เรื่องสั้นคั่นเวลา.....ก็แค่ผู้ชายหยอกล้อกัน ตอน เลิกดีกว่า "วิ่งเร็ว...อีกสองนาทีทันแน่นอนเลยเว้ย เร็วเดียร์ วิ่ง"
เสื้อไม่ต้องเปลี่ยนน้ำไม่ต้องอาบ ทำเวลาได้เร็วมากเท่าไหร่ยิ่งดีมากเท่านั้น
รีบเผ่นลงมาจากหอพัก ใส่รองเท้าแบบลวก ๆ แล้วก็พากันโบกแท็กซี่รีบบึ่งมาที่มหาวิทยาลัยอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้
หอบรายงานเล่มหนาที่ใช้เวลาพิมพ์เร็วที่สุดในโลก แต่ยังคงมาตรฐานความเป็นโปรเจครายงานเอาไว้อย่างครบถ้วนไม่มีบกพร่อง
และเวลานี้ คนสองคน ที่ไม่เคยคิดว่าจะช่วยเหลือกันได้ขนาดนี้ก็รีบวิ่งมาด้วยกันด้วยความรวดเร็ว
"ไม่ต้องรอแล้ว ไปเลย อีกหนึ่งนาที"
เดียร์ตะโกนบอกคนที่วิ่งนำหน้าไปแล้ว และก็เห็นว่าฝ่ายนั้นชะงักเท้าก่อนจะวิ่งกลับมาหาอีกครั้ง
กระตุกข้อมือให้คนที่ทำท่าเหมือนกำลังเหนื่อยหอบให้วิ่งไปด้วยกันแต่โดยดี
"ไม่เอา ต้องส่งด้วยกัน ไปด้วยกันเดี๋ยวนี้"
ฟังดูเป็นถ้อยคำที่เป็นการเอาแต่ใจมากที่สุด หากในเวลาปกติเดียร์จะสะบัดมือและด่า
แต่เวลานี้ยอมให้อีกฝ่ายจับมือเอาไว้แน่นเพื่อให้ออกวิ่งไปพร้อมกันลัดเลาะไปตามทางเดินและวิ่งตัดผ่านสนามหญ้า เป้าหมายตรงหน้าคือห้องพักอาจารย์
"ไปเร็วเดียร์"
ได้ยินคำพูดของคนที่จับมือเอาไว้ไม่ยอมปล่อยทั้งที่มืออีกข้างยังหอบรายงานเล่มหนาเอาไว้
เหนื่อย เหนื่อย วิ่งขนาดนี้ กูทั้งจุกทั้งเหนื่อยจะตายแล้วโว้ยยยยยยยยย แต่ว่า ไปก็ไปวะ ยังไงก็ไป
ไปพร้อมกัน ไปส่งรายงานด้วยกัน
"เร็ว ฮวย ไปด้วยกัน"
แค่คำพูดตอบกลับ แค่การที่คน ๆ หนึ่งกระชับฝ่ามือเข้าหาให้แน่นขึ้นและไม่ปล่อยให้มือของฮวยหลุดออกจากมือ
เสี้ยววินาทีที่ต้องวิ่งอย่างรวดเร็ว และรู้สึกว่าเหนื่อยจนแทบจะหมดแรง
แต่ความอุ่นซ่านบางอย่างที่แผ่เข้าถึงหัวใจอย่างรวดเร็วมันอบอุ่นจนน่าประหลาด จนทำให้เผลอยิ้มออกมาด้วยกันทั้งคู่
"แฮ่ก แฮ่ก ถึงแล้ว โว้ย ทันเวลา ป่ะเข้าไปส่งกัน"
ฮวยหันมาบอกกับคนที่หน้าแดงก่ำเพราะความเหนื่อยจากการวิ่ง และสะบัดรองเท้าของตัวเองออกทั้งลากทั้งจูงให้อีกฝ่ายตามเข้ามาในห้องพักของอาจารย์ด้วยกัน
"สุดท้าย ท้ายสุดเลยนะเธอสองคนน่ะ ประจำเลย นี่มันโปรเจคเลยนะ ยังจะทำงานแบบลวก ๆ กันอยู่อีกเหรอ ไม่ได้เรื่องเลย จะผ่านแน่เหรอเนี่ย กลุ่มอื่นเขามาส่งกันหมดแล้ว มีแต่กลุ่มเธอกลุ่มเดียวนั่นแหละ เอ้าวางไว้เลย คงไม่มีคราวหลังแล้วใช่มั้ย หวังว่าเราคงได้พบกันอีกในงานวันอำลานะ"
ยาวเป็นหางว่าว ลากยาว ทั้งบ่นทั้งเทศนา ก่อนที่อาจารย์สุดที่รักจะขยับแว่นสองสามครั้งและส่งยิ้มให้กับสองหนุ่มที่ยืนหอบอยู่ตรงหน้า
"จะแต่งเมื่อไหร่ล่ะเธอสองคน คบหากันมาก็นานแล้วนี่ ใจคอจะเปิดเผยประชดชาวบ้านเขาหรือไงทำอะไรหัดเกรงใจกันบ้าง ที่นี่มันมหาวิทยาลัยนะ ไม่ใช่บ้าน อย่ามาจับมือถือแขนกันแบบนี้ เป็นผู้ชายมันดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ สายตาชาวบ้านหัดมองไว้บ้างมันก็ดี"
เหยย
ใครจับมือถือแขนอ่ะ
"อร๊ากกกกกกกกก เมื่อไหร่เนี่ย โทษครับ จารย์ แบบว่าไงอ่ะ คือพวกผมแค่วิ่งมาด้วยกันครับ คือว่า ไม่มีอะไรจริง ๆ ครับเอ่อ คือ"
ปากพูด หน้าแดงก่ำ พูดผิด ๆ ถูก ๆ เพราะโดนแซว และรอยยิ้มของอาจารย์ยิ่งทำให้ฮวยกลายเป็นคนบ้าบอที่ลืมตัวไปชั่วขณะทำอะไรประหลาด จนแทบไม่อยากคิดว่านี่คือตัวเอง
"เอ้า เธอเป็นอะไรของเธอน่ะ ไปได้แล้ว ฉันจะตรวจสอบรายงานก่อนนำเสนอคณะกรรมการ ด่านต่อไปน่ะวัดฝีมือของแท้จะมาทำเป็นเล่นแบบนี้ไม่ได้รู้มั้ย แหม มือนี่จับกันแน่นเชียวนะ ไม่คิดจะปล่อยเลยหรือไงนักศึกษา"
บร้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา อาจารย์ก็ อย่าแซวผมดิ ปกติผมหน้าหนานะครับ แต่ไหงเวลาลืมตัวทีไรหน้าบางลงทู้กกกกกกกกกกกกกกที
"โทษที ลืม"
คนตัวโตที่ยังยิ้มแหย ๆ หันไปบอกกับเดียร์ที่อยู่ในอาการอึ้งจนไม่รู้จะพูดอะไรออกมาเมื่ออีกฝ่ายยอมปล่อยมือออกอย่างช้า ๆ ทำเหมือนกับว่ากำลังรู้สึกเสียดายที่ต้องทำสิ่งที่ไม่อยากทำ
"ขอบคุณครับอาจารย์"
ยกมือไหว้บอกลา และเดินออกมานั่งใส่รองเท้าอยู่หน้าห้องพักอาจารย์ หันไปมองหน้ากันแบบแปลก ๆ และลงมือผูกเชือกรองเท้ากันอย่างเขิน ๆ
มันเป็นเรื่องบ้า ๆ อย่างน่าประหลาด
บ้าเปล่าวะ
เป็นอะไรแต่วัน มึนกับงานหรือไง หรือว่าเหนื่อยเกินไปวะเนี่ย
"กินน้ำมั๊ย เดี๋ยวไปซื้อ"
ฮวยได้ยินคำถามของคนที่นั่งเงียบและลงมือผูกเชือกรองเท้าอยู่ข้าง ๆ
เอ่อ กะ กิน กิน ก็ได้ กินก็ดี หิวเหมือนกัน
หันไปพยักหน้าแบบเนือย ๆ ก่อนจะชี้นิ้วบอกว่าจะไปรอที่เก้าอี้ม้านั่งใต้ต้นหูกวางห่างออกไป
ก็เห็นว่าคนตัวเล็กที่หน้ายังแดงเพราะความเหนื่อยจากการที่ต้องวิ่ง มองตามนิ้วที่ชี้แล้วก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ
"รอตรงนั้นใช่เปล่า เดี๋ยวมา"
แล้วเดียร์ก็ลุกขึ้นเดินจากไปอย่างช้า ๆ โดยมีสายตาของฮวยมองตามร่างที่เดินหายไปลับตาและแอบลอบยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกแปลก ๆ
...
"อย่าไปนานนะจ๊ะ....เดี๋ยวคิดถึงแย่"
บอกกับตัวเองแล้วก็ก้มหน้าหัวเราะเงียบ ๆ เสียงเบา ถ้าขืนตะโกนบอกไอ้เดียร์แบบนี้มีหวังอดกินน้ำแน่ เพราะมันคงด่ากลับมาเละไม่มีชิ้นดี แต่ก็...............
"ถ้าเกินห้านาทีคงคิดถึงตาย"
บ่นเสียงเบาพึมพำแล้วก็ยิ่งอยากจะหัวเราะให้เสียงดังมากขึ้น
บ้าน่า
พอเถอะวะ เดี๋ยวก็ได้ขำตายกันมั่งหรอกแบบนี้
ฮวยลุกขึ้นเดินไปนั่งรอที่เก้าอี้ไม้ตัวยาวใต้ต้นหูกวาง นั่งมองนักศึกษาคนอื่นที่ยังเดินผ่านไปผ่านมาบนทางเดินทั้งที่เป็นเวลาใกล้พลบค่ำ
เหลือบมองนาฬิกาแล้วก็เห็นว่าเกือบหกโมงครึ่ง
ทันเวลาพอดี นึกว่าจะไม่รอดซะแล้วงานนี้ แต่ก็รอดมาจนได้ ส่งซะที คืนนี้จะได้หลับเต็มตา
หลับเต็มตา
พูดถึงหลับเต็มตาแล้วมันชักจะ
เฮ่อ ลมเย็นแท้หนอ แดดร่มลมตกซะด้วย มองซ้ายมองขวา แล้วก็ค่อยๆ หรี่ตาลงเอนหลังแนบกับพนักเก้าอี้พิงหรี่ตาลงอย่างช้า ๆ
เงียบ
สงบ
เย็นสบาย
มีความสุขที่สุด
อยากหอมแก้มเดียร์จัง......มือก็นิ้มนิ่ม...หน้าเวลายิ้มก็น่ารัก.....ถ้าได้กอดแน่น ๆ สักทีสองทีคงหลับสบายแน่คืนนี้
คิดเรื่องบ้า ๆ ที่ไม่ควรคิดและหัวเราะเสียงเมื่อนึกว่าถ้าลองแกล้งไปพูดคำพูดนี้กับอีกฝ่ายคงได้โดนกำปั้นหนัก ๆ ตะบันเข้าที่เบ้าตาแน่ ๆ แค่คิดก็ตลกแล้ว
นี่แหละความสุขที่สุด
ได้แกล้งไอ้เดียร์วันละนิด
แค่วันละนิดจริง ๆ
แกล้งเดียร์วันละนิดจิตแจ่มใส มีความสุขจังเลยเว้ยกู
"เฮ้ย ฮวยน้ำมะนาวปั่นมาแล้ว ลูกชิ้นปิ้งก็....อ้าว"
นึกว่านั่งมองอะไรอยู่เห็นนั่งนิ่งเชียว ที่ไหนได้ ไอ้เฮงซวยฮวยมัน........หลับนี่หว่า
เดียร์ย่อกายลงนั่งข้าง ๆ คนที่นั่งกอดอกก้มหน้าหลับตาเงียบ ๆ ก่อนจะวางถุงลูกชิ้นปิ้งไว้ข้างตัวและมือยังหิ้วถุงน้ำมะนาวปั่นเอาไว้ในมือ
"เฮ้ย หลับจริงเหรอ"
เอ่ยถามเสียงเบาจนแทบเป็นการกระซิบเพราะเห็นอีกฝ่ายยังคงนั่งเงียบ และก็ไม่พบว่ามีปฏิกิริยาอะไรตอบกลับมา
"เหนื่อยเหรอ"
กระซิบถามจนแทบติดข้างหูของคนที่นั่งหลับแล้วก็ค่อย ๆ ผละใบหน้าออกห่างอย่างช้า ๆ เพ่งพิศจ้องมองใบหน้าของใครบางคนที่ไม่มีทีท่าว่าปรือตาตื่นขึ้นมาเลยสักนิด
ผมยุ่งไปหมดเลย น้ำท่ามันก็ยังไม่ได้อาบตั้งแต่เมื่อวาน เน่ากันทั้งคู่ล่ะวะ กลับบ้านไปได้ขัดตัวยกใหญ่แน่ลองแบบนี้นะ
ที่จริงไม่เคยสนใจหรอกว่าหน้าตาไอ้ฮวยเป็นยังไง
เวลาเจอมันทีไรก็เห็นมันทำหน้ากวนประสาททุกครั้ง แต่เวลามันหลับตาลงเงียบ ๆ ไม่พูดอะไรเลยแบบนี้
มันก็น่า.....น่า....แค่คิดว่าน่าคบหาแค่นั้นแหละ ไม่ได้คิดอะไรแปลก ๆ เลยสักนิด
ไม่ไหวหรอกคนอกหักยิ่งจิตใจอ่อนไหวง่ายซะด้วย ไปอ่อนไหวกับคนอื่นดีกว่า ขืนมาอ่อนไหวกับไอ้ฮวยชาตินี้คงได้เจอแต่เรื่องเฮงซวยทั้งชาติแน่ ๆ
เดียร์กำลังนั่งอมยิ้ม และคิดเรื่องตลก ๆ ไปเรื่อย ๆ
น้ำแข็งในถุงเริ่มละลาย พร้อมกับที่ลูกชิ้นปิ้งกลายเป็นลูกชิ้นเย็นชืดไปแล้ว
เห็นคนที่นั่งหลับเงียบ ๆ ขยับกายอีกครั้งในคราวแรกนึกว่าคงจะตื่น แต่สุดท้ายก็เห็นนั่งเอนศรีษะไปมาเพราะความง่วงงุน
ก็เลย
เลย
ลองขยับกายไปนั่งให้ชิดติดกันอีกนิด และเอนไหล่เข้าหาอีกหน่อย เพื่อให้ศรีษะของคนตัวโตได้เอนซบลงมาอย่างถนัดถนี่
"...ซบกูเองนาเว้ย กูเปล่าห้ายมึงซบนา"
หัวเราะเสียงเบาและยกถุงน้ำมะนาวปั่นขึ้นหยิบหลอดดูดน้ำมาดูดน้ำมะนาวแก้เขินและค่อย ๆ เหลือบสายตาจ้องมองใบหน้าของอีกฝ่ายเงียบ ๆ
กระพริบตาสองสามครั้งเพื่อมองให้ชัดขึ้น
แล้วก็หันกลับมานั่งยิ้มกับตัวเอง
"กินลูกชิ้นดีกว่า...แม่งมาซบทำไมวะ กูเลยไปไหนไม่ได้เลยเนี่ย ซวยเลย"
พูดออกไปแล้ว และพยายามดูดน้ำมะนาวปั่นแก้เขินดึงไม้ลูกชิ้นออกจากถุงมาหมุนเล่นด้วยความรู้สึกแปลก ๆ
ไม่กล้าขยับร่างกายมากนักได้แต่นั่งตัวแข็งทื่อ เพราะกลัวว่าจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกตัวตื่น
ความมืดเข้าปกคลุมพร้อมกับที่ดวงไฟหลายดวงถูกเปิดขึ้นเพื่อให้แสงสว่าง
น้ำพุหน้าลานกว้าง ต้องแสงไฟเป็นประกายวาววับเมื่อมองจากจุดที่นั่งอยู่
ได้ยินเสียงจั๊กจั่นร้องดังขึ้นเรื่อย ๆ พร้อม ๆ กับที่ยุงหลายตัวเริ่มบินวนไปวนมาเพื่อเตรียมดูดเลือด
บรรยากาศมันไม่น่าพิศมัยมากนักหรอก เวลามียุงมาก่อกวน แต่เดียร์ก็พยายามนั่งนิ่ง ๆ จนกระทั่งเหลือบมองไปเห็นยุงตัวโตที่บินมาเกาะที่แก้มของฮวยที่ยังหลับสนิท
เหลือบมองหลายครั้ง
และคิดว่าครั้งนี้ล่ะ
มึงเสร็จกูแน่ไอ้ฮวย แอบลอบยิ้มอย่างสะใจลึก ๆ เมื่อคิดว่าโอกาสแก้แค้นมาถึงแล้ว
ง้างมือไปสุดแขนและเตรียมฟาดให้เต็มแรง
ตายซะเถอะมึง ไอ้ฮวย เอ้ย ไอ้ยุงบ้า อย่าอยู่เลย ฮ่า ฮ่า ฮ่า
คิดอย่างสะใจและเตรียมพร้อมจะลงมือแต่แล้วเสียงบ่นงึมงำที่ซอกคอกลับทำให้ต้องหยุดชะงักมือค้างอยู่อย่างนั้น
"คนเรานะ นึกว่าจะใจดีได้ตลอด สุดท้ายก็เหมือนเดิม คิดเอาคืนตลอดเวลาเลยนี่หว่า เอาเลย ถ้าอยากตบให้หายแค้นก็เอาเลย ยังไงซะต่อไปเราก็คงไม่ต้องพบเจอกันอยู่ดี"
มือของเดียร์ยังคงชะงักนิ่งค้าง พร้อมกับที่ฮวยค่อย ๆ ขยับกายขึ้นนั่งตัวตรง หันมาจ้องหน้าของเดียร์นิ่ง ๆ และรู้สึกว่าควรจะเอาจริงซะที หมดเวลาเล่นอะไรบ้า ๆ บอ ๆ แล้ว
"ตบเลยนะ...จะได้หายแค้น....แต่ก่อนตบขอก่อนแล้วกัน...ไม่อยากโดนตบฟรี"
ฝ่ามือค่อย ๆ ลดลงแล้วและรู้สึกถึงใบหน้าของคนตรงหน้าที่โน้มเข้ามาใกล้ ริมฝีปากร้อนผะผ่าวแตะแต้มลงมาที่ข้างแก้มอย่างช้า ๆ ประทับรอยอย่างแผ่วเบา สัมผัสแผ่ว ๆ ที่กลีบปากนุ่มเพียงเล็กน้อยและค่อยผละออกห่างอย่างช้า ๆ
ดวงตาคมจ้องมองดวงตากลมโตที่ยังคงเบิกกว้างและไม่ยอมหลบสายตานั้นเอาไว้นิ่ง ๆ
นิ่ง
และนาน
ไม่มีใครขยับกาย
ได้แต่จ้องมองหน้ากันเงียบ ๆ ในระยะห่างกันแค่คืบ
รู้สึกถึงลมหายใจที่เป่ารดชิดที่ข้างแก้ม
รู้สึกถึงไออุ่นร้อน ๆ จากร่างกายของคนที่นั่งอยู่ใกล้ชิดกันจนแทบไม่มีที่ว่าง
"นาเดียร์......"
ได้ยินเสียงเหมือนใครเรียกชื่อ แต่มันดังมาจากที่ ๆ ไกลแสนไกลเหลือเกิน ไกลจนแทบไม่ได้ยิน
ไกลจนต้องพยายามฟังอีกครั้งให้แน่ใจว่าเสียงนั้นต้องการจะเรียกใคร
"ทำหน้าเอ๋อไปได้ จูบแค่ทีสองทีแค่นี้ถึงกับอึ้งเลยเหรอวะ...บอกแล้วให้ใช้ลิปมันกลิ่นเลมอนเวลาจูบจะได้รู้สึกดีมากกว่านี้ นี่อาร้ายยยยยยยย ปากก็แห้ง หน้าก็เอ๋อ หัวก็ยุ่งเหยิงแถมน้ำยังไม่ได้อาบอีก แย่ชะมัด คราวหลังไม่เอาแล้ว เบื่อว่ะ ไปหาซื้อลิปมันมาทาได้แล้วไอ้น้อง แบบนี้จูบกี่ทีก็เซ็งตาย"
มือฟาดลงที่ใบหน้าของฮวยอย่างจัง ถุงน้ำมะนาวหล่นลงบนพื้น พร้อมกับที่ฮวยถูกผลักลงไปนอนกลิ้งตามด้วยรอยฝ่าเท้าที่ประทับไว้บนยอดอกอย่างแรง
"โอ้ยยยยยยยยยย เจ็บนะโว้ยยยยยยย แม่งเล่นทีเผลอเหรอ เจ็บนะโว้ย"
โหดได้ที่ แต่ก็สมควรแล้วกับความปากเสียของฮวย
คนตัวเล็กที่อยู่ในสภาพเสียศูนย์เดินลิ่ว ๆ จากไปอย่างไม่คิดจะหันกลับมามองอีกพร้อมกับที่ฮวยค่อย ๆ พยุงกายลุกขึ้นนั่งบนเก้าอี้ไม้ตัวเดิม
ปัดร่องรอยที่ฝากไว้บนยอดอก และยกมือขึ้นกุมที่ข้างแก้มด้วยความเจ็บ
"ก็มันช่วยไม่ได้นี่หว่า....ขืนไม่ทำแบบนี้กูนี่แหละจะแย่....อยากทำอะไรเลยเถิดแค่ไหนแต่นั่นมันก็ผู้ชายดูยังไงมันก็ผู้ชายชัด ๆ ผู้ชายที่ไหนไม่ว่า เสือกเป็นไอ้เดียร์ซะได้ แค่นี้ก็จะได้เลิกคบกันไปซะ เจอกันอีกทีก็คงตอนพรีเซนต์งาน ขอโทษว่ะเดียร์...ขืนไม่รีบตัดไฟซะแต่ต้นลม...กูนี่แหละท่าจะต้องกลายเป็นคนบ้าซะเอง"
TBC.....
ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี ลุ้นจนจะหน้ามึดแล้วอ่ะ
หลบไปทำใจ ดีกว่า อิอิ
รอกันนิดน๊าสำหรับตอนต่อไป