[เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค3 :+:
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค3 :+:  (อ่าน 73062 ครั้ง)

ออฟไลน์ รอยยิ้มอาบยาพิษ

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
ตอนที่6
ภาระที่ต้องรับ

ช่วงเวลา2สัปดาห์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่น่าเชื่อเลยว่าการไปเที่ยวในที่ที่ถูกใจและไปกับเพื่อนที่รู้ใจจะน่าจดจำขนาดนี้
ตอนแรกผมคิดว่าจะอยู่ที่เกาะสีชังแค่5วันเท่านั้น เพราะครั้งก่อนๆที่เคยไปกับเพื่อนในมหาวิทยาลัยก็อยู่นานสุดแค่5วันเท่านั้น
แต่อาจเพราะบรรยากาศที่เหมือนจะตัดความวุ่นวายจากโลกแห่งแสงสีอีกฟากหนึ่งของเกาะสีชังเพราะที่นี่สงบและร่มรื่นจริงๆ
ผมมาลองทบทวนถึงช่วงเวลา2สัปดาห์ที่เกาะสีชังนั้น กิจวัตรประจำวันของผมกับเทคซ้ำกันทุกวันแต่กลับไม่น่าเบื่อเลยสักนิด
ตอนนี้ เทค กลับไปทำงานที่สิงคโปร์แล้วครับ ผมเองก็กลับมาตั้งหน้าตั้งตาเรียนเนื่องจากนี่เป็นเทอมที่ผมลงทะเบียนจนครบ
เกือบหมดทุกวิชา ผมตั้งใจจะเรียนให้จบภายใน3ปี ซึ่งถ้าผมสอบผ่านทุกวิชาที่ลงทะเบียนในเทอมนี้และเทอมหน้าก็จะจบในปีนี้

เย็นวันหนึ่ง ผมกำลังนั่งรถกลับจากมหาวิทยาลัย คุณป้าใหญ่ก็โทรศัพท์เข้ามาหาผม น้ำเสียงคุณป้าใหญ่เร่งร้อนเหมือนมีเรื่องร้าย
คุณป้าใหญ่บอกผมว่ามีคนมาที่บ้านหลายคน แต่คนที่คุณป้าใหญ่จำได้แม่นยำก็คือ ลุงวิชิต ซึ่งเป็นพี่ชายของคุณป๋าผมเองล่ะครับ
ซึ่งจะว่าไปแล้วแม้เค้าจะเป็นลุงแท้ๆของผมแต่การที่ครอบครัวของเราไม่เคยไปมาหาสู่กันก็ทำให้ผมแปลกใจไม่ใช่น้อย
ยิ่งฟังที่คุณป้าใหญ่บอกว่าให้ผมรีบกลับมาที่บ้านด่วนเลยเพราะ ลุงวิชิตกับพวกของเค้ากำลังเดินสำรวจไปทั่วบ้านทั้งยังหยิบจับ
โยกย้ายข้าวของในบ้านผมอย่างถือวิสาสะ ผมก็ยิ่งร้อนใจเร่งให้ลุงเขยขับรถให้เร็วขึ้นเพราะต้องการรู้ต้นสายปลายเหตุที่เกิดขึ่น
เมื่อรถจอดที่หน้าประตูรั้วก็เห็นคุณป้าใหญ่ยืนคอยผมอยู่แล้วผมบอกให้ลุงเขยกลับไปก่อนและเดินนำคุณป้าใหญ่เข้าไปในบ้าน

“นี่ มาทำอะไรกันน่ะ” ผมรีบเดินไปขวางพวกที่กำลังรื้อข้าวของจากตู้โชว์ในห้องรับแขกลงมาที่พื้น
“อ้าว มาแล้วเหรอหลานชาย ลุงมารอแม่เธอตั้งนานแล้วนะ ป่านนี้ยังไม่มาอีก” ลุงวิชิตเดินอ้อมมาจากหลังบ้าน
“สวัสดีครับลุง” ผมยกมือไหว้ก่อนจะถามว่า “มารอนายแม่ มีธุระอะไรแล้วเรื่องอะไรต้องมารื้อค้นกันวุ่นวายแบบนี้”
“ก็แม่เธอไม่มาตกลงเรื่องหนี้กับลุงซะที ลุงก็ดูไปเรื่อยๆสิว่ามีอะไรจะเอาไปขายใช้หนี้แทนบ้านได้บ้าง” ลุงวิชิตบอก
“คุณป้าใหญ่ นี่มันอะไรกันครับ ทำไมน้องไม่เคยรู้มาก่อน” ผมหันไปถามคุณป้าใหญ่ที่เดินมายืนทางด้านหลังผม
“ป้าก็ไม่รู้ลูก” คุณป้าใหญ่พูดไปก็ทำท่าจะร้องไห้ซะแล้ว “หนี้สินอะไรกันครับลุง เกี่ยวอะไรกับบ้านหลังนี้ด้วย”
“ลุงว่าเธอไปถามแม่กับพี่ชายเธอดีกว่าว่าเรื่องมันเป็นยังไง แต่เป็นหนี้ก็ต้องใช้ไม่งั้นก็ต้องทำสัญญากันใหม่”
“ทำไมครับ แม่ผมกับพี่ชายไปเป็นหนี้ลุงหรือไง ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ ทำไมไม่มีใครบอกผมเรื่องนี้เลย”
“เรื่องมันนานแล้ว จริงๆพ่อเธอเป็นหนี้ลุงแล้วเอาบ้านหลังนี้มาค้ำประกันไว้ก็ตั้งแต่พ่อแม่เธอยังไม่แยกกันนั่นล่ะ”

ลุงวิชิต พูดอย่างต่อเนื่องคล่องแคล่วแม้ผมจะพยายามคิดว่าไม่ใช่เรื่องจริง พยายามจับคำพูดที่อาจปั้นแต่งขึ้นก็จับไม่ได้
“ถึงเรื่องนี้จะเป็นเรื่องจริง ทำไมลุงไม่ไปทวงหนี้กับคุณป๋าเองล่ะ มาก่อกวนผมกับแม่ที่นี่จะมีประโยชน์อะไร” ผมเถียง
“ก็พ่อเธอไม่ได้อยู่บ้านนี้แล้วนี่ ลุงไปทวงพ่อเธอก็ทำเงียบหายไป แต่ในเมื่อแม่เธอยังอยู่บ้านนี้ก็ต้องใช้หนีมาสิ”
“เห็นแก่ตัว ลุงกับคุณป๋าเป็นพี่น้องกันแท้ๆ ทำไมพูดกันเองไม่ได้ ทำไมต้องมากดดันแม่ผมด้วย”
“อ้าว พูดแบบนี้ก็ไม่ถูกสิหลานชาย ถ้าไม่อยากรับผิดชอบหนี้สินที่พ่อเธอสร้างไว้ก็ย้ายออกไปจากที่นี่สิลุงจะได้ขายทิ้ง”
“แล้วพวกเราจะไปอยู่ที่ไหนกันล่ะลูก”
คุณป้าใหญ่ถามผมเสียงสั่นด้วยความหวาดหวั่นจนผมต้องกอดคุณป้าใหญ่เอาไว้

ขณะที่เรากำลังยืนพูดคุยกันอยู่นี้นายแม่ก็กลับเข้ามาพอดี ผมหันไปมองนายแม่ที่เดินเข้ามาด้วยท่าทีอ่อนล้าแต่ก็เด็ดเดี่ยว
นายแม่ขอร้องให้ลุงวิชิตสั่งลุกน้องของเค้าเก็บข้าวของเข้าที่ตามเดิมแล้วรับปากว่าภายในปีนี้จะหาเงินไปชำระหนี้สินให้ได้
ทีแรกลุงวิชิตฮึดฮัดเสียงดังหาว่านายแม่เคยพาพี่ชายไปเจรจามาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อหลยปีก่อนแต่แล้วก็เงียบหายกันไปหมด
ลุงวิชิตจึงไม่อยากผ่อนผันอีกแล้วทั้งยังขู่ว่าจะเอาของในบ้านไปขายเพื่อหักค่าดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นทุกเดือนจนกว่าจะใช้หนี้ครบ
แต่จู่ๆก็เปลี่ยนใจยอมให้โอกาสแม่อีกครั้งโดยยืดเวลาให้แม่หรือพี่ชายหาเงินมาใช้หนี้จนถึงสิ้นปีนี้ซึ่งเหลือเวลาอีกเกือบครึ่งปี
เมื่อลุงกลับไปแล้วผมเองแทบเข่าอ่อนกับเรื่องหนี้สินที่เพิ่งได้รู้ในวันนี้เองแต่พอเห็นนายแม่ทรุดลงไปกับพื้นผมก็ต้องฮึดขึ้นใหม่
รีบไปพยุงนายแม่ไว้แต่เมื่อหันไปขอยาดมจากคุณป้าใหญ่ก็เห็นว่าท่านนั่งกุมหน้าอกด้วยว่าความดันขึ้นกระทันหัน ผมจะทำไงดี


Jingjoh

  • บุคคลทั่วไป
ตอนนี้ก็ต้องเป็นกำลังใจให้คุณแม่กับป้าใหญ่ก่อนนะครับ

ออฟไลน์ A GE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
 o12 o12  ทั้งๆที่เปนญาติสนิทกันแท้ๆนะครับ  ทำไมถึงทำกันอย่างนี้ล่ะครับ :m16: :m16:


ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
มรสุมมาอีกแล้ว ขอให้ฝ่าฟันมันไปได้
 o7 o7 o7 o7

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586

เห็นด้วยกะน้องจิงโจ้ค่า

ปล. คิดถึงน้องโจ้ ตาพูห์ กะ พี่แสบจัง  :m17:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
ชีวิตไม่สิ้น  ต้องดิ้นกันต่อไป  :เฮ้อ:
เห็นด้วย ต้องเป็นกำลังใจให้นายแม่กับป้าใหญ่ก่อน
แล้วนิวจะทำยังไงละเนี่ย  หวังว่าคงเรียนอยู่นะ

รออ่านต่อน้า นิว สู้ๆ  :a2:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
 :เฮ้อ: ญาติกันแท้ ๆ  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ รอยยิ้มอาบยาพิษ

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
สวัสดีครับ เพื่อนๆทุกคน
เสาร์-อาทิตย์ ติดธุระครับ เดิมทีตั้งใจจะลงเรื่องเล่าวันละ1ตอน
แต่ไหนๆก็จะไม่อยู่ตั้ง2วันแน่ะ ก็เลยลงเรื่องเล่าชดเชยไปเลย
ถือว่าฝากเรื่องเล่าไว้ให้เพื่อนๆอ่านกันแก้คิดถึงนะครับ อิอิอิ

จาก ผมเอง

ออฟไลน์ รอยยิ้มอาบยาพิษ

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
ตอนที่7
หน้าที่ของลุกคนเล็ก(งั้นหรือ?)

เพื่อนๆเชื่อมั้ยครับว่า ความโชคร้าย มักพาเอาเรื่องเลวร้ายมาให้เราคราวละมากๆ และมาในเวลาที่เราตั้งตัวไม่ติดซะด้วยสินะ
เพราะหลังจากที่ผมเพิ่งรับรู้เรื่องหนี้สินจากลุงวิชิตเมื่อ 4วันก่อนและภายในวันเดียวกันนั้นนายแม่ก็ต้องเข้ามานอนรักษาตัว
อยู่ในโรงพยาบาลพร้อมกับคุณป้าใหญ่ ผ่านมาถึงวันนี้นายแม่ยังนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ส่วนคุณป้าใหญ่กลับบ้านแล้ว
คืนแรกที่ท่านทั้งสองต้องนอนโรงพยาบาลนั้น ผมกลับเข้ามาที่บ้านอย่างอ่อนแรง ที่บ้านไม่มีใครเลย ไม่มีคุณป๋าที่จะอธิบายว่า
ไปติดหนี้สินลุงวิชิตตั้งแต่เมื่อไหร่จำนวนเงินมากขนาดไหน ไม่มีพี่ชายที่จะคอยเป็นที่พึ่งให้กับผมทั้งที่เค้ารู้เรื่องนี้มาโดยตลอด
ในภาวะแบบนี้ผมไม่อยากถามนายแม่หรอกครับ แค่นี้ท่านก็ทรุดแล้วถ้าต้องให้ท่านเล่าก็คงต้องรอเวลาสักหน่อยน่าจะดีกว่านะ

เพื่อนๆครับ มีใครเป็นลูกคนเล็กบ้างครับ แล้วใครบ้างที่ถูกเลี้ยงอย่างตามใจ ได้รับสิ่งที่ดีที่สุดยิ่งกว่าพี่ๆคนอื่น นี่เป็นคำถามที่ผม
คิดวนเวียนอยู่ตลอดทั้งคืน ถ้ามีใครที่โชคดีอย่างนั้นผมคงอยากบอกว่าผมไม่เคยถูกเลี้ยงดูตามแบบฉบับของลูกคนเล็กทั่วๆไป
ผมได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี ความรัก ความอบอุ่น ความใกล้ชิดเต็มเปี่ยมชีวิตผมแม้ว่าวันหนึ่งคุณป๋ากับนายแม่จะแยกทางกันก็ตาม
แต่ผมไม่เคยเป็นเด็กขาดความอบอุ่น ทุกเวลาที่ผ่านมาและดำเนินไป ผมยังมีคุณป๋าและนายแม่ให้คอยดูแลห่วงใยกันอยู่เสมอๆ
เพียงแต่ในเวลาที่ปัญาภาระสารพัดอย่างรุมเร้าพร้อมๆกัน ผมก็อยากตีอกชกหัว ร่ำร้องและกล่าวโทษโชคชะตาที่แกล้งผมอย่างนี้

คำถามสารพัดอย่างที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า ทำไม? ต่างก็หมุนวนอยู่ในสมองของผมครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่จบไม่สิ้นจนผมปวดศรีษะสุดๆ
คำถามที่ว่านั้นเริ่มจาก ทำไมผมไม่เคยรู้เรื่องหนี้สิน ทำไมนายแม่กับพี่ชายไม่จัดการปัญหานี้ให้เรียบร้อย ทำไมปล่อยให้ปัญหา
ยืดเยื้อมาจนถึงป่านนี้ ทำไมคุณป๋าไม่แก้ปัญหาเอง ทำใมลุงวิชิตจึงใจดำนัก ทำใมลุงไม่ไปทวงกับคุณป๋า มาขู่บังคับนายแม่ทำไม
ยิ่งคิดก็ยิ่งมีแต่คำถามที่หาคำตอบไม่ได้ ผมเริ่มเหนื่อยกับการกล่าวโทษสิ่งต่างๆทั้งโชตชะตาและผู้คนที่เกี่ยวข้องกับภาระหนักนี้
ผมคิดไปจนถึงว่า ทำไมคุณป๋ากับนายแม้องเลิกกัน ถ้าตอนนี้ท่านอยู่ด้วยกันลุงวิชิตจะทำแบบนี้รึเปล่า คงจะเห็นแก่คุณป๋าบ้าง
อย่างน้อยๆคุณป๋าก็เป็นน้องชายแท้ๆของลุงวิชิต แต่นี่ลุงวิชิตคงเห็นว่านายแม่กับคนที่อยู่บ้านนี้เป็นคนอื่นจึงขู่บังคับได้ตามใจ

ในคืนแรก หลังจากส่งนายแม่กับคุณป้าใหญ่ไปนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว ผมได้แต่กลับมานั่งคิดเรื่องต่างๆไปเรื่อยเปื่อย
และเดียวดายอยู่ที่สนามหญ้าหน้าบ้าน ลมเย็นๆพัดมานรู้สึกหนาวเหน็บผมนั่งชันเข่าใช้สองแขนโอบกอดตัวเองไว้ไม่ให้หนาว
ตอนนี้ข้าวของในบ้านยังเก็บไม่เรียบร้อย และผมก็ไม่อยากเห็นความรกของบ้านที่ถูกคนพวกนั้นรื้อค้นตามอำเภอใจเมื่อช่วงบ่าย
ผมปล่อยให้น้ำตารินไหล ไปพร้อมกับเวลาแต่ละนาทีที่ผ่านพ้นไปอย่างไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ ผมนั่งอยู่อย่างนั้นจนเผลอหลับถึงเช้า

วันที่สอง ตอนเช้าผมไปเรียนตามเดิม ตอนนี้ผมไม่มีเวลานั่งปล่อยอารมณ์ให้เศร้าไปกับเรื่องที่ผ่านมาแล้ว ผมต้องจะดูแลนายแม่
และไปรับคุณป้าใหญ่ออกจากโรงพยาบาลตอนที่ยงหลังเลิกเรียน ดังนั้นผมจึงต้องลุกขึ้นจัดการกับชีวิตของตัวเองให้ได้ซะก่อน
ผมไปเยี่ยมนายแม่ที่ห้องพักผู้ป่วยมาแล้ว จึงไปรับคุณป้าใหญ่ออกจากโรงพยาบาล กลับมาถึงก็ดูแลคุณป้าใหญ่ทานข้าวทานยา
จากนั้นก็ส่งคุณป้าใหญ่เข้านอนดูจนแน่ใจว่าท่านอาการดีขึ้นแล้ว ผมก็กลับมาที่บ้านของผมเพื่อเก็บข้าวของให้เข้าที่ตามเดิม

วันที่สาม ผมโทรศัพท์ไปหาพี่ชายตั้งแต่เช้า เพราะผมนอนแทบไม่หลับเอาซะเลย พี่ชายยังไม่ไปทำงานก็เลยได้เล่าให้พี่ชายฟัง
ว่าตอนนี้ที่บ้านเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทั้งยังขอคำอธิบายเรื่องทั้งหมดอีกที พี่ชายเล่าว่าคุณป๋ากับนายแม่เอาบ้านไปจำนองไว้เมื่อปี2530
ซึ่งก็ไม่แปลกที่ผมจะไม่ทราบเพราะตอนนั้นผมแค่6ขวบเอง ซึ่งทางครอบครัวผมเป็นฝ่ายผิดที่ไม่ใช้หนี้ตามกำหนดเวลาที่คุยกัน
เมื่อนานวันเข้าดอกเบี้ยรวมกับเงินต้นก็ทวีคูณมากขึ้น จนเมื่อปี2542หลังจากที่คุณป๋ากับนายแม่แยกทางกันแล้วลุงวิชิตถึงมาทวง
หนี้สินจำนวนมากมายนี้ด้วยการจะยึดบ้านที่ผมอยู่นายแม่กับพี่ชายจึงไปตกลงทำสัญญาใหม่เพื่อจะใช้หนี้จำนวนมากนี้ให้สำเร็จ
แต่แล้วทั้งพี่ชายและนายแม่ก็ขาดการติดต่อไปอีก พี่ชายบอกว่าอาจเพราะนายแม่โกรธเรื่องพี่ชายได้เสียกับพี่สะใภ้ที่แม่รังเกียจ
เมื่อนายแม่ไม่ติดต่อไปหาพี่ชาย พี่ชายไม่กล้าสู้หน้านายแม่ ก็เลยไม่มีใครออกหน้ารับผิดชอบหนี้สินให้ลุงวิชิตอีกจนได้ เฮ้อ….
ผมบอกให้พี่ชายพาพี่สะใภ้กับหลานๆมาเยี่ยมนายแม่ เพราะในเวลานี้สิ่งที่นายแม่ต้องการที่สุดก็น่าจะเป็นกำลังใจจากลูกทั้ง2คน

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-09-2007 22:03:08 โดย :+:So Much In L »

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
เรื่องเกิดขึ้นแล้ว ยังไงก็ต้องแก้ไขกันไปล่ะนะ  :impress:  :impress:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
ท้อใจไปก็แค่นั้น
ถ้าทำอะไรไม่ได้ก็อยู่เฉยๆ
มีหนทางก็ค่อยทำต่อ

ไม่มีอะไรจะเสีย มัวแต่ท้อใจก็พลอยไม่ได้ทำอะไรเลย

 :a9: :a9: :a9:

Jingjoh

  • บุคคลทั่วไป
เดี๊ยวเรื่องราวร้ายๆ ก้อผ่านพ้นไป
เป็นกำลังใจให้ครับ

ป.ล. คิดถึงเจ้สองเหมือนกันครับ

ออฟไลน์ A GE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
 o13 o13 ก็ต้องสู้กันต่อไปนะครับ  อย่าให้ลุงของคุณนิวเค้าว่าได้เนอะ  o13 o13

ออฟไลน์ รอยยิ้มอาบยาพิษ

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
สวัสดีครับ

ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจนะครับ แล้วสถานการณ์จะคลี่คลายไปยังไง รออ่านตอนต่อๆไปได้เลยครับ
แต่คงต้องเป็นวันพรุ่งนี้นะครับ ผมเพิ่งกลับจากกรุงเทพฯเมื่อประมาณครึ่งชั่วโมงนี้เอง เหนื่อยจริงๆ
อืม ขอเวลาเชคเมล์ คุยM(ที่เพื่อนๆของผมสู้อุตสาหะบ่มเพาะจนเดี๋ยวนี้ขึ้นระดับโปรฯแล้ว ไม่ได้โม้...)
แล้วพรุ่งนี้เวลางาน ถ้ามีช่วงว่างตอนไหนจะเอาเรื่องเล่าตอนต่อๆไปมาลงให้อ่านกันนะครับ อดใจรอนิดนึง
ปล.แต่ก็เพราะสถานการณ์และภาระที่ต้องรับผิดชอบนี่ล่ะครับ ทำให้เรื่องเล่าตอนต่อไปเข้มข้นขึ้นอีกครับ


จาก ผมเอง

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
รอน้องนิวมาต่อ อิอิ

เข้มแข็งเข้าไว้  ทุกอย่างจะคลี่คลายเอง  คิดแง่บวก  :a2:

ออฟไลน์ รอยยิ้มอาบยาพิษ

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
ตอนที่8
สิ่งที่ต้องทำ

ผ่านไป2วัน พี่ชายของผมก็พาครอบครัวของเค้ากลับมาที่บ้าน ผมไปเกริ่นให้นายแม่ฟังไว้แล้วว่าพี่ชายจะกลับมาเยี่ยมนายแม่
ทีแรกนายแม่ก็ยังทำเหมือนไม่สนใจเท่าไรนักที่พี่ชายจะพาครอบครัวกลับมาแต่เมื่อพี่ชายพาครอบครัวกลับมาถึงจริงๆ
นายแม่ก็ร้องห่มร้องไห้ด้วยหลากหลายความรู้สึก แรกๆก็ตัดพ้อต่อว่าที่พี่ชายเลือกที่จะมีครอบครัวตามใจตัวเองโดยไม่นึกถึงใจ
ของนายแม่โดยเฉพาะการเลือกลูกสะใภ้ที่แม่เห็นว่าไม่เหมาะสมกับลูกชายคนโตของตระกูล แต่พี่ชายก็กราบเท้าขอโทษนายแม่
ทั้งยังพาพี่สะใภ้เข้ามากราบท่านอีกด้วย นื่เป็นครั้งแรกที่คนในครอบคัวผมได้เห็นหน้าพี่สะใภ้และหลานๆ2คน ผมนึกว่านายแม่
จะลุกขึ้นสะบัดเท้าหรือขยับตัวหนีอย่าชิงชังลูกสะใภ้ตามแบบฉบับละครไทยแต่ก็เปล่า นายแม่เพียงแต่นิ่งๆและรับไหว้ตามปกติ
แต่อาการไม่ปกติมาเกิดกับหลานๆ ไม่ใช่ว่านายแม่ลุกขึ้นมาวีนใส่หลานนะครับแต่ท่านมีเรี่ยวแรงลุกขึ้นมาทั้งโอบทั้งกอดหลาน
ผมเห็นพี่ชายกับพี่สะใภ้ก้มหน้าร้องไห้อยู่ข้างๆเตียงคนไข้ก็เลยเดินเข้าไปบอกให้พี่ชายประคองพี่สะใภ้ไปนั่งได้แล้ว
และชี้ให้ทั้ง2คนดูปฎิกิริยาของนายแม่ที่แสดงอาการปลาบปลื้มหลานชาย2คน พร้อมทั้งยิ้มให้กำลังใจพี่ชายและพี่สะใภ้อีกครั้ง

เมื่อพี่ชายพาหลานๆกลับมา ก็เหมือนเป็นการนำพาความสดชื่นสดใสมาให้กับนายแม่ด้วย เพียงแค่วันรุ่งขึ้นนายแม่ก็กลับมาบ้าน
ด้วยความที่นายแม่อยากอยู่ใกล้หลานๆด้วยล่ะมั้งครับ ช่วงที่นายแม่กลับมาพักรักษาตัวที่บ้านก็ทำให้มีเวลาใกล้ชิดทำความรู้จัก
กับพี่สะใภ้ไปในตัว พี่สะใภ้ของผมก็พยายามปรับตัวเข้ากับนายแม่อย่างเต็มที่เช่นกัน อาจเพราะพี่สะใภ้เป็นคนช่างเอาอกเอาใจ
และโอนอ่อนผ่อนตามนายแม่ว่าอย่างไรพี่สะใภ้ก็ว่าตามนั้น อาจเป็นเพราะพี่สะใภ้มีระเบียบแบบแผนในการเลี้ยงหลานๆเป็นที่
ถูกใจนายแม่ด้วยก็ได้ทำให้นายแม่มองว่าแม้พี่สะใภ้จะมีที่มาอย่างไรก็ช่างแต่พี่สะใภ้ก็สามารถเลี้ยงหลานๆของแม่ได้น่าพอใจ

หลายวันมานี้ นายแม่ยังไม่ได้เข้าไปตรวจกิจการที่ร้าน น้าชายของผมซึ่งเป็นทั้งน้องชายและหุ้นส่วนธุรกิจของนายแม่ก็คอยดูแล
กิจการเป็นอย่างดี ซึ่งทุกวันก็จะเอาเอกสารมาให้นายแม่ตรวจที่บ้าน นายแม่เห็นว่าเป็นการรบกวนเวลาน้าชายมากเกินไปจึงให้
พี่ชายของผมเข้าไปช่วยดูแลกิจการแทนนายแม่ เพื่อแบ่งเบาภาระของน้าชายได้บ้าง แต่เอาเข้าจริงพี่ชายกลับปฎิเสธโอกาสนี้
นายแม่ไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ชายจึงปฎิเสธ พี่ชายก็ให้เหตุผลว่าไม่ถนัดงานด้านนี้ แต่ถนัดงานด้านโรงแรมอย่างที่ทำอยู่มากกว่า
พี่ชายบอกว่าอีกไม่กี่วันต้องกลับไปทำงานแล้วด้วยถ้าเข้าไปช่วยกิจการตอนนี้ก็ต้องทิ้งข้างไว้ครึ่งๆกลางๆอยู่ดี ซึ่งนายแม่ก็เข้าใจ
ถึงอย่างนั้นผมก็พอจะเดาใจนายแม่ได้ ว่าการที่ท่านอยากให้พี่ชายไปดูแลกิจการในช่วงเวลานี้ก็เพื่อจะให้พี่ชายอยู่สานต่อกิจการ
แทนแม่และจะได้ไม่ต้องพาหลานๆที่แม่กำลังรักกำลังหลงกลับไปอยู่ไกลกันถึงทางใต้ แต่ในเมื่อพี่ชายปฏิเสธนายแม่ก็ตามใจ

นายแม่แข็งแรงและกะปรี้กะเปร่าขึ้นมาก พี่ชายก็ได้พักเหนื่อยมาพอสมควร ส่วนพี่สะใภ้นั้นกลายเป็นคนโปรดของคุณป้าใหญ่
ไปซะแล้วเพราะความที่พี่สะใภ้เป็นคนขยัน และทำงานบ้านอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง คุณป้าใหญ่ก็เลยเอ็นดูพี่สะใภ้เป็นพิเศษ
แต่นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วผมยังไม่เห็นทีท่าของนายแม่หรือพี่ชายจะปรึกษาหารือเกี่ยวกับเรื่องหนี้สินที่ต้องชำระให้ลุงวิชิต
ผมเห็นว่าคงปล่อยผ่านเลยไม่ได้แล้ว แม้ผมจะไม่อยากไปสะกิดความรู้สึกของนายแม่หรือทวงถามความรับผิดชอบของพี่ชาย
แต่ถ้าผมไม่พูดก็ไม่รู้ว่าใครจะพูด แล้วผมไม่แน่ใจว่าจะมีโอกาสที่เรา3คนแม่ลูกจะได้เจอหน้ากันแบบนี้อีกเมื่อไหร่

“น้องอยากถามว่าเรื่องเงินที่ต้องคืนให้ลุงวิชิตนายแม่กับพี่ชายจะว่ายังไงครับ”
“พี่ว่าน้องอย่าเพิ่งเอาเรื่องเครียดๆมาพูดกับนายแม่เลยนะ ให้นายแม่พักผ่อนก่อนดีกว่า”
“น้องก็ไม่ได้อยากรื้อฟื้นให้ต้องขุ่นใจกับเรื่องหนี้สินนี้หรอกนะครับ แต่ถ้าเราไม่รีบแก้ไขก็ต้องเจอเค้ามาหาเรื่องอีกสิครับ”
“ตอนนี้ที่ร้านก็ต้องใช้เงินลงทุนเพิ่มแม่ไม่เงินก้อนไปให้เค้าหรอกลูก แล้วแม่ก็ไม่อยากไปให้ลุงวิชิตเค้าดูถูกอีกแล้วนะลูก”
“แล้วพี่ชายจะลองไปคุยกับลุงเค้าอีกสักครั้งได้มั้ยครับ ถึงเรายังไม่มีเงินไปใช้หนี้เค้าเราไปขอผ่อนใช้เค้าก็ดีกว่าเงียบหายนะ”
“พี่ก็ไม่คุยนะ น้องไม่รู้หรอกว่าคราวก่อนเค้าพูดจาถากถางนายแม่แล้วก็ลามมาตำหนิถึงคุณป๋าอย่างเจ็บแสบด้วย พี่ไม่ชอบ”

เมื่อพูดกันแล้วยังหาข้อตกลงไม่ได้ทั้งนายแม่และพี่ชายก็เฉไฉไปทำอย่างอื่นกันหมดทิ้งให้ผมนั่งเครียดอยู่คนเดียวเหมือนทุกวัน


ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
ยากแท้นักจะหาทางออก
 :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ออฟไลน์ A GE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: ปัญหาหนักนะครับนิว  แต่ยังไงซะก็ต้องหาทางออกได้ครับ  :a1: :a1:

luvdisc

  • บุคคลทั่วไป
เง้อ.......มีแบบนี้ด้วย สถานการณ์ที่ทำให้นายเอกลำบากใจ
แล้วก็ต้องสมยอมกะพระเอกด้วยความจำยอมเพราะต้องช่วย
เหลือทางบ้าน จนเกิดเป็นความรัก     
 :o8:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
 :เฮ้อ: ถึงจะหลบเลี่ยงยังไงแต่ปัญหาก็ยังอยู่   :เฮ้อ:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






Serendipity

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องเงินๆทองๆไม่เข้าใครออกใครเลยนะคับ  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
สู้ๆคับพี่นิว^^
 :a1: :a1: :a1:

ออฟไลน์ รอยยิ้มอาบยาพิษ

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
ตอนที่9
คุณหญิงน้า

แล้วพี่ชายก็พาครอบครัวเค้ากลับลงใต้โดยที่ยังไม่ได้ข้อสรุปอะไรเกี่ยวกับเรื่องหนี้สินที่ค้างคาอยู่ ที่จริงผมก็พยายามหาโอกาส
จะพูดเรื่องนี้กับพี่ชายและนายแม่อีกหลายครั้งแต่ทั้งนายแม่และพี่ชายก็แสดงท่าทางเหมือนจะเป็นจะตายถ้าต้องกลับไปพบเจอ
กับลุงวิชิตผู้เป็นเจ้าหนี้ หนักๆเข้าผมก็ไม่อยากพูดถึงเรื่องหนี้สินให้เกิดเป็นการยืนคนละฝั่งของคนในครอบครัวไปซะเปล่าๆ
แต่เมื่อผ่านไป1เดือนก็ดูเหมือนทั้งพี่ชายและนายแม่จะลืมเรื่องหนี้สินไปแล้ว ทั้งที่โทรศัพท์พูดคุยกันอยู่ตลอดแต่ก็ไร้วี่แววที่จะ
ปรึกษากันถึงช่องทางที่หาเงินมาชดใช้หนี้สินจำนวนเงินเป็นล้านให้ทันเวลาที่ลุงวิชิตกำหนดไว้ซึ่งก็อีกเพียงแค่5เดือนนับจากนี้

เมื่อผมหาทางออกกับเรื่องนี้เองไม่ได้ จึงตัดสินใจโทร.หาคุณหญิงน้า แม้ว่าช่วงเวลาที่ผมไปอาศัยบ้านคุณหญิงน้าอยู่นั้นจะมีข้อ
ขัดแย้งกันอยู่เสมอๆแต่ตลอดเวลา10ปีที่อยู่กันมาผมก็รู้ดีว่าคุณหญิงน้าเป็นคนเดียวที่มีน้ำใจและโอกาสที่จะเอื้อเฟื้อพี่น้องคนอื่น
ทีแรกผมไม่กล้าโทร.ไปหรอกครับ เพราะแม้ว่าผมจะออกจากบ้านคุณหญิงน้าไปอยู่อพาร์ทเม้นท์จนย้ายมาอยู่บ้านที่ต่างจังหวัด
ก็หลายปีแล้วแต่ผมไม่เคยร้องขอความช่วยเหลือใดๆจากคุณหญิงน้าเลย ด้วยว่าตอนที่ผมออกจากบ้านคุณหญิงน้าต่างก็รุ้สึกไม่ดี
คือ ตอนนั้นผมยังเป็นวัยรุ่นก็เลือดร้อน ผู้ใหญ่จะเตือนด้วยความหวังดียังไงแต่ถ้าวิธีการที่ใช้ไม่ถูกใจผมก็ต่อต้านรุนแรงพอกัน
ทางด้านคุณหญิงน้าก็เห็นว่าอุตส่าห์เอาผมมาชุบเลี้ยงอยากสอนอยากบอกให้ได้ดี ให้เข้าสังคมกับใครๆได้แต่ผมก็ไม่เอาไหน
ทั้งยังหาเรื่องมาให้คุณหญิงน้าปวดหัวอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะความดื้อดึงของผมที่คงทำให้คุณหญิงน้ารู้สึกหมดความอดทนเช่นกัน

แต่ถึงที่สุดแล้วผมก็มาทบทวนดูว่า ผมควรกลัวหรือ ผมควรอายหรือ ถ้ากับคุณหญิงน้าที่ผมรู้ใจกันพอสมควรตามประสาคนเคย
อยุ่ด้วยกันเป็นครอบครัวเดียวกันมาตั้งเป็นนาน ผมยังไม่กล้าเข้าไปพบไปพูดคุยขอความเห้นใจจากท่านแล้วผมจะกล้าไปพูดคุย
ขอความอนุเคราะห์จากลุงวิชิตที่เสมือนญาติห่างๆ(ในความสัมพันธ์ที่คบหาพบเจอกันน่ะครับ)ได้อย่างไร เมื่อคิดได้แล้วก็ลุยเลย
ผมโทร.ไปที่บ้านด้วยความรู้สึกลุ้นๆชอบกลเหมือนกลัวว่าความแข็งข้อกระด้างกระเดื่องที่ผมเคยทำไว้กับคุณหญิงน้าจะทำให้
ท่านไม่ยอมช่วยผมแต่คิดอีกทีท่านก็คงไม่ใจดำกับนายแม่และพี่ชายนักหรอก ถ้าหนักหนานักก็ให้พี่ชายมาพูดอีกทีก็คงได้ล่ะนะ

ทันทีที่คุณหญิงน้ารับสายแล้วรู้ว่าเป็นผม น้ำเสียงก็บ่งบอกความยินดีที่ผมติดต่อกลับไป ผมแปลกใจมากกับปฎิกิริยาที่คาดไม่ถึง
ผมนึกว่าคุณหญิงน้าจะโกรธเคืองผมเหมือนที่ผมรู้สึกห่างเกินกับคุณหญิงน้ามาตลอดหลายปีจนถึงขณะที่ถือหูโทรศัพท์อยู่นี้
คุณหญิงน้าบอกว่ารู้ข่าวคราวของผมอยู่เรื่อยๆผ่านจากนายแม่บ้าง พี่ชายบ้าง ก็รออยู่ว่าเมื่อไหร่ผมจะติดต่อไปหาท่านด้วยตัวเอง
ยิ่งได้พูดคุยแบบนี้ทานก็สบายใจว่าหลังจากผมออกจากบ้านของท่านไปแล้ว ผมก็ยังเอตัวรอดได้ไม่หลงทางไปจนกู่ไม่กลับ

“แล้วคุณไม่โกรธน้องเหรอครับ” ผมเรียกคุณหญิงน้าว่า ‘คุณ’
“คุณจะโกรธเราทำไมล่ะ เด็กวัยรุ่นก็ชอบดื้อกับผู้ใหญ่แบบนี้ทุกคนล่ะ ดีเท่าไหร่แล้วที่เราไม่นอกลู่นอกทางไปไหน”
“แล้วคุณกับคุณน้าสบายดีนะครับ ประทานโทษ คุยมาตั้งนานเพื่งจะถาม มัวแต่เล่าเรื่องของน้องซะนาน”
“คุณสบายดีน้าเขยเราก็สบายดี ขอบใจมาก เออ ว่างๆก็กลับมาที่บ้านบ้างนะ บ้านนี้ไม่มีเราอยู่คุณว่ามันเหงาๆนะ”
“ขอบคุณครับ”
ผมน้ำตาไหลอีกแล้วไม่นึกเลยว่าที่ผ่านมาผมมองคุณหญิงน้าผิดมาตลอดผมนึกว่าท่านใจร้ายใจดำกับผม
“นี่เรียนใกล้จบแล้วใช่มั้ย? นายแม่เราน่ะเค้าบอกคุณ” คุณหญิงน้าถามเรื่องเรียนเป็นลำดับต่อไป
“ครับใกล้แล้ว น้องอยากเรียนให้จบภายในสามปี” ผมตอบไม่เต็มเสียงนัก “ก็พยายามเข้านะเก่งมากแล้วล่ะคุณเอาใจช่วย”
“แต่ถ้าน้องตั้งใจเรียนมากกว่านี้เหมือนที่คุณเคยบอกเคยตีกรอบไว้น้องคงจบไปนานแล้ว” ผมเริ่งเสียงสั่นอีกแล้วครับ
“เอาเถอะๆ ตอนนั้นคุณก็บังคับเรามากเกินไป อีกอย่างคุณยังคิดว่าเราจะไม่เรียนต่อด้วยซ้ำ แค่รู้ว่าเราตั้งใจเรียนก็ดีใจแล้ว”
“คุณครับ น้องยังมีเรื่องต้องรบกวนคุณอีกแล้วล่ะครับ เรื่องบ้านหลังนี้ที่ติดจำนองกับพี่ชายคุณป๋า”
ผมค่อยๆเข้าประเด็น
“เอาอย่างนี้นะถ้าว่างเมื่อไหร่มาค้างที่บ้าน แล้วเราจะได้ปรึกษากันได้ถนัดๆหน่อย ดีมั้ย?”
“ก็ดีครับต้องรบกวนด้วยนะครับ”
ผมตอบไปอย่างเกรงใจสุดๆ “ไม่ต้องคิดมากหรอกบ้านนี้ต้อนรับเราเสมอนะลูก”


ออฟไลน์ รอยยิ้มอาบยาพิษ

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
ตอนที่10
การต้อนรับกับความช่วยเหลือ

ผมเดินจากหน้าปากซอยไปตามเส้นทางที่คุ้นเคย แม้ว่าผมจะไม่ได้กลับมาที่นี่เป็นเวลากว่า5ปี แต่สิ่งที่เคยเห็นมาตลอด10กว่าปี
ยังคงอยู่ในความจำจดได้อย่างชัดเจน แต่ละก้าวของผมเป็นไปอย่างไม่รีบร้อนไม่ใช่ว่าจะอยากซึมซับบรรยากาศอะไรหรอกครับ
แต่เพราะลึกๆในใจผมยังอดหวั่นไม่ได้ว่าจะพบกับท่าทีแบบไหนของคุณหญิงน้า คงเพราะที่ผ่านมามีความทรงจำกับที่นี่ไม่ดีนัก

“มาแล้วเหรอลูก คุณกำลังเตรียมห้องหับไว้ให้ อืม ใกล้จะเสร็จแล้วล่ะ เหนื่อยมั้ยไปล้างหน้าล้างตาก่อนนะ”
คุณหญิงน้าทักทายขึ้นอย่างเป็นกันเองหลังจากที่ผมเดินเข้าไปในบ้านและยกมือไหว้ทักทายท่านแล้ว
“ไม่เหนื่อยหรอกครับ คุณเลยต้องมาเหนื่อยเพราะน้องมา จริงๆน้องนอนห้องเดิมก็ได้ครับ”
“อย่าเลยลูก เราโตแล้วนะจะไปนอนอุดอู้ห้องเล็กเหมือนแต่ก่อนได้ไง เอาล่ะไปดูห้องที่คุณเตรียมไว้ก่อน”

คุณหญิงน้าพาผมเดินเข้าไปในบ้านและสั่งให้เด็กรับใช้ที่จ้างมาทำงานเฉพาะช่วงกลางวันเสาร์-อาทิตย์รับกระเป๋าผมไปถือไว้
“คุณทานข้าวหรือยังครับ มาเหนื่อยเตรียมอะไรไว้ให้น้องมากมาย คงหิวแล้ว” ผมถามเพราะคิดว่านี่ก็สายมากแล้ว
“ทานมื้อเช้าไปแล้วล่ะ แต่เราไปพักผ่อนก่อนนะ เที่ยงๆบ่ายๆค่อยมาทานพร้อมคุณอีกที” คุณหญิงน้าพาเดินมาถึงห้องนอนใหม่
“ชอบมั้ยลูก คุณให้ช่างมาติดแอร์ตัวใหม่ แล้วเปลี่ยนเตียงกับเฟอร์นิเจอร์ให้ด้วยของเก่าคุณเห็นว่ามันผุแย่แล้ว” นี่คืออีกสิ่งที่ผมรู้
“ขอบคุณครับ น้องต้องมารบกวนคุณ แล้วยังมาเป็นภาระให้คุณต้องจัดแจงอะไรมากมาย ไม่รู้จะพูดยังไงดี” ผมรีบยกมือไหว้
“บ้านนี้ต้อนรับเราเสมอ อย่าลืมว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกันมาเป็นสิบๆปี คุณเองก็เคยละเลยเรามามาก คุณก็อยากชดเชย”
“คุณไม่ต้องชกดเชยอะไรเลยครับ น้องเองตะหากที่ละเลยน้ำใจและความหวังดีที่คุณมีให้ น้องขอโทษครับ”
ผมพูดทั้งน้ำตา

หลังจากที่เปิดใจคุยกันพอประมาณแล้ว คุณหญิงน้าก็ให้ผมไปอาบน้ำและนอนพักในห้องใหม่ที่เตรียมให้จนถึงถึงช่วงบ่าย
เมื่อตื่นมาล้างหน้าล้างตาก็มานั่งทานข้าวกับคุณหญิงน้า ระหว่างทานข้าวก็พูดคุยกันหลายเรื่องทั้งเรื่องเก่าและเรื่องใหม่ที่เกิดขึ้น
เมื่อทานอิ่มแล้วก็ไปนั่งคุยกันที่ห้องรับแขก คุณหญิงน้ารีบถามว่าผมต้องการให้ท่านช่วยเหลืออะไรบ้างเกี่ยวกับเรื่องหนี้สินที่มี
ผมบอกว่าก่อนอื่นผมต้องไปคุยกับลุงวิชิตซึ่งผมไม่เคยไปบ้านเค้า จะให้นายแม่หรือพี่ชายพาไป ก็ไม่มีใครยอมไปด้วยซักคน
คุณหญิงน้าบอกว่าจะให้เพื่อนหาเบอร์โทร.และสืบดูบ้านของลุงวิชิตให้ แล้วก็จะเป็นคนพาผมไปหาลุงวิชิตเพื่อผมจะมีกำลังใจ
ส่วนเรื่องจำนวนเงินเท่าไหร่ หรือจะหามาจากไหนก็รอไว้เจอกับลุงวิชิตก่อน เมื่อได้ข้อมูลเรียบร้อยก็มาหาทางแก้ไขกันต่อไป
สิงที่คุณหญิงน้าขอจากผมก็คือ ขอให้ผมออกหน้าไปพูดคุยกับลุงวิชิตเพราะยังไงผมก็เป็นหลานไปพูดเองน่าจะดีกว่า แต่ถึงยังไง
คุณหญิงน้าก็จะคอยให้ความช่วยเหลือเรื่องอื่นๆอยู่เบื้องหลัง ไม่ปล่อยให้ผมต้องเผชิญปัญหาเพียงลำพัง ถ้าผมสู้ท่านก็จะช่วยผม

“เรื่องหนี้สินที่คุณป๋ากับนายแม่เราสร้างน่ะมีมากกว่านี้เยอะ แต่เพราะได้เงินก้อนจากลุงวิชิตมาช่วยล้างหนี้เก่าไงถึงต้องเอาบ้าน
ไปจำนองไว้กับเค้า ตอนที่ลุงวิชิตเค้าทวงหนักๆเมื่อหลายปีก่อนตอนนั้นเราก็ยังอยู่บ้านนี้กับคุณ แต่คุณเห็นว่าเรายังเด็กก็ไม่เล่า
ก่อนหน้านี้พี่ชายเราบอกคุณว่าจะไปเจรจากับลุงวิชิตเรื่องผ่อนหนี้ แต่ต้องมีเงินไปใช้ให้เค้าก้อนแรกอย่างน้อย3แสนบาทซะก่อน
คุณก็เลยเอาเงินก้อนของคุณให้ไป นี่คุณไม่ได้พูดเอาบุญคุณนะแต่คุณเห็นว่าไหนๆเราก็จะออกหน้ารับผิดชอบเรื่องนี้ก็ควรจะรู้
ทีนี้นานๆไปทั้งพี่ชายกับนายแม่เราก็บอกคุณว่าเค้าจะจัดการกันไปเอง พี่ชายเราก็ว่าจะไปกู้ธนาคารมาใช้หนี้ให้ลุงเค้า ทางแม่เรา
ก็บอกว่าจะเอาเงินรายได้จากที่ร้านผ่อนเป็นค่าดอกเบี้ย นี่ผ่านมาเกือบ6ปีแล้วยังไม่มีให้เค้าเลยเหรอ ก็สมควรที่เค้าจะทวงแล้ว”


สิ่งที่คุณหญิงน้าพูด ผมได้รับความกระจ่างมากขึ้นและนึกออกถึงท่าทีของลุงวิชิตที่บุกมาค้นข้าวของในบ้านผมอย่างไม่เกรงใจ
และการพี่ชายกับนายแม่ไม่อยากไปพบลุงวิชิต เป็นเพราะไม่ได้ทำตามที่ตกลงกับลุงวิชิตไว้นี่เอง แต่ก็ไม่น่าหนีปัญหาแบบนี้เลย

“น้องรับปากว่าน้องจะไม่ถอยครับ ต่อให้เค้าด่าว่าดูถูกยังไงน้องก็จะอดทน จะเดินหน้าต่อไปเพื่อให้ทุกบาททุกสตางค์ที่คุณช่วย
ทั้งที่ผ่านมาและต่อไปไม่เสียเปล่าอีกแล้ว น้องจะเอาบ้านหลังนี้คืนมาให้ได้ ถ้าคุณยินดีช่วยน้องจะไม่ทำให้คุณผิดหวังเลยครับ”


ผมรับปากด้วยความเต็มใจและเต็มตื้น ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าที่ผ่านมาคุณหญิงน้าเคยช่วยเหลือครอบครัวของผมไว้หลายครั้ง
รวมทั้งคุณป๋ากับนายแม่และญาติผู้ใหญ่ทุกท่านต่างก็เลี้ยงดูผมโดยไม่เคยให้ได้รับความลำบากใดๆผมตั้งใจว่าต่อไปนี้ผมจะดูแล
ทุกคนในบ้านของผมบ้าง เพราะผมมีชีวิตมาถึงวันนี้ได้ก็เพราะความรักและความหวังดีและการช่วยเหลือของทุกคนอย่างแท้จริง


Jingjoh

  • บุคคลทั่วไป
คนเรายังมีชีวิต ก้อต้องสู้กันต่อไป
 o1

luvdisc

  • บุคคลทั่วไป
นางเอกสู้ชีวิตจริง ๆ น้องฉัน   

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
ช่างเข้มแข็งเสียจริง ขอเพียงไม่ยอมแพ้ มันก็ต้องหาหนทางไปได้
 :a2: :a2: :a2: :a2:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
เริ่มมีหนทางแล้ว  :a2:  :a2:

ออฟไลน์ A GE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
 :a1: :a1:  แล้ววันที่ฟ้ากระจ่างหลังฝนก็มาถึงนะครับคุณนิว  :a1: :a1:

ออฟไลน์ รอยยิ้มอาบยาพิษ

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
สวัสดีครับเพื่อนๆ

วันนี้ไปทำงานที่ร้านเหมือนเดิม งานเยอะมากมาย เหนื่อยด้วย
อุตส่าห์แบกโน้ตบุคไปด้วยคิดว่าจะมีเวลาพิมพ์เรื่องเล่าต่ออ่ะครับ
คือว่าก่อนหน้านี้ผมพิมพ์ไว้ 10ตอนรวดแล้วมาทะยอยลงวันละตอน
ทีนี้เรื่องเล่าที่พิมพ์ไว้หมดสต๊อกซะแล้ว แถมยังยุ่งเรื่องงานด้วยครับ
อืม.......พรุ่งนี้ต้องพาลุงเขย(คนที่ขับรถไปรับส่งผมที่มหาวิทยาลัยอ่ะครับ)
ไปหาคุณหมอที่กรุงเทพฯซะด้วยสิ มีแนวโน้มว่าต้องเว้นว่างไปอีกซักนิดครับ
แล้ววันศุกร์ถ้างานที่ร้านไม่ยุ่งจะรีบพิมพ์เรื่องเล่าตอนที่เหลือให้เร็วที่สุดเลยครับ
เอาเป็นว่ากลับมาติดตามตอนที่11ได้ในวันจันทร์หน้านะครับ รับรองว่ามาแน่ๆ อิอิอิ


จาก ผมเอง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-09-2007 20:39:25 โดย :+:So Much In L »

ออฟไลน์ สาวตัวกลม

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2
ไม่มีไร แค่แวะมาให้กำลังใจคนเขียนเท่านั้นเอง :m13:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด