ตอนที่ 53 ความเป็นความตายของเป๊บ
“ว้ายยยยยยยยยย...อีโจ้ววววววว”
ผมได้ยินเสียงฉัตรกรีดร้องมาไกลๆ ตามด้วยเสียงกริ๊ด วิ๊ดว้าย อื้ออึงไปหมด คนที่อยู่ใกล้ๆ ผมก็วิ่งเข้ามาช่วย ฉัตรวิ่งเข้ามาถึงผมก่อนเป็นคนแรก
“อีโจ้ววววว เมิงเป็นไงบ้างงงงงง” ฉัตรตกใจมาก วิ่งมาจับตัวผมใหญ่เลย
“ไม่เป็นไรๆ พอไหว”
“เฮ้ย เมิง พาโจ้ไปโรงพยาบาลดีกว่า” เบิดกับโอ๊ตรีบมาประคองตัวผมไปที่รถฉัตรที่จอดใกล้ที่สุด
ฉัตรและเพื่อนๆ พาผมมาส่งที่โรงพยาบาลเวชธานี เจ้าหน้าที่พาผมเข้าห้องฉุกเฉิน หมอมาถึงก็ตรวจอาการพร้อมชวนผมคุย ผมตอบได้ตามปกติ ไม่นานนักก็มีพยาบาลมาทำแผล และถูกส่งตัวไปเข้าเครื่องสแกนใหญ่ๆ สแกนเสร็จก็ส่งตัวมาที่ห้องวินิจฉัย ไม่นานนัก ฉัตร เบิด โอ๊ต ทราย ก็เข้ามา
“คุณหมอ เพื่อนหนูเป็นยังไงบ้างคะ” ทรายถาม
“บาดเจ็บเล็กน้อยแค่รอยช้ำที่เกิดจากการกระแทกนะครับ สำหรับผลการสแกนสมอง พบว่าไม่มีเลือดคั่ง สมองปกติมาก แล้วส่วนที่กระแทกก็เป็นแค่รอยแดงๆ ครับ หมอสงสัยเหมือนกันว่าถูกรถเฉี่ยวชนมาหรือล้มเองครับ เพราะดูอาการไม่เหมือนการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์นะครับ” หมอร่ายยาว
“รถเฉี่ยวจริงๆ คะหมอ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า เป็นแบบที่หมอบอกได้ยังไง” ฉัตรก็ตอบหมอแบบงงๆ
อย่าว่าแต่ฉัตร ผมก็งง เพราะเท่าที่จำได้ แรงกระแทกมันแรงมากครับ
“แล้วต้องนอนโรงพยาบาลมั้ยครับ” เบิดถาม
“หมอว่าไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวหมอสั่งยาทากับยาแก้อักเสบ ยาลดอาการบวม ทานต่อเนื่องสามวันน่าจะหายเป็นปกติครับ แต่ถ้ากลับไปพักฟื้นที่บ้านแล้ว หากมีอาการปวดศรีษะ หรืออะไรเพิ่มเติม รีบมาพบหมอนะครับ” หมอตอบเบิดแล้วหันมาบอกผม
“ได้ครับ ขอบคุณมากครับ” ผมและเพื่อนยกมือไหว้หมอ
ผมได้นั่งรถเข็นอีกครั้ง คิดในใจ ปีก่อนตอนอุบัติเหตุก็นั่ง เหอะ มาปีนี้ก็นั่ง ชะตากรูเนี่ยถูกกับการเข้าออกโรงพยาบาลจริงๆ
“เบิด เดี๋ยวเมิงเข็นอีโจ้วไปรอหน้าตึก เดี๋ยวกรูให้สิงห์ขับรถมาเทียบ อีทรายกะอีโอ๊ตเมิงไปรับยากับกรู” ฉัตรสั่งเรียบร้อย
เบิดก็เข็นผมมาเรื่อยๆ ไปรอตรงหน้าทางเข้าตึกโรงพยาบาล
“เมิงโอเคนะโจ้” เบิดถาม
“เออไม่เป็นไรมาก ไม่ต้องห่วง”
“ใครมาทำเมิงเนี่ย มันคงแค้นมาก”
“กรูจะไปมีเรื่องกะใครได้ ยกเว้นอีเก๋เนี่ยแหละ”
“เมิงคิดงั้นหรือวะ กรูคิดนะถึงแม้จะโกรธกันแต่ก็ไม่น่าทำแบบนี้ เพราะรถที่ชนเมิง ไม่ใช่อีเก๋ขับ”
“หือ แล้วใครขับวะ”
“ตอนเกิดเหตุ ทุกคนวิ่งไปหาเมิง แต่อีทรายมันจ้องรถคู่กรณี รถ แม่งไม่ติดป้ายแถมติดฟิล์มดำมืด แต่อีทรายยืนยันว่าคนขับเป็นผู้ชายแน่นอน”
“หรืออีเก๋มันจ้างมา”
“เป็นไปได้นะเมิง น้ำหน้าแบบมันไม่ลงมือเองหรอก แจ้งความดีมั้ยวะ”
“ไม่เป็นไรเมิง แจ้งไปไม่มีป้ายทะเบียน ตำรวจหาไม่เจอหรอก กรูจะระวังตัวมากๆ”
“เออวะ คนมัน Here เมิงต้องระวังตัวมากๆ งานนี้ต้องประกบเมิงละ”
“เป็นดาราว่างั้น มีการ์ดประกบ”
ผมกับเบิดก็หัวเราะพร้อมกัน รอไม่นานนัก ก็มีรถตู้มาเทียบ ลูกน้องฉัตรก็ลงมาในจังหวะที่ฉัตรเดินมาพอดี
“อีเบิดอีโอ๊ตเมิงพยุงอีโจ้วขึ้นรถ สิงห์ไปส่งคุณโจ้ที่บ้าน นิคเอารถชั้นกลับไปที่บ้าน บอกพ่อด้วยว่าเย็นนี้ติดธุระนิดนึงไม่ได้กินข้าวด้วย”
“ครับ” ลูกน้องฉัตรรับคำสั่ง
“แล้วพวกเมิงอะ จะไปส่งอีโจ้วกับกรูมั้ย” ฉัตรหันไปถามเบิด โอ๊ต ทราย
“ไปๆ”
“งั้นขึ้นรถ” ระหว่างเดินทาง
“ฉัตรค่ายาละ” ผมถาม
“จ่ายละ..”
“เท่าไหร่อะ”
“แสนแปด...รับเงินสด งดรูด”
“ค่ายาหรือค่ารีดไถ เดี๋ยวกรูไปขายที่ก่อนนะ” ผมแซว
“ฮ่าๆๆ....แปดพันกว่าบาท ช่างเหอะ กรูจ่ายให้ ถือว่าช่วยเมิงฟาดเคราะห์”
“เอ้ยไม่เอา...เดี๋ยวโอนเงินให้”
“ไม่ต้อง...อีนี่นิ แปดพันคืนมาไม่ช่วยให้ชีวิตกรูรุ่งเรืองหรอก...เมิงค่อยเลี้ยงข้าวกรูคืน”
“เลี้ยงข้าวคืนแปดพัน อ้วนตัวแตกตายห่าหมด” ผมแซว
“กรูว่าเถียงฉอดๆ แบบนี้ได้ น่าจะหายละมั้ง” เบิดแซวผม
“เออกรูก็ว่า...ฮ่าๆๆ” ฉัตรหัวเราะ
“ฉัตรแล้วรถกรูละ” ผมถาม
“ทิ้งไว้ที่ตึกจอดนั่นแหละ พรุ่งนี้ค่อยไปเอารถ”
“ไม่หายหรือ”
“อีห่านี่ ห่วงตัวเองก่อน ถ้าไปเอารถขับกลับไหวหรือไง เผื่อแม่งมันดักรอเมิงอะ คราวนี้มันคงชนเมิงแล้วถอยมาทับ ตายคาที่ทำไง”
“ใช่คะ เห็นด้วยกะคุณแม่ค่า” ทรายย้ำ
“อีนรกนี่มันร้ายนัก มันไม่ทิ้งหลักฐานไว้ แม่งเอาผิดมันยาก เจอหน้าแม่งกรูจะตบให้ตาย อีชั่ว” ฉัตรบ่นๆ
“ช่างมันเถอะเมิง ชดใช้กรรมไป” ผมห้ามฉัตร
“โถถถถถ อีนางเอก รอกรรมสนองมันอะช้า เอาตีนกรูเนี่ยทาบหน้ามันดีกว่า เอาเลือดชั่วๆ มันออกมาบ้างจะได้หายกร่าง”
“ใช่ค้าคุณแม่ เอาเลือดมันมาล้างตีนเลยค่า” ทรายเสริม
“ล้างหน้าเมิงเหอะอีดอก เดี๋ยวตีนกรูติดเชื้อชั่วไปด้วย”
ฮ่าๆๆๆๆ ฮากันทั้งรถ
ไม่นานนักก็มาถึงบ้าน เบิดกับโอ๊ตพยุงผมเข้าบ้าน พ่อกับแม่และจิมกำลังจัดโต๊ะทานอาหารเย็นพอดี พอเห็นสภาพผม ตกใจอย่างมาก เข้ามาสอบถามกันใหญ่ ฉัตรก็เลยเล่าๆ ให้ทุกคนฟัง จิมออกอาการมาก จะไปฆ่าเก๋ซะงั้น ผมเลยได้ปรามๆ อย่าไปทำมัน บาป วันนึงมันได้รับกรรมเอง ด้วยความที่ผมไม่เป็นอะไรมาก พ่อกับแม่ก็ไม่กังวลเท่าไหร่ ทำไปทำมา เพื่อนๆก็ได้กินอาหารเย็นด้วยเลยซะงั้น
“อร่อยมั้ยลูก” แม่ผมถาม
“โหยยย เลิศมากคะแม่ อร่อยทุกอย่าง หนูว่าจะให้แม่บ้านมาเรียนทำกับข้าวกับแม่ดีกว่า จะได้กินของอร่อยทุกวัน” ฉัตรชมใหญ่
“ปากหวานไปเรื่อยนะเมิงอะ” ผมแซวฉัตร
“ชมจริงยะ ไม่ได้แกล้ง อร่อยจริงจังมากงี้”
แม่ยิ้มหน้าระรื่นเชียว ทำกับข้าวอร่อยก็งี้ หลังจากทานข้าวเสร็จ เบิดกับโอ๊ตก็พยุงผมขึ้นห้อง โดยมีฉัตรกับทรายตามขึ้นมาด้วย
“ต้ายตาย ห้องเมิงน่านอนมาก ดูหวานแหววนะ” ฉัตรแซว
“ทำยังกะเมิงเพิ่งขึ้นมาครั้งแรกงั้นอะ” ผมแซวไปเพราะรอบก่อนที่เกิดเรื่องข่มขืน ฉัตรก็เคยขั้นมาห้องผมแล้ว”
“แหมตอนนั้นมาห้องพินาศ รุงรังไปหมด ข้าวของกระจุยกระจาย ห้องตอนนี้เรียบร้อยน่านอนมาก”
“นอนนี่กันมั้ยละ” ผมชวนทุกคน
“รอบหน้าเถอะยะ ไม่ได้เตรียมตัวมา เมิงอะนอนพักเหอะพวกกรูกลับละ”
“เออได้ๆ ขอบคุณทุกคนมากนะ”
เพื่อนๆ ทั้งหมดก็ขอตัวกลับ หลังจากเพื่อนๆ กลับไปแล้ว ผมก็ลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำ ดีที่แผลไม่หนักมาก ส่วนมากแค่รอยช้ำๆ ระหว่างอาบน้ำก็พลางคิดไปเรื่อย
ทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วยนะ คนเราแค้นมากถึงกับจะต้องฆ่ากันให้ตายเชียวหรือ ทำไมไม่กลัวบาปกันบ้าง....คิดไปก็น้ำตาไหลไป
อาบน้ำเสร็จ แต่งตัวเรียบร้อย ได้ยินเสียงเคาะประตู
“แม่เข้าไปได้มั้ยลูก”
“ได้ครับแม่ ประตูไม่ได้ล๊อคครับ”
พ่อกับแม่และจิมเข้ามาในห้อง
“มีอะไรหรือครับ”
“พ่อว่าไปแจ้งความดีมั้ยลูก ป้องกันเอาไว้”
“แม่เห็นด้วยกับพ่อนะ”
“อย่าเลยครับแม่ หลักฐานเราไม่เพียงพอ”
“พ่อว่าหลักฐานไม่เพียงพอก็น่าจะแจ้งความได้นะ เราป้องกันเอาไว้ก่อน อย่างน้อยตำรวจจะได้รู้ว่าทะเลาะกับใครยังไง”
“งั้นก็ได้นะครับ...เดี๋ยวพรุ่งนี้จะลองไปแจ้งความ”
“งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้เราไปกันทั้งบ้านนะแหละ แจ้งความไว้หากมีเรื่องอะไรจะได้ไม่เสียเปรียบ” พ่อแนะนำ
“ครับๆ”
“แล้วพี่เป๊บเขารู้ยังพี่” จิมถาม
“ยังเลย พี่ไม่อยากเล่าให้เป๊บไม่สบายใจ พ่อกับแม่ไม่ต้องไปบอกเป๊บนะครับ โจ้ไมได้เจ็บมาก”
“ผมว่าควรเล่านะพี่ อย่างน้อยให้พี่เป๊บรู้ว่าเป็นต้นเหตุของเรื่อง”
“รู้แล้วจะแก้ปัญหาได้หรือจิม บอกเป๊บไปแบบนั้นพาลจะพาเรื่องให้รุนแรงกว่าเดิมอีก ตอนนี้เงียบไปก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที”
“งั้น ลูกพอเล่าพ่อกับแม่ได้มั้ยว่า มีเรื่องกับใครยังไงอย่างไรหรือ” แม่ผมถาม
ผมก็เล่าเรื่องเก๋ ให้ทุกคนได้ฟัง ตั้งแต่ต้นเรื่อง จนถึงการมีปากเสียง แล้วก็เขาทำอย่างไรกับเป๊บ
“มิน่า พี่ถึงเลิกกับพี่เป๊บ”
“นั่นซิ พ่อเองก็สงสัยมานานว่าทำไมถึงทะเลาะจนทำร้ายร่างกายกัน”
ผมไม่ได้เล่าเรื่องที่โดนข่มขืนกับพ่อแม่และจิม กลัวทุกคนจะรับไม่ได้ เลยบอกไปตั้งแต่แรกๆว่า ทะเลาะกันจนต่อยกันเท่านั้น
“นั่นละครับพ่อ แต่ไม่เป็นไรครับ โจ้เข้มแข็งพอ พระอาจารย์บอกว่า สิ่งใดเป็นของเรา ย่อมเป็นของเรา สิ่งใดไม่เป็นของเรา ไม่ว่าจะพยายามสักเท่าไหร่ ก็ไม่เป็นของเราครับ”
“ดีแล้วลูก แม่เชื่อว่าบุญและความดี จะนำพาให้ลูกออกจากปัญหาพวกนั้นได้ เข้มแข็งนะลูกนะ ถ้าไม่ไหวก็ออกมา พ่อกับแม่เลี้ยงได้” แม่พูดติดตลก
“ครับแม่ ผมจะเข้มแข็งครับ”
“งั้นพักผ่อนเถอะลูก แผลจะได้หายเร็วๆ” พ่อผมบอก
“ครับ ฝันดีครับ”
ทุกคนออกจากห้องไปแล้ว ผมก็หยิบโทรศัพท์โทรไปหาเป๊บ
“ว่าจะโทรหาพอดีเลยครับ”
“อ้าวหรือ ใจตรงกันเนอะ เป๊บทำอารายอะ”
“กำลังอ่านหนังสือทบทวนครับ ขาดเรียนไปนาน จนยืมเล็คเชอร์เพื่อนๆมาอ่านนะครับ”
“หรือแล้วอาจารย์ว่าไงบ้างอะ”
“ก็บอกเหตุผลไปนะครับว่าขาดเรียนเพราะอะไร มีใบรับรองแพทย์ อาจารย์ใจดี ก็เลยถือว่ามาเรียนตามปกติ แต่เป๊บจะต้องเรียนให้ทันเท่านั้นเอง”
“ดีแล้วๆ นี่ก็ดึกแล้วควรนอนได้แล้ว”
“ครับ แล้วโจ้ยังไม่นอน ว่าแต่เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมเสียงดูเหนื่อยๆ”
“อ๋อ วันนี้เรียนหนักนะเป๊บ รถก็ติด กว่าจะมาถึงบ้านก็เหนื่อยเลย” ผมอ้างไป ไม่อยากให้รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้
“งั้นโจ้พักผ่อนนะ ฝันดีนะครับ รักโจ้นะครับ”
“ครับ...รักเป๊บเหมือนกันนะ” เป๊บคงตกใจปนอึ้ง ผมไม่ได้บอกคำนี้มานานหลายเดือนนับจากที่เรามีเรื่องกัน
ผมกดวางสายทันที เดี๋ยวเป๊บยาวอีก ฮ่าๆๆ หลังจากวางสายก็ล้มตัวนอน พลางคิด เฮ้อ ชีวิตเรา มรสุมแท้ๆ เมื่อไหร่จะพ้นนะ ได้ยินเสียง sms ผมกดอ่าน
“ดวงแข็งนักนะมึง วันนี้มึงรอดไปได้อย่าคิดว่าจะไม่มีครั้งที่สอง รอบหน้ากูเอามึงตายแน่”
ไม่ต้องเดาหรอกครับว่าใคร ต้องเป็น เก๋ แน่นอน ผมก็แปลกใจว่า ไม่กลัวกฎหมายบ้างหรือยังไง แต่อย่างน้อยก็ควรจะบาปหรือเวรกรรมบ้างนะ ผมไม่อยากคิดให้ตัวเองทุกข์ครับ เลยลุกขึ้นเดินไปห้องพระ สวดมนต์นั่งสมาธิให้สบายใจ
ผมเริ่มสวดมนต์ตามปกติ ตามด้วยพระคาถาชิณบัญชร กรวดน้ำอิมินา และแผ่เมตตา...บุญอันใดที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมาดีแล้ว ด้วยบุญนั้นขอให้ถึงเจ้ากรรมนายเวร ขอให้ปัญหาทุกอย่างผ่านพ้นไป ขอให้เจอความดี สิ่งที่ดี ตลอดไป สาธุๆ....ผมก็นั่งสมาธิ ไม่แน่ใจว่านานเท่าไหร่นะครับ แต่สำหรับวันนั้นจิตสงบมาก มันเป็นความเงียบของความเงียบ จิตนิ่งเงียบสบายไปเรื่อยๆ
“คนมีบุญมาก...ไม่มีสิ่งใดมาทำอันตรายได้...ใครทำกรรมอะไรไว้ ย่อมได้รับผลกรรมนั้น”
ผมลืมตาทันที ตกใจเพราะได้ยินเสียงก้องในหู อาจจะลืมตาเพราะตกใจ เลยปวดหัว เหงื่อท่วมตัวเลยครับ ผมเหลือบมองนาฬิกา เป็นเวลาตีหนึ่ง หา....ตอนเริ่มสวดมนต์ประมาณสี่ทุ่มครึ่ง เรานั่งสมาธินานขนาดนี้เลยหรือเนี่ย
กลับเข้ามาที่ห้องก็อาบน้ำอีกรอบ ก่อนจะนอนหลับ เมื่อกี้ เสียงของใคร แต่ก็ช่างเถอะ คงเป็นเรื่องดีๆ แหละ ผมก็ผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อย
วันรุ่งขึ้นผมกับครอบครัวก็ไปแจ้งความไว้ที่ สน. ใกล้ๆมหาวิทยาลัย ทางตำรวจก็ลงบันทึกประจำวันไว้ แต่โชคดีตรงที่ ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ใน สน. รู้จักกับพ่อผมด้วย ก็เลยดูจริงจังขึ้นมา ทางตำรวจเพื่อนพ่อก็ให้เบอร์โทรโดยตรงกับผมไว้ด้วย เผื่อมีอะไรจะได้โทรทันที ก็รู้สึกปลอดภัยมากขึ้นครับ
วันนี้เป็นวันแรกของการสอบ QE ครับ ผมตื่นเต้นมาก นอนหลับไม่สนิทเท่าไหร่เพราะกังวล ตื่นตั้งแต่ตีสี่ อาบน้ำ ออกจากบ้านตีห้า มาถึงมหาวิทยาลัยราวๆ หกโมงเช้า ก็เห็นรถฉัตรกับเบิดจนหน้าตึก ผมก็ไปจอดข้างๆ มาเช้าที่จอดว่าง ดีจัง เดินเข้ามาในตึก เจอฉัตรกับเบิดนั่งทบทวนหนังสืออยู่ ผมเดินเข้าไปหาพร้อมถามว่า
“ไมเคิล อี พอร์เตอร์ นำเสนอทฤษฏีอะไร” ผมโพล่งถามขึ้นมา
“อ้าวอีห่า กรูลืม นำเสนออะไรวะเบิด” อีฉัตรทำหน้าตกใจ
“ฮ่าๆๆๆ เมิงจะสอบผ่านปะเนี่ย” ผมถามฉัตร
“อ้าวอีนี่ ผ่านดิ กรูจำจนมั่วไปหมดละเนี่ย เยอะจริง ห่า”
“ทฤษฏษี 4P” เบิดตอบ
“เออใช่ๆ” แล้วฉัตรก็พึมพำไปตามประสา
“เมิงอ่านดีแล้วหรือ” เบิดถามผม
“มั้ง ไม่อ่านแล้ว เดี๋ยวเครียดนึกไม่ออกทำไม่ได้”
“เออกรูไม่อ่านบ้างดีกว่า เดี๋ยวลืมหมด” เบิดวางหนังสือ
“อ่านเป็นเพื่อนกรูก่อนนนนน” ฉัตรบ่น
“พอแล้วเมิง เดี๋ยวเครียดหนักจำไม่ได้” ผมปรามๆ
ไม่นานนักทรายกับโอ๊ตก็มา พวกเราเลยเดินไปกินข้าว ระหว่างเดินไปที่โรงอาหาร ก็เจอเป๊บที่กำลังลงจากรถพอดี
“อ้าวอีเป๊บ ไปกินข้าวด้วยกันมะ” ฉัตรชวน
“เออได้ๆ ยังไมได้กินอะไรมาพอดี” เป๊บตอบรับคำ พร้อมยิ้มให้ผม
“คือปากตอบรับกรูอะ แต่หน้ามองเมีย หมายควายว่า ตอบบบบบ” ฉัตรแหกปากใส่เป๊บ
“ฮ่าๆๆ นิดนึง ก็เมียกรูน่ารัก” เป๊บตอบฉัตร
“กรูละเบื่ออออออ ความน่ารักของกรูแพ้อีห่านี่อีก” ฉัตรมาจิกผมซะงั้น
ผมก็ยิ้มให้เป๊บ พวกเราก็เดินไปโรงอาหาร
“เป๊บคะ ไปกินข้าวกัน” เก๋โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ หันไปดูอีกที นางก็มาคว้าแขนเป๊บชวนไปกินข้าวแล้ว
ทุกคนรวมถึงผมหันไปมอง เห็นเก๋ควงแขนเป๊บ ทำหน้ากวนตีนใส่พวกผม เพื่อนเก๋สองสามคนยืนห่างๆ
“อะ..เอ่อ...คงไม่สะดวกนะเก๋ เป๊บรับปากไปกินข้าวกับโจ้ก่อนแล้ว” เก๋ทำหน้าจิกผมทันที
“แหมเป๊บ โจ้เขามีเพื่อนกินด้วยกันเยอะแยะ ดูเก๋ซิ แทบไม่มีเพื่อนไปกินด้วยเลย ไปกินกะเก๋เถอะนะ” เก๋อ้อนๆ เป๊บ
“ทำตัวสันดานควายแบบนี้ใครจะคบ ผู้ชายเขามีเมียเป็นตัวเป็นตน แถมบอกปฎิเสธแล้ว ยังจะร่านดอกใส่” ฉัตรซัดเก๋เต็ม บอกเลย ผมกับทุกคนอึ้ง ฮ่าๆๆๆ หน้าตาฉัตรเอาจริงมาก เก๋ฮึดฮัดใหญ่ เหมือนกลัวฉัตร นางเอกลังเลที่จะอ้าปากเถียง
“เก๋ก็มีเพื่อนกินนี่ ไปกินกันเองเถอะ เดี๋ยวค่อยเจอที่ห้องสอบ” เป๊บเกะมือเก๋ออก เก๋ทำหน้าตาโมโหอยู่
“อะ..ก็ได้ ถือว่าแบ่งๆ กัน แต่เป๊บ พรุ่งนี้วันเกิดเก๋ เป็นวันสอบวันสุดท้ายพอดี เป๊บต้องไปงานเลี้ยงวันเกิดเก๋นะ” นางปรายสาตาจิกๆ มองมาที่ผม พร้อมหันไปอ้อนเป๊บ
“ได้ๆ ตามนั้น” เป๊บรับปากเพื่อบอกปัดๆไป
หลังจากเก๋เดินออกไปแล้ว หน้าตาผมก็บึ้งอารมณ์เสีย เป๊บเองก็ทำหน้าไม่ถูก เป๊บก็พยายามจับมือผม แต่ผมแกะมือออก รู้สึกไม่อยากมองหน้าซะงั้น
“อีนี่ปากดอกนัก พูดมาได้ว่าแบ่งๆ กัน อีห่ามันร่านมาแย่งผัวคนอื่น แม่ม อย่าให้มันมาทำให้อารมณ์เสียนะเมิง อีกไม่ถึง ชม จะสอบแล้ว อีกอย่างเป๊บมันพยายามเลิกกะเก๋ เมิงอย่าทำอารมณ์เสียใส่อีเป๊บมันนะ เอ็นดูมัน” ฉัตรเตือนผม ผมก็มีสติ คิดได้ โอเค งั้นทำตัวปกติ
ผมก็เฮฮาไปเรื่อยๆ เป๊บเองก็คง งง ตะกี้บึ้งๆ ทำไมเฮฮาได้
ข้อสอบยากมาก แต่ก็พอที่จะเขียนได้ ผ่านการสอบทั้งวันจนกระทั่งเลิกสอบในช่วงเย็น พวกเราทุกคนก็ออกมาเจอหน้าห้อง
“ทำได้ปะวะ” ผมถามฉัตรที่เดินออกมา
“มั้ง เมิงละ เขียนไปกี่หน้า”
“ก็วิชาละแปดหน้า”
“เมิงเขียนพระไตรปิฎกหรือไง อีห่า” ฉัตรแขวะ
“เขียนตอบข้อสอบ คะคุณ เบิดทำได้ปะ” ผมหันไปถามเบิดที่กำลังเดินออกมา
“พอไหววะ เขียนไปสิบหน้า ไม่รู้จะโอเคป่าว”
“เขียนไบเบิลเรอะไง” ฉัตรแขวะอีก
“แล้วเมิงละเขียนกี่หน้า” เบิดถามกลับ
“หกหน้าเจ็ดหน้า ไม่รู้จะเขียนไรละ” ฉัตรตอบเศร้าๆ โอ๊ตกับทรายเดินออกมา
“ทำได้ป่าว เขียนไปกี่เล่ม” ผมแซว
“เหอะ พอไหวมั้ง เขียนไปแปดหน้า น่าจะโอเค” ทรายตอบ
“เออเท่าๆ กับทราย ดูๆ แล้วพวกเราผ่านหมดแหละ” โอ๊ตตอบ
“รู้ได้ไง”
“เดา”
“ขอบใจอีห่า” ฉัตรด่าอีกรอบ
“เหลือพรุ่งนี้อีกวัน กลับบ้านอ่านหนังสืออีกรอบเถอะ” ผมบอกเพื่อนๆ
“เออแยกย้ายๆ เบื่อมาก พรุ่งนี้สอบเสร็จก็เป็นไทแล้ว”
“เออพรุ่งนี้สอบเสร็จไปหาไรแดกกันเนอะ เลี้ยงฉลองเทอมสุดท้ายของคอร์สเวิค” ฉัตรชวน
“เออได้ พรุ่งนี้ว่ากัน”