รักวุ่นวายของนายตัวขาวสุดซ่า ตอนอวสาน (THE END) Up 11/5/62
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รักวุ่นวายของนายตัวขาวสุดซ่า ตอนอวสาน (THE END) Up 11/5/62  (อ่าน 518881 ครั้ง)

ออฟไลน์ Kfc_Pizza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
ขอน้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย สาธุ

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ขอน้อมเสด็จสู่สวรรคาลัย

อ่านที่โจ้เขียนถึงพระองค์แล้วขนลุกค่ะ
คนอ่านอยู่ ตจว.ร่างไม่สะดวกไปแต่ใจอาลัยเกินร้อยค่ะ


ออฟไลน์ sugarcane_aoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 301
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
 ไม่ว่าจะเกิดอีกกี่สิบชาติ ก็ไม่เจอมหาราชที่ชื่อ "ภูมิพล"อีกแล้ว สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ จักขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป สถิตย์อยู่ในใจดวงใจตลอดกาล ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

ออฟไลน์ jonathan2624

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 839
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
สวัสดีค้าบบบบบ มาต่อตอนจบให้ละน้าาาา อีกไม่กี่ตอนจะอวสานแล้ว จะเร่งเขียนนะค้าบบบบ งานเยอะมาก ไปทำงานก่อนน้า อิอิ  :mew1: :mew1:

ตอนที่ 54 ภาคจบ

“มันพองเองครับ อัติโนมัติ เป๊บห้ามไมได้นิ” เป๊บตอบยิ้มๆ
“จ้าพ่อสุขภาพดี แตะเป็นติด” ผมแซว
“ฮ่าๆๆ ...ที่รัก เป๊บว่า เหมือนเป๊บเป็นอัมพาตเลยนะครับ คือจริงๆ เป๊บใส่เสื้อผ้าเองได้นะ”
“อ้าวหรือ...ก็โจ้กลัวแผลที่สมานมันจะฉีกขาด เอาน่าเดี๋ยวแต่งตัวให้”
   แต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ผมก็ยืนมอง ดูว่าเสื้อผ้าจัดทรงลงตัวมั้ย
“กางเกงวอร์มมันแนบอะ เป้าเป๊บนูนชัดไปป่าวอะ บอกแล้วอย่าพอง” ผมดุ
“ไม่ได้พองแล้วครับ นี่ปกติ”
“จริงอะ....แล้วนี่มันไม่ชัดไปเรอะไง เดินไปคนมองไม่อายเรอะไง” ผมบ่นๆ คือ ว่าไปผมแทบไม่ค่อยเห็นเป๊บใส่กางเกงวอร์มเลย เออจริง ไม่เคยเห็นเลย
“เป๊บไม่อายหรอกครับ แต่ที่เป๊บไม่ใส่กางเกงวอร์มเพราะมันเป็นแบบนี้แหละ”
   อ๋อ มิน่า ไม่เคยเห็นเป๊บใส่ เพราะมันแนบนี่เอง ไม่ไหวๆ ต้องเปลี่ยนนนนน หวงไม่อยากให้ใครเห็น ฮ่าๆๆ
“งั้นเปลี่ยนตัวอื่นดีกว่า”
“ไม่เป็นไรมั้งครับที่รัก เพราะเป๊บนั่งรถเข็นไป ไม่มีใครเห็นหรอกครับ”
“เออจริง...งั้นผ่านนนนน”
   แต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ออกมาจากห้องน้ำ เจอพี่ปันคอยอยู่
“อ้าวพี่ปัน แล้วทุกคนอะครับ” ผมถาม
“ลงไปกันหมดแล้ว รอเราสองคนเนี่ย เข้าห้องน้ำไปนาน โซเดมาคอมกันเรอะไง”
“บ้าแล้วววว พี่ปันนนนน โรงพยาบาลอะ จะทำไรแบบนั้น” ผมแหกปากใส่
“ฮ่าๆๆ ก็เห็นหายไปนาน ได้ยินคุยพองเพิงอะไรสักอย่าง พี่ก็นึกว่ากลืนกินไอเสือน้องพี่อีก”
“โว้วววว...ทะลึ่งอะ...โจ้แต่งตัวให้เป๊บตะหาก...แล้วนี่เป๊บก็แก้ตัวบ้าง ไม่ใช้ยิ้มตลอดอะ” ผมดุเป๊บ
“ไม่อยากแก้ตัวมากครับ เดี๋ยวแผลฉีกขาด” มันเกี่ยวตรงไหนคิงคองงงงงง โอ้ยยยยยย เบื่อพี่น้องบ้านนี้
   ผมเข็นรถที่เป๊บนั่งลงมาคอยด้านหน้าอาคารของ โรงพยาบาล ไม่นาน เวชก็เอารถมาเทียบครับ พี่ปริม พี่ปัน แด๊ด มัม กลับรถอีกคันนึง เดินทางราวๆ สองชั่วโมงก็มาถึงบ้านใหญ่ ผมก็โทรบอกพ่อกับแม่ว่า เป๊บออกจากโรงพยาบาลแล้ว
“แล้วจะกลับบ้านมั้ยลูก” แม่ผมถาม
“คงกลับไปเอาเสื้อผ้าบางส่วนอะครับแม่ ว่าจะมาดูแลล้างแผลให้เป๊บอะครับ”
“ให้พ่อกับแม่เอาไปให้มั้ยลูก จะได้ไม่เสียเวลา”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวโจ้กลับไปเอง”
“ได้จ๊ะๆ”
   วางสายแม่เสร็จ ลืมนึกไปเลยว่าจะกลับไปบ้านยังไง เอ หรือไปแท็กซี่ดี
“มีอะไรหรือลูก” มัมถาม
“อ๋อ ว่าจะกลับไปจัดเสื้อผ้าที่บ้านอะครับมัม แล้วจะรีบกลับมาดูแลเป๊บ”
“อ๋อ...เดี๋ยวมัมให้เวชขับรถพาไปละกันนะ..” มัมกดโทรศัพท์ตามเวช
“ขอบคุณคร้าบมัม”
   ผมก็เดินไปบอกเป๊บบนห้องนอนว่าจะกลับไปเอาเสื้อผ้า เดี๋ยวจะมาช่วงบ่ายๆ เป๊บก็โอเค แล้วหลับพักผ่อนไป เดินลงมาเพื่อจะไปขึ้นรถตรงทางเทียบหน้าบ้าน เห็นเวชมารออยู่แล้ว
“สะใภ้จะไปไหน” พี่ปริมถาม
“อ๋อ จะกลับบ้านไปจัดเสื้อผ้าอะครับพี่ปริม เดี๋ยวบ่ายๆ โจ้มานะ”
“ได้ๆ เออรถของน้อง พี่ให้ทางศูนย์ฮอนด้าไปส่งที่บ้านแล้วนะ”
“เออจริง ผมลืมสีทองผมไปเลยอะ แล้วทำไมให้ศูนย์ไปส่งอะครับ”
“ก็ตอนเกิดเรื่องตำรวจอายัดไว้ พอคดีลงตัว พี่ก็เลยให้เพื่อนที่เป็นเจ้าของศูนย์ฮอนด้า มาลากรถไปเช็คซะเลย เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ทุกอย่างเรียบร้อย เอาไปส่งที่บ้านน้องนะแหละ”
“จริงอะพี่ปริม เนี่ยๆ ถึงรอบเช็คน้ำมันเครื่องพอดีเลย ฮ่าๆๆ ขอบคุณคร้าบบบ” กราบงามๆ อกพี่ปริม กอดสองที
“พอๆ ไม่ต้องมาอ้อน เดี๋ยวไอ้เสือมาเห็น พี่จะโดนอีก”
“ผมไปก่อนนะพี่ เดี๋ยวบ่ายๆ มาครับ”
   เวชก็ซิ่งรถมาส่งที่บ้าน ผมมองไปที่โรงจอด สีทองจอดอยู่ เลยเดินเข้าไปดู
“รถแววสวยงามกว่าเดิมอีก สงสัยขัดเคลือบสีมาแน่ ดีงามมาก ฮ่าๆๆ” ผมยืนบ่นยิ้มๆ คนเดียว
“กินยายังเฮีย” เสียงจิมแซวมาแต่ไกล ผมหันไปมอง
“นี่ๆ ไม่ได้บ้าซะหน่อย เดี๋ยวยิง” ผมแหกปากใส่
“อ้าว...เห็นไปยืนหัวเราะข้างรถ บ่นพึมพำคนเดียว นึกว่าเครียดเรื่องผัวจนเสียสติ” ยังไม่เลิกแซว
“นี่...เราไปแซวพี่เค้า ไปช่วยแม่ยกหม้อในครัวเลย” ก่อนที่ผมจะแหกปากใส่ แม่มาห้ามทัพซะก่อน
“เชอะ น้องเบ๊อะ ทำมาว่าเรา” ผมบ่นออดแอด
   ขึ้นไปห้องนอนจัดกระเป๋าเสื้อผ้า เครื่องใช้ส่วนตัวเล็กน้อย ก็รีบลงมาด้านล่าง
“ทานข้าวก่อนมั้ยลูก” แม่ผมชวน
“ได้ครับ”
“แล้วนี่จะไปดูแลเป๊บกี่วัน” พ่อผมถาม
“จนกว่าแผลจะหายในระดับปกติอะครับพ่อ แต่ก็ไปๆ มาๆ นะครับ”
“ถ้าอีนั่นมาราวีโทรมาบอกด้วยนะพี่ ผมจะไปกระทืบสักสองสามที” จิมบอกผม
“นี่เราพอเลย ชอบใช้ความรุนแรง...แต่ถ้าเขามาจริงแจ้งตำรวจนะลูก”
“ได้ครับ แต่โจ้ว่าคงไม่กล้าเข้าบ้านใหญ่หรอกครับ”
“พ่อก็คิดแบบนั้น กลัวไปว่าจะดักทำร้ายระหว่างทาง”
“คงไม่ขนาดนั้นมั้งครับพ่อ แต่ยังไงก็จะระวังครับ”
“ดีๆ ไม่ประมาทดีที่สุด”
   ทานข้าวเสร็จเรียบร้อย ผมก็ซิ่งสีทองไปหาเป๊บ พลางคิดไปเรื่อยๆ เอ๊ะ ถ้ามันมาดักกลางทาง ขับรถตาม ปาดหน้า แล้วยิงทำไงอะ เอาละครับ พอผมเริ่มจิตตก เหลือบตามองกระจกหลัง กระจกข้างมั่วไปหมด ออกแนวระแวง ซิ่งหนักกว่าเดิมอีก กระทืบคันเร่งรวดเดียว ถึงบ้านเป๊บด้วยความปลอดภัย เดินเข้ามาในตัวบ้าน เด็กแม่บ้านเดินออกมารับประเป๋า
“เอาไปไว้ห้องคุณเป๊บนะ”
“ได้คะคุณโจ้”
“แล้วนี่ทุกคนอยู่ไหนกัน”
“ห้องทานอาหารคะ”
“ขอบใจๆ”
   ผมก็เดินมาห้องทานข้าว
“อ้าวลูกทานข้าวมาหรือยัง มานั่งๆ” แด๊ดชวน
“ทานมาแล้วครับ แต่ทานได้อีกครับ แหะๆ” ผมตอบแบบยิ้มๆ เดินไปนั่งข้างเป๊บ
“หมายความว่ากินมาไม่อิ่มว่างั้น” พี่ปันแซว
“ไรอะพี่ปัน อิ่มแล้วตะหาก แต่อยากกินอีกงี้” ผมแขวะใส่
“ฮ่าๆๆๆ ระวังอ้วนนะ ช่วงนี้ดูอวบนะเรา” พี่ปันแซวอีก
“นี่พอเลย ไปแซวน้องเค้า” มัมหันมาดุ
“ใช่เงียบเลยนะปัน ตัวเองแหละอวบขึ้นหรือเปล่า” พี่เน็ตแฟนพี่ปันดุเอา
“ช่ายๆ อวบๆ สม” ผมแลบลิ้นใส่ พี่ปันทำหน้าจ๋อยใหญ่ ฮ่าๆๆๆ
   ทานข้าวเสร็จ ผมก็พยุงเป๊บขึ้นไปบนห้องนอน พาไปอาบน้ำ เสร็จทุกอย่างเรียบร้อย
“เป๊บรีบนอนอะนะ จะได้หายเร็วๆ”
“นอนเยอะแผลจะหายเร็วหรือครับ เป๊บว่าเหมือนจะไม่เกี่ยวนะ”
“เกี่ยวซิลดการเคลื่อนไหวแผลก็สมานเร็วไง”
“ก็จริงนะครับ แล้วที่รักละ”
“เดี๋ยวอาบน้ำแล้วจะมานอนอะ”
“นอนกับเป๊บนะ ไม่ต้องไปเอาฝูกมานอนข้างเตียงนะครับ”
“อ้าว โจ้กลัวนอนดิ้นไปถูกแผลเป๊บ ทำไงอะ”
“นอนอีกข้างที่ไม่มีแผลก็ได้ครับ ไม่ต้องห่วงหรอก คงไม่นอนดิ้นข้ามมาทับแผลอีกด้านมั้ง”
“จ้าคุณชายยยยย ออเดอร์เยอะจริงๆ เชอะ”
   ผมก็เข้าไปอาบน้ำแต่งตัวเสร็จสรรพ มาล้มตัวลงนอนข้างเป๊บ ด้วยความเหนื่อยตลอดทั้งวัน รู้สึกตัวอีกทีก็ในอ้อมกอดของเป๊บ แสงแดดส่องเข้ามาในห้องแล้ว
“เป๊บ....เช้าแล้ว ตื่นมาล้างแผลก่อนนะ”
“อื้อออ...ขออีกแป๊บนะครับ” คิงคองงัวเงีย
“รีบตื่นอะเป๊บ เดี๋ยวโจ้ไปผสมยาล้างแผลก่อน จะเช็ดตัวหรืออาบน้ำอะ”
“จริงๆ อยากอาบนะครับ แต่กลัวแผลจะมีปัญหา”
“งั้นเน้นเช็ดตัวก่อนดีกว่าเนอะ”
“ได้ครับ”
   ผมมาผสมยาฆ่าเชื้อกับน้ำอุ่นตามคำแนะนำจากโรงพยาบาล เตรียมน้ำอุ่นอีกส่วนหนึ่งไว้สำหรับเช็ดตัว เสร็จเรียบร้อยก็ยกมาวางไว้ข้างเตียง พร้อมนำพวกอุปกรณ์ทำแผลมาเตรียมไว้ เป๊บค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งบนเตียง
“เป๊บ เดี๋ยวโจ้จะค่อยๆ แกะผ้าก๊อตนะ เจ็บแล้วบอกนะครับ” เป๊บพยักหน้า
   แผลของเป๊บดีขึ้นมาก สมานได้เร็ว เท่าที่ดูไม่น่าจะติดเชื้อหรืออักเสบ ผมค่อยๆ ใช้ยาที่ทางโรงพยาบาลให้มาเช็ดแผล เป๊บไม่แสบแผลแล้ว แสดงว่าภาพรวมดีขึ้นมาก พันผ้าก๊อตใหม่ ก็เช็ดตัวให้เป๊บเสร็จเรียบร้อย ก็พยุงเป๊บลงมาทานข้าวด้านล่าง เจอทุกคนนั่งทานข้าวอยู่ ทานอาหารเช้าร่วมกัน
   ระหว่างที่กำลังทานอาหาร คุยกันสนุกสนาน เด็กแม่บ้านก็เดินเข้ามาแจ้ง
“คุณท่านคะ มีคุณตำรวจมาขอพบคะ”
“อ้าวหรือ ไปเรียนคุณตำรวจพักที่ห้องรับแขกนะ” แด๊ดหันไปสั่งเด็กแม่บ้าน
“ได้คะ”
“ใครหรือครับแด๊ด” เป๊บถามขึ้นมา
“น่าจะเป็นลูกน้องเพื่อนพ่อที่ตามคดีให้เรานะแหละ คงได้ความคืบหน้า”
“ผมขอไปฟังด้วยได้มั้ยครับ” เป๊บถามแด๊ด
“อืม...งั้นไปฟังกันทั้งหมดนี่แหละ จะได้เข้าใจตรงกัน”
   ทุกคนรวมทั้งผมพร้อมใจกันไปรวมตัวที่ห้องรับแขก
“สวัสดีครับคุณตำรวจ ได้ผลอย่างไรบ้างครับ” แด๊ดเริ่มสนทนา
“ทางเราตามจับคนร้ายได้แล้วครับ”
“เป็นข่าวที่ดีครับ แล้วตามจับได้ที่ไหน ทางครอบครัวผมต้องไปชี้ตัวมั้ยครับ” แด๊ดถามต่อ
“คือ ทางทีมตำรวจสืบสวนและตำรวจปราบปรามไปเจอคนร้ายทั้งสองคนตรงด่านตรวจทางหลวงแถวๆ จังหวัดสิงบุรีห์ครับ คนร้ายซึ่งเป็นคนขับได้ทำการแหกด่านพยายามหลบหนี ทางตำรวจติดตามไล่ล่า และสกัดจับทุกทาง ทางตำรวจทางหลวงรวมถึงการประสานงานจากตำรวจที่ติดตามคดี ขับรถตามระยะทางไกลพอสมควร สุดท้าย รถคนร้ายที่ขับเร็วมากเกิดเสียหลักพลิกคว่ำ คนขับเสียชีวิตคาที่ ส่วนคนนั่งข้างที่เป็นผู้หญิงบาดเจ็บสาหัส และก็ได้รับแจ้งก่อนมาหาท่านนี่ละครับว่า เขาเสียชีวิตที่โรงพยาบาลแล้ว
   หลังจากที่คุณตำรวจเล่าจบ ผม เป๊บ และทุกคน ต่างนิ่งอึ้งปนตกใจกับคำบอกเล่า จริงอยู่ครับที่ผมแค้นคนร้ายมาก แต่ก็ไม่อยากให้ถึงกับเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้น มันดูรุนแรงเกินไป
“แล้วในทางคดีความจะเป็นยังไงต่อครับ” พี่ปริมถามขึ้นมา
“ก็เป็นอันสิ้นสุดครับ ถือว่าคนร้ายได้เสียชีวิตไปแล้ว เว้นเสียแต่ทางเจ้าทุกข์จะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับทางญาติพี่น้องครอบครัวของเขาครับ” คุณตำรวจอธิบายยาว
“คงไม่ต้องฟ้องร้องอะไรหรอกครับ มันผ่านไปแล้วถือว่าอโหสิกรรมให้ ไม่มีกรรมอะไรต่อกันแล้วครับ” เป๊บพูดขึ้นมา จนทุกคนหันมามองเป๊บ
“คงเป็นไปตามที่ลูกชายผมว่า ยังไงถ้ามีเรื่องอะไรอื่นๆ ฝากคุณตำรวจประสานงานด้วยนะครับ”
“ได้ครับ...งั้นผมขอตัวนะครับ”
“ขอบคุณมากครับที่ติดตามคดีให้.....ฝากขอบคุณท่านผู้กำกับด้วยนะครับ” แด๊ดบอกคุณตำรวจ
“ได้ครับ ผมจะเรียนท่านให้ครับ....ลาละครับ”
   แด๊ด มัม พี่ปริม พี่ปัน และทุกคนเดินออกไปส่งคุณตำรวจ ในห้องรับแขกเหลือเราสองคน
“ที่รัก....เป๊บคิดถึงที่พระอาจารย์สอน เวรกรรมถ้ามาสนองแล้ว มันจะมาอย่างสาสมชนิดตั้งตัวไม่ทัน ไม่น่าเชื่อนะที่รักว่าเวรกรรม บาปกรรม จะน่ากลัวขนาดนี้” เป๊บเอ่ยด้วยแววตาเศร้าๆ
“ใช่นะเป๊บ ทุกอย่างมันมีกรรมเป็นแบบนี้ เขาทำอะไรไว้ ย่อมได้รับแบบนั้น แต่โจ้ไม่เคยคิดว่า เขาจะถึงขั้นเสียชีวิตนะ แค่คิดว่า ให้กระบวนการทางกฎหมายจัดการ ติดคุกก็พอ”
“เป๊บก็คิดเหมือนที่รักครับ....เป๊บอยากไปหาพระอาจารย์ พาเป๊บไปได้มั้ยครับ” เป๊บหันมาบอกผม
“ได้ๆ เดี๋ยวโจ้ลองโทรไปหาท่านก่อนนะ ไม่รู้ว่าติดนิมนต์ที่ไหนหรือเปล่า”
   ผมกดโทรศัพท์ไปทางวัด ดวงดีมาก พระอาจารย์ท่านจำวัตรที่กุฏิไม่ได้ออกไปไหน เป๊บขออนุญาตแด๊ดไปหาพระอาจารย์ แด๊ดให้เวชขับรถไปให้ ใช้เวลาพอสมควร เราสองคนก็มาถึงวัดในช่วงบ่าย ผมพยุงเป๊บเข้าไปหาพระอาจารย์ที่กุฏิ
   พระอาจารย์นั่งยิ้มคอยอยู่แล้ว เราสองคนก้มกราบ
“มีเหตุใดหรือโยม มีอะไรให้อาตมาช่วยเหลือ”
“ไม่มีครับพระอาจารย์ แค่คิดถึงเลยอยากมาสนทนาธรรมด้วยครับ”
“ว่ายังไงละ”
   เราสองคนช่วยกันเล่าเรื่องที่ผู้ร้ายได้เสียชีวิต ละเอียดเท่าที่จำได้จากการเล่าของคุณตำรวจ
“ถือว่าเขาไปดีตามกรรมแล้วนะโยม สิ่งเดียวที่โยมทั้งสองทำได้ คือ การทำบุญ กรวดน้ำแผ่เมตตา อโหสิกรรมให้เขาทั้งสองได้ไปสู่ภพภูมิอื่นตามกรรมของเขา จะช่วยให้จิตใจโยมดีขึ้นนะ”
“ครับพระอาจารย์ แต่ด้วยใจจริงแล้ว ผมไม่ได้ต้องการให้เขาตายนะครับ แค่ให้เขาได้รับโทษ”
“เราไม่สามารถกำหนดบทลงโทษเองได้หรอกโยม ทุกสรรพสิ่งจะมีกรรมเป็นตัวตัดสิน กรรมที่กระทำนั้นไม่ได้มีเพียงแค่ภพชาตินี้ หากชาติก่อนๆ เขาทำไม่ดี ทำบาปมา ก็มารวมกับกรรมปัจจุบันสนองในชาตินี้ อย่าได้กังวลเลยโยม เขาได้รับกรรมตามที่เขาก่อแล้ว”
“พระอาจารย์ครับ ผมไปร่วมงานศพเขาได้มั้ยครับ อยากอโหสิกรรม” เป๊บถามขึ้นมา
“ได้ซิโยม เป็นเรื่องที่ดีมากเลย ไปขอขมากรรมกับเขาและครอบครัวเขา จะได้ไม่มีอะไรติดค้างกัน ภพหน้าก็จะไม่เจอกันอีกแล้ว”
“ได้ครับพระอาจารย์.....ขอบคุณมากครับที่ชี้แนะ ผมสบายใจขึ้นมากครับ” เป๊บก้มกราบ
“เจริญพรนะโยม แล้วนี่บาดแผลเป็นอย่างไรบ้าง”
“ได้โจ้ดูแลดีขึ้นมากครับ ตอนนี้แผลเริ่มสมานมากแล้ว”
“ใช่ว่าดูแลกันภพชาตินี้เสียเมื่อไหร่ ไม่รู้กี่ภพชาติมาแล้ว ก็ดูแลกันมาแบบนี้ คนมันคู่กันแล้ว แยกกันให้สุดขอบจักรวาล วันนึงก็ต้องมาเจอกันอยู่ดี...โยมเป๊บขยับมาใกล้อาตมา” พระอาจารย์พูดจนเราสองคนสบตากันด้วยความเขิน คงจริงแหละที่เราสองคนคู่กันมา เจออุปสรรคมากมาย ยังผ่านกันมาได้ ผมรักเป๊บจริงๆเลย
   เป๊บขยับตัวเข้าหาพระอาจารย์
“โยมเป๊บถอดเสื้อ” เป๊บก็ถอดเสื้อ
   พระอาจารย์เอามือมากุมที่แผลเบาๆ พร้อมหลับตา สวดคาถาอะไรสักอย่าง ผมก็นั่งมองๆ ห่าง
“เสร็จเรียบร้อยแล้ว แผลจะดีขึ้นในเร็ววันนะ”
“ขอบพระคุณพระอาจารย์มากครับ” เป๊บก้มลงกราบที่ตัก
“เจริญพรนะโยม กลับไปพักผ่อนเถอะ หายเร็วๆนะ”
“ได้ครับ งั้นผมกับโจ้กราบนมัสการลานะครับ”
“เจริญพรๆ มีความสุขมากๆนะ”
   เราสองคนเดินทางกลับบ้าน ระหว่างทางเป๊บเอ่ยขึ้นมาว่า
“ที่รักโทรเล่าเพื่อนๆ กลุ่มเราด้วยนะครับ แล้วก็ ฝากให้เพื่อนสักคนสืบว่า งานศพเก๋จัดที่ไหน เป๊บอยากไปร่วมเป็นเจ้าภาพงานศพครับ”
“ได้ๆ เป๊บ แต่โจ้ว่าไปแค่ร่วมงานก็พอมั้ง ไม่ต้องเป็นเจ้าภาพอะไรหรอก”
“อืม...เป็นเจ้าภาพดีแล้วครับ อย่างน้อยเป๊บจะได้ทำบุญใหญ่ให้เขา จะได้ตัดขาดจากกันไม่ต้องเจอกันอีก”
   ผมแอบทำหน้าไม่พอใจนิดนึง คือ ผมคิดว่า เป๊บทำแบบนี้เพราะยังรัก อาลัยอาวรณ์ เก๋ละซิ แอบน้อยใจ งือๆๆๆ แต่เหมือนเป๊บจะรู้ เลยพูดออกมาว่า
“เป๊บไม่ได้คิดว่ายังรักหรืออาลัยอาวรณ์นะครับ แต่เป๊บอยากทำบุญให้เขา จะได้ไม่ต้องเจอกันอีกจริงๆ ที่รักเข้าใจเป๊บนะ เป๊บไม่รักใครแล้ว นอกจากคนที่นั่งข้างๆเนี่ย” เป๊บพูดยิ้มหล่อใส่
“เห๊อะ ให้มันจริงเหอะ ไอ้ที่เรื่องราวมันเยอะแยะเนี่ยเพราะใครละหา เจ้าชู้นัก” หมั่นไส้ทุบไปสองที แต่ดันเผลอไปทุบใกล้แผล เวรกรูละ
“โอ๊ย เจ็บๆ” เป๊บเผลอร้องออกมาดัง จนเวชมองกระจกหลัง
“คุณหนูเป็นอะไรไปครับ” เวชถามด้วยสีหน้าตกใจ
“เมียทุบนะเวช....ไม่พอใจอะไรก็ใช้กำลัง เมียเวชเป็นแบบนี้ปล่าวววว”
   ผมละตกใจ ไปฟ้องเวชทำไมเนี่ย อายอะ บ้าแล้ววววว
“มีบ้างครับคุณหนู แต่เมียทุบบ้างแสดงว่าเมียรักมากครับ เพราะถ้าไม่รัก คงทุบให้เราตายไปนานแล้วครับ” เวชพูดไปยิ้มไปพร้อมมองกระจกหลัง
   โอ้ยยยยยย เจ้านายกะลูกน้องงงง เข้ากันได้ดีเน้อออออ หน้าแดงมากกกกก
“เออน่าจะจริงเหมือนที่เวชบอก นั่งหน้าแดงแปร๊ดเลยเนี่ย....ที่รัก รักเป๊บมากจริงเหมือนที่เวชบอกใช่ปล่าวววววว” นั่นมีลากเสียง
   แล้วเป๊บกับเวชก็หัวเราะกันดัง เจ้านายกะลูกน้อง เข้ากันได้ดีเนอะ เฮ้ออออออ
“พอเลยทั้งเจ้านายลูกน้อง ไม่ยุ่งแล้ว โทรศัพท์ดีกว่า เชอะ”
   เขินมากกกก แก้เขินด้วยการโทรไปเล่าให้ ฉัตร เบิด โอ๊ต ทราย พร้อมให้ฉัตรสืบเรื่องงานศพ
   กลับถึงบ้านเรียบร้อย ก็ได้เวลาทานอาหารเย็นพอดี เราสองคนก็เล่าเรื่องราวที่พระอาจารย์แนะนำมาให้ทุกคนได้ฟังกัน
“แด๊ดเห็นด้วยนะ ที่จะไปเป็นเจ้าภาพ อย่างน้อยก็แสดงความมีน้ำใจในฐานะเพื่อนมนุษย์ ว่าแต่งานศพจัดที่ไหนหรือลูก”
“รอให้เพื่อนเช็คข้อมูลอยู่ครับแด๊ด น่าจะไม่เกินวันสองวันนี้ทราบเรื่องครับ” ผมตอบแด๊ดแทนเป๊บ
   ไม่ทันจะขาดคำ ฉัตรโทรเข้ามาพอดี ผมรับสาย ฉัตรก็เล่าๆๆๆ ผมตกใจกับข้อมูล พอวางสาย
“ที่รักใครโทรมาครับ” เป๊บถาม
“ฉัตรโทรมาอะเป๊บ ได้ข้อมูลสถานที่จัดงานแล้ว”
“ที่ไหนหรือลูก” ทุกคนให้ความสนใจทันที
“เอ่อ....ศรีสะเกษ ครับ” ทุกคนทำหน้างง เป๊บมองหน้าผมแบบงงๆ
“หือ...ศรีสะเกษ....แล้วทำไมไปจัดงานที่นั่นลูก”  มัมถาม
“ผมก็ไม่ทราบครับมัม แต่ฉัตรบอกมาแบบนี้ แนวว่าๆ ความจริงปรากฏอะไรสักอย่างเนี่ยละครับ”
“หา...ความจริง...อะไรเนี่ย แด๊ดงง”
   จากความงุนงง ระคนด้วยความประหลาดใจ ผมเลยโทรกลับไปหาฉัตรพร้อมบอกว่าเป๊บอยากทำนั่นนี่ ให้ฉัตรช่วยเหลือประสานงานต่างๆ ให้ รวมสายโทรศัพท์คุยกัน เถียงกันไปมา สรุปว่า ฉัตรจะประสานงานเรื่องเป็นเจ้าภาพงานศพให้ พร้อมทั้งจัดแจงตั๋วเครื่องบินไปลงที่จังหวัดอุบลราชธานี แล้วเดินทางด้วยรถยนต์มาที่จังหวัดศรีสะเกษ พักคืนนึงแล้วรุ่งเช้าบินกลับกรุงเทพฯ หลังจากนางรับปาก ก็หายไปราวๆ สองชั่วโมง พร้อมกับโทรมาบอกว่า วันมะรืนได้จองเจ้าภาพไว้ ให้พวกเราทั้งกลุ่มเตรียมตัวเดินทางเที่ยวบินประมาณบ่ายโมง ถึงอุบลราวๆ บ่ายสองนิดๆ เดินทางต่อด้วยรถยนต์ไปถึงงานศพราวๆ หกโมงเย็นพอดี.....เราสองคนก็เตรียมตัวจนถึงวันเดินทาง
“อีโจ้ เมิงถึงไหนแล้ว” ฉัตรโทรเข้ามาถาม
“เนี่ยๆ กำลังไปสุวรรณภูมิ อยู่บนมอเตอร์เวย์”
“เออๆ รีบมาเนี่ย ทุกคนมาถึงละ สนามบินใหม่ไม่คุ้น เดี๋ยวจะตกเครื่อง”
“เออได้ๆ รอแป๊บ ใกล้ถึงละ”
   จำได้ว่าช่วงที่พวกเราบินไปงานศพเก๋ เป็นช่วงที่สนามบินสุวรรณภูมิเปิดใช้ไม่นาน ทุกคนรวมทั้งผมและเป๊บ ไม่คุ้นเคยครับ ออกแนวรู้สึกไกลเสียด้วยซ้ำ แต่การบินไทยย้ายไปสุวรรณภูมิเลยจำเป็นต้องไปละครับ ไม่นานนักมาถึงสนามบิน จำความรู้สึกครั้งแรกได้สัมผัส ใหญ่โต อลังการมาก แต่ตอนนี้ดูแคบ คนเยอะ ฮ่าๆๆๆ
“ฉัตรถึงแล้ว อยู่ไหนกันอะ”
“เมิงเดินเข้ามาประตูสอง กรูรออยู่เนี่ย”
   ผมกับเป๊บเดินเข้าประตูสอง ก็เจอเพื่อนๆ คอยอยู่พอดี
“อีโจ้วๆ ทางนี้” ฉัตรโบกมือ เราสองคนเดินเข้าไปหา
“เป็นไงบ้างเมิงอีเป๊บ หายยัง” ฉัตรถาม
“ดีขึ้นแล้ววะ”
“เดินไหวปะวะเมิง หรือให้เมียอุ้ม” โอ๊ตแซว
“หรืออุ้มเมียคะ” ทรายจิกต่อ
“หรือเมิงอุ้มทรายประจำ” เบิดหันไปแซวโอ๊ต
“เออท่านี้ใช้ประจำ กรูชอบ” โอ๊ตทำหน้าหื่นตอบเบิด
“ถ้าจะหื่นกันขนาดนี้เชิญไปขย่มที่โรงแรมโนโวเทลเลยมั้ยคะ อีห่า” ฉัตรด่า
“ฮ่าๆๆๆๆ” คือจะตกเครื่องเพราะมัวยืนเม้าไร้สาระเนี่ย
   เช็คอินเสร็จเรียบร้อย พวกเราก็เดินเข้าไปข้างใน
“ฉัตร นี่เมิงจองชั้นธุรกิจหมดเลยหรือวะ” เบิดถาม
“เอาจริงๆ ไม่รู้ กรูให้เลขาพ่อจัดการให้ กรูก็บอกแค่เอาดีๆ เดินทางสะดวกสบาย”
“ให้เลขาเมิงจ่ายมั้ยเนี่ย ตายห่าไปกลับแปดพันต่อคน แพงไปปะ”
“เอาน่า อย่าคิดมาก เดินทางสบายๆ ก็ดีละ อีเป๊บมันเจ็บอยู่ เดี๋ยวนั่งเก้าอี้แคบๆ มันช๊อกตาย อีโจ้วร้องไห้สิบชาติ”
“แต่อิชั้นว่า เป๊บจะช๊อกตายเพราะขย่มอีโจ้วมากกว่านะคะ คงไม่ใช่เก้าอี้แคบ” ทรายเสริม
“อีทราย เลิกหื่น อีนี่พอมีผัวเข้าหน่อย ทั้งวัน” ฉัตรแขวะ
“แหมคุณแม่ขา ผัวทรงพลัง ก็นิสสสนึงงงงง”
“ยะ...อีหอยหื่นนนนน”
   คือ รวมกลุ่มทีไร ไม่ด่าก็ฮากันตลอด ตกลงไปงานศพหรืองานรื่นเริง
   ประมาณบ่ายสาม พวกเราดินทางมาถึงสนามบินอุบลราชธานี ฉัตรบอกว่า ให้สิงห์ขับรถมารอล่วงหน้าแล้ว เพราะถ้าเช่ารถจะยุ่งยากกว่ามาก (ในยุคนั้นธุรกิจเช่ารถไม่สะดวกเหมือนปัจจุบันนี้) เดินทางออกจากสนามบินไปตามทางเรื่อยๆ พอออกนอกเขตตัวเมืองอุบลฯ ความเจริญเริ่มลดน้อยลงตามลำดับ ดูแห้งแล้งยังไงพิกล
“สิงห์ ได้ขับรถไปเช็คปลายทางยัง วัดไหน อะไรยังไง” ฉัตรถาม
“เรียบร้อยแล้วครับ แต่ทางอาจจะกันดารหน่อยนะครับ ประมาณหกโมงเย็นน่าจะถึง”
“คุณแม่ สงสัยว่า ทำไมเก๋มาจัดงานอะไรแถวนี้ ไหนว่าบ้านอยู่ กทม ไม่จัดที่นั่น” ทรายถาม
“บางเรื่องคนเราก็สร้างภาพได้เหมือนกันนะเมิง เอาเหอะถึงงานก็รู้”
   ประมาณหกโมงเย็น พวกเราเดินทางมาถึงวัดที่จัดงานศพเก๋ เป็นวัดต่างอำเภอ ที่ไม่ได้สวยงามอะไรมาก พวกเราลงรถพร้อมเดินเข้าไปที่ศาลา เห็นชื่อนามสกุลของเก๋ ก็เดินเข้าไปท่ามกลางชาวบ้านที่มาร่วมงานค่อนข้างมาก มองดูพวกเราด้วยความประหลาดใจ จังหวะดีที่มีเพื่อนๆ กลุ่มของเก๋ ที่พวกเรารู้จักบ้าง มาช่วยงานก่อนล่วงหน้าแล้ว เลยได้เพื่อนของเก๋พาไปแนะนำพ่อกับแม่เก๋ ที่อยู่ในอาการเศร้าโศก พ่อกับแม่เก๋ไม่กล้าสบตาเป๊บ เชื่อว่าเขาคงรู้ที่มาที่ไป
   หลังจากที่พวกเราเข้าไปกราบศพ ก็ได้มานั่งทานข้าวในเต็นท์ที่จัดเตรียมไว้ โดยมีเพื่อนเก๋เดินนำพาไป พวกเราได้รับทราบข้อมูลที่เป็นจริงว่า
   เก๋เป็นลูกสาวคนเล็กของครอบครัว พ่อแม่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากนัก แต่ก็พยามส่งเสียลูกทุกคนได้เรียนหนังสือ ข้อมูลที่เก๋เคยบอกพวกเราว่าร่ำรวย แบบนั้นแบบนี้ พ่อแม่เป็นแบบนั้นแบบนี้ แท้ที่จริงแล้ว เป็นเรื่องที่เขาหลอกลวงสร้างภาพ ให้ตัวเองได้อยู่ในกลุ่มเพื่อนที่ร่ำรวย เพื่อนเก๋เล่าว่า เก๋มีความทะเยอทะยานมากในการหาแฟนรวย เขาอยากให้พ่อแม่สบาย อยากให้ฐานะของครอบครัวเขาสบาย ผมคิดในใจ มันผิดวิธีไปหน่อยนะเก๋ การคิดแบบนี้มันไม่ใช่ทางที่ถูกต้อง สีหน้าของพวกเราเมื่อฟังเรื่องเล่าเสร็จก็ดูสลดไปเหมือนกัน โดยเฉพาะฉัตรที่แรงกับเก๋มากกว่าใคร นางก็รู้สึกผิดเช่นกัน
   หลังจากเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมเสร็จ พวกเราทุกคนก็ไปจุดธูปบอกลาเก๋ ผมได้ยินเป๊บพูดเบาๆว่า
“ด้วยบุญที่เป๊บได้ทำมา อุทิศให้เก๋ ขอให้เก๋ไปสู่สุขคติ ภพใดชาติใดของให้เราตัดขาดจากกัน อย่าได้มาเจอเพื่อสร้างเวรกรรมอีกเลย เป๊บอโหสิกรรมให้นะ”
   พวกเราทั้งหมดเดินออกจากงานเพื่อเดินทางกลับไปนอนพักโรงแรมที่ อุบลฯ เดินเข้าไปลาพ่อกับแม่ของเก๋
“คุณพ่อคุณแม่ครับ ผมลากลับก่อนนะครับ” เป๊บยกมือไหว้พร้อมเอ่ยลา
“ขอบคุณมากนะครับที่มาร่วมเป็นเจ้าภาพ”
“ไม่เป็นไรครับคุณพ่อ นี่เงินทำบุญครับ” เป๊บควักซองออกมาส่งให้กับคุณพ่อ
“อะ...เอ่อ....” พ่อของเก๋วางตัวไม่ถูก เหมือนจะไม่กล้ารับ เพราะรู้ว่าลูกสาวตัวเองไปทำอะไรไว้
“คุณพ่อคุณแม่สบายใจได้นะครับ เรื่องที่เกิดขึ้นทุกอย่างผมอโหสิกรรมให้แล้วนะครับ สำหรับเงินทำบุญผมอยากช่วยจากใจจริง รับไว้เถอะครับ” เป๊บพูดซ้ำ
   คุณพ่อเก๋ยื่นมารับ พร้อมน้ำตาไหล ไม่ต่างคุณคุณแม่ที่น้ำตาไหลเช่นกัน
“พ่อขอโทษแทนเก๋มันด้วยนะครับ ที่ทำอะไรไม่ดีกับคุณไว้ ขอบคุณมากๆ ที่ไม่ถือสาเอาความมันนะครับ” พ่อกับแม่ทำท่าจะไหว้เป๊บ แต่เป๊บยั้งไว้ทัน
“อย่าไหว้ผมครับคุณพ่อคุณแม่ เดี๋ยวผมจะบาปเปล่าๆ เรื่องที่เกิดขึ้นมาก็แล้วกันไปนะครับ ยังไงก็รักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ”
“ขอบคุณครับ/ค่ะ”
   พวกเราล่ำลาเสร็จก็เดินออกมาขึ้นรถกลับ อุบลฯ ระหว่างทางเป๊บนั่งเงียบ คนอื่นๆ ก็พากันงีบหลับ ผมนั่งมองเป๊บที่นั่งนิ่งเงียบในความมืดสลับกับแสงสลัวๆ ของไฟริมทาง ผมเดาอารมณ์เป๊บไม่ถูกเหมือนกัน แต่ในฐานะผู้ชาย ผมเชื่อว่า เก๋ คงเปรียบเสมือนภรรยาของเป๊บอีกคน ถึงแม้ว่า เป๊บอาจจะไม่แสดงออกซึ่งความเสียใจ แต่หากในมุมมองความสัมพันธ์แล้ว เป๊บมีเศร้าซึมบ้างเป็นธรรมดา
   ถึงโรงแรมที่พัก ทุกคนต่างแยกย้ายกันพักผ่อน
“พรุ่งนี้เจอกันที่ห้องอาหารเช้า บินกลับ กทม ราวๆ เที่ยงนะคะทุกคน” ฉัตรแจกแจง
   ถึงห้องพักผมทำความสะอาดแผลให้เป๊บ พร้อมกับเช็ดตัวให้ ระหว่างที่เช็ดตัว
“ยังคิดถึงเก๋หรือเป๊บ” ผมถามด้วยสีหน้าเรียบๆ พลางเช็ดตัวไปเรื่อย
“หือ...คิดถึงในแบบไหนละครับ” เป๊บหันมาสบตาผม แต่ผมหน้างอไปละ หึงอะครับ ไม่ตอบ งอน เชอะ
“ถ้าที่รักคิดว่าเป๊บคิดถึงในแง่อื่นๆ เข้าใจผิดครับ เป๊บกลับคิดถึงด้วยความเวทนาว่า คนเราพร้อมที่จะปรุงแต่ง โกหก หลอกตัวคนอื่นและตัวเอง เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ การไม่อยู่กับความจริงมันน่าเวทนานะครับ เป๊บเลยอดสงสารเก๋ไม่ได้”
“หรือ...” ผมตอบหน้างอนๆ ไป เป๊บก็มองๆ ยิ้มๆ
“งอนเป๊บหรือครับ”
“เปล่า” ผมกำลังจะเก็บอุปกรณ์เช็ดตัว
“แล้วทำไมไม่ยิ้ม”
“นี่ไงยิ้มแล้ว” ผมฉีกยิ้มกว้างๆ ให้ทีนึง เชอะ คิดถึงเมียน้อยอะดิ งอนโว้ยยยย
“ยิ้มจากใจซิครับ....มานี่” ผมกำลังจะลุกขึ้น เป๊บรั้งเอวไว้ พร้อมเอาปากมาประกบ
“เป๊บปล่อยเลยนะ....อุ๊ฟ...” ผมดิ้นๆ ได้สามวิ หมดแรง ว๊ากกก เขินนนน ฮ่าๆๆ
“ไม่ได้มีอะไรกันนานแล้วนะครับ” เป๊บพูดเสียงหวานเชียว
“ไม่เอาเป๊บ เป๊บเจ็บแผลอยู่” ผมบ่ายเบี่ยง
“ทำเบาๆ ก็ได้นี่ครับ นะ นะ.....” ไม่ทันตอบเป๊บลุยต่อ
   มั่นใจว่าเบา เต็มๆ สองรอบ โอยยยยยย มันแน่นมากกกก .....  :mew3: :mew3:


ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :กอด1:  ขอบคุณมากๆค่ะที่มาต่อจนจบ

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3

ออฟไลน์ Kfc_Pizza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ใจบุญ ใจกุศลมาก เป๊บ
เก๋ คิดร้าย ทำร้าย เป๊บอโหสิกรรมให้
แล้วยังตามไปทำบุญ เป็นเจ้าภาพงานศพให้อีก
เพื่อนๆ โจ้ ก็ใจดีรักเพื่อน ไปไหนไปกัน
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ noy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-9
 :pig4: :pig4: :pig4:

แล้วจะมีตอนพิเศษมาให้อ่านกันไหมคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
 :hao6: :mew4:
มีเด็ดกว่านี้อีกมั้ยครับ อิอิ

ออฟไลน์ คนอ่าน

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-13
อ่านมีความสุขแบบเศร้าๆจังเลยค่ะ

ออฟไลน์ meng

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
พี่โจ้รีบตัดจบก่อนอ่ะ  อยากให้ต่อนิดก็น่าจะดี

ออฟไลน์ samkengkung

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มีความสุขที่ได้อ่านเรื่องราวของคุณโจ้กับคุณเป๊ปนะครับ ขอบคุณที่แบ่งปันเรื่องราวที่ดีและมีประโยชน์มากในการดำรงชีวิตต่อไป ขอให้มีความสุขมากๆ รักกันนานๆๆ :L2: :L1:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
อ่านแล้วเศร้าใจกับทุกเรื่อง
โดยเฉพาะที่แป๊บนอกใจ เชอะ

ออฟไลน์ duckk

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
กรี๊ดด อ่านแล้วเขิน55 ตอนเศร้าก็เศร๊าเศร้า ตอนสวีทก็หวานเชียวค้าาา หนูล่ะชอบพี่ 2 คนจริงๆเลยคะ :impress2:

ออฟไลน์ white feather

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
โห่ เราเพิ่งจะได้อ่านตอนเรื่องใกล้จะจบเลย
แต่จะไม่ทิ้งกันเล่าเรื่องในปัจจุบันไปเรื่อยๆใช่ไหมคะ นะๆๆๆๆๆ

ดีแล้วที่อโหสิกรรมกันไปจะได้ไม่ต้องประสบพบเจอกันในชาติต่อๆไปนะค่ะ
แต่เรื่องที่เป๊ปนอกใจเราก็ยังไม่พอใจอยู่ดี
เพราะใช้เวลานานไปกว่าจะกลับมาหาโจ้ได้เต็มตัวสักที
ทั้งๆที่หลังจากมีเรื่องกินยานอนหลับไปทุกอย่างมันน่าจะชัดเจนตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว
แต่ยืดเยื้อมานานมากค่ะ มันเหมือนยังมีความรู้สึกให้เก๋มากจนเราน้อยใจแทนโจ้

ส่วนโจ้ถ้าเลือกที่จะพูดออกไปก่อนที่เรื่องมันจะบานปลายมาขนาดนี้
พูดตั้งแต่เจอข้อความในมือถือ ตัดไฟเสียตั้งแต่ตอนนั้นเรื่องอาจจะไม่เป็นแบบนี้
ต่อไปไม่เอาแบบนี้แล้วนะคะ มีอะไรคุยๆๆๆๆๆกัน อย่าใช้อารมณ์
และอย่าเลือกที่จะเก็บเงียบไว้คนเดียวค่ะ คุยกันนะคะๆๆ

แต่ตอนนี้ก็เป็นผู้ใหญ่กันทั้งคู่แล้วนะ ดูอารมณ์น่าจะเย็นลงมากๆแล้ว
น่าจะไม่มีปัญหาอะไรแบบนี้แล้วใช่ไหมคะ จากที่เล่าถึงปัจจุบันดูรักกันดี ชอบๆ
 o13 o13 o13

เอาเป็นว่าเรื่องมันก็ผ่านมาได้ด้วยดีแล้ว ถือว่าเป็นบทเรียนและจะไม่เกิดขึ้นอีก
เราอาจจะบ่นๆๆๆๆเยอะไปหน่อย ขอโทษด้วยนะคะ มันอินอ่ะ
อัดอั้น พยายามจะทำความเข้าใจในความรู้สึกของทั้งเป๊บและโจ้นะ
 
ปล. ชอบๆๆๆๆๆๆทั้งคู่นะค่ะ รักกันไปจนแก่น๊าาาาา
จะเข้ามาตามๆๆๆๆๆๆ เรื่อยๆนะคะ
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ nutto

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
ใกล้จะจบแล้วหรอครับพี่โจ้ พอพี่โจ้มาพิมแบบนี้ผมนี้ใจหายมากเลยนะครับ
นั่งอ่านนั่งติดตามเรื่องราวของพี่โจ้มาตั้งนาน

จริงๆแล้ว เรื่องของพี่โจ้ไม่ได้เป็นแค่เรื่องราวเพื่อความสนุกอย่างเดียว
แต่พี่โจ้ยังได้สอดแทรก คติความคิดในหลายๆเรื่องลงไป

ผมก็ไม่รู้ทำไมว่าทุกๆครั้งที่ผมอ่านเรื่องของพี่โจ้มันจะทำให้ผมได้คิดได้ตรึกตรองได้ตกตะกอน
ทางความคิดในหลายๆเรื่องอย่างน่าประหลาด

ยังไงก็อยากให้พี่โจ้มาเขียนให้อ่านกันไปเรื่อยๆ เหมือนเป็นไดอารี่บอกเล่าเรื่องราว
และมาทักทายกันบ้างนะครับ หวังว่าคงจะไม่ลืมกัน

ปล. มาเขียนว่าสุวรรณภูมิเปิดใหม่ๆ นี่บอกวัยได้เลยนะครับว่าแก่ขนาดไหน ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ jonathan2624

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 839
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
สวัสดีค้าบบบบ ทุกคนนนนนน ทำอารายกันอยู่ ถามได้เนอะ ต้องทำงานกันชัวร์  :mew1: วันนี้เอาตอนพิเศษมาให้อ่านกันน้า เป๊บเป็นคนเขียนทั้งหมดอะคับ แต่ผมก็มาช่วยดูบ้างว่า เล่าอะไรยังไง นี่ก็เพิ่งต่อว่าเป๊บไปอะ เขียนฉาก xxx แบบนั้นเหมือนจะไปแสดงหนังโป๊อะ ไม่ไหวๆ เป๊บบอกว่า คนอื่นรีเควสมา ให้เขียนเยอะๆ จริงปะอะ  :mew5:

สุดท้ายอ่านแล้วไม่ไหว เลยเขียนใหม่บางส่วนให้ดูปกติอะน้า ถ้าอ่านแล้วประโยคเหมือนสองคนเขียน ก็ใช่ละคับ คิงคองชอบเล่าอะไรแรงๆ อะ ไม่ไหวๆ

ตอนพิเศษก็นำมาครึ่งเดียวก่อนน้า อีกครึ่งคิงคองเขียนเสร็จจะเอามาลงให้นะคับ เย็นนี้ไปตรวจงานที่ภูเก็ต กลับวันเสาร์เช้าต่อเครื่องไปตรวจงานอุดรธานี สักระยะจะมาลงตอนต่อไปนะคับบบบบบ คิดถึงทุกคนน้า  :mew1: :mew1:

ตอบเม้นๆ ค้าบบบ

❣☾月亮☽❣ : ขอบคุณมากค้าบบบ และขอโทษด้วยค้าบที่นานๆ ลงครั้ง งานเยอะจริงๆ  :mew1:

patee : ขอบคุณค้าบบบ  :mew1: :mew1:

Kfc_Pizza : จุ๊บๆ น้าาาา  :mew1:

broke-back : กอดๆ  :mew1:

ทฟเืนสรฟ : ช่ายๆ เป๊บใจบุญมากมายอะ หลังจากเจอเรื่องลี้ลับ ก็เข้าวัดเข้าวามากขึ้นอะคับ จนมาถึงตอนนี้ เป๊บจะนั่งสมาธิแทบทุกคืนอะ แต่แปลก ความหื่นคงที่มาก  :mew5: ขอบคุณค้าบบบ  :mew1:

noy : ตอนพิเศษมาละค้าบบบ  :mew1:

Yarkrak : แอะ เด็ดกว่านี้น้องลบหมดแล้วอะคับ มะไหวๆ เป๊บเขียนยังกะหนังโป๊ ทาลึ่งมากอะคับบบบ  :mew3: :mew3:

คนอ่าน : เนอะๆ จะเขียนให้ร่าเริงก็ดูแรงไปเพราะเก๋ตาย เลยเขียนแบบเศร้าๆ หน่อยอะคับ  :mew1:

meng : 5555+ ต้องรีบจบอะ ที่เหลือจิ้นต่อเองน้า อิอิ  :mew1: :mew1:

samkengkung : ขอบคุณมากนะคับบบบ ขอให้มีความสุขเช่นกันน้า  :mew1: :mew1:

snowboxs : ช่ายๆ ตอนนั้นเป๊บเจ้าชู้มากมาย งอลลลลลล  :mew6: :mew6: :mew1: :mew1:

duckk : ขอบคุณค้าบบบบ ตอนพิเศษ สวีทหนักมากมายน้า อิอิ  :mew1:

white feather : จริงค้าบบบ ตอนนั้นยังเด็กๆกันมาก ไม่ค่อยคุยปรับความเข้าใจกัน แต่ตอนนี้ไม่แล้วอะคับ มีอะไรก็คุยกันปกติ ส่วนเป๊บเจ้าชู้มะมีแล้วอะ อาจจะอายุมากขึ้นแล้ว จะให้ไปทำอะไรแบบนั้นดูไม่ดีอะคับ สำหรับตอนพิเศษๆ จะมีเรื่อยๆอะคับ ไม่ทิ้งกันไปไหนแน่นอน ขอบคุณมากค้าบบบบ  :mew1: :mew1:

nutto : งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกราน้าเจ้านัท แต่พี่ก็จะเขียนตอนพิเศษมาทักทายเรื่อยๆ อย่าเศร้าใจน้า พี่ดีใจนะที่น้องอ่านทุกตัวอักษรแล้วเห็นสิ่งที่พี่ซ่อนไว้ ก็มาจากประสบการณ์ที่พี่เจออะน้า ขอบคุณมากน้าที่ติดตามกันมาตลอด กอดๆ จุ๊บๆ  :mew1: :mew3: ว่าแต่ น่าตีมากมาว่าพี่แก่ เขาไม่เรียกแก่ซะหน่อย เรียกผู้มีประสบการณ์ยาวนานตะหาก ฮ่าๆๆๆ  :mew1:


ตอนพิเศษ แคนาดาหวานฉ่ำ

การประชุมบอร์ดคณะกรรมการบริหารสิ้นสุดลงในช่วงใกล้เที่ยง ต่างคนต่างแยกย้ายไปทานอาหารกลางวัน
“เสือ กินข้าวที่ไหน” พี่ปริมถามผม
“น่าจะไม่ออกไปข้างนอกครับ ผมให้โจ้จัดการไว้ที่ห้องทานข้าวแล้วครับ”
“เออดีเหมือนกัน พี่ไม่อยากออก บอกให้โจ้จัดเผื่อพี่ด้วย”
“เผื่อแล้วครับพี่ โจ้เขาคงจัดการไว้แล้วครับ”
“เออดีๆ เจอกันที่ห้องทานข้าว”
   ผมเดินพุ่งตรงไปห้องทานข้าว หิวมากๆ เจอเลขา
“คุณโจ้ละ”
“รออยู่ในห้องทานข้าวแล้วคะ”
   ผมเดินเข้าไป เจอตัวขาวกำลังกินๆ อย่างเมามันส์
“ไม่รอกันเลยนะที่รัก” ผมแซวจนนางหันมามอง
“หิวอะเป๊บ...กะกินรอไปเรื่อยๆ”
“แต่เป๊บว่าเหมือนดูจะกินแบบเอาจริงเอาจังมากนะนั่น”
“ป่าวววว กินแบบรอตะหากกกก” เต็มปากยังจะเถียงนะนั่น
   ไม่นานนักพี่ปริมก็เข้ามาทานอาหารด้วย ก็คุยสัพเพเหระไปเรื่อย
“เออนี่ พี่ว่าจะให้โจ้ไปประชุม Logistic Forum ที่แคนาดา....เห็นด้วยมั้ย” พี่ปริมถามขึ้นมา ผมกับตัวขาวมองหน้าสบตากัน
“ให้โจ้ไปคนเดียวหรือครับ บินไปตั้งไกลข้ามโลกขนาดนั้น ไม่ไหวมั้งพี่ปริม” ผมแย้ง
“ถ้าแบบนั้นแกก็ไปกับโจ้ด้วยละกัน จะได้ไม่ต้องกัวลมาก”
“เฮ้ย จริงหรือพี่ ผมไปด้วยได้หรือครับ” ผมถามด้วยความตื่นเต้น ปกติไม่ค่อยได้ไปไหน
“เอออนุญาต เดี๋ยวงานส่วนของแกพี่ให้ปันมาดูแลแทนชั่วคราว”
“เดินทางวันไหนอะคับพี่ปริม” ตัวขาวถาม
“จริงๆ ประชุมจัดช่วงวันที่ 12-14 มิย 59 มีหลายบริษัทที่เป็นคู่แข่งเราไปด้วยนะ ยังไงน้องเตรียมข้อมูลการนำเสนอไปบ้าง ที่บ่งบอกว่าเราไม่แพ้ใครเหมือนกัน แต่อย่าไปเปิดเผยกลยุทธ์ให้เขารู้”
“นำเสนอภาษาอะไรอะพี่ปริม” ตัวขาวถาม
“ไม่แน่ใจเหมือนกัน ไม่ไทยก็อังกฤษ ลองไปดูหน้างาน”
“โล่งใจไป สบายมากอะครับ ผมก็กลัวภาษาญี่ปุ่น เกาหลี งี้ ไม่ได้พูดนานแล้วลืมหมดแล้ว” ตัวขาวบ่นยิ้มๆ
“แล้ววีซ่าหมดกันหรือยัง” พี่ปริมถาม
“วีซ่าของอเมริกายังเหลืออีกห้าปีครับ ของเป๊บละ” ตัวขาวกันมาถามผม
“เหลือพอๆ กับโจ้ครับพี่ปริม เรื่องวีซ่าผ่านตลอด” ผมบอกพี่ปริม
“เออดีๆ งั้นเดี๋ยวเราสองคนคุยกันวางแผนกันก่อน ว่าจะไปประชุมแล้วกลับ หรือจะเที่ยวก่อน หรือจะยังไง แล้วไปบอกเลขาพี่ พี่จะสั่งไว้เบื้องต้น”
“ได้ครับๆ” ผมกับตัวขาวรับคำ
   พี่ปริมออกไปได้ไม่นาน ผมก็เริ่มวางแผนกับตัวขาว
“ที่รักเราจะวางแผนอะไรยังไงกันดีครับ”
“แหมเป๊บ บินไปข้ามโลกขนาดนั้นคงไม่ทำงานอย่างเดียวหรอก แบบนี้ต้องเที่ยวๆๆ” ตัวขาวยิ้มร่า
“ได้ครับ แล้วจะเที่ยวยังไงอย่างไรดี”
“เรามีสาขาที่อเมริกากี่สาขาอะเป๊บ”
“จริงๆ เราไม่มีสาขาใหญ่ที่นั่นครับ แต่ถ้าสำนักงานที่อำนวยการ จะอยู่สองเมืองหลักคือ นิวยอร์ค กับ ลอสแองเจลลิส”
“นั่นซิ จะให้มาอำนวยความสะดวกเรา ก็จะลำบาก ทำไงดีๆ” ตัวขาวครุ่นคิดไป
   ผมนึกในใจ ก็จริงนะ ให้พนักงานสาขาที่นั่นมาดูแล ก็ลำบากเกินไป หรือจะไปเที่ยวกันเอง คงคลำทางกันลำบากเลยทีเดียว
“นึกออกแล้ววววว” ตัวขาวโพล่งมา แล้วกดมือถือ
“อะโหล เมิงๆๆ กรูเอง ทำอะไรอยู่”
“ที่รักโทรหาใครครับ” ผมขยับปากแบบเงียบ ตัวขาวตอบเบาๆ มาว่า
“ฉัตรๆ” เออใช่ ฉัตรอยู่นิวยอร์ค ธุรกิจส่วนใหญ่อยู่ในอเมริกา
   ตัวขาวก็คุยคิกคักตามประสาอยู่พักนึง จนนางวางสาย
“ว่าไงบ้างครับ”
“ฉัตรบอกว่า ให้บินมาโลด เดี๋ยวเรื่องพาเที่ยวนางจัดการให้ทุกอย่าง ฉัตรจะมาเที่ยวกับเราด้วยอะเป๊บ” ตัวขาวแววตาดีใจมากๆๆๆๆ เพื่อนสนิทมากของนาง ไม่ได้เจอกันนานมาก ย่อมคิดถึงเป็นธรรมดา
“งั้นเป๊บไปบอกให้เลขาจัดการเรื่องตั๋วเดินไปทางไปกลับนะครับ แล้วที่พักละ”
“ฉัตรบอกจะจัดการให้เองอะเป๊บ ให้เราซื้อแค่ตั๋วไปแคนาดา...ว่าแต่เราไปเมืองไหนอะ”
“เออจริง ลืมถามพี่ปริม เดี๋ยวเป๊บไปถามก่อนแล้วจะจัดการเรื่องตั๋วเลยนะครับ”
“ได้ๆ เป๊บ ฝากเป๊บนะ งั้นโจ้รีบบึ่งไปบริษัทจิมก่อน มีประชุมสามครึ่ง”
“ครับที่รัก เจอกันที่คอนโดนะครับ ขับดีๆ”
“อะเคร”
   ผมก็เดินมาหาพี่ปริมที่ห้องทำงาน ถามข้อมูล สรุปได้ว่า การประชุมจัดที่เมืองแวนคูเวอร์ แคนาดา คิดไปคิดมา เดินทางไปเที่ยวล่วงหน้าจะเหมาะว่า ประชุม 12- 14 งั้น ไป 8-17 มิย 59 ละกัน เผื่อเวลาเที่ยวด้วย ผมเลยแจ้งเลขาพี่ปริมให้จัดการเรื่องตั๋ว พร้อมทั้งทำบันทึกถึงฝ่ายงบประมาณของบริษัท จัดการทุกอย่างลงตัวเรียบร้อย ก็เดินทางกลับบ้าน
“อ้าวที่รัก มาถึงนานยังครับ” ผมเห็นตัวขาวกำลังทำกับข้าวในครัว
“ก่อนเป๊บครึ่งชั่วโมงเอง แจ้งเลขาแล้วหรือเป๊บ”
“เรียบร้อยครับ เออที่รัก เป๊บเลือกเดินทาง 8 – 17 มิย 59 นะครับ เผื่อเที่ยวด้วย ที่รักบอกฉัตรด้วยนะ”
“ได้คับๆ เดี๋ยวกินข้าวเสร็จ ค่อยโทรบอก”
   ทานข้าวเสร็จเรียบร้อย เก็บกวาดล้างจาน ตัวขาวหยิบแท๊ปเล็ตกดวีดีโอคอลถึงฉัตร ผมก็นั่งอยู่ข้างๆ ด้วย ฉัตรกดรับสาย
“ว่าไงหอยยยยยย” ฉัตรโบกมือ
“ตื่นยังงงงง คุยได้ป่าวววววว”
“ตื่นได้สักพักละ คุยได้ๆ อ้าวอีเป๊บ สบายดีนะเมิง” ฉัตรทักทายผม
“สบายดีเมิงๆ เมิงละ”
“สบายดี แต่เบื่อลูกๆ แม่ง ซนทั้งวัน รู้งี้ไม่ขย่มจนมีลูกก็ดี” นางบ่นขำๆ
“ฮ่าๆๆ ขนาดไม่อยากขย่มอะนะ มีลูกสามคนเนี่ยนะ ถ้าอยากขย่มคงตั้งทีมฟุตบอลได้” ตัวขาวแซว
“ฮ่าๆๆ ผัวกรูหื่นไง สุดท้ายเลยเป็นงี้....เออตกลงได้วันเดินทางยัง”
“ได้แล้วๆ เดินทาง 8-17 มิย 59” ตัวขาวบอกฉัตร
“หมายถึงเมิงมาถึงแคนดา 8 มิย ปะ”
“ใช่ๆๆ”
“มาเมืองไหน”
“แวนคูเวอร์” ผมตอบฉัตร
“เออสบายมากๆ บริษัทผัวกรูมีสำนักงานใหญ่ที่นั่น เดี๋ยวเจ๊จัดให้ เอาเที่ยวแบบไหน”
“แบบไหนก็ได้อะ แล้วแต่เมิงเลย แต่ไม่เอาแบบลำบากนะ เดี๋ยวผิวกรูเสีย” ตัวขาวตอบ
“จ้า...อีเจ้าชายขาวผ่องเป็นยองใย เดี๋ยวอิชั้นจะจัดแบบไฮโซ เทอร์โบ แอคทีฟ กีบๆ ให้เลยเพคะ”
“ฮ่าๆๆ เวอร์อะเมิงอะ ไม่ต้องขนาดนั้น เอาแบบดีๆ ธรรมดาพอ”
“ยะ เมิงสองตัวเตรียมเดินทางมาแบบปลอดภัย ที่พัก ของแดก ที่เที่ยว เดี่ยวกรูจัดหนักเอง ตกลงมาถึง 8 มิย นะ ถ้าได้เวลาเที่ยวบินบอกกรูด้วย”
“เออได้ๆ คิดถึงเมิงอะ ไม่ได้เจอกันนาน” ตัวขาวบ่นๆ
“เออเดือนหน้าก็มาเจอละ เดี๋ยวกรูเที่ยวกะเมิงเอง ลูกผัวถีบไว้บ้าน”
“ขนาดนั้น เอามาด้วยก็ได้นะ”
“โอ้ยยยย เอาไปทำหอกอะไร กวนตายห่า อีกอย่างผัวกรูงานเยอะ นี่แม่มทำแต่งานจนกรูจะหาผัวเพิ่มละ”
“ฮ่าๆๆ เมิงนี่นะ อย่าร่านเกิน” ตัวขาวแซว
“เออตามนั้นๆ ได้วเลาเที่ยวบินบอกด้วย เออ จะนอนโรงแรมหรือบ้านพักตากอากาศผัวกรู”
“ขอโรงแรมอะเมิง ใกล้ๆที่ประชุมก็ดีอะ”
“ประชุมที่ไหนวะ” ฉัตรถาม ตัวขาวหันมาถามผม ผมก็ลืมถามพี่ปริมมาอีก
“อะ กรูว่าละ เมิงสองตัวนี่นะ ไม่เคยมีข้อมูลไรเล้ย งั้นเดี๋ยวกรูเช็คเอง แวนคูเวอร์สถานที่ประชุมไม่ได้มากมายอะไร”
“เออได้ๆ เดี๋ยวยังไงถ้ามีข้อมูลเพิ่มจะส่งไปนะ”
“เออๆ เจอกันๆ เดี๋ยวกรูไปตบลูกก่อน”
“ฮ่าๆๆ เออเจอกันๆ”
   ฉัตรก็ยังคงเป็นฉัตรนะครับ นางฮาเสมอ ผมเองก็ไม่ได้เจอนางนานมาก แต่ตัวขาวดูร่าเริงมากกว่าใครๆ เพื่อนสนิทของตัวขาวนี่
   วันเวลาผ่านไปเร็วมาก ต่างคนต่างยุ่งงาน จนถึงคืนวันที่ 7 มิย 59 ผมรีบกลับคอนโดเพื่อจัดกระเป๋าเสื้อผ้า ไปหลายวันนี่กระเป๋าคนละสองใบใหญ่ๆ แน่นอนเลยครับ กลับมาถึงคอนโด เห็นตัวขาวกำลังวุ่นวาย
“เป๊บๆ ต้องเอาเสื้อโค้ทไปมั้ยอะ ตัวนี่ดีมั้ย ตัวนั่นละ เอาตัวไหนดี โอ้ยๆๆ” นางดูเยอะมากๆ ฮ่าๆๆ
“ได้ครับ แล้วแต่ที่รักเลย ของเป๊บสองกระเป๋าใหญ่ๆ แน่นอน”
“เหมือนกันแหละ งั้นเอาไปเผื่อๆ ก่อนดีกว่า”
   เราสองคนกว่าจะจัดกระเป๋าเสร็จเรียบร้อย ก็ราวๆ ช่วงตีสอง หลับพักผ่อน ตื่นอีกที ราวๆ เก้าโมงเช้า
“เครื่องออกกี่โมงอะเป๊บ”
“16.25 น. ครับ แวะไต้หวันเปลี่ยนเครื่อง ถึงแคนาดา 19.40 น.ครับ”
“บินไรอะเป๊บ”
“EVA Air ครับ”
“สะสมไมล์ได้ ชอบๆ” นางยิ้มร่า
   แต่งตัวสบายๆ เสร็จเรียบร้อย เวชมารับ ถึงสนามบิน ราวๆ บ่ายโมงครึ่ง เราสองคนเดินไปเช็คอินเค้าเตอร์ Q ประตู 8
“สวัสดีครับ เดินทางไปไหนครับ” พนักงานที่เคาเตอร์ถาม
“แวนคูเวอร์ แคนาดาครับ” ผมกับตัวขาวส่งตั๋วกับพาสปอร์ตให้ พนักงานรับไป
“อุ้ย....ขออภัยครับ ชั้นธุรกิจรบกวนท่านเช็คอินเค้าเตอร์พรมสีเขียวนะครับ เค้าเตอร์นี้สำหรับชั้นประหยัดครับ”
“อ่อครับๆ ได้ครับ” ผมก็ลืมไป ช่องไหนว่างก็เข้าไปซะงั้น ผมก็เดินมาอีกเค้าเตอร์ตามที่พนักงานบอก
“สวัสดีคะ” พนักงานผู้หญิงไหว้งามๆ กล่าวทักทาย พร้อมกดหน้าจอ
“ต้องการที่นั่งแบบไหนเป็นพิเศษมั้ยคะ” พนักงานถาม
“ขอเป็นที่นั่งติดกัน ริมหน้าต่างแล้วถัดมาก็ได้ครับ”
“ได้คะๆ จะเช็คอินยาวไปถึงแวนคูเวอร์เลยนะคะ”
“ได้ครับๆ”
   พนักงานกดสักพักพร้อมถามว่า
“มีบัตรสมาชิก star alliance มั้ยคะ”
“มีครับ” เราสองคนส่งบัตรสมาชิกให้
“เดินทางเที่ยวบิน BR068 จาก กทม ถึงไทเป วันนี้เครื่องดีเลย์ 1 ชม นะคะ เวลาออกใหม่ประมาณ 18.00 น. ถึงไทเป ราวๆ 22.30 น. นะคะ สำหรับเที่ยวบิน BR010 จากไทเป ไปแวนคูเวอร์ เวลาออกตามกำหนด คือ 23.55 น. นะคะ บอร์ดดิ้งพาสมีท่านละสองใบนะคะ แล้วก็บัตร priority pass ใช้สำหรับช่องด่วนตรวจพาสปอร์ต สำหรับบัตรใบนี้ใช้สำหรับเข้าเล้าจน์ในเครือพันธมิตร star alliance นะคะ เมื่อท่านผู้โดยสารผ่านด่านตรวจความปลอดภัย จะมีรถกอล์ฟรับส่งไปยังเล้าจน์ โชว์บอร์ดดิ้งพาสเพื่อใช้บริการได้นะคะ”
“ขอบคุณครับ เอ่อ ว่าแต่เครื่องดีเลย์ แล้วเมื่อแวะเปลี่ยนเครื่องที่ไทเป ไม่มีปัญหาใช่มั้ยครับ”
“ไม่มีคะ เที่ยวบินจากไทเปไปแวนคูเวอร์ จะคอยเที่ยวบินจาก กทม คะ เพราะมีผู้โดยสารต่อเครื่องด้วยคะ”
“โอเคครับ ขอบคุณมากครับ”
“ขอบคุณที่ใช้บริการ EVA Air นะคะ เดินทางปลอดภัยทั้งสองท่านนะคะ” พนักงานยกมือไหว้งามมาก
   ผมกับตัวขาวก็เดินผ่านด่านตรวจพาสปอร์ต มีเจ้าหน้าที่จากสายการบินเดินนำให้บริการไปช่องพิเศษครับ
“เป๊บ ด่านตรวจปกติคนเยอะมากเลยอะ คิวยาวมาก ของเราไม่มีคนเลยอะ”
“ก็สะดวกดีครับ ถ้าไปต่อคิวกว่าจะได้เข้าลำบากแน่ๆ”
“แล้วนี่ต้องแวะไทเปด้วยหรือเป๊บ”
“ใช่ครับ”
“ทำไมไม่บินตรง กทม แวนคูเวอร์งี้”
“น่าจะไม่มีบินตรงนะที่รัก อาจจะไกลมากเกินนะครับ”
“งั้นเดี๋ยวถึงไทเปแวะช๊อปปิ้งงงง แหะๆ” ว่าละ เรื่องซื้อของยกให้นาง
   พนักงานพาเราสองคนมาพักผ่อนที่เล้าจน์ครับ ห่างจากประตูขึ้นเครื่องไม่มากนัก ก็สะดวกดี เดินเข้ามาในเล้าจน์ ส่งบอร์ดดิ้งพาส กับ บัตรทุกอย่างให้พนักงาน
“ท่านคะ...พอดีท่านมีบัตรทอง ดิฉันจะอัพเกรดห้องรับรองเป็นเฟิสคลาสให้นะคะ”
“หรือครับ พอดีไม่ได้ซื้อตั๋วชั้นหนึ่งไว้ไม่ผิดกฎหรือครับ” ผมถาม
“ไม่ผิดคะ เพราะเส้นทางที่บินจาก กทม ไป ไทเป มีแค่ชั้น Business Elite นะคะ เทียบเท่าชั้นหนึ่งคะ”
“ได้ครับๆ ขอบคุณครับ”
   พนักงานอีกชุดนึงเดินนำเราสองคนไปยังห้องพักที่ได้รับการอัพเกรด คนน้อยมากๆ มีความเป็นส่วนตัวสูงมาก มีเก้าอี้ปรับเบาะเอนนอนได้ เครื่องดื่ม ขนม อาหารคาว หวาน มีครบ ผมหันไปมองตัวขาว นางก็จ้องของกินแล้ว ของชอบเขาละ
“ท่านคะ เมนูบนโต๊ะเป็นอาหารพิเศษที่สามารถสั่งเพิ่มเติมได้นะคะ กดปุ่มด้านข้างโต๊ะเรียกพนักงานได้ สำหรับชั้นวางของด้านข้างจะเป็นอุปกรณ์สำหรับอาบน้ำ ห้องน้ำจะอยู่ด้านหลังขวา หรือถ้าหากอยากใช้บริการสปา เดินไปทางตรงข้ามอีกมุมห้องได้นะคะ”
“ได้ครับๆ ขอบคุณครับ”
“เมื่อเที่ยวบินทำการบอร์ดดิ้งจะมีเจ้าหน้าที่มาแจ้งให้ท่านทราบอีกครั้งนะคะ...ขอบพระคุณคะ” ยกมือไหว้งามมาก
“เป๊บๆ กินไรดีอะ”
“มีอะไรบ้างครับ”
“บะหมี่เกี๊ยวหมูแดง ข้าวหมูตุ๋น.....(ตัวขาวร่ายยาวอีกเพียบ)”
“ของเป๊บเอาบะหมี่หมูแดงครับ ที่เหลือที่รักสั่งเลยครับ”
   ตัวขาวกดเรียกพนักงาน สั่งเยอะแยะ เสร็จปุ๊บนางก็ไปตรงบาร์ของกินเครื่องดื่ม ขนมาอีกชุดใหญ่
“ที่รักเยอะไปมั้ยครับ”
“ไม่อะเป๊บ หยิบมาอย่างละชิ้นสองชิ้นเอง...น่ากินทั้งนั้นอะ”
“จะกินหมดนั่นไม่กลัวอ้วนหรือครับ” ผมแซว
“อ้วนแล้วไงอะ จะทิ้งหรือไง” ทำหน้าบูดใส่ผมอีกละ
“เปล่าครับ รักขนาดนี้ทิ้งได้ยังไง ว่าไปอวบๆ ก็ดีเหมือนกันนะ กอดอุ่นดี” ผมทำสายตาหื่นๆใส่
“พอๆ บ้ากามอีกละ ทะลึ่ง กลางสนามบินยังจะหื่น ลุงเบ๊อะ” แล้วนางก็ลุกขึ้นไปหยิบอีกสารพัด

ออฟไลน์ jonathan2624

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 839
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
ผมนั่งทานบะหมี่หมูแดง กับขนมนิดหน่อย ตัวขาวก็กินทุกอย่าง โยนเข้าปากหมด ผมนั่งมองแบบ เมียเรา Happy to Eat มาก สงสัยจะเก็บกด ฮ่าๆๆ
   ผมทานเสร็จนานแล้ว มองไปที่ตัวขาวนางเพิ่งอิ่ม กินเยอะมาก กินเสร็จนางก็ล้มตัวลงนอน
“อิ่มแล้วหรือครับ”
“อิ่มแล้วเป๊บ ง่วงแล้วด้วย” นางตอบยิ้มๆ
“ตอนนี้ราวๆ สี่โมงนิดๆ นอนพักก่อนก็ได้ครับ แล้วที่รักจะอาบน้ำมั้ย”
“เอ อาบดีมั้ยอะ”
“เป๊บว่าอาบสักหน่อยก็ดีนะครับ กว่าจะไปถึงแวนคูเวอร์หลายชั่วโมงอยู่ ถ้าไปอาบบนเครื่องบิน เป๊บว่าอาจจะไม่สะดวกนะครับ”
“ได้ๆ งั้นเป๊บไปอาบก่อนโลด เดี่ยวโจ้เฝ้ากระเป๋า” นางพูดเสร็จก็ล้มตัวลงนอนบนโซฟา
“ได้ครับๆ”
   ใช้เวลาอาบน้ำไม่นานนัก เสร็จเรียบร้อย เดินออกมาเห็นตัวขาวนอนหลับสนิทเชียว ถ้ามีขโมยเข้ามาค้นกระเป๋า คงหมดตัวก็คราวนี้
“ที่รักๆ ตื่นไปอาบน้ำครับ ตอนนี้จะห้าโมงแล้วนะ เดี๋ยวตกเครื่องครับ”
“อือ...ห้าโมงแล้วหรือเป๊บ ง่วงอะ ไม่อยากอาบเลยอะ”
“ถ้าไม่อาบละยาวเลยนะครับ หรือจะไปอาบบนเครื่องบิน”
“ไม่เอาอะ เคยอาบแล้วแปลกๆ แรงดันน้ำดูน่ากลัวยังไงไม่รู้”
“งั้นก็ไปอาบตอนนี้นะครับ เดี๋ยวไม่ทันเครื่องนะ”
“อะเครๆ”
   แล้วนางก็เดินเข้าห้องน้ำไป ผมก็นั่งอ่านหนังสือ เล่นมือถือไปเรื่อย สักพักตัวขาวเสร็จเรียบร้อย พนักงานมาตามพอดี
“ท่านคะ ตอนนี้เที่ยวบินที่จะไปไทเปกำลังเริ่มบอร์ดดิ้งแล้วคะ ยังไงถ้าสะดวกหรือพร้อมช่วงไหนแจ้งได้นะคะ จะมีเจ้าหน้าที่พาไปที่ประตูขึ้นเครื่อง”
“ได้ครับ ขอบคุณครับ”
“งั้นเก็บของเถอะเป๊บ รีบขึ้นเครื่องดีกว่า จะได้ไปทำความคุ้นเคยกับที่นั่งด้วย”
   เก็บของเสร็จเรียบร้อย เราสองคนก็เดินออกมาจากเล้าจน์โดยมีพนักงานเดินนำไปประตูทางขึ้นเครื่องซึ่งไม่ไกลมากครับ ทำการเช็คบอร์ดดิ้งพาส ก็เดินเข้ามาในเครื่องบิน ที่นั่งคู่แถวหน้าด้านซ้าย ตัวขาวนิ่งติดริมหน้าต่าง ผมก็นั่งติดทางเดิน
“ดีจังอะเป๊บ ได้แถวแรกเลยอะ ไม่มีแถวหน้ามาบังด้วย”
“นี่ถ้าจากไทเปไปแวนคูเวอร์ได้แถวแรกก็ดีนะครับ”
“ตะกี้ดูจากบอร์ดดิ้งพาส โจ้ว่าน่าจะแถวแรกๆ อะน้า เดี๋ยวยังไงค่อยดูอีกที”
   ไม่นานนักก็ลูกเรือเข้ามาถามครับ
“สวัสดีคะ คุณ xxx และคุณ xxx นะคะ ดิฉัน xxx เป็นไฟล์เมเนเจอร์รับผิดชอบในการดูแลเที่ยวบินนี้คะ” ลูกเรือมานั่งคุกเข่าข้างๆ
“ใช่ครับๆ พูดไทยคล่องจังอะครับ คนไทยหรือครับ” ตัวขาวถามยิ้มๆ
“คนไทยคะ ทำงานกับ EVA คะ ในกรณีที่มีผู้โดยสารตรงกับสัญชาติของลูกเรือ ทางบริษัทก็จะส่งมาดูแลเป็นพิเศษคะ”
“อ๋อ ดีครับๆ ขอบคุณนะครับ”
“รับเครื่องดื่ม welcome drink อะไรดีคะ”
“น้ำส้มก็ได้ครับ” ตัวขาวบอก
“ของผมน้ำแอปเปิ้ลครับ”
“ได้คะ สำหรับเครื่องดื่มอื่นๆ สามารถเพิ่มเติมได้หลังจากเครื่องบินไต่ระดับปกติแล้วนะคะ สักครู่จะนำเครื่องดื่มมาให้นะคะ”
“เป๊บแล้วนี่จากไทเปไปแวนคูเวอร์ ลูกเรือจะเป็นคนไทยป่าวอะ”
“ไม่ทราบเหมือนกันครับ แต่เป๊บว่าน่าจะนะ”
“คนไทยดีเลยอะ สื่อสารกันง่าย บางทีอยากขออะไรกินแปลกๆ พอคุยภาษาอังกฤษเขาก็ไม่เก็ทเท่าภาษาเราเองเนี่ย”
“จริงครับ เดี๋ยวเป๊บลองถามดูว่าจากไทเปเป็นลูกเรือคนไทยหรือเปล่า”
   ไม่นานนักลูกเรือนำเครื่องดื่มกับผ้าร้อนมาให้ เสร็จสรรพเรียบร้อย เครื่องทะยานขึ้นจากสุวรรณภูมิ มุ่งหน้าไปสนามบินนานาชาติเถาหยวน ไทเป ไต้หวัน กัปตันแจ้งว่าจะใช้เวลาทำการบิน 3.55 ชั่วโมงครับ
   ลูกเรือเริ่มเสริฟอาหาร ตัวขาวดูอร่อยมาก กินเยอะแยะไปหมด อาหารอร่อยดีครับ แต่มุมมองผมนะ การบินไทยดีกว่าเยอะ ดู premium กว่า เสียดายที่การบินไทยไม่มีเที่ยวบินที่สะดวกไปแวนคูเวอร์ ไม่งั้นเราสองคนเลือกการบินไทยมากกว่าครับ
   ลูกเรือที่รับผิดชอบเราสองคนดูแลดีมากๆ ผมก็มองไปรอบๆ เที่ยวบินนี้ชั้นธุรกิจเกือบเต็มครับ ดูเหมือนลูกเรือจะให้บริการตามที่ระบุมา ว่าไปก็บริการดีเหมือนกันนะเนี่ย
   กินอาหารเสร็จเรียบร้อย ตัวขาวก็ปรับเบาะนอนราบไปแล้ว ผมก็นอนอ่านหนังสือไปเรื่อยๆ จนได้ยินเสียงเข็มขัดแจ้งเตือน พร้อมกับประกาศว่ากำลังลดระดับลงสู่สนามบินนานาชาติเถาหยวน ผมปลุกตัวขาวพร้อมปรับเบาะ นางก็ตื่นแบบงัวเงีย
“หลับสบายมากเลยอะเป๊บ แล้วนี่เป๊บไม่นอนหรือ”
“นอนอ่านหนังสือไปเรื่อยครับ พอกำลังจะหลับก็ลดระดับนี่แหละ”
“กว่าจะถึงแวนคูเวอร์อีกตั้ง 10 กว่าชั่วโมง บินไกลเลยอะ”
“แล้วที่รักเมื่อยมั้ยครับนี่”
“ไม่อะเป๊บ สบายๆ แอบนึกชั้นอีโคอะ ไม่ได้นอนราบ เมื่อยแย่”
“เป๊บก็คิดงั้นเหมือนกัน”
   เครื่องบินแตะรันเวย์เรียบร้อย แท็กซี่เวย์เทียบประตูขึ้นเครื่อง สัญญานแจ้งเข็มขัดดับ ผมกับตัวขาวก็ลุกขึ้นหยิบกระเป๋าสัมภาระบนเคบิน ลูกเรือที่ดูแลเดินมาประกบ
“ท่านคะ เดินเข้าตัวอาคารจะมีพนักงานภาคพื้นถือป้ายรอนำพาไปขึ้นเครื่องไปยังแวนคูเวอร์นะคะ”
“ครับขอบคุณครับ เอ่อ  เที่ยวบินไปแวนคูเวอร์ลูกเรือจะเป็นคนไทยมั้ยครับ”
“ไม่แน่ใจเหมือนกันนะคะ แต่เท่าที่ทราบหากมีลูกเรือสแตนบายจะเป็นคนไทยเหมือนกันนะคะ”
“อ่อครับ ขอบคุณมากนะครับที่ดูแลอย่างดี”
“ด้วยความยินดีนะคะ ขอบพระคุณมากที่ใช้บริการ EVA นะคะ” นางไหว้งามมาก
   เราสองคนเดินเข้ามาตัวอาคาร เจอพนักงานชูป้าย Mr.xxx และ Mr.xxx From Thailand Transit / Transfer to Vancouver เลยเดินเข้าไปหา พนักงานเป็นชาวไต้หวัน ทักทายเป็นภาษาอังกฤษ นำเราเดินไปยังเล้าจน์ที่ใกล้กับประตูขึ้นเครื่องไปแวนคูเวอร์ พนักงานแจ้งว่า อีกประมาณ 1 ชั่วโมงน่าจะทำการบอร์ดดิ้ง จะมาแจ้งเราอีกครั้ง ผมก็ขอบคุณไป ตัวขาวก็เริ่มเดินหาของกินอีก
“ที่รัก หิวหรือครับ”
“ไม่อะ แต่ไปดูเผื่อมีไรแปลกๆ ที่ไทยไม่มีอะ” นางยิ้มน่ารักเชียว ว่าไปช่วงนี้เมียผมเริ่มอวบนะเนี่ย ฮ่าๆๆ
“แล้วเจออะไรมั้ยครับ”
“เหมือนจะมีนะ เป๊บเอาไรป่าว เครื่องดื่มงี้”
“น้ำเปล่าก็ได้ครับ ที่เหลือที่รักจัดการเองเลย”
“อะเครๆ” แล้วนางก็ไปหยิบอะไรมามากมาย กินหมดหรือนั่น
“ที่รักแจ้งฉัตรยังครับ” ผมถามระหว่างที่นางโยนขนมเข้าปาก
“เออลืมเลยอะ เดี๋ยวแชทไปบอกก่อน” นางหยิบมือถือมาต่อวายฟาย แล้วแชทไปบอกฉัตร
“ฉัตรโอเคอะเป๊บ ตอนนี้ฉัตรกำลังจะบินไปแวนคูเวอร์ จะถึงก่อนเราสองชั่วโมงอะ”
“อ่อครับๆ” ตัวขาวก็กินขนมต่อ กดแชทคิกคักไปตามประสา
“ที่รักไม่ช๊อปปิ้งหรือครับ”
“ขากลับก็ได้อะเป๊บ ช๊อปตอนนี้รุงรังป่าวๆ อะ”
“ดีเหมือนกันครับ”
“ใช่ๆ อย่าได้กังวลเลยอะเป๊บ เตรียมกังวลขากลับตอนช๊อปดีกว่า เอาบัตรมาให้รูดด้วยอะ”
“หา อะไรนะครับ แล้วบัตรที่รัก”
“โอ้ย ใครเขาใช้บัตรตัวเองกัน บัตรผัวแหละดี สบายๆ ฮ่าๆๆๆ” เรื่องความงกเนี่ยเมียผมที่หนึ่ง วงเงินเต็มแน่เลยครับ เฮ้อออออ
   ไม่นานนักพนักงานมาแจ้งว่าทำการบอร์ดดิ้งแล้ว เราสองคนก็เตรียมตัวเรียบร้อย พนักงานเดินนำมาที่ประตูขึ้นเครื่อง นั่งเรียบร้อย
“คราวนี้ซัดยาวเลยอะเป๊บ กว่าจะถึง” ตัวขาวบ่นๆ
“สิบกว่าชั่วโมงละครับ หลับไปตื่นไปกินไปเดี๋ยวก็ถึง”
“ว่าโจ้กินมากละซิ” ตัวขาวมองเหล่ๆ
“เปล่าครับ ไม่ได้ว่านะ”
“ชิ ประโยคก็บอกว่าโจ้กินมาก งอลลลลล” อ้าวซวยอีก
“โอ๋ๆ อย่างอนน้า เป๊บไม่ได้ว่านะครับ ดีกันๆ” ผมโน้มตัวไปคลอเคลียร์ตัวขาว ต้องรีบง้อ เดี๋ยวยาว
“พอแล้วๆ จั๊กกะจี้ ไม่งอนๆแล้ว” นางดิ้นหัวเราะไปมา
“สวัสดีคะ ขออนุญาตนะคะ คุณ xxx และคุณ xxx นะคะ”
“ใช่ครับ”
“ดิฉัน xxx รับหน้าที่ดูแลทั้งสองท่านในเที่ยวบินนี้นะคะ....เครื่องดื่มรับเป็นอะไรดีคะ”
“ขอน้ำเปล่าครับ” ตัวขาวบอก
“เหมือนกันครับ”
“ได้คะ สักครู่จะนำมาให้นะคะ” ลูกเรือก็เดินไป
“นี่เป๊บ เค้าจะเห็นตะกี้มั้ยอะ”
“เอ อาจจะมั้งครับ แต่ไม่เป็นไรมั้ง ผัวเมียกัน” ผมตอบยิ้มๆ
“นี่ๆ ประเจิดประเจ้อไปอายเขา”
“อายอะไรครับ คนรักกัน สวีทกันเป็นธรรมดา นี่ถ้าไม่เกรงใจ จะปล้ำโชว์เลย”
“บ้าแล้วววววววว ได้ลงยูทูปดังไปทั้งโลกอะ” ตัวขาวแอบเสียงดัง คนอื่นหันมามองเลย ฮ่าๆๆ
“อย่าดังไปครับที่รัก เดี๋ยวเขารู้กันหมด ฮ่าๆๆๆ”
“ดังเพราะใครละ ตาลุงหื่นบ้ากาม เชอะ” แหย่เมียตัวเองสนุกดี
   เครื่องบินทะยานออกจากสนามบินเถาหยวนมุ่งสู่แวนคูเวอร์ กัปตันประกาศว่าจะบินที่ระดับความสูงสี่หมื่นฟุต ความเร็ว 1,041 กม ต่อชั่วโมง ใช้เวลาในการบินประมาณ 10.40 ชั่วโมง และแนะนำให้คาดเข็มขัดตลอดการเดินทาง เพราะอาจจะเจอสภาพอากาศแปรปรวนระหว่างการเดินทาง เพื่อความไม่ประมาทก็คาดเข็มขัดยาวซะเลย
   เสริฟอาหารชุดใหญ่ ตัวขาวซัดเรียบ ส่วนผมก็กินบ้างป้องกันไม่ให้หิวมากครับ เสร็จเรียบร้อย ปรับเบาะนอนเอนราบ ตัวขาวนางนอนหลับกรนเบาๆ ไปละ ผมนอนอ่านหนังสือได้สักพัก ก็ดูหน้าจอมอนิเตอร์ อีกประมาณ 7 ชั่วโมงถึงแวนคูเวอร์ ก็เลยนอนจับมือตัวขาว หลับยาวไปเหมือนกัน มารู้สึกตัวอีกที ลูกเรือเปิดไฟสลัวๆ และแจ้งว่าอีกประมาณ 2 ชั่วโมงจะถึงแวนคูเวอร์ ทำการเสริฟอาหารอีกรอบนึง ได้รับผ้าร้อนมาเช็ดหน้า ทานอาหารเสร็จ เราสองคนก็ไปเข้าห้องน้ำ ล้างหน้า แปรงฟันไปตามประสา จนกระทั่งเสร็จเรียบร้อย ผมมองดูหน้าจออีก 45 นาทีจะถึง สัญญานเตือนเข็มขัดดังขึ้น เครื่องกำลังลดระดับลงสู่สนามบินแวนคูเวอร์
“นอนหลับปะอะเป๊บ”
“ก็สนิทครับ แต่มีรู้สึกตัวบ้างตอนเครื่องสั่นๆ โจ้ละ”
“เหมือนกันอะเป๊บ เนี่ยเหมือนจะเจ็ทแล๊ก ไปนอนที่โรงแรมสบายกว่า”
“แล้วก่อนเข้าโรงแรมจะกินอะไรอีกมั้ย”
“ไม่หิวอะนะ แต่รอดูฉัตรก่อนว่าจะยังไงบ้าง”
“ครับ เดี๋ยวพอเข้าอาคารที่รักโทรหาฉัตรเลยนะ”
“ได้ๆ”
   เครื่องแตะลงรันเวย์อย่างนุ่มนวล เทียบเกทเรียบร้อย ลูกเรือเดินมาแจ้งว่าให้เข้าช่องตรวจพิเศษ จะมีเจ้าหน้าที่ขับรถกอล์ฟไปส่ง เราสองคนก็ขอบคุณ เข้ามาในอาคารตัวขาวกำลังโทรหาฉัตร
“ถึงแล้วฉัตร กำลังรอตรวจพาสปอร์ตอะ”
“เออกรูมารอแล้ว เมิงเข้ามาในอาคาร เดินมาตามป้ายรถแท็กซี่เข้าเมือง กรูนั่งคอยแถวนี้”
“อะเครได้ๆ เจอกันๆ”
   เราสองคนผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อย มีเจ้าหน้าที่มาหยิบกระเป่ารอที่สายพานให้แล้ว รับกระเป๋าเสร็จก็เดินออกมาตามป้ายทางที่ฉัตรบอก
“สนามบินไม่ใหญ่มากนะเป๊บ กลางๆ”
“คงเหมือนๆ ไปเชียงใหม่ หาดใหญ่อะไรแบบนั้นมากกว่านะครับ”
“เนอะ แต่ใหญ่กว่าสนามบินต่างจังหวัดเรามากนะแหละ”
“ใช่ครับ...ที่รักนั่นฉัตรหรือเปล่า” ผมชี้ให้ตัวขาวดู
“ใช่ๆ ฉัตรจริงด้วย.....ฉัตรรรรร” ตัวขาวทิ้งรถเข็นรีบเดินไปหาฉัตร สองคนสวมกอดกริ๊ดกร๊าดกันใหญ่ๆ
“โอ้ยยยยอีหอยยยยย คิดถึงเมิงเนี่ย ไม่ได้เจอตั้งนานนนนนน อีห่าหน้ายังเด็กนะเมิง”
“นิดนึงงงงงง อีนี่เมิงก็ไม่ได้แก่ซะหน่อย สวยเหมือนเดิม”
“เป็นไงอีเป๊บ ไม่ได้เจอกันนาน หล่อลากเหมือนเดิมนะเมิงอะ” ฉัตรแซวผม
“หล่ออะไร แก่แล้ว”
“หรืออออออออ กรูเห็นเดินมาชะนีเหลียวหลังมองเมิงเป็นเกลียวววววว”
“ชะนีไหนอะ เดี๋ยวกรูไปตบบบบ มามองผัวกรูอะ” อ้าวตัวขาวเล่นด้วยซะงั้น
“โถอีสดดดดดด เก็บชีวิตรอดให้กลับไทยเถอะยะ มาหวงผัวเอาที่นี่ อีห่า”
“ฮ่าๆๆๆๆ” ไม่ได้เจอกันนาน ฉัตรยังฮาเสมอ
“เออลืมแนะนำ....นี่น้องภพกับน้องแนน ไกด์กิตติมศักดิ์จะมาดูแลพวกเมิงในทริปนี้”
“สวัสดีครับ คะ” น้องภพกับน้องแนนยกมือไหว้ เราสองคนรับไหว้
“หล่อๆ ขาว ซิกแพค ปากชมพูคนเนี้ย ชื่อเป๊บ ขาวๆ ปากแดง น่ารักแบบแรดๆ เนี่ย ชื่อโจ้ แต่พี่จะเรียกอีโจ้ อีนั่นนี่ อย่าได้สนใจ...สองตัวเนี่ยผัวเมียกัน ถ้ามันสวีทอย่าช๊อก” ฉัตรแนะนำซะแบบหมดความนับถือซะงั้น
“ถ้าเมิงจะแนะนำขนาดนั้น ตบกรูเหอะ” ตัวขาวบ่น
“อ้าวอีนี่ อธิบายชัดๆ น้องเขาจะได้ไม่งง จำแม่นงี้”
“เร้ออออออออ” ตัวขาวลากเสียง
“ฮ่าๆๆ สบายมากคะพี่ฉัตร ยินดีบริการพี่โจ้ พี่เป๊บนะคะ” น้องแนนยิ้มอัธยาศัยดี
“รบกวนด้วยนะครับ พาพี่เที่ยวด้วยน้า” ตัวขาวบอกยิ้มๆ
“สบายมากคะ”
“งั้นเดี๋ยวผมไปเอารถมาเทียบประตูนะครับ” น้องภพเดินกึ่งวิ่งไปเอารถ
พวกเราทั้งหมดก็เดินมารอที่หน้าอาคารผู้โดยสารขาเข้า ไม่นานนัก รถตู้คล้ายๆ อัลพาร์ดสีดำ มาเทียบตรงจุดที่เรายืน นำกระเป๋าเก็บเรียบร้อย ก็เดินทางออกจากสนามบิน
“มาถึงก็มืดละอะฉัตร เมืองน่าจะสวยนะ” ตัวขาวถาม
“ก็เหมาะสมกับความเป็นแวนคูเวอร์ อะเมิง แล้วนี่จะแดกไรก่อนปะ”
“เอาตรงๆ ไม่หิวอะ เมิงละ”
“กรูมาถึงก่อนเมิงราวๆ สองชั่วโมง แดกเรียบร้อยละ ที่นี่บ้านเมืองเงียบ เวลานี้ถ้าจะหาไรกินก็ยากนิดนึงวะ”
“งั้นเข้าที่พักก็ได้เนอะ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันอะ”
“พักที่ไหนวะฉัตร” ผมถาม
“โรงแรม SheratonVancouverWallCentre กรูเห็นว่ามันใกล้กับที่เมิงประชุม โรงแรมก็สบายมาก สะดวกดี เลยจองให้ยาวจนเมิงกลับ”
“เออๆขอบใจมาก”
“พรุ่งนี้เที่ยวไหนอะเมิง” ตัวขาวถามฉัตร
“ถามไก้ด์โน้นมาถามไรกรู”
“พรุ่งนี้จะพาพี่ทั้งสองไปเมืองวิสเลอร์นะคะ หลังจากทานอาหารเที่ยงเสร็จ จะพาขึ้นกระเช้าไปชมหิมะ เล่นสกี และก็ชื่นชมธรรมชาตินะคะ อย่าลืมเอาเสื้อโค้ทหนาๆ ไปด้วยนะคะ อากาศติดลบหนึ่งองศา”
“โหวววว เย็นจัดเลยอะ” ตัวขาวบ่นใหญ่
“จะให้ร้อนเหมือนทะเลทรายหรือไงยะอีหอย แล้วเอาเสื้อมาปะ ถ้าลืมกรูตบ”
“ฮ่าๆๆ เอามาๆ เมิงนี่สายโหดนะ ผัวเมิงไม่ถีบบ้างเรอะ”
“จะกล้าเรอะ ของแปลกแบบกรูหาได้ที่ไหน ทุกวันนี้แทบกราบตีนกรูละ ฮ่าๆๆ”
“แรงอะ”
   เดินทางมาถึงโรงแรมเรียบร้อย พนักงานรีบมายกกระเป๋าลง เดินเข้าโรงแรม หรูหราดีสมกับความเป็นเชอราตัน
“อะเมิงคีย์การ์ดห้อง กรูมาเช็คอินให้เรียบร้อยแล้ว อะแล้วนี่มือถือคนละเครื่อง พร้อมใช้งานได้ตลอด เบอร์น้องภพกับน้องแนน และเบอร์กรูเซฟไว้ละ เมิงมีอะไรก็โทรหาได้ตลอด”
   ฉัตรส่งไอโฟนมาให้ผมกับตัวขาวคนละเครื่อง ตกใจเหมือนกัน
“เอ้ยฉัตร ใช้มือถือส่วนตัวก็ได้ เปิดโรมมิ่งมาละ”
“ไม่ต้อง รับสายโทรเข้าออกแพงตายห่า ใช้ที่กรูเตรียมให้ประหยัดกว่าเยอะ สะดวกกว่าด้วย”
“เอางั้นหรือ เออขอบใจๆ”
“เออแยกย้ายกันพักผ่อน พรุ่งนี้ล้อหมุนกี่โมงน้องแนน” ฉัตรหันไปถามน้องแนน
“ถ้าล้อหมุนได้แปดโมงครึ่งจะดีมากเลยคะ มีเวลาแวะตามรายทางได้ด้วย”
“โอเคๆ พวกเมิงเจอกันที่ห้องอาหารเช้าขวามือเจ็ดโมงครึ่งนะ แปดครึ่งไปเที่ยว”
“ได้ๆ งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะ” ตัวขาวล่ำลา
   ต่างคนต่างแยกย้ายไปตามห้องพักของตัวเอง มาถึงห้องเอาคีการ์ดแตะประตู เปิดเข้าไปเอาคีการ์ดเสียบ ไฟติดทั้งห้อง
“เป๊บห้องใหญ่มากอะ ห้องนอนแยก ห้องน้ำ ห้องดูทีวี อลังการมากอะ”
“ใช่ครับ สบายกันเลยทีเดียว น่าจะแพงเอาการอยู่นะครับ”
“โจ้ก็ว่าอะ เอาบิลไปเบิกพี่ปริมหมดตัวแน่ ฮ่าๆๆ”
“ใช่ๆ ฮ่าๆๆ” ผมก็คิดนะ พี่ปริมคงช๊อก
   นำเสื้อผ้าออกจากกระเป๋ามาใส่ตู้เสื้อผ้า จัดการครีมสารพัด ลงตัวทุกอย่าง
“ที่รักจะอาบน้ำก่อนป่าวครับ”
“เป๊บอาบก่อนก็ได้ เดี๋ยวโจ้ทาครีมล้างหน้าแป๊บนึงคับ”
“ได้ครับๆ”
   ห้องน้ำใหญ่มาก หรูหรามาก ผมมองไปที่อ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ พลางคิดในใจ นอนแช่ได้สองคนเลยนะเนี่ย พรุ่งนี้ชวนตัวขาวมาแช่น้ำด้วยกันดีกว่า
   อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ชุดนอนผมจะเป็นเสื้อกล้ามกับกางเกงบ๊อกเซอร์ตัวเล็กๆ ครับ ด้วยเหตุที่เป็นคนร้อนง่ายมาก ถ้าใส่ชุดนอนเต็มตัว ไม่ไหวครับ พอมาถึงแวนคูเวอร์คิดผิด เพราะอากาศเย็นมาก ดันไมได้เอาชุดนอนเต็มตัวมา แต่ไม่เป็นไรผ้าห่มหนาอยู่ อุ่นสบายแน่นอน
“ที่รักอาบได้เลยครับ เป๊บเสร็จแล้ว”
“ได้ๆ เป๊บจะนอนก่อนเลยป่าว”
“อาจจะครับ ถ้าหลับก่อนไม่ว่ากันนะ”
“ตามสบายเลย พักเถอะๆ”
   ผมล้มตัวลงนอนเตียงขนาดใหญ่ นุ่มสบายมากแบบบอกไม่ถูกเลยครับ เลยทำให้หลับอย่างรวดเร็วมาก คือ หลับสนิทจริงๆ
   คือผมหลับสนิทมาก จนมารู้สึกตัวอีกที เหมือนมีอะไรบางอย่างมายุ่งกับน้องชายผม  ผีหรือ ไม่ใช่แน่ มีคนเดียวแหละ เมียสุดที่รัก ผมหรี่ตามอง ตัวขาวกำลังเอามือมาจับเล่นน้องชายผมอยู่ พอรู้สึกตัว ไอ้เจ้าน้องชายมันก็มีปฎิกิริยาซิครับ ตัวขาวคงรู้ว่าผมตื่นแล้วแน่ รีบเอามือปล่อยทันที


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ jonathan2624

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 839
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
“ปล่อยทำไมครับ”
“ไม่เอาอะจะนอนแล้ว” นางก็หันไปอีกข้าง นอนงุดๆ คงเขิน
“อ้าว แบบนี้เป๊บก็ค้างนะครับ เริ่มแล้วต้องทำให้จบ” ผมหันตัวไปกอด พร้อมกระซิบข้างหู
“นอนๆ อย่ามาหื่นอะไรตอนนี้ลุง พรุ่งนี้ตื่นเช้า” อ้าวมาว่าเราหื่น แต่ตัวเองเริ่มก่อนนะนั่น
“เอ...แต่คนเริ่มไม่ใช่เป๊บนี่น่า” ได้ผลตัวขาวหันมาจะด่าผม เลยจัดการเอาปากประกบ
“จะว่าโจ้หะ....อุ๊บบบบบส์” เป็นไงละ โดนเทคนิคเล้าโลมซะ เงียบเลย ฮ่าๆๆ
“ปะ...เป๊บ....พอ...ก่อน...” จูบนานไปหน่อย นางหอบ
“อ้าว แค่นี้ก็หอบแล้วหรือครับ แก่แล้วนะนี่” ผมแซว
   ปรามาสไม่ทันจบ ตัวขาวเริ่มเกมส์ต่อ น้องชายผมเข้าไปอยู่ในปากนุ่มๆ ของตัวขาว มาทางนี้ ผมยอมแพ้ครับ เสียวมากๆๆ
“พะ..พอ...ก่อน....อ๊ะ.....” เขื่อนแตกเรียบร้อย
“เป็นไงละ ปากดีนักนะผัว โดนซะมั่ง หมดฤทธิ์ ฮ่าๆ” มีเยาะเย้ยด้วยครับ ใครบอกว่าหมดฤทธิ์
“เป๊บยังไม่ได้บอกว่าหมดฤทธิ์ซะหน่อยนี่ครับ มาเริ่มของจริงกันดีกว่า” เพื่อป้องกันที่นอนเลอะเทอะ เลยอุ้มตัวขาวไปจัดที่โซฟา
“หา...เอ้ย..เดี๋ยวๆ...ใจเย็นๆ...อื้อออออ”
   จัดไปอีกสองชุดใหญ่ เป็นไงละเมียสุดที่รัก ปรามาสสามีแบบนี้ไม่ได้นะคร้าบบบบ
   ลืมตามาอีกที ได้ยินเสียงตัวขาวอาบน้ำ ผมก็นอนหลับตาเล่นรอไปเรื่อย จนนางอาบน้ำเสร็จ ก็มาปลุกผม
“เป๊บๆ ตื่นได้แล้ว เช้าแล้ว เดี๋ยวฉัตรด่าเอา” ตัวขาวมาเขย่าตัวผมแรงๆ
“ยังง่วงอยู่เลย มากอดหน่อยนะเมียจ๋า” ผมรั้งตัวขาวมากอด
“ไม่เอาอะ ตื่นๆ สกปรก ไปอาบน้ำๆ” นางดิ้นใหญ่ มาว่าเราสกปรก เมื่อคืนไม่เห็นจะว่าอะไร
“แล้วนี่กี่โมงแล้วครับ”
“เจ็ดโมงแล้ว เร็วๆ เลยอะ เดี๋ยวไปกินอาหารเช้าอีก เดี๋ยวโจ้เตรียมชุดใส่ให้”
“คร้าบบบบ”
   อาบน้ำเสร็จ ผมเห็นตัวขาวแต่งตัวเสร็จแล้ว เสื้อคอวีสีฟ้า กางเกงยีนส์สีขาว ใส่แว่นดำ ในสายตาผมนะ น่ารักมากๆ อยากจะฟัดอีกรอบ
“มองไรอะไม่เคยเห็นคนน่ารักเรอะไง” นั่นถามกวน
“น่ารักเท่าคนตรงหน้านี้ไม่เคยครับ เลยมองนานหน่อย”
“พอๆ ไม่ต้องมาหวานใส่ผัวเพี้ยน ไปแต่งตัว แล้วนี่จะเอาเสื้อโค๊ทตัวไหน”
“ตัวไหนก็ได้ครับ ที่รักเลือกให้เป๊บเลย”
“เร็วๆ นะ ไปคอยที่ห้องนั่งเล่นอะ”
   ผมรีบแต่งตัว เซ็ทเสื้อผ้าหน้าผมเรียบร้อย เสร็จสรรพทุกอย่าง เราสองคนก็ลงลิฟท์มาที่ล๊อบบี้ไปห้องอาหาร ระหว่างลงมา เจอพนักงานของโรงแรม ทักทายเป็นมิตร มีแซวด้วยว่าหล่อมากมาย เราสองคนก็ทักทายกลับตามปกติครับ มาถึงห้องอาหาร เจอฉัตรนั่งกินอยู่ก่อนแล้ว
“กว่าจะเสด็จลงมา นานนะคะ นี่มันกี่โมงกี่ยาม” ฉัตรเริ่มก่อนเลย
“เจ็ดสี่สิบห้าเอง” ตัวขาวตอบยิ้มๆ
“ยะ...รีบไปหาไรแดก....นอนหลับสบายมั้ยคะ ผัวเพื่อน” ฉัตรหันมาทักผม
“สบายมาก เตียงนุ่ม อุ่นสบาย”
“นั่นซิคะ อิชั้นก็ว่าอุ่นนุ่มสบาย จนอีหอยมีรอยจ้ำๆ ที่คออย่างชัดเจนคร่า” ฉัตรแซวหนัก
   ตัวขาวสะดุ้ง พร้อมเอามือจับที่คอ
“บ้า จริงอะ โหวววว” แล้วนางก็รีบเดินไปห้องน้ำ ท่ามกลางเสียงหัวเราะของผมและฉัตร
   ผมก็เดินมาตักอาหาร ดูน่ากินมากครับ แต่ผมบอกเลยนะ ต่างบ้านต่างเมืองแบบนี้ ความน่ากินของอาหาร หรือ ความหลากหลายสู้เมืองไทยของเราไม่ได้ครับ ระหว่างกำลังตักอาหาร เห็นตัวขาวเดินหน้างุดๆ มา
“เป็นอะไรครับ”
“รอยแดง ชิ บอกแล้วทำเบาๆ อะ อายเลยมั้ยอะ”
“ดึงเสื้อมาปิดก็ได้ครับที่รัก คอเป๊บก็แดงนะ เป๊บยังไม่อายเลย” ผมตอบยิ้มๆ ช่วยไมได้นี่ครับ เริ่มก่อนเองนี่น่า จะมาโทษกันได้ยังไงละ
“เชอะ คราวหลังไม่ต้องสร้างรอยเลยนะ รู้งี้ใส่เสื้อคอปกมาก็ดีอะ”
“ตอนเช้าอาบน้ำไม่ได้สังเกตคอหรือครับ”
“ไฟห้องน้ำมันอมสีส้มไงเป๊บ เลยไม่ได้สนใจ แหมปกติกุ๊กกิ๊กกันมันไม่มีรอยนี่” นางบ่น
“ก็เมื่อคืน เป็นคืนพิเศษไงครับ มาสร้างรอยที่ต่างประเทศ เป๊บว่ามันเร้าอารมณ์ดี” ผมทำหน้าหื่นใส่นาง
“พอๆ ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้น รีบๆตักรีบกิน”
   ตักเสร็จก็มานั่งกับฉัตรคุยกันไปเรื่อยๆ
“เออนี่แล้วน้องแนน น้องภพละ” ตัวขาวถามฉัตร
“กินเสร็จก่อนกรูอีก เห็นว่าออกไปรอที่รถกับประสานงานอะไรสักอย่าง กรูเลยบอกว่าแปดครึ่งเจอกันที่รถ”
“โอเคๆ งั้นรีบกินโลด”
   เราสองคนรีบกินจนเสร็จเรียบร้อย ก็เดินมาหน้าโรงแรม เห็นรถจอดรออยู่แล้ว เริ่มต้นเดินทาง
“มอร์นิ่งคะ ครับ พี่ หลับสบายมั้ยคะ”
“ดีมากๆ เลยอะ หลับสนิทมาก”
“ดีคะจะได้สดชื่นนะคะ ระหว่างเดินทางวิวสองข้างทางจะสวยงามมาก อยากให้พี่ๆ ได้ชมวิวนะคะ การงีบหลับจะเสียโอกาสชมวิวสวยๆมาก”
“ได้ๆ จะพยายามไม่หลับนะ แล้วนี่จะไปเที่ยวไหนอะ” ตัวขาวถาม
“วันนี้ไปเมืองวิสเลอร์นะคะ เป็นเมืองที่สวยมาก อยู่ท่ามกลางหุบเขา แต่ประเด็นคือ เราต้องจอดรถไว้ด้านล่าง แล้วเดินด้วยเท้าขึ้นไปหมู่บ้านแล้วนั่งกระเช้าขึ้นไปบนภูเขาเพื่อชมความงามพร้อมกับเล่นหิมะนะคะ”
“ใช้เวลาเดินทางนานมั้ยอะ”
“ประมาณ 2- 2.30 ชม นะคะ ยังไงถึงวิสเลอร์วิลเลจ หนูจะนำพี่ลงไปถ่ายรูปกับ Olympic sign whistler นะคะ ระหว่างนี้ชมวิวสวยๆไปก่อนนะคะ”
   ระหว่างการเดินทาง ผมกับตัวขาวก็มองวิวสองข้างทาง ท้องฟ้าสีครามตัดกับต้นไม้เขียวขจี ท่ามกลางอากาศราวๆ 10 – 15 องศา หากถ้ามองไปยังทิวทัศน์ภูเขาก็จะสีขาวโพลน ดูแล้วสบายตาไปอีกรูปแบบนึง ตัวขาวตื่นเต้นกว่าใคร หยิบมือถือมาถ่ายรูปพร้อมกับเซลฟี่ผมกับฉัตรเป็นระยะ
“เป๊บวิวสวยเนอะ”
“มากครับ สบายตาดี”
“วิวสวยเนอะฉัตร”
“เออ”
“ทำไมดูไม่ตื่นเต้นอะ” ตัวขาวถาม
“กรูมาหลายครั้งแล้ว เวลาผัวมาทำงานก็ตามมาบ้างงี้”
“อ๋อ มิน่า เมิงเลยดูคล่อง”
“เออดิ ติดที่ว่าไม่ได้ขับรถเองนี่แหละ เลยจำทางไม่แม่น ต้องพึ่งน้องเขา”
“ดีแล้วแหละ ถ้าเมิงขับกรูหลอน” ผมก็อมยิ้มด้วย นึกถึงสิบกว่าปีก่อน สมัยเรียนด้วยกัน ฉัตรขับรถเร็วมาก นางซิ่งตลอด จนพวกเราไม่ค่อยให้นางขับ
“เรอะ ไม่ต้องพูดมาก ดูดดื่มวิวไปยะ”
“คร่า คุณนายขา”
   ดูวิวเพลินๆ แป๊บเดียว น้องเขาก็แจ้งว่า
“ใกล้ถึงแล้วนะคะ เดี๋ยวจะแวะให้เข้าห้องน้ำนะคะ ข้างๆ มีร้านจำหน่ายพวกของที่ระลึก พี่ๆ ไปชมได้นะคะ”
“ดีงามอะ ไปกันเถอะ” ตัวขาวลากผมกับฉัตร
   เข้าห้องน้ำเสร็จเรียบร้อย เราสามคนก็เดินมาที่ร้านของที่ระลึก เห็นตัวขาวร่าเริง แต่ที่น่าสะพรึงคือ นางกวาดของลงตะกร้า พวกพวงกุญแจ แม๊กเน็ต ของชิ้นเล็กชิ้นน้อย ผมเริ่มรู้สึกแปลก และก็คิดไม่ผิดจริงๆ
“เป๊บๆ ส่งมาๆ” นางแบมือขอพร้อมยิ้มน่ารัก
“อะไรหรือครับ” ผมทำเนียน
“บัตรไง อย่าเนียนอะ เอามาอะเป๊บ”
“แล้วซื้อทำไมเยอะแยะขนาดนั้นครับ” ต่อรองกะว่าให้นางเอาออกจากตะกร้าไปบ้าง
“ก็ฝากลูกน้องงี้ สะสมบ้างงี้ เอาบัตรมาอย่าบ่นอะลุง”
   ผมทำท่าอิดออด จะบ่นว่าบัตรตัวเองละ ทำไมไม่ใช้
“ไม่ต้องมาอิดออด บัตรตัวเองไม่ใช้มีปัญหามะอะ เอาบัตรมาผัว ด่วน” นั่นมีสั่ง หึ หึ มีหรือที่ผม...จะกล้าปฏิเสธ ส่งให้อย่างว่าง่าย
“ส่งให้แต่แรกก็หมดเรื่อง ทำหวง ชิ” นางมีแขวะ
   เพื่อเมีย กลับไปค่อยทำงานใช้หนี้ ฮือๆ
“price total 398 Dollars , Thank you” ผมสะดุ้ง ไม่อยากคูณ
“นี่ร้านแรกนะเมิง ซัดไปหมื่นละ ฮ่าๆๆ” ฉัตรแซวผม
“กลับไปใช้หนี้บานแน่กรู เมิงดูดิ เมียกรูเนี่ย ร่าเริงมาก รูดหนักแน่”
“กรูรู้ถึงสันดานมันเมียเมิงเลยแหละ เอาน่าเมิง เงินทองของนอกกาย ไม่ตายหาใหม่ แต่เมิงหาเมียดีๆ แบบมันไม่ได้นนะเว้ย” ฉัตรปลอบผม
“จริงของเมิง”
“เสร็จแล้ววววว ไปกันเถอะ อะผัวถือ” ตัวขาวส่งถุงมาให้ผม นางก็เดินไปควงฉัตร
   ร่าเริงจริงนะ เดี๋ยวคืนนี้จัดหนักเลยคอยดู ผมกระหยิ่มในใจ
“ทำหน้าแบบนั้น คิดไรอะ” เมียผมสายตาดีมาก ยังเห็นอีกนะนั่น
“เปล่าครับ”
“อย่าได้คิดอะ อดๆๆๆ” นางแขวะซ้ำ
“ตอนเมิงรูดบัตรคิดถึง Investment Rate Return กับ Payback Period ด้วยนะ ระวังนะเมิง จุดคุ้มทุนมันสูง อย่ารูดเยอะ ฮ่าๆๆ” ฉัตรแขวะแทนผม ตัวขาวทำหน้าเหวอ ฮ่าๆๆ
“เฮ้ย ฉัตร พูดถูกใจกรูว่า คืนนี้มีการคำนวณ IRR กับ Payback Period ให้หนำใจเลย” ผมพูดทำหน้าหื่นใส่ตัวขาว นางสะบัดหน้าใส่
   เดินทางกันอีกไม่นานก็แวะถ่ายรูปกับ Olympic sign whistler แอคติ้งกันหลายภาพเรียบร้อย ก็เดินทางต่อไปยังเมืองวิสเลอร์
“พี่ๆ คะ เดี๋ยวเราจะแวะทานอาหารเที่ยงที่ภัตตาคารอาหารจีนนะคะ เพราะถ้าไม่ทานก่อน ขึ้นไปข้างบนอาจจะหิวได้ แถมอาหารไม่อร่อยด้วยคะ”
“ดีนะๆ พี่เบื่ออาหารฝรั่งแล้ว กินอาหารจีนบ้างก็โอเค” ตัวขาวเปรยขึ้นมา
   อาหารจีนก็ใช้ได้ครับ ส่วนมากจะออกแนวมันๆ เลี่ยนๆ แต่ถ้าเทียบกับอาหารของประเทศแคนาดาแล้ว อาหารจีนอร่อยกว่ามาก ทานอาหารเสร็จก็เดินทางไปยังจุดขึ้นกระเช้า  จากที่ผมกะด้วยสายตา กระเช้ายาวมาก ผ่านลับสายตาไปในหุบเขาครับ
“พี่ๆ จะเล่นสกีกันมั้ยคะ”
“เอาไงดีอะเป๊บ” ตัวขาวหันมาถามผม
“ยังไงก็ได้ครับ แต่เป๊บว่าบินข้ามโลกมาแล้ว ควรจะเล่นนะ”
“ดีนะๆ เล่นดีกว่าน้องแนน”
“ได้คะ เดี๋ยวเราจะขึ้นกระเช้าไปจนถึงพื้นที่เล่นสกีนะคะ นำเสื้อโค๊ทหนาๆ ไปด้วย ไปถึงด้านบนจะมีร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก แต่ก่อนจะแวะแนนจะพาไปเช่าอุปกรณ์เล่นสกีก่อนนะคะ”
“ได้คร้าบบบบ”
   กระเช้ามีแค่เราห้าคน ระหว่างทางที่กระเช้าเลื่อนขึ้นไปเรื่อยๆ ผ่านวิวสองข้างทาง เริ่มเห็นหิมะขาวโพลน สวยงามมากครับ (ท่านใดเคยไปขึ้นกระเช้านองปิงที่ฮ่องกง อารมณ์ประมาณนั้นครับ ต่างตรงที่วิวด้านนอกเป็นหิมะเท่านั้นเอง) ตัวขาวถ่ายรูปเยอะมากๆ วิวสวยจริงครับ ดูเหมือนสวรรค์เลยทีเดียว
   นั่งบนกระเช้าประมาณครึ่งชั่วโมง ก็สุดปลายทาง มีนักท่องเที่ยวมาเล่นสกีเต็มไปหมดครับ น้องเขาก็เดินนำพาไปจุดเช่าอุปกรณ์ เสร็จเรียบร้อยก็มาเล่นสกีกัน แอบตื่นเต้นเหมือนกัน ตั้งแต่ที่ผมกับตัวขาวเรียนจบกลับมาจากต่างประเทศ ก็ไม่ได้เล่นสกีอีกเลย
“ที่รัก ตื่นเต้นนะครับ ไม่ได้เล่นด้วยกันนานแล้ว”
“ใช่ๆ โจ้ก็ตื่นเต้นเหมือนกันอะ”
“งั้นไปเล่นกัน รื้อฟื้นความทรงจำ”
   จากทีตื่นเต้นกลายเป็นว่า เล่นกันอย่างสนุกสนาน ผม ตัวขาว และฉัตร เล่นสกีแข่งกัน สนุกสนานสลับกับเสียงหัวเราะ บางจังหวะผมก็ล้มบ้าง ตัวขาวล้มบ้าง ฉัตรเดินก็ลื่นก้นกระแทกกับพื้นบ้าง
“อ้าวฉัตร เลิกเล่นแล้วหรือ” ตัวขาวถามเห็นฉัตรเดินกลับ
“เออ ว่าจะไปจิบกาแฟร้อนๆ วะ พวกเมิงสองคนเล่นให้หนำใจเหอะ กรูไปคอยตรงร้านกาแฟ”
“เออได้ๆ เดี๋ยวตามไปนะ”
   ผมกับตัวขาวก็เล่นกันต่ออีกแป๊บ ถอดอุปกรณ์สกีออก แล้วค่อยๆ เดินกลับไปที่ร้านกาแฟ ระหว่างเดินกันสองคนไปเรื่อยๆ
“เป๊บๆ มุมตรงนี้วิวสวยง่า ไปถ่ายรูปๆ”
“โอเคครับ”
   จุดที่แวะเป็นจุดชมวิวจัดให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูป ถ่ายรูปเสร็จเรียบร้อย ตัวขาวก็ยืนมองวิวสวยงามของแต่ละยอดเขาปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน ช่วงเวลานั้นผมคิดไปถึงตอนที่เราสองคนตัดสินใจไปเรียนปริญญาโทอีกใบที่ต่างประเทศ ก็ไปเล่นสกีกับเพื่อนๆ ต่างชาติแบบนี้ จำได้ว่า ผมยืนสวมกอดตัวขาวตอนดูวิวแบบนี้แหละ พลันคิดได้ อยากย้อนวันเวลาไปช่วงนั้นอีก เลยเดินเข้าไปสวมกอดจากด้านหลังตัวขาว
“หือ ลุง มากอดทำไมอะ” ตัวขาวเหลียวมามองถามยิ้มๆ
“จำได้ป่าวตอนไปเรียนไง เคยกอดแบบนี้” ผมพูดข้างหูเบาๆ
“จำม่ายด้ายยยยย เอ ที่หนายหว่า” นั่นมียอกย้อน เดี๋ยวจูบซะนี่
“เอ สงสัยต้องจับปล้ำเพื่อรื้อฟื้นความทรงจำละมั้งครับ”
“นี่ พอเลย เย็นขนาดนี้ยังจะหื่น เมื่อคืนก็เยอะแล้วนะ ลดความหื่นลงมั่งเหอะ” นางวีน
“ตกลงจำได้ยังครับ”
“โว้ เคยลืมซะที่ไหน ทำยังกะอายุ 24 25 ไปได้ จะเลขสี่แล้วลุง” ปากว่าไป แต่หน้าแดงนะนั่น เขินอะดิ ฮ่าๆๆ
“จะกี่ครั้งที่จับมือเธอ
ก็รู้ในความรักที่มี
ข้างในใจรู้สึกดีดี
และเหมือนนาทีนั้นจะยาวนาน
รักของเรายังใหม่ยังไม่เก่าเลย
เหมือนวันเดิมที่เคยทำอย่างนี้
แม้ว่าเราจับมือกันครั้งใดก็สุขใจทุกที
ไม่เคยจะมีสักทีที่เสื่อมคลาย
จะนานเพียงไหนจะพ้นไปกี่ปี
ขอได้อยู่ใกล้ใกล้กัน
ก็ยังคงรู้สึกเหมือนเดิมอย่างนั้น
มันยังคงเหมือนเพิ่งรักกัน
ไม่เปลี่ยนไปเลย”

   ท่านใดที่อ่านเนื้อเพลง รักเราไม่เก่าเลย (ลองค้นยูทูบเปิดฟังนะครับ เพราะมากๆ https://www.youtube.com/watch?v=a3-krPgyTww ) คงอายุมาไกลเลยละครับ  เพลงนี้แด๊ดกับมัมชอบครับ ทุกครั้งที่เรามีคาราโอเกะปาร์ตี้เล็กๆ ของครอบครัวเราทั้งสอง แด๊ดจะร้องเพลงนี้ให้มัมตลอด กลายเป็นว่า ผมกับตัวขาวชอบไปด้วยซะงั้น เวลานั่งรถกันสองคน เปิดเพลงนี้ฟัง เราจะหันมาสบตายิ้มกันทุกครั้ง
“รักโจ้นะครับ”
“อื้อ.....” น้ำตาเอ่อชัวร์ ขี้แยมากเมียผม
“อื้อเนี่ยคือ รักเป๊บป่าวครับ”
“โว้ รู้คำตอบแล้วถามตลอด....ไม่รักหนีไปนานแล้ว” แกล้งโวยวายกลบเกลื่อน
“ชอบที่เป๊บร้องเพลงให้ละซิ” แซวต่อ
“ก็ดี..มั้ง” นั่นทำเชิด
“ที่รักหันมานี่” ผมจับตัวขาวหันหน้ามาชนกัน
   เป็นสิบวินาทีของการจูบที่ดูเหมือนยาวนานมาก รักจริงๆ เลย ไอ้ตัวขาวของเป๊บ
   สวีทกันพอหอมปากหอมคอ เราสองคนก็เดินกลับมาที่ร้านกาแฟ ฉัตรนั่งยิ้มมาแต่ไกล
“สวีทกระหน่ำเลยนะเมิง” ฉัตรแซว
“หา เห็นด้วยหรือ”
“ไม่เห็นมั้ง เต็มๆ สองตา”
“เห็นได้ไงอะ มองจากร้านก็ไม่เห็นหรอก” ตัวขาวเถียง
“ก็เห็นนานไม่มา กรูเลยเดินไปตาม เห็นเมิงสองคนยืนกอดกันกลมดิ๊ก กรูเลยไม่อยากไปขัดจังหวะ เดินกลับมาเนี่ย”
“โว้ แล้วไม่เรียกอะ เมิงนี่นะ” ตัวขาวหูแดงละ
“ไม่กล้าเรียก รอแค่ลุ้นว่าหิมะถล่มป่าว”
“เกี่ยวไรกะหิมะถล่มอะ” ตัวขาวงง
“อ้าว เผื่อเมิงแบบไม่ไหว ขย่มกันจนภูเขาสะเทือน หิมะถล่มงี้”
“ฮ่าๆๆๆ” ผมกับฉัตรหัวเราะดังมาก ตัวขาวด่าฉัตรใหญ่
“แล้วน้องสองคนไปไหนวะ” ผมถามฉัตร
“อยู่แถวนี้แหละ จะกลับก็โทรตามได้”
“เออแล้วน้องเขาเป็นไรกะเมิงวะ” ผมถามด้วยความสงสัย
“เรื่องยาววะ เล่าย่อๆ เอาจริงๆก็เป็นลูกน้องในบริษัท ที่สนิทกันเพราะมีบุญคุณต่อกันวะ น้องเขาเป็นผัวเมียกัน มาเรียนต่อที่แคนาดาเนี่ย บังเอิญเจอคนไม่ดีมารังแก กรูเลยช่วยไป พอทุกอย่างปกติ น้องเขาเลยเคารพกรูมาก พอเขาเรียนจบก็ตามมาดูแลกรูเนี่ย จนกลายเป็นคนในบริษัทไป”
“อ๋อมิน่า บริการมืออาชีพมาก คงเตรียมการบ้านมาดี”
“เออ มันมาอยู่ล่วงหน้าก่อนเมิงมาเป็นอาทิตย์ สำรวจก่อนงี้”
“เมิงนี่ใจดีนะ ช่วยเหลือคนลำบากตลอด” ตัวขาวชม
“คนเหมือนกัน ไม่ช่วยแล้วจะให้ทำไงวะ กรูไม่ค่อยชอบพวกเศรษฐีมีอำนาจแล้วข่มคนที่อ่อนแอกว่า ไอ้พวกแบบนี้ต้องชนกับกรูเนี่ย ถึงจะสมน้ำสมเนื้อ”
“เจ้าแม่มากกกกกก” ตัวขาวแซว
“แน่นอน กรูว่ากลับกันเหอะ สี่โมงกว่าละ ที่นี่ปิดหกโมง เดี๋ยวซวยพายุหิมะมา เมิงได้ไปกอดกันอีกรอบ”
“ค่าคุณขา กลับด่วนค่า” ตัวขาวรับคำ
   พวกเราลงกระเช้ามา จนมาถึงรถ ก็เดินทางกลับโรงแรม
“สนุกมั้ยคะ”
“ที่สุดอะน้องแนน เหมือนย้อนวัย” ตัวขาวตอบ
“แนนว่าสนุกกันมากแบบนี้น่าจะหิวแล้วนะคะ มื้อเย็นนี้จะพาไปทานชาบูเกาหลีนะคะ รสชาติดีมากๆ แนนลองชิมมาแล้ว”
“ดีเลยอะน้องแนน อากาศเย็นๆ กินชาบูร้อนๆ เข้ากันได้ดีมาก”
   พวกเราทั้งหมดก็เริ่มทานอาหารมื้อเย็นกันครับ ชาบูอร่อยเลยทีเดียว รสชาติคล้ายๆ เมืองไทย แต่ไม่มีน้ำจิ้มแซบๆ นะครับ ส่วนคุณภาพของเนื้อดีมากๆ อากาศเย็นๆ ทานของร้อนเข้ากันได้ดีเลยทีเดียว
“น้องแนน พรุ่งนี้ไปเที่ยวที่ไหนต่ออะ” ตัวขาวถามระหว่างมื้อเย็น
“พรุ่งนี้เราไม่ได้ไปไหนไกลเลยคะ ใจกลางเมืองนี่เอง แนนจะพาไปเที่ยว สแตนลีย์ พาร์ค คล้ายๆ อุทธยานแห่งชาติของบ้านเรานะคะ ในสแตนลีย์พาร์คจะมีต้นไม้อายุนับร้อยๆปี มีเสาโทเทม สะพานแขวนคาปิลาโน ที่อยู่สูงจากระดับแม่น้ำคาปิลาโน 230 ฟุตนะคะ”
“โหว ถ้าสะพานขาดตกไปตายแน่อะ”
“โห พี่ ไม่ขาดหรอกคะ ตามข้อมูลสะพานออกแบบมาให้รับน้ำหนักเครื่องบินรบได้ประมาณสิบลำเลยนะคะ”
“โห..จริงอะ แข็งแรงมาก พรุ่งนี้จะลองเดินข้าม น่าจะสวยงาม”
“สวยมากคะพี่ อากาศดีๆ คนแคนาดาไปออกกำลังกายที่นั่นเยอะคะ”
   ทานอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อย ก็เดินทางกลับโรงแรมที่พัก นัดหมายวันรุ่งขึ้นเรียบร้อย เข้าห้องพักอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย
“โอยเหนื่อยยยยยยย เมื่อยไปทั้งตัวเลยครับ” ผมล้มลงบนเตียงคว่ำหน้าแปบนึง แล้วพลิกตัวมานอนหงาย
“เหนื่อยด้วยอะเป๊บ โอยเมื่อยๆ” ตัวขาวล้มลงนอนด้วย แต่ประเด็นคือ นอนทับบนตัวผมเนี่ย
“เอ่อ..ที่รัก...ไม่นอนบนเตียงละ มานอนบนตัวเป๊บทำไมเนี่ย” หรือจะมีเฮ ฮ่าๆ
“ก็อยากนอนบนตัวผัวบ้างไรงี้....” นางเงียบไปแป๊บนึง
“ตอนร้องเพลงอะเป๊บ เป๊บรู้สึกแบบนั้นจริงหรือ ว่ารักของเราสองคนไม่มีวันเก่า”
“ใช่ครับ เป๊บคิดแบบนั้นจริงๆ ไม่รู้ซิครับ เป๊บรู้สึกเหมือนว่า ทุกครั้งที่ลืมตาเจอที่รัก เหมือนผู้ชายคนนึงบนโลกนี้ที่ได้รับของขวัญทุกวัน ทั้งที่บางวันเราสองคนก็เถียงกันบ้าง ทะเลาะกันบ้าง แต่เป๊บก็รู้สึกดี ที่อย่างน้อย ไม่ว่าหันไปทางไหนมุมใด ก็มีความทรงจำของเราสองคนปรากฏอยู่เสมอครับ”
   ไม่มีเสียงใดๆ ตอบมาจากตัวขาว นอกจากดวงตาที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำตา
“เป๊บ....ถ้าเลือกได้ วันนึงที่เราแก่และถึงเวลาจากกันไป เป๊บอยากให้ใครไปก่อน” ตัวขาวถาม
“ถ้าเลือกได้ เป๊บอยากให้เราไปพร้อมกันเลยครับ นอนจับมือบนเตียงจนตายจากกัน ถ้าที่รักไปก่อน เป๊บคงไม่ไหว เป๊บเชื่อว่า ถ้าเป๊บไปก่อน ที่รักคงไม่ไหวเหมือนกัน...ใช่มั้ยครับ”
   ตัวขาวพยักหน้า
“ดังนั้น ตอนนี้ ปัจจุบันนี้ เราสองคนมาทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด วันนั้นมาถึงจะได้ไม่ต้องเสียใจนะครับ”
   ตัวขาวพยักหน้า พร้อมก้มลงมาจูบผม คืนนั้นที่แคนาดา เราสองคนไม่มีอะไรกันครับ ได้แค่นอนกอดกัน ไม่รู้ซิ ผมสุขใจมากที่มีคนคนนี้อยู่ข้างๆ


       รักนะครับ ไอ้ตัวขาวของเป๊บ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-11-2016 13:43:54 โดย jonathan2624 »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
งื้อ ซึ้งมากๆเลยค่ะ
รักกันนานๆนะคะ
 :mew1:

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
เล่าละเอียดมากเลยชอบๆ ชื่นชมกับความรักของทั้งคู่  :mew1:

ภาคหลักเล่าเรื่องต่อได้ไหมคะ อยากอ่านตอนไปเรียนปริญญาโทอีกใบที่ต่างประเทศ ตอนบวช ด้วย มีเวลาค่อยเขียนก็ได้ค่ะ  :pig4:

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
อ่านแล้วมีความสุขไปกับโจ้และเป๊ปด้วย :mew1:

ออฟไลน์ คนอ่าน

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-13
 :mc4:โจ้กับเป็บมีความสุข  เราก็ดีใจด้วยค่ะ
ดูจากรูปโปรแล้วไม่น่าเชื่อจริงๆด้วย
ว่าคุณโจ้จะอายุ 40 แล้ว  หน้าเด็กมากๆ
เหมือน 20 ปลายๆ ผิวพรรณก็ดี
มิน่าสามีถึงทั้งรักทั้งหลง อิอิ

ออฟไลน์ Keeper

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :mew1: ซึ่งมากอ่ะ มาทียาวเลยอ่านจุใจมาก รักกันอย่างนี้ไปนาน ๆนะค่ะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เป๊บ โจ้  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
รักกันนานๆ ไปจนแก้ด้วยกัน ยอดมากกก
ฉัตร เพื่อนซี้ของโจ้ จิตใจดีงาม
คนดี ใจบุญ ก็อยู่ด้วยกัน
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:     

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
อ่านแล้วเหมือนได้ไปเที่ยวด้วยเลยค่ะ

มีซึ้งๆจนน้ำตาคลอเลยล่ะค่ะ

ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
ซึ้งมากๆค่ะ รักแล้วรักเลยและรักกันตลอดไป
 :mew1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด