ตอนที่ 8
ผมตื่นขึ้นมาในเช้าตรู่ของอีกวัน… นี่มันวันจันทร์นี่นา! ผมเด้งตัวแล้วก็รู้สึกเจ็บช่วงล่าง….. นี่มันไม่ใช่ห้องนอนของผม… ผมก้มลงมองคนที่นอนหลับอยู่ข้าง ๆ …… เธียร……
ผมจำเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้ทันที…. น้ำตาผมปริ่มขอบตา …. มองดูชายหนุ่มที่นอนหลับเหมือนเด็ก ๆ ผมเอื้อมมือไปลูบศีรษะเขาเบา ๆ… แล้วก้มลงจูบขมับ….
ผมทนเจ็บ ลุกขึ้นหยิบเครื่องแต่งกายมาใส่ ....ต้องรีบกลับบ้าน….มองคนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องไม่รู้ราวอยู่บนเตียง… ผม…..ผมจะดูเป็นคนเห็นแก่ตัวไปมั๊ย ?…… ถ้า..อยากให้เขารู้ว่าคือคนที่ชื่อกัณฐ์…….ผมไม่ใช่ตัวแทนของใคร…….
ผมตัดสินใจเขียนข้อความมากมาย ลงในกระดาษ และเกือบทุกอันถูกขยำทิ้งลงในถังขยะ จนสุดท้าย ผมก็ตัดสินใจเลือกข้อความนี้ ก่อนที่เขาจะตื่นขึ้นมา….แล้วผมก็มุ่งตรงกลับสู่บ้าน
พี่แบล็คดูโมโหมาก ที่ผมกลับมาตอนเช้า คุณลุงกับคุณป้าก็เป็นห่วงผมมาก ท่านเพิ่งเข้านอนก่อนที่ผมจะกลับมา พอพี่แบล็คเห็นอาการของผม เขาก็ดูเย็นลง และพยักเพยิดให้ไอ้บลูเข้ามาปลอบผม
“เฮ้ย เป็นอะไรวะกัณฐ์” บลูถามผมอย่างห่วงใย จนผมน้ำตารื้อ
“ฮ…บลู….ฮือ…ร…เราเจ็บ…..เจ็บเหลือเกิน…” ผมบอกเสียงเครือจับมือของมันไว้แน่น
“เจ็บตรงไหนกัณฐ์ ใครทำให้เอ็งเจ็บ ?” บลูถามอย่างเป็นห่วง มองสำรวจร่างกายของผม ..จะให้บอกว่าเจ็บตูดรึไงเล่า!!!
“วันนี้ไม่ต้องไปโรงเรียนแล้วกัน บลูอยู่ดูแลกัณฐ์นะ” พี่แบล็คบอก แล้วลูบหัวผมเบา ๆ ทำให้ผมร้องไห้สะอึกสะอื้น บลูนั่งอยู่เป็นเพื่อนผมจนผมรู้สึกดีขึ้น
“… เกิดอะไรขึ้นกับเอ็ง ? ….” บลูถามเบา ๆ
“….” ผมมีเพียงความเงียบเป็นคำตอบ
“รอยพวกเนี้ย… เอ็งไปมีอะไรกับผู้หญิงมางั้นเหรอ ?” บลูถามด้วยความไม่แน่ใจ….. กลับกันเลยว่ะไอ้เพื่อนยาก….
“บ้าเอ๊ย” ผมพึมพำเบา ๆ จะลุกหนี แต่รู้สึกเจ็บช่วงล่างจนต้องหยุดนิ่งอยู่กับที่
“…ข้าว่ามันชักแปลก ๆ แล้วนะ เอ็งไปทำอะไรมา” ไอ้บลูถามเสียงเครียด มันช่วยพยุงตัวพาไปยังห้องของผม
“…ปวดท้องอ่ะ บลู” ผมบอกอ้อน ๆ ไล่ให้มันออกไปซื้อของกิน แล้วจัดการชำระล้างร่างกายของตัวเองให้สะอาด
ชายหนุ่มไปโรงเรียนด้วยความเร่งรีบ เขาก้าวเข้าห้องเรียนด้วยความร้อนรุ่มในหัวใจ มือหนาคว้าหมับที่ข้อมือของร่างเล็ก ๆ …หัวหน้าห้องของเขา…
“อ้าว หวัดดีเธียร” รอนทักทายเพื่อนร่วมห้องที่เพิ่งมาอย่างเป็นมิตร
“เรามีเรื่องต้องคุยกัน รอน” ชายหนุ่มบอกเสียงขรึม
“เอ้า! มีเรื่องอะไรเหรอ ?” รอนถามงง ๆ
“เมื่อวานนายอยู่ที่ไหน ?”
“หืม ? ก็อยู่บ้านน่ะสิ” ชายหนุ่มร่างเล็กบอก
“โกหก!!” เธียรตวาดเสียงดัง
“เธียรเป็นอะไร ?? เมื่อคืนผมอยู่ที่บ้านจริง ๆ นะ” รอนคิ้วขมวดอย่างงงงัน
“บอกผมมาเดี๋ยวนี้ เมื่อคืนคุณไปงานของคุณหญิงเพตรา ใช่มั๊ย !?” เธียรตวาด จับไหล่ร่างบางเขย่าแรง จนผู้หญิงคนหนึ่งช่วยขัด
“เอ้อ… รอนอยู่ที่บ้านจริง ๆ ฉันโทรหาเขาตอนเที่ยงคืน เพราะดูหนังเกาหลีเรื่องเดียวกันน่ะ..” ชลบอก ขยับแว่นหนาบนดั้งจมูกเบา ๆ
“…ข..ขอโทษ….” เธียรบอกเบา ๆ รอนทำหน้างง ๆ มองเขาที่อารมณ์แปรปรวนอย่างไม่เข้าใจ
…เขารู้อยู่แล้วว่ารอนไม่ใช่….. แล้วใคร … ใครกันล่ะ ??
“เอ่อสวัสดีฮะ” ภีมและเพื่อนสนิทของเขาไหว้ผู้ใหญ่ที่อยู่ในบ้าน
“อ้าว! มาเยี่ยมกัณฐ์เหรอลูก” หญิงวัยกลางคนเอ่ยอย่างเป็นมิตร
“พ่อหนุ่มคนนั้นหน้าคุ้น ๆ นะแม่” ชายวัยกลางคนทัก เด็กหนุ่มที่รู้สึกคุ้นหน้าเป็นพิเศษ
“.. พ่อ นี่เธียรไง คนที่พ่อเคยไปดูคอนเสิร์ตน่ะ” บลูบอก
“อ้อ!! แหม ไอ้หนูคนที่ไอ้กัณฐ์ติดตามผลงานน่ะเหรอ ?” บลูหน้าเบ้พยายามส่งซิกให้พ่อของตัวเอง ที่ไม่มีท่าทีรับรู้เล้ยยย
“เธอรู้มั๊ยว่าไอ้กัณฐ์มันชอบเพลงบรรเลงได้ เพราะเธอเลยนะ เมื่อก่อนน่ะไม่เคยเห็นมันสนใจฝักใฝ่ พอได้ยินเสียงเปียโนของเธอเท่านั้นแหละ ตามหามาฟังตั้งแต่สมัยโบราณเลย” ชายวัยกลางคนกล่าวกลั้วหัวเราะ
“เหรอครับ… ผมไม่เคยรู้เลย” เธียรบอก ยิ้มบาง
“เอ้อ ๆ ไปดูอาการไอ้กัณฐ์มันเถอะ เดี๋ยวป้าเตรียมน้ำเตรียมท่าให้” ชายหนุ่มทั้งสองยกมือไหว้ขอตัวไปดูอาการของเพื่อนร่วมห้อง
“กัณฐ์เป็นอะไรเหรอบลู” ภีมถาม
“ไม่รู้ดิ จู่ ๆ ก็ไข้ขึ้นเฉยเลย” บลูเปิดประตูห้องให้เพื่อนทั้ง 2 เข้าไป ห้องของกัณฐ์ถูกจัดอย่างเป็นระเบียบ เจ้าของห้องนอนหลับตาพริ้ม หน้าผากมีผ้าชุบน้ำวางไว้
“เฮ้ย ไอ้กัณฐ์ เพื่อนเอ็งมาหา” บลูบอกญาติตัวเองเบา ๆ
“ไม่ต้องปลุกก็ได้ บลู” ภีมบอกอย่างเกรงใจ
“อือ…” ดวงตาสีนิลกลม ลืมตาโพลง เมื่อเห็นว่าใครมา
“พ..พวกนายมาได้ไง” เสียงของกัณฐ์แหบแห้งถามอย่างตระหนก
“ก็ฉันเคยมาบ้านนายครั้งนึงแล้วนี่นา เห็นขาดบ่อย ๆ ก็เลยมาเยี่ยม นึกว่าจะป่วยการเมืองซะอีก” ภีมหยอก
“ความจริงฉันก็ไม่มีอะไรหรอก แต่ไอ้หมอนี่มันมีเรื่องจะถามน่ะ” ภีมชี้นิ้วโป้งไปที่ข้างหลัง กัณฐ์เห็นหน้าของเขาแล้วรู้สึกไข้กลับ ใบหน้าซีด ๆ เริ่มมีสีเลือด
“….ฉันมีเรื่องจะถามนาย..” เธียรถามเสียงเรียบจนกัณฐ์เริ่มกลัว
“…ท…ทำไมเหรอ ?” ร่างที่นอนซมแกล้งถามอย่างสงสัย
“…เมื่อคืน… ญาติของฉันบอกว่าคนชื่อกัณฐ์ เป็นคนพาฉันไปส่งที่ห้องพักของโรงแรม….” กัณฐ์รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง
“ใช่นายรึเปล่า ?” เธียรถามอย่างไม่แน่ใจ
“….ใช่” เสียงของร่างบางเอ่ยแผ่วเบา
“…แล้วนายเห็นใครที่อยู่ในห้องหลังจากนั้นมั๊ย ?” เธียรถามอย่างตื่นเต้น
“….ไม่มี” กัณฐ์เม้มริมฝีปาก….. เธียรไม่รู้….เขาไม่รู้…..
“….งั้นเหรอ” แล้วในห้องก็ตกสู่ความเงียบ
ภีมหยิบสมุดที่รอนฝากการบ้านมาให้เขาลอกและอยู่คุยอะไรด้วยพักหนึ่ง จึงขอตัวลากลับไปพร้อมเธียร บลูยืนกอดอก หรี่ตามองญาติของตนแปลก ๆ
“ทำไม ?” กัณฐ์มองญาติตัวโตที่ยืนเก๊ก
“….นายคงไม่ได้มีอะไรกับเธียรหรอกใช่มั๊ย ?” ชายหนุ่มเข้าไปถามใกล้ ๆ
“……” มีเพียงความเงียบส่งกลับมา
“เฮ้อ..” บลูถอนหายใจ กอดตัวที่ผอมแห้งของญาติตน
“..ฮ..ฮึก…..เขา..เขามีอะไรกับคนที่…ไม่ใช่ฉัน……เขาคิดว่าไม่ใช่ฉัน” กัณฐ์กอดชายหนุ่มร่างใหญ่แน่น น้ำตารื้อด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ
สุดท้าย เขาก็เป็นเพียงตัวแทนของใครก็ไม่รู้…..ภีมเดินพลางทำสีหน้าครุ่นคิด
“เมื่อคืน เกิดอะไรขึ้นรึไง ?” ภีมถามเพื่อนซี้ของเขา
“อืม…. จะว่าไงดีล่ะ …. ฉันเมาน่ะ ….. แล้วก็เจอกับคนที่ตามหามานาน” เธียรบอกเพื่อน
“คนที่ตามหามานาน ? ไม่เคยเห็นนายพูดเรื่องนี้มาก่อน” ภีมบอกกลั้วยิ้ม
“ฉันน่ะ ไม่เคยได้เจอเขา… แต่เขากลับเห็นฉัน รู้ว่าฉันอยู่ที่ไหน…. แต่ไม่เคยปรากฎตัวออกมา” ชายหนุ่มเสียงสลดลง
“……ฉันว่านาย…คิดว่าเขาไม่ปรากฎตัวออกมามากกว่า” ภีมพึมพำเบา ๆ
___________________________________
กรี้ดดดด เธียรมันก็ยังคงโง่อยู่เหมือนเดิม ทน ๆ อ่านกันไปก่อนน่ะค่ะ ช่วง ตอน สองตอน นี้จะเป็นช่วงแห่งความมืดมนเชียวล่ะ หึหึ แอ่ะ หายไปนาน กลับมาแย้วววว...
พีเอสซึ.ใครๆ ก็เคยอ่านในเด็กดี ก็เรื่องนี้เค้าแรงจริง อะไรจริงน่ะเทอ ช่ายมะล่ะ