ตอนที่ 11 หนีเที่ยว .....
ผมลงจากมอเตอร์ไซค์วินที่หน้าร้านริมทางด้วยชุดนิสิต หลังจากวางแผนไว้แล้วว่าเลิกเรียนแล้วจะไปสิงสถิตที่ห้องคอมแคนทีนจนเย็น แล้วก็จับรถมาที่ร้านทันทีโดยไม่ได้กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องตัวเอง เพราะหวั่นกลัวจะเจอโจทก์
“พี่ต้องครับ” ผมรีบยกมือไหว้พี่ต้องเจ้าของร้านทันทีหลังจากที่หายหัวไปสามวัน พี่ต้องหันมามองด้วยรอยยิ้มแสดงความเป็นมิตร
“อ้าวปอนด์ ไม่สบายหายแล้วเหรอ”
“ค่อยยังชั่วขึ้นเยอะแล้วครับพี่ ต้องขอโทษด้วยนะครับที่โดดงานไปหลายวัน”
“ขอโทษทำไมล่ะ เราก็ส่งคนมาร้องแทนแล้วไม่ใช่เหรอ”
“หา.....” ผมร้องอ้าปากกว้าง
“ตกใจอะไร ก็ตุลย์เขาบอกว่า ปอนด์ไม่สบายเลยส่งเพื่อนมาร้องเพลงแทน นั่นไงอยู่บนเวทีนั่นน่ะ” ผมหันไปมองตามที่พี่ต้องชี้พบว่าเป็นนักร้องสาว หุ่นสะบึม การแต่งกายก็อวดสัดส่วนเต็มที่ คนที่หามานี่มันเสป็กส่วนตัวกระต่ายหรือเปล่าวะ ทำไมไม่แต่งชุดบันนี่เกิร์ลไปเลยล่ะ เฮอะ!
หมั่นไส้ไอ้เชี่ยตุลย์ชะมัด เจ้ากี้เจ้าการสาระแนเป็นที่สุด จะหาคนมาร้องเพลงแทนก็ไม่บอก แล้วหาคนอื่นมาไม่ได้หรือไงวะทำไมต้องเอาชะนีด้วยวะ ฮึ่มๆ มันน่าโมโห
“เห็นว่าจะลาพักทั้งอาทิตย์เลยไม่ใช่เหรอเรา ทำไมรีบมาเร็ว” ปรึกษาหารือถามความคิดเห็นก่อนหรือยังเนี่ยถึงได้บอกพี่ต้องไปแบบนี้ หงุดหงิดจริงๆ
“เอ่อ...ก็พอดีว่าดีขึ้นเยอะเลยเกรงใจน่ะครับ ไม่อยากหายไปนาน”
“ไม่ต้องเกรงใจ หาคนมาแทนได้ถูกใจพี่ขนาดนี้ ก็น้องเขาทั้งน่ารัก เสียงดีเลย พี่ยังอยากให้น้องเขามาบ่อยๆ ด้วยซ้ำ ร้านเราจะได้มีลูกค้าชายเพิ่มเติมบ้าง ไม่ได้มีแต่ เก้ง กวาง กะเทย ชะนีอย่างทุกวันนี้”
อ้าวววว พูดแบบนี้กัดผมโดยเฉพาะเลยนี่หว่า แน่ล่ะสิ ก็เมียพี่ต้องแกขี้หึงนี่ เลยไม่ชอบจ้างนักร้องสาวมาให้สามีแทะโลมเท่าไร พอในร้านมีแต่นักร้องชายก็เลยดึงดูดแต่สาวๆ โดยเฉพาะแฟนคลับของผมก็เพิ่มจำพวกเพศที่สามตามไปด้วย ร้านนี้เลยใกล้จะเป็นบาร์เกย์เข้าไปทุกวันแล้ว
“แหะๆ เหรอครับ” ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ ใส่พี่ต้อง
“พี่ว่าปอนด์รีบกลับดีกว่านะ เดี๋ยวเมียพี่มาเห็นล่ะซวยแน่เลย ถ้าเห็นว่ามาร้านไหว มันคงโวยวายให้ปอนด์กลับมาร้องเพลงไวๆ แน่ ถึงจะหายดีแล้วแต่ปอนด์ยังหน้าซีดๆ อย่าเพิ่งหักโหมเลยนะ พักอีกหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอก อาทิตย์หน้าค่อยมาก็ได้” พี่ต้องบอกมา ไม่รู้ว่าหวังดีหรือว่าเสียดายชะนีน้อยบนเวทีนั่นกันแน่ แต่เท่าที่สมองอันชาญฉลาดของผมจะประมวลออกมาได้คือนอกจากจะไม่ต้อนรับแล้วยังขับไล่อีกต่างหาก
“ครับ งั้นผมกลับก่อนนะครับ” บอกลาเดินออกมาจากร้าน ด้วยอารมณ์เซ็งๆ มาแล้วก็ไม่ได้ร้องเพลงแล้วจะถ่อสังขารมาไกลทำไมถึงนี่วะเนี่ย.....
ว่าแต่ไอ้แก่มอเตอร์ไซค์ฮ่างของผมที่จอดทิ้งจอดขว้างไว้เมื่อสามสี่วันก่อนมันหายไปไหนแล้ววะเนี่ย เก่าขนาดนั้นยังจะขโมยกันได้ลงคออีกเหรอ? หรือว่าโดนเอาไปแยกชิ้นส่วนวะ อย่าให้รู้นะว่าใครแม่งเอาไป จะตามไปกระทืบแม่งถึงบ้าน (ว่าไปงั้นแหละครับ อย่างผมจะไปมีปัญญาอะไร)
กำลังคิดหนักว่าจะเอายังไงดี เพราะตอนนี้เหลือเงินติดตัวอยู่สิบบาท เพราะตอนออกไปเรียนไอ้ตุลย์มันบริจาคมาสามสิบ ประมาณว่าเก็บไว้กินของกินเท่านั้นล่ะ เพราะมันอาสาจะไปรับไปส่ง (คุณหนูหรือนักโทษวะชักสงสัย) ที่จริงมันทำท่าเหมือนจะให้เยอะแต่ไม่แน่ใจว่ามันกลัวโดนด่าว่าเอาเงินฟาดหัว หรือรู้ว่าผมจะหาทางหนีมันก็ไม่รู้สิ สุดท้ายเลยให้มาแค่นั้น... ผมก็ประหยัดอดออมที่สุดแล้ว อดข้าวกลางวันเก็บสามสิบเป็นค่ารถมาที่ร้านพี่ต้องแต่ก็เปล่าประโยชน์มากเลย เอายี่สิบกูคืนมาได้ไหม? ตอนนี้เหลือสิบบาทแล้วข้าวก็ไม่ได้กิน ไปไหนก็ไม่ได้ อนาถชีวิตมากอ่ะครับ
เมื่อความหิวมารบกวนก็แอบเศร้า รู้สึกเสียดายนิดหน่อยที่หยิ่งไม่ยอมรับเช็คเงินสดจากมัน ไม่ใช่อะไรหรอก แค่รู้สึกว่าตัวเองดูไร้ค่าเกินไปเท่านั้นเอง คิดดูสิ มันพรากเอาพรหมจรรย์ของผมไปทั้งทีให้มาแค่หลักหมื่น ถ้ามึงให้มาหลักล้านกูจะไม่ปฏิเสธเลยเหอะ (งกกว่าที่คิด...) ประชดนะครับไม่ได้จริงจังขนาดนั้น
ถอนใจแล้วก็นึกขึ้นได้ โทรหาโต้งดีกว่า ผมยกมือถือขึ้นเปิดเครื่อง หลังจากปิดมาทั้งวัน เพราะถ้าเปิดไว้มันก็ต้องมีคนโทรตาม รำคาญ แล้วก็เป็นดังคาด เพียงแค่ผมกดเบอร์หาชื่อกำลังจะกดโทรไอ้ชั่วนั่นก็โทรตามซะแล้ว
“โทรมาทำด๋อยอะไร” ผมกรอกเสียงแสดงความหงุดหงิดไปยังปลายสายทันที
“มึงอยู่ไหน” เสียงโหดๆ ของกระต่ายตุลย์หลั่งไหลมากวนส้นเท้า
“บนดิน ใต้ฟ้า” ผมก็เลยยียวนกลับไปอย่าได้หวั่น
“สัด... กวนตีนนะ กลับมาห้องเดี๋ยวนี้ กูจะรอ อย่าให้ต้องไปตามเอง”
“กูไม่กลับ แล้วมึงจะทำไม” ให้กระผมกลับไปให้โง่เหรอครับคุณ ผมไม่อยากโดนกระซวกไส้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ก็ไม่ทำไม แต่ถ้ากูเจอตัวเมื่อไร มึงได้เปลี่ยนจากอยู่บนดินใต้ฟ้า มาอยู่ใต้ร่างกูบนเตียงแน่ๆ ไอ้หน้าจืด” ดูสิครับ จะขู่กันไปไหน ถึงผมจะแอบหวาดๆ อยู่บ้างแต่ก็ยังรักษาศักดิ์ศรีไว้ เฉเปลี่ยนเรื่อง
“มึงเอารถกูไปหรือเปล่า”
“มึงอยู่ที่ร้านเหรอ?” แม่งตอบไม่ตรงคำถาม จะว่าไป ด่ามันว่าฟายอยู่นานก็เพ่งรู้ว่ามันก็ฉลาดเป็นกับเขาด้วยแฮะ
“งั้นรอนั่นก็ได้ เดี๋ยวไปหา” อ้าวววว เรื่องอะไรจะรอให้โง่
“ไม่รอ กูจะไปที่อื่น ไหนๆ มึงก็หาคนมาร้องเพลงแทนกูแล้วทั้งๆ ที กูเอาเวลาว่างไปเที่ยวดีกว่า ถ้ามึงมาก็มานั่งฟังสาวทรงตูมของมึงร้องเพลงไปแล้วกัน”
“กูพักร้อนให้มึงนอนพัก ไม่ใช่ให้มึงไปแรด” เยะ....เข้..... ปากหรือครับท่าน
“สัด.... กูอยู่ไหนกูก็แรดได้ทั้งนั้น แค่นั้นนะ” ผมตอบกลับไป แล้วรีบกดปุ่มโทรอีกเบอร์
!TONG!
“ว่าไง ตัวแสบ” ปลายสายทักทายด้วยน้ำเสียงเริงร่า
“เออ ไอ้เสือ มึงอยู่ไหนเนี่ย”
“ห้องดิ ทำไมเหรอ?”
“มึงออกมารับกูหน่อยดิ๊ กูอยู่ร้าน ให้ไวเลยนะมึง ถ้ามาช้า มึงอาจจะเจอซากศพกูแทน”
“มึงไปมีเรื่องกับใครมาวะ”
“มาเถอะน่า....” ผมกำชับเร่งเหย็งๆ เพราะถ้าไอ้ตุลย์โผล่มาก่อนก็เป็นอันจบข่าว
โชคยังดี ที่ห้องโต้งมันอยู่ใกล้ร้านกว่าห้องผม เลยรอดพ้นจากมือมัจจุราชไปหวุดหวิดเส้นยาแดงผ่าสิบ พอเห็นออนด้าซีวีซของมันเลี้ยวเข้ามาจอดหน้าร้าน ผมก็รีบวิ่งออกจากมุมมืดที่ใช้กำบังตัวเผื่อไอ้ตุลย์มาถึงก่อน
ปัง!! ปิดประตูอย่างแรงก่อนจะหันไปเร่ง
“รีบไปเลยมึง ชักช้างานเข้า” โต้งออกรถอย่างว่องไวตามสั่งทั้งหัวเราะทั้งส่ายหน้าระอา
“มึงเป็นอะไรอ่ะปอนด์ ดูรีบร้อน ลุกลี้ลุกลน”
“ช่างกูเถอะ กูก็เป็นของกูอย่างนี้แหละ”
“แล้วจะให้กูพาไปไหน” เออนั่นสิ กลับห้องก็ไม่ได้
“หิวว่ะมึง กินข้าวกันไหม... กูมีสิบบาท” ผมหันไปทำหน้าสลด โถ ปังปอนด์ผู้น่าสงสาร ช่างรวยเหลือเกิน
“โห่... ตังค์มึงเยอะโคตร แล้วคืนนี้ไม่ร้องเพลงเหรอ?”
“ถามโง่ๆ ถ้ากูร้องเพลง แล้วกูจะมานั่งอยู่ในรถมึงเหรอ ไอ้ฟายยยย”
“เออ... โทษทีไม่น่าถาม”
“ไม่เป็นไรหรอก กูให้อภัยคนโง่ๆ อย่างมึงได้”
“กูว่านะ กูอ่ะมันโง่ตั้งแต่หลวมตัวมาเป็นเพื่อนกับมึงแล้วว่ะ แม่งด่ากูตลอด” ไอ้โต้งบ่นกะปอดกะแปด
“กูบอกตอนไหนว่ามึงเป็นเพื่อนกูเนี่ย ขี้ตู่ว่ะ”
“เออ... งั้นถ้ามึงไม่ใช่แล้วมึงจะเป็นอะไร เป็นเมียไหม กูให้โอกาส” เห็บหมาเหอะ!! เล่นกับหมาหมาเลียปากจริงๆ วุ้ย
“ไม่ทั้งสองอย่างเลยได้ไหม” ผมเล่นลิ้น กวนประสาทมันอีก หรืออีกนัยหนึ่ง ความจริงผมก็คิดว่าโต้งมันก็ไม่เชิงเป็นเพื่อนกับผมเสียทีเดียวหรอก มันเป็นคู่กัดที่กินกันไม่ลง ทะเลาะด้วยแล้วก็สนุกดี นอกจากนั้นก็เป็นคู่แข่งที่สูสี และเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าวและเหล้าที่ใจปล้ำน่าคบ (ข้อดีมันอยู่ที่ข้อหลังนั่นแหละถึงได้ตกลงคบด้วยได้)
“ได้... ถ้ามึงไม่ใช่สองอย่างนี้ งั้นมึงลงจากรถกูไปเลยไป ไม่ต้องกงต้องกินอะไรแล้ว เลี้ยงเสียข้าวข้าวสุกฉิบหาย” ผมว่า ไอ้นี่ปากมันน่าตบขึ้นทุกวันนะ ว่าไหม แล้วในหัวมันก็หน้าเลือดน่าดูเลย หัวก็ไม่ล้านนี่หว่า ล้อเล่นแค่นี้ทำเป็นน้อยใจไปได้ ถ้าเป็นเวลาปกติจะไม่ง้อให้เสียปาก แต่ตอนนี้หิวไส้จะขาดแล้วเรื่องอะไรจะยอมให้มันไล่ลงรถก่อนจะได้เจอของกิน
“ถ้าให้กูเลือกระดับความสัมพันธ์ กูไม่เอาสองอย่างนั้นแต่เปลี่ยนเป็นขอเป็นสามีมึงแทนได้ป่ะ” ฮ่าๆ ต่อรองอย่างเป็นธรรม ไม่มีซะหรอกที่ปอนด์จะเสียเปรียบ
เอี๊ยดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!! โป๊ก!!!!!!
“ไอ้โต้ง!!!!.... ไอ้ชาติหมา!!!!.....”
อย่าหาว่าผมปากหมา จะไม่ให้ด่าได้ไง ก็แม่งเล่นเบรกกระทันจนหัวผมกระแทรกคอนโซลรถเลยครับ
“เชี่ยเอ๊ยยยย เบรกซะแรง หัวกู กระทบกระเทือนรึเปล่าก็ไม่รู้” บ่นพึมพำไปตามเรื่อง
“ปอนด์.... เมื่อกี้ว่าไงนะ พูดใหม่ดิ๊” มันทำเป็นไม่สนใจท่าทางแอ๊คติ้งโอเว่อร์ที่ผมแสดงออกแล้วชะโงกหน้ามาถาม สีหน้าเหมือนจะขู่ ล้อเล่นหน่อยเดียวทำเป็นเคือง... โด่.....
“ปล๊าววววววว กูบอกว่า เป็นเพื่อนกันก็ได้” ที่จริงผมไม่ได้กลัวนะครับ แต่หิวเลยยอมอ่อนข้อให้เท่านั้นเอง
“แล้วไป....” มันอมยิ้มน้อยๆ ก่อนจะกลับไปนั่งท่าเดิมแล้วออกรถต่อ
ระหว่างที่นอนพักสายตาต่อ สายก็เข้าอีก ขายดีจริงวุ้ย ผมยกมือถือขึ้นมาดูรายชื่อแล้วก็กดรับสาย
“จุ๊บจิ๊บเหรอจ๊ะ..... ว่าไงจ๊ะ” ทักทายด้วยเสียงอ่อนหวาน อันเป็นคุณสมบัติชั้นเลิศที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด
“ปอนด์เหรอคะ.... เมื่อวานทำไมไม่มาเรียนล่ะคะ จิ๊บกับเพื่อนชะเง้อคอคอยทั้งคาบเลย” ปลายสายส่งเสียงดัดๆ กลับมา ทำให้อดนึกภาพตามไม่ได้ ความเป็นจริงอาจจะไม่ได้ต่างจากที่สาธยายมาสักเท่าไร แต่ก็โทษเขาไม่ได้หรอกครับ แบบว่าคนมันหน้าตาดีจะมีคนชอบเยอะก็ไม่แปลก
“อ๋อ...ปอนด์ไม่สบายอ่ะจ้ะ” ผมตอบกลับไป
“ตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วยังไม่หายอีกเหรอคะ” เฮ้อ.... ขอร้องเหอะ ช่วยออกห่างประเด็นร้อนนั่นทีได้ไหม ไม่อยากคิดถึงเลยให้ตาย
“ดีขึ้นเยอะแล้วจ้า มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะคนสวย” ผมหยอกกลับไปเอาใจปลายสายรวมทั้งต้องการดึงบทสนทนาให้เข้าสู่ประเด็นหลักก่อนจะออกทะเลไปมากกว่านี้
“ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ แต่จะบอกว่าไม่ต้องห่วงนะคะ เพราะถึงปอนด์ไม่มาเรียนแต่จิ๊บเช็คชื่อแทนให้ไปแล้ว การบ้านที่อาจารย์สั่งจิ๊บก็ทำแทนส่งให้ไปแล้ว ส่วนงานกลุ่มที่สั่งเพิ่มวันนี้.... จิ๊บก็ยัดชื่อปอนด์ใส่กลุ่มไปแล้ว เดี๋ยวทำงานเสร็จ จิ๊บจะเอาเนื้อหาที่ปอนด์ต้องรายงานหน้าห้องไปให้ แล้วเดี๋ยวจะโทรหาอีกทีนะคะ” โห น่ารักใช่ไหมครับ จะมีใครที่ไหนทำให้ขนาดนี้เนี่ย แฟนกันบางคนก็ยังไม่ทำให้ขนาดนี้เลย
“อ๋อ ขอบใจจิ๊บกับเพื่อนๆ มากๆ นะจ๊ะ สำหรับความช่วยเหลือ” ผมรีบตอบกลับไปเสียงหวาน
“ไม่เป็นไรมิได้ สมาคมคนรักปอนด์ทำให้ได้เสมอค่า” จุ๊บจิ๊บลากเสียงยาว
“คร้าบๆ ฝากขอบคุณทุกคนเลยครับ น่ารักจริงๆ เลย”
“ค่า.... แล้วจะบอกให้ หายไวๆ นะคะปอนด์ จะได้เจอกันซะที จิ๊บคิดถึงแล้ว”
“จ้าๆ งั้นเดี๋ยวปอนด์ขอตัวไปนอนพักผ่อนก่อนนะครับ จิ๊บ”
“ค่ะๆ บายๆ ค่ะ จุ๊บๆ”
“ครับจุ๊บๆ ” ผมบอกลาแล้ววางสายไป
“ถุย! จะไปนอน โคตรตอแหล” เสียงเห่าของคนขับรถดังขึ้นเมื่อผมเก็บโทรศัพท์เข้าที่
“เรื่องของกู” ผมตอบด้วยเสียงกวนๆ
“เสียงหวานเชียวนะมึง ใครอ่ะ แฟนคลับเหรอ?”
“เปล่า เพื่อนในเอก”
“ผู้หญิง?” เป็นเพราะโต้งมันเคยชอบผู้หญิงมาก่อนหรือเปล่านะมันถึงไม่เรียกผู้หญิงว่าชะนีเหมือนเกย์คนอื่นๆ ส่วนผมเองพยายามจะไม่เรียกออกปากเพราะกลัวจะติด เพราะแฟนเพลงมากกว่าครึ่งของผมมันก็ชะนีนี่แหละ!!
“กูไม่คบนางมาร คบแต่นางฟ้าว่ะมึง” ตอบกลับไป ซึ่งเป็นอันเข้าใจตรงกันว่า นางฟ้าที่ว่าก็ไม่พ้นกะเทยนี่แหละ
“นางฟ้าหน้าโง่อ่ะดิ ถูกมึงหลอกใช้ไม่รู้ตัว” บางทีก็หมั่นไส้แม่งเหมือนกันที่มันออกตัวล้อฟี ว่าไม่ชอบกะเทย บอกว่ามันเหมือนผู้หญิงเกินไปจนกินไม่ลง ไม่ชอบเฉยๆ ก็ไม่ว่าหรอกนะไม่ต้องพูดจาและแสดงออกชัดเจนขนาดนั้นก็ได้ เห็นแล้วมันน่าหมั่นไส้จนนาแกล้งอีกรอบชะมัด!!
“กูไม่เคยหลอกใช้ใคร เขาเรียกว่าพึ่งพาอาศัยกัน... ที่จริงก็บอกเขาแล้วนะว่าไม่ต้องช่วยกูขนาดนี้ก็ได้ แต่เขาก็บอกว่าไม่เป็นไร จิ๊บเต็มใจทำเพื่อปอนด์ ....กูก็เลยไม่อยากขัดกลัวเขาจะเสียน้ำใจ ช่วยไม่ได้นะ คนมันหน้าตาดี นิสัยดี ก็เลยมีแต่คนรักคนหลง” ผมตอบกลับไป ยักไหล่และยกหางตัวเองซะลอยลิบลิ่ว
“เหอะ หมั่นไส้ มึงมันก็ดีแต่ตลกแดก เท่านั้นล่ะว้า”
“แล้วมันใช่เรื่องของมึงม้าย??? มีหน้าที่ขับรถก็ขับไป จะเลี้ยงข้าวก็เลี้ยงไป พูดมากเดี๋ยวตบเลือดกบปาก” ผมหันไปขู่ตาเขียว ทำท่าเหมือนหมาเตรียมตัวจะกระโดดกัด (ถ้าไม่ติดโซ่)
“เออๆ กูกลัวมึงมากอ่ะ สัด!” แม่งประชดอีก เดี๋ยวนี้เป็นอะไรวะชอบมีแต่คนกวนตีนใส่ ผมยักไหล่ไม่สนใจน้ำเสียงแสดงความเอือมระอาของมัน หันหน้ามองนอกกระจกรถอีกครั้ง ไม่นานนักคราวนี้โจทก์เก่าก็โทรมาอีก
“อะไรของมึงเนี่ย?” ผมทำเสียงรำคาญใส่ทันที เมื่อกดรับสายไอ้กระต่าย
“นี่มึงพูดกับกูดีๆ กว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไง”
“ได้.... ดีดี”
“วอก.... มึงอยู่ไหนเนี่ย” ให้ตายเหอะ แล้วมึงคิดจะเรียกชื่อกูมั่งไหมครับไอ้เชี่ยตุลย์ที่เคารพ ชื่อผมแต่ละอย่าง มีทั้งจืด ทั้งวอก ไม่ก็ไอ้ดื้อ แม่งเอ๊ยยยยย ต้องให้อยู่ในช่วงมีอารมณ์ทางเพศเท่านั้นหรือไงวะถึงจะเรียกชื่อกันได้บ้างเนี่ย
“เรื่องของกู” ผมตอบเสียงลอดไรฟัน
“กวนตีนกูมากนักนะมึงอ่ะ กูอยู่หน้าร้านแล้ว ออกมาให้ไว อย่าให้ต้องไปตามเอง ไม่งั้นมึงเจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งตูดแน่ๆ” เฮ้ย.... ไอ้เจ็บตัวเนี่ยไม่มายด์เท่าไร แต่ไอ้เจ็บตูดนี่ ฟังแล้วไม่สบายใจเลยให้ตายเถอะ
บอกกูทีว่าถ้าเจอกันมึงจะเตะกูหลายๆ ป้าบ กูจะดีใจมาก ขออย่าให้เป็นอย่างอื่นเลย แค่คิดก็ขนพองสยองซอกหลืบแล้วเหอะ
“เสียใจด้วยนะ กูออกมาจากร้านแล้ว ส่วนมึงน่ะ ก็ไปนั่งเฝ้าชะนีน้อยปากแดงของมึงอยู่ที่นั่นแหละดีแล้ว” ผมกรอกเสียงติดจะหงุดหงิดลงไป
“ทำไมต้องเฝ้า ไม่ใช่เด็กกูซะหน่อย แค่ให้เขามาร้องเพลงแทนมึงแค่นั้นเอง อย่าบอกว่ามึงงอน” มันเอาสมองส่วนไหนมาคิดวะว่าผมงอน
“กูเปล่า”
“มึงหึง” เฮ้ย!!! ไปกันใหญ่แล้ว
“เชี่ย!! อย่าหลงตัวเอง” ผมรีบปฏิเสธพัลวัน
“แล้วไง.... สรุปว่าที่มึงดื้อด้านขนาดนี้ ไม่ได้งอนแล้วก็ไม่ได้หึง แต่แค่คิดจะลองดีเท่านั้นใช่ไหม?” เออ... ลองดี? เอาวะ ข้อนี้น่าสนใจกว่าสองข้อแรกเยอะ
“ก็คงงั้น...”
“ดี!! งั้นมึงได้เจอดีแน่ ถ้าอยากจะเล่นไล่จับมากนักก็เอา ถ้ากูตามหามึงเจอ มึงไม่ต้องมาวิงวอนร้องขอชีวิต มึงไม่ได้ร้องเพลงไปถึงเดือนหน้าโน่น” เฮ้ย!!! เกินไปไหมน่ะ ผมแอบกลืนน้ำลายเอื๊อก เหงื่อแตกพลั่กๆ
“ไอ้เชี่ย ไม่ต้องมาขู่กูเลย” ผมยังอุตส่าห์แว้ดกลับไปได้อีกแม้ว่าตอนนี้หน้าหดเหลือสองนิ้วเรียบร้อยแล้ว
“แล้วมึงจะรู้ว่ากูไม่ได้ขู่!!”
...........
......................
...................................
................................................
ตายห่าแล้ว!!! (แอบปาดเหงื่อ)
เอ่อ.... กูถอนคำพูดทันไหมวะ!!
..........................
จุ๊บๆ ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ ทุกบวกนะคะ
ตอนนี้อาการป่วยดีขึ้นบ้างแล้ว แต่ยังไม่หายดีเท่าไร
แต่ที่หายๆไป แบบว่าไปติดนิยายเรื่องอื่นอยู่ ค่ะ อ่านทั้งคืนไม่ได้หลับได้นอนเลยเฮือก!!
จริงๆ พี่ตุลย์มันน่ารักเนอะ น่ารักแบบมันไม่รู้ตัว
นี่มันเป็นพี่คนโตจริงป่ะเนี่ย ทำไมกันย์ดูเป็นผู้เป็นคนกว่ากันเยอะเลย ฮะๆๆ
คิดถึงแล้วมาต่อเลยนะ ต้องมาภายในวันนี้ด้วยไม่งั้นจะไม่ได้อ่านอีกนานเลย ToT
นิว่า ตุลย์ก็ชอบเล่นมุกนะ แต่มุกที่เล่นมันแป้กมากกว่ากันย์ฮ่าๆ
ทำให้พอคิดได้ว่ามันเป็นพี่น้องกันจริงๆ
แล้วตรงไหนเหรอ? ที่บอกว่ากันย์เป็นผู้เป็นคนมากกว่า นิว่า กันย?มันปัญญาอ่อนมากกว่าพี่มันเยอะอ่ะ ฮ่าๆ
มาต่อแล้วนะ ทันวันนี้!! ด้วยอ่ะ (กร๊ากกกกก)