Look@t Me!! โดย หยดน้ำผึ้ง SP ChapterTea & Black ชาดำ~* 3[up 27.10.54]จบบริบูรณ์
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Look@t Me!! โดย หยดน้ำผึ้ง SP ChapterTea & Black ชาดำ~* 3[up 27.10.54]จบบริบูรณ์  (อ่าน 127400 ครั้ง)

ออฟไลน์ akazu

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 550
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +240/-6
- 29 -

ผมได้กลับมาสูดอากาศที่บ้านสมใจอยาก แต่พอแต่งตัวจะออกไปเรียนเท่านั้นแหละ ร่างใหญ่ก็มายืนขวางทางตีสีหน้าเรียบใส่
“เธอต้องอยู่ที่นี่! ห้ามออกไปไหน!” เขาบอกเสียงหงุดหงิด ...ผมเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ ...เข็มยาวชี้เลขสิบใกล้จะถึงเวลาเรียนเต็มทีแล้ว..

“จะบ้ารึไง!? ผมกำลังจะสอบตรงนะ!” ผมบอกกลับเสียงหงุดหงิดไม่แพ้กัน.. พอได้ยินว่าผมใกล้จะสอบเขาก็นิ่งไป เหมือนกำลังคิดว่าควรจะปล่อยให้ผมออกจากบ้านดีมั๊ย...

“ผมขาดเรียนตั้งหลายวัน แค่นี้ก็จะตามไม่ทันอยู่แล้ว!!” ผมให้เหตุผลสมทบว่าสมควรไปเรียนพิเศษมากถึงมากที่สุดเผื่อเขาจะสามารถตัดสินใจได้เร็วขึ้น

“แล้วถ้าเธอหายตัวไปจะทำยังไง” เขาถามเสียงแผ่ว ขมวดคิ้วยุ่ง

“หายไปก็หาเซ่! เก่งนักไม่ใช่รึไง ?” ผมบอกอย่างหงุดหงิด เวลามันกระชั้นชิดเข้ามาทุกทีแล้ว

“...” เห็นเขายืนนิ่งไม่ตอบโต้ ผมก็รีบแทรกตัวเดินหนีออกไปจากประตูบ้าน

“ล็อคบ้านให้ด้วย กุญแจแขวนอยู่ตรงนั้น หวัดดีครับ” ผมชี้ไปที่แขวนกุญแจบ้าน ยกมือไหว้เขาแล้วจ้ำเดินอย่างรวดเร็ว ...กลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจซะก่อน แล้วเขาก็คว้าแขนผมเอาไว้จริง ๆ แต่คนละจุดประสงค์กับที่ผมคิด

“เดี๋ยว! .....ฉันไปส่ง” ไม่น่าเชื่อ! พักหลัง ๆ ดูเขาจะอ่อนลงกับผมเยอะเหมือนกัน ...ว่ามั๊ย ?

“ไม่เอาอ่ะ ผมไปเองได้” ผมส่ายหน้าหวือ ปฏิเสธเสียงแข็ง พยายามเดินต่อทั้ง ๆ ที่เขาจับแขนและเดินตามมาติด ๆ

“เธอเรียนแถวไหน ?” เขาถามแบบไม่สนใจคำปฏิเสธที่เพิ่งออกจากปากผม

“ผมบอกว่าไปเอง”

“เลิกกี่โมง ?” เขาเปลี่ยนคำถาม แต่ยังคงคอนเซ็ปเดิม

“ผมไปเองได้” ผมย้ำอีกครั้งว่าผมไปเองได้จริง ๆ

“ฉันจะไปส่ง” เขาก็ยังคงยืนยันเหมือนเดิม

“แต่ผมจะไปเอง!” ผมขอถอนความคิดที่ว่าเขาอ่อนลงเมื่อตะกี้ออก!! เขาแข็งขึ้นอย่างมีชั้นเชิงต่างหาก!!

ไอ้พี่ธีร์คงรู้ว่าผมกำลังรีบ ยื้อจนผมอยากจะกรี๊ดใส่หู บอกว่าไปเองได้ ๆ ๆๆ ๆ ๆ!!! ทำไมพระเจ้าต้องส่งผมให้รู้จักกับคนแบบเขาด้วย!!

“ดูเหมือนจะรีบนี่.. ว่าไง” เขาเหยียดยิ้มมองดูผมเดินวนไปวนมาเหมือนหนูติดจั่น.. ว๊อยยยยยยย!!!

...ท้ายที่สุด... ผมก็ต้องติดรถเขาไปที่เรียนพิเศษ.. เขาผิวปากอย่างอารมณ์ดี แต่ผมกดเปลี่ยนคลื่นวิทยุในรถเขาอย่างอารมณ์เสีย ....ยกนี้ผมจำเป็นต้องยอม แต่ยกหน้าผมต้องชนะ!!

พอจะลงจากรถก็ยังมาถามว่าเลิกกี่โมง จะมารับ ผมหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่และรีบบึ่งลงมาจากรถวิ่งเข้าไปในอาคารที่เปิดสอนพิเศษเรียงราย
 
ผมมาสายไป 5 นาที.. ถือว่าไม่มาก ยังมีเด็กนักเรียนระดับชั้นเดียวกับผมยืนคุยกันอยู่ชั้นล่าง

“เฮ้ย! หายดีแล้วเหรอวะ ?” เสียงไอ้ลิ้มเพื่อนต่างห้องทักทาย ผมผงกหัวส่งยิ้มให้มัน ...สายการเรียนของผมค่อนข้างสนิทกัน เพราะมีจำนวนห้องน้อยทำให้รู้จักกันอย่างทั่วถึงราวกับเป็นห้องเดียวกัน.. และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมรู้จักกับ ‘เธอ’ ด้วย

“หายไปหลายม้วนเลย ไม่รู้ตามทันป่าว” ผมบอกเซ็ง ๆ คว้าหนังสือเล่มหนาในกระเป๋าขึ้นมาพลิกดูหน้าที่ไม่มีรอยขีดเขียน

“เดี๋ยวค่อยเอาของไอ้มลไปลอกดิ เรารอไอ้ตามอยู่ มาช้าจริง ๆ” มันแนะนำให้ผมลอกสมุดของเพื่อนผู้หญิงแสนห้าวแต่จดหนังสือเรียบร้อยเกินตัว แถมแอบบ่นแฟนตัวเองเบา ๆ ...ผมยิ้ม ๆ คุยสัพเพเหระกับมันนิดหน่อย  แล้วมันก็ยิ้มหน้าบาน มองไปทางประตูกระจก ผมหันไปมองตามมันก็เห็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ส่งยิ้มให้

“มาสายทุกวันเลยตาม” ดูคำแรกที่เพื่อนผมทักแฟนสาวน่ารักของตัวเองสิครับ...

“ก็ที่นู่นมันเลิกช้าอ่ะลิ้ม..” เสียงใส ๆ ของตามแก้ตัว

“ตอนลงบอกแล้วให้รีบ ๆ เห็นป่าวก็ไม่เชื่อ”

“แล้วใครจะคิดว่ามันจะเต็มเร็วขนาดนั้นเล่า” เธออมลมทำหน้างอใส่แฟน ก่อนหันมาทักทายผม

“ว่าแต่แบล็ค พ่อมาส่งเหรอ ปกติมาเองนี่” ผมอดสะดุ้งเล็ก ๆ ไม่ได้... ‘พ่อ’ เหรอ ?....จะว่าไปตอนนี้เขาก็ทำตัวยิ่งกว่าพ่อผมเสียอีก...

“...อืม” ผมหงกหัวเบา ๆ

“โรลส์-รอยซ์ด้วย อยากนั่งบ้างจัง” ตามพูดเสียงเพ้อ ๆ แต่ถูกตัดความฝันด้วยเสียงห้าว ๆ ของแฟน

“ตามนั่งแอร์กี่ของเราก็พอแล้ว”

“ย่ะ! แต่เท่ห์จริง ๆ นะ ลิ้มซื้อมาขับบ้างสิ” เธอตอบเสียงสะบัด แต่อดตั้งความหวังไว้เล็ก ๆ ไม่ได้

“เรียนให้จบก่อนเหอะ” ผมหัวเราะขำ ๆ กับเพื่อนทั้ง 2 คน.. อดคิดถึงวันเก่า ๆ ที่เคยมีร่วมกับผู้หญิงคนหนึ่งไม่ได้...
 
หลังเลิกเรียนผมเดินเตร็ดเตร่กับเพื่อนในกลุ่มแถวย่านนั้น ยังเหลืออีก 1 วิชาเลิกตอนค่ำ ๆ พอดี กลุ่มของเรายืนออกันอยู่ข้างร้านน้ำปั่น  ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อน ๆ ถึงชอบกินนักมันหวาน ๆ เลี่ยน ๆ ยังไงไม่รู้.. ไอ้ปุ้นยื่นนมสดโอริโอ้ให้ผม แต่ผมส่ายหน้าหวือ

...ผมเหล่ตามองกลุ่มสาว ๆ หัวเราะคิกคักเดินผ่านหน้าร้าน แล้วต้องสะดุดกับสายตาคู่หนึ่งที่จับจ้องมา... ‘เธอ’ นั่นเอง ผมทำหน้าไม่ถูก จะส่งยิ้มให้ดีมั๊ย ?.. หรือจะอยู่เฉย ๆ ดี...

แคนดี้หยุดอยู่กับที่มองตรงมาที่ผม.. เพื่อน ๆ ของเธอพากันกระซิบกระซาบเมื่อเห็นเธอเดินเข้ามาใกล้ผม

“หายดีแล้วเหรอ ?” เธอถามเบา ๆ ..คงจะมาทักทายตามมารยาท

“...อืม” ผมพยักหน้าตอบ แล้วยิงคำถามกลับ

“เป็นยังไงบ้าง ?”

“ก็ดี.. เรื่อย ๆ แหละ”

“แล้ว.. เอ่อ..”

“เราไปก่อนนะ เดี๋ยวสาย” คำถามยังไม่ทันออกจากปากผม เธอก็กล่าวตัดบทแล้วเดินหนีไป... ทิ้งให้ผมยืนนิ่งอึ้ง..

“...อืม” ผมตอบรับในลำคอเบา ๆ ถึงแม้จะรู้ว่าเธอไม่ได้ยินแล้วก็ตาม...ไอ้หยางกอดคอผมแล้วพูดขึ้นลอย ๆ

“ดูยังมีเยื่อใย”

“แล้วเลิกทำไมวะ ?” ไอเจถามต่อเป็นลูกคู่.. เสียบทะลุเข้ากลางใจผม

“ยุ่งน่า” ผมตอบปัด ดึงแขนไอ้หยางที่วางบนไหล่ออก

“ถ้าชอบก็ขอคืนดีดิ” ไอ้ปุ้นทำตัวเป็นผู้ให้คำแนะนำ ตบไหล่ผมเบา ๆ

“เค้ามีแฟนใหม่แล้ว” ผมบอกอย่างเหนื่อยหน่าย.. ทำไมพวกมันชอบยุ่งเรื่องส่วนตัวของผมกันจังวะ..

“คนดีจริงจริ๊ง” เสียงดัดแหลมของไอ้เพื่อนคนใดคนหนึ่งดังตามหลัง ผมเดินเบื่อ ๆ ไปได้ไม่กี่ก้าว ก็มีร่างหนา แถมสูงยังกะตึกมายืนขวาง .. ใส่สูททั้งที่โคตรจะร้อนมาเดินแถว ๆ นี้ อย่าบอกนะว่า....

“เลิกแล้วเหรอ ?” ผมอ้าปากค้าง เงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา.. นี่เขายังไม่ไปอีกเหรอเนี่ย!!

“ย...ยัง” ผมตอบงง ๆ

“ยังไม่ไปทำงานเหรอ ?” ผมถามเบา ๆ.. ไหนเขาบอกว่าลาครึ่งวัน.. พาผมออกจากโรงพยาบาลแล้วจะกลับไปทำงานต่อไง

“3 ชั่วโมง..” เขาไม่ตอบแต่พูดขึ้นมาลอย ๆ

“อะไร ?” ผมถามอย่างไม่เข้าใจ อะไรวะ 3 ชั่วโมง ??

“อีก 3 ชั่วโมงใช่มั๊ย ?” ผมผงกหัวเบา ๆ

“แล้วฉันจะมารับ” เขาบอกเสียงเอื่อย ๆ แล้วเดินผ่านผมไป ...ผมได้กลิ่นกาแฟสดติดสูทของเขา ....หรือว่าเขานั่งรอผมที่ร้านกาแฟตั้งแต่บ่าย.. ไม่หน่า ไอ้หมอนี่อ่ะนะ..... อย่าคิดมากดีกว่า..

พวกเพื่อนของผมรุมถามกันใหญ่ว่าเขาเป็นใคร.. ผมลังเลว่าจะตอบ พ่อ หรือ พี่ดี.. แต่อายุเขาดูไม่ห่างจากผมมากขนาดนั้น ขืนตอบไปว่าเป็นพ่อคงโดนซักอีกยาว

“เป็นญาติห่าง ๆ” ผมเลยตอบไปแบบนั้น

“มึงมีญาติเป็นฝรั่งด้วยเหรอวะ ? ไม่ยักรู้” ไอ้เจเลิกคิ้วมองเหมือนจับผิด

“ห่างแบบมาก ๆ เลยไง” ห่างจนแทบไม่เคยรู้จักเลยด้วยซ้ำ.... ผมขยายความเพิ่ม.. แอบต่อท้ายในใจ

“โคตรเท่ห์เลย” ไอ้ปุ้นเพ้อ..... มันคงใฝ่ฝันอยากมีหุ่นหนาปึ๊กแบบพี่ธีร์... ละมั้ง ??

“บำรุงยังไงวะ ?” ไอ้หยางพึมพำ มองจนเหลียวหลัง  ..ผมรีบออกเดินให้ห่างจากเขาเร็ว ๆ ได้ยินเสียงเพื่อน ๆ ออกปากชมแล้วอารมณ์เสีย...
 
เลิกเรียนผมสองจิตสองใจว่าควรจะรอเขาดีไหม ?.. สุดท้ายก็ใจอ่อน ยืนรออยู่แถวนั้น หญิงสาวร่างบางคนหนึ่งเดินมาเจอกับผม เธอสะดุ้งเล็กน้อย... แถวนี้ทำไมมันแคบนักวะ!!

“อ้าว... แคนดี้เพิ่งเลิกเหรอ ?” ผมเป็นฝ่ายเอ่ยปากทักเธอก่อน พยายามปรับสีหน้าให้ธรรมชาติที่สุด

“อ..อื้ม.. แบล็คเพิ่งเรียนเคมีเสร็จเหรอ ?” ผมพยักหน้าเบา ๆ

“แล้วกลับยังไงล่ะ ?” ผมเอ่ยถามทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเธอกลับบ้านเองเป็นปกติ แต่ว่า ‘เขา’ น่าจะมารับนี่นา ดึกขนาดนี้ให้ผู้หญิงกลับคนเดียวอันตราย..

“เอ้อ... เดี๋ยว... ขึ้นรถเมล์น่ะ” แคนดี้บอกเสียงเบา

“แล้วไม่มีเพื่อนไปทางเดียวกันเลยเหรอ ?” ผมถาม และพอจะเดาคำตอบได้ แต่เธอกลับส่ายศีรษะ ...ผมรู้สึกงง ๆ เล็กน้อย... ไอ้หมอนั่นไม่ห่วงแฟนตัวเองเลยรึไงนะ ?!

“อ้าว.. แล้ว... ดึกขนาดนี้...... เดี๋ยวเราไปส่งแล้วกัน” ผมเสนอตัว .. เมื่อเห็นเธอไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ผมจึงคว้ามือเธอให้เดินตาม .....แต่เธอกลับยื้อผมเอาไว้

“เอ่อ... แบล็ค... คือ...” เสียงหวาน ๆ เธอเว้นช่วง ติดขัด..

“ทำไม ?” ผมถามอย่างไม่เข้าใจ.. หรือเธอจะอยากกลับบ้านคนเดียวมากกว่านะ ?

“จริงรึเปล่าที่เธอ...มีคนใหม่....” ผมสะดุ้ง ...เธอขบเม้มริมฝีปาก แววตามองผมอย่างตัดพ้อ...

“ได้ยินมาจากไหนน่ะ ?” ผมถามงง ๆ..

“จินบอกว่าเธอ...มีคนใหม่......เป็นผู้ชาย” เธอบอกเสียงเครือ ...ไม่แน่ใจว่าเสียใจที่ผมมีคนใหม่ หรือเสียใจที่ผมมีแฟนเป็นผู้ชาย...

“เฮ้ย!..” ผมขมวดคิ้วยุ่ง.. ไอ้หมอนั่นเอาเรื่องบ้าอะไรมากรอกหูเธอ...

“เราไม่เคยมี!! ....เราไม่เคยมีใคร..... นอกจาก...” ผมปฏิเสธ และกำลังจะหยอด แต่มีอันสะดุดไปเพราะเสียงตวาดแข็ง ๆ มาขัดจังหวะ..

“แคนดี้!!” ชายหนุ่มร่างสูงถอดหมวกกันน็อค ใบหน้าถมึงทึง คว้ามือแคนดี้ออกจากการเกาะกุมของผม..

“จินบอกให้รอไง ทำไมถึงเดินมากับหมอนี่!!” ท้ายเสียงของเขาตวัดสายตามามองผมอย่างไม่ชอบใจ.. ผมมองผู้หญิงที่เคยรู้สึกผูกพันด้วยอย่างฉงน.. เมื่อกี้เธอบอกว่าจะกลับรถเมล์นี่ หรือผมฟังผิดวะ ?..

“จินบอกว่าเขามีคนใหม่แล้วไง!?” แคนดี้ถามเสียงแหลม ..ทำให้เขาชะงัก

“จินโกหกแคนดี้ทำไม ?!”

“มีเรื่องอะไรกัน.. ?” เสียงทุ้มที่เริ่มจะคุ้นหูผมเอ่ยถามอย่างสงสัย ผมแอบเห็นแววตาแปลก ๆ ของผู้ชายที่ชื่อจิน ตอนที่เขามองไปหาเจ้าของเสียง.. แล้วรีบกลบเกลื่อนอย่างรวดเร็ว...

“หมอนี่ไง!” เขาบอกแล้วชี้ไปหาไอ้พี่ธีร์ที่ยืนนิ่ง

“ผู้ชายคนนี้เป็นแฟนเขา!” ผมอ้าปากค้าง.. ไอ้หมอนี่เอาอะไรมาพูดเนี่ย!!!

“ไม่ใช่นะ!” ผมรีบปฏิเสธเมื่อแคนดี้มองมาที่ผมอย่างคาดคั้น

“หรือนายจะปฏิเสธว่าไม่มีอะไรกัน ?” ผมอ้าปากค้างอีกรอบ ไอ้หมอนี่!! มันหมายถึงอะไรวะ!! หรือว่ามันรู้เรื่องที่ผมกับเขา...
ผมหันไปมองพี่ธีร์ที่ขมวดคิ้วนิด ๆ .....ไม่ใช่แล้ว!! หมอนี่ป้ายสีผมแหงม ๆ!! ....เธอมองมาที่ผมอย่างสับสน น้ำตาเอ่อคลอ ก่อนจะวิ่งหนีไปโดยไม่ฟังคำอธิบายใด ๆ ทั้งสิ้น

“เดี๋ยว! ไม่ใช่นะ! …แคนดี้!” ผมอยากจะวิ่งตาม แต่ไอ้จินมายืนขวางหน้าผม ทำตาขวางใส่เหมือนกับจะประกาศสงครามกัน

“ทำไมนายถึงทำแบบนี้!?” ผมคว้าคอเสื้อของจิน แต่หมอนั่นสะบัดตัวหนี มองผมอย่างรังเกียจ และออกวิ่งตามแคนดี้โดยไม่สนใจผมอีก..

 “ปล่อย! ปล่อยผมนะ! โธ่เว๊ย!!” พอผมจะออกวิ่งตาม ก็ถูกวงแขนแกร่งล็อคคอเอาไว้และลากผมไปยังรถของเขา ผมโวยวายยังไงเขาก็ไม่ยอมปล่อย จนสุดท้ายผมทำได้เพียงนั่งเงียบ ๆ
 
รถออกตัวได้ซักพัก ผมก็รู้สึกอึดอัดจนทนไม่ไหว ต้องเอ่ยออกมา

“ทำไมคุณไม่ปฏิเสธ!!” ผมเริ่มพาล... โยนความผิดให้คนอื่น ....แต่เขาไม่ตอบอะไร มองไปยังถนนข้างหน้า..

“หยุดขับ! แล้วหันมาคุยกับผมก่อน!” เขาก็ยังคงทำกิริยาเช่นเดิม จนผมรู้สึกโมโห เอื้อมตัวไปเขย่าแขนของเขา

“ธีร์! ไอ้พี่ธีร์!!” เขาขบกรามแน่นจนเป็นสันนูน เหมือนจะเก็บอารมณ์ที่ผมก่อกวนการขับรถของเขา สุดท้ายเขาก็เบรคเอี๊ยดข้างทางแล้วหันมาตวาดผมเสียงดัง

“หยุดโวยวายซักทีได้มั๊ย!!” ผมสะดุ้ง.. รู้สึกกลัวเขาอย่างบอกไม่ถูก ..แล้วจู่ ๆ น้ำตาก็เอ่อขึ้นมา..

“....ฮึก....ฮึก...” ผมพยายามป้ายน้ำตาออก ...อี๋ย์ มีน้ำมูกด้วย.. ผมแอบเช็ดข้างเบาะ หวังว่าเขาคงไม่เห็นนะ..

“คุณ..มัน...ฮือ..ไอ้คนใจร้าย!!” ผมพึมพำเบา ๆ กลัวเขาตวาดซ้ำ

“ช่วยใจเย็นลงก่อนแล้วค่อยกลับมาคุยกันใหม่” เขาทำหน้าเมื่อย แล้วบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนลง..

“ทำไมคุณต้องเข้ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตผมด้วย!” ผมบ่นเหลือบมองเขาที่นั่งสงบสติอารมณ์อยู่ข้าง ๆ

“...” พอเห็นเขาไม่ตอบ ผมก็เลยใส่ความให้เขาอีก

“เพราะคุณทุกอย่างมันเลยยุ่งเหยิงไปหมด! ผมเกลียดคุณชะมัดเลย!!”

“...ถ้าเธียรไม่ขอ ฉันก็ไม่อยากยุ่งกับเธอนักหรอก!!” เขาตอบกลับ ถอนหายใจเหนื่อย ๆ เอื้อมมือไปปรับแอร์ให้แรงขึ้น ..ความจริงผมก็รู้สึกว่าเขาก็รำคาญผมมิใช่น้อย แต่ก็อดแขวะไม่ได้..

“งั้นก็กลับไปหายอดรักของคุณเซ่!!” เขาหันมามองหน้าผมคิ้วขมวด.. แตะต้องไม่ได้เลยนะ

“แบล็ค!! หยุดบ้าซักที!!”

“ใช่สิ ผมมันบ้า!! ใครมันจะไปดีได้เหมือนน้องชายคุณล่ะ” ผมพูดประชด ..ส่วนเขาส่ายหน้าระอากับความพาลไม่เลือกของผม

“เงียบได้รึยัง” เขาถอนหายใจเบา ๆ ...คงจะเบื่อที่ต้องต่อกรกับเด็กผู้ชายบ้า ๆ อย่างผม

“อ๊ากกกกกกกกกกก” ผมส่งเสียงดังหวังจะกวนอารมณ์เขาให้ขุ่นมัว ซึ่งมันก็สำเร็จ..

“แบล็ค!!” เขาเรียกชื่อผมอย่างไม่ชอบใจ

“อุ๊บบ” พอเห็นว่าผมไม่หยุด เขาก็เอื้อมมือมาปิดปากผม แต่ผมไม่ยอมอ้าปากกัดนิ้วเรียวของเขาเต็มแรง

“โอ๊ย!! ไอ้เด็กบ้า” ดูท่าเขาจะโมโห สบถคำด่าให้ได้ยินเป็นครั้งแรก ก่อนจะบีบกรามผมจนเจ็บ แต่ไม่เป็นไร ผมยังคงเปล่งเสียงได้....

“อ๊า~~~~~~~~~~~~~~~!!!!!!” แล้วเขาก็หมดความอดทน ปล่อยมือออกจากใบหน้าผม และปลดล็อคประตูออกปากไล่ผมลงจากรถ

“พอกันที!! ลงไปจากรถฉันซะ!!” ผมแบะปากมองหน้าเขา

“ไม่ลง! ผมจะกวนคุณอยู่ในนี้จนกว่าคุณจะขาดใจตาย!!”

“เธอทำตัวเป็นเด็กยิ่งกว่าน้องฉันอีก” ไอ้พี่ธีร์บ่นเบา ๆ ..พอผมรู้ตัวว่าถูกเปรียบเทียบก็หุบปากฉับ ขี้เกียจพูด

“ฉันให้เวลา 10 วิฯ”

“สิบ”
.
.
.
“หนึ่ง”

“....ศูนย์” ผมนั่งนิ่ง ไม่ขยับเขยื้อนฟังเสียงเขานับถอยหลังเรื่อย ๆ ...จนได้ยินเสียงล็อคประตูรถอีกครั้งหนึ่ง

“..จะทำอะไร” ผมถามงง ๆ เมื่อเขาปลดเข็มขัดนิรภัยออก

“ฉัน จะ ‘ปล้ำ’ เธอ” เขาบอกช้า ๆ ชัด ๆ เน้นเสียงคำว่า ปล้ำ..

“เฮ้ย! ผมจะลงจากรถ” ผมบอกอย่างตื่น ๆ เอื้อมมือเปิดประตูรถ แต่เปิดไม่ออก

“เสียใจด้วย หมดเวลาแล้วเด็กน้อย” เขาบอกเสียงเรียบ

“อย่ามาล้อเล่น”

“ฉันไม่ได้ล้อเล่น”

“ทำอะไร ? ฉันมีคอนดอม” เขาบอกกลั้วหัวเราะ เมื่อเห็นผมล้วงกุก ๆ กัก ๆ ในกระเป๋าบอดี้โกลฟ.. ผมกำลังหาคัตเตอร์มาต่อกรกับเขาต่างหาก!! ไส้ทะลักแน่วันนี้!!

“ไอ้บ้า!! ตาแก่โรคจิต” ผมด่าเขาเบา ๆ ..แต่ดันได้ยินซะนี่..

“เธอว่าใครแก่!” เขาถามเสียงไม่สบอารมณ์

“คุณนั่นแหละ!” ผมตอบกลับแทบจะทันที มองหน้าเขานิ่ง

“ฉันเพิ่ง 26” เขาพูดเหมือนจะบอกเป็นนัย ๆ ว่า ‘ฉันยังไม่แก่!’

“ผม 18 ..ห่างกันเกือบ 10 ปี!” ผมบอก

“เธออายุเท่าน้องชายฉัน แต่ทำไม... อย่างกับเด็ก” เขามองผมเหยียด ๆ ไล่สายตาตั้งแต่หัวจรดเท้า

“หมายถึงอะไร!!” ผมถามอย่างโมโห ...เขาหมายถึงสมอง อีคิว หรือแบล็คจูเนียร์ฟระ!!

“...ก็รู้ ๆ กันอยู่” เขาเหยียดยิ้มให้ผม ..รู้สึกเหมือนแบล็คจูเนียร์โดนดูถูก!! ผมยอมไม่ได้!!

“ไอ้พี่ธีร์!!” ผมตวาดหน้าแดง พุ่งตัวยืดมือออกสุดแขนคว้าคอหนา ๆ ของเขาทั้ง 2 มือและออกแรงบีบสุดความสามารถ!... กระดูกหนาแบบนี้ไม่ตายหรอกหน่า... ผมเข้าข้างตัวเองในใจ

“อ่อก!! แบล็ค!!” เขาพยายามดึงมือผมออก แต่เมื่อเห็นว่าผมไม่ยอมปล่อยก็รวบตัวผมเข้าไปหา

“เฮ้ย!” ผมร้องอย่างตกใจเมื่อตัวลอยหวือข้ามเบาะ ผมมองสำรวจเกียร์รถว่าเคลื่อนที่รึเปล่า

“เฮ้ ๆ ..ห่วงตัวเองก่อนดีกว่ามั๊ย ?” เขาบอกเสียงแห้ง ก่อนกระแอมเบา ๆ ..

“ปล่อยดิ! อึดอัด! ตัวใหญ่ยังกะยักษ์!!” ผมบอก ทำหน้าบึ้ง ดันตัวจะกลับไปนั่งที่เดิม แต่เขาคว้าเอวผมเอาไว้แน่นจนกระดิกไม่ได้

“เฮ้ย! ปล่อย!!” ผมบอกเสียงหงุดหงิด ข่มความรู้สึกแปลก ๆ ที่ต้องมานั่งตักผู้ชายด้วยกันแบบนี้

“ฉันยังไม่ได้เอาคืน” เขาบอกเสียงเขียว จับใบหน้าของผมให้หันไปเผชิญหน้าจับดวงตาคมคู่สวยของเขา แต่ผมพยายามเบือนหนีจนเขาต้องล็อคคอผมเอาไว้แน่น จนแน่ใจว่าผมหันหนีไม่ได้แล้ว ..มือหนาจึงเอื้อมมาเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าให้ผมเบา ๆ ...ดวงตาสีสนิมของเขาทอดมองอย่างอ่อนโยน ....ทำไมผมรู้สึกแปลก ๆ แบบนี้ ?..

พอผมเริ่มเคลิ้ม เขาก็กระชากคอผมลงจนริมฝีปากสัมผัสกัน แถมฟันกระทบกันดึงกึก! ผมขอถอนความคิดที่ว่าเขาอ่อนโยนเมื่อตะกี้ออก!!

ผมร้องอู้อี้ในลำคอทุบไหล่เขาแรง ๆ เขารุกเร้าดันตัวผมจนติดมุมเบาะ หัวโขกกับกระจก ฝ่ามืออุ่นนั้นสัมผัสลูบไล้หน้าท้องและเอวใต้เสื้อยืดของผมเบา ๆ

เขาจูบริมฝีปากบน ..ขบกัดริมฝีปากล่าง และสอดลิ้นเข้าเกี่ยวกระหวัดลิ้นของผม ...เขาจูบเก่งจริง ๆ ให้ตาย ผมครางแผ่วเมื่ออุ้งมือหนานั้นค่อย ๆ ลูบไล้ผิวใต้เนื้อผ้าสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนหยุดหมุนวนที่ยอดอก ทำให้ผมสะดุ้งวาบ

“หยุด..” ผมพยายามดันคางสาก ๆ ของเขาออก แต่รู้สึกราวกับถูกดูดพลังงานออกทางปาก ..ไร้เรี่ยวแรงขัดขืน ผมกำลังรู้สึก... รู้สึก......

ร่างของผมไหลลงต่ำเรื่อย ๆ ตามความหนักหน่วงของแรงบดจูบ แขนข้างหนึ่งของเขาโอบเอวผมเอาไว้ไม่ให้กลิ้งตกลงไปใต้คอนโทรล ....ยังดีที่มันไม่ไหลลงต่ำไปกว่านี้ เพราะเท้าของผมติดประตูของอีกฝั่ง... เหอะ ๆ

พี่ธีร์ ละริมฝีปากมองผมยิ้ม ๆ

“เก่งขึ้นรึเปล่า ?” ผมร้อนวูบบนใบหน้า อ้าปากจะด่า แต่เขาไม่รอให้ผมปล่อยตัวอะไรออกมาเพ่นพ่านให้เสียบรรยากาศ รีบประกบปากซ้ำ โอบตัวผมขึ้นนั่งคร่อมบนหน้าตักของเขา
 
ปี๊นนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!!

เราทั้งคู่สะดุ้ง ผมหอบหายใจหนักมองศอกตัวเองที่เผลอไปจิ้มแตรรถ หันมามองหน้าเขางง ๆ ....ก่อนตะเกียดตะกายกลับไปนั่งที่เดิมเงียบ ๆ ...เขาส่งเสื้อยืดคืนให้ผม...

ผมรับคืนมางง ๆ ก่อนสวมกลับ ...ถึงว่าทำไมมันเย็น ๆ ....ผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขาถอดเสื้อของผมออกตั้งแต่เมื่อไหร่ ......ถ้าไม่เผลอกดแตร ผมกับเขาจะเลยเถิดไปถึงขั้นไหนวะเนี่ย!! ไม่อยากจะคิดเลยว่าผมรู้สึกดีกับสัมผัสของเขาจนยอมให้เขาทำถึงขนาดนี้

เราทั้งคู่นั่งเงียบ ๆ ... ไม่มีบทสนทนาใด ๆ เกิดขึ้นอีก....
 
ถ้าผมยอมให้เขาจูบอีกละก็ ครั้งต่อไปผมต้องเป็นฝ่ายถูกจับกดอย่างสมบูรณ์แบบแน่ ๆ !!!

.......................................อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ทูบีคอนตินิว..........
 :เฮ้อ:ตอนนี้ก็เรื่อย ๆน่ะ ยังไม่คืบหน้ามากมาย มาลุ้นตอนหน้าน่ะค่ะ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกะแบล๊ค ที่พี่ธีร์คอยตามประกบทุกฝีก้าว..

ออฟไลน์ Still_14OC

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2041
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-7
ยอมโดนกด เถอะ แบล็ค ยังไงก็ ไม่รอด อ่ะ

ออฟไลน์ kny

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1800
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-16

ออฟไลน์ ต่ายน้อย

  • กระต่ายน้อยลอยคอ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 816
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-3
    • http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=27719.0
น้องแบล็คยอมไปเต๊อะ 555
พี่ธีร์นี่เท่ห์จริงๆ

ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ kny

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1800
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-16

ออฟไลน์ akazu

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 550
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +240/-6
- 30 -

ทำไมในหัวของผมตอนนี้ถึงมีแต่เรื่องตอนที่อยู่ในรถ ในรถ และในรถ!! ทั้ง ๆ ที่สมควรจะกลุ้มใจเรื่องที่แคนดี้เข้าใจผิดมากกว่า! แคนดี้กำลังเข้าใจผมผิดนะ! ผมเป็นอะไรไปเนี่ย!

อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!

ผมตีอกชกหัวตัวเองอย่างบ้าคลั่ง ...สมองผมกระทบกระเทือนแน่ ๆ เลย ผมจับดินสอขีดเป็นรูปวงกลมหลายขนาดเต็มไปทั้งหน้ากระดาษ ...เวร! ดันไปเขียนใส่สมุดไอ้ปุ้น!! มันจะฆ่าผมมั๊ยเนี่ย! ถ้าลบออกตัวหนังสือที่มันจดไว้ไปหมดแน่ ๆ

ผมซบหน้าลงกับกองหนังสืออย่างหมดอาลัยตายอยาก ทำไมผมไม่โทรไปหาแคนดี้นะ! พอหยิบมือถือขึ้นมาก็นึกได้ว่าเครื่องนี้มันของเธียรนี่หว่า.. แถมผมก็จำเบอร์แคนดี้ไม่ได้ด้วย ผมถอนหายใจเบา ๆ แล้วซุกหน้าลงกับกองหนังสืออีกครั้ง แล้วหยิบสมุดชีวะเล่มหนาปึ๊กเปิดวางทับหัว หวังให้เนื้อหาทั้งหมดออสโมซิสเข้าสู่สมองโดยเร็ว

ตัวหนังสือจะมีการแพร่มั๊ยนะ ? มันจะลอยเข้ามาในสมองของผมได้รึเปล่า ? .. ตอนนี้ความหนาแน่นของความรู้ในสมองของผมมีน้อยจะตายอยู่แล้ว ช่วยซึมเข้ามาหน่อยเถอะ... จะได้ช่วยย่นระยะเวลาในการอ่าน พอปิดตาปุ๊บก็มีภาพสายตาของเขาแวบเข้ามาในหัว โอย~…. ลืมตาดีกว่า

“นั่นเธอทำอะไร ?” มีเสียงตามมาหลอนด้วย ฮือ ๆ ๆ ๆ...

“ออสโมซิส” ผมตอบเสียงในสมองไปเบา ๆ

“ออสโมซิส ??” เขาทำเสียงงง ๆ มีสงสัยด้วยแฮะ ไอ้เสียงในจินตนาการเนี่ย โง่จริงรึเปล่าเนี่ย... หรือว่า... ไม่หน่า.... ผมหันควับไปมองต้นเสียง หนังสือเล่มหนาบนหัวหล่นลงไปกองอยู่ข้างโต๊ะ เง้ออออ! ตัวจริงนี่หว่า!!.. ทำไมผมไม่ได้ยินเสียงประตูเลยวะ!

“ค...คุณเข้ามาทำไม ?” ผมถามเสียงรัวซ่อนความอาย รีบก้มเก็บหนังสือขึ้นมา ...เขาเข้ามาตอนผมทำอะไรแปลก ๆ อยู่ด้วยซิ ฮือ ๆ ๆ

“ฉันจะมาขอดูหน้าต่าง” เขาเดินปรี่เข้ามาอย่างกับบ้านตัวเอง.. พี่ธีร์ใส่เสื้อยืดตัวใหญ่มียี่ห้อกับกางเกงขาสั้นผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่จัดทรง ...ใส่ชุดสบาย ๆ แบบนี้แล้วรู้สึกเขาดูเด็กลงนิดหน่อย

“ข้างล่างซิครับ หน้าต่างเยอะแยะ” ผมบอกมองแขกไม่ได้รับเชิญเปิดหน้าต่างปล่อยให้ลมตีเข้ามา ...เขาทอดสายตามองออกไปยังความมืดข้างนอก

“ฉันหมายถึงหน้าต่างห้องเธอ” เขาบอกทั้ง ๆ ที่กำลังสอดส่องสายตาออกไปภายนอก ไม่ได้สนใจคู่สนทนาด้วยเล้ย..

“แล้วทำไมต้องห้องผม ??” ผมถามอย่างสงสัย

“เถอะหน่า” …พอได้ยินอย่างนั้นผมก็ขี้เกียจถามอะไรอีก หันมาสนใจหนังสือเล่มหนาบนโต๊ะต่อ..แล้วเขาก็พูดแทรกขึ้นมาเบา ๆ

“เธอน่าจะติดเหล็กดัด”

“ทำไมอีกอ่ะ ?” ผมเลิกคิ้วหันไปถามเขาที่ตอนนี้เปลี่ยนไปนั่งบนที่นอนของผม... อี๊!! เขากล้าดียังไงไปนั่งบนที่นอนของผม!! ถ้าผมโวยวายออกไปเขาจะหาว่าผมคิดเล็กคิดน้อยเหมือนผู้หญิงมั๊ยเนี่ย...

“มันปลอดภัย” คำตอบของเขาทำเอาผมขมวดคิ้วมุ่น..

“ปลอดภัยอีกละ” ผมอยู่ห้องนี้มาตั้งกี่ปี ไม่เห็นว่ามันจะไม่ปลอดภัยตรงไหน ไอ้การไม่มีเหล็กดัดเนี่ย!!

“ไม่สำคัญงั้นเหรอ ?” เขาถามงง ๆ ..และผมก็สวนตอบแทบจะทันที

“ไม่!”

ผมเลิกให้ความสนใจเขาหันกลับมานั่งขีดเขียนต่อ... เวลาล่วงเลยไปจากสี่ทุ่ม.. ห้าทุ่ม.. เป็นเที่ยงคืน ผมแอบหาวเบา ๆ มองตัวเลขกับตัวแปรตรงหน้าที่ออกอาการพร่าเลือน

“โอย ไม่ไหวแล้ว แคลคูลัส!! ลิมิตกลับหัวววว~” ผมบ่นเบา ๆ ปิดหนังสือทิ้ง ลุกขึ้นตั้งใจจะนอนหลับแล้วต้องชะงักกับภาพตรงหน้า

“ไอ้พี่ธีร์! นี่มันที่นอนผม!!” ผมโวยวายดึงร่างสูงใหญ่ที่หลับตาพริ้มอยู่บนเตียง แล้วปัดที่นอนเบา ๆ เหมือนกับมันจะสกปรก

“อืม...” เขาล้มตัวลงไปนอนอีกครั้งโดยไม่สนใจผม ปล่อยให้ผมหายใจฟึดฟัดด้วยความโมโห

“ไอ้พี่ธีร์~~~!!” ผมป้องปากตะโกนเรียกชื่อเขาใส่หูดัง ๆ เจ้าตัวแค่ยกมือขึ้นปัด ๆ ราวกับผมเป็นแมลงน่ารำคาญ!

“ไปนอนข้างล่างดิ นี่มันที่นอนผม!” ผมพยายามดึงแขนใหญ่ ๆ ของเขาลงจากเตียง แต่เขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะขยับไปไหน จนผมรู้สึกโมโห ออกแรงลากเขาจนหล่นจากเตียงดังตุ๊บ!

“โอ๊ย! เธอ..ทำอะไรเนี่ย ?”เขาถามทั้ง ๆ ที่ยังไม่ลืมตา คลำหาทางแล้วกลับขึ้นไปเหมือนจะนอนต่อ แต่ผมรั้งเขาเอาไว้ทัน!

“พี่ธีร์ไปนอนข้างล่าง! เดี๋ยวผมจัดที่นอนให้!” ผมบอกอย่างอารมณ์เสีย ไม่เคยเจอใครนอนขี้เซาแบบนี้มาก่อน

“ไม่เป็นราย..”

“ไม่เป็นไรได้ไงเล่า! ลงมาเดี๋ยวนี้เลย!!” เขานอนอืดครางตอบอื้อ ๆ อ้า ๆ ไม่ยอมลุกขึ้นมาซักที สุดท้ายผมก็จนใจ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนดึงเอาผ้าห่มที่ยับยู่ยี่จากการนอนทับของเขาออกมา เห็นทีผมคงต้องนอนห้องกัณฐ์ ห้องไอ้บลูคงไม่ไหว รกเกินจะกล่าว..

ผมเป็นคนติดผ้าห่มครับ ต้องใช้ผ้าห่มตัวเอง .... เอาผ้าห่มกัณฐ์ไปให้เขาใช้...กัณฐ์ไม่ว่าผมหรอกหน่า...พอเห็นเขานอนอย่างสบายใจแล้วก็หงุดหงิด เขวี้ยงผ้าห่มกัณฐ์ใส่หน้าเขาอย่างอดไม่ได้.. แต่ด้วยจิตสำนึกดี ทำให้ต้องหันกลับไปจัดผ้าห่มให้เขาอีกรอบ

“..เธียร...” ได้ยินเสียงทุ้มละเมอเรียกชื่อน้องชายตัวเองแล้วหงุดหงิด

“โว๊ย! ผมใช่เธียรที่ไหนล่ะ!” ผมตะโกนใส่หูเขาด้วยความหมั่นไส้ เจ้าตัวทำตาสะลึมสะลือเหมือนยังไม่ตื่นมองมาที่ผมงง ๆ.. พอเห็นแบบนั้นผมเลยถอยทัพแต่เขาเอื้อมมือมาคว้าแขนหมับไว้เสียก่อน

“เธอ.. จะไปไหน ?” เขาถามเสียงงัวเงีย ดูเหมือนยังตื่นไม่เต็มร้อย

“ไปนอนห้องกัณฐ์” ผมตอบ

“นอนด้วยกันก็ได้หนิ” เขาล้มตัวลงนอนอีกครั้งแต่ยังไม่ปล่อยมือผม..

“ประสาท! เตียงนิดเดียว ..เอ๊ย!” จู่ ๆ เขาก็ดึงตัวผมเข้าหา คว้าเอวไปกอด ทำให้ผมเสียหลักลงไปนั่งปุอยู่ข้างเขา

“ตอนนั้นยังนอนได้เลย” เขาบอกเสียงงึมงำ ผมไม่ได้เอะใจว่าเขาพูดถึงเรื่องอะไร...

“ไอ้พี่ธีร์!!!” ผมตวาดอย่างไม่พอใจที่ดึงตัวผมไว้ ดิ้นขลุกขลัก พยายามแงะมือหนา ๆ ของเขาออก

“ยังโกรธอยู่เหรอ ?” เขาถามเบา ๆ ออกแรงกอดแน่นขึ้นจนผมรู้สึกอึดอัด

“เออ!” ผมตอบอย่างหัวเสีย และคิดว่าถ้าเขายังไม่ปล่อย ผมจะกระโดดทับท้องเขาให้จุกจนร้องไม่ออก

“....ขอโทษ” คำพูดแผ่วเบาของเขาทำให้ผมนิ่งงัน... เขาขอโทษเรื่องอะไร ?...พอหันไปมอง..เจ้าตัวก็หลับตาพริ้ม ไม่ได้สนใจอะไร ทำไม... ? ผมเพิ่งจะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตัวเอง....

ทำไมผมถึงไม่รู้สึกรังเกียจเขาเลย ?? เกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่!?

...ถ้าเป็นเมื่อไม่กี่วันก่อน แค่อยู่ร่วมห้องด้วยกันผมก็แทบอยากอาเจียนแล้ว ...แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นกับผม ทำไมผมถึงไม่ขัดขืน ? ...หรือว่าผมกำลังจะชอบเขา ?? ความรู้สึกของคนมันเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วถึงขนาดนั้นจริงเหรอ ?? ไม่หน่า... ผมนึกภาพตอนเขาเปลือยแล้วรู้สึกหยึย ๆ แต่จะว่าไปผมไม่เคยเห็นเขาเปลือยแหะ...

เอาเป็นว่า.. ความรู้สึกของผม จากเริ่มแรกที่ติดลบ มันค่อย ๆ บวกเพิ่มขึ้นทีละนิดจนตอนนี้เริ่มสนิทใจกับเขาในระดับหนึ่งแล้วดีกว่า ผมพยักหน้ากับบทสรุปของตัวเองในความมืด ก่อนจะค่อย ๆ ดึงมือหนา ๆ ที่สวมกอดรอบเอวของผมออก ดูเหมือนว่าเขาจะหลับแล้ว.. มีเสียงหายใจสม่ำเสมอดังออกมาเบา ๆ ... ผมกลับไปนอนคลุมโปงในห้องกัณฐ์ ใช่.. ผมก็แค่หวั่นไหวกับเขานิดหน่อย เดี๋ยวก็หาย

...แต่ว่าทำไม..... ผิวหนังส่วนที่โดนเขาสัมผัสยังคงรู้สึกอุ่นร้อนแบบนี้ก็ไม่รู้ เกิดอะไรขึ้นกับผม ????
 
พอลืมตาขึ้นมาอีกทีก็สายโด่ง!! ผมตื่นสาย!!! เพราะไอ้พี่ธีร์! ...ไอ้พี่ธีร์!!

พอกลับเข้ามาในห้องก็ไม่เจอคนตัวใหญ่ที่นอนบนเตียงผมแล้ว ไอ้บ้านั่นไม่เก็บที่นอนให้ผม!! ไม่ ๆ ๆ! ผมจะมาเสียเวลาเก็บที่นอนไม่ได้ ต้องรีบอาบน้ำแต่งตัวก่อน

พอลงมาข้างล่างก็เจอเขาแต่งตัวเนี๊ยบใส่สูทพร้อมทำงาน นั่งอ่านหนังสือพิมพ์จิบกาแฟสบายอารมณ์ อย่างกับบ้านตัวเอง! มันจะสบาย ๆ ไปไหนวะ!!

“อ้าว.. ลงมาพอดี” ผมเดินผลุนผลันออกจากบ้าน ไม่รอฟังเสียงเขา

“เฮ้! เธอจะไปเรียนงั้นเหรอ ?” ผมพยักหน้าเบา ๆ พยายามทำหน้าให้เขารู้ว่าผมรีบมาก ไม่ต้องมาถามอะไรอีก!

“เธอเรียนวันละกี่ชั่วโมงเนี่ย ?” เขาถามอย่างทึ่ง ๆ เดินตามผมออกมา

“ผมกำลังจะสาย อย่ากวนได้มั๊ย ?” ผมส่งเสียงจิ๊จ๊ะ เมื่อเขาพยายามยื้อให้ผมคุยด้วย

“แต่เธอยังไม่กินข้าวเช้า” ผมขมวดคิ้วมุ่น ..มันจะอะไรกันนักกันหนา~

“ผมซื้อขนมแถวนั้นก็ได้ ตอนนี้ไม่ทันแล้ว”

“เฮ้ ๆ ..เธอลืมอะไรไปรึเปล่า ว่าฉันไปส่งเธอได้” ผมชะงัก หันกลับไปมองเขาอย่างมีความหวัง เขาถอนหายใจเบา ๆ ก่อนเอ่ยถาม

“เอาล่ะ มีเรียนกี่โมง”

“แปดโมงครึ่ง” พี่ธีร์ก้มดูนาฬิกาก่อนพยักหน้าและเดินกลับไปปิดประตูบ้าน เขาพาผมแวะซื้อของกินจากเซเว่นมากินบนรถ

“อย่าเลอะนะ” เขาย้ำเป็นรอบที่ 3 ...หมั่นไส้ว่ะ ...ผมแอบเอาถุงขนมปังพับเรียบร้อยสอดไว้ที่เบาะในมุมที่คิดว่าเขามองไม่เห็น
แล้วก็แอบเอาหลอดนมที่เพิ่งดูดสอดไว้บนที่บังแดด ฮ่า ๆ ๆ !!

คอยดูเถอะไอ้พี่ธีร์ ถ้ามีสาวคนไหนดึงมันลงมา รับรองว่าลงหล่นใส่หัวหล่อนแน่ ๆ ...แต่ถ้าโดนธาล่ะก็ผมต้องขอโทษไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคร้าบ ฮุ ๆ

“เธอกำลังวางแผนอะไรอยู่ ?” ผมสะดุ้งนิด ๆ ที่ดูเหมือนเขาจะรู้ทัน

“ไม่มีอะไรนี่” ผมตอบเบา ๆ ซุกหน้ากับคอนโทรล แอบหัวเราะคิกคัก

“ไม่สบายรึเปล่า ?” เขาถามเหมือนจะกวน.. แต่น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย

“ทำไมคิดงั้น ?” ผมเลิกคิ้วหันไปถามงง ๆ

“เวลาอยู่กับฉัน เธอไม่เคยยิ้ม” พอเขาบอกผมก็เพิ่งจะรู้ตัว ..ว่าไม่เคยอารมณ์ดีเวลาที่อยู่กับเขาเลยซักครั้ง.. มิน่าเขาถึงชอบทำท่าบึ้งตึง ตีหน้าเรียบเฉยใส่ผมบ่อย ๆ แถมติดจะรำคาญนิด ๆ... ต่อไปผมจะยิ้มให้เขาบ่อย ๆ เขาจะได้ยิ้มให้ผมมากขึ้น... ผมคิดกับตัวเองในใจ....

“ขอบคุณคร้าบ~” ผมยกมือไหว้ยิ้มให้พี่ธีร์ลงจากรถอย่างอารมณ์ดี สายนิดหน่อยแต่ก็โอเค ผมโดนไอ้ปุ้นสวดยกใหญ่เรื่องที่ขีดหนังสือมันจนเละไปหมด ได้แต่ทำหน้าแหย ๆ ให้มันเห็นใจ

“ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นเลย กูไม่สงสารเมิงหรอก” ไอ้ปุ้นบ่นเอามือตบหัวผมเต็มแรงจนหน้าหัน.. หนอย...

“ให้ทำหน้ายังไงอ่ะปุ้น ?” ผมถามอ้อน ๆ เกาะแขนมัน.. เหอ ๆ ผมไม่กล้าทำร้ายเพื่อนรักหรอกค้าบ...

“อี๋ย์ ขนลุก!” ไอ้ปุ้นรีบสะบัดแขนผมทิ้ง ผมหัวเราะเบา ๆ

“เพื่อนปุ้นอย่าใจร้ายสิครับ น้องแบล็คแค่อ่านย้อนหลังก็ไม่ทันแล้ว” ไอ้หยางพยายามพูดเข้าข้างผม

“งั้นมึงจงจดให้กูใหม่แทนไอ้แบล็ค” ไอ้ปุ้นชี้หน้าหยาง พอมันได้ยินแบบนั้นก็รีบกลับลำ

“งั้นให้น้องแบล็คทำไปเถอะเพื่อนรัก” …ขอบใจว่ะ หยาง.... ผมทำหน้าเบื่อ ๆ รับสมุดไอ้ปุ้นมา ...สุดท้ายก็มีอันต้องจดใหม่ให้มันทั้งหน้า

“แบล็ค...” ผมไม่ได้ยินเสียงหวานของเธอเรียกจนกระทั่งไอ้เจสะกิดเบา ๆ แล้วชี้ไปด้านหลัง แคนดี้ยืนมองมาที่ผม พอผมเดินไปหา เธอก็มองเพื่อน ๆ ของผมเหมือนกับจะไล่กลาย ๆ ผมจึงพยักเพยิดให้พวกมันเดินไปโดนไม่ต้องรอ

ผมแยกกับเพื่อน ไปกับแคนดี้ 2 คน ...เธอพาผมเดินไปที่ห้างสรรพสินค้าใหญ่ที่อยู่ใกล้ ๆ ..ชวนผมกินข้าวเที่ยง และทานไอศครีมต่อ

“แบล็ค ...แคนดี้ถามจริง ๆ เถอะว่าเรายังรักกันอยู่ใช่ไหม ?” ในที่สุดเธอก็เป็นฝ่ายเริ่มเปิดประเด็นหลังจากนั่งคุยเรื่องสัพเพเหระชวนอึดอัดใจเล่นกันมาพักใหญ่ ผมนิ่งอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนตอบในลำคอออกไป.. ผมยังรักเธอ...

“..........อืม...”

“แล้วทำไม ?....”

“...เป็นเรื่องเข้าใจผิด” ผมกล่าวตัดบท มองดูไอศครีมวานิลาที่เริ่มละลายเป็นของเหลว

“เข้าใจผิดงั้นเหรอ ?” เธอถามเสียงสูงก่อนกล่าวต่อ

“จูบกันดูดดื่มขนาดนั้นน่ะนะ” คำพูดของเธอทำเอาผมสะดุ้ง.. เธอไปเห็นผมจูบกับเขาเมื่อไหร่ ?

“…..แคนดี้” ผมเรียกชื่อเธอเบา ๆ อย่างไม่เชื่อหู... แล้วเธอก็เบือนหน้าหนีผม ริมฝีปากแดง ๆ นั้นเม้มแน่น.. ผมรู้ว่าเธอกำลังโกรธ กำลังเสียใจ ...

“...เราจะกลับมาคบกันเหมือนเดิมได้อีกรึเปล่า ?” เธอถามเบา ๆ

“.....” คำถามของเธอทำให้ผมเงียบ.. ทำไมจู่ ๆ เธอกลับมาขอคบกับผม.. ทั้ง ๆ ที่เธอเป็นฝ่ายบอกเลิกกับผม เป็นคนที่ไปมีคนอื่นก่อน... แน่นอนว่าผมให้อภัยเธอ...

“...ตอบหน่อยสิแบล็ค” เสียงของเธอเร่งเร้าและอ้อนวอน ....แต่ว่าผม....

“...ไม่ได้.....” …ผมสกปรกเกินกว่าที่จะแตะต้องเธอได้อีกแล้วละมั้ง... ผมไม่รู้ว่าเธอจะรับได้รึเปล่าที่ผมเคยมีอะไรกับผู้ชายด้วยกัน.. ผมไม่อยากให้เธอเสียใจอีก... 

“โอเค...” แคนดี้บอกเสียงแผ่ว มือเล็ก ๆ ของเธอสั่นน้อย ๆ ตักคนไอศกรีมที่เหลวละลายราวกับจะทำให้มันกลับมาแข็งได้อีกครั้ง ...ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามันไม่สามารถกลับมาเป็นก้อนอย่างเดิมได้แล้ว.....

“แคนดี้ก็มีเขาอยู่แล้วนี่” ผมอดพูดประชดออกไปไม่ได้ ..เธอสบตาผมและคำตอบกลับทำเอาผมนิ่งอึ้ง

“ใช่... และแบล็คก็มี ‘เขา’” เธอเน้นเสียงคำว่า ‘เขา’ พร้อมสบตากับผม ...ครั้งนี้ผมเป็นฝ่ายหลบตาเธอ...

“....” ผมนั่งเงียบ ๆ มองดูเธอตักไอศกรีมเหลว ๆ เทกลับลงแก้ว.. และคนไปมา เราตัดสินใจจ่ายเงินและเดินออกมาเงียบ ๆ ก่อนที่เธอจะเริ่มบทสนทนาอีกครั้ง

“แบล็คคบกับเขามานานเท่าไหร่แล้ว ?” ผมเหลือบสายตามองคนที่เดินข้าง ๆ ก่อนตอบไปตามความจริง

“...ไม่เคยคบ”

“ทำไมยังต้องโกหกอีก” เธอหันมาถามผมเสียงสูง ...เริ่มออกอาการไม่พอใจ

“ไม่ได้โกหก” ผมลอบถอนหายใจเบา ๆ… ผมไม่รู้ว่าจะอธิบายให้เธอเชื่อได้ยังไง...

“อ๋อ.. เป็นพวกที่มีอะไรกับผู้ชายคนไหนก็ได้ใช่มั๊ย ?” ผมอึ้งกับการสรุปเอาเองของเธอ พอเห็นผมไม่ปฏิเสธเธอก็พูดต่อ

“เพราะแบบนี้ใช่มั๊ย แบล็คเลยไม่ยอมมีอะไรกับเรา ?”

“แคนดี้...” ผมเรียกชื่อเธอเสียงแผ่ว.. ทั้ง ๆ ที่ผมให้เกียรติเธอมาตลอด.. แต่เธอพูดทำลายตัวเองเสียย่อยยับ

“ทำไมแบล็คไม่บอกตั้งแต่แรกว่าแบล็คเป็นเกย์!!” เธอตวาดก่อนตบหน้าผมฉาดใหญ่... ผมรู้สึกว่าหน้าตัวเองชาไปครึ่งซีก... เธอเดินหนีผมไปโดยไม่หันกลับมามองอีก...

ผมมองนาฬิกาเบื่อ ๆ ..คนรอบข้างต่างมองมาที่ผมเป็นจุดเดียวบางคนก็หัวเราะกระซิบกระซาบกับเพื่อน เซ็งเป็ด.. ไม่รงไม่เรียนแล้ว ผมขอโดดชั่วโมงนึง.. พอล้วงมือถือออกมาก็นึกได้ว่าน่าจะซื้อมือถือใหม่ซักที...ผมเดินเอื่อย ๆ ไม่สนใจว่ามีใครมอง เดินเข้าไปในห้องน้ำชายอย่างเซ็ง ๆ

กำลังยืนอยู่ดี ๆ ก็มีคนมายืนโถข้าง ๆ เหล่ตามอง ...พอรู้ว่าผมจับได้ยังฉีกยิ้มหวานส่งให้อีก อารมณ์เสียโว๊ย!!! ผมรีบเดินหนีก่อนทำมือส่งสัญลักษณ์แห่งความรักให้ไอ้คนที่ยืนโถข้าง ๆ เล่นเอาเขาหน้าม้านไปเหมือนกัน 555+

“เดี๋ยว! เฮ้!” ผมหันไปมองคนที่เรียก เหอะ ๆ.. ไอ้โรคจิตนั่นตามมารังควาญนี่เอง

“เรียกผมเหรอ ?” ผมถามทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเขาเรียกผมนั่นแหละ

“อืม.. ชื่ออะไรเหรอ ?” เขาพยักหน้าและส่งยิ้มหวานให้ผม เหอะ ๆ ....เขาเป็นผู้ชายผิวค่อนข้างขาวจัด ดูค่อนข้างสุภาพ ต่างจากกิริยาที่เพิ่งทำในห้องน้ำ เหอะ ๆ ๆ ๆ...

“แบล็ค” ผมตอบเสียงห้วน

“พี่ชื่ออาร์นะ มีเบอร์รึเปล่า ?”

“ไม่มี” ผมตอบปัดทำหน้ารำคาญ และคิดว่าควรจะเดินหนีไอ้หมอนี่

“ว้า.. งั้นเหรอ ?” เขาพึมพำยิ้ม ๆ แล้วจู่ ๆ ก็มีเสียงหัวเราะใส ๆ เข้ามาแทรก

“ฮะ ๆ ๆ หนูก็บอกแล้วว่าพี่เขาไม่ใช่เกย์” พอผมเห็นร่างบอบบางของผู้หญิงแสนน่ารัก ขี้เล่นคนนี้แล้วก็ตกใจ

“ธา..” ..ทำไมจู่ ๆ เธอถึงเขามาเกาะแขนสนิทสนมกับไอ้โรคจิตคนนี้ได้เนี่ย

“เฉลยไวจัง นี่ถ้าพี่ตื้ออีกนิดอาจจะเห็นผล” ผู้ชายที่ชื่ออาร์บอกยิ้ม ๆ มือหนาขยี้ผมสีน้ำตาลหยิกเบา ๆ อย่างรักใคร่

“เล่นอะไรกัน ?” ผมมองดูภาพตรงหน้างง ๆ ...พวกเขาเล่นตลกอะไรกับผมเนี่ย...

“ก็พี่อาร์สงสารผู้หญิงที่เลิกกับพี่แบล็คเมื่อกี้น่ะค่ะ หนูก็คิดอยู่แล้วว่าเค้าคงเข้าใจผิด” ธาอธิบาย...  ไอ้หมอนี่เลยต้องมาทดสอบว่าผมเป็นเกย์รึเปล่าอ่ะนะ ?... ผมเหลือบตามองผู้ชายร่างสูงอย่างไม่ชอบใจ

“พี่ขอโทษด้วยแล้วกันนะ” เขาส่งยิ้มแหย ๆ ให้... คงจะรู้ว่าผมไม่ได้พอใจนัก

“...ผมก็ต้องขอโทษด้วยครับ” ผมบอกเบา ๆ ....ดันส่งสัญลักษณ์แห่งความรักไปให้ด้วยสิ...

“พี่อาร์นี่ ไม่มีเสน่ห์เอาซะเลย” ธาบ่นเสียงงุ้งงิ้ง พอคนถูกว่าได้ยินก็หยิกแก้มของเธอเบา ๆ

“ใครจะมีเสน่ห์เท่าน้องธาละคะ หื้มมมมมมม ?” ท้ายประโยคของเขาลากยาว พร้อมกับโยกมือไปมา ..ธาปัดมือเขาออกทำหน้าบึ้ง... พอเห็นท่าทางสนิทสนมกันแบบนั้นแล้วทำให้ผมอดถามไม่ได้...

“เอ้อ.. แฟนธาเหรอครับ ?” ผมกระซิบถามเธอเสียงเบา ..พอเธอได้ยินแบบนั้นก็สะดุ้งรีบปฏิเสธ

“อ๊ะ! ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่ ๆ” เธอส่ายศีรษะรัว ..แต่ใบหน้ากลับแดงจัด...

“อ้อ....” ..พอเห็นท่าทางแบบนั้นของธาก็พอจะเดาออก... ผมแอบยิ้มให้เธอนิด ๆ อย่างรู้ทัน... งานนี้ไอ้ไทม์ชวดแหง ๆ

“งั้นผมขอตัวนะครับ ไปแล้วนะธา หวัดดีฮะ” ผมโบกมือยิ้ม ๆ ...ถ้าอยู่นานกว่านี้อาจจะขัดขวางเวลาแห่งความสุขของเธอก็เป็นได้...

“เดี๋ยว! เดี๋ยวค่ะพี่แบล็ค” ผมเลิกคิ้วมองเธอ

“คือ.. ธาสังเกตมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ...มีผู้ชายอีกคนแอบตามพี่แบล็คมาด้วยค่ะ” ธากระซิบกระซาบกับผม

“หา ?” ผมเกาหัวแกรก ๆ ...หรือจะมีคนมาทดสอบว่าผมเป็นเกย์อีกวะเนี่ย...

“อยู่ทางทิศสิบนาฬิกา ข้างร้านรองเท้าน่ะค่ะ เสื้อสีน้ำเงิน” ธากระซิบเบา ๆ ผมมองไปตามทิศที่เธอบอก ...ก็คนธรรมดานี่หว่า...

“บังเอิญละมั้ง” ผมบอกเธอยิ้ม ๆ ก่อนจะบอกลากันอีกรอบ พอเหลือตัวคนเดียวแล้วผมก็รู้สึกเบื่อ ๆ อีกครั้ง คิดว่าควรจะซื้อมือถือใหม่ในเวลาที่เหลืออยู่ซักที...

แต่เริ่มรู้สึกได้ว่าผู้ชายเสื้อน้ำเงินนั่นตามผมไปทุกที่อย่างที่ธาบอกจริง ๆ แถมใส่หมวกปิดหน้าปิดตา.. หรือว่ามันเป็นโรคจิตฟระ ?! ...

ตอนนี้ผมเลยเริ่มนอย.. หรือว่าผมควรจะวิ่งหนี หรือว่าทำเป็นไม่สนใจ หรือว่ายังไงดี ว๊อยยย~~!! ยิ่งคิดยิ่งเครียด!!

จู่ ๆ ก็มีมือมาปิดปากผมจากด้านหลังและลากเข้าสู่ซอกหลืบ... ทั้ง ๆ ที่คนเดินอยู่เต็มห้างเนี่ยอ่ะน่ะ! ผมดิ้นพยายามกลั้นหายใจเมื่อได้กลิ่นฉุนติดจมูก

ใคร ???!!

ไม่ใช่ไอ้เสื้อน้ำเงินตะกี้ด้วย! ...ถ้าจะให้ผมเดา.. คนของไอ้หมวยแหงม ๆ!!

ผมพยายามส่งเสียงร้อง ง้างมือหนา ๆ ที่อุดปากอุดจมูกของผมออกแต่ก็ไม่กระดิก

ไม่น๊า~~!! ..

ใครก็ได้ช่วยผมด้วยยยยยยยยย~!!!

..................................................................ทูบีคอนตินิว..คึคึ
หวังว่าคงถูกใจและชื่นชอบน่ะค่ะและที่สำคัญขาดไม่ได้ ขอบคุณมิตรรักนักอ่านทุกท่านด้วยใจจริง พรุ่งนี้พบกันกับตอนหน้า ที่แสนเครียด และกดดัน :m31:

ออฟไลน์ ต่ายน้อย

  • กระต่ายน้อยลอยคอ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 816
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-3
    • http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=27719.0
อุ๊ย  เครียดเร้อ  รอต่อ~  พี่ธีร์อยู่ไหนน้องแบล็คเกิดเรื่องแล้ว

ออฟไลน์ Still_14OC

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2041
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-7
พี่ธีร์ ปล่อยให้คลาดสายตาได้ไงเนี่ย งานเข้า งานงอก

the_pupae

  • บุคคลทั่วไป
ซันซ้อนซ่อนเงื่อนจริงๆ o13

ออฟไลน์ akazu

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 550
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +240/-6
- 31 -
 
พี่ธีร์..

ผมกำลังนั่งพิจารณาเอกสารตรงหน้าอย่างเบื่อหน่าย หมุนควงปากกาในมือไปมา มือถือที่ตั้งอยู่บนโต๊ะสั่นกระทบพื้นผิวดังครืดคราด. ผมเดาะปากเบา ๆ เมื่อเห็นเบอร์ที่ไม่ปรากฏบนหน้าจอโทรเข้ามา.. งานเข้าอีกแล้วสิเนี่ย

“ว่าไง..” แล้วผมก็ต้องขมวดคิ้วมุ่นเมื่อปลายสายน้ำเสียงร้อนรน และพยายามเรียบเรียงเหตุการณ์ให้ผมฟังอย่างรวดเร็ว
แบล็คหายตัวไปอีกแล้ว. น่าปวดหัวชะมัด. คนเรานี่ก็แปลก วิธีเข้าหาง่าย ๆ เยอะแยะดันไม่ทำ เลือกใช้วิธีแปลก ๆ ซะนี่

ความจริง ผมคิดอยู่แล้วว่าเด็กคนนั้นไม่ล้มเลิกเรื่องแบล็คง่าย ๆ แน่.แต่ไม่นึกว่าจะเร็วขนาดนี้ ผมวางสายโทรศัพท์และเดินออกไปหน้าห้องที่มีเลขาคนสนิทนั่งพิมพ์ก๊อกแก๊กอยู่หน้าจอคอมฯ พร้อมสั่งงานเธอ

“กิ่งช่วยเคลียร์ตารางทีเลื่อนนัดไปให้หมดเลยนะ”

“ช่วงนี้คุณธีร์ยุ่งจังเลยนะคะ” เลขาสาวที่แสนจะมุ่งมั่นทำงานดันแว่นกรอบบาง สบมองผม

“อืม.. ติดต่อจันให้ฉันด้วย” ผมบอกต่อ ไม่สนใจทีท่าเหมือนจะจับผิดของเธอ

“จันไหนคะ ?” กิ่งเอียงคอถาม เธอพูดเหมือนกับว่าผมรู้จักผู้หญิงชื่อจันหลายคน ดูเหมือนว่าเธอจะรู้ว่าผมแอบตำหนิในใจ จึงเอ่ยชื่อของผู้หญิงที่มีชื่อเล่นว่า ‘จัน’ ให้ผมเลือก “สิริขวัญ พิมพ์จันทร์ วรางคณา....”
 
“จันทิรา” ผมบอกตัด เพิ่งรู้ว่าตัวว่าผมรู้จักผู้หญิงที่ชื่อจันหลายคนเหมือนกัน

“คุณจันทิรานี่... ไม่เห็นนานแล้วนะคะ” เธอบอกพร้อมทำท่านึก...

“อืม” ผมตอบรับในลำคอเบา ๆ มองเลขาสาวที่จัดตารางเวลาแทบทุกเรื่องให้ผมแล้วส่ายศีรษะเบา ๆ บางทีการมีคนที่รู้เรื่องของผมมากเกินไปอยู่ใกล้ ๆ ก็ทำให้ผมหงุดหงิดได้เหมือนกัน
 
“คุณอยู่ไหน ?” ผมกรอกเสียงลงในโทรศัพท์

“มีอะไรเหรอคะ ?” น้ำเสียงของอีกฝ่ายฟังดูประหลาดใจที่ผมโทรหาเธออีก

“น้องคุณมีปัญหาอีกแล้ว” ผมพ่นลมหายใจออกเบา ๆ พอเธอได้ยินแบบนั้นก็ร้อนรนและโทรเช็คว่าน้องชายของเธอกำลังไปเที่ยวเล่นอยู่ที่ไหน.. แต่สถานที่ ๆ เขาอยู่ทำให้ผมสะดุดใจ

“เดี๋ยวจัน ที่ที่สายของผมบอก มันคนละทางกับที่คุณพูดนะ”

“เอ๋ ? นันอยู่ที่นั่นนี่คะ” น้ำเสียงเธอบอกอย่างประหลาดใจไม่แพ้กัน.. ผมตัดสินใจไปตามที่ ๆ จันบอก.. พบนันสิตาอยู่กับเพื่อนของเขา ไม่มีแม้แต่เงาของคนที่ผมตามหา...ผมตรงเข้าไปกระชากแขนเล็ก ๆ ขาวซีดของเขา ..เขามีท่าทีตกใจนิดหน่อย แต่ก็เดินตามผมมาโดยดี

“เธอพาเขาไปซ่อนไว้ที่ไหน ?” ผมถามเสียงเรียบ

“เราไม่ได้เจอกับแบล็คเลยตั้งแต่วันนั้น” นันสิตากอดอกตอบ พอเห็นผมทำตาดุ ๆ ใส่เลยอธิบายเพิ่ม

“เราคิดจะบอกความจริงทั้งหมด เหมือนอย่างที่เธอพูดนั่นแหละ...” เขาถอนหายใจเบา ๆ ก่อนเสยเส้นผมที่ปรกหน้า

“เขาหายไปงั้นเหรอ ?” ผมพยักหน้าเบา ๆ

“เราสาบานได้ว่าครั้งนี้เราไม่เกี่ยวจริง ๆ” ...ถ้าไม่ใช่เด็กคนนี้...แล้วใครกัน..? ..ใครอีกที่อยากจะได้ตัวเขา.. ?

สายของผมรายงานอีกครั้งว่ารถที่ติดตามคลาดสายตาไปได้ ผมกำมือแน่น ....

ครั้งแรก... ผมแค่บังเอิญอยู่ที่โรงแรมนั่น
ส่วนครั้งที่สองผมก็ตั้งใจจะไปคุยกับนันสิตาเฉย ๆ ไม่คิดว่าจะเจอเขา
...แต่ครั้งนี้มันไม่โชคดีเหมือนที่ผ่านมาทั้ง ๆ ที่เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นกว่าครั้งไหน ๆ....

ทางสุดท้ายที่ผมคิดออกคือ ไอศวรรย์.. เอ็กซ์เป็นผู้หญิงที่อยู่ตระกูลใหญ่และกว้างขวาง เธอถนัดนักล่ะเรื่องที่ผู้หญิงไม่ควรจะทำ มีประสบการณ์โดนลักพาตัวมากกว่า 10 ครั้งในวัยไม่ถึง 10 ขวบ เหอะ ๆ...

เธอเป็นรักแรกของผมเลยก็ว่าได้.. จำได้ว่าตอนพบเธอครั้งแรก เธอก็ทำลายฝันของผมย่อยยับโดยการกระโดดถีบกลางหลังผมที่กำลังเล่นกับน้องชายของเธอ.. เวลาผมกลับมาไทย พ่อก็หมั่นพาผมไปบ้านโมกขบริสุทธิ์เพื่อสานสัมพันธ์กับเธอนักล่ะ.. แต่ไม่เคยเลยที่เธอจะคุยกับผมดี ๆ เจอทีไรก็กันท่าขู่ผมตลอด ......และผมก็เข้าใจจิตใจของเธอเมื่อผ่านไปเกือบ 15 ปี...

....เราทั้งคู่แอบรักน้องชายของตัวเอง เสียแต่ว่าเธอเป็นผู้หญิงเท่านั้นแหละ... ช่วงแรกที่ผมเริ่มรู้ตัว ก็ได้เธอเป็นเพื่อนคุยเข้ากับผมได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย...

“จะให้ฉันหาคนน่ะนะ ?” เธอส่งเสียงแหลมอย่างไม่เชื่อหูมาจากปลายสาย

“ฉันจำได้ว่าเธอมีเครื่องอะไรซักอย่างที่เอาไว้ติดตามน้องชายเธอ” ผมพยายามนึกถึงเรื่องที่เธอเคยนำมาโอ้อวด..

“แกรู้เรื่องนี้ได้ยังไง๊!!” แต่เจ้าตัวกลับลืม...

“ฉันรู้แล้วกัน”

“จะบ้าเหรอนั่นมันเครื่องติดตาม จะหาคนไม่รู้จักได้ยังไงเล่า! ฉันไม่ใช่นางฟ้านะว้อย!” เธอส่งเสียงโวยวายและดูเหมือนว่าถ้าผมไม่รีบหาข้อเสนอ เธอคงจะตัดสายผมทิ้งอย่างไม่ใยดี....

“ฉันรู้ว่าเธอไม่ใช่นางฟ้า แต่ถ้าไม่ช่วยหา รับรองว่าคืนนี้น้องชายเธอไม่ได้กลับบ้าน”

“อะไรนะ!!” ผมดึงมือถือออกห่างจากใบหู...

“อาร์อยู่กับน้องสาวฉัน ว่าไง ?”

“อี๋!!! นังเด็กนั่น!!” ผมรีบแยกมือถือออกห่าง ไม่อยากฟังเสียงกรีดร้องพร้อมกับคำผรุสวาทซักเท่าไหร่..

“เร็วเข้า ฉันมีเวลาตัดสินใจไม่มาก” ผมเร่งเธอ มองดูนาฬิกาข้อมือ.. ดูเหมือนว่าผมจะใช้เวลาหมดไปกับการคว้าน้ำเหลวเสียเยอะ

“ก็ได้! เอาข้อมูลของคนที่นายจะหามา” ผมถอนหายใจโล่งอก.. โชคดีจริง ๆ ที่วันนี้ธามีนัดเดทกับน้องชายของยัยนี่.. ไม่อย่างนั้นไม่ต้องหวังเลยว่าเธอจะช่วยเหลือใครโดยไม่รับสิ่งตอบแทน...
ผมบอกรายละเอียดคร่าว ๆ ตามที่สายรายงานให้

“รู้มั๊ยว่าเวลาชั่วโมงนึงของฉันสามารถทำเงินได้เท่าไหร่ ?”

“เธออย่าบ่นได้มั๊ย ?”

“สายของนายโดนจับได้เหรอ ?” ผมถอนหายใจตัดสายโทรศัพท์รอข่าวจากเธอ ...
 
ผมไม่รู้จะทำยังไง รู้สึกเป็นห่วงจนกระวนกระวาย ได้แต่เดินไปเดินมารอสายโทรศัพท์เข้า.. นี่มันกินเวลาไปหลายชั่วโมงแล้ว.. ถ้าเขาถูกฆ่าปิดปากป่านนี้เรียบร้อยไปนานแล้ว...

ผมแทบจะโห่ร้องเมื่อมีสายของ ‘ไอศวรรย์’ โทรเข้ามา เธอบ่นเบา ๆ ว่ารถที่ผมบอกเป็นรถรับจ้างที่ถูกสั่งมาอีกทอดหนึ่ง และเธอต้องล้วงข้อมูลมากว่าจะรู้ว่ามีเด็กผู้ชายตามที่ผมระบุถูกส่งไปที่ไหน... ผมอยากจะบอกเธอว่าผมไม่เคยพัวพันกับไอ้เรื่องโดนลักพาตัวแบบนี้มาก่อน... จะไปรู้ได้ยังไง

ประมาณทุ่มหนึ่ง ผมก็เดินทางมาถึงสถานที่นัดพบหลังเธอเล็กน้อย.. ที่นี่เป็นบ้านโทรม ไม่มีคนอาศัย.. แต่ภายในกลับมีเฟอร์นิเจอร์และไฟฟ้าเหมือนมีคนมาใช้บ่อย ๆ

“น่าจะเป็นพวกวัยรุ่นแถวนี้ มาสูบยากันนะครับ” ลูกน้องของเธอบอก มองดูสภาพในบ้าน …เธอพาลูกน้องคนสนิทมาแค่ 2 คน.. คงมั่นใจในฝีมือพวกเขาได้.. ผมเห็น 2 คนนี้มาก่อนเวลาไปบ้านของเธอ จำได้ว่าผู้ชายชื่อ ‘เหยี่ยว’ ส่วนผู้หญิงชื่อ ‘ซี’

“ไม่เห็นมีใครเลย” ผมพึมพำเบา ๆ ... แถมตอนนี้ก็มืดแล้วด้วย...

“ยังไม่ได้ขึ้นไปดูข้างบนเลย” เอ็กซ์แหวและเดินนำหน้าพวกเราขึ้นไป ห้องแล้วห้องเล่าที่ถูกเปิดไม่มีวี่แววของคนพักอาศัย

“เอ.. แปลกจัง” ซีเดินกลับเข้าไปในห้องที่เราเข้าไปแล้วก่อนตะโกนออกมา

“คุณเอ็กซ์คะ ห้องนี้มีห้องลับ” ผมรีบตามเข้าไปดูด้วยความหวัง..

เธอพาผมเปิดเข้าไปในห้องน้ำ และในห้องน้ำนั้นมีประตูห้องที่แอบอย่างแนบเนียนอีกที ทันทีที่เปิดผมได้กลิ่นอับและคาวคลุ้ง.. รีบเอื้อมมือคลำหาสวิตซ์ไฟ...

เศษผ้าที่ฉีกขาดเกลื่อนบนพื้นห้อง ....ผมแทบไม่เชื่อสายตา.. เมื่อเห็นร่างโปร่งเปลือยเปล่าเต็มไปด้วยบาดแผลนอนคุดคู้อยู่มุมเตียงเล็ก ขาข้างหนึ่งของเขาถูกล่ามโซ่ติดกับเตียงนั่น... ทำไมถึงทำเหมือนเขาเป็นสัตว์แบบนี้....ผมรีบตรงไปหาเขา พอเจ้าตัวรู้ว่ามีความเคลื่อนไหวในห้องก็สะดุ้ง

“อย่าเข้ามานะ!” เสียงแหบแห้งที่ผมเริ่มจะชินหูตวาดไล่ ..ไม่รู้ทำไมผมถึงร้อน ๆ นัยน์ตา... ทั้ง ๆ ที่เจอเขาแล้วก็น่าจะจบเรื่อง

“แบล็ค…” ผมคว้าใบหน้าของเขามองดูลิ่มเลือดที่จับเป็นก้อนตรงมุมปากบาง แก้มของเขาแดงช้ำ.. เส้นผมสีดำสนิทชุ่มเหงื่อยุ่งเหยิง...

...เขาสบตามองผมนิ่ง ...ดวงตาสีดำขลับมีน้ำตาเอ่อคลอก่อนจะเอ่อไหลล้นอาบแก้ม นิ้วมือเย็นเฉียบเอื้อมมือแตะใบหน้าผมเบา ๆ

“ฮึก..ผม..นึกว่า...คุณ...จะไม่...มา” เขาบอกเสียงขาดห้วงปาดน้ำตาเบา ๆ ผมโอบเขาไว้ในอ้อนแขน ...ทั้ง ๆ ที่ปกติออกจะทำตัวอวดเก่ง แต่ตอนนี้เขากลับดูเปราะบางเหลือเกิน

ตัวของเขามีกลิ่นคาวที่ผมไม่คุ้นจมูกติดตัว.. และผมก็พบสาเหตุ... ถุงยางอนามัยเปรอะคราบเลือดถูกวางทิ้งไว้หลายชิ้น
เห็นเลือดผสมน้ำสีขุ่นเปื้อนตามเรียวขาของเขายิ่งทำให้ผมรู้สึกปวดใจ... นี่ไม่ใช่ครั้งแรก.... เขาเจอเรื่องแบบนี้เป็นครั้งที่สอง... และหนึ่งในนั้นผมเป็นคนทำร้ายเขาเอง.... ถ้าพูดกันตามตรง ผมก็ไม่ต่างอะไรกับพวกที่ทำแบบนี้ซักเท่าไหร่...

“ชู่ว์... แบล็ค...ไม่เป็นไร...” ผมกระซิบบอกเขาเบา ๆ ปาดน้ำตาที่ไหลซึม.. ร่างกายของเขาสั่นเทา...เหมือนกับวันนั้น...

“ไม่มีใคร.... ผมไม่มีใครเลย” เขาพึมพำเสียงเครือ ซุกหน้าบนอกของผม ..

“เธอมีฉัน.. เธอยังมีฉัน” ผมบอกเบา ๆ สำรวจร่างกายเขา มีรอยฟกช้ำเต็มไปหมด บางแห่งมีเลือดซึม.. ผมกดจูบตามรอยเชือกบาดบนข้อมือเล็ก ๆ ของเขา..

“หลีก” เอ็กซ์กล่าวเสียงเรียบ เหนี่ยวไกยิงสายโซ่เส้นเล็กจนขาดสะบั้นด้วยปืนเก็บเสียง ..ผมอยากจะต่อว่าเธอเรื่องความใจร้อน แต่สายตาดุ ๆ ของเธอเบือนไปทางอื่นทำให้ผมเข้าใจว่าเขายังเปลือยอยู่ และเธอคงจะอายนิดหน่อย...ผมรีบถอดสูทคลุมร่างที่จะละลายหายไปในอากาศของเขา และอุ้มออกมาจากห้องเล็ก ๆ อับ ๆ นั่น

“ทำไมคุณเอ็กซ์ทำแบบนั้นละครับ ไม่รอให้ผมเป็นคนสะเดาะ ถ้าเกิดพลาดขึ้นมา...” ..ลูกน้องคนสนิทของเธอบ่นกระปอดกระแปด

“แกอย่าพล่ามมากได้มั๊ยห๊ะ!” จบคำ เธอก็หน้าแดงดึงทึ้งผมของผู้ชายคนนั้น.. ไม่รู้ว่าเธอโกรธหรืออายอะไร ...

“ใครพาเธอมาที่นี่ ?” ผมถาม ...เขาส่ายหัว ส่งเสียงสะอื้น กระชับสูทคลุมปิดร่างกาย ..เดินเป๋ ๆ ..ถ้าเป็นเวลาปกติผมคงจะหัวเราะเยาะเขา แต่ตอนนี้ผมหัวเราะไม่ออก

“จำได้มั๊ยว่ามีกี่คน” ผมถามอีกครั้ง ...เขาอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ก่อนตอบ

“...พวกมันปิดตาผม” ...ไม่มีข้อมูลอะไรเลย

“ฉันจัดการให้” เอ็กซ์บอกเสียงดังก่อนเดินนำออกไป... ผมประหลาดใจเล็กน้อยที่เธอเสนอตัวทำเรื่องแบบนี้เอง...เหลือบมองเธอเพียงแวบเดียว.. ก็พอจะเข้าใจว่าเธอรู้สึกไม่ดีนักที่เห็นภาพอะไรแบบนี้…

“ขึ้นมาสิ” ผมมองเขายืนอยู่หน้าประตูรถ แต่เขากลับส่ายศีรษะ

“ทำไม ?” ผมถามอย่างไม่เข้าใจ มองดูริมฝีปากบางเม้มแน่น...

“เดี๋ยวมันสกปรกนะ” ในที่สุดเขาก็ตอบ มองดูเบาะรถที่ผมหวงแหน..

“บ้า.. ขึ้นมา” ผมเอื้อมตัวดึงเขาขึ้นมาบนรถและปิดประตู....
 
ผมไปส่งเขาที่บ้าน ..ตอนแรกผมตั้งใจจะพาเขาไปส่งโรงพยาบาล แต่เขาไม่ยอมท่าเดียว ผมเลยต้องแวะซื้อยาแถว ๆ นั้นให้เขา
เสียงตึงตังของบันไดบ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังตามลงมา

“.. ไปไหน ?” เขารีบวิ่งออกจากห้องน้ำในสภาพเปียกปอนกับผ้าขนหนูผืนเดียว.. เส้นผมสีดำเปียกลู่แนบตัดกับผิวขาวเนียนของเขา

“ฉันจะไปเคลียร์เรื่องนี้” ผมบอก มองดูรอยเขียวช้ำที่อยู่บนร่างกายเขา

“อย่าไป.. อย่าทิ้งผม” เขาอ้อน จับมือผมบีบไว้แน่น... ผมดูเขางง ๆ ...

“แบล็ค..” ผมย้ำชื่อเขาให้แน่ใจว่านี่คือแบล็คที่ผมรู้จักจริง ๆ ใช่มั๊ย ?

“อย่าทิ้งผมนะ” เขาช้อนตามองผมอย่างอ้อนวอน... ผมมองกิริยาของเขาด้วยความรู้สึกผสมปนเป.. เผลอโน้มตัวลงกดจูบลงบนริมฝีปากแดงช้ำ แต่เขาสะดุ้งหนี

“โดนอะไร ?” ผมถามแตะริมฝีปากเขาเบา ๆ ...สังเกตดี ๆ แล้วมีแต่รอยบาดเล็ก ๆ เต็มไปหมด

“กัดเชือก” เขาตอบ

“เชือก ?” ผมขมวดคิ้วงง ๆ

“ฮื่อ.. เชือกที่แขน.. ผมไม่อยากรอให้คุณมาช่วยฝ่ายเดียว...” ..พอได้ฟังแบบนั้นแล้วไม่รู้ว่าทำไมผมถึงรู้สึกแน่นหน้าอก.. ผมมองว่าเขาเป็นภาระมาตลอด...

ผมก้มลงประทับจูบเบา ๆ ที่ข้อมือของเขาทั้ง 2 ข้างของเขา ..และไล่ตามใบหน้า...ตั้งแต่หน้าผาก คิ้ว เปลือกตา จมูก แก้ม คาง และริมฝีปาก

“Deep kiss ไหวมั๊ย ?” ผมถามทั้ง ๆ ที่ริมฝีปากเราเบียดชิดกัน.. ไม่รู้ว่าทำไม แต่ผมอยากจูบเขา..

“ถามทำไม ?” แบล็คขมวดคิ้วมุ่น... ผมหัวเราะเบา ๆ ก่อนส่งลิ้นสำรวจไปทั่วโพรงปาก ...เขาตอบรับจูบของผมแต่โดยดี
มือของผมสัมผัสร่างที่เย็นชื้นของเขาแผ่วเบา … จากอ่อนโยนแปรเปลี่ยนเป็นเร่าร้อน เขาไม่ขัดขืนผมเลยซักนิด ผมจูบไซร้ไปตามซอกคอ.. กกหู แบล็คตัวสั่นน้อย ๆ.. สบมองผมตาปรือ.. เวลาเขาทำตัวว่าง่ายแบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน

“ฉันจะอยู่ข้าง ๆ” ..จนกว่าเธอจะหลับ

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-10-2011 00:11:49 โดย akazu »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ akazu

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 550
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +240/-6
.. เขานอนคว่ำอยู่บนเตียง สะดุ้งเป็นพัก ๆ เมื่อผมกดคลึงนิ้วมือเคลือบเนื้อยาบนผิวช้ำ ๆ ของเขา บางแห่งเป็นสีเขียวและเริ่มจะออกม่วง

“รอยอะไร ?” ผมถามมองดูรอยไหม้เล็ก ๆ บนผิวขาวเนียนบริเวณไหล่ด้านหลังของเขา

“บุหรี่” เขาตอบเบา ๆ ..ผมชะงักมือ.. พอเขาเห็นแบบนั้นก็พูดต่อ...

“ตอนโดนมันเย็น ๆ นะไม่เจ็บเลย” ..ไม่เจ็บจริงเหรอ ?.. หรือเขาพูดให้ผมสบายใจ..?

“เธอเป็นพวก Masochism เหรอ ?” ผมถามและกดคลึงหนักขึ้น

“โอ๊ย!” เขาสะดุ้ง เอื้อมมือมาทุบแขนผมเบา ๆ ........ขี้โกหกนักนะ ....ผมแกล้งกดหนัก ๆ ลงไปอีกครั้ง

“เจ็บนะ!!” เขาพยายามขยับหนี มองผมตาขุ่น ก่อนค้อนให้วงใหญ่ ....ผมหัวเราะเบา ๆ แล้วจับตัวเขานอนลงเหมือนเดิม

“มือของพี่ธีร์อุ่นจัง” ..จู่ ๆ เขาก็พูดขึ้นมาลอย ๆ

“เหรอ…”

“ฮื่อ.. ผมชอบ”

“จริงสิ” ผมถามยิ้ม ๆ

“อื้อ” เขาพยักหน้าแรง ๆ ให้ผมมั่นใจ..

“นี่...”

“หืม ?” ผมครางในลำคอตอบ

“....ขอกอดหน่อยได้มั๊ย ?” ผมเลิกคิ้ว.. แปลกแฮะ..

“อืม...” ผมไม่ปฏิเสธ ...เขาขยับแขนโอบรอบคอผม.. ได้กลิ่นแชมพูหอมอ่อน ๆ จากไรผมชื้น.. คิดไปเองรึเปล่าว่าเขาตั้งใจยั่วผม.. แถมสำเร็จด้วยสิ..ผมไล้มือตามแนวสันหลังของเขาเบา ๆ จูบต้นคอ..คาง แก้ม จมูก.. และกลับมายังริมฝีปาก..

“ฉันยังทายาไม่เสร็จเลย” ผมบอกเบา ๆ

“ทา..ให้หน่อยสิ” ...ผมไม่ได้คิดไปเองแฮะ....เขากำลังยั่วผมอยู่จริง ๆ... พอรู้แบบนั้นแล้ว ..ผมก็เริ่มหายใจแรง ชาหนึบบนหน้าขา.. ทุเรศชะมัดเขาเจ็บแบบนี้ยังมามีอารมณ์อะไรอีก

ผ้าขนหนูถูกถกร่นเผยให้เห็นปลีน่องขาวที่มีรอยฟกช้ำ และรอยกัด.. ผมลูบมือเบา ๆ ไปตามรอยซี่ฟันบนผิวเนื้อของเขา

“พี่ธีร์รังเกียจผมมั๊ย ?” เขาถามอย่างไม่แน่ใจ จ้องหน้าผม

“ทำไม ?”

“ผมสกปรก”

“สกปรกตรงไหน ?” เขานิ่งเงียบ..

“คิดมากจัง..” ผมลูบหัวเขาเบา ๆ และจูบหน้าผาก... ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาต้องการความรักมากกว่าปกติ... จนถึงขนาดมาขอความรักจากผู้ชายที่เขาไม่ชอบหน้าอย่างผม

“รังเกียจผมรึเปล่า ?”

“ไม่” ผมตอบ

“..” แบล็คเอื้อมมือคว้าคอผมโน้มเข้าหา.. อะไร ?... ริมฝีปากของเขาทาบทับริมฝีปากผม ลิ้นเล็ก ๆ เป็นฝ่ายเริ่มชอนไชเข้าสู่โพรงปากผมอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ....เป็นครั้งแรกที่เขาเป็นฝ่ายเริ่มต้น.... เขาพยายามทำเหมือนกับที่ผมเคยทำกับเขา.. แต่ก็ยังอ่อนประสบการณ์...

ผมจึงเป็นฝ่ายขึ้นนำแทน...ผมคร่อมทับร่างของเขา หยิบหลอดยาขึ้นบีบชโลมนิ้วมือช่องทางคับแคบของเขาบวมแดง ผมปาดเนื้อยาลงไปเบา ๆ และกดคลึงรอบ ๆ

...พยายามสอดนิ้วแทรกเข้าสู่ร่างกายเขาอย่างนุ่มนวลที่สุด แต่แบล็คก็กัดฟันกรอด และตอดรัดนิ้วผมจนแทบขยับไม่ได้.. ยังฟิตอยู่แฮะ.. บ้าเอ๊ย..แล้วผมมาคิดอะไรต่ำ ๆ ตอนนี้เนี่ย...

“เจ็บรึเปล่า ?” ผมถามเสียงสั่น ..เขาพยักหน้าเบา ๆ ..ผมจึงกดแช่นิ้วเอาไว้ซักพัก และเริ่มหมุนควง

“อ๊ะ..อ๊ะ….อย่าแกล้งดิ พี่ธีร์...” เขาช้อนตามองผมอาย ๆ เมื่อกลางลำตัวเริ่มมีปฏิกิริยา.. ผมหัวเราะเบา ๆ เสียดสีกลางลำตัวร้อนกับท่อนขาของเขาให้รู้ว่าผมก็รู้สึกไม่ต่างกัน

“เชื่อรึเปล่าว่าผมมีอารมณ์กับผู้ชายแบบไม่พึ่งยาเป็นครั้งแรก” เขาบอกหน้าแดง ..ผมยิ้ม ประกบจูบกับเขา ชั่งใจอยู่นานว่าจะทำแบบนี้ดีไหม...

สุดท้ายก็ตัดสินใจ Blow job ให้เขา.. ผมไม่เคยทำแบบนี้กับผู้ชายด้วยกันมาก่อน.. และไม่คิดว่าวิชาที่เคยฝึกไว้จะได้ใช้จริง ๆ ...แต่ผิดเป้าหมายไปหน่อย...

ใช้เวลาไม่นานเขาก็ถึงจุด.. ผมกลืนกินทุกหยาดหยดของเขาลงคอ รสชาติมันแปลก ๆ.. ปะแล่ม ๆ ผมปลุกเร้าอารมณ์ของเขาอีกครั้ง.. ทุกอย่างเป็นไปด้วยความนุ่มนวลอ่อนโยนจนผมเองยังแปลกใจ... ผมถอดเสื้อและกางเกงออก เขามองหุ่นผมใบหน้าแดงซ่าน กลืนน้ำลายอึกใหญ่

“หุ่นดีอ่ะ” เขาออกปากชม ลากนิ้วมือผ่านกล้ามเนื้อหน้าท้องของผม..

“รู้มั๊ยว่าเธอลืมอะไรบางอย่าง” เขาทำหน้างง ๆ... ผมเพิ่งรู้ตอนที่พาเขาส่งโรงพยาบาลว่าเขากินยาซึ่งมีผลข้างเคียง.. ทำให้ความทรงจำหายไปในบางครั้ง ...ทำให้ผมเข้าใจผิด...

“ครั้งแรกของเราบนรถไง” ผมจับขาทั้งสองข้างของเขาไว้แน่น และสอดร่างกายเข้าไประหว่างขาหนีบ ผิวเนื้อเย็นช่ำของเขาสัมผัสกับแก่นกายอันร้อนขึงยิ่งทำให้อารมณ์ของผมลุกโชน

“มีด้วยเหรอ ?” เขาร้องเสียงหลง ผมยิ้มขยับเอวเบา ๆ จูบข้อเท้าของเขา และลากลิ้นไปตามฝ่าเท้า เขาหัวเราะและพยายามดิ้นหนี.. แต่ผมไม่ปล่อยหรอก..

“ฮะ ๆ อย่า! พี่ธีร์!!” เขาสะดุ้งเมื่อผมเอื้อมมืออีกข้างกุมแก่นกายเขารูดเบา ๆ ...แล้วก็มีแต่เสียงหอบหายใจ กับเสียงกระทบเนื้อ

“..พี่...พี่ธีร์...” ผมเลิกคิ้วมองเขา

“เข้ามา...ในตัวผม” เขาบอกเสียงขาดห้วง พยายามหยุดมือของผมที่เร่งจังหวะเขา

“..เธอเจ็บอยู่” ผมปฏิเสธ       

“ผมเจ็บยิ่งกว่าถ้าคุณไม่แตะต้องผม” เขาบอกเสียงเครือ..

“ถ้ามีใครทำแบบนั้นกับผม.. ผมอยากให้คน ๆ นั้นเป็นคุณ... แค่คุณคนเดียว” ผมสบตาเขานิ่ง ลังเลใจ...ผมควรจะทำแบบนั้นจริง ๆ เหรอ ?...

“นะครับ..” พอเห็นเขาอ้อนแบบนั้นแล้ว สติของผมก็ขาดผึงเก็บกวาดความยับยั้งชั่งใจไว้ทีหลัง... ปล่อยให้ความหื่นเข้าครอบงำ...ผมดึงหมอนมาหนุนสะโพกของเขาให้สูงขึ้น ยกเรียวขาของเขาขึ้นพาดบ่า

“แบล็ค.. ลืมตาสิ” ผมจูบเปลือกตาของเขาเบา ๆ ...แกะมือที่กำแน่นจนสั่นของเขาประสานกับมือของผมไว้

“มองฉันไว้นะ” ...ฉันเป็นเจ้าของเธอ....ผมโน้มตัวลงจนขาของเขาแนบชิดกับลำตัว ...สบตามองเขา.. พอรู้ว่าเขาผ่อนลมหายใจก็ดันตัวแทรกเข้าไปทีละนิด ทีละนิด...จนรู้สึกถึงความอุ่นนุ่มที่บีบรัดแทบจะทุกส่วน .. รู้สึกดีกว่าใส่ถุงยางอีก ....

“โอย..” แบล็คคราง ..ดูเหมือนว่าเขาจะเจ็บ.. ผมจึงแช่ตัวเอาไว้นิ่ง.. รู้สึกถึงผิวเนื้อตอดตุบ ๆ... จนห้ามใจเบียดเนื้อแทรกเข้าไปต่อไม่ไหว..

เขากัดฟันแน่น กำมือแน่นจนผมรู้สึกเจ็บนิ้ว.. ดวงตาสีนิลของเขาไม่ละสายตาไปจากผมเลยซักเสี้ยววินาที...เมื่อหน้าท้องของผมแนบสนิทกับเนื้อนิ่มของเขา.. ผมผ่อนลมหายใจยาว ...ส่ายเอวเบียดหวังให้เขาผ่อนคลาย..

“จะขยับแล้วนะ” ผมกระซิบบอกเสียงสั่น จูบปลายจมูกชื้นเหงื่อก่อนเลื่อนมาประกบริมฝีปาก และเริ่มขยับเอว ...ทุกครั้งที่ผิวของเรากระทบกัน จะมีเสียงสั่นกระทบของโลหะเบา ๆ ... โซ่ที่เท้าของเขา....ผม ใช้ลิ้นดุนดันริมฝีปากเขาให้เผยอออกเปล่งเสียงร้อง

“...จุก..” เขาพึมพำ แต่ผมกลับเร่งเร้าหนักหน่วงขึ้น ....จนเขาร้องและเริ่มจะเปลี่ยนเป็นเสียงคราง เวลาแบล็คครางเรียกชื่อผมเสียงกระเส่า ผมแทบจะระเบิดอารมณ์ออกมา.. ไม่มีใครเซ็กซี่ได้เท่าเขาแล้ว ให้ตาย... แบล็คขยับกายตอบรับผมด้วยจังหวะที่กระชั้นขึ้น ไม่กี่นาทีถัดมาเขาก็เกร็งตัว จิกเล็บลงบนหลังมือของผมที่ประสานอยู่ และบีบรัดร่างกายของผม ...จนผมกระตุกวาบฉีดพ่นความสุขเข้าสู่ช่องท้องของเขาอย่างท่วมท้น

แบล็คครางเบา ๆ ทุกครั้งที่ผมเกร็งกระตุก ร่างกายของเขาตอดรัดราวกับจะกลืนกินทุกหยาดหยดแห่งความสุขจากผม ...ดวงตากลมสีดำสนิทปรือลงเหมือนจะหลับ ผมขยับกายเบา ๆ รีดเร้นทุกหยดเข้าสู่ร่างกายของเขา รู้สึกอายนิดหน่อยที่เสร็จก่อนปกติ...หวังว่าเขาคงไม่รู้นะ...

“เป็นยังไงบ้าง ?” ผมกระซิบถาม ข้างใบหูและขบกัดเบา ๆ ..อยากจะตักตวงความหอมหวานนี้อีก แต่กลัวว่าเขาจะเจ็บไปมากกว่านี้ ..ต้องจำใจถอดถอนร่างกายที่ยังไม่อ่อนตัวดีออกจากร่างของเขาพลิกตัวนอนข้าง ๆ

“เมื่อย...” เขาบอกเสียงแผ่ว หายใจเหนื่อยอ่อน ใบหน้าแดงชื้นเหงื่อ.. ผมอดใจไม่ไหวก้มลงหอมแก้มนิ่ม ๆ ของเขาฟอดใหญ่และดึงตัวเขามากอด... หน้าท้องของผมและเขาเหนอะหนะด้วยของเหลวขุ่นข้น ...ผมลืมนึกไปเสียสนิท ว่าเขาเพิ่งผ่านอายุ 15 มาไม่กี่ปีแล้วดันมาเสียเด็กเพราะผม...

“อาบน้ำอีกรอบมั๊ย ?” ผมถามซุกจมูกตามผิวเนื้อชื้นเหงื่อของเขา.. มีกลิ่นยาผสมด้วย หอมดีเหมือนกัน...

“เดี๋ยวก็ต้องทายาใหม่....” เขาบอกท้ายเสียงแผ่ว ดวงตาดำขลับที่คอยมองผมตลอดตอนนี้ปิดลงแล้ว

“อยากทายาอีกรอบรึเปล่า ?” ..ผมถามกลั้นยิ้ม.. ไม่รู้ว่าเขาจะเข้าใจความหมายที่ผมแฝงไว้รึเปล่า.. แต่เขาไม่ตอบ...ลมหายใจสม่ำเสมอบ่งบอกว่าเจ้าตัวหลับไปแล้ว..

ผมลูบใบหน้าที่เริ่มจะบวมจากการถูกทำร้ายของเขา.. กดจูบหน้าผากมนเบา ๆ ....ผมไม่รู้ว่าผลที่จะตามมาเป็นยังไง... แต่ผมรู้สึกดีที่เขาเลือกผม...
 
ไม่รู้เวลาเท่าไหร่แต่ยังมืดอยู่เลย จู่ ๆ มือถือของผมก็ส่งเสียงร้อง.. ผมคลำหาแสงไฟจากหน้าจอเล็กจิ๋ว.. ไอศวรรย์โทรมา..

“ได้ตัวแล้ว” เสียงปลายสายบอกเรียบ ๆ

“ใคร ?” ผมถามเบา ๆ มองดูอีกคนที่ยังคงหลับตาพริ้ม..

“มาดูหน้าเองดีกว่า” เธอบอกแล้วตัดสายไป

ผมดูเวลาเพิ่งจะตี 5 เธอทำงานเร็วอะไรขนาดนี้.. ยังไม่ถึง 12 ชั่วโมงก็ได้ตัวแล้ว... ผมอดทึ่งในความสามารถของเธอไม่ได้จริง ๆ
ผมจูบขมับแบล็คเบา ๆ ลงไปใช้ห้องน้ำข้างล่างอาบน้ำและรีบแต่งตัวไปบ้านของเธอ...

พอผมมาถึงบ้านโมกขบริสุทธิ์ ก็สว่างพอดี ...ซีเปิดประตูบ้านให้ผมและนำผมไปยังเรือนเล็กที่แยกออกไป..เอ็กซ์ยืนรอผมกับเหยี่ยวอยู่ก่อนหน้าแล้ว.. ผมมองคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ตัวเดียวในห้อง...

“จัน...” ผมครางเรียกชื่อเธอเสียงเบา....ใบหน้าหมวยนั้นหันกลับมามองผม... ใช่จริง ๆ ...จันทิรา...

“ผมไม่นึกว่าคุณจะทำถึงขนาดนี้” ผมบอกเสียงเครียด เมื่อนึกถึงสภาพที่ผมพบเจอเขาเมื่อวาน

“ฉันเกลียดมัน! คุณไม่เคยให้ความสนใจใครขนาดนั้นมาก่อน” ผมนวดขมับ.. เพราะว่าผมให้ความสนใจเด็กคนนั้น... เพราะแค่นั้นเองเหรอ.... ต้องทำกับเขาขนาดนี้ทั้ง ๆ ที่เขายังเด็ก...

“ฉันคิดกับเขาแค่...”

“เธอจะพูดอะไรก็ให้มันระวังหน่อยนะ คู่หมั้นเขายืนอยู่ตรงนี้” เอ็กซ์กอดอกพูดแทรก เธอปรายตามองผมอย่างสมเพชเล็กน้อย.. ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเธอมองผมแบบนั้น...

“แกว่าไงนะ!” จันตวาดถามเสียงแหลม

“ฉันบอกว่าฉันเป็นคู่หมั้นของเขา” เธอย้ำอีกครั้งหนึ่ง พร้อมยิ้มให้อย่างท้าทาย

“จริงหรือคะ คุณธีร์ ?” จันทิราหันมาถามผม …ผมพยักหน้าส่ง ๆ ...ถึงแม้จะเป็นคู่หมั้นแค่ในนามก็เถอะ... แต่เรื่องที่พ่อของผมกับย่าของเธอพยายามจับคู่ให้เราเป็นเรื่องจริง...

“แก๊... แกมันนังมารร้าย!!” จันทิรากรีดเสียงร้องราวกับคนสติแตก

“ใครกันแน่ นังมารร้าย ?” เอ็กซ์ถามเบา ๆ เดินเข้าไปหาเธอ

“คนที่ทำกับคนได้ถึงขนาดนั้น คงจะไม่ใช่มนุษย์แล้วละมั้ง... ขอดูเลือดของเธอหน่อยซิว่าสีอะไร” เธอหยิบมีดขึ้นมา ไล้ปลายแหลม ๆ ไปตามรูปหน้าของจัน

“คุณเอ็กซ์ครับ” ลูกน้องหนุ่มของเธอเอ่ยเตือนเบา ๆ

“ไม่ตายหรอกหน่า… คิดว่านะ” เธอหัวเราะคิกคัก ออกแรงกดลงไปเบา ๆ

“พอแล้วเอ็กซ์” ผมเตือนเสียงดุ เอ็กซ์หันกลับมามองผมฉุน ๆ โยนมีดทิ้งและเดินกลับมายืนที่เดิม

“มาตกลงดี ๆ ดีกว่าจันทิรา..” ผมเอ่ยปากยื่นข้อเสนอ แต่เธอทำหูทวนลม

“คุยดี ๆ มันไม่รู้เรื่องหรอก” เอ็กซ์พูดเบา ๆ

“แกจะเอายังไง หรือต้องให้ครอบครัวแกล้มละลายก่อน”

“ล้มละลายงั้นเหรอ ? อย่างแกจะทำอะไรได้ ?” จันเยาะเย้ย.. เธอคงไม่รู้ว่าเอ็กซ์อยู่ในตระกูลที่มั่งคั่งยิ่งกว่าเธอ

“ฮึ” เอ็กซ์เหยียดยิ้ม หัวเราะในลำคอ

“ทำให้แกเลิกยุ่งกับชีวิตคนอื่น ไสหัวออกไปจากประเทศนี้ไปเลยเป็นไง ?”

“เอ็กซ์” ผมปรามเธอเบา ๆ ..

“งั้นแกลองไปลงนรกก่อนเป็นไง!” จันโผตัวหยิบมีดที่เอ็กซ์ทิ้งไว้ใกล้ ๆ ปาใส่เธอ.. ในเสี้ยววินาทีนั้นไม่รู้ว่าผมคิดยังไงเอาตัวเข้าไปขวาง บ้าเอ๊ย... ผลก็คือมีดปักเข้าเนื้อผมนี่ไง... ดูเหมือนจะไม่ลึกมาก... คิดว่านะ...

“เหยี่ยวจับอีบ้านั่นเอาไว้!” เอ็กซ์ออกคำสั่งลูกน้อง ประคองตัวผมไม่ให้ล้ม เพียงชั่วครู่เขาก็จับตัวจันทิราไว้ได้

“ดูเหมือนเธอจะสะเดาะกุญแจได้ค่ะ” ซีบอกเบา ๆ ...ไม่มีใครสนใจผมเลย ให้ตาย

“ไปเอาเชือกมามัดขาติดเก้าอี้ แล้วมัดแขนติดกับขา” เอ็กซ์บอกอารมณ์เสีย มองดูผมที่เริ่มจะลงน้ำหนักให้เธอเพื่อให้รู้ว่าผมยังมีชีวิตอยู่

“หนัก!” เธอบ่นเบา ๆ ค่อย ๆ ประคองตัวผมนั่งลง ผมรู้สึกเสียวแปลบตรงหน้าท้อง

“ตายแล้ว! ไส้ทะลัก! ยัดกลับเข้าไปเร็ว!” ผมหน้าซีดเผือด พอเอ็กซ์เห็นแบบนั้นเลยรีบแก้

“ฉันล้อเล่น เลือดออกเยอะเลย ทนนิดนึงนะ” ..ยัยบ้าเอ๊ย ผมก็ดันโง่หลงเชื่อเพราะตกใจอยู่ บ้าจริง ๆ เลย

“ฮึ ๆ ...นายน่ะ...รู้ทันคนอื่น แต่ไม่ค่อยรู้ทันตัวเองซักเท่าไหร่เลยนะ” เอ็กซ์หัวเราะเบา ๆ.. ผมไม่เข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร แต่ตอนนี้ผมรู้สึกเบลอ ๆ สงสัยเสียเลือดมากไปหน่อย.ไม่รู้ทำไมภาพสุดท้ายที่ผมเห็น คือรอยยิ้มของ ‘เขา’

....................ทูบีคอนตินิววววววว
 :m15: ไม่ลงรายละเอียดตอนน้องแบล๊คโดนทำร้ายน่ะค่ะ มันอาจจะดูรุนแรงและโหดร้ายเกินไป ไปจิ้นกันเอาเองล่ะกันเนอะ ทุกอย่างเริ่มคลี่คลายล่ะ รึเปล่า คึคึ ขอบคุณที่ยังติดตามกันน่ะค่ะ ตอนนี้มันยาวจริง ๆ โพสอันเดียวไม่พอเลยจริงๆ

ออฟไลน์ ♠♥♦♣

  • ex-ChCh13
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1612
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-7
กรี๊ดดดดดดด
สนุกอ่ะ มีเรื่องสนุกทำไมไม่เรียกกันบ้าง อิอิ
ติดตามๆ บวกๆๆ^^

ออฟไลน์ →Yakuza★

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1829
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-0
แบล็กซวยขึ้นทุกวัน ทุกวันแหะ พี่ธีจะเลิกชอบน้องตัวเองแล้วมารักแบล็กได้ป่ะ

ปล. ฮาเอ็กซ์  :laugh:

ออฟไลน์ ต่ายน้อย

  • กระต่ายน้อยลอยคอ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 816
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-3
    • http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=27719.0
โอ๊ย เครียด อยากจร้องไห้ สงสารน้องแบล็คมาก อีบ้าจัน อิเลว เหี้-ยได้อีก
พี่ธีร์อย่าเป็นไรนะ ดูแลน้องดีๆ หน่อย
ขอบคุณนะครับสำหรับนิยายดีๆ และขอบคุณที่ไม่ลงตอนน้องแบล็คโดนทำร้ายให้อ่าน  ไม่อย่างนั้นผมคงเครียดหนักกว่านี้
ตอนหน้าขอหวาน ๆ ได้ป่าวครับ :กอด1:

the_pupae

  • บุคคลทั่วไป
 :z6: :z6: :beat: :beat: :beat: :z6: :z6: :beat:นังจัน...นังเลววววววว :z6: :z6: :z6: :beat: :beat: :beat:

ปล.น้องแบล็คน่าสงสารโดนกระทำตลอด

ออฟไลน์ anuruk97

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 476
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-4
 :sad11: แบล็คน่าสงสารจัง   :sad4:กลับต้องมาเจอสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตเป็นเพราะนางชะนีจันหลอนสมควรตายทุกอย่างของหลอนต้องพังลงให้หมดทั้งธุรกิจของแกด้วย ถ้าพี่ธีร์เป็นอะไรมากนะหลอนคงจะได้ไปเกิด :z6:

ออฟไลน์ akazu

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 550
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +240/-6
- 32 -
แบล๊ค..

.... เขาหายไป.... หายไปไหน ?....

ผมสัมผัสกับพื้นเตียงเย็นชืดและความว่างเปล่า... ลืมตามองหาใครอีกคน แต่ก็ไม่เจอ อยากจะลุกแต่ก็ปวดตัวไปหมด... ขยับนิดขยับหน่อยก็ปวดร้าวไปถึงกระดูก ...แถมไข้กลับอีก...

พอเหลือบไปเห็นนาฬิกาที่บอกเวลาสายโด่ง เลยคิดได้ว่าสมควรลุกเสียที ...ผมพยายามลุกขึ้นพยุงตัวได้ไม่กี่ก้าว ก็มีอันล้มลงไปกองกับพื้น.. รู้สึกเหนอะ ๆ ระหว่างขา พอมองดูถึงได้รู้ว่าสิ่งที่ตกค้างจากกิจกรรมเมื่อคืนไหลย้อนออกมา ...รู้สึกร้อน ๆ ตามใบหน้า ....น่าอายชะมัด...

ผมพยายามรวบรวมกำลังอีกครั้ง ลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องน้ำ เปิดน้ำและแช่ตัวลงในอ่าง รองสายน้ำเย็นจากก๊อกมาล้างหน้า... รู้สึกว่าแก้มมันบวมกว่าปกติ... มองดูร่องรอยต่าง ๆ ที่ปรากฏบนร่างกายแล้วถอนหายใจ.. ไอ้โซ่บ้านี่อีก.. แกะยังไงเนี่ย... ค่อยคิดดีกว่า.....

ความทรงจำอันเลวร้ายของผมถูกกลบทับด้วยความรู้สึกมีความสุขเปี่ยมล้นที่ผมได้รับจากเขา.....ผมยังจำความรู้สึกนั้นได้.. ความรู้สึกตอนที่ถูกเขากอด... แทบจะสำลักความสุขตาย... แต่ว่าตอนนี้แสบชะมัด

ผมสวมชุดมิดชิดปิดรอยแผลน่าเกลียด ลงมาข้างล่างก็พบโจ๊กหมูพร้อมกับยาแก้ปวดแผงใหญ่.. ผมแอบยี้เล็กน้อย เพราะยาที่ต้องกินมันเริ่มจะมีหลายเม็ด ...เขาคงจะซื้อไว้ให้ผมก่อนออกไปทำงาน มีกระดาษโน้ตวางไว้ข้าง ๆ ผมแอบขำเบา ๆ เมื่อเห็นลายมือของเขา... ลายมือโย้เย้อย่างกับเด็ก... นึกว่าจะเก่งไปเสียทุกอย่างเชียว

ผมนอนตีพุงอยู่กับบ้าน เทน้ำแข็งจากช่องฟรีชออกมาประคบใบหน้า นั่งดูทีวีเปลี่ยนช่องไปมา อยากให้ถึงเวลาเลิกงานของเขาเร็ว ๆ หามีดมาแกะ ๆ แงะ ๆ สายโซ่.. มันก็ยังไม่ออก จนต้องเอาหินก้อนใหญ่จากหน้าบ้านมาทุบ ๆ จนมันหลุดออกเป็นชิ้น ๆ
เผลอหลับไปได้แป๊บเดียวก็ได้ยินเสียงประตูบ้านเปิด ผมรีบวิ่งไปดู.. แต่ลืมไปว่าวันนี้...

“อ้าว! แบล็ค! ทำไมอยู่กับบ้านล่ะ ไม่มีเรียนเหรอ ?” แม่ทักผมอย่างตกใจ.. ส่วนผมก็ตกใจไม่แพ้กัน.. นี่พวกเขากลับมาจากบ้านใหญ่กันแล้วเหรอ ?... ทำไมมันเร็วแบบนี้

“ไม่ค่อยสบายน่ะแม่ ..ผมช่วยนะ” ผมบอกเบา ๆ และเดินออกไปช่วยยกลังกระดาษที่บรรจุทั้งอาหารสดและอาหารแห้งจากต่างถิ่น ..แต่น้ำหนักของมันทำเอาผมแทบทรุด.. ใส่อะไรมาเนี่ย...

“พี่แบล็คไม่มีเรียนเหรอ ???” ไอ้บราวน์ส่งเสียงถามมาจากในรถ

“เออ” ผมตะโกนตอบ.. นึกในใจว่าไม่ควรเลือกลังนี้เลย..

“ทำไมเดินแปลก ๆ” ไอ้บลูถือกล่องเดินมาขนาบข้างถามอย่างสงสัย..

“พี่แบล็คเดินเหมือนเป็ดเลย” ไอ้บราวน์ส่งเสียงตะโกนมาเป็นลูกคู่ ทำให้ผมยิ่งอาย

“มะ.. ไม่มีอะไร เจ็บขาน่ะ” ผมตอบ ก้มหน้าหลบ.. โชคดีที่ผมใส่เสื้อแขนยาว ทำให้ไม่เห็นร่องรอยอะไรมาก ไม่อย่างนั้นคงโดนซักอีกนาน นึกโมโหว่าทำไมพวกมันถึงช่างสังเกต และยิงคำถามกันนัก..

ผมแอบสำรวจว่ามีของใช้ของเขาหลงเหลืออยู่ในบ้านหรือไม่ แต่ก็ไม่พบอะไรนอกจากผ้าขนหนูที่ให้เขายืมใช้ผืนเดียว...
บ้านของผมกลับมาคึกคักเหมือนเดิม.. ผมรู้สึกใจหาย... ถ้าทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว... เขาจะหายไปรึเปล่า ?

“พี่แบล็ค ทำไมผ้าห่มพี่ถึงมาอยู่ห้องผม” กัณฐ์จะโกนถามก่อนวิ่งลงมาจากบนบ้าน... ผมชะงักมือที่ล้วงมาร์ชเมลโลจากถุงขนมของบราวน์ ลืมเสียสนิทว่าตัวเองลากผ้าห่มไปแลกกับของกัณฐ์

“เอ้อ... พี่ขอแลกผ้าห่มกับกัณฐ์ได้มั๊ย ?” ผมถาม.. ความจริงแล้วผ้าห่มกัณฐ์อยู่บนเตียงผมเมื่อคืนนี้ และแน่นอนว่ามันเลอะ..

“เห ?.. พี่แบล็คติดผ้าห่มนี้นิฮะ ทำไมจู่ ๆ ถึงขอแลกกับผมล่ะ ?” เขาถามอย่างประหลาดใจ

“หน่า” ผมตอบปัดและดูเหมือนกัณฐ์ก็ไม่ติดใจอะไร

“ได้อยู่แล้วล่ะฮะ ถ้าไอ้บลูขอแลกนะ ไม่มีทางหรอก” เขาหันไปกัดน้องชายของผมที่นั่งเปิดขวดไวน์ผลไม้กลิ่นหอมหวานของพ่อที่ซื้อมาเป็นลังใหญ่ …และผมเป็นคนยก

“เกี่ยวอะไรกับข้าล่ะ” ไอ้บลูบ่นฉุน ๆ เขย่าของเหลวในแก้วให้เข้ากับน้ำแข็ง..

“เอ็งเป็นไรวะ งอนไอ้บราวน์อยู่เหรอ ?” กัณฐ์ถามวางแขนบนไหล่ไอ้บลู

“งอนมันทำไม ?” บลูถามอย่างสงสัย ยกแก้วที่มีน้ำสีหวานขึ้นจิบ

“อ้าว! ก็มันแย่งสโมกกี้ไบท์เอ็งไปชิ้นนึง” ....

“งี่เง่า” …ใช่.. ผมก็คิดว่ามันเป็นเรื่องงี่เง่าและไร้สาระ...

“พี่แบล็คใส่แขนยาวขายาวงี้ไม่ร้อนเหรอ ?” ไอ้บราวน์ถาม ในปากเคี้ยวขนมตุ้ย ๆ

“กินให้เสร็จแล้วค่อยพูด” ผมไม่ตอบแต่เตือนมันแทน ตั้งใจจะกดเปลี่ยนช่อง แต่ไอ้บราวน์คว้ารีโมทไปถือครองเอาไว้

“บลู แม่ให้กินแค่แก้วเดียวนะ!” แม่เตือนไอ้บลู..

“คร้าบ~” ทั้ง ๆ ที่มันตอบแบบนั้นแต่ก็เทไวน์ใส่แก้วที่เพิ่งกินหมด.. นิสัยเสียจริง ๆ เลย

“ไข้ขึ้นแล้วมานั่งตากแอร์ เด็กคนนี้นี่” แม่หวีดเสียง

“แฮะ ๆ” ผมหัวเราะแก้เก้อ เดินหนีแม่เพราะกลัวโดนหยิก..

“โหยพี่แบล็ค ห้ามปิดแอร์นะ ไปอยู่ข้างบนเลย” ไอ้บราวน์ไล่ผม.. เห็นแอร์ดีกว่าพี่ ไอ้เด็กบ้านี่...

“ใครเป็นพี่กันแน่เนี่ย” ผมบ่นเบา ๆ แต่ก็เดินขึ้นห้องไปโดยดี...นั่งเหม่อในห้องได้ซักพักประตูก็เปิดผลัวะ!..

“ไอ้บลู!” ผมตะโกนเรียกชื่อมันอารมณ์เสีย.. คอยดูเถอะผมจะให้พ่อซ่อมไอ้กลอนประตูบ้านี่ แบบทุบยังไงก็เปิดไม่ออก
มันไม่พูดพร่ำทำเพลงเดินไปเกาะขอบหน้าต่างควักบุหรี่ขึ้นสูบ... ที่มันดูหงุดหงิดคงเพราะอยากสูบบุหรี่จัด หลังจากห่างหายไปหลายวัน …ผมพยายามทำตัวตามปกติ ...ภาวนาให้มันไม่เห็นรอยบนเตียง แต่ดูเหมือนว่าคำภาวนาจะไม่เป็นผล

“พี่แบล็ค รอยอะไร ?” มันถามมองสีด่าง ๆ บนพื้นเตียงสีอ่อนของผม

“อะ.. เอ่อ...” ผมอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ จะบอกว่าอะไรดี ? ...เอาขนมมากินแล้วมันบังเอิญหกดีไหม ? ...ทำไมผมถึงไม่เปลี่ยนผ้าปูไปซักซะตั้งแต่ตอนเช้าเนี่ย!!

“พี่กับแฟนเพิ่งเคยมีอะไรกันเหรอ ?” ดูเหมือนว่ามันจะเข้าใจว่ารอยเลือดที่เห็นเป็นการเปิดบริสุทธิ์แฟนสาวของผม.. แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่แบบนั้นน่ะสิ ..ผมได้แต่พยักหน้าส่ง ๆ

“มีเรื่องที่ผมชนะอีกเรื่องนึงแล้ว” ไอ้บลูกระหยิ่มยิ้มย่อง... ไม่เข้าใจว่าเรื่องแบบนี้จะมาแข่งกันเพื่ออะไร

“เย้พี่แบล็ค~!” กัณฐ์ใช้เท้าถีบประตูที่เปิดคาไว้วิ่งเข้ามาในห้องผมพร้อมกับไอ้บราวน์
“อี๋ย์! ไอ้บลู!! แอบสูบตอนเช้าแบบนี้...” กัณฐ์ชี้หน้าไอ้บลูอย่างขยะแขยง มืออีกข้างบีบจมูกแน่นเพราะเขาไม่ชอบกลิ่นบุหรี่

“ชู่ว์!! เดี๋ยวก็ได้ยินกันหมดทั้งบ้านหรอก!” ไอ้บลูจุ๊ปากให้กัณฐ์หรี่เสียงลงแล้วเดินไปล็อกคอน้องเล็กของบ้าน

“ไอ้บราวน์ เอ็งห้ามฟ้องแม่เด็ดขาด ถ้าเรื่องแดงขึ้นมาล่ะก็..คอยดู” มันขู่สำทับแล้วขยี้ส่วนที่เหลือลงในตลับเหล็กที่เอาไว้เก็บก้นบุหรี่โดยเฉพาะ

“อันนี้ของฝากจากพี่เมยกับพี่เนย” กัณฐ์บอกเสียงใสเรียกความสนใจจากผม ยกเสื้อถักเนื้อดีสีขาวออกหม่น ๆ ขึ้นมาให้ผม

“อันนี้ของอาเพียว” เขาวางคุกกี้ที่จัดใส่บรรจุภัณฑ์รูปทรงสวยให้ผม

“อาเพียวเปิดร้านแล้วเหรอ ?” ผมถาม มองดูฉลากสีหวานที่ติดอยู่ข้าง ๆ บรรจุภัณฑ์นั้น กัณฐ์ฉีกยิ้มกว้าง พยักหน้าให้

“อันนี้ของเก๋อกับอาเล็ก” กัณฐ์หยิบสมุดบันทึกเล่มหนาที่ออกแบบปกสีฉูดฉาดจนไม่รู้ว่าจะเรียกว่าสร้างสรรค์หรือยังไงดี.. มั่นใจเลยว่าเก๋อเป็นคนเลือกให้ผม.. เด็กคนนี้ชอบอะไรประหลาด ๆ ...

“ชอบป่าวพี่” กัณฐ์ถามอย่างตื่นเต้น

“อื้ม” ผมยิ้ม พยักหน้า.. แล้วเราก็นั่งคุยเจ๊าะแจ๊ะกันอีกนิดหน่อยก่อนที่กัณฐ์จะขอตัวออกไปพร้อมกับบราวน์.. โชคดีที่ไอ้บลูนั่งบังรอยนั่นอยู่บนเตียง ทั้งคู่เลยไม่เห็นอะไร...

“.. แล้วไม่ใช้ถุงยางเหรอ ?” ผมสะดุ้งเล็ก ๆ ...มันจะสังเกตอะไรนักหนา...

“ท้องขึ้นมาล่ะได้เรื่อง” มันพึมพำเบา ๆ แล้วจุดบุหรี่มวนใหม่ขึ้นสูบ...... ผมมีลูกได้ที่ไหนกัน...

หลังจากคืนนั้นผมก็ไม่เจอเขาอีกเลย... ผมไม่รู้จะติดต่อเขายังไง ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย ความรู้สึกมีความสุขของผมค่อย ๆ กลับกลายเป็นความทุกข์เมื่อไม่ได้เจอเขา.. ผมกำลังจะกลายเป็นไอ้โรคจิต ที่มองดูร่องรอยของการร่วมรักบนเตียงทั้งวัน
.................................พี่ธีร์หายไป.........................................
 
ผ่านไปร่วมเดือน แผลของผมค่อย ๆ จางหายไปในไม่กี่สัปดาห์ ร่างกายของผมกลับมาแข็งแรงเหมือนเก่า ...เวลาสอบก็กระชั้นชิดเข้ามาทุกที แต่ผมไม่มีกะจิตกะใจจะอ่านหนังสือ ผมไม่กล้าถามกัณฐ์ตรง ๆ ว่าพี่ธีร์เป็นยังไงบ้าง หรือจะฝากติดต่อพี่ธีร์ได้ไหม

“กัณฐ์นัดเธียรให้หน่อยสิ” ในที่สุดผมก็ตัดสินใจให้กัณฐ์ช่วยนัดเธียรมาพบ..

“ทำไมเหรอฮะ ?” กัณฐ์ถามอย่างสงสัย

“พี่มีเรื่องจะคุยนิดหน่อย”

“ได้สิฮะ” กัณฐ์พยักหน้าอย่างแข็งขันแล้วผมก็บอกช่วงเวลาที่สามารถนัดเจอได้ …แต่ผมก็อดถามไม่ได้อยู่ดีว่าตอนนี้เขาทำอะไรอยู่ที่ไหน

“ว่าแต่.. เธียร...เอ่อ..”

“เขาพูดถึงพี่ธีร์บ้างรึเปล่า ?” พอกัณฐ์ได้ยินชื่อเขาก็มีท่าทีไม่ชอบใจอย่างเห็นได้ชัด กัณฐ์คงจะไม่ค่อยถูกกับเขาซักเท่าไหร่

“พี่แบล็คอย่าไปยุ่งกับพี่ธีร์เลยฮะ”

“เขาเป็นผู้ชายขี้โกหก”

“นั่นสิ” ผมหัวเราะเยาะตัวเองเบา ๆ ...ผู้ชายขี้โกหก... ไหนว่าจะอยู่ข้าง ๆ ผมไง...
 
“นี่เงินค่ามือถือที่เธียรให้พี่นะ” ผมยื่นธนบัตรสีเทาหลายใบชดใช้ให้เขา

“เอ๊ย! ไม่เป็นไรหรอกครับ” เธียรรีบปฏิเสธ ดันมือผมกลับ

“ไม่ได้หรอก พี่ทำมันพังไปแล้ว ต้องรับผิดชอบ”

“ไม่เป็นไรจริง ๆ ครับ พี่แบล็ค” เขาทำหน้ายุ่งเมื่อผมไม่ยอม จนสุดท้ายก็ต้องรับมันเอาไว้ เขาทำท่านึกอะไรออก และหยิบซองสีหวานขึ้นมาจากกระเป๋ายื่นให้ผม...

“จริงสิครับ นี่ของพี่แบล็คเพิ่งออกจากโรงพิมพ์ใหม่ ๆ เลย” ผมมองดูหน้าซองที่มีชื่อของผมติดอยู่...

“ช่วงนี้พี่ธีร์ยุ่ง ๆ เพราะเรื่องนี้แหละครับ อาทิตย์หน้า จัดที่โรงแรมxxx” เธียรบอกต่อ ...ผมแกะการ์ดเชิญด้วยมือสั่นเทา.. ชื่อที่ผมไม่รู้จัก เขียนอยู่ข้างชื่อของเขาด้วยรอยพิมพ์สีทองนูนต่ำ... การ์ดเชิญงานหมั้น ??

“พี่ธีร์บอกให้เลื่อนออกไปก่อนทางฝ่ายหญิงเค้าก็ไม่ยอม ผู้ใหญ่ฝ่ายนู้นเขี้ยวมากเลย”

“พ่อก็เห็นดีเห็นงามรีบสั่งให้พี่ธีร์เตรียม... ” ..ผมไม่รู้ว่าเธียรขยายความว่ายังไงต่อ รู้เพียงแต่ในสมองตอนนี้ว่างเปล่า.. ประสาทรับรู้ของผมเหมือนดับวูบไปชั่วขณะ..

“เอ่อ... พี่... พี่แบล็ค ?”

“...ครับ ?” ผมตอบรับงง ๆ

“เป็นอะไรรึเปล่าครับ ?” เขาถามอย่างสงสัย

“เอ่อ.. พี่.. ขอโทษที..” ผมบอกเบา ๆ ....รู้สึกตั้งตัวไม่ทัน... เขามีคนรักอยู่แล้วงั้นเหรอ ? ….แล้วทำไม ?.... ทำไมผมถึง…เจ็บ... ผม..หลงรักพี่ธีร์ตั้งแต่เมื่อไหร่...?
                                                             
ผมรู้สึกต้องการที่พึ่ง.. แน่นอนว่าที่ ๆ ผมไปคือไปร้านของไอ้ไทม์ ร้านของมันวุ่นวายเหมือนทุกวัน ผมจึงต้องนั่งรอเงียบ ๆ จนกว่าลูกค้าจะบางตาลง แต่ดูเหมือนว่ายิ่งดึกคนยิ่งเยอะ

สายตาของผมสบเข้ากับดวงตาตี่ ๆ และดูเหมือนเขาจะเดินเข้ามาหาผม ..ทำให้ผมชะงัก..ตอนแรกผมรู้สึกกลัวเขา.. แต่มาคิดดูอีกที เขาก็ไม่ได้น่ากลัวอะไร... สิ่งที่เขาทำกับผมออกจะดูน่ารักตามฉบับเด็กเอาแต่ใจ

“ว่าไง” เขานั่งลงตรงข้ามผม โปรยยิ้มตามฉบับ

“ไง..” ผมทักตอบ ใช้นิ้วเขี่ยหยดน้ำที่เกาะแก้วจนมันรวมตัวเป็นหยดใหญ่ และไหลลงมา

“เรานึกว่าเธอไม่อยากเจอหน้าเราแล้วซะอีก” เขาบอกด้วยรอยยิ้มที่เศร้าลง

“ทำไมล่ะ ?” ผมถามอย่างสงสัย

“เรื่องที่พี่สาวเราเอ่อ...” ดูเขาอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ .. แต่ผมก็ไม่รู้ว่าพี่สาวของเขามาเกี่ยวอะไรกับผม..

“....” ได้แต่นั่งเงียบ ๆ มองว่าเขาจะพูดเรื่องอะไร..

“แต่ตอนนี้พี่จันถูกคุณพ่อสั่งย้ายไปที่สาขาหลักที่ต่างประเทศแล้ว” เขาบอกเบา ๆ ด้วยสีหน้าไม่ดีนัก

“งั้นเหรอ ?” ผมได้แต่งงว่าเขาจะมาบอกผมเพื่ออะไร.. แล้วโต๊ะเราก็ตกอยู่ในความเงียบ...

“คือ.. เรามีเรื่องจะบอก…”

เขาสารภาพกับผมตามตรงว่าเคยทำเรื่องอะไรกับคนใกล้ ๆ ตัวผมเอาไว้บ้าง.. แม้บางเรื่องผมไม่เคยรู้ แต่มันก็เป็นอดีตที่ผ่านไปพ้นไปแล้ว.. ถ้าหากเขาบอกผมก่อนที่ผมจะรู้ตัวว่าผมรักพี่ธีร์.. ถ้าเป็นตอนนั้นผมอาจจะโกรธจนให้อภัยเขาไม่ได้.. แต่ตอนนี้...ทุก ๆ อย่างมันเปลี่ยนไป... แน่นอนว่าผมให้อภัยเขา และตอบรับเขาได้เพียงเพื่อนที่ดี...
 
“กูว่า... กูคงชอบพี่เขา” ผมบอกเบา ๆ หลังจากอวดการ์ดสีหวานให้ไอ้ไทม์ดู

“หา ??” มันตาโตอ้าปากกว้าง ทำหน้าไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน

“หูหนวกรึไง ?” ผมถามเซ็ง ๆ..                             

“มึง.. มึงจะบ้าเหรอ มันเป็นผู้ชาย แถมกำลังจะหมั้นกับผู้หญิงแล้วนะโว๊ย” มันบอกยกการ์ดนั่นเข้าใกล้หน้าผม ...คงอยากให้ผมเห็นชัด ๆ

“...อืม...” ผมตอบรับในลำคอ

“เฮ้อ! ไอ้แบล็คเอ๊ย! ดวงความรักมึงไม่รุ่งเลยว่ะ.. เชื่อกูเหอะหาใหม่ดีกว่า” มันแนะนำ แต่ผมรู้สึกฉุน

“มึงพูดเหมือนง่ายนี่” มันก็เลยเงียบไป.. แล้วเริ่มคำถามใหม่

“.. มึงชอบเขาจริง ๆ เหรอ ?” ผมเม้มริมฝีปาก พยักหน้าเบา ๆ

“มาก ๆ รึเปล่า ?” มันถามซ้ำอีกครั้ง ผมก็พยักหน้าอีกครั้ง...

“งั้น... มึงก็น่าจะสารภาพดู เขาก็แค่หมั้นหมายไว้ ยังไม่แต่งซักหน่อย” มันแนะนำใหม่ ..ผมขมวดคิ้วยุ่ง ไอ้บ้านี่บทจะกล้าก็กล้าเกินไป... นี่ถ้าพี่ตาลมีสามีแล้วมันคงกลายเป็นชู้ของพี่เขาแน่ ๆ

“กูไม่กล้าหรอก...” ผมปฏิเสธเบา ๆ มันจึงตบไหล่ผม

“วะ! ไอ้ไก่อ่อนนี่! มึงเป็นเมียมันแล้วนะเว้ย!”

“ไอ้!...” ผมไม่รู้จะด่ามันยังไง ในเมื่อที่มันพูดก็จริง.. แต่ผู้ชายอย่างผมไม่เสียหายอะไร..

“ว่าแต่มีแค่ครั้งนั้นครั้งเดียวเหรอวะ เห็นช่วงนั้นตามติดอย่างกับตังเม” คำถามของมันทำให้ผมอ้าปากเหวอ... 

“…มึงคิดแต่เรื่องแบบเนี๊ยะ” ผมบ่นอุบ ..ไม่กล้าบอกมันว่าเคยเกิดอะไรขึ้นกับผม

“ฮั่นแน่!” มันทำท่าจับผิดผม.. ผมจึงรีบหนีมันออกจากร้าน...

...เรื่องที่แย่กว่านี้ผมก็เคยเจอมาแล้วและผ่านพ้นมันไปได้.. ทำไมเรื่องแค่นี้ผมจะผ่านไปไม่ได้.... ผมนึกให้กำลังใจตัวเอง
.....แต่ผมกลับลืมไปว่าที่ผมผ่านพ้นมาได้นั้น... เพราะมีเขาอยู่ข้าง ๆ....
 
ผู้หญิงคนนั้นสวยจริง ๆ ... เส้นผมตรงสีดำขลับถูกม้วนเป็นมวยสูงแซมดอกไม้พวงเล็กสีขาวกระจุ๋มกระจิ๋ม.. ดวงตาคมดุจมูกโด่งสวย ริมฝีปากแดงอิ่ม.. ชุดสีขาวขับผิวขาวของเธอให้ยิ่งขาวผ่อง.. เธอยืนอยู่เคียงข้างเขา... นามสกุลที่มีชื่อเสียงของเธอยิ่งทำให้ดูเหมาะสมกันจนผมอดสมเพชตัวเองไม่ได้...

ขณะที่ผมคิดถึงเขา เขาก็มีคนอื่นอยู่เคียงข้าง... แต่จะให้ผมหวังอะไร ในเมื่อผมรู้ว่าเขารักคนอื่นมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว....ผมไม่รู้จักใครเลยที่มาในงานนี้ นอกจากกัณฐ์และพี่น้องของเขา.. นั่งเงียบ ๆ มองดูผู้ใหญ่ยิ้มแย้มพูดคุยกันขวักไขว่ ผมรู้สึกเหมือนถูกมอง พอหันไปก็เห็นเขากำลังมองตรงมาหาผม และยิ้มให้เล็กน้อย ก่อนจะเดินออกจากห้องโถง ผมรีบปลีกตัวและเดินตามเขาออกไป ผมอยากคุยกับเขา...

“พี่.. พี่ธีร์” ผมเรียกไล่หลังเบา ๆ

“ว่าไง..” เขาทักตอบ หันกลับมาหาผม...

“ทำไมจู่ ๆ ถึงหายไปล่ะ ?” ผมถามเบา ๆ มองสำรวจเขาในชุดสูทสีขาว...

“ฉันยุ่ง ๆ น่ะ...”

“ผมคุยกับนันแล้วนะ”

“อืม...” ...เขาระบายยิ้มน้อย ๆ ให้ผม..

“แล้วพี่จะแต่งงานเมื่อไหร่ ?” ..เขามองผมแวบหนึ่ง.. ฝ่ามือใหญ่ของเขาประคองท้ายทอยของผมให้เงยหน้าขึ้นสบตากับเขา

“ไม่รู้สิ... ไม่ได้คิดเรื่องนั้นไว้เลย..ว่าแต่คิดยังไงมาเรียกฉันว่าพี่” เขาถามยิ้ม ๆ โน้มหน้าลงมาใกล้ผม.. และผมค่อย ๆ ปิดตาลงเมื่อริมฝีปากเราสัมผัสกัน เขายังคงรักษาระดับมาตรฐานไว้ได้เหมือนเดิม และผมเริ่มเรียนรู้ที่จะตอบรับเขา.. ฝ่ามืออุ่น ๆ ของเขาลูบผ่านต้นคอ แผ่นหลัง และหยุดอยู่ตรงเอวของผม ....ไม่รู้ว่ามีใครเห็นเราหรือเปล่า.. ผมไม่ได้สนใจ..

....รู้สึกราวกับได้รับหยดน้ำรดพรมจิตใจอันแห้งผาก ผมหอบหายใจเบา ๆ เมื่อเขาละริมฝีปากออก และกดจูบลงอีกครั้ง ...เขากะจะให้ผมขาดอากาศตายเลยรึไง

“…ไม่กลัว...คนมาเห็นรึไง ?” ผมถามหายใจติดขัด ทำทีเป็นมองซ้ายมองขวา.. ทั้งที่จริงผมรู้สึกอาย และไม่กล้าสู้สายตากับเขา

“กลัวทำไม ? คิดถึงนี่...” เขาบอกเบา ๆ โอบตัวผมไว้หลวม ๆ ...คำพูดของเขาทำเอาหัวใจของผมพองโต... เขาก็คิดถึงผมเหมือนกัน...

“ผมคิดว่าจะไม่พูดแล้วเชียว..” เขาเลิกคิ้วมองผมอย่างสงสัย

“ผม....คิดว่า .....ผมรักพี่” ผมบอกตะกุกตะกัก.. สุดท้ายผมก็ทำตามคำแนะนำไอ้ไทม์....

“...งั้นเหรอ” …พี่ธีร์นิ่ง ก่อนตอบเสียงแผ่ว..

“ฮื่อ..” ผมพยักหน้าย้ำ

“...” แล้วเขาก็เงียบเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง....

“พี่เคยรักผมบ้างมั้ย ?..” เขานิ่งเงียบ... เขาคงไม่คิดว่าผมจะถาม.... แต่ผมอยากรู้ความรู้สึกของเขา...

“ฉันคิดว่า... มันเป็นแค่ความใคร่.. ไม่สิ.. แค่อารมณ์ชั่ววูบ.. เธอแค่หลงมันเท่านั้นเอง... อีกไม่นานเธอก็จะเข้าใจ...” ผมสบมองเขานิ่ง.. เมื่อเขาตอบไม่ตรงคำถาม... เขาคงรู้ว่าผมอึดอัด... และผมรู้สึกเสียใจกับคำพูดที่เพิ่งออกจากปากเขาเมื่อกี้... เขามองความรักของผมเป็นเพียงความลุ่มหลง ....ความใคร่... และอารมณ์ชั่ววูบ....

“........ฉันขอโทษ....” คำตอบของเขาออกมาจากปากแล้ว... ก็แค่นี้เอง.... สั้น ๆ....

“ตัดใจซะ...” เขาบอกเบา ๆ และเดินห่างออกไป ทิ้งให้ผมมองแผ่นหลังใหญ่ของเขาเล็กลงเรื่อย ๆ ...น้ำตาของผมเอ่อล้นแทบจะทันที ผมพยายามเก็บความรู้สึก... ผมไม่อยากทำตัวอ่อนแอ ออดอ้อนให้เขาสงสารเห็นใจอีก.... เพราะความรู้สึกนี้มันไม่ใช่ความรักสินะ......

ทั้ง ๆ ที่มันไม่ใช่ความรัก... แต่ไม่รู้ทำไม ผมถึงเจ็บ จุกแน่น... ร้าวเหมือนจะแตกออกเป็นเสี่ยง ผมไม่รู้ว่าทำไมถึงเจ็บขนาดนี้... ทั้ง ๆ ที่ผมคบกับแคนดี้มานานกว่าได้รู้จักกับเขาเสียอีก...

ผมเช็ดริมฝีปากหลายครั้ง หวังจะให้สัมผัสของเขาหายไป... แต่มันกลับติดแน่น เช็ดยังไงก็รู้สึกเหมือนมันยังคงอยู่บนริมฝีปาก.... รีบออกจากโรงแรมนั้นและร้องไห้เสียงดังข้าง ๆ ถนน... มีคนชวนผมคุยแต่ผมก็ไม่ตอบ เอาแต่ร้องไห้อยู่อย่างนั้น...
ผมเพิ่งเข้าใจความรู้สึกของคนถูกปฏิเสธก็ตอนนี้นี่เอง... ผู้หญิงที่โดนผมปฏิเสธคงจะรู้สึกเหมือนกันสินะ....

การเรียนของผมต่ำลงอย่างรู้สึกได้.. คณะที่ผมเลือกไว้ไม่ไหวแน่ ๆ ... ผมได้แต่ปลงกับชีวิตของตัวเอง ท้ายที่สุดผมติดในคณะวิศวะกรรมศาสตร์ที่เลือกเอาไว้เป็นอันดับสาม.. และผมไม่คิดจะเลือกใหม่อีกแล้ว....ผมรู้ว่าทำให้พ่อกับแม่ผิดหวัง.. เพราะผมหัวดีที่สุดในหมู่พี่น้องด้วยกันเลยก็ว่าได้.... แต่กลับไม่มีใครว่าผม....

ความฝันที่ผมตั้งไว้พังทลายลงอย่างไม่มีชิ้นดี.. ม.6 เป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดของผม.... ทุกสิ่งทุกอย่างมันถาโถมเข้ามาหาผมซ้ำ ๆ ในช่วงเวลาใกล้เคียง ราวกับว่าจะทำให้ผมยอมแพ้เสียให้ได้....

ไอ้บลูมันเอาเกมส์ในห้องของมันมาวางไว้ในห้องผม.. ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าห้องผมไม่มีทีวี เล่นไม่ได้... ผมรู้ว่ามันเป็นน้องที่ไม่ค่อยแสดงออกตรง ๆ ว่าเป็นห่วง.. แถมยังนิสัยแย่ แต่มันก็เป็นน้องชายผม...

...เขาทำให้ผมกลายเป็นเด็กขี้แย ...ต้องกลั้นเสียงร้องไห้ทุกคืนกลัวว่ากัณฐ์จะได้ยิน เตียงของผมมีกลิ่นของเขาติดอยู่.. ถึงแม้จะบางเบาแต่ผมก็รู้สึกได้

สายโซ่เส้นนั้นแปรสภาพเป็นสร้อยข้อมือที่อัดแน่นด้วยความทรงจำติดตัวผมตลอดเวลา....ผมเคยคิดว่าจะทิ้งมันให้หมด จะซักให้สะอาด แต่พอมานึกอีกที.. เป็นต้องเก็บมันเอาไว้ที่เดิม ...ผมคิดว่าคงต้องรอจนกว่ามันจะจางหายไปเอง เหมือนกับบาดแผลที่เคยเกิดขึ้น มันใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
 
หวังว่าซักวันภาพของเขา ดวงตาของเขา กลิ่นของเขา สัมผัสของเขาคงจะค่อย ๆ ถูกลบออกไปจากความทรงจำของผมด้วยกาลเวลา...

......................................ทูบีคอนตินิว.
 :o12:รันทดกันไปไหม อกหัก รักคุด ชีวิตสิ้นหวัง ยังต้องเจออะไรแย่กว่านี้อีกไหมแบล๊ค ใกล้จบเข้าไปทุกที เห้อ... แล้วพบกันค่ะ และสิ่งสำคัญ ขอบคุณมิตรรักนักอ่านทุกคนค่ะ เ่ช่นเดิม :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-10-2011 00:13:28 โดย akazu »

ออฟไลน์ ♠♥♦♣

  • ex-ChCh13
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1612
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-7
แบล็คลูก ไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้น้อ
ชีวิตมันซวยอะไรขนาดนี้
ตัดใจซะ! วันนึงเราจะดีขึ้น
ทำชีวิตเราให้ดีดีกว่า จะแคร์อะไรกับผู้ชายคนเดียว พ่อก็ไม่ใช่ ชริส์!!
ถ้าวันนึงมันเลิกคลั่งน้องตัวเองแล้วมาขอให้เรารัก
ก็ไม่ต้องไปสนใจมัน เราหล่อเลือกได้เฟ้ย

dolphins

  • บุคคลทั่วไป
โอ๊ย ทำไมมันเศร้าอย่างงี้อ่ะ  :monkeysad: ได้แต่หวังว่าจะจบแบบแฮปปี้นะคะ

ออฟไลน์ Still_14OC

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2041
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-7
สงสารแบล็ค อ่ะ ไอ้ห่าพี่ธีร์ ไม่เสียใจที่ทำแบบนี้มั่งรึไง ไอ้@#$#$%@$^^%^%^%^@$

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ต่ายน้อย

  • กระต่ายน้อยลอยคอ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 816
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-3
    • http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=27719.0
พี่ธีร์ทำไมทำแบบนี้วะครับ :sad4:
อ่านแล้ววูบตามน้องแบล็คเลย น้ำตาไหลด้วย สงสารมาก  :m15:

ขอให้จบแบบน้องแบล็คแฮปปี้นะครับ :กอด1:

ออฟไลน์ →Yakuza★

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1829
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-0
อยากให้แบล็ก แฮบปี้ TAT

the_pupae

  • บุคคลทั่วไป
ไม่เข้าใจจจจจจจจจจจ :angry2:ไอ้พี่ธีร์เลยยยยยยย :m31:ทำงี้กับแบล๊คได้ไงงงงง :เฮ้อ: :เฮ้อ:

shockoBB

  • บุคคลทั่วไป
ทำไมทำกับแบล็กอย่างนี้เนี่ยยย ไอ้พี่ธีร์   

ออฟไลน์ anuruk97

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 476
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-4
ไม่เป็นไรเดี๋ยวเจ้ หาคนไม่ให้แบ็ลคต้องเข้มแข็งนะสู้ๆๆๆ

ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
กรี๊ด.................!! กำลังหนุกเลย ชอบคุ๋นี้จัง ฮุฮิ

mister

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องนี้ก็ลงในเด็กดีใช่ป่าว 

ไปเจอมา

ออฟไลน์ akazu

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 550
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +240/-6
- 33 -

กัณฐ์..

“ยังไม่มีน้ำหนักเข้มสุดนะ ..แต่โครงสร้างใช้ได้แล้วล่ะ” ผมบอกรุ่นน้องที่นั่งฟังตาแป๋วยิ้ม ๆ.. ถึงแม้นี่จะเป็นภาพที่ 3 และมันมีจุดผิดพลาดอยู่ที่เดิมก็ตาม...

“ลงให้หนักไปเลย ไม่ต้องกลัว” ผมย้ำกับเธออีกครั้ง และเธอก็พยักหน้าเบา ๆ

ตอนนี้ผมอยู่ปี 3 แล้ว... ผมสอบเข้าได้มหาวิทยาที่มีชื่อทางด้านศิลปะสมใจอยาก ส่วนเธียรได้ที่เดียวกับผม.. แต่คนละคณะ คนละวิทยาเขต.. แน่นอนว่าตอนนี้เราอยู่ด้วยกัน.... ไม่ค่อยมีใครรู้ว่าเราเป็นอะไรกันนอกจากเพื่อนที่ซี้จริง ๆ …คิดว่านะ...

...เมื่อก่อนผมมั่นใจว่าไม่มีใครรู้ แต่เต็มเปรยกับผมลอย ๆ ว่า.. ‘ใครไม่รู้ว่าพวกนายเป็นแฟนกันน่ะสิ...แปลก!!’ ทำให้ความคิดของผมรวนเรเล็กน้อย..

เพื่อนในห้องแต่ละคนก็แยกย้ายกันไปคนละทาง หัวหน้าได้เป็นนักศึกษาแพทย์ตามที่ตั้งใจ ไอ้ภีมได้เทคนิคการแพทย์ ส่วนบลูเรียนถา’ปัตย์ ไอ้บราวน์เรียนนิติศาสตร์ ..อีกอย่างหนึ่งที่ผมเพิ่งรู้คือเรื่องไอ้บลูเป็นแฟนกับหมิง.. เพื่อนเก่าสุดแสนแวร๊ง! ของผมนั่นเอง ผมไม่รู้เหมือนกันว่า 2 คนนี้แอบไปสปาร์คกันตอนไหน แต่ก็คบกันมาได้นานพอดู

“ไอ้กัณฐ์ ไปกรึ๊บมะคืนนี้” เสียงเพื่อนในคณะตะโกนถาม

“ไม่ว้อย คืนนี้ต้องไปส่งพี่ที่สนามบิน” ผมตะโกนตอบ

“พี่เค้าต่อที่ไหนวะ ?”

“เมกา..” ..พี่ที่ผมพูดถึง เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก พี่แบล็ค... พี่ท่านมาค้างบ้านผมได้ 3 วันแล้ว เนื่องจากผมยื้อเอาไว้ให้อยู่พักผ่อนที่นี่ก่อนออกเดินทาง พามาเดินเล่นในมหาลัยแค่ไม่กี่วันสาว ๆ งี้ตอมหึ่ง วนเวียนมาพูดคุยไม่ขาดสาย แถมมีแลกบงแลกเบอร์กันด้วย!!!

....พี่แบล็คที่ผมสรรเสริญพอเข้ามหาลัยก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังตรีน!!!

พี่เขาเที่ยวเก่ง ดื่มเก่ง หลีหญิงเก่ง และอะไรก็เก่ง ๆ ๆ ยิ่งกว่าไอ้บลูซะอีก!! สมกับเป็นสายเลือดเดียวกันจริง ๆ ให้ตาย!
ผู้หญิงที่ผมเห็นพี่แบล็คควงแทบไม่ซ้ำหน้ากัน ผมเคยถามว่าทำไมพี่แกก็ตอบมาสั้น ๆ ว่า ‘ก็เขามาสารภาพรัก’ ...แค่นั้น ?? พอเห็นผมทำหน้าแปลก ๆ พี่เขาหัวเราะเบา ๆ แล้วขยี้หัวผมบอกว่าผมไม่เข้าใจหรอก.. ก็จริง... ผมไม่เข้าใจ!

เป็นห่วงก็แต่ไอ้บราวน์ หวังว่ามันคงไม่เจริญรอยตามพี่ ๆ ของมันนะ…แต่วันนี้พี่ท่านพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า พี่เขายังคงระดับเทพเหมือนเดิม ด้วยการเรียนจบด้วยเกียรตินิยมและสอบชิงทุนต่อโทที่อเมริกาทันที ...บร๊ะเจ้า....! ขอโทษครับที่ผมมองพี่แบล็คผิดไปชั่วขณะหนึ่ง… ...ได้ยินเสียงเปียโนคุ้นหูเรียกเข้าผมก็กดรับทันที.. ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใคร...

“กัณฐ์คืนนี้ท่าจะว่างแล้วล่ะ” เสียงทุ้มปลายสายบอกอารมณ์ดี

“อ้าว! ทำไมล่ะ ?” ผมถามงง ๆ

“ดูเหมือนพี่แบล็คคงต้องเลื่อนเดินทางไปอีกน่ะ”

“อ้าว! ทำไมพี่เขาไม่โทรบอกกัณฐ์อ่ะ”

“โทรไม่ติดมั้ง คืนนี้ไปเที่ยวกับไอ้จ้อยเหอะ” เธียรบอก... เขารู้อยู่แล้วว่าเพื่อนผมจะชวนกันไปเลี้ยงแทบทุกอาทิตย์.. ซึ่งเขาก็มักจะตามติดไปด้วยจนรู้จักคนในคณะมากกว่าผมเสียอีก...

“งั้นโทรชวนพี่แบล็คไปด้วยดีกว่า”

“เธียรชวนแล้ว พี่เขาบอกว่าไม่อยากดื่มอ่ะ”

“งั้นเหรอ.. แล้วเธียรไปด้วยป่าว ?”

“ไปสิ แถวนั้นเห็บไรมันเยอะ”

“ขี้หึงจังเลยน้อ...” ผมส่งเสียงล้อ

“ที่เดิมใช่มั้ย ?” ..เขาเปลี่ยนเรื่องทันที..

“อาฮะ แล้วเจอกันนะครับ” ผมใช้มือป้องปากแอบส่งเสียงจูบ แต่ดูเหมือนจะดังไปหน่อย เพราะน้องติวหันมามองผมเป็นตาเดียว... ผมหัวเราะแฮะ ๆ แล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...
 
คนมาเที่ยวเยอะจนยืนล้นออกไปนอกร้าน เสียงเพลงชวนโยกตัวดังกระหึ่ม กลิ่นแอลกอฮอล์ กลิ่นบุหรี่... ผมเริ่มจะชินกับมันเสียแล้ว เหลือบมองเส้นผมที่ถักเป็นเกรียวอย่างไม่วางตา... อา... ช่างงดงามอะไรอย่างนี้.....

ผมเคยคิดจะทำผมทรงเดทร็อค แต่เธียรไม่ยอมท่าเดียว... เลยคิดว่าจะทำแอฟโฟร เธียรก็ไม่ยอมอีก ...ตอนนี้เลยทำได้แค่เพียงเลี้ยงผมให้ยาว และรอโอกาส... แต่ดูเหมือนเธียรจะรู้ หมั่นเล็มผมให้เหลือเกิน เขาบอกว่าชอบผมสั้น ๆ มันดูสะอาดดี.. แต่ผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ไว้ผมทรงอื่นมันดูไม่สะอาดตรงไหน ??

“เข้าห้องน้ำแป๊บนะ” ผมตะโกนแทรกเสียงดนตรีใกล้ ๆ หูคนข้าง ๆ ...เขาพยักหน้าเบา ๆ

กำลังจะรูดซิปลง จู่ ๆ ก็มีมือหนาปิดปากและลากผมเข้าไปในห้องน้ำ ผมพยายามขัดขืน ร้องเสียงอู้อี้แต่ก็หยุดนิ่งเมื่อรู้สึกถึงกลิ่นกายคุ้นเคยของเขา ..เอื้อมมือไปล็อคประตู

“มองคนอื่นอยู่ได้ หึงนะ” เสียงทุ้มกระซิบบอกเบา ๆ กอดผมจากด้านหลัง...

“ก็ผมเขาเท่ห์อ่ะ” ผมเพ้อ.. พอเห็นเธียรหน้าง้ำก็รีบยิ้มประจบแล้วพูดเสริม

“เธียรก็เท่ห์นะ..” เขายิ้มขำ ๆ และก้มลงประกบปากผม ..มีกลิ่นแอลกอฮอล์เล็กน้อย

“อืม..” เขาครางในลำคอเบา ๆ มือก็อยู่ไม่นิ่งจนผมต้องจับไว้ให้อยู่กับที่

“อือ.. เดี๋ยวไอ้แหวนรอนาน” ผมบอกเสียงกระเส่า แต่แกล้งเบียดก้นเข้าหากลางลำตัวของเขา

“ไม่มีใครสนหรอก” เขาบอกเสียงแหบพร่า.. กอดรัดผมแน่นขึ้น

“ที่บ้านดีกว่า.. อะ..” จะทำอะไรไม่อายชาวบ้านเลย ให้ตายเถอะ...

“พี่แบล็คอยู่ ..อดมา 3 วันแล้วนะ” เขาพึมพำ.. ผมกลั้นเสียงหัวเราะ ฟันกระทบกันกึก ๆ ..นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่พาพี่แบล็คมาค้างด้วย.. ผมครางเบา ๆ เมื่อเขาไล้ลิ้นตามใบหูและฉกเข้าไป

“อยากสักมั้ย ?” ผมพยักหน้าเบา ๆ กลั้นหายใจเมื่อเขาไล้ริมฝีปากไปยังลำคอ.. นี่เป็นอีกความต้องการหนึ่งที่ถูกเขาขัด...

“ต้องสักตรงคอนะ” เขาบอกยิ้ม ๆ จูบตรงลำคอผมเบา ๆ

“เหอะ ๆ” ผมหัวเราะเซ็ง ๆ ...เขารู้ทั้งรู้ว่าคอของผมแตะไม่ได้.. โดนทีไรสะดุ้งทุกที... แต่ไม่เป็นไร.. ซักวันผมจะแอบไปสักกลางหลังแล้วก็เจาะคิ้ว.. ฮึ ๆ ๆ ๆ ....ผมวางแผนในใจอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง เธียรจับใบหน้าผมให้หันกลับไปประกบปากกับเขาต่อ....
 
ผมกลับมาถึงบ้านตอนเกือบตีหนึ่ง มองดูรองเท้าหนังหน้าบ้านด้วยความฉงน.. ของเธียรก็ไม่ใช่.. ส่วนพี่แบล็คเท้าก็ไม่ใหญ่ขนาดนี้.... แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจมัน

หัวเราะคิกคักหยอกล้อกับเขา แต่พอผ่านหน้าห้องตัวเองเท่านั้นแหละ...เสียงอะไร ?...

ผมแนบหูลงกับประตูห้อง ...เสียงครางกระเส่า เสียงของพี่แบล็คกับใครอีกคนและดูเหมือนจะไม่ใช่ผู้หญิง... พอยกมือขึ้นเตรียมทุบก็ถูกคว้าเอาไว้

“ชู่ว์…”

“ทำไม...?” ผมมองหน้าเธียรด้วยความงุนงง... ดูเหมือนว่าเขาจะรู้... ผมเดาออกทันทีว่าอีกคนที่อยู่ในห้องคือใคร... คนที่ผมไม่อยากให้เข้าใกล้พี่แบล็คมากที่สุด.. ผมไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่คืบหน้าไปถึงไหน แต่ที่รู้ ๆ พี่แบล็คเคยเจ็บเพราะเขา.. และผมจะไม่ยอมให้พี่ชายตัวเองเป็นแบบนั้นอีก

“เธียรรู้อยู่แล้วงั้นเหรอ ?”

“นิดหน่อย” ผมมองเขาด้วยความโมโห... นี่เขาแยกผมกับพี่แบล็คเพื่อเปิดทางให้พี่ชายตัวเองเข้าใกล้งั้นสิ เขาวางแผนเพื่อที่จะให้พี่ชายตัวเองเผด็จศึกพี่ชายของผม! ส่งเนื้อให้จระเข้แท้ ๆ !!!

“เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ!!” ผมพยายามจะถีบประตู เสียงร้องของคนในห้องราวกับจะขาดใจ จนผมนึกสงสาร ...ไม่น่าชวนมาที่บ้านเลย!!

“กัณฐ์!!” เธียรรีบกอดตัวผมวิ่งออกห่างจากประตูห้อง เสียงร้องของพี่แบล็คแผ่วลงจนแทบไม่ได้ยิน

“เชื่อเธียรนะ..” เขาทำหน้าอ้อนวอน.. ผมเม้มริมฝีปากแน่น... ผมไม่รู้ว่าพี่เขามีความสัมพันธ์กันแบบไหน ในเมื่อพี่ธีร์ก็หมั้นหมายไปตั้งนานแล้ว ทำไมเธียรถึงยังเข้าข้างเขาอีก.... ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ...สะบัดแขนทิ้งเดินเข้าห้องของเขา แล้วปิดประตูดังปัง!!

“คืนนี้ห้ามเข้าห้อง!” ผมประกาศกร้าว.. เข้าข้างกันดีนัก...

“อะไรอ่ะ ?” เขาถามงง ๆ

“ห้ามเข้าห้อง!! ไปนอนข้างล่าง!” ผมย้ำเสียงดังอีกครั้ง

“ยังค้างอยู่เลยนะ” เธียรบอกเสียงหงอย ขูดเล็บกับประตูห้องดังแกรกกราก

“ถ้ามีวันนี้งดเดือนนึง” ผมยื่นคำต่อรอง...

“อะไรอ่ะ กัณฐ์.. ไม่สงสารเธียรเหรอ ?”

“ไม่!!”

“นะ ๆ” ..พอได้ยินเธียรอ้อนผมก็เริ่มใจอ่อน.. ความจริงแล้วผมเองก็ค้างอยู่ไม่น้อย.. ถ้างดไปอีกเดือนนึงไม่ผมก็เขานั่นแหละที่ตบะแตก ....คงต้องหาข้อเสนออื่น

“งั้นเธียรต้องให้กัณฐ์ทำแอฟโฟร” ผมบอกเสียงเจ้าเล่ห์

“ไม่เกี่ยวกันเลย” เขาบอกเสียงฉุน ๆ

“งั้นก็เดทร็อค”

“กัณฐ์!!”

“งั้นก็..ห้ามเข้าห้อง!!” ผมบอกครั้งสุดท้าย ก่อนละความสนใจจากเขา ล้มลงนอนบนเตียงนุ่ม.. น่าโมโหจริง ๆ พรุ่งนี้ผมต้องต่อยหน้าพี่ธีร์ให้ได้ซักหมัด.. เรื่องวันที่ผมพาเขาไปเคลียร์นั่นก็เหมือนกัน พี่ธีร์บอกพร้อมยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ ..ว่าเขาเห็นเธียรก็เลยอยากแกล้งเล่น ๆ แต่บีบคอผมเกือบตาย!! ผมยังไม่ได้ชำระหนี้นี้เลย!!

ก๊อก ๆ .... เสียงเคาะประตูเรียกความสนใจจากผม

“กัณฐ์...” เขาเรียกชื่อผมหงอย ๆ

ก๊อก ๆ

“กัณฐ์.....” …ฟัง ๆ ไปแล้วก็น่าสงสารเหมือนกันแฮะ.. ไม่! ผมจะใจอ่อนไม่ได้!!

“เปิดประตูเหอะน้า...” เธียรส่งเสียงอ้อนจนผมกลั้นหัวเราะ เมื่อนึกถึงเวลาที่เขาทำหน้าเหมือนหมาหงอย..

“งั้น.. เธียรให้ทำก็ได้ ..เดทร็อคน่ะ”

“จริงรึเปล่า ?” ผมทวนถามซ้ำเสียงดัง ดีใจแบบปิดไว้ไม่อยู่

“ฮื่อ”

“สัญญานะ”

“อืม.. เปิดประตูก่อน” ความดีใจของผมลบเรื่องขุ่นมัวเมื่อซักครู่ออกไปหมด รีบหากระดาษในห้องกับ EE เปิดประตูให้เขาเข้ามา

“ทำจดหมายสัญญาก่อน” ผมบอกเสียงใส ก้มลงเขียนตัวอักษรขนาดใหญ่บนร้อยปอนด์ 24 นิ้ว

“กระผม.. นายธรณินทร์ ศุกะศุภางค์ ...ขอสัญญาว่า...” ผมทวนคำพูด.. เขียนไปพลาง

“จะรัก... และดูแลนายฐาปเดช กัณฐเมธา.. ตลอดไป.......” เสียงทุ้มนุ่มกระซิบบอก เอื้อมมือจับให้เขียนตามที่เขาบอก...

ผมรู้สึกว่าใบหน้าตัวเองร้อนผะผ่าว... เมื่อเขากุมมือผมเซ็นชื่อตัวเองลงไปท้ายกระดาษ ยิ้มให้ผม... ผมรู้สึกว่าใจตัวเองเต้นถี่รัว.. ในหัวสมองว่างเปล่า.. มีเพียงใบหน้าของเขาที่ขยับเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ.................เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ค่อยว่ากันก็ได้....

........................................end............................
จบล่ะ คู่เอกก็สุขสมหวัง ตามประสา เหลือแต่น้องแบล๊ค ซึ่งคู่กะพี่ธีร์ รึเปล่า ทำไมไ่ม่ได้อยู่ด้วยกันว่ะ หึหึ อยากรู้ก็รออ่านตอนพิเศษคู่เฉพาะกิจ ธีร์-แบล๊ค น่ะคร้าบบบบ จะได้รู้มุมมองของพี่ธีร์กันบ้าง ขอบคุณผู้มีอุปการะคุณทุกท่านเช่นเคย :3123:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-10-2011 00:15:38 โดย akazu »

ออฟไลน์ Still_14OC

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2041
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-7
คู่น้อง นี่ หว่า เวอร์ เนาะ ว่า แต่ คู่พี่ ถ้า เหตุผลไม่ดีพอ คน อ่านจะเคืองนะคนแต่ง

ออฟไลน์ silverphoenix

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +347/-3
เพิ่งจะมีโอกาสได้อ่านค่าาา  ยาวมากกกก

เดี๋ยวขอตัวไปตามอ่านให้ทันก่อนล่ะกันนะคะ

+1 ให้ก่อนน้าาา

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด