ตอน 32 น้องฐามีคนเดียว....
“พี่โต้ง!!!” ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปนั่งบนรถน้องฐาก็เปล่งเสียงเรียกอีกฝ่ายด้วยเสียงอันดังทันที ดวงตาจ้องเขม็ง เหมือนพยายามเค้นคอจำเลยให้ยอมสารภาพผิด
“คะน้องฐา” จำเลยดูท่าจะยังไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองมีความผิดติดตัว
“พี่อย่าบอกนะว่าพี่จงใจให้หนูใส่เสื้อคณะออกไป เพื่อประกาศความเป็นเจ้าของอะไรอย่างงี้” หลังจากเห็นใบหน้าจริงจังของหนู แทนที่พี่โต้งจะสลด ไม่ค่ะ ยังพยายามกลั้นขำ (แต่ไม่สำเร็จ)
“ค่ะ...พี่จะไม่บอก หึหึ” หัวเราะทำซากอะไรคะ ไม่ขำสักนิดนะคะ ณ จุดนี้
“หนูไม่เชื่อ” เถียงกลับโดยไม่ต้องคิดค่ะ
“เหรอ.... งั้นก็ตามใจ เพราะพี่คงไม่บอก แต่ถ้าน้องฐารู้เองก็ช่วยอะไรไม่ได้ล่ะนะ” เอ๊ะยังไง
“อ้าว สรุปยอมรับมาแล้วใช่ไหมว่าเรื่องจริง?” ยังค่ะ ยังไม่จบยังหัวเราะไม่เสร็จ น่าโมโหสุดๆ
“เจ้าเล่ห์ที่สุดเลย” โวยวายเสียงดังทำหน้ามุ่ยเหมือนไม่พอใจอย่างยิ่งยวด
“ถ้าเรื่องจริง...แล้วไงล่ะ พี่ก็แค่อยากให้คนอื่นเขารู้ว่าน้องฐามีแฟนแล้ว ซึ่งความจริงถ้าไม่สังเกตดีๆ ก็อาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำ” นั่นสิคะ ถ้าไม่ได้สังเกตหรือไม่ได้คิดอะไรก็คงไม่มีปัญหา ขนาดน้องฐายังไม่รู้เจตนานั่นเลย แล้วทำไม เดย์มันต้องตาดีแล้วก็คิดลึกด้วยก็ไม่รู้
หนูได้แต่ขมวดคิ้วไม่รู้จะหาเหตุผลหรืออะไรมาเถียงได้ เพราะความจริงหนูไม่ได้ไม่พอใจอะไรหรอกค่ะ ก็แค่รู้สึกแปลกกับความขี้หึงของพี่โต้ง และอึ้งกับวิธีการแสดงความเป็นเจ้าของ (และกันท่า) แต่ละอย่าง ที่ลึกซึ้งจนไม่คิดว่าแกจะคิดออกมาได้ ก็เลยมาถามเพื่อความแน่ใจเท่านั้นเองว่าเรื่องจริงหรือบังเอิญกันแน่
“ทำไมล่ะ? น้องฐาไม่อยากให้คนอื่นรู้เหรอคะว่าเป็นแฟนพี่” อีกฝ่ายทำเสียงแสดงความน้อยใจมาซะงั้น อ้าว... ไหงกลับผิดเป็นถูกไวแท้
“เปล่านะ” หนูรีบตอบกลับไปทันทีไม่อยากให้พี่แกรู้สึกไม่ดี แต่ท่าทางจะ....ไม่ทัน...
“พี่ขอโทษนะที่วุ่นวายมากไปหน่อย ถ้าอายมากก็กลับไปเถอะ ไม่ต้องไปกินข้าวด้วยกัน ไม่ต้องไปไหนด้วยกันทั้งนั้นแหละ เดี๋ยวคนอื่นเขารู้” พูดจบมีการหันหน้าหนีไปอีกทางด้วยค่ะ
อร๊ายยยยย อย่าทำเสียงแบบนี้ โอ๊ย...น้องฐาใจจะขาด...
ง้า....ม่ายยยย.... โฮ....พี่โต้งงอนแล้ว
อร๊ายยยย ไม่เอาๆ จะกินไก่ ไม่กินมาม่านะค้า.....
“พี่โต้ง...หนูขอโทษ หนูไม่ได้โกรธนะ ก็แค่อายนิดๆ แค่เขินหน่อยๆ เท่านั้นเอง” หนูบอกไปเสียงอ่อน กอดแขนอีกฝ่ายไว้แน่น เอาหัวซบไหล่ถูไปมาอย่างอ้อนๆ
“ไปกินไก่กันนะ น้องฐาหิวไก่ ชอบไก่ รักไก่มากๆ พี่ไก่อย่างอนน้องฐาเลยนะ” ทำเสียงเล็กเสียงน้อยออดอ้อนไปเรื่อยอย่างไร้สาระ งุ้งงิ้งอยู่ไม่นานพี่โต้งแกก็หลุดขำเบาๆ นึกว่าจะแน่ เจอมารยาสาไถของน้องฐาเข้าไป สิบโต้งก็ต้องยอม ฮุฮุ (หัวเราะอย่างสะใจ)
“หายโกรธแล้วใช่ไหมคะ” น้องฐาเงยหน้าขึ้นทำตาปริบๆ อย่างน่าสงสาร (หรือน่าหมั่นไส้ก็สุดจะเดา)ใส่คุณพ่อค้าตับเส้นตื้นที่ขำให้ความรั่วของหนูไปเมื่อครู่ มือใหญ่วางบนศีรษะของหนูแล้วจับโยกไปมาอย่างเอ็นดู (หรือสะใจก็ไม่ทราบ)
“ค่ะ โชคดีนะคะ ที่พี่เป็นคนใจดี ก็เลยหายโกรธง่าย” เหรอคะ? หลงตัวเองได้อีกค่ะพี่ น้องฐาว่าคุณพี่แอบเนียนมากกว่า เพราะเท่าที่คุยกันมาหนูก็ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย พอจะงอนขึ้นมาอีกฝ่ายก็เนียนงอนแทนปล่อยให้หนูง้อไปซะเฉยๆ อยากจะบ้า ลื่นเป็นปลาไหลจนตามไม่ทันเลย คนอะไรเนี่ย
“ว่าแต่ไปตั้งนาน พี่นึกว่าน้องฐาจะไปเปลี่ยนชุดด้วยซะอีก” เอ๊ะ! นั่นสิ อุตส่าห์เข้าหอได้แล้ว ทำไมน้องฐาไม่เปลี่ยนชุดรุงรังๆ ชุดนี้ออก แล้วไปหาชุดน่ารักๆ ใส่เนี่ย พาราดะจริงฉัน....
“หา...จริงสิ หนูลืม...งั้นแป๊บนะคะ หนูออกไปเปลี่ยนชุดก่อน” หนูรีบบอกทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ทำท่าจะออกจากรถ แต่พี่โต้งดึงแขนหนูไว้ไม่ให้ไปไหนค่ะ
“เดี๋ยว พี่ว่าไม่ต้องไปหรอก เอาไว้ไปหาชุดที่ห้างเอาแล้วกัน”
“อ้าว ทำไมล่ะคะ”
“แค่เอากุญแจไปให้อย่างเดียวยังไปซะนานเลย ถ้าไปเปลี่ยนชุดอีกรอบพี่หลับไปสามตื่นน้องฐาก็คงยังไม่กลับมาหรอกมั้ง”
“เว่อร์ไป คราวนี้จะรีบไปรีบมาค่ะสัญญา”
“ไม่.... พี่ไม่อยากให้น้องฐากลับไปนี่” ดื้อจริ๊งไก่ตัวนี้ น้องฐาคิ้วขมวดอย่างไม่เข้าใจ
“พี่เป็นอะไรอีกคะ อย่าบอกนะว่าหวงหนู ขนาดว่าไม่อยากให้กลับห้องอีก กลัวหนูจะเข้าไปจู๋จี๋กับเมทหรือไง?” หนูแอบพูดไปมั่วซั่วเท่านั้นแหละค่ะไม่ได้คิดอะไรมาก แต่เมื่ออีกฝ่ายเงียบไม่ตอบแต่ใช้สายตาจ้องเป๋งมองมาเหมือนไม่พอใจในคำพูดนั้น หนูก็ตาโตขึ้นมาทันที ทั้งขำและกลุ้มกับความคิดมากแล้วก็ขี้หวงขั้นเทพอย่างนั้น
“โธ่ พี่คะ อยู่ห้องเดียวกันมาตั้งนานถ้ามันจะเอาหนูเป็นแฟนน่ะ คงเป็นไปนานแล้ว คงไม่ยืดเยื้อมาจนป่านนี้หรอกค่ะพี่”
“ใครจะรู้ ถึงพี่ชอบตอนน้องฐาแมนๆ มากกว่าทำตัวออกสาวก็เถอะ แต่กับคนอื่นก็อาจจะไม่ได้คิดอย่างนั้นก็ได้”
“พี่ล่ะก็ อย่างหนูเคยแมนกับเขาเหรอคะ จำไม่เห็นได้เลย” หนูหัวเราะคิกคัก แบบเหมือนจะน่ารัก
“ก็ตอนแรกๆ ที่ผมยังไม่ค่อยยาวเท่าไร ไม่ถึงกับแมนมาก แต่เวลานิ่งๆ ไม่พูดคะขา ไม่แต่งหน้าแต่งตาก็ดูไม่ออกใช่ไหมล่ะ แต่ดูตอนนี้สิ น้องฐาทั้งต่อผม กันคิ้ว รู้สึกว่าสวยขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย”
“อุ๊ยตาย.....พี่โต้งก็” หนูยิ้มหน้าบานบิดกายม้วนต้วน มีแอบตีแขนคนข้างกายไปหนึ่งทีระบายความเขินอีกต่างหาก “พูดอะไรก็ไม่รู้”
“เห็นแบบนี้แล้วแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้สิ” พี่แกมองท่าทางน่ารักๆ ของหนูแล้วยิ้มเจื่อนๆ
“แปลกยังไงเหรอคะ”
“ก็..พี่ไม่เคยคบกับผู้ชายที่....เอ่อ...เรียกว่ายังไงดี...ออกตัวแรงแบบนี้” หนูว่าฟังแหม่งๆ นะคะ ทำไมพี่ไม่พูดมาตรงล่ะคะว่า ไม่เคยคบผู้ชายแรดๆ เท่านี้มาก่อน เชอะ!!
“แล้วไงอ่ะ ไม่เคยก็ถูกแล้ว พี่ก็บอกเองว่านี่ว่าพี่ไม่ชอบกะเทยอนี่นา ... อย่าบอกนะว่า....นึกเปลี่ยนใจไม่ชอบหนูขึ้นมาอีก” ส่งคำถามนั้นไปพร้อมดวงตาสั่นไหว ริมฝีปากเบะเตรียมปล่อยโฮได้ทุกนาที
แง้................................กระซิก ๆ
“คนใจร้าย ฮือๆๆๆๆๆ” หลับตาปี๋บีบน้ำตาทันที ถ้าไม่ได้อยู่ในรถจะลงไปนอนดิ้นพราดๆ เหมือนเด็กจะเอาของเล่นให้ดูเลย แง้...
ยังไม่ทันน้องฐาจะบีบน้ำตาให้ไหลให้สำเร็จ...อีพี่โต้งก็คว้าคอหนูเข้าไปหาซะก่อนโอบหนูให้ลงไปซบอกพี่เขาทันทีพลางกอดปลอบ
“โอ๋ๆๆๆ ไม่ใช่อย่างงั้น อย่าเพิ่งร้องไห้สิคะ แค่บอกว่าไม่คิดว่าจะชอบผู้ชายที่ออกสาวแบบนี้ได้ แต่ตอนนี้ก็ชอบไปแล้วอยู่ดี อย่าเพิ่งตีโพยตีพายสิ” คุณพี่ช่วยปลอบโยนหนูพร้อมทั้งลูบหัวลูบหางเอ๊ย หัวอย่างเดียวค่ะ น้องฐาไม่มีหางนะคะ
เฮ้อ...ฟังแล้วสะเทือนใจอีกแล้วสิ ค่อยเงยๆ หน้าขึ้นจากอกพี่เขา แล้วส่งสายตาสำนึกผิดไปให้...
ขอโทษนะคะที่น้องฐาสวย ขอโทษจริงๆ ที่น่ารัก ขอโทษม้ากมากที่คล้ายผู้หญิง
ก็ใครมันจะไปรู้ว่าจะได้กลับมาคบกันอีกครั้ง แล้วก่อนหน้านั้นพี่โต้งก็ไม่ได้บอกน้องฐาให้ชัดๆ ซะหน่อยว่าชอบน้องฐาตอนแมน (เคยมีตอนนั้นจริงๆ เหรอ ยังนึกไม่ออกเท่าไร) โอ๊ะไม่ใช่ค่ะ เก๊กแมนมากกว่าน่ารักน่าชังแบบนี้
“ถ้าหนูรู้ว่าพี่ไม่ชอบ หนูก็คงไม่ไปต่อผม แต่ตอนนี้ต่อมาแล้วอ่ะ ทำไงได้ พี่คะ ยังไงๆ หนูต่อผมมาราคาเป็นพันนะคะ ถ้าจะให้เอาออกหนูก็เสียดายอ่ะ ขอเก็บไว้ชื่นใจสักเดือนก่อนได้ไหมอ่า” มีการต่อรองเล็กน้อยเพื่อความสวยในอนาคต
“คิดไปถึงไหน พี่ไม่ได้บอกให้เอาเอาออกสักหน่อย ชอบอะไรก็ทำ อยากเป็นแบบไหนก็เป็นเถอะ พี่คงไม่บังคับให้เราเป็นอย่างที่พี่ชอบ เพราะถึงน้องฐาจะไม่ได้เป็นอย่างที่พี่ชอบ พี่ก็ชอบน้องฐาไปแล้วอยู่ดี ชอบมากขนาดนี้สงสัยจะถอนตัว ถอนใจลำบากนะเนี่ย”
อร๊ายยยยย ฟังแล้วมันลอยๆ ยังไงก็ไม่รู้แฮะประโยคนี้
หวานเว่อร์อ่ะค่ะ เขิน....
หลังจากยิ้มตาปิดมีความสุขอยู่ได้แป๊บนึงก็หันไปถามคำถามทีเล่นทีจริงด้วยใบหน้ายิ้มๆ ค่ะ
“ถ้าชอบหนูมากจริงๆ ทำไมไม่หัดเชื่อใจหนูบ้างล่ะคะ” ท้ายๆ มีแววน้อยใจนิดๆ
“แล้วพี่บอกตอนไหนว่าไม่เชื่อหนูล่ะคะ”
“บอกจากการกระทำไงคะ” ก็ขี้หวงออกปานนั้น
“พี่ไม่ได้ไม่เชื่อน้องฐาค่ะ แต่พี่เชื่อใจตัวเองมากกว่า” อร๊ายยยยยย หมายความว่าไงคะนี่
“เชื่อว่าหนูเจ้าชู้โดยสันดานน่ะเหรอคะ” จีบปากจีบคอถาม อีกฝ่ายยังมีหน้ามายิ้มบางๆ พลางส่ายหน้าปฏิเสธอีกแน่ะ ปฏิเสธไปทำไมคะ? ก็ไม่ต้องพูดอะไรหนูก็ถอนใจย่างฉุนเฉียวแล้วล่ะค่ะ สะบัดหน้าพรืดมองออกนอกรถเฉย
“พี่เชื่อว่าพี่รักน้องฐาต่างหากล่ะคะ....” ชิ...เชื่ออะไรแบบนั้นยะ....
หือ... ว่าไงนะ แค่นั้นหนูก็ตาแทบถลนแล้วค่ะ หันขวับไปหาอีกฝ่ายเลิกคิ้วสูงอย่างไม่เข้าใจ
“ทำไมน้องฐาไม่อยากให้พี่หึง แล้วก็หวงน้องฐาล่ะคะ ทั้งๆ ที่สิ่งเหล่านั้นมันสามารถแสดงออกว่าพี่รักและใส่ใจหนูไม่ใช่เหรอ ช่วงเวลาที่เราไม่มีกัน แค่เดือนหนึ่งมันก็มากพอแล้วล่ะ พี่ไม่อยากให้อะไรก็แล้วแต่เข้ามาทำให้ต้องแยกจากกันอีกเท่านั้นเอง ถึงจะขี้หวง และเอาแต่ใจไปบ้าง แต่ก็ทำไปเพราะรักนะคะ จะไม่เห็นใจกันบ้างเหรอ?” นั่นสิ ปกติ มีอะไรก็เอาตับมาล่อทุกที เลยเห็นแต่ตับมาก่อนตลอด....
คราวนี้จะเอาหัวใจมาล่อรึ?
ใครจะรู้ ถ้างดตับ มากินใจแทนบ้างอาจจะดีกับสุขภาพกายมากกว่าก็ได้เนอะ
“หัวใจของพี่มีดวงเดียวนะคะ พี่มอบหมายให้น้องฐามีหน้าที่เก็บไว้ ” ท่อนนี้ฟังแล้วเบิกบานใจค่า
ใจมันลอยๆ อีกแล้วอ่ะค่ะ โอ๊ย...เหมือนเป็นคนมีความมีความสุขยังไงก็ไม่รู้นะคะ
“ส่วนน้องฐามีคนเดียว พี่ก็มีหน้าที่เก็บน้องฐาไว้เช่นกัน ไม่ว่าต้องใช้วิธีไหนพี่ก็จะทำค่ะ” เอ่อ.... แต่ไอ้ท่อนท้ายเนี่ย ฟังแล้วมันแปลกๆ ยังไงชอบกลนะคะ จะซึ้งหรือสยองกันแน่เอ่ย...
ช่างเถอะค่ะ .... หนูอาจจะคิดไปเอง .....................................................................
พ่อแง่แม่งอนกันจังคู่นี้ หึหึ แต่งไปแต่งมา....
ยาวกว่าที่คิดวุ้ย คงไม่ได้กินไก่ละชาตินี้ กร๊ากกกกกกก
ปล. ใครมาเม้นตอนที่แล้ว.....บวกหนึ่งให้ทุกรี....
รักนะคะ