รักวุ่นวายของนายตัวขาวสุดซ่า ตอนอวสาน (THE END) Up 11/5/62
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รักวุ่นวายของนายตัวขาวสุดซ่า ตอนอวสาน (THE END) Up 11/5/62  (อ่าน 518879 ครั้ง)

ออฟไลน์ คนอ่าน

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-13
รออ่านเช่นกันเจ้าค่ะ
คู่นี้น่ารักซำเหมอ

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
ขอให้หาแรงบันดาลใจ (หนุ่มๆ ในห้าง) เจอ โจ้จะได้รีบต่อตอนหน้าให้อ่านไวๆ ค่ะ  :m20:

รักษาสุขภาพให้ดี เดี๋ยวที่บ้านก็ใจอ่อนยอมให้กลับไปทำงานเองค่ะ  :mew1:

ออฟไลน์ bvan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
ยังน่ารักเหมือนเดิมน้องโจ้

ออฟไลน์ YouandMe

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
ไปส่องหนุ่มๆ กับช้อปปิ้งทุกๆ วันสิ เดี๋ยวคิงคองขี้หึงก็ลากไปทำงานด้วยแน่นอน  :z1: :z1: :z1:

ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
สงสารคนว่างงานเนาะ ไปส่องหนุ่มๆก็ดีเหมือนกัน
ไปเพิ่มพลังใจแล้วกลับมาเขียนเรื่องต่อเลยนะครับ
รออ่านครับ วันไหนไม่อยากไปคนเดียวบอกนะจะไปเป็นเพื่อน
ช่วงนี้ก็กำลังจะว่างงานเหมือนกัน
เป็นกำลังใจให้นะครับ ชาร์ทพลังงานให้เต็มที่ก่อน เดี๋ยวเขาก็ให้กลับไปทำต่อนั่นแหละ สู้ๆครับ
 :L2:

ออฟไลน์ meng

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
พี่โจ้พิมพ์มาแบบนี้ถ้าพี่เป๊ปอ่านแล้ว




อยากรู้พี่เป๊ปจะลงโทษยังไง5555

ออฟไลน์ boy_nonny

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
น่าสงสารโจ้
คนทำงานเก่ง
จู่ๆโดนพักยาว

ผ่านไปหลายวันแล้ว ส่่องหนุ่มๆเพลินมั้ยคะ อิอิ

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4
 :hao6: :hao6: :hao6:  มาเดินส่อง หนุ่ม ๆ ที่ พาราก้อน กับ เซนทรัล เวิร์ด ดีกว่าค่ะ ได้แรงบันดาลใจเยอะ มากๆ  #ชวนมาส่อง  :hao6: :hao6: :hao6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
อ่านรวดเดียวสนุกมากๆคับ ได้ข้อคิดตรงที่มีพระมาสอนคับ ชอบมากๆ ได้รับรู้เลยว่าเป็นคนรวยก็ทุกข์ เป็นคนจนก็ทุกข์
  รอ รออ่านต่อคับ

ออฟไลน์ nutto

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
โอ๊ยยยยย พี่โจ้ น่าสงสารจังทำงานจนเป็นลมล้มพับไปเลย ยังไงก็ต้องดูแลตัวเองด้วยนะครับพี่
พอพี่ทำงานมากเกินไป ป่วยเข้าโรงบาลผู้ใหญ่เค้าก็เป็นห่วง เพราะยังไงสุขภาพของคนที่รักก็สำคัญกว่าเงินทองนะครับ

ว่าแต่ถ้าพี่โจ้ว่างแล้วก็มาต่อเรื่องหลักให้ผมด้วยดิ ผมไม่ยอมนะ นี่รอจนเหนียงยาน น้ำหนักขึ้นพรวดๆแล้วเนี่ย

คิดถึงพี่โจ้นะครับ ดูแลสุขภาพดีๆด้วยครับพี่

ออฟไลน์ duckk

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คิดถึงพี่ๆคู่นี้จัง มาต่อเร็วนะคะอยากอ่านต่อแย้ววว555 :hao5:

ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3

ออฟไลน์ nutto

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
พี่โจ้หายไปนานเกินไปละน้าาาาาาา ตั้งเดือนนึงแล้วแหนะ กลับมาได้แล้วน้าน้องคิดถึงงงงงงอะ

ออฟไลน์ nutto

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
จะสองเดือนละน้าพี่โจ้ หายเลยเลยยยยย รู้ไหมว่าน้องคิดถึงมากขนาดไหน

ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3

ออฟไลน์ jonathan2624

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 839
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
สวัสดีค้าบบบบบบ หายไปนานค้าบบบบบ อย่าโกรธนะค้าบบบบบบ แหะๆ หนีก่องงงงง  :mew3: :mew3:

ตอนที่ 54 ภาคต่อ

ไม่จำเป็นที่ผมจะต้องทิฐิ คิดมาก ฟอร์มเยอะ แล้วครับ หากกระสุนที่ยิงออกมาไม่มีบารมีหลวงปู่ทวดคุ้มครองไว้ ผมคงได้ไปร้องไห้หน้าโลงศพ โวยวายขอโทษเป๊บแทน
“ได้ครับ...จริงๆ ก็เหมือนเดิมนานแล้ว แต่ก็ฟอร์มนิดๆงี้” ผมตอบยิ้มๆ
“จริงหรือครับ งั้นมานี่หน่อย” เป๊บพยักหน้าเหมือนเรียกให้ผมเข้าไปใกล้ๆ
   เป๊บก็ยกตัวขึ้นมานิดนึง จะจุ๊บแก้มผม แต่......
“โอ๊ย เจ็บๆๆๆ” นางแหกปากเพราะเจ็บแผล คือ....โอ้ยยยย จะสวีทเนี่ยดูสังขารตัวเองก่อนนนนน ผัวชั้นบางทีก็เพี้ยนๆๆ
   เป๊บร้องเจ็บแผลไม่ทันเสร็จ แด๊ด มัม พี่ปริม  พี่สะใภ้ กลับเข้ามาพอดี พร้อมกับของกินเพียบ ทุกคนดูดีใจที่เป๊บฟื้นมาคุยปกติ เลยสอบถามพูดคุยกัน เป๊บก็เล่าเรื่องราวเหมือนที่เล่าให้ผมฟัง ยกเว้นเรื่องซับซ้อนของพระอาจารย์ ทุกคนดูอึ้งมากที่กระสุนด้าน ต่างพูดเป๊บดวงดี หลวงปู่ทวดศักดิ์สิทธิ์ ตามประสาไปครับ
“ตอนนี้ตำรวจกำลังตามตัวอยู่ลูก รู้แหล่งที่หลบหนีแล้ว คิดว่าคงเร็วๆนี้นำตัวมารับผิดได้” แด๊ดบอกเป๊บ
“ครับแด๊ด ผมไม่ถือสาอะไร อโหสิกรรมให้ ปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมายละกันนะครับ”
“น้องชายพี่ใจบุญมากกกกก ล้มหัวฟาดพื้นปะเนี่ย” พี่ปริมพูดติดตลก เอามือมาจับหัวเป๊บหันไปมา
   ทุกคนก็ขำกัน ในมุมมองผมนะ ครอบครัวเป๊บอบอุ่นและน่ารักครับ พี่ปริมกับพี่ปัน รักเป๊บมากๆ บ่อยครั้งไปที่พี่ทั้งสองจะกางปีกปกป้องเป๊บสุดๆ อย่างว่าละเนอะ เป๊บอายุน้อยกว่าพี่ๆ หลายปี ลูกคนสุดท้องก็แบบนี้ละครับ
“แล้วพี่ปันละครับ มัม” เป๊บถาม
“เออ ปันไปไหนละคะคุณ” มัมหันไปถามแด๊ด แด๊ดก็งงๆ
“อ๋อ คือพอดีตอนสักเก้าโมง มีคนโทรเข้ามาที่บ้านบอกว่าเป็นลูกศิษย์ของพระอาจารย์อุดม แต่พวกเราไม่อยู่บ้านครับ บอย( คนขับรถพี่ปริม) รับคำสั่งมาจากแม่บ้านเลยโทรบอกผม ผมเลยลองโทรกลับไปทางวัด พระอาจารย์เขาถามถึงเป๊บ เลยเล่าให้พระอาจารย์ฟังคร่าวๆ ท่านว่าวันนี้จะต้องมาทำธุระแถว โรงพยาบาลพอดี เลยจะเดินทางมาเยี่ยมเป๊บที่โรงพยาบาล ผมเลยกลัวท่านลำบากเลยให้ปันไปรับท่านที่วัดครับ”
“อ้าวหรือ บังเอิญมากลูก แล้วท่านทราบมาก่อนว่าเป๊บเกิดเรื่องหรือลูก” แด๊ดถามพี่ปริม
“ไม่ทราบเหมือนกันครับแด๊ด แต่ราวๆ หลังเที่ยง คงมาถึงโรงพยาบาลครับ ตอนนั้นว่าจะถามท่านเหมือนกันครับ”
   ผมละแปลกใจ พระอาจารย์รู้ได้ไง หรือท่านเดา แต่เดี๋ยวมาถามแน่นอน แต่ระหว่างทุกคนกำลังพูดคุยและรอพระอาจารย์ ขอหม่ำๆ ก่อนนะครับบบบบ หิวมากกกกก
“ค่อยๆ กินครับ” เสียงเป๊บแซวมาแต่ไกล ผมหันไปมอง นอนยิ้มอยู่
“อู้แอ้ว” ตอบไปข้าวเต็มปาก
“สงสัยหิวจัดเนอะ กินยังกะพายุ ว่ามะไอ้เสือ” พี่ปริมแซวผมไป มองหน้าเป๊บไป
   ใช่ เซ้ พี่น้องกันนี่ รวมหัวกันแซว แต่ถามยังว่า แคร์ป่าว บอกเลยว่าไม่ ฮ่าๆๆๆ
“เราสองคนไปว่าลูกโจ้ พอเลยๆ....ค่อยๆ กินก็ได้ลูก ยังมีอีกเยอะ” มัมไปดุหนุ่มหล่อสองคน แต่หิวอะ จะกิน มีปัญหามะ
   เที่ยงนิดๆ หมอมาตรวจร่างกายเป๊บ พร้อมกับให้ยาระงับอาการปวด และ ยารักษาตามอาการ หมอแจ้งว่า อาการดีขึ้นมาก ระบบร่างกายทุกอย่างเป็นปกติ มีเพียงแค่การดูแลเรื่องการล้างแผลให้สะอาดเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ประมาณ 4 วัน ประเมินผลการรักษาอีกครั้งแล้วจะแจ้งวันที่กลับไปพักฟื้นที่บ้าน
   หลังจากที่ผมทานอาหารเสร็จไม่นาน ได้ยินเสียงเคาะประตู พี่ปันก็เดินนำพระอาจารย์เข้ามาในห้อง พระอาจารย์เดินยิ้มแบบมีเมตตา เราทุกคนก้มกราบ
“กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ” แด๊ดก้มกราบพระอาจารย์
“เจริญพรโยมทุกคนนะ...แล้วคนเจ็บเป็นอย่างไรบ้างนี่” พระอาจารย์ทักทายพร้อมหันไปมองเป๊บแบบยิ้มๆ
“ก็เกือบใกล้ตายเหมือนกันครับพระอาจารย์ แต่ยังไม่ถึงฆาตเลยรอดมาได้” เป๊บตอบแบบยิ้มๆ
“คุยจ้อได้แบบนี้ คงหายแล้วละนะ” พระอาจารย์แซว
“ฮ่าๆๆ ไม่ถึงขนาดนั้นครับ ตอนนี้ต้องรักษาแผลอีกระยะ ไม่นานคงหายสนิทครับ”
“ ดีแล้วนะโยม รักษาตามอาการไป แต่ยังไงอโหสิกรรมนะ อย่าไปอาฆาตพยาบาทคนร้าย”
“ครับ...ผมปล่อยวางได้หมด จะได้ไม่ต้องเจอกันอีก....ขอบคุณพระอาจารย์มากนะครับที่ช่วยชีวิต” เป๊บเอ่ยมาจนทุกคนยกเว้นผมทำหน้าแปลกใจ
“อาตมาไม่ได้ช่วยอะไรโยมเลย บุญของโยมกับบารมีหลวงปู่ทวด ผนึกกันช่วยโยมเท่านั้น” พระอาจารย์ตอบยิ้มๆ
“จริงหรือครับพระอาจารย์...ผมว่าไม่ใช่แล้ววว....เสกให้ผมหน่อยค้าบบบบ” ผมยิ้มแกล้งแซวพระอาจารย์พร้อมเอาสร้อยพระหลวงปู่ทวดส่งให้พระอาจารย์เสก
“ฮ่าๆๆ....อวดอุตริไม่ได้นะ อาบัติหมด” พระอาจารย์หัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“เอ่อ...คืออะไรกันหรือครับ ผมงงไปหมดแล้วครับ...มีใครอธิบายแด๊ดได้บ้าง” แด๊ดถามแบบงงๆมาก
   เป๊บเลยตัดสินใจเล่าเรื่องทั้งหมดให้ทุกคนฟังซ้ำอีกครั้ง ตั้งแต่ตอนไปพบพระอาจารย์ เกิดเรื่อง กระสุนยิงไม่ออก จนมาถึงตอนนี้ ทุกคนนิ่งเงียบ สีหน้าอึ้งตกใจไปตามๆ กัน
“พระอาจารย์...ผมขอบคุณมากครับ...ไม่รู้จะตอบแทนพระอาจารย์ยังไงดีที่มีเมตตากับครอบครัวผมมาตลอด” แด๊ดก้มกราบพระอาจารย์แบบเสียงเครือๆ
“อย่าขอบคุณอาตมาเลยโยม....ลูกของโยม ทุกคนในครอบครัวของโยม ต่างสะสมบุญบารมีมามาก ภพนี้ทุกคนในครอบครัวของโยม เป็นคนดี มีศีลธรรม หลีกหนีการสร้างบาป จึงไม่แปลกที่บุญนั้นจะมาปกป้องคุ้มครองให้ทุกคนรอดปลอดภัย ดังเช่นที่พระอาจารย์พุทธทาสสอน คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง ยังไงละโยม....หากโยมจะขอบคุณและตอบแทน ให้ส่งเสริมสนับสนุนพระพุทธศาสนาจะเป็นการดีมากกว่า” พระอาจารย์กล่าวด้วยความเมตตา
“ขอบพระคุณมากครับ ผมเองก็ไม่ได้เข้าวัดวามานาน นับจากนี้ไป จะสนับสนุนพระพุทธศาสนาตามกำลังและความสามารถนะครับ” แด๊ดรับคำ
   ผมได้ยินเสียงทุกคำที่ทุกคนพูด และจดจำมาได้จนถึงบัดนี้ นับจากเหตุการณ์นี้มา แด๊ดไม่เคยผิดคำสัญญาเลยแม้แต่วันเดียว ทุกๆ กำไรของบริษัทในเครือ แด๊ดจะแบ่งไว้ ทอดกฐิน ผ้าป่าสามัคคี สร้างโบสถ์ ศาลาการเปรียญ ฯลฯ ไปยังวัดวาอารามต่างๆ เป็นประจำทุกปี เท่าที่สามารถจะทำได้ มากกว่านั้น แด๊ดยังถวายตัวเป็นโยมอุปัฐฐากพระอาจารย์ ไม่ว่ากิจใดที่แด๊ดสามารถทำได้ จะไม่เคยพลาดเลย ทำให้พวกเราทุกคนทั้งสองครอบครัว ได้สร้างบุญใหญ่กันเป็นประจำ
“แล้วทางคดีความเป็นอย่างไรบ้างโยม”
“ผมให้เพื่อนๆ ที่เป็นตำรวจกำลังติดตามตัวมาดำเนินคดีครับ แต่ตอนนี้คงกำลังหลบหนีไปไกล แต่คิดว่าคงจับตัวได้เร็วๆนี้ครับ” แด๊ดตอบ
“โยมก็อโหสิกรรมที่เขาทำกับลูกโยมนะ อาตมาก็อยากให้ทุกคนอย่าไปแค้นเคือง อโหสิกรรมกันไปนะ....หนีอย่างไรก็หนีได้ แต่ไม่มีทางหนีกฎแห่งกรรมไปได้เลย”
“กว่ากรรมจะตามพวกมัน ไม่ทันใจนะครับพระอาจารย์” พี่ปันเอ่ยขึ้นมา
“กรรมอาจจะไม่ทันใจเรา...แต่โยมเชื่อเถอะ เมื่อวันนึงกรรมเข้ามาสนองแล้ว จะเกิดขึ้นอย่างสาสมชนิดที่ตั้งตัวไม่ได้เลยนะโยม พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนว่า การสร้างกรรมหนักที่สุดประกอบไปด้วย 5 ประการ คือ ประการแรก อาฆาตมาดร้ายพระพุทธเจ้าให้ทรงห้อพระโลหิต (เลือดไหล) ประการที่สอง ฆ่าบิดามารดา ประการที่สาม ฆ่าพระอรหันต์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ประการที่สี่ ทำลายพระพุทธศาสนาทำให้หมู่สงฆ์แตกแยก ประการที่ห้า ทำร้ายผู้มีบุญ หรือผู้บำเพ็ญศีล....ห้าประการนี้หากได้สร้างกรรมแล้ว ย่อมเสวยความทุกข์อีกยาวนานไม่จบสิ้น”
   ทุกคนรวมทั้งผมต่างฟังนิ่งเงียบ พระอาจารย์สอนได้กินใจมาก พี่ปันเองสีหน้าผ่อนคลายราวกับว่าอโหสิกรรมให้ อย่างว่าละครับ มีคนมาทำร้ายน้องชายที่ตัวเองรักมาก ย่อมปล่อยวางยากเป็นธรรมดา แม้แต่ผมเองก็ยากเหมือนกัน แต่ก็พยายามทำใจให้ได้ครับ
“สาธุครับพระอาจารย์....ผมขออโหสิกรรมครับ” พี่ปันเอ่ยขึ้นมาพร้อมก้มกราบ
   พระอาจารย์สนทนาธรรมกับพวกเราพักใหญ่เหมือนกัน จนกระทั่งได้เวลา พระอาจารย์จึงขอตัวกลับ
“คงสมควรแก่เวลา อาตมาขอตัวกลับวัดก่อนนะโยม”
“ได้ครับพระอาจารย์...ปันลูกไปส่งพระอาจารย์นะ”
“ได้ครับแด๊ด”
“อาตมากลับก่อนนะโยมเป๊บ....ขอให้โยมหายจากอาการบาดเจ็บในเร็ววัน....เวลานั้นของโยมใกล้เข้ามาถึงแล้วนะ” พระอาจารย์อวยพรแบบยิ้มๆ พร้อมเอามือไปแตะบริเวณผ้าผันแผลบนตัวเป๊บ
“ขอบพระคุณมากครับพระอาจารย์....เมื่อเวลานั้นมาถึง ผมไม่ผิดสัญญาแน่นอนครับ”
“เจริญพรนะโยมเป๊บ”
“ขอบพระคุณครับ”
“อาตมาไปก่อนนะทุกคน เจริญพรๆ”
   ทุกคนก้มกราบ แด๊ด มัม พี่ปริม เดินตามพระอาจารย์ไปส่งที่รถ
“เป๊บ....สัญญาอะไรอะ” ผมสงสัยเลยถาม
   เป๊บลังเลสามวินาที แต่ท้ายสุดก็ตัดสินใจบอก
“โจ้จำได้ที่เป๊บเล่าตอนที่พระอาจารย์สอนนั่งสมาธิได้ใช่มั้ยครับ”
“จำได้ๆ” ผมผยักหน้า
“เป๊บก็ปฏิบัติตามที่พระอาจารย์สอนทุกวัน จนผ่านไปประมาณสามอาทิตย์ คืนนั้น เป๊บสงบมาก ในสมองไม่มีเรื่องคิดอะไรเลย ลืมความทุกข์ กังวลทุกอย่าง เป๊บก็รู้สึกประหลาดใจเหมือนกัน แต่อารมณ์เหมือนกับว่า ชอบมากที่สงบ ไม่อยากลืมตา ไม่อยากออกจากสมาธิ เลยนั่งไปเรื่อยๆ จนได้ยินเสียงดังก้องในหู”
“เสียงนั้นว่าไงอะเป๊บ”
“จงบวชเถิด....เมื่อถึงเวลา.....จงเป็นภิกษุมาเถิด.....เป๊บตกใจที่ได้ยินเสียง จนสมาธิหลุดออกมา หลังจากตั้งสติได้ เลยตัดสินใจจะบวชครับ”
   ผมอึ้งเหมือนกัน พลางคิดในใจ ถึงเวลาที่เป๊บจะบวช แล้วถ้าไม่สึกละ เราจะทำยังไง....เป๊บเห็นผมทำหน้าอึ้งๆ ปนตกใจ
“เป๊บคิดว่า จะบวชให้กับแด๊ด มัม พี่ปริม พี่ปัน และทุกๆ คน หลังจากทำวิทยานิพนธ์เสร็จเรียบร้อย”
“ปะ...เป๊บ...จะบวชนานแค่ไหนอะ” ผมถามเสียงสั่นๆ
“ที่รักเป็นอะไรครับ เหมือนจะร้องไห้”
“ป่าวๆๆ” เป๊บจับอาการได้ ตอบแบบยิ้มๆ มาว่า
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ เป๊บสึกแน่นอน ถึงยังไงก็ทิ้งภาระทางโลกไม่ได้ แต่บอกไม่ได้เลยว่าจะบวชนานแค่ไหน”
   จำความรู้สึกตอนนั้นได้...ผมบอกเลยว่า โคตรโล่งใจ เพราะอะไรนะหรือครับ คือลองคิดง่ายๆ ถ้าหากสามีไปบวชแล้วบอกไม่สึก ในฐานะภรรยาแบบเราจะทำอะไรได้นอกจากอนุโมทนา จะไปห้ามก็ลงนรก จะไม่อนุญาตให้บวชก็ลงนรก ตอนนั้นกลัวเป็นม่ายอะครับ ฮ่าๆๆๆ
   แด๊ด มัม พี่ปริม กลับเข้ามาพอดี
“ไอ้เสือ พี่สงสัยวะ สัญญาอะไร” พี่ปริมถามขึ้นมา แด๊ดกับมัมก็ทำหน้าสงสัยด้วย
“ถึงเวลาผมจะบอกนะพี่ปริม”
“เฮ้ยบอกเถอะ พี่ใจร้อน เผื่อแบบพระอาจารย์จะสร้างมหาวิหาร พี่จะได้ขนเงินไปทำบุญทันที”
“แด๊ดก็อยากรู้ ถ้าเป็นแบบนั้น แด๊ดจะทำบุญใหญ่เลยนะ” แด๊ดเอ่ยขึ้นมา
“สัญญาที่พระอาจารย์พูดถึง....หลังจากที่ผมเรียนจบแล้ว....ผมจะบวชทดแทนพระคุณให้ แด๊ด มัม พี่ปริม และพี่ปันครับ”
   แด๊ดกับมัม อึ้ง....พี่ปริมก็อึ้ง....
“ขอบใจมากลูก....” แด๊ดยิ้มตาแดงๆ
“มัมไม่คิดเลยว่าลูกจะบวชให้...มัมรักลูกมากนะ” มัมลุกขึ้นไปจุ๊บเป๊บ
   พี่ปริมหันหลัง รีบเดินออกไปนอกห้องโดยไม่ตอบอะไรหรือสบตาใคร จังหวะที่พี่ปริมเดินผ่านผม ผมเห็นหยดน้ำตาของพี่ปริมครั้งแรก....ผมคิดในใจ.....คงไม่อยากให้เป๊บเห็นว่าซึ้งใจจนร้องไห้ใช่มั้ยพี่ปริม.....เป็นพี่ที่แสนดีของเป๊บจริงๆ....ผมยิ้ม
   ช่วงเย็นผมก็อาสาเฝ้าเป๊บเหมือนเดิม แด๊ด มัม พี่ปริม พี่ปัน ก็เดินทางกลับบ้านไปจัดการธุระ พ่อกับแม่และจิมก็มาเยี่ยม คุยเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งพยาบาลมาแจ้งหมดเวลาเยี่ยม สักพักทุกคนก็ขอตัวกลับ ผมก็นอนเฝ้าเป๊บที่โรงพยาบาล อาบน้ำเสร็จเรียบร้อย ปรับโซฟาให้เป็นเตียง พร้อมเอาฟูกที่แม่นำมาให้ปูบนโซฟา เตรียมจะนอน
“ง่วงแล้วหรือครับ”
“ยังอะเป๊บ กะนอนดูทีวีไปเรื่อยๆ เป๊บละง่วงยังอะ”
“ก็นิดๆ ครับ น่าจะเพราะฤทธิ์ยา เลยทำให้ง่วงครับ”
“งั้นก็รีบนอนเถอะ อย่าฝืนเลย แผลจะได้หายเร็วๆ ด้วย”
“ครับ...เป๊บอยากถามอะไรนิดนึงครับ”
“อะไรหรือเป๊บ”
“ช่วงบ่ายที่เป๊บบอกที่รักเรื่องจะบวช....ถ้าเป๊บไม่สึก ที่รักจะทำยังไงครับ”
   ผมนิ่งเงียบไปนิดนึง
“ก็....คงต้องยอมรับความจริงอะเป๊บ....ถ้าโจ้ไปห้ามเป๊บ โจ้คงตกนรกหมกไหม้ บาปกรรมไปอีก”
“จริงหรือครับ....แล้วที่รักจะมีคนใหม่มั้ย” เป๊บหันมาถามแล้วมองด้วยแววตาจริงจัง
“จะมีใหม่มั้ยนะหรือ....ถ้าให้ตอบตอนนี้อาจจะดูตอแหล แต่โจ้บอกเป๊บได้เลยว่า...คงไม่มีใหม่ เพราะเป๊บเป็นผู้ชายคนแรกที่มีอะไรด้วย...แล้วโจ้ก็รักเป๊บมากนะ....แต่ก็นะ ตอนนี้ตอบแบบนี้คงดูดี ถึงเวลานั้นในอนาคตอะไรๆ ก็คงจะเปลี่ยนได้” ผมตอบด้วยแววตาจริงจังเช่นกัน
“ครับ เป๊บเชื่อ” เป๊บตอบยิ้มแบบเจ้าเล่ห์
“เชื่อ...แล้วทำไมยิ้มแบบนั้น ชิ” ผมทำงอนใส่
“ฮ่าๆๆ.....ยิ้มปกตินี่ครับ ไม่ได้คิดอะไรเลย”
“เหอะ...เชื่อตายอะ”
“อย่าทำหน้างอนเลยนะ....ที่รักสนใจมานอนเตียงเดียวกับเป๊บมั้ย”
“เตียงคนไข้อะนะเป๊บ...ไม่เอาอะ เดี๋ยวพยาบาลมาดุ”
“เวลานี้ไม่มากวนแล้วละครับ มาอีกทีคงตอนเช้า ขึ้นมานอนกับเป๊บนะ อยากกอดให้หายคิดถึง” เป๊บทำเสียงอ้อน
“จะดีหรือเป๊บ”
“เป๊บป่วยอยู่นะ ขึ้นมานอนด้วยกันเร็วๆ ครับ” เป๊บเร่ง
   ไม่กล้าขัดใจเป๊บ เลยขึ้นไปนอนด้วยครับ พยายามไม่นอนข้างที่เป๊บมีแผล
“ไม่ได้นอนกอดแบบนี้นานเท่าไหร่แล้วนี่” เป๊บเอ่ยขึ้นมา
   ผมครุ่นคิด จริงนะแหละ ตั้งแต่เกิดเรื่องมานับหลายเดือน เราสองคนแทบไม่ได้นอนด้วยกันเลย เพราะผมเองยังจำภาพตอนเป๊บข่มขืนได้ดี แต่มาครั้งนี้ เราสองคนนอนกอดกันบนเตียงของโรงพยาบาล ความกลัว ความรู้สึกไม่ดี มันหายไปหมดสิ้น
   ไม่รู้ตัวเลยครับว่าหลับไปตอนไหน นานเท่าไหร่ ลืมตาอีกที มองไปนาฬิกา เวลาประมาณตีห้าครึ่ง ผมค่อยๆ ลุกตัวออกจากวงกอดของเป๊บ ลงมายืนมองข้างเตียง เป๊บหลับสนิทเพราะฤทธิ์ยา ผมค่อยๆ เอาผ้ามาห่มให้ แล้วเข้าห้องน้ำ เสร็จก็มาล้มตัวลงนอนตรงโซฟา
   รู้สึกตัวอีกครั้งก็ราวๆ เจ็ดโมงนิดๆ หันไปมองเป๊บก็ยังคงกลับอยู่ผมก็เก็บฟูกที่นอน จัดการอาบน้ำแต่งตัว เตรียมนั้นนี่ไปเรื่อย ออกมาจากห้องน้ำ เห็นเป๊บนอนยิ้มอยู่แล้ว
“ตื่นนานละหรือเป๊บ”
“ก็สักสิบนาทีครับ ตอนที่รักอยู่ในห้องน้ำ”
“หลับสบายป่าว”
“ก็ไม่รู้สึกตัวเลยครับ”
“ก็จริงนะแหละ หลับสนิทมาก เนี่ยกำลังคิดเลยว่าถ้าลักหลับจะรู้สึกตัวป่าว” ผมแซว
“เอ๊ะ...ไม่เปียก ปกตินี่ครับ ที่รักไม่ได้หลักหลับหรือ” เป๊บเปิดผ้าห่ม กับ กางเกงชุดพยาบาล มองไปที่น้องชาย
“บ้า....แซวตะหาก...ในโรงพยาบาลใครจะไปทำแบบนั้น แล้วก็ไม่ต้องไปดู ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทะลึ่งงงงง” ผมแหกปากใส่ เป๊บก็หัวเราะใหญ่ เจ็บยังจะหื่น ตาเพี้ยน
ประมาณแปดโมงครึ่ง คุณหมอก็มาตรวจอาการ สอบถามอาการสักพัก
“อาการเป็นยังไงบ้างครับคุณหมอ”
“ดีขึ้นมากครับ แผลก็สมานดีขึ้น อาการบอบช้ำ ก็ดีขึ้น แสดงว่าร่างกายตอบสนองต่อยาที่ใช้รักษาได้ดี หมอคาดว่าพรุ่งนี้น่าจะกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้นะครับ”
“แล้วการล้างแผลละครับ” คือต้องล้างแผลทุกวัน กลัวว่ากลับไปบ้านแล้วจะลำบาก
“ล้างที่บ้านได้ครับ เดี๋ยวหมอจะให้ชุดล้างแผลไป หรือถ้าไม่สะดวกไปล้างที่โรงพยาบาลใกล้บ้านได้นะครับ หมอจะทำบันทึกให้แล้วนำไปที่โรงพยาบาลนั้น จะดำเนินการให้ครับ”
“ได้ครับๆ ขอบคุณมากครับ”
   คุณหมอก็ขอตัวออกไป สักแป๊บ แด๊ด มัม พี่ๆ ก็มาถึง ผมก็เล่าอาการที่คุณหมอบอก
“แด๊ด ผมว่าให้เป๊บนอนโรงพยาบาลต่อดีมั้ยครับ จะได้สะดวกเรื่องการล้างแผล” พี่ปริมเสนอ
“แด๊ดก็คิดแบบนั้น ถ้าเราไปล้างเองจะถูกตามหลักการแพทย์หรือเปล่า”
“หรือเราจะไปโรงพยาบาลใกล้บ้านคะคุณ”
“แต่ผมว่าให้สะใภ้ไปล้างแผลน่าจะดี” พี่ปันเสนอ
   ผมนั่งฟัง ทั้งสี่คนเถียงกันไปมา จนได้ข้อสรุป
“แด๊ดอยากให้ลูกไปดูแลเจ้าเป๊บที่บ้านจนกว่าจะหาย ได้มั้ยลูก” แด๊ดสรุปบอกผม
   จะขัดได้ไงละครับ พ่อสามีขอ แล้วนี่สามีนอนเจ็บ จะไม่ไปดูแลก็ไม่ได้
“ได้ครับแด๊ด เดี๋ยวโจ้ดูแลเป๊บเองครับ”
“ดีมาก แบบนี้พี่สบายใจ น้องชายพี่จะได้หายเร็ว” พี่ปริมพูดขึ้นมา
   คือจะดีมากถ้าพี่ปริมกับพี่ปัน ไม่ส่งสัญญานยักคิ้วให้เป๊บ ส่วนเป๊บก็ยักคิ้วตอบกลับ พี่น้องสามคนนี้เจ้าเล่ห์มากกกกก โอ้ยยยยยยย หมั่นไส้
   ผ่านมาอีกวันนึง หมอตรวจเป๊บเรียบร้อย อนุญาตให้กลับไปรักษาตัวที่บ้านได้ แด๊ด กับพี่ปริม ไปจัดการเรื่องค่าใช้จ่าย ส่วนมัมกับพี่ปันก็ยืนสั่งให้เด็กๆ แม่บ้าน ขนของกลับ ส่วนผมก็ไปแต่งตัวให้เป๊บ จัดการเสื้อผ้านั่นนี่ คือเป๊บขยับตัวไม่ได้มากครับ กลัวแผลที่สมานฉีกขาดขึ้นมาอีก
“เป๊บใส่เสื้อตัวไหนเนี่ย” คือมัมขนเสื้อผ้าเป๊บมาหลายชุดเลย ก็งงว่าจะใส่ตัวไหน
“เอาเสื้อคอปกสีเหลืองอ่อนก็ได้ครับ”
“กางเกงละเป๊บ โจ้ว่ายีนส์ใส่ยาก เดี๋ยวกระเทือนแผล เอากางเกงวอร์มมั้ย”
“ได้ครับๆ” เป๊บทำท่าจะถอดเสื้อกับกางเกงชุดโรงพยาบาล
“เดี๋ยวๆ เป๊บอย่าขยับมาก เดี๋ยวโจ้ถอดให้...เป๊บลุกขึ้นเอาแขนซ้ายจับบ่าโจ้ไว้นะ” เป๊บทำตามที่ผมบอก
“เดี๋ยวถอดเสื้อก่อนนะ...เป๊บค่อยๆขยับนะ เดี๋ยวแผลฉีก”
“ครับๆ”
   ผมค่อยๆ ถอดเสื้อให้เป๊บ พร้อมกับกางเกง
“เป๊บนั่งบนเก้าอี้ก่อน” ผมไปหยิบกางเกงในมาสวมให้เป๊บ
“เป๊บ เดี๋ยวโจ้จะดึงกางเกงในขึ้นไปเป๊บค่อยๆลุกนะ จะสวมได้พอดี”
“ได้ครับ” ใส่กางเกงในเสร็จเรียบร้อย
“นี่ๆ ไม่ต้องพอง ทะลึ่ง” ผมแซวปนดุ



อีกสองสามวันมาต่อให้น้า  :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
แว๊กกกกกกก มันคืออะไรครับน้องโจ้
 :L2:
ค้างไว้อีกแล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-10-2016 05:10:34 โดย Yarkrak »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ คนอ่าน

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-13

ออฟไลน์ Kfc_Pizza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1

ออฟไลน์ meng

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
ดีใจที่ได้เห็นเรื่องนี้มีการอัพเดตอีกครั้งนะเนี่ย

รอคอยการกลับมาของพี่โจ้อีกครั้งนะ มาต่อเร็วๆนะ

คนอ่านรอกันเพียบเลย

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3

ออฟไลน์ noy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-9

ออฟไลน์ jonathan2624

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 839
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
สวัสดีครับทุกท่าน เชื่อกันว่า ทุกคนคงรู้สึกเช่นเดียวกัน ที่พระสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ เสด็จสวรรคต ผมกับเป๊บต่างรู้สึกใจหาย และเสียใจมากกับการเสด็จสวรรคตของพระองค์ ผมกับเป๊บและครอบครัวของเราทั้งสอง ต่างรักในหลวงและจงรักภักดีกับราชวงศ์จักรี หลายครั้งหลายคราที่เราทำความเพื่อพระองค์ท่าน ผมกับเป๊บก็เช่นกันครับ

เท่าที่จำความได้ ตัวผมเองเริ่มรู้จักในหลวง ตอนวัยเด็กคุณพ่อจะขับรถไปส่งที่โรงเรียน ทุกเช้าผมจะผ่านป้ายรถเมล์ที่คราคร่ำไปด้วยผู้คน ตรงป้ายรถเมล์ผมจะเห็นข้อความ เฉลิมฉลองพระชนมายุ 50 พรรษา ทุกค่ำคืนก่อนเข้านอน จะได้ดูข่าวพระราชกรณียกิจแทบทุกวันสม่ำเสมอ ผมมักคิดเสมอว่า ทุกครั้งที่เห็นพระองค์ ทำไมต้องไปอยู่ท่ามกลางป่าเขา ในสถานที่ยากลำบาก ทำไมไม่อยู่ในวัง เพราะนิทานที่อ่าน กษัตริย์ จะเสวยความสุขอยู่ในวัง นานๆ สักครั้งจะออกไปเยี่ยมเยียนประชาชน

โตขึ้นมาสักหน่อยช่วงมัธยมต้น ป้ายรถเมล์ บิลบอร์ดต่างๆ จะปรากฎพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวง พร้อมข้อความ เฉลิมฉลองพระชนมายุ 60 พรรษา , เฉลิมฉลองการครองราชย์ 50 ปี ทางโรงเรียนได้พาไปทัศนศึกษาโครงการพระราชดำริหลายครั้ง หนึ่งในนั้นที่ผมจำไม่เคยลืม คือ โครงการหุบกะพง จังหวัดเพชรบุรี ความรู้สึกเทิดทูน เคารพรัก และจงรักภักดีเกิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว เป็นกิจวัตร เป็นประจำวัน เป็นงานประจำ ที่ทุกคืนจะต้องดูข่าวพระราชสำนัก หรือ ติดตามข่าวสารของพระองค์ตลอดเวลา งานเฉลิมฉลองการครองราชย์ 60 ปี เมื่อปี พ.ศ. 2549 พระองค์และสมาชิกราชวงศ์ ออกพระที่นั่งอนันตสมาคม ประชาชนต่างสวมเสื้อเหลืองนับล้านๆ คน ต่างเข้าเฝ้าชื่นชมพระบารมี สีเหลืองไกลสุดลูกหูลูกตา ผมคือคนนึง ในประวัติศาสตร์ที่น่าจดจำนั้น ผมตะโกนสุดเสียง ทรงพระเจริญๆๆ (จนคออักเสบไปหลายวัน แต่ปลาบปลื้มและเทียบไม่ได้กับความเหนื่อยของพระองค์ที่ผ่านมาอย่างยาวนาน)

นับจากวันนั้น ผมจะสวดมนต์ ทำบุญ สร้างกุศล น้อมจิตถวายพระองค์ท่านสม่ำเสมอ ในใจของผมคิดว่า ขอให้พระองค์อยู่นานๆ เป็นมิ่งขวัญของประชาชนตราบนานเท่านาน แต่ผมลืมคิดไปว่า พระองค์ทรงเป็นคนเหมือนกับพวกเรา พระองค์ทรงอยู่ภายใต้คำสอนของพระพุทธองค์ที่ว่า อนิจจา วัฏสังขารา ไม่มีสิ่งใดเที่ยงแท้ ทุกสรรพสิ่งล้วนเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา......

พระอาจารย์อุดมที่ผมเคารพมาก ท่านเคยสอนผมว่า โยมโจ้ ทุกสรรพสิ่งย่อมมีเวลาของตนเอง เมื่อกาลเวลานั้นผ่านไป เราจะไม่สามารถย้อนเวลานั้นคืนมาได้ สิ่งเดียวที่เราจะทำได้ คือ การสร้างความดี การเป็นคนดี หลีกหนีการทำชั่ว นั่นแหละจะเป็นสิ่งที่ทำให้เราไม่เสียดายกับกาลเวลาที่ล่วงผ่านไปเลย

ท่ามกลางข่าวที่ทรงประชวรมาตลอด ทุกครั้งที่สำนักพระราชวังประกาศ ผมจะขอพรจากพระพุทธเจ้า สิ่งสักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ให้พระองค์หายจากพระอาการประชวรในเร็ววัน ช่วงวันที่ 10 ตุลาคม 2559 ได้รับทราบข่าว พระองค์ทรงประชวรหนัก กอปรกับกระแสข่าวลือมากมาย ผมใจไม่ดี แต่คิดว่า พระองค์ทรงเป็นผู้มีบารมีมาก จะต้องหายอย่างแน่นอน

13 ตุลาคม 2559 เวลาเข้าสู่ช่วงค่ำ ผมนั่งในห้องทำงานเพื่อเคลียร์งานที่มากมาย ผมเงยหน้าขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงเปิดประตูแรงมาก ผมเห็นเป๊บวิ่งเข้ามาพร้อมกับเปิดโทรทัศน์ ผมตกใจและงง กำลังจะถามว่า เกิดอะไรขึ้น.....ประกาศสำนักพระราชวัง เรื่อง.......

ผมนิ่ง เงียบ อึ้ง ตกใจ เสียใจ รับไม่ได้ หลากหลายอารมณ์เข้ามาประดังประเด น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ผมร้องไห้ดังมาก ไม่คิดเลยว่า ในหลวงที่ผมเห็นเคารพรัก บูชา เทิดทูน ตั้งแต่เด็ก เท่าที่ความจำผมจะระลึกได้ "เสด็จสู่สวรรคต" ตั้งสติได้ ผมเลิกทำงานทันที และ ถ่ายทอดคำสั่งจากแด๊ดที่โทรเข้ามาให้ปิดบริษัทวันที่ 14 ตุลาคม คงไม่มีใครจะมีจิตใจที่จะทำงาน

14 ตุลาคม 2559 คลื่นมหาชน ประชาชนชาวไทย น้อมใจใส่เสื้อสีดำ เพื่อแสดงความจงรักภักดีกับพระองค์ท่าน ผมคือประชาชนคนหนึ่งในประวัติศาสตร์นั้น ที่รอพิธีการเคลื่อนย้ายพระบรมศพของในหลวงผู้เป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย ผมยืนคอยตั้งแต่เช้าตรงสนามหลวง มองไปรอบๆ ทุกคนต่างเศร้าโศกและมาด้วยใจ ไม่มีใครบ่น ไม่มีใครย่อท้อ ทุกคนต่างเฝ้ารอกับการ เสด็จสู่สวรรคาลัย ในครั้งนี้ จนกระทั่งเวลามาถึง รถขบวนพระศพแล่นมาแต่ไกล ใจผมสั่น น้ำตาไหล สายตาผมจับจ้องรถตู้ที่เคลื่อนย้ายพระบรมศพของพระองค์ ที่เคลื่อนผ่านมาอย่างช้าๆ

ใจของผมนึกถึงไปว่า ครั้งนึงเมื่อหลายปีก่อนได้บวชเป็นพระภิกษุ มีโอกาสได้ศึกษาธรรมะ และคำสอนของพระอริยเจ้าหลายองค์ ข้อความตอนนึงตราตรึงใจผมมาก "ในหลวงท่านเป็นพระมหาโพธิสัตว์ ท่านเป็นพุทธภูมิลงมาบำเพ็ญบารมี นี่ก็บำเพ็ญบารมีมา 16 อสงไขย แล้ว อีกแค่แสนมหากัปล์ เกิดเพียงแค่ 5 ชาติ ในหลวงจะบารมีเต็ม และตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระนามว่า "พระสุมงคลพระพุทธเจ้า"

รถขบวนพระศพใกล้จะแล่นผ่านจุดที่ผมยืน ผมอฐิษฐานในใจด้วยน้ำตานองหน้า "ด้วยอานิสงฆ์ผลบุญที่ลูกได้ทำมายาวนาน ทุกภพชาติ ลูกขอมอบให้พระองค์ทั้งหมด ขอให้พระองค์ได้บรรลุเป็นพระพุทธเจ้าพระนามว่า พระสุมงคลพระพุทธเจ้า ดังตั้งใจ และขอให้ลูกได้เกิดมาฟังธรรมจากพระองค์ตราบเข้าสู่พระนิพพาน เสด็จสู่สวรรคาลัย พระพุทธเจ้าข้า"

รถขบวนพระศพแล่นผ่านไป ผมแทบไม่มีสติ ได้ยินเพียงแต่เสียงสะอื้น เป๊บเองเข้ามาโอบกอดผมไว้ น้ำตาไหลเช่นกัน

ใครๆ เข้าบอกกันว่า รัชกาลที่ 9 ได้สิ้นสุดลงแล้ว สำหรับผม รัชกาลที่ 9 ยังไม่สิ้นสุด ในหลวงยังคงอยู่ในใจของปวงชนชาวไทยทุกคน คำสอนของพระองค์ ผมจะโน้มนำมาปรับใช้ในชีวิต และขอปณิธานว่า จะเป็นคนดีของสังคม ตอบแทนแผ่นดิน ตราบจนกว่าชีวิตจะหาไม่


"ลูกขอให้พ่อมีความสุขในสวงสวรรค์ ตลอดนิรันดร์กาล"

กราบเสด็จสู่สวรรคาลัย พระพุทธเจ้าข้า

ลูกโจ้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-10-2016 13:29:07 โดย jonathan2624 »

ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
ขอน้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-11-2016 09:36:13 โดย Yarkrak »

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
พวกเราคนไทยโชคดีมากที่ได้เกิดภายใต้ร่มพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ และยังเกิดในประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนา

เคยอ่านเจอว่าพระองค์เป็นพระโพธิสัตว์เวียนว่ายในวัฏสงสาร เพื่อสร้างบารมีอีก 5 ชาติ แต่พึ่งรู้จากที่คุณโจ้บอกนี่เองว่า 5 ชาติ ที่เหลือนั้นใช้เวลานานมากกกกกก ไม่ได้ตระหนักคิดมาก่อน (1 มหากัป = 4 อสงไขย, 1 อสงไขย นานกี่ปี ให้เติม 0 หลังเลข 1 140 ตัว ค่ะ)

เคยอ่านหนังสือธรรมะกล่าวว่า การอธิษฐานจิตให้ได้ไปเกิดหรือไปบรรลุธรรมในสมัยที่มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้น มีโอกาสจะหวังได้ แต่กว่าจะถึงเวลานั้น ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกไม่รู้กี่ชาติ และต้องเกิดเป็นอะไรบ้าง ในภพภูมิไหน ไม่รู้เลย เราอาจจะเกิดเป็นมนุษย์อีกหลายชาติ เป็นสัตว์เดรัจฉาน เราอาจพลาดพลั้งทำกรรมชั่วหนักจนหล่นไปอบายภูมิก็เป็นได้ ยิ่งผู้ที่ปรารถนาไปเกิดในยุคพระศรีอารยเมตไตรย ยิ่งนานหลายล้านปีกว่า นานกว่ายุคพระสุมงคลพระพุทธเจ้ามาก  (เอาแค่ 2500 ปี เราก็รู้สึกว่านานแล้วเน๊าะ) ดังนั้นน่าจะดีกว่าหากเราปรารถนาเป้าหมายสูงสุดของพุทธศาสนาคือนิพพานให้ได้ ในชาตินี้ ไหนๆ ชาตินี้ก็ได้พบพุทธศาสนาแล้ว รู้หนทางปฏิบัติแล้ว (หนังสือกล่าวไว้ประมาณนี้ค่ะ)

ฝากบทความทิ้งท้าย "เปลี่ยนความเสียใจ เป็นกำลังใจสืบทอดความดีจากพระองค์" ตามไปอ่านกันที่ลิงค์นี้ค่ะ
https://www.facebook.com/notes/สื่อธรรมะดังตฤณ/ดังตฤณวิสัชนา-เปลี่ยนความเสียใจ-เป็นกำลังใจสืบทอดความดีจากพระองค์/1206279079415313

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
เขียนดีมากค่ะ แรงอธิษฐานใดที่พี่โจ้ได้ตั้งใจถวายบุญกุศลแด่พระองค์ท่านนั้นน้องขอร่วมอนุโทนายุญด้วย
ท่านเป็นพระโพธิสัตว์อย่างแท้จริงค่ะ ในฐานะของพสกนืกรของพระองค์คนหนึ่งได้สัมผัสมาทั้งชีวิตและรู้สึกว่าตัวเองและครอบครัวโชคดีเหลือเกินที่ได้เกิดที่นี่ในแผ่นดินของพระองค์ท่าน
ดังนั้นเวลาใดที่ได้ยินได้เห็นถ้อยคำที่มีคนหมิ่นท่านและราชวงศ์เรารับรู้ได้เลยว่านี่แหละสัจจธรรมขนาดพระพุทธองค์ยังตรัสไว้ว่าไม่มีใครรอดพ้นคำนินทาไปได้ ให้มองผ่านแค่รับรู้พอ คนเราทำดีต้องได้ดี ทำชั่วก็ย่อมได้รับผลกรรม

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด