น ไม่ยอมสบตาพี่เค้าอีกรอบ เสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้นแผ่วเบาจนผมไม่แน่ใจว่าพี่ตูนกำลังหัวเราะอยู่หรือไม่ และไม่คิดจะหันไปมองให้เสียฟอร์ม

มีอะไรน่าขำ?

ผมถามตัวเองว่าไอ้ที่ผมทำๆอยู่นี่มันตลกตรงไหน

ผมกำลังไม่พอใจ และก็คิดว่าตัวเองแสดงออกมากพอให้อีกฝ่ายรู้ แล้วทำไมแทนที่เค้าจะง้อผม กลับกลายเป็นว่าเค้ากำลังหัวเราะไปได้ล่ะ มันตลกนักหรือไง ผมเป็นตัวตลกให้เค้าหรือไง

“ปล่อยผม”

คราวนี้ผมเริ่มโกรธขึ้นมาจริงจังแล้วนะ ผมไม่สะบัดหน้าหนี แต่เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างเต็มตา ตั้งใจจะส่งสายตาเย็นชาไปให้ให้อีกฝ่ายรู้ว่าผมโกรธจริง แต่แล้วทุกอย่างกลับผิดแผนไปหมด

ก็เมื่อผมเงยหน้าขึ้นมองสบสายตาคู่คมที่ทอดมองมาที่ผมอย่างอ่อนโยนแล้ว ผมจะเอาใจที่ไหนไปโกรธเค้าลงล่ะครับ

“พี่ตูน ปล่อยเถอะ ผมจะไปเปิดหนัง”

หลังจากทอดถอนใจให้กับความใจง่ายของตัวเอง ผมก็เอ่ยขึ้นเรียบๆ ไร้วี่แววของการประชดประชันหรือแง่งอนอย่างเมื่อครู่นี้อีก และนั้นทำให้อ้อมกอดเมื่อครู่คลายลง แต่ใช่ว่าผมจะพ้นพันธนาการจากเค้า

พี่ตูนพี่ชายข้างบ้านของผมจับมือผมไว้และจูงไปทางชั้นวางดีวีดี พร้อมกับใช้มือข้างที่ว่างไล่ดูชื่อหนังตามชั้น แล้วหยิบออกมาเรื่องหนึ่ง

“อันนี้ไหม ?”
ผมเคลื่อนใบหน้าเข้าไปมองหน้าปกใกล้ๆแล้วส่ายหัว ก่อนจะเบียดให้คนตัวโตกว่าเขยิบไปนิดเพื่อที่ผมจะได้มอง
เห็นรายชื่อหนังบนชั้นเหมือนๆอย่างเขา เราสองคนผลัดกันหยิบหนังออกมาจากชั้น และเอ่ยถามเพื่อขอความคิดเห็นจากอีกคน และเมื่อยังไม่มีการพยักหน้าตกลง ทำให้แม้จะผ่านไปกว่าสิบนาทีแล้ว เราทั้งคู่ยังเลือกหนังมาเปิดดูไม่ได้เลย

“เอ่อ....”

เสียงที่ดังขึ้นจากทางประตูห้องนอนของผมเรียกความสนใจจากเราทั้งคู่ให้หันไปมองที่มาของเสียงแทนชั้นดีวีดี และพี่ชายข้างบ้านของผมที่จับมือผมแน่นเมื่อครู่นี้ กลับผละตัวห่างจากผมไปอย่างง่ายดายในทันที

“ครับพี่ปอ เข้ามาสิครับ”

ผมบอกแล้วหันหน้ากลับมายังชั้นดีวีดีอีกครั้ง ... คนเดียว เพราะพี่ชายข้างบ้านของผมนั้น ยังคนหันไปให้ความสนใจกับผู้มาใหม่

“พี่บาร์ทล่ะพี่ปอ”

ผมเอ่ยถามหาเพื่อนสนิทของพี่ชายที่ยังไม่เห็นมาตั้งแต่เช้า

“ไปมหาลัยน่ะ ไปส่งงาน เย็นๆถึงจะกลับ”

ผมพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ มิน่าล่ะ ทั้งๆที่ปกติตัวติดกันแท้ๆ

“มีอะไรกับบาร์ทหรือเปล่าเป้”

พี่ชายผมถามแทรกน้ำเสียงหวาดระแวงไว้โดยไม่รู้ตัว ผมหมายถึงตัวคนพูดน่ะนะที่ไม่รู้ตัว แต่ผมน่ะรับรู้ได้เต็มๆ เฮ้อ...มันอะไรกันนักนะ มีอะไรก็ไม่พูด ทำตัวไม่สมกับเป็นพี่ปอเลย

“เปล่าหรอกครับ นึกว่าอยู่จะชวนมาดูหนังด้วยกัน”

ผมว่าแล้วหันไปชูดีวีดีให้พี่ชายข้างบ้านดูว่าใช้ได้ไหม แต่เมื่อหันไปกลับเจอสายตาพี่ตูนที่กำลังทำหน้าไม่พอใจ และไม่ได้มองผมอยู่ ผมไม่รู้ว่าเค้าไม่พอใจเรื่องอะไร และก็ไม่อยากจะรู้ ผมเลยไม่สนใจจะถามความเห็นเค้าอีก ผมจะดูเรื่องนี้ ในเมื่อเค้าไม่สนใจจะเลือกหนังแล้ว ผมก็จะเลือกของผมเองนี่ล่ะ

“เป้ชอบดูหนังแนวนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”

พี่ชายของผมเอ่ยถามทันทีที่เห็นชื่อหนัง แต่ผมไม่ตอบ ผมยิ้มให้แบบไม่มีความหมายแล้วตัดสินใจจดจ่ออยู่กับโทรทัศน์แทนการหันไปมองดูพี่ชายของผม หรือพี่ชายข้างบ้านของผม จะทำอะไรกันก็เชิญ ใครจะโกรธ ใครจะอยากพูดอะไร ใครจะเงียบ หรือใครจะสนใจดูหนังมากน้อยแค่ไหนก็ช่างเถอะ ผมไม่สนใจล่ะ อยากทำอะไรก็ทำ

...........................................................

ผมกำลังดูหนังได้ครึ่งเรื่อง เมื่อคนตัวโตที่ผมไม่ได้สนใจอีกเลยหลังจากหนังเริ่มเดินมายืนบังหน้าจอโทรทัศน์อย่างไม่มีสามัญสำนึก ผมตวัดสายตาขึ้นมองคนที่บังผมอยู่ แล้วก็ได้เห็นว่าคนที่บดบังโทรทัศน์นั้นกำลังอารมณ์ไม่ดีอย่างสุดๆสายตาคู่นั้นจ้องมองลงมาที่ผมอย่างไม่พอใจ และแน่นอนผมรู้สึกตัวช้าไป

ร่างสูงโน้มตัวลงมากักขังผมไว้ในอ้อมกอด หลังผมชนเตียงที่ผมนั่งพิงอยู่เมื่อครู่  และเค้าก็ใช้มือดันให้ผมเงยหน้าขึ้น เมื่อริมฝีปากคู่นั้นประทับลงมา ....และมันไม่ใช่แค่จูบแผ่วเบา ริมฝีปากนั้นบดเบียดอย่างไร้ซึ่งความอ่อนโยนแสดงให้เห็นว่าคนตรงหน้าผมนี้กำลังโกรธอยู่จริงๆ ลิ้นร้อนรุกรานเข้ามาอย่างจาบจ้วงไร้ความเกรงใจแม้สักนิด ก่อนที่ฟันคมจะกัดเบาๆที่ริมฝีปากผม และแรงยิ่งขึ้นเมื่อผมไม่เผยอปากยอมรับสัมผัสเหล่านั้น

“โอ๊ย!”

ผมร้องเสียงอู้อี้เมื่อคนที่จูบผมอยู่เมื่อครู่กัดจริง จนผมต้องยอมให้อีกฝ่ายจูบรุกรานอย่างใจด้วยความตระหนก กลิ่นคาวเลือดโชยมาเข้าจมูกพร้อมๆกับที่ลิ้นรับรู้ถึงรสเลือด เลือดจากริมฝีปากของผม แต่คนที่จูบผมอยู่ตอนนี้ไม่สนใจ คนรุกรานยังคงเข้าชิมความหวานภายในเรียวปากอย่างพอใจ ไล่ชิมความหวานอย่างถ้วนทั่ว โดยไม่สนใจร่างกายของผมที่กำลังสั่น ทั้งเพราะความหวาดกลัวในความรุนแรงที่ได้รับไม่บ่อยนักและเพราะความรัญจวญจากสัมผัสอันคุ้นเคย

“อือ ฮือ”

เสียงประท้วงแผ่วเบาของผมเพื่อให้คนที่ยังสนุกสนานกับการรุกรานริมฝีปากของผมได้รู้ว่าผมกำลังจะขาดอากาศหายใจ ทำให้เค้าผละออกมาอ้อยอิ่งอยู่ที่ริมฝีปากที่ยังคงมีเลือดซึ่มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเคลื่อนใบหน้าต่ำลงมาฝั่งจูบลงบนต้นคอของผม ผมรู้สึกเจ็บจี๊ดที่ต้นคอทุกที่ที่เค้าฝั่งรอยจูบลงไปพร้อมๆกับอาการวูบโหวงในช่องท้อง

บ้าชะมัด

ผมรับรู้ได้เลยว่าตัวเองกำลังตื่นตัว

แต่เหมือนผมลืมอะไรไปบางอย่าง

 “อ๊ะ!”

พลัก!

ทันทีที่ผมนึกออกว่าผมลืมอะไรไป ผมก็ผลักร่างสูงที่ไม่ทันได้ตั้งตัวรับแรงจากผมให้ถอยห่างออกไปทันที แม้เค้าจะผละออกไปไม่มากอย่างที่ผมตั้งใจนัก แต่มันก็ยังดี ที่มันสามารถหยุดการกระทำทั้งหมดทั้งมวลของเค้าไว้ได้

“พี่ปอล่ะ”

ผมตื่นตระหนกเมื่อตระหนักได้ว่า สิ่งที่ผมกับเค้าทำไปเมื่อครู่นี้อาจปรากฏสู่สายตาพี่ชายของผม สายตาของผมสอดส่ายหาพี่ชายไปทั่วห้อง ก่อนที่ผมจะถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อหันไปเห็นว่าพี่ชายคนดีของผมกำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงของผมข้างหลังนี่เอง

แล้วผมก็นึกขึ้นมาได้ พี่ชายข้างบ้านของผม ไม่มีทางทำอะไรแบบนั้นต่อหน้าพี่ชายผมอยู่แล้ว ผมน่าจะรู้ดี

“กลับไปเลยไป”

ผมออกปากไล่คนที่ยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิมหลังจากโดนผมผลัก พี่ตูนเงยหน้าขึ้นมองผม ท่าทางเค้าจะโกรธไม่ใช่น้อยที่ผมไปขัดจังหวะเค้าโดยการผลักเมื่อครู่นี้...แล้วก็คงที่ออกปากไล่อยู่นี่ด้วย

“กล้ามาเลยนะเราน่ะ”

 เสียงพูดเรียบๆที่มาพร้อมกับรอยแย้มยิ้มบนริมฝีปากทำเอาใจผมไปกองอยู่ที่ตาตุ่ม...สันหลังเย็นวาบขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
   
ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก สมองประมวลความคิดหาทางรอดจากเงื้อมมือคนที่ส่งยิ้มร้ายมาให้ ใช่แล้ว

“พี่ปะ...อุ๊บ”

ปากที่กำลังจะส่งเสียงเรียกพี่ชายโดนมือหนากดปิดลง

“ชี่ย์.......อย่าไปรบกวนคนหลับสิ”

ผมเหลือบตาขึ้นมองคนที่ปิดปากผม อารมณ์กลัวเริ่มเปลี่ยนอารมณ์โกรธและน้อยใจเมื่อดูท่าทางว่าพี่ตูนจะเห็นความสำคัญของพี่ชายผมมาก สำคัญขนาดเวลาที่พี่ชายผมนอนหลับเค้าก็จะไม่ให้มีใครไปรบกวนเลยเชียว เชอะ! ทีเวลาผมหลับ พี่เค้ายังไม่เห็นจะทำแบบนี้เลย เอาแต่กวน เอาแต่ปลุกผมตลอด จนผมแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน ช่างแตกต่างกันจริงนะ ก็ใช่สิ ผมไม่ใช่พี่ปอนิ่

“ไม่ต้องมาทำท่างอน เราผิดอยู่นะ”

ผมล่ะอยากถามเค้าจริงๆว่าผมผิดตรงไหน และอยากบอกเค้าด้วยว่าผมโกรธอยู่ไม่ได้งอน แต่ไม่ ผมไม่พูดกับเค้าหรอก ก็ผมโกรธอยู่นี่

“อืมมม”

เสียงจากลำคอและการขยับตัวจากเบื้องหลัง ทำให้สงครามระหว่างผมกับพี่ตูนหยุดชะงักชั่วคราว คนตัวโตกว่าปล่อยมือที่ใช้ปิดปากผมแล้วเปลี่ยนเป็นนั่งแหมะลงตรงพื้นข้างๆผม สายตาเริ่มจับจ้องไปทางโทรทัศน์อีกครั้ง ... ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“หืม กี่โมงแล้วเนี่ย”

พี่ชายผมผุดตัวลุกขึ้นแล้วเงยหน้ามองนาฬิกาเหมือนต้องการสำรวจว่าตัวเองหลับไปนานแค่ไหน ผมปรายตามองไปยังคนที่นั่งข้างๆ เบ้ปากอย่างหมั่นไส้ ว่าจะไม่พูดอะไรแล้วเชียว แต่ปากมันก็อดไม่ได้

“เหอะ ไม่แน่จริง”

คนถูกว่าปรายตามมามองผมอย่างเอาเรื่องแล้วก็เจอสายตาท้าทายของผมที่ส่งไปให้เต็มๆ แน่นอน ตอนนี้ผมไม่กลัวหรอก ก็พี่ปอพี่ชายผมนั่งอยู่ทั้งคน คนอย่างเค้าจะไปกล้าทำอะไร

“เฮ้ย!”

ผมคิดผิด ผมคิดผิด ผมคิดผิด

ผมย้ำความคิดตัวเองไปมาเมื่อคนที่น่าจะไม่กล้าในความคิดผมคว้าคอผมรั้งให้เข้าใกล้ใบหน้าของเค้าอย่างรวดเร็ว และก่อนที่ผมจะได้ทันขัดขืน ริมฝีปากของเราสองคนก็ชนกันเสียแล้ว

มันเป็นเพียงจูบแผ่วเบา .... แต่อานุภาพร้ายแรง

ผมรู้สึกตัวได้เลยว่าใบหน้าของผมร้อนผ่าว และมันคงจะแดงก่ำน่าดูทีเดียว สมองรับรู้แทบจะปิดประสาทสั่งการ ไม่กล้าหันกลับไปมองข้างหลังสักนิดว่าพี่ชายผมเห็นภาพเมื่อครู่หรือไม่ แต่คนที่โดนผมท้าทายว่าไม่แน่จริงสงสัยจะยังไม่พอใจกับผลงานตัวเอง

ร่างสูงยกตัวผมลอยหวือไปนั่งบนตักตัวเองหน้าตาเฉย แขนแข็งแรงทั้งสองข้างล๊อกผมไว้ คางมนกดลงมาที่ไหล่ผม แล้วดูโทรทัศน์ต่ออีกครั้ง ผมนั่งนิ่งตัวแข็งทื่อให้เค้ากอดเอาตามใจ ลมหายใจอุ่นๆรินรดที่ข้างแก้มยิ่งทำเอาผมคิดอะไรไม่ออก

แน่ล่ะ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เค้าทำตัวแบบนี้กับผม

แต่มันก็เป็นแบบนี้ทุกทีสิน่า ผมไม่เคยควบคุมไม่ให้เลือดมันสูบฉีดขึ้นมาบนใบหน้าได้ แล้วยิ่งตอนนี้ พี่ชายผมเองก็...พี่ชายผม...ไม่อยู่แล้ว ... ออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย

หึ! ผมขยับตัวยุกยิกดิ้นออกจากอ้อมกอดเมื่อคิดได้ว่าตัวเองเผลอดีใจไปนิดหน่อยเมื่อครู่นี้ เมื่อคิดว่าพี่ชายข้างบ้านกล้าจูบกล้ากอดผมต่อหน้าพี่ปอ แต่ไม่ เปล่าเลย เพราะพี่ปอไม่อยู่แล้วต่างหาก

“อย่าดิ้นน่า เดี๋ยวไม่ได้ดูหนังนะ”

เสียงขู่เบาๆพร้อมจมูกที่ซุกไซ้ลำคอ ทำให้ผมหยุดดิ้น ไม่ได้กลัวคำขู่ของพี่ตูนหรอก แต่ผมกำลังโกรธมากอยู่ต่างหาก ผมกัดริมฝีปากตัวเองแน่นจนเลือดที่หยุดไหลไปแล้วซึมออกมาอีก บังคับตัวเองไม่ให้ร้องไห้ออกมา คนที่กอดผมอยู่ไม่ได้รับรู้อารมณ์ของผมสักนิด ยังคงใจจดใจจ่อกับหนัง เฮ้ออออ ผมล่ะเหนื่อยใจจริงๆ แล้วสุดท้ายผมก็หลับไป ตอนไหนไม่รู้เหมือนกัน

.............................
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " เพิ่งรู้ว่ารักเธอ(จบ) " 4/8/54 แจ้งข่าวP.3
เริ่มหัวข้อโดย: JUPJIB ที่ 16-10-2011 22:39:51
ผมตื่นขึ้นมาเมื่อรู้สึกว่าท้องกำลังประท้วงหิว โทรทัศน์ถูกปิดลงและในห้องมืดสนิท หากแต่แสงไฟและเสียงหัวเราะแผ่วเบาที่ดังมานั้นทำให้ผมรู้ว่ายังมีคนอื่นอยู่ในบ้าน ผมเดินลงมาข้างล่างแล้วเจอพี่ปอของผมกับพี่ตูนพี่ชายข้างบ้านกำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน ผมยืนนิ่งอยู่ตรงบันได จับใจความได้ว่าดูเหมือนทั้งสองคนจะกำลังคุยเรื่องความหลัง มันก็เป็นธรรมดาแหละนะ เพราะถึงแม้ว่าพี่ปอจะอายุน้อยกว่าพี่ตูนเกือบปี แต่ว่าทั้งคู่ก็เรียนในชั้นเดียวกัน ที่จริงแล้วทั้งคู่ก็เรียนมาด้วยกันตลอด แม้คนที่สนิทกับพี่ตูนจริงๆจะคือพี่ป่านก็เถอะ

“ตูน อย่าว่าปออะไรเลยนะ แต่น้องยังเด็กอยู่”

หูผมแทบจะกางออกเมื่อได้ยินบทสนทนาที่เหมือนจะกล่าวพาดพิงถึงผม

“แล้วสำหรับปอ เป้ต้องอายุเท่าไหร่ถึงจะไม่เด็กล่ะ”

พี่ปอเงียบไป คงเพราะตัวเองก็ตอบคำถามนั้นไม่ได้

“ปอจะไม่บอกน้องก็ตามใจเถอะนะ แต่ตูนน่ะรอมานานแล้ว แล้วก็จะไม่รออีก ยังไงตูนก็จะบอก ... ความรักเป็นสิ่งสวยงามนะปอ ตูนเชื่อว่าเป้จะต้องดีใจกับปอ”

“แล้วตูนล่ะ”

ผมไม่ได้ยินอีกว่าทั้งสองคนคุยอะไรกัน ผมแน่ใจและรับรู้แล้วว่าทั้งคู่กับลังคุยอะไร

พี่ปอกับพี่ตูน ... สองคนนั้นคงตั้งใจจะบอกเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่ให้ผลรู้ แต่ก็กลัวผมรับไม่ได้

บ้าชะมัด

เรื่องบ้าๆ!!!!!

.............................

“เป้ เอ่อ คือว่า.............”

“พี่บาร์ท อันนี้อร่อยนะ กินดูๆ”

ผมยอมรับว่าตั้งใจหลีกเลี่ยงคำพูดของพี่ปอ ด้วยการใช้พี่บาร์ทเป็นเครื่องมือ พี่บาร์ทมองหน้าผมงงๆแต่ก็พยักหน้ารับเอากับข้าวที่ผมตักให้ พี่ปอหน้าเสียลงเล็กน้อย และพี่ตูนทำหน้าไม่พอใจขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

ช่างสิ ผมไม่เห็นจะแคร์เลย

ตลอดการกินข้าวเย็นนั้น ผมเอาแต่ชวนพี่บาร์ทคุยโดยไม่สนใจท่าทีของพี่ปอหรือของพี่ตูนเลยสักนิดเถอะ ก็ทำไมผมต้องสนใจด้วยเล่า

แล้วคนที่ทนไม่ได้ก่อนก็คือพี่ชายข้างบ้านของผม

พี่ตูนลุกขึ้นมาลากผมออกจากโต๊ะตั้งแต่ผมยังไม่อิ่ม ลากผมไปยังบ้านของเขาซึ่งอยู่ข้างๆบ้านผม เขาไม่พอใจ แต่มันช่วยไม่ได้นิ่ ก็ผมยังไม่อยากรับรู้นิ่นา ผมโดนลากเข้ามาในห้องนอนแล้วก็โดนจับเหวี่ยงลงบนเตียงซะอย่างนั้น

“เล่นอะไรของเราหึเป้”

ดูเหมือนพี่ตูนจะอารมณ์ไม่ดีเอามากๆ เขาพูดเสียงเบาก็จริงแต่ก็เป็นไปในลักษณะของการขบกรามแน่น ดวงตาคู่คมจ้องมองมาใบหน้าผมอย่างจะเอาเรื่อง

“เล่นอะไร พี่ตูนนั่นล่ะเล่นอะไร มันเจ็บนะ”

ผมก้มลงดูข้อมือตัวเองที่แดงเป็นปื้นแล้วก็ตวัดสายตาสู้ทันที พี่เขานึกว่ามีแต่ตัวเองหรือไงที่โมโหได้ ผมเองก็โมโหแล้วเหมือนกันนะ

“ก็เราทำบ้าอะไร ไปอี๋อ๋ออะไรกับบาร์ทนักหนา”

“อี๋อ๋ออะไรพี่ตูน ผมก็แค่ชวนเขาคุย ชวนกินข้าว ทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดีก็เท่านั้น เรียกว่าอี๋อ๋อตรงไหน”

พี่ตูนทำท่าโมโหมากขึ้นกว่าเดิมที่เจอผมยอกย้อน เจ้าตัวเดินตรงมาหาผมแล้วคว้าแขนข้างเดิมกำแน่น

“จะคิดมาทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดีอะไรตอนนี้ ทุกทีไม่เห็นจะเคยทำ ... ไม่ใช่ว่าเกิดนึกพิศวาสเขาขึ้นมาหรอกเหรอ เมื่อวานก็เห็นถามหา”

“พิศวาสบ้าอะไร ผมไม่ใช่พี่ปอกับพี่ตูนนะ จะได้นึกพิศวาสผู้ชายด้วยกัน โอ๊ย ... ปล่อยนะ มันเจ็บ”

ยิ่งพูด พี่ตูนก็ดูเหมือนจะยิ่งเพิ่มแรง ท่าทางโมโหนั้นเปลี่ยนเป็นเศร้าลึกอยู่เสี้ยววินาทียามที่ผมพูดเมื่อครู่ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นวาวโรจน์อย่างเก่า พี่ตูนคงโมโหที่ผมพูดถึงพี่ปออย่างนั้น

“ดี ไม่พิศวาสก็ดี งั้นก็ลองกันหน่อยแล้วกัน ดูถูกกันดีนัก”

พี่เขาว่าแล้วก็กดผมลงกับเตียง พี่ตูนขึ้นคล่อมผมจากด้านบน มือหน้าดึงกระชากเสื้อผ้าผมออกจากร่างกายอย่างไม่ปราณี ผมได้แต่นอนอึ้ง จนเมื่อเสื้อถูกถอดออกไปนั่นล่ะถึงเพิ่งรู้สึกตัว

ผมใช้มือ ทั้งผลัก ทั้งดิ้น ทั้งทุบร่างสูงและแข็งแรงกว่าเบื้องบน แต่มันไม่ได้ผลเลย ขาสองข้างนั้นทำอะไรไม่ได้เมื่อพี่ตูนนั่งทับท้องน้อยผมไว้อย่างนี้

“พี่ตูน อย่าบ้านะ ปล่อย ... โอ๊ย!”

ไม่ถึง ดังไปไม่ถึงเลย คนตัวโตก้มลงฝั่งเขี้ยวคมลงบนผิวตรงต้นคอผม ก่อนจะเคลื่อนไปตรงหัวไหล่และกัดมันอีกครั้ง

“ปล่อยนะ ปล่อยนะ ไอ้บ้า ปล่อย”

ถึงจะโวยวายก็ไม่มีความหมาย เขาคงรำคาญมือผมที่คอยทุบคอยผลักจึงใช้เสื้อผมที่ถูกถอดออกเข้ามัดมันเอาไว้ด้วยกัน

“พี่ตูน”

ผมครางในลำคอเบาๆอย่างไม่อยากเชื่อ พี่ตูนที่ผมรู้จักแม้จะชอบแกล้งผมแต่ก็ไม่เคยทำอะไรให้ผมต้องเจ็บตัวมากนัก พี่ตูนของผมอ่อนโยนและยืนอยู่ข้างผมเสมอ พี่ตูนคนนั้นกลับกลายเป็นพี่ตูนคนนี้เพียงเพราะผมเอ่ยว่าพี่ปอเพียงแค่นั้นน่ะหรือ น้ำตาที่หลั่งรินไม่ใช่เพราะความกลัวที่ถูกทำร้าย ไม่ใช่เพราะความเจ็บที่ร่างกาย แต่มันเป็นเพราะจิตใจของผมมันรับไม่ไหว ผมเสียใจ ผมเจ็บไปทั่วทั้งใจ เขาอยากทำให้ผมเจ็บ และผมก็เจ็บจริงๆ

ดูเหมือนน้ำตาจะช่วยหยุดความบ้าของเขาได้บ้าง พี่ตูนหยุดมือเมื่อสัมผัสได้ถึงอาการสะอื้นไห้ของผม คนตัวสูงลุกขึ้นแล้วเดินหนีไปทางห้องน้ำ คล้ายต้องการสงบจิตใจของตัวเอง ทิ้งผมเอาไว้ที่เดิม

เสื้อที่พันมือผมไว้คล้ายออกเพียงพอให้ผมหลุดออกจากพันธนาการ ผมคู้ตัวกอดตัวเองร้องไห้อยู่บนเตียงนั้น ผมเสียใจ และเจ็บลึกอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน แม้ผมจะเจ็บในใจทุกครั้งที่เห็นว่าพี่ตูนรักพี่ปอ แต่มันไม่เคยเจ็บมากเท่าครั้งนี้เลย

“เป้”

เสียงเรียกที่ดังขึ้นพร้อมทั้งเตียงที่ยวบลงเพราะน้ำหนักตัวทำให้ผมขยับตัวหนีตามสัญชาตญาณ ผมกลัว ความโหดร้ายที่เพิ่งได้รับ มันยังคงฝั่งอยู่ในจิตใจ พี่ตูนดูเหมือนจะหน้าเสียไป แต่เจ้าตัวก็ยังไม่ล่ะความพยายาม เขาเอื้อมมือมาคว้ามือผมไปจับ ก่อนจะลูบเบาๆคล้ายปลอบใจ เขาทำอย่างนั้นเงียบๆ และผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรจะพูดอะไร

“พี่ขอโทษ”

เมื่อเห็นว่าผมเริ่มจะสงบจิตใจลงได้มากแล้ว พี่ตูนก็พูดขึ้นมาพร้อมคว้าตัวผมไปกอดไว้อย่างอ่อนโยน

 ความอบอุ่นจากอ้อมกอด เสียงที่กระซิบแผ่วเบา หากมันไม่ใช่แค่ความฝันก็คงจะดี

...............................

“ตื่นแล้วหรือเป้”

พี่ปอเอ่ยถามเมื่อผมลืมตาตื่น ภาพรอบๆตัวชัดเจนแล้วสติที่เรียกกลับมาได้แล้วของผมบอกว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้อง ห้องของผม ที่บ้านของผม

ผมพยักหน้าให้พี่ชายคนรอง แม้อยากจะรู้แต่ก็ไม่คิดจะเอ่ยปากถามว่าผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ผมไม่อยากเอ่ยปากถามถึงคนที่ผมกำลังนึกถึงอยู่ตอนนี้

“พี่คิดว่าพี่ต้องพูดกับเป้สักทีแล้ว ปล่อยไปแบบนี้พี่สงสารตูน”

ผมพยักหน้าให้พี่ชายอีกทีแล้วก็เดินไปทางห้องน้ำ

“พี่ปอลงไปรอข้างล่างเถอะ เดี๋ยวผมตามลงไป”

ผมว่าแล้วเดินลับเข้าห้องน้ำไป

ผมได้ยินเสียงประตูห้องเปิด เสียงฝีเท้าพี่ปอที่เดินห่างออกไป และเสียงประตูที่ปิดลง ผมทรุดตัวลงนั่งหน้าประตูห้องน้ำ น้ำตาที่ผมพยายามกักไหลลงมาเงียบๆ

มันถึงเวลาแล้ว ถึงเวลาที่ผมต้องทำใจยอมรับ พี่ปอพูดถูก ปล่อยเรื่องให้มันเนินนานไปอย่างนี้ไม่ได้อะไร พี่ตูนน่าสงสาร พี่ชายข้างบ้านที่ผมรักทรมานใจมานานแค่ไหนแล้วที่ต้องปิดเรื่องความรักของเค้าเอาไว้ พี่ปอเองก็นาสงสาร ผมต้องยอมรับความจริง ต้องรับมันให้ได้แม้ว่าความจริงเหล่านั้นจะทำให้ผมเจ็บ

ผมจะต้องเข้มแข็ง

ผมสัญญากับตัวเองว่าจะร้องไห้ที่ตรงนี้ให้พอ ร้องไห้ตอนนี้ แล้วเมื่อผมรับฟังความจริง ผมจะต้องยินดีกับพี่ทั้งสองคนของผม ผมรักพี่ทั้งสองคนนั้น แม้จะรักในรูปแบบที่ไม่เหมือนกันแต่ผมก็รัก

มันไม่ใช่เรื่องดีเลยที่จะปล่อยให้คนที่ผมรักทรมาน

ความรักที่เนินนานมันถึงเวลาที่ต้องจบแล้ว และผมต้องจบมันอย่างเงียบเชียบ จบมันด้วยการไม่พูดไม่บอกความรักครั้งนี้ของผมออกไป

ผมอาบน้ำช้าๆ แม้จะพยายามบอกตัวเองว่าต้องยอมรับให้ได้

แต่ผมก็ขอต่อเวลาออกไป ขอต่อเวลาออกไปอีกสักนิด แค่นิดเดียวจริงๆ

................................

ผมเดินลงมาชั้นล่างแล้วอดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมที่นั่งอยู่ตรงนั้นมีคน 4 คน คือ พี่ป่านพี่ชายคนโตของผม พี่ปอพี่ชายคนรอง พี่บาร์ทเพื่อนสนิทพี่ปอ แล้วก็พี่ทิมพี่ชายของแฟนพี่ป่าน งงไหมครับ? ตัวผมน่ะ งงมากเลยทำไมการจัดเรียงมันแปลกๆจนน่าแปลกใจแบบนี้

ผมลงนั่งและมองพี่ชายแท้ๆทั้งสองคนด้วยสีหน้าสงสัย

มือของพี่ป่านกุมมือพี่ทิมแน่น แล้วพี่ทิมก็ก้มหน้าก้มตา ไม่สบตาผม ทั้งๆที่ปกติเวลาผมเจอพี่ทิมซึ่งมาพร้อมกับน้องสาวที่เป็นแฟนพี่ป่าน เราสองคนออกจะเข้ากันได้ดีแท้ๆ

พี่ปอเองก็จับมือพี่บาร์ทไว้แน่นเหมือนให้กำลังใจกันและกัน แต่พี่บาร์ทกลับมองมาที่ผมด้วยสายแต่แน่วแน่ ต่างจากพี่ปอที่หลบตาผมไปซะอย่างนั้น

เราทั้งห้านั่งกันเงียบๆ เงียบจนผมทนไม่ได้

“ไหนว่าจะพูดอะไรไงครับ”

ผมไม่ได้เจาะจงเพราะเมื่อมองดูแล้ว คิดว่าไม่แค่พี่ปอเท่านั้นที่มีเรื่องจะพูดกับผม พี่ป่านเองก็คงไม่ต่างกัน ไม่งั้นผมคงไม่ได้เห็นหน้าพี่ชายคนโตตั้งแต่เช้าอย่างนี้

“พี่อยากให้เป้รู้ เพราะเป้เป็นน้องของพี่”

ปกติพี่ป่านไม่ใช่คนพูดเพราะ แต่กับผมพี่ป่านจะพูดเพราะด้วยเสมอ พี่ตูนยังแซวพี่ป่านบ่อยๆว่าพี่ป่านกลัวผม ซึ่งความจริงที่พี่ป่านกลัว คือกลัวผมโกรธ ก็ตามประสาน้องคนเล็ก ผมเอาแต่ใจพอตัว และพี่ป่านกับพี่ปอ รวมถึงพ่อกับแม่ก็ตามใจผมมาก ไม่ว่าจะทำอะไร คนในบ้านจะเกรงใจผมที่สุด เพราะกลัวผมโกรธนั่นเอง

“พี่กับทิมรักกัน พี่อยากให้เป้ยอมรับเรื่องนี้”

ผมเงียบไปเนินนาน ความจริงที่พี่ป่านพูดออกมาทำเอาผมหัวหมุน 360 องศา ผมไม่คิดว่าก่อนว่าพี่ชายคนโตของผมจะมีคนรักเป็นผู้ชายด้วยกัน

ไม่ใช่ว่ารับไม่ได้ ในเมื่อตัวผมเองคนที่หลงรักมาเนินนานก็เป็นผู้ชาย เพียงแต่ว่า ... ผมก็อดตกใจไม่ได้ แถมคนที่เป็นแฟนพี่ป่านยังเป็นพี่ชายของแฟน เอ่อ ควรเรียกว่าแฟนเก่าสินะ ของพี่ป่านอีกด้วย

“พี่รู้ว่าควรบอกน้องให้เร็วกว่านี้ แต่ว่า พี่คิดว่าควรให้น้องเรียนจบม.ปลายเสียก่อนค่อยมารับรู้ พี่ไม่อยากให้ความสัมพันธ์แบบพวกพี่กลายเป็นตัวอย่างหรือตัวชี้นำ เป้เข้าใจใช่ไหม”

ผมพยักหน้าเบาๆ จะพูดว่าเข้าใจเสียทีเดียวก็ไม่ใช่ ผมยอมรับว่าแอบน้อยใจที่ดูเหมือนเรื่องนี้จะมีเพียงผมเท่านั้นที่ไม่ทราบเรื่อง พี่ปอที่นั่งนิ่งๆนั้น ท่าทางเหมือนรอลุ้นผล และไม่ได้แปลกใจกับเรื่องนี้ แปลว่าพี่ปอเองก็คงรู้เรื่องนี้มานานแล้ว

“แล้วพี่ปอล่ะ”

พี่ชายคนรองผมเงยหน้าขึ้นช้าๆก่อนจะพูดออกมาเบาๆ

“พี่เองก็คบกับบาร์ทมาสักพักแล้ว”

อันนี้ผมอึ้งไปจริงๆ ผมที่พยายามทำใจว่าพี่ปอจะบอกผมเรื่องความสัมพันธ์กับพี่ตูน แต่กลายเป็นว่าคนที่พี่ปอคบด้วยคือพี่บาร์ท!

แล้วพี่ตูนล่ะ?

ผมเงยหน้าขึ้นมอง อยากจะถามออกไปแต่ก็คิดว่าไม่ควรพูด ผมไม่ทราบว่าพี่ปอทราบไหมว่าพี่ตูนชอบตัวเอง หากไม่ทราบ เมื่อผมพูดออกไปแล้วอาจจะไม่ดีทั้งกับพี่ปอและพี่ตูน หากพี่ตูนอยากให้พี่ปอรู้ว่าความรู้สึก พี่ตูนก็ควรจะเป็นคนบอกเอง

“ผมไม่ใช่เด็ก พวกพี่ไม่บอกอย่างนี้ผมไม่ชอบนะ”

ผมพูดแล้วมุ่ยหน้า ทั้งสี่คนหน้าเสียอย่างเห็นได้ชัดจนผมต้องถอนหายใจออกมาเบาๆ ถึงจะรู้สึกเหมือนโดนกันออกจากกลุ่มเมื่อต้องรู้เรื่องเป็นคนสุดท้าย แต่ผมก็ไม่อยากจะทำให้พวกพี่ๆไม่สบายใจ

“เอาเถอะ ผมเห็นว่าเป็นเรื่องดีๆหรอกนะ จะยอมให้สักครั้งแล้วกัน แต่ถ้าคราวหน้าพวกพี่ปิดบังอะไรผมอีก ผมจะโกรธจริงๆ เลิกคบกันไปเลย”

ผมพูดยิ้มๆ แซวพี่ชายเล่น แต่กลับทำให้พี่ชายสองคนของผมยิ่งหน้าเสียเข้าไปใหญ่ พอผมเห็นเลยต้องหยุดยิ้มชั่วคราว เพราะมีเหตุเดียวเท่านั้นที่ผมพูดไปแบบนั้นแล้วพวกพี่ชายผมจะทำหน้าเสีย

ทั้งสองคนยังมีเรื่องปิดบังผมอยู่!!

“พวกพี่พูดออกมาเดี๋ยวนี้นะ”

ผมพูดเสียงเรียบแล้วทีนี้ แต่แทนที่ทั้งสองคนจะพูดออกมา กลายเป็นว่าอ้ำๆอึ้งๆกันอยู่ได้

ผมนั่งหน้าหงิกให้รู้แล้วว่าผมไม่พอใจและกำลังจะเหวี่ยง พี่ทิมกับพี่บาร์ทนั่งมองเงียบๆแล้วทำหน้าเหมือนกลั้นหัวเราะอยู่ ทำให้ผมรู้ว่าเรื่องราวมันคงไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่ แต่ผมพยายามทำเป็นไม่สนใจ ตีหน้าเครียดอย่างเดียว

“คือว่าเรื่องไอ้ตูน”

พี่ป่านพูดขึ้นหลังจากที่นิ่งอยู่นาน ผมก็พยักหน้าเงียบๆเป็นเชิงบอกให้พูดมาผมฟังอยู่

“คือไอ้ตูนน่ะ มันบอกพี่ตั้งแต่เมื่อสัก 10 ปีก่อนแล้วว่ามันชอบเป้ ชอบแบบที่ไม่ใช่น้องชายน่ะ แต่พวกพี่เห็นว่าตอนนั้นเป้ยังเด็ก แบบว่ายังเด็กมากๆ แล้วตอนนั้นพวกพี่ก็ยังไม่ค่อยเห็นด้วยเรื่องความรักระหว่างผู้ชายนัก พวกพี่เลยบอกให้มันรอเป้จบม.ปลายก่อน แล้วพี่ก็ไม่คิดว่ามันจะรอได้ ทีนี้… เอ่อ…. เป้ เป้ เฮ้ยเป้!”

ผมตอนนี้เข้าสู่โหมดช็อคไปเรียบร้อยแล้วครับ เรื่องที่ผมไม่เคยรู้มาก่อนทำเอาผมตาค้าง สติแทบไม่เหลืออยู่กับเนื้อกับตัว พยายามมองหน้าพี่ป่านพี่ปอให้เห็นว่าพวกพี่เค้าล้อผมเล่นบรรทัดไหนหรือเปล่า แต่กลับมองไม่เห็นว่ามีคำว่าล้อเล่นอยู่บนใบหน้าพี่ชายทั้งสองสักนิด

แล้วเรื่องที่ผมคิดมาตลอดว่าพี่ตูนชอบพี่ปอล่ะ?

หรือว่าพี่ตูนจะเอาเรื่องนี้มากลบเกลื่อนเรื่องที่ตัวเองชอบพี่ปอเพราะพี่ปอมีพี่บาร์ทแล้ว ไม่! เดี๋ยวสิ! พี่ป่านบอกว่าสิบปีก่อน ตอนนั้นผมยังอายุ 8 ขวบเอง แถมพี่ปอยังไม่มีท่าทางจะชอบพี่บาร์ทเลยด้วย

หรือว่าอันที่จริงแล้วคนที่เข้าใจผิดคือผม

ผมรู้ว่าพี่ตูนพี่ชายข้างบ้านของผมชอบกอดชอบฟัดชอบหอมแก้มผมมาตั้งแต่เด็ก แล้วยิ่งช่วงหลังๆก็เลยไปถึงขั้นจูบผมบ่อยๆ ล้วงนั้นล้วงนี่บ้าง แต่ผมคิดว่านั้นเป็นการหยอกล้อเล่นกันระหว่างพี่น้อง ผมเข้าใจว่าพี่ตูนคิดว่าผมเหมือนน้องชายเลยทำตัวสนิทสนมด้วยแบบนั้น

ผมรู้ว่าพี่ชายข้างบ้านของผมหวงผมมาก ไม่ว่าจะมีข่าวแม้เพียงลอยๆว่ามีคนมาจีบผมหรือมีใครทำท่าทางมาสนิทสนมกับผมแบบแอบแฝง ไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิงพี่ตูนจะโมโหมาก และแทบจะตามไปเอาเรื่องบุคคลเหล่านั้น และเผลอมาพาลโกรธผมให้ผมต้องไปตามง้ออยู่บ่อยๆ แต่ผมก็คิดว่านั่นเป็นอาการพี่ชายหวงน้องธรรมดาเท่านั้น

หากว่าที่ผมคิดมาตลอดมันผิดล่ะ พี่ตูนไม่ได้หยอกล้อกับผมเพราะคิดว่าเป็นน้องชายข้างบ้าน แต่ตั้งใจแสดงความรักออกมาให้ผมได้เห็น พี่ตูนไม่ได้หวงผมเพราะผมเป็นน้องชาย แต่หวงและหึงเพราะว่าเป็นคนที่พี่ตูนรัก

ผมรู้สึกเหมือนตัวเองจะลอยได้เมื่อคิดว่าคนที่ผมรักเค้าก็รักผมตอบเหมือนกัน แต่ผมก็ต้องเบรกตัวเองไว้ก่อน ผมอาจจะคิดไปเองก็ได้ ตลอดมาผมไม่เคยแม้แต่จะตั้งความหวังเพราะคิดว่าตัวเองไม่ได้มีหวังอะไร แต่เมื่อมาถึงตอนนี้ก็ต้องยอมรับว่าผมเริ่มจะหวังกับความรักขึ้นมาบ้างแล้ว

“เดี๋ยวผมมานะ”

ว่าแล้วผมก็รีบวิ่งออกจากบ้านทันทีโดยไม่สนใจฟังเสียงเรียกของพี่ๆ

หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " เพิ่งรู้ว่ารักเธอ(จบ) " 4/8/54 แจ้งข่าวP.3
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 16-10-2011 22:50:44
อ๊ายยยยยยยยยยยยยยชอบคนปากแข็งทั้งสองคนเลย
รออ่านต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " เพิ่งรู้ว่ารักเธอ(จบ) " 4/8/54 แจ้งข่าวP.3
เริ่มหัวข้อโดย: JUPJIB ที่ 16-10-2011 22:52:33
บ้านของพี่ตูนปิดไฟเงียบ แต่ผมก็วิ่งเข้ามาอย่างสะดวกเพราะรู้ที่ซ่อนกุญแจบ้าน ผมวิ่งไปที่ห้องพี่ตูนและดีใจมากที่มันไม่ได้ล็อค พี่ตูนนอนนิ่งอยู่บนเตียง ผมเลยเดินเข้าไปเงียบๆ

“พี่ตูน”

ผมส่งเสียงเรียกและพี่เขาก็ลืมตาขึ้นมา ทำให้ผมรู้ว่าพี่ตูนไม่ได้หลับอยู่

“พี่ตูนโกรธเป้หรือเปล่า”

ผมถามอย่างกล้าๆกลัวๆ พี่เขาลุกขึ้นมาเปิดโคมไฟที่หัวเตียงแล้วมองหน้าผมนิ่ง

“พี่มีอะไรต้องโกรธ เป้สิ โกรธพี่เรื่องเมื่อวานหรือเปล่า”

พอนึกถึงเรื่องเมื่อวานผมก็ละอายใจ ก้มหน้าสั่นหัวบอกให้เขารู้ว่าผมไม่ได้โกรธ ตอนนั้นผมกลัวมากก็จริง แต่ผมพูดไม่ดีกับพี่ตูนเลย ผมที่คิดว่าตัวเองแอบรักข้างเดียวมาตลอดคิดว่าตัวเองเจ็บตัวเองทรมานอยู่ฝ่ายเดียว หารู้ไม่ว่าพี่ตูนเองก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน หรืออาจจะทรมานมากกว่าผมด้วยซ้ำ เพราะเขารักผมแต่บอกไม่ได้ไม่ใช่ไม่กล้าบอก แถมยังต้องคอยอยู่ข้างๆ หากผมไปรักคนอื่นเขาก็ไม่มีสิทธิ์จะทำอะไรเพราะรับปากพวกพี่ผมไว้ ถึงพี่เขาจะคอยกันคนอื่นออกจากผม แต่นั่นก็เพราะผมยินดีให้พี่เขาทำ ถ้าผมต่อต้าน พี่ตูนก็คงต้องถอยและยอมปล่อยผมไป

“เป้ขอโทษนะพี่ตูน เป้มันไม่รู้อะไรเลย”

ผมโผเข้ากอดเขาแล้วก็เริ่มร้องไห้ ซึ่งพี่ตูนก็ลูบหลังปลอบใจผมเงียบๆ

“เป้ ไปรู้อะไรมา”

พอผมร้องไห้จนพอใจและเลิกสะอื้นพี่ตูนก็ถามเสียงเบา ทั้งๆที่เขายังกอดผมเอาไว้

“พี่ป่านบอกเป้แล้วเรื่องที่พี่ตูนคุยกับพี่ป่านเมื่อสิบปีก่อน พี่ป่านกับพี่ปอใจร้าย”

ผมพูดเหมือนงอนๆพี่ตูนเลยหัวเราะเบาๆ

“พี่ว่าป่านมันก็ทำถูกแล้ว เมื่อสิบปีก่อนเป้อายุเท่าไหร่ ยังนับกันเป็นขวบอยู่เลย พี่ไม่ถูกสั่งให้ไปไกลๆเป้เพราะเหมือนพวกโรคจิตก็ดีเท่าไหร่แล้ว”

ผมพยายามคิดตาม คนที่นึกได้ว่าตัวเองหลงรักเด็กแปดขวบนี่ก็น่ากลัวอยู่เหมือนกันนะ

“ดีว่าป่านมันรู้จักพี่ดี มันบอกว่าอย่าเพิ่งบอกใคร รอเป้อายุสักสิบสองถ้าพี่ยังไม่เปลี่ยนใจค่อยบอกพ่อกับแม่ แต่อย่าเพิ่งจีบเป้ รอน้องสิบแปดก่อนถึงค่อยจีบค่อยบอก พี่มาคิดๆดูตอนนี้แล้ว เหมือนมันจะหวังดีกับพี่ส่วนหนึ่ง แต่หวงน้องเสียส่วนมาก”

ผมหัวเราะขำ แต่พอฟังแล้วก็นึกได้

“พี่หมายถึงพ่อกับแม่รู้เรื่องหรือ”

“รู้สิ ทั้งพ่อกับแม่พี่ทั้งพ่อกับแม่เรานั่นล่ะ”

แต่ไม่มีใครบอกผมเลย ผมชักจะงอนที่ไม่รู้อะไรเลยอยู่คนเดียว

“ไม่มีใครบอกผม”

ผมเริ่มหน้ามุ่ย แต่ดูเหมือนพี่ตูนจะอารมณ์ดีมากเพราะเขาหัวเราะในลำคอแต่ก็ยังกอดผมเอาไว้

“ตอนนั้นเป้ยังเด็ก เป้ก็ต้องยอมรับความจริงเรื่องที่ตัวเองเด็ก ตอนนี้เป้รู้แล้ว ก็หมายถึงทุกคนเขาคิดว่าเป้โตแล้ว แต่ถ้าเป้ยังงอนที่คนอื่นคิดว่าเป้เด็กก่อนหน้านี้ ก็แสดงว่าเป้ยังไม่โตหรอกนะ”

ผมร้องหึในลำคอเบาๆ เข้าใจว่าพี่ตูนหมายถึงถ้าผมงอนพี่ๆหรือพวกพ่อแม่ก็หมายถึงผมยังเป็นเด็กน้อย แล้วผมจะกล้างอนได้ยังไง

“ไหนๆก็รู้เรื่องแล้ว”

พี่ตูนว่าแล้วดันตัวผมออกเล็กน้อย

“เป้เป็นแฟนพี่นะครับ”

ตูม!!!!

เหมือนฟ้าถล่ม ผมไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้ ผมรู้สึกร้อนๆบนใบหน้าและรู้เลยว่าตอนนี้หน้าผมมันต้องแดงขึ้นมาแล้วแน่ๆ

“ตะ แต่พี่ยังไม่จีบเป้เลย”

ผมกระซิบตอบเบาๆ แต่พี่ตูนกลับยิ้มกว้าง

“พี่จีบมาตั้งสิบปีแล้วต่างหาก ถึงไม่ได้จีบออกนอกหน้า แต่พี่ก็เฝ้ารักเฝ้าหวงมาตั้งนาน หยอดนิดๆหน่อยๆตลอด เป้มึนเองต่างหากที่ไม่รู้ตัว ไม่ใช่ว่าพี่ไม่เคยจีบนะ เพราะงั้นเป็นแฟนพี่เถอะ”

ผมทำแก้มพองเพราะโดนว่ามึน แต่พอนึกประโยคนั้นอย่างถี่ถ้วน ถ้าผมฟังไม่ผิด พี่เขาบอกรักผมด้วยล่ะ ~~อ๊ายยย ผมเขินจัง

“นะครับเป้ เป็นแฟนพี่นะ”

ผมยังเงียบเหมือนชั่งใจ

“หรือเป้ไม่ได้รักพี่”

“ไม่ใช่นะ”

พอได้ยินคำตัดพ้ออย่างนั้นผมก็สวนไปแบบไม่ทันคิด ผลที่ได้ก็คือคนตัวโตก้มลงหอมแก้มผมแรงๆหนึ่งที

“งั้นก็แปลว่ารัก แล้วทำไมไม่รับปากเป็นแฟนพี่ล่ะ”

ผมเบื่อคนไม่รู้ขั้นตอนเลยทำปากจู๋งอนๆ

“พี่ต้องบอกรักผมก่อนเซ่ แล้วค่อยขอเป็นแฟน พี่ตูนนี่ ไม่รู้เรื่องเลย”

ผมได้ยินพี่ตูนหัวเราะขำ แต่พอเจอผมค้อนก็พยายามอดกลั้นมันไว้

“ครับๆ พี่จะทำตามขั้นตอนนะ”

“เป้ครับ พี่รักเป้ เป็นแฟนพี่นะครับ”

ผมพยักหน้าพอได้ยินประโยคนั้นจนครบ แต่พี่ตูนก็ยังเงียบ จ้องหน้าผม

“อะไรอีก”

“แค่พยักหน้าใช้ได้ที่ไหนกันครับ”

ดูเหมือนผมกำลังโดนแกล้ง แต่ผมยังให้พี่ตูนพูดออกมาเลย เพื่อไม่ให้ใครมาว่าผมเอาเปรียบพี่ตูนได้ ผมก็เลยต้องพูดออกมาบ้าง

“ผมก็รักพี่”

พี่ตูนยิ้มๆ

“งั้นเป็นแฟนพี่นะครับ”

“อืม เป็นแฟนกัน”

เท่านั้นแหละครับ พี่ตูนก็กดผมลงกับที่นอนทันที ปากอิ่มประทับลงมาแล้วกวาดชิมความหวานภายในราวกับหื่นกระหาย ทั้งๆที่เราก็จูบกันบ่อยๆ ลิ้นร้อนเข้าชิมความหวานภายในเรียวปากอย่างไม่รู้จักอิ่ม บางครั้งก็ถอนจูบออกมาเพื่อให้โอกาศผมได้หายใจ เขาจะขบกัดเบาๆที่ริมฝีปากผมในช่วงนั้น ก่อนจะประทับจูบลงมาอีกครั้งด้วยองศาที่แตกต่างซึ่งทำให้จูบนั้นลึกซึ้งยิ่งขึ้น

“อือ...อืม”

มือร้อนสอดเข้าใต้เสื้อยืดที่ผมสวมแล้วลูบไล้ไปทั่วแผ่นอก ผมได้แต่ครางในลำคอ แต่ก็ให้ความร่วมมือกับอีกฝ่ายอย่างเต็มที่

ก็แหม ผมก็ผู้ชายคนหนึ่ง แอบรักแอบชอบเขามาตั้งนาน ผมก็ต้องอยากทำอะไรๆกับเขาด้วยอยู่แล้ว และผมก็ศึกษาจากในอินเทอร์เน็ตมาบ้าง รู้ตัวเองว่าคงเป็นฝ่ายรับแน่ๆอีกด้วย

แต่ว่ายังไม่ทันที่ผมกับพี่ตูนจะไปกันไกลเกินกว่านั้น เสียงกดออดรัวๆก็ดังขึ้น พร้อมๆกับที่มีเสียงตบประตูและเรียกชื่อพี่ตูนกับผมมาจากด้านล่าง

พี่ตูนถอนจูบออกมาแล้วก็ถอนหายใจเซ็งๆไปด้วย

“เฮ้อ มารมาขัดซะล่ะ ติดไว้ก่อนนะครับ”

ว่าแล้วก็จูบผมเบาๆที่หน้าผาก พี่ตูนลุกขึ้นสูดลมหายใจลึกๆแล้วเดินออกไปก่อน ผมรู้ว่าพี่เขาตั้งใจลงไปรับหน้าพวกพี่ๆผม แล้วให้ผมจัดแจงตัวเองให้เรียบร้อยเสียก่อน

ผมจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่แล้วเอาอย่างเขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วเดินตามพี่ตูนลงไป

ภาพที่ผมเห็นคือ พี่ป่านกับพี่ตูนกำลังยืนจ้องหน้ากัน ส่วนพี่ๆอีกสามคนก็ยืนคุมเชิงกันอยู่

“น้องมันยังเด็ก”

พี่ป่านพูดนิ่งๆ

“ไหนลองบอกกูซิว่ามึงไปขึ้นครูตอนอายุเท่าไหร่”

พี่ตูนสวนกลับไปด้วยท่าทางที่นิ่งพอกัน

“มันไม่เหมือนกัน”

“ไม่เหมือนยังไง”

“ไม่รู้ล่ะ กูไม่อนุญาต”

พี่ทิมส่ายหัวอย่างอ่อนใจ ก่อนจะหันมาทางผมแล้วยิ้มให้บางๆ ผมเดินไปยืนข้างพี่ปอ พอพี่ปอเห็นหน้าผมก็ยิ้มล้อๆ

“ปากเจ่อ”

ผมเอามือปิดปากทันที แล้วหันมาฟังพี่ตูนกับพี่ป่านเถียงกันต่อ

“มึงจะเอาน้องกูให้ได้ใช่ไหมไอ้ตูน”

เฮ้ย! พี่ชายผม จะพูดตรงไปไหน พี่บาร์ทนี่อมยิ้มเลย

“เออ! กูจะเอา”

เหวอ ทางนี้ก็แสดงเจตนารมณ์ชัดไปหรือเปล่า

คือพวกพี่พูดไรเกรงใจคนที่ถูกพาดพิงทางนี้บ้างได้ไหม?

พวกเขายังยืนจ้องตากันอยู่อย่างนั้นครับ ท่าทางไม่มีใครยอมใครจริงๆ

และพวกผมก็ไม่รู้จะเข้าข้างใครดี คือพี่ป่านมันก็ถูกตรงที่ผมยังเด็ก คือเพิ่งสิบแปด แต่พวกมันไปขึ้นครูกันตั้งแต่สิบสองสิบสามอย่าคิดว่าผมไม่รู้(มันไปกับพี่ตูนนี่ล่ะ) แล้วทุกคนก็เข้าใจพี่ตูนพอประมาณ แต่จะให้ส่งเสริมก็ใช่ที่

“ให้น้องมันคิดเองได้ไหมล่ะ”

พี่ทิมที่ทนไม่ไหวเดินไปขวางหน้าพี่ตูนแล้วเผชิญหน้ากับพี่ป่านแทน

“มึงไม่รู้อะไรไอ้ทิม เป้มันหัวอ่อน แถมอะไรๆก็พี่ตูนๆมาตั้งแต่ไหนแต่ไร มันไม่กล้าขัดพี่ตูนของมันหรอก”

พี่ทิมขมวดคิ้วหน่อยๆ แต่ก็ยังเรียกร้องสิทธิ์ให้ผมคิดเองต่อ

“แล้วป่านไปคิดแทนน้องทำไม ตูนเองก็รักเป้นะ เขาจะทำอะไรก็คงไม่เรียกว่าล่อลวงหลอกมั้ง ใช่ไหมตูน”

หันไปทางพี่ตูนซึ่งอีกฝ่ายก็สะดุ้งนิดๆ คงเพราะไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกันว่ากำลังล่อลวงผมอยู่หรือเปล่า

“บอกว่าน้องมันเด็ก ป่านคิดแทนน้องทุกอย่าง เมื่อไหร่น้องจะโต”

พี่ป่านเงียบครับ เพราะถึงพี่ป่านจะ โหด เลว เถื่อน และพี่ทิมจะแสนดี เรียบร้อย แต่ยังไงพี่ทิมก็ได้ชื่อว่าเป็นเมียพี่ป่านนะครับ ปกติไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าพี่ทิมเอาจริงพี่ป่านก็เกรงใจอยู่มากทีเดียว ผมเห็นเป็นอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ยังไม่ได้คบกัน

“ไปกลับบ้าน เป้ครับ วันนี้ก็กลับไปนอนที่บ้านก่อนนะ ตูนก็โอเคใช่ไหม ที่วันนี้แค่ไปกินข้าวด้วยกัน”

ทุกคนพยักหน้าครับ ไม่มีใครกล้าขัดพี่ทิมสักคนแม้แต่พี่ป่าน ผมได้แต่มองอย่างชื่นชม พี่ทิมสุดยอด!!!

ทุกคนเดินออกจากบ้านไปแล้ว เหลือแต่ผมกับพี่ตูนที่ยังยืนอยู่ที่เดิม ผมมองหน้าพี่ตูนแล้วก็เดินไปกระซิบที่ข้างหูพี่เขาเบาๆ

“ไว้พี่ป่านกลับไปก่อนนะครับ”

ว่าแล้วผมก็หอมแก้มเขาแรงๆทีนึงก่อนจะวิ่งออกมาก่อน รอไม่นานพี่ตูนก็เดินยิ้มหวานตามออกมาครับ

ก็แฟนผมผมก็รักนะครับ แล้วผมก็บอกแล้วว่าผมก็ผู้ชาย ต้องการอะไรๆพวกนี้เหมือนกัน แต่เงียบๆไว้นะครับ อย่าเสียงดังไป ก็ถ้าพี่ป่านมันรู้ พี่มันต้องด่าผมว่าแรดแน่ๆเลย ... คุณก็แอบคิดอย่างนั้นเหมือนกันใช่ไหมล่ะ แต่ผมบอกไว้ตรงนี้เลย ถึงผมจะแรด...ผมก็แรดกับพี่ตูนคนเดียว!!!

................

END ครับ END
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 16-10-2011 23:10:32
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด คุณจุ๊บจิ๊บ ทำไมอิชั้นไม่เคยอ่านรักของเป้เคอะ แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยส์ เพิ่งแต่งชิมิๆๆ
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 16-10-2011 23:49:25
อ๊ากกก น้องเป้มึนมาก
นี่เขาแสดงออกขนาดนั้นยังดูไม่ออกอีก
พี่ชายที่ไหนเขาจูบน้องกัน หุหุ -.-

ชอบเรื่องของคุณ JUPJIB ทุกเรื่องเลยย
แอบไปอ่านมาตั้งแต่เรื่องรักแบบปอ
แล้วก็มาจอมไตรฯ เรื่องสั้นอีก โอ๊ยย สนุกอะ
ชอบบ นายเอกของคุณ JUPJIB นี่ชอบคิดเองเออเอง
๕๕๕๕๕๕๕

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆนะคะ

รอติดตามผลงานต่อไปอยู่จ้าา (:
+1 ให้นะคะ


ปล. อยากอ่านจอมไตรฯพาร์ทอื่นๆอีกอะคะ
รออ่านอยู่นะคะ ><

หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 17-10-2011 00:36:27
 :L2:
แหมม มีคนมาขัดจังหวะ ซะได้  :laugh:
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 17-10-2011 02:22:47
น้องเป้ไม่ต้องกลัวคนอ่านว่าหรอกนะคะ เป้ไม่แรดหรอกค่ะ คนที่แรดคือคุณพี่ตูนต่างหากล่ะคะ
แหม่ๆๆ รู้จักรักรู้จักชอบเด็ก ตั้งแต่เด็กอายุได้แปดขวบ อะไรจะสัมผัสฟีโรโมนของน้องเค้าได้ไวขนาดน้านนน
แต่คุณน้องเป้ก็แอ๊บแบ๊วไปหน่อยนะคะ กอดรัดฟัดเหวี่ยง จูบเอาหอมเอาซะขนาดนั้น เค้าไม่ได้เรียกว่ารักแบบพี่น้องหรอกค่าคุณน้องขา   :z1:  :m20:
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4
เริ่มหัวข้อโดย: KoiKa ที่ 24-10-2011 19:12:45
แอร๊ยยยยย รักเป้ น้องน่ารักแบบสุโค่ยไปเลยอ่ะ
น้องขาาา มาเป็นน้องชายพี่บ้างได้ป่ะ จะแสดงความรักแบบนั้นให้เลย ฮ่าๆๆๆ
ส่วนพี่ตูน...รักพี่ตูน(ด้วยก็ได้) เห็นแก่ความดีที่รอน้องมานานแสนนาน นับถือๆ อิอิ

โอ๊ยยยย ชอบเด็กแบบเน้ ทำเราหลงไปเลยนะเนี่ย หงิงๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 24-10-2011 20:02:45
ตลอดอ่ะตลอด นายเอกของจุ๊บจิ๊บชอบคิดเอง เออเอง แล้วก็ชอบน่ารักตลอด :o8:
จริงๆอ่านไปรอบ แต่โพสต์ไม่ติด เน็ตชอบเน่า แต่เราไม่ยอมแพ้ :laugh:
รออ่านนิยายของจุ๊บจิ๊บนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 24-10-2011 20:35:39
น้องเป้น่ารัก ตูนรอมาเป็น 10 ปี ให้เป็นยอดคุณแฟนเลย
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 24-10-2011 21:53:50
 :-[  เป้น่ารักกกกก


พี่ตูนนี่สุดยอด  รอมา10ปี

พี่ทิมนี่เริ่ด  สมควรกับการเป็นซ้อใหญ่  55555
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4
เริ่มหัวข้อโดย: IöLIKE ที่ 22-12-2011 19:47:57
ThankS
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4
เริ่มหัวข้อโดย: aiwjun ที่ 22-12-2011 21:16:33
สนุกมาก ๆ เลยค่ะ ..  o13
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4
เริ่มหัวข้อโดย: entirom ที่ 23-12-2011 00:59:38
เป้ไม่เอะใจสักนิดเลยหรอ
สิ่งที่พี่ตูนทำอ่ะ
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 23-12-2011 12:34:25
กรีดร้อง  กรี๊ดดดดดดดด อิน้องเป้แรดมากกกกกกกกกคร๊า :z2:
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4
เริ่มหัวข้อโดย: beamJ ที่ 25-12-2011 16:50:37
น่าหนุกอ่ะ
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4
เริ่มหัวข้อโดย: pupuzaa ที่ 25-12-2011 19:45:18
เป้น่าีรัก   :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 25-12-2011 23:45:25
ดีจัง ลงเอยกันได้ ตอนอ่านสงสารเป้กับพี่ตูนมากเลย เหอะๆ
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 31-12-2011 23:29:10
เห้อๆ แบบว่าน่ารักดีนะ
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 11-03-2012 19:46:20
ตระกูล ป. ยิ่งอ่านยิ่งสนุก อ่ะ
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4
เริ่มหัวข้อโดย: yashi ที่ 19-04-2012 07:11:49
น่ารักอ่ะ   แต่พี่ตูน....มันรักต่างวัยเกินไปเปล่าพี่  รักน้องตั้งแต่แปดขวบอ่ะนะ....
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4
เริ่มหัวข้อโดย: jujill8 ที่ 13-05-2012 08:37:44
ขอบคุณคร่า  ^^
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 06-06-2012 23:08:30
 :impress2: ชอบทุกเรื่องเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 08-06-2012 13:12:33
อร๊ายยย

น้อง เป้ แรงอ่ะ

ฮ่าๆๆๆ

ชวนเค้าเฉยเลยยย

ชอบทุกตอนเลยค่ะ

น่ารักดี
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4
เริ่มหัวข้อโดย: IöLIKE ที่ 05-08-2012 00:43:53
ThankS

                       :n1:
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4
เริ่มหัวข้อโดย: janeyuya ที่ 26-08-2012 10:53:32
สองพี่น้องไคล์กับเธียร์นี่.....พ่อแม่เป็นอะไรมากมั๊ยกับน้ำตา
ตั้งชื่อลูกโศกไปมั๊ยเพคะ Σ( ° △ °|||)︴
แต่ชอบตอาไคล์กับโชยะ ได้กลิ่นการ์ตูนญี่ปุ่นโชยมา ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ ชอบๆ
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4
เริ่มหัวข้อโดย: chiji ที่ 10-01-2013 12:50:17
ชอบทุกเรื่องเลยค่ะ โดยเฉพาะเรื่องแรกค่ะ o13 o13
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4
เริ่มหัวข้อโดย: na-au ที่ 14-04-2013 18:25:12
อ่านแล้วหัวใจคนแก่ละลายเพราะรักเด็ก

 :hao6: :hao6: :hao6:

 :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4
เริ่มหัวข้อโดย: phai ที่ 15-04-2013 12:04:02
 o13 o13 o13 o13

สนุกทุกเรื่องค่ะ
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4
เริ่มหัวข้อโดย: imagine_NB ที่ 15-04-2013 20:23:05
เป้น่ารักมาก ชอบสุดๆ
สนุกทุกเรื่องเลย :impress2:
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 10-07-2013 21:40:52
นั่งอ่านตอนของน้องเป้
บอกได้คำเดียวว่าอ่านไปขำไป
 :laugh:
คือเรารู้เรื่องทุกอย่างหมดแล้วไงว่าความจริงมันคือยังไง
ระหว่างปอกับบาร์ท ไรเงี้ย
พอน้องเป้คิดไปนู่นนนน เราเลยแบบ มันก็ช่างคิดเนอะะะ  :laugh:

แต่ถ้าไม่รู้มาก่อนนี่เศร้ามากเลยนะ
พี่ชายกับคนที่รัก
โหหหหหหหห
 :hao5:

ชอบๆ

ชอบทุกเรื่องเลยยยยยย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4
เริ่มหัวข้อโดย: icetim ที่ 11-07-2013 22:54:31
ป่านทำให้พี่ตูนหลงไปอีก

สนุกทุกเรื่องเลยค่ะ

ชอบเรื่องแรกมากกก น่ารักแบบอายๆ
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 13-07-2013 22:03:03
น่ารักเฟ่ออ
อ่านรอบสองก็ยังน่ารัก
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 15-07-2013 21:51:43
น่ารักดีอ่ะ~~
ทุกเรื่องเลย
ชอบค่ะ น่ารักมาก
ขอบคุณสำหรับผลงานดีๆ นะคะ ^^~
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 01-09-2013 20:24:53
อร๊ายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เค้าชอบตอนจบมั่กๆๆๆๆ

ขอบคุณคุณจิ๊บสำหรับเรื่องดีๆค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 05-09-2013 20:56:13
ลุ้นดีค่ะ ชอบๆ
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 29-05-2014 19:22:23
น่ารักทุกคู่เลย
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 30-05-2014 22:22:55
เพิ่งได้อ่านอ่ะ พลาดอย่างแรง
น่ารักทุกคู่จริงๆ ปลื้ม  :mew1:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 31-05-2014 22:06:07
สนุกและน่ารักทุกคู่   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 14-01-2015 13:40:00
ชอบทุกคู่ครับ  ..... ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Final_love ที่ 18-02-2015 19:41:32
เรื่องแรกออกละละมุนละไมมุ้งมิ้ง

ไหงพอมาเรื่องที่สองลากซะเศร้าเลยลล่ะค้าาาาาาาาาาา :sad4:
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 29-04-2015 23:03:02
ขออนุญาตเม้นท์ตั้งแต่เรื่องแรกนะค้าา..^^

โอ้ใจเอย
… อ่านจบแล้วรู้สึกอิ่มเอมมากเลยค่ะ นี่สินะ..ความรักที่ไม่หวังผลตอบแทนกลับมา ขอแค่เราได้มอบความปรารถนาดีให้กับคนที่เรารักก็พอ อ่า~ ละมุนละไมเหลือเกินค่าา :-[

Cry's Diary
… แอบเคืองโชยะนิดหน่อยนะคะ ที่ตั้งใจจะมาหลอกไคล์จังนั่นล่ะ นิสัยไม่ดีเลยจริงๆ~ แถมยังมาทำให้ไคล์จังร้องไห้อีกนะ น่าตีจังค่ะ แต่ถึงอย่างนั้นก็จบแบบ Happy Ending ล่ะเนอะ ฮาา..สุดท้ายโชยะก็ตกลงมาในหลุมที่ตัวเองเป็นคนขุดไว้ตั้งแต่แรกจนได้สิน่าา :laugh:

TEARS's Diary
… วายะนี่น่าหมั่นไส้จังนะคะ หึ! รู้ทั้งรู้น่ะนะว่าเธียร์จำไม่ได้ว่าตัวเองเคยบอกรักไปแล้ว ก็ยังทำตัวยึกยักอยู่นั่นแหละ แค่บอกออกมาอีกรอบก็คงไม่ถึงกับสิ้นชีวิตหรอกนะคะ เหอะ! เธียร์ยิ่งซื่อๆ อยู่ด้วยจะไปคิดเข้าข้างตัวเองได้ยังไงกันล่ะ แต่วายะก็ยังมีมุมน่ารักอยู่เหมือนกันน้าา ..ก็ตรงที่รู้ว่าใจของตัวเองนั้นเลือกที่จะรักใครไงคะ น่าปลื้มสุดๆ ไปเลยล่ะค่าา ^^

ปล. ชอบใจตรงที่มีคู่ของไคล์กับโชยะมาแจมด้วยมากเลยค่ะ ไม่คิดว่าไคล์จะมีมุมขี้แกล้งกับเขาเหมือนกันนะคะเนี่ย แล้วยิ่งตอนสุดท้ายที่ไคล์บ่นถึงเธียร์ว่าออกมาในสภาพแบบนั้นได้ยังไง แล้วโชยะก็ลากตัวไคล์ไปส่องกระจกดูตัวเองบ้างน่ะ แอร๊ยย~ น่าร๊ากกกเน้ออ >< ชอบจังค่ะ ..ฝาแฝดแก้มแดงๆ~~

เพิ่งรู้ว่ารักเธอ
… ประทับใจตรงที่เอกเลือกที่จะ 'รอ'  ให้วีรู้ใจตัวเองมากเลยค่ะ เราว่าที่วีปฏิเสธเอกไปในตอนแรกไม่ได้ดูใจร้ายไปหรอกนะคะ แต่เพราะวียังไม่รู้ใจของตัวเองแน่ชัดเท่านั้นเอง ต้องขอบคุณเอกมากๆ เลยนะคะเนี่ย ที่มองแค่ 'วี' เพียงคนเดียวตลอดมา มาครั้งนี้เอกถึงได้สังเกตเห็นแวววูบไหวในตาของวี และเลือกที่จะอดทนรอ ไม่อย่างนั้น..วันที่ทั้งคู่ได้มีความสุขด้วยกันอย่างนี้คงมาไม่ถึงแน่นอนเลยเน้อ~

รักแบบเป้
… พี่ตูนจะรู้ตัวบ้างไหมคะเนี่ยว่าขาข้างนึงของพี่นั้น ได้ก้าวข้ามธรณีประตูเรือนจำไปเสียแล้วล่ะค่ะ :laugh: เข้าใจเลยค่ะว่าทำไมพี่ป่านถึงได้หวงน้องขนาดนี้ ตอนนั้นน้องเพิ่งจะแปดขวบเองนะคะพี่ตูน แปดขวบ!!! แต่ถึงอย่างนั้น..เราก็ชอบความจริงใจและความมั่นคงของพี่ตูนสุดๆ เลยค่ะ อุตส่าห์สารภาพความในใจให้ทั้งสองครอบครัวได้รับรู้ แทนการก้าวข้ามศีลธรรมอันดีงามที่ควรยึดถือ แล้วทำลายความเป็นเด็กของน้องเป้ไปตั้งแต่ตอนนั้น ..นับถือน้ำใจพี่ตูนมากเลยค่าา ความอดทนเป็นเลิศมากค่ะพี่!!!
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 05-05-2015 19:01:49

   :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4
เริ่มหัวข้อโดย: sunipum ที่ 11-05-2015 12:15:25
ชอบทุกเรื่อง น่ารักทุกคู่เลยคะ  ^^
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 23-10-2015 12:42:27
ครอบครัวตัว ป. น่ารักกันทุกคนเลย

แฟนๆแต่ละคนก็เจ๋ง น่าอิจฉาๆ 5555
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 18-11-2015 20:49:58
ชอบมากน่ารักสุดๆ
หัวข้อ: Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4
เริ่มหัวข้อโดย: zzcors ที่ 08-11-2017 22:18:30
โอ้ใจเอ๋ยน่ารักมากกกกกกก อ่านแล้วละลาย
แต่เสียดายเป็นตอนมาสั้นๆ :ling2: