เจอคำตอบรีบนถึงกับมึน
เอาตอนใหม่มาแก้มึน 555555
เรื่องสั้นคั่นเวลา.....ก็แค่ผู้ชายหยอกล้อกัน ตอน เรื่องที่ยังมาไม่ถึง "เรื่องของเรา.........เอาไว้ค่อยคุยทีหลัง ไม่มีเวลาแล้วเดี๋ยวเครื่องออกก่อนซวยแน่ ไปล้างหน้าเร็ว อยากมีคนไปส่ง.......จะไปมั้ย...ไม่ได้บังคับแค่อยากมีคนไปส่งแค่นั้น...ได้มั้ย"
ไม่รู้
รู้แต่ว่า....น้ำมูกยืด หน้าตายุ่งเหยิง ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง สภาพยับยู่ยี่แบบนี้ ขืนเดินออกไปหมาได้เห่ากันระงม เพราะคิดว่าเป็นคนมาเก็บของเก่าไปขาย
"เอ้า อย่าเอามือไปขยี้ตาแบบนั้นสิ เดี๋ยวก็ยิ่งตาบวมกันพอดีหรอก ไปเร็ว ไปล้างหน้าก่อน เอ้า...นี่ผ้าขนหนูจะอาบน้ำด้วยก็ได้นะ แต่แค่ 5 นาทีพอ"
เหรอ
5 นาทีพอเหรอ แล้วเสื้ออยู่ไหนวะ กางเกงอยู่ไหนล่ะ
"เอาเสื้อตัวนี้แหละ กางเกงตัวนี้ก็ได้ แล้วก็......"
เฮ้ยยยยยยยยยย
คนที่ยังอยู่ในอาการมึนชีวิต ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก และยังคงมีอาการเอ๋อ ๆ เบลอ ๆ รีบยกมือขึ้นตะครุบบางสิ่งบางอย่างที่ถูกดึงมาจากลิ้นชักในตู้เสื้อผ้ามาถือเอาไว้ แล้วก็รีบวิ่งลิ่วหนีหายเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว
"สีขาวซะด้วย......ใส่สบาย....กระชับ...ฮ่า ฮ่า ฮ่า"
อย่ามายุ่งกับกางเกงในกู แม่กูเพิ่งซื้อให้ใหม่ตอนกลับบ้าน เที่ยวมาหยิบนั่นหยิบนี่ในห้องคนอื่นเดี๋ยวก็ด่าแบบไม่ซ้ำคำหรอก ไอ้ห่าฮวย ไอ้บ้า
"รีบ ๆ อาบน๊าาาาาาาา ขืนอาบช้า เค้าจาค้นตู้แล้วน๊า...ว่ามีกางเกงในสีขาวอีกกี่ตัว....ฮ่า ฮ่า ฮ่า"
โว้ยยยยยยย มันตลกตรงไหนวะ หัวเราะอยู่ได้ ไอ้บ้าเอ้ย เดี๋ยวไม่ไปส่งแน่มึง คอยดูก็แล้วกัน
ฮวยยืนกอดอกหัวเราะอยู่หน้าห้องน้ำ แต่เสียงปึงปังโครมครามในห้องน้ำ ก็ทำให้ยิ้มและหัวเราะออกมาได้
ตลกจะตาย แกล้งนาเดียร์
สนุกอย่าบอกใครที่ได้แกล้ง ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมชอบแหย่ ชอบทำให้มันหน้าหงิกหน้างอนัก
รู้แต่ว่า ถ้าเดียร์มันทำหน้าแบบนั้น มันน่ารักดีพิลึก แล้วก็ไม่เหมือนใคร ๆ ที่รู้จักเลยสักคน
เรื่องของเรา....คงต้องมานั่งคุยกันใหม่แล้ว ว่าจะเอายังไงกันแน่
จะคบกันหรือเปล่าก็ยังไม่รู้
รู้แต่ว่าตอนนี้ชอบ....แล้วก็รัก...รักทั้ง ๆ ที่เดียร์มันก็เป็นแบบที่เป็นนั่นแหละ รักที่เป็นคนแบบนั้น
อะไรก็ได้ที่เดียร์เป็น
งี่เง่า โวยวาย คิดอะไรอยู่บ้างก็ไม่รู้ ไม่รู้ในสมองคิดอะไรเอาไว้บ้าง ทำไมร้องไห้ได้มากขนาดนั้น
รักเหมือนกันไม่ใช่เหรอ......ถ้าไม่ได้เข้าข้างตัวเอง ก็คิดออก มองยังไงก็รู้ว่าอย่างน้อยนาเดียร์มันต้องมีใจให้บ้างแหละน่า ไม่อย่างนั้นทำไมถึงยอมให้ทำอะไร อะไร ได้ตั้งมากมายขนาดนั้น
นิสัยแบบนั้น ไม่มีทางยอมให้ใครมายุ่งวุ่นวายพัวพันด้วยหรอก
ขอเข้าข้างตัวเอง.....ว่าอย่างน้อยถ้าเดียร์ไม่รัก....มันก็ต้องชอบกันบ้างล่ะว๊า ขอเข้าข้างตัวเองหน่อยเถ้ออออ
ยืนยิ้ม แล้วก็ได้แต่ครุ่นคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
เหลือบมองนาฬิกาก็รู้ว่ายังพอมีเวลาอยู่บ้าง
ไปแบบที่ไม่ได้ทะเลาะกัน ยังดีกว่าไปแบบโกรธกันแล้วมองหน้ากันไม่ได้
จะทำยังไงดีนะ ทำยังไงถึงจะรู้ว่าเดียร์คิดอะไรอยู่กันแน่
ไม่ทันได้คิดอะไร ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออกพร้อมกับคนที่โผล่หน้าออกมาอย่างรวดเร็ว
"เดี๋ยวนะ แป๊บเดียวนะ..."
รีบ กำลังรีบมาก ผมเผ้าเปียกลู่ หัวหูยังกระเซอะกระเซิงอยู่ แต่ต้องรีบเดินออกมาจากห้องน้ำทั้งที่ยังมีผ้าขนหนูพาดอยู่ที่บ่า เดินมาค้นอะไรกุกกัก ๆ ในลิ้นชักโต๊ะ แล้วก็สะบัดผมสองสามที ก่อนจะหันหน้ามามองคนที่ยืนกอดอกแล้วก็จ้องมองมาชนิดแทบไม่กระพริบตา
"มองหาห่าอะไรวะ รีบไม่ใช่เหรอ เจอกุญแจแล้ว ไปสิ จะไปยังอ่ะ"
มองอะไร ก็มองเดียร์ไง ทำไมเป็นยังไงมันก็เป็นอย่างนั้นตลอดเลย คราวก่อน ที่ลากไปเดินเที่ยวด้วยกันได้ นาเดียร์มันก็แต่งตัวได้น่าดูชมมาก ลากร้องเท้าแตะ เสื้อผ้ายับยู่ยี่ ไม่เกรงสายตาคนมอง
แล้วดูคราวนี้สิ
ก็ยังเหมือนเดิม หน้ายังเปียกน้ำ หัวหูยังเละเทะอยู่เลย บอกว่า 5 นาที แต่ครึ่งชั่วโมงก็ทัน ไม่ได้จริงจังซะหน่อย แล้วจะไปสภาพนี้แน่เหรอ เฮ่อ กลุ้มใจกับเดียร์จริง ๆ เลยว่ะ
"นั่งนี่ก่อน เอ้า หวีผมด้วย เช็ดหน้าด้วยเถอะคร้าบบบบบคุณ นอกจากกินเหล้า เที่ยวเตร่ หัวช้า โง่ ทำอะไรไม่ค่อยได้เรื่อง......ไม่เคยใส่ใจตัวเอง....มีอะไรบ้างที่ทำให้ตัวเองภูมิใจ ถามหน่อย"
อยู่ดี ๆ อยู่ในสภาวะเร่งรีบ แล้วก็ถูกถาม ชนิดที่ยังคิดคำตอบไม่ทัน
ไม่มี
ไม่มีอะไรน่าภูมิใจ
งี่เง่า
เที่ยวเตร่ไปวัน ๆ หัวช้า ไม่เคยใส่ใจตัวเอง ทำอะไรก็ไม่ดีหมดแหละ ไม่มีอะไรน่าภูมิใจตรงไหนด้วย
ก็กูเป็นแบบนี้อ่ะ โดนว่าออกบ่อย น้อยใจก็บ่อย
คนไม่มีอะไรดีแบบนี้ รู้ตัวอยู่หรอกว่าไม่มีค่าพอจะให้ใครมารัก ถึงได้อยากเลิกคบกันนี่ไง
เลิกคบไปเลยนี่แหละดีที่สุด ใช่มั้ย งั้นไปแล้วก็ไปลับเลย ไม่ต้องมาเจอะเจอกันอีกก็ได้
คราวนี้จะเสียใจสักปี สองปี เดี๋ยวก็หายเองแหละ ง่ายนิดเดียวเอง
คิดอะไรง่าย ๆ แต่ใบหน้าและท่าทางที่แสดงออก ทำให้ฮวยต้องรีบหุบปากตัวเองเอาไว้
เดียร์ไม่โมโห ไม่โวยวายใส่ ไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ แต่นั่งเงียบ ก้มหน้านิ่ง ๆ อยู่หน้ากระจก
ปากเสียแล้วมั้ยล่ะ ใช่ที่เดียร์มันเป็นแบบนั้น ก็แล้วมันผิดหรือไง ที่เป็นแบบนั้นในเมื่อยอมรับได้เองกับสิ่งที่เดียร์เป็น
"ไอ้ฮวยคนนี้ก็พอกัน ใจคิดอะไรก็พูดไปตามปาก เดียร์ไม่ดี ไม่มีอะไรน่ารัก แต่ก็ไม่เคยดูตัวเอง ว่าแกล้งเอาไว้เยอะ เอาแต่ใจตัวเองบังคับให้ทำตามใจตลอด หัวเราะเห็นเป็นเรื่องสนุก ทั้งที่เดียร์โกรธแทบตาย
ไอ้ฮวยคนนี้มันก็ไม่มีอะไรน่าภูมิใจหรอก......เดียร์จะรับได้หรือเปล่า ยังไม่รู้ตัวเลย แถมยังปากดีไปว่าคนอื่นอีกนะแบบนี้มัน.....น่าโมโหเนอะ"
ยอมรับตัวเองที่เป็นแบบนั้น มีคนบอกมาหลายคนให้ลด ๆ ลงบ้างไม่อย่างนั้นจะทำให้คนที่อยู่ด้วยเสียใจ
จริง
ที่ทำให้เสียใจ
ทำมาแล้ว รู้ด้วยว่ามีคนเสียใจที่ทำแบบนั้น พูดจาพล่อย ๆ แบบนี้ ไม่รู้ว่าจะทำไปทำไม แบบนี้ไม่ยิ่งเรียกว่างี่เง่ากว่าเหรอ
ต่างฝ่ายต่างนิ่งเงียบ
หันมองไปคนละทาง และจมอยู่กับความคิดของตัวเอง
"เรื่องของเราจะเป็นไปได้มั้ย รักทางไกลมันเหนื่อย ยิ่งไม่เข้าใจกันก็ยิ่งเหนื่อย คิดไปคนละเรื่องยิ่งแย่ คนนี้เป็นแบบนี้ อีกคนก็เป็นอีกอย่าง....เราคงไปกันไม่รอดแน่ ๆ เลยเนอะเดียร์ว่ามั้ย"
กังวลใจอยู่ลึก ๆ ถึงเรื่องที่ยังมาไม่ถึง แต่ไม่เคยพูดออกมาสักครั้ง ครั้งนี้ถึงได้เพิ่งได้พูด และเป็นคำพูดที่ทำให้คนที่นั่งนิ่งเงียบอยู่หน้ากระจกต้องหันกลับมามอง
ก็ใช่น่ะสิ
เรื่องนี้ไง ที่ทำให้ทุกข์ใจอยู่ตอนนี้ เรื่องนี้เรื่องเดียว เรื่องที่จะไปกันไม่รอดเรื่องเดียว ที่อยากให้รู้ว่าทำไมถึงต้องทำตัวงี่เง่าตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน และตลอดเวลาที่อยู่ใกล้กัน
กลัว
กลัวเรื่องในอนาคตที่ยังมาไม่ถึง
"มันเป็นไปไม่ได้หรอก....รู้ว่าคบแล้วต้องเลิกกันจะคบทำไม....สู้เลิกไปตอนนี้ไม่ดีกว่าเหรอ"
กลั้นใจพูดออกไป และเป็นครั้งแรกที่เดียร์ได้พูดกับอีกฝ่ายตรง ๆ
คิดว่ากล้าพอแล้วที่จะพูด แต่น้ำเสียงที่สั่นพร่ามาพร้อมกับสายตาที่หวาดหวั่นและใบหน้าที่หมองเศร้าลงในทันทีที่พูดคำนี้
"ไม่อยากคุยเรื่องนี้ตอนนี้ ไม่มีเวลา จะรีบไป"
ฮวยรีบพูดตัดบทเพราะยังไม่อยากรับรู้เรื่องบางเรื่องในเวลานี้ให้มากกว่าที่ควร
ที่จริงจะคุยต่อก็ได้ แต่คงไม่จบง่าย ๆ ยังมีเรื่องอื่นที่ต้องทำ เอาไว้หลังจากนี้ค่อยคุยกันใหม่น่าจะดีกว่า คงหาทางออกได้ดีกว่านี้ และคงไม่ต้องทนอึดอัดใจต่อไป ถ้าได้เปิดใจคุยกันตรง ๆ สักครั้ง
รีบก้าวขาเดินออกจากห้องพักอย่างรวดเร็วมายืนอยู่หน้าห้อง
เดียร์เดินมาล็อคกุญแจเรียบร้อยและเดินตามคนที่เดินนำหน้าไปก่อน
เรื่องที่คุยกันยังคงวนเวียนอยู่ในหัว คนที่เดินอยู่ข้างหน้าหยุดเดินและรอให้คนเดินตามเดินมาหาเพื่อจะได้ก้าวไปพร้อมกัน
"ถ้าจับมือตอนนี้เดียร์คงอาย ถ้าจูงมือเดียร์ตอนนี้สงสัยคนคงมองกันน่าดู"
ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้พูดอย่างนั้น แต่คำถามที่เอ่ยถามทำให้คนตัวเล็กกว่าที่เดินอยู่เคียงข้างต้องเงยหน้าขึ้นมองอย่างไม่แน่ใจกับสิ่งที่ได้ยิน ก่อนจะก้มหน้าลงและคิดทบทวนถึงเรื่องที่ยังมาไม่ถึง
ถ้าผู้ชายสองคนเดินจูงมือกัน คนคงมองว่าประหลาด รับได้เหรอแบบนี้ถ้าต้องถูกสายตาของใคร ๆ ทิ่มแทงและถูกนินทา
ถ้าคบกันก็ต้องถูกคนมองและต้องถูกนินทา อุปสรรคมันเยอะกว่าที่คิดไว้อีก และอุปสรรคก็คงไม่ใช่แค่เรื่องนี้ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องเจอ ถ้าคบกันจริงจัง
"อายแน่....ถ้าทำแบบนั้นแล้วก็คงถูกมอง" ตอบออกไปและหัวเราะน้อย ๆ เหมือนไม่รู้จะพูดอะไรที่ดีกว่านี้อีกแล้ว
"นั่นสินะ....เดียร์คงอาย...หือ"
อยากจะร้องไห้กับสิ่งที่ได้ยิน แต่ฝ่ามือกลับถูกรั้งและกุมไว้แน่นด้วยฝ่ามือของคนที่บอกว่าอาย
เวลานี้อยากจะหัวเราะลั่นให้คนทั้งโลกได้ยินกับสิ่งที่ได้รับในเวลานี้
อายงั้นเหรอ ทั้งที่คิดว่าเดียร์มันคงจะอายที่จะต้องเดินจูงมือกัน แต่อยู่ ๆ กลับทำในสิ่งที่ไม่คาดคิด
อยู่ ๆ ก็ดึงมือไปจับไว้แน่น และแกว่งมือไปมาทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นงั้นแหละ
งั้นเหรอ
เราจะไปกันไม่รอดงั้นเหรอ
เราจะต้องเจอกับคำดูถูกเหยียดหยามงั้นเหรอ รักทางไกลมันเหนื่อยมากนักใช่มั้ย เราสองคนจะเป็นไปไม่ได้ใช่มั้ย งั้นเหรอ มันจะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ อย่างนั้นใช่มั้ย
"ไอ้ฮวยไอ้บ้า....ไม่อายคนเหรอ มาเดินจูงมือกันแบบนี้ เห็นมั้ยว่าคนมองกันใหญ่แล้ว"
ได้ยินชัดถึงคำพูดของคนที่ยังกระชับฝ่ามือเอาไว้แน่น และคน ๆ นั้นยังพูดประโยคนี้ออกมาได้โดยมีเสียงหัวเราะเล็ก ๆ เจือปนออกมาด้วย
คิดไม่ถึงว่านาเดียร์จะกล้าทำ
คิดไม่ถึงว่าอยู่ดี ๆ จะได้รับสิ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ และในเวลานี้รู้สึกได้อย่างไม่คาดฝัน
"อ๊ะ โทษทีที่แกล้ง...โกรธเหรอ จับมือนิด ๆ หน่อย ๆ ทำเป็นหวง เล่นตัวนักนะ กลับมาคงต้องขอคุยกันยาวแล้วแบบนี้...คงต้องคุยเรื่องอะไรกันอีกเยอะเลยล่ะ.......เรื่องปรับปรุงตัวเอง เรื่องที่ต้องคิดแทนกันอีก แล้วก็เรื่องที่เราต้องใส่ใจกัน เรื่องของคนรอบข้าง อะไรอีกนะ มันเยอะแยะไปหมดเลยนี่สิ ตอนนี้ยังคิดไม่ทันเลย กลับมาคงต้องคุยกันใหม่แล้วล่ะแบบนี้"
คิดอะไรไม่ค่อยออก แต่ก็รู้สึกถึงฝ่ามือที่เกาะกุมแน่นไม่ห่าง
หันกลับไปมองใบหน้าของคนที่เดินเคียงข้างและก็ได้เห็นว่าสายตาที่ส่งผ่านมาก็มีความกังวลใจอยู่ไม่น้อย
แต่ถึงอย่างนั้น เดียร์ก็ยังพยักหน้ารับกับสิ่งที่เพิ่งบอกออกไป เหมือนกำลังทำความเข้าใจกับสิ่งที่ต้องคิดเผื่อกันในอนาคต
"อื้อ.....งั้นก็....เดินทางดี ๆ นะ แล้วก็กลับมาไว ๆ แล้วกัน....."
ได้รับคำอวยพรแสนธรรมดาเป็นของขวัญแต่ฮวยกลับยิ้มกว้างกับสิ่งที่ได้ยิน ได้แค่นี้แต่จะดีแค่ไหนถ้าได้อ้อนขออะไรบางอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ จากอีกฝ่ายบ้าง
"แค่เนี้ยะ....ไม่พอหรอกน่า แค่เนี้ยะเหรอ" แกล้งทำเสียงงี่เง่าใส่และก็ได้เห็นสีหน้าลำบากใจของเดียร์ที่ทำให้ต้องอมยิ้ม
"เออ....อีกอย่างก็.....ก็....กลับมาเร็ว ๆ แล้วกัน....ไปนาน ๆ คือว่า.......เอ่อ....ถ้าไปนาน...เดี๋ยวคิดถึงนาน..." TBC....