[เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค3 :+:
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค3 :+:  (อ่าน 77050 ครั้ง)

ออฟไลน์ รอยยิ้มอาบยาพิษ

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
แวะมายามดึก

ขอบคุณทุกกำลังใจนะครับ
กำลังจะเดินทางสู่เมืองกรุงแล้วครับ
แล้วพบกันวันจันทร์พร้อมตอนที่11นะครับ


จาก ผมเอง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-09-2007 01:42:17 โดย :+:So Much In L »

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23


ยังตามไม่ทัน

แต่ขอมาลงชื่อไว้ก่อน  :m13: :m13: :m13:


ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
ชีวิตคนเราสั้นนัก จะตายวันตายพรุ่งไม่รู้
ทำไมไม่รีบมีความสุขหล่ะ
 :m1: :m1: :m1:

kryo_lover

  • บุคคลทั่วไป
 :a12:

ง่วงแล้วอ่ะ

ไว้กลับมาอ่านนะ

สู้ต่อไปคร้าบ

 :a1:

ออฟไลน์ รอยยิ้มอาบยาพิษ

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
ทักทายวันหยุดครับ

กลับมาจากกรุงเทพฯด้วยความเหน็ดเหนื่อย(แต่ยังมีแรงออนM....555)
แล้วก็ไปทำงานทำการตามหน้าที่ ถึงยุ่งๆก็ไม่ลืมพิมพ์เรื่องเล่าเก็บไว้นะครับ
ยิ่งพิมพ์เรื่องยิ่งเยอะ นี่ขนาดผมเรียงหัวข้อไว้คร่าวๆแล้วก็พอจะรู้ว่าจำนวนตอน
ในภาค3นี้มีเยอะกว่าทั้งสองภาคที่ผ่านมาครับ คงเพราะโตขึ้นเรื่องราวในช่วงนี้
ก็เพิ่มมากขึ้น ผู้คน สถานการณ์ ความรับผิดชอบเริ่มเป็นแบบผู้ใหญ่ด้วยล่ะมั้งครับ
ไม่เหมือนสองภาคแรก ซึ่งถ้าอ่านดูก็จะทราบว่าเป็นเรื่องราวสมัยปี1-ปี2ในวัยละอ่อน
แต่ภาคนี้เป็นเรื่องราวที่โตขึ้นตามวัย รายละเอียดชีวิตก็เพิ่มขึ้นด้วย คงได้เล่ากันยาวครับ
เอาเป็นว่าเพื่อนๆอย่าเพิ่งเบื่อซะก่อนนะครับ แล้วจะพยายามเอามาลงให้อ่านครั้งละมากๆ
เพื่อความต่อเนื่องของคนอ่านก็แล้วกันนะครับ แต่ก็อย่างที่บอกล่ะครับ พบตอนใหม่วันจันทร์นี้


จาก ผมเอง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-09-2007 10:03:44 โดย :+:So Much In L »

ออฟไลน์ รอยยิ้มอาบยาพิษ

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
# ช่วงสนทนา เบรค1

จิงโจ้น้อยชิวๆ >>> คนเรายังมีชีวิต ก้อต้องสู้กันต่อไป
= ถูกต้องนะครับ เพราะคนที่ไม่ต้องสู้ มีแต่คนที่หมดลมหายใจเท่านั้น

luvdisc >>> นางเอกสู้ชีวิตจริง ๆ น้องฉัน
= ต้องสู้ ต้องสู้ จึงจะชนะ ฮ่าๆๆๆๆๆ

blueBoYhUb >>> ช่างเข้มแข็งเสียจริง ขอเพียงไม่ยอมแพ้ มันก็ต้องหาหนทางไปได้
= ผมก็ไม่ได้เข้มแข็งมากมายหรอกครับ ถ้าจะเรียกให้ถูกคงต้องบอกว่า ผมเป็นคนที่อ่อนแอน้อยที่สุดในเวลานี้

THIP >>> เริ่มมีหนทางแล้ว 
= ใช่ครับ แล้วคอยติดตามหนทางข้างหน้าของผมต่อไปด้วยนะครับ


พักเบรคช่วง1

ออฟไลน์ รอยยิ้มอาบยาพิษ

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
ช่วงสนทนา เบรค2

A G E >>> แล้ววันที่ฟ้ากระจ่างหลังฝนก็มาถึงนะครับคุณนิว
= นั่นสิครับ อย่างที่เค้าบอกว่า ฟ้าหลังฝนมักสวยเสมอ ผมก็หวังให้เป้นอย่างนั้น

สาวตัวกลม >>> ไม่มีไร แค่แวะมาให้กำลังใจคนเขียนเท่านั้นเอง
= ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะจ๊ะเพื่อน

krappom >>> ยังตามไม่ทัน แต่ขอมาลงชื่อไว้ก่อน
= หวังว่ามาถึงวันนี้คงตามอ่านทันแล้วนะครับ

blueBoYhUb >>> ชีวิตคนเราสั้นนัก จะตายวันตายพรุ่งไม่รู้ ทำไมไม่รีบมีความสุขหล่ะ
= ความสุขน่ะใครๆก็อยากได้ แต่ผมเลือกจะทำเพื่อความสุขของคนอื่นด้วยไม่ใช่แค่ความสุขของผมคนเดียว

kryo_lover >>> ง่วงแล้วอ่ะ ไว้กลับมาอ่านนะ สู้ต่อไปคร้าบ
= ปลาบปลื้มจริงเชียว ขอบคุณครับที่แวะมาลงชื่อแล้วอย่าลืมกลับมาอ่านเด้ออุ้ม


จบการสนทนา

ออฟไลน์ รอยยิ้มอาบยาพิษ

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
ตอนที่11
อดทนในวันที่ฝนพรำ

เมื่อได้รับทั้งกำลังใจและกำลังสนับสนุนทางการเงินจากคุณหญิงน้าแล้ว ผมก็ตัดสินใจโทรศัพท์ไปหา ลุงวิชิตที่บ้านทันที
เพื่อขอเป็นตัวแทนทางบ้านเจรจาเกี่ยวกัลหนี้สินที่ติดค้างกันมานานกว่า20ปี ต้องบอกก่อนว่าผมยังคงเป็นคนขี้ขลาดคนเดิม
อย่างที่เคยเล่าไปคราวก่อนๆว่ากรณีใดๆก็ตามที่ผมเห็นว่ายุ่งยากวุ่นวาย ผมจะพยายามเลี่ยงให้ไกลที่สุด ผมก็ยังไม่ได้เปลี่ยน
เป็นคนเข้มแข็งกล้าหาญภายในเวลาสั้นๆนี้หรอกครับ เพียงแต่สถานการณ์มักสร้างวีรบุรุษเสมอ (โห….ผมเว่อร์ไปป่ะเนี่ย)
แต่ในภาวะที่ไม่มีใครอยากเผชิญปัญหา คนที่รู้ปัญหาดีก็ถอดใจไปกันหมด ผมก็ต้องพยายามบอกให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นมา
อีกอย่าง คุณหญิงน้าพร้อมจะช่วยผมในส่วนที่ผมไม่มีปัญญาทำได้นั่นคือหาเงินเป็นล้านมาผ่อนใช้หนี้ให้ลุงวิชิตภายในสิ้นปี
สิ่งที่คุณหญิงน้าต้องการให้ผมทำจึงเป็นเรื่องที่ไม่เกินไปกว่าที่ผมจะทำได้ ก็แค่ติดต่อพูดคุยกับลุงวิชิตอย่างนอบน้อมเจียมตัว
ทำไมเหรอครับ? คุณหญิงน้าบอกว่าถึงเรามีเงินไปให้เค้าแต่ถ้าเราไปแบบยะโสโอหัง(เหมือนที่พี่ชายกับนายแม่เคยทำมาแล้ว)
ลุงวิชิตซึ่งถือไพ่เหนือกว่า อาจจะหมั่นไส้ไม่ฟังเหตุผลและแกล้งเราด้วยการไม่ยอมให้ใช้หนี้แต่จะบีบบังคับเอาตัวบ้านให้ได้
ถึงตอนนั้นต่อให้มีเงินเป็นล้านไปกองตรงหน้าเค้า เราก็คงไม่มีโอกาสไถ่บ้านที่ติดจำนองออกมาได้ ยังไงตอนนี้ก็ต้องยอมๆเค้า

“ฮัลโหล อ่อเธอเองเหรอ โทร.มานี่มีธุระอะไรล่ะ”
ลุงวิชิตตอบกลับมาแบบห่างเหิน
“คือ น้องอยากขอเข้าพบลุงวิชิตน่ะครับเรื่องเงินไถ่บ้าน”
ผมพยายามพูดอย่างสุภาพแต่ก็ตรงประเด็น
“ฮ่าๆๆ เด็กอย่างเธอจะมาพบลุงทำไมกัน รึเดี๋ยวนี้พี่ชายกับนายแม่เธอสิ้นท่าถึงขนาดต้องให้เธอมาต่อรองเองเลยรึไง”
ลุงวิชิตถามเสียงเยาะเย้ย คล้ายกับว่าคนในครอบครัวผมหาเกียรติและความน่าเชื่อถือจากใครไม่ได้แม้สักคน
“น้องเองเพิ่งทราบเกี่ยวกับเรื่องบ้านที่ติดจำนองครับ แล้วทราบดีว่าทางฝ่ายของน้องผิดคำพูดเอง ก็เลยอยากเข้าไปกราบคุณลุง
ทั้งเพื่อจะกราบขอบคุณที่เคยช่วยเหลือครอบครัวน้องและอยากไปกราบขอโทษแทนคุณป๋านายแม่พี่ชายที่ผิดคำพูดกับคุณลุง”

ผมข่มใจอย่างที่สุดและพูดอย่างนอบน้อมถ่อมตัว ยอมรับข้อผิดพลาดทั้งหมดที่ผ่านมา
“ก็เอาสิ อยากมาก็มา แล้วพ่อแม่พี่ชายเธอน่ะจะมาด้วยมั้ย รึว่าไม่กล้ามสู้หน้าลุงซะแล้ว ก็อย่างว่านะพวกไม่มีสัจจะก็แบบนี้”
ลุงวิชิต ใช้น้ำเสียงเหมือนเป็นเจ้าใหญ่นายโตที่เต็มไปด้วยคุณงามความดีเสียเต็มประดา
“น้องจะไปกับคุณน้าน่ะครับ ท่านจะเป็นคนช่วยเหลือด้านเงินทองโดยน้องจะเป็นคนรับภาระนี้แทนทุกๆคนในครอบครัว”
“เฮ้ย อย่าเพิ่งพูดไปไกลเลย เอาเป็นว่ามาตกลงกันก่อนเหอะ ดูจำนวนเงินที่ต้องใช้หนี้ซะก่อนว่าเธอจะรับผิดชอบไหวมั้ย”
“ครับ ได้ครับแค่คุณลุงจะเมตตาให้น้องไปพบก็เป็นพระคุณมากแล้ว ขอบคุณครับ สวัสดีครับ”

ผมข่มอารมณ์เต็มที่ก่อนวางสาย

สิ้นเดือนสิงหาคม ปีพ.ศ.2547 ผมและคุณหญิงน้าไปพบกับลุงวิชิตที่บ้านของเค้า กว่าจะได้พบก็รอนานเป็นชั่วโมงเชียวครับ
เด็กรับใช้ที่ออกมาต้อนรับผมกับคุณหญิงน้าเทียวไปเทียวมาเพื่อบอกว่าเจ้านายของเค้ายังติดธุระสารพัดอย่าง เซ็งครับแต่ก็ทน
จนเมื่อได้ฤกษ์ดี(ของลุงวิชิต) เค้าก็เดินออกมายิ้มแย้มต้อนรับราวกับเพิ่งทราบว่าผมกับคุณหญิงน้ามารอพบสักประเดี๋ยวนี้เอง

“ดื่มน้ำดื่มท่ากันก่อนนะ แป้นไปเอากาแฟร้อนๆมาเสริฟคุณๆสิแล้วขนมอบด้วยนะ”
ลุงวิชิตสั่งเด็กรับใช้อย่างอารมณ์ดี
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ดิฉันกับหลานจะมาพูดธุระก็ต้องรีบกลับแล้ว เกรงว่าเย็นกว่านี้รถจะติดค่ะ”
คุณหญิงน้าปฏิเสธเรียบๆ
“ไม่เป็นไรไม่ได้หรอกครับ เป็นธรรมเนียมน่ะครับ แล้วนี่ก็ได้เวลาน้ำชาของที่บ้านผมพอดี คุณป๋าเธอไม่ยึดธรรมเนียมรึนิว”
น้ำเสียงของลุงวิชิตช่างเยาะหยันไม่ต่างจากสายตาที่มองแลมาอย่างดูแคลน
“เอ่อ…. คือที่บ้านน้องสบายๆนะครับ เวลาไม่ตรงกันก็เลยไม่ได้ยึดเป็นธรรมเนียมอย่างที่นี่”
ผมแก้เก้อทั้งที่หน้าชาสุดๆ
“ก็คงอย่างนั้น คุณป๋าเธอน่ะเป็นลูกคนเล็กไม่ใคร่จะใกล้ชิดเจ้านาย และเจ้าคณปู่เธอก็ตามใจมาแต่เล็ก ก็คงไม่เอาธุระเรื่องนี้”
“ครับ”
ผมตอบรับสั้นๆ นึกถึงคำพูดของพี่ชายที่ว่าลุงวิชิตชอบใช้วาจาเหยียดๆคุณป๋า คงประมาณนี้ล่ะมั้งหรือจะมีมาอีกล่ะเนี่ย

หลังจากของว่างถูกนำมาวางเรียบร้อย ลุงวิชิตก็เอ่ยปากให้ทานไปคุยไป และคุณหญิงน้าก็เป็นฝ่ายออกปากเรื่องหนี้สินที่ค้างอยู่
แม้ว่าคุณหญิงน้าจะพอมีเงินก้อนสำหรับใช้หนี้ให้ลุงวิชิต แต่คุณหญิงน้าบอกผมว่าจะผ่อนให้เค้าดีกว่า เพื่อเค้าจะได้ไม่คิดว่าเรามี
เงินมากมายไม่อย่างนั้นเค้าอาจจะเรียกค่าดอกเบี้ยฝ่ายเราสาหัส จากนั้นผมบอกลุงวิชิตว่าผมจะทำงานพิเศษหาเงินมาช่วยใช้หนี้

“อ้อ แล้วเธอจะทำงานอะไรล่ะหางานพิเศษได้รึยัง ถ้าไงก็มาทำงานกับลุงก็ได้นะ”
ลุงวิชิตซักถามผมด้วยท่าทีอ่อนโยนกว่าเดิม
“ตอนนี้น้องก็สมัครงานไว้บ้างแล้วครับ ก็เป็นพนักงานเสริ์ฟแบบพาร์ทไทม์ตามร้านอาหารครับ แต่ยังไม่มีที่ไหนเรียกเลย”
ผมก็บอกไปตามความจริง โดยไม่คิดว่าจะต้องการความเห็นใจอะไรทั้งสิ้น
“เอาอย่างนี้สิ ที่บริษัทของลุงยังมีตำแหน่งว่างอยู่ ถ้าเธอพิมพ์ดีดใช้คอมคล่องก็มาลองทำงานที่นี่ ดีกว่าไปเป็นเด็กเสริ์ฟนะ”
หลังจากการพูดคุยทำความเข้าใจและตกลงเรื่องความรับผิดชอบการไถ่จำนองบ้านเป็นเวลานาน น้ำเสียงและท่าทีของลุงวิชิตก็เป็นกันเองมากขึ้น
“เกรงใจคุณลุงน่ะค่ะ ดิฉันว่าจะให้หลานไปทำงานที่เค้าสมัครไว้ก่อนดีกว่า”
คุณหญิงน้าออกตัวแทนผม
“หึหึหึ คุณคงไม่ไว้ใจผมล่ะสิ กลัวผมเอาหลานมาใช้งานหนักเหรอ นิวเค้าก็หลานผมนะคุณหญิง ถ้าไม่รับน้ำใจลุงก็ตามใจ”
เฮ้อ.......เพิ่งจะนึกว่าได้รับความเป็นกันเองจากลุงวิชิตด้วยประโยคก่อนหน้านี้ แต่ประโยคล่าสุดนี้กลับแฝงความเย่อหยิ่งทะนงตนไว้เช่นเดิม


ออฟไลน์ รอยยิ้มอาบยาพิษ

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
ตอนที่12
ข้อตกลงในฐานะญาติ

หลังจากนั้น ลุงวิชิต ก็ไม่ได้เร่งรัดให้ผมตอบตกลงเกี่ยวกับข้อเสนอเรื่องานพิเศษของบริษัทลุงอีก เราทั้งสามจึงกลับมาพูดเรื่องการชำระหนี้สิน
ที่ค้างอยู่กันต่อ โดยสรุปแล้วเงินต้น 5แสน กู้ไปเมื่อปี2535 นับถึงปีที่ผมไปคุยกับลุงวิชิตคือปี2547 เมื่อคิดคำนวนทบต้นทบดอก
ก็ปาเข้า1ล้าน4แสนกว่าบาท
แต่ไม่รู้เค้าเมตตาอะไรผมขึ้นมาเลยตกลงว่าจะให้ผมใช้หนี้เพียง1ล้านโดยผ่อนใช้ทุกเดือนนับจากนี้
มีการร่างสัญญาขึ้นมาใหม่ระหว่างผมกับลุงวิชิต ซึ่งการชำระหนี้จะเป็นงวดละ2ครั้ง/เดือน ชำระทุกวันที่15และ30ของทุกเดือน
แม้คุณหญิงน้าจะช่วยออกเงินจำนวนนี้แต่ก็ไม่ใช่ลูกหนี้ของลุงวิชิต ผมจึงต้องเป็นคนโอนเงินให้ลุงวิชิตเองและต้องโทร.บอก
ให้ลุงวิชิตทราบทุกครั้ง โดยทางฝ่ายเค้าจะทำบัญชีไว้ทุกครั้งที่มียอดเงินโอนเข้าบัญชี ทางผมก็จะเก็บสลิบตัวจริงเป็นหลักฐาน
และแฟกซ์สลิปส่งให้ลุงวิชิตที่บ้านทุกครั้งเพื่อให้ข้อมูลตรงกัน ทั้งนี้เมื่อใช้หนี้ครบจะมีการนัดโอนบ้านคืนมาให้ผมเป็นเจ้าของ
ข้อตกลงนี้เกิดจากการพูดคุยระหว่างผมกับลุงวิชิต คุณหญิงน้านั้นลุกออกไปตั้งแต่หนังสือสัญญาถูกพิมพ์มาวางไว้ที่โต๊ะรับแขก
คุณป้าสมร ภรรยาของลุงวิชิตมาเชิญคุณหญิงน้าไปนั่งคุยกันทางสวนหลังบ้านเพื่อเปิดโอกาสให้ผมทำการตกลงกับคุณลุงวิชิต

“เอาเป็นว่าตกลงตามข้อสัญญานี้แล้วกันนะ เธอก็ทำให้ได้อย่างที่พูดล่ะ ลุงชอบเด็กที่กล้าหาญและโตกว่าอายุแบบนี้ อย่าลืมว่า
เธอได้รับโอกาสจากลุงเพราะเธอกล้าเข้ามาหาลุง ลุงจะเชื่อเธอสักครั้งไม่ใช่ว่าเธอพาคุณหญิงน้ามาเป็นเกราะกำบังหรอกนะนิว
แต่ลุงฟังการพูดจาของเธอก็อยากให้ได้ทำตามที่พูดสักครั้ง หวังว่าจะไม่ทำให้ลุงหมดความเชื่อถือและไม่ทำลายเกียรติเธอเอง”

ลุงวิชิต สำทับอีกครั้ง ตอนนี้ท่าทางของลุงวิชิตอ่อนโยนและเป็นกันเอง ผมสัมผัสได้ถึงความเป็นญาติที่ยังคงเหลืออยู่บ้าง

“น้องสัญญาครับ ขอให้ลุงเชื่อในเกียรติของน้อง แม้ว่าจะเป็นเด็กกว่าใครในบ้าน แต่น้องจะทำให้ได้อย่างที่รับปากไว้แน่ๆครับ
น้องขอบพระคุณมากนะครับที่คุณลุงให้โอกาสเข้าพบ เดิมทีน้องเกรงว่าคุณลุงจะไม่อยากพบเพราะคนในบ้านน้องเคยผิดคำพูด
แต่ที่น้องตัดสินใจติดต่อมาหาเพราะเชื่อในความเป็นญาติของเรา น้องมาพูดคุยในฐานะหลานที่ขอความกรุณาจากคุณลุง ไม่ใช่
มาพบเพียงในฐานะลูกหนี้ เพราะถ้าในฐานะลูกหนี้คงมีท่าทีห่างเหินกันไป แต่เพราะน้องเชื่อในสายเลือดของเราน้องจึงกล้ามา
น้องจะไม่ทำลายเกียรติของตัวเอง ทั้งยังไม่กล้าผิดคำพูดอีกด้วย น้องถือว่ารับภาระของคนทั้งบ้านเอาไว้และต้องทำให้สำเร็จ”

ผมให้คำมั่นอีกครั้งหลังจากลงชื่อในหนังสือสัญญาชำระหนี้เพื่อการไถ่ถอนบ้านที่ติดจำนอง พร้อมทั้งไหว้ขอบคุณอีกครั้ง

ลุงวิชิตบอกให้เด็กรับใช้ที่ชื่อแป้นไปเชิญคุณป้าสมรและคุณหญิงน้าของผมจากสวนหลังบ้านให้ออกมาพบที่หน้าบ้าน
คุณป้าสมรเดินนำเข้ามาพร้อมทั้งยิ้มให้ผมด้วยความเมตตา ถามขึ้นว่า “เรียบร้อยแล้วใช่มั้ยคะ เชิญทานมื้อเย็นด้วยกัน”

“ไม่ล่ะค่ะ เย็นมากแล้วน้าเขยจะเป็นห่วง อีกอย่างน้าเขยเค้าก็รอทานมื้อเย็นด้วยน่ะค่ะ คงต้องขอตัวเลยนะคะ”
คุณหญิงน้าปฏิเสธอีกครั้งก่อนจะยกมือไหว้ลาทั้งลุงวิชิตและคุณป้าสมรเป็นการตัดบท
“งั้นก็ตามสะดวกครับแล้วนี่จะกลับไปยังไงครับเนี่ยน้าหลาน”
คำถามนี้ของลุงวิชิตผมยังไม่แน่ใจนักว่าห่วงสวัสดิภาพของผมหรือห่วงว่าจะไม่ได้ค่าผ่อนบ้านกันแน่
“ก็นั่งแท็กซี่ไปล่ะค่ะ เพราะทางไกลไม่ได้ให้น้าเขยเค้ามารับ นิวลาคุณลุงสิลูก”
“น้องขอตัวนะครับคุณลุงคุณป้า”
ว่าแล้วผมก็ยกมือไหว้ลาอีกครั้ง เฮ้อ….จะได้กลับสักที
“ผมให้ตาศรัณย์ไปส่งดีกว่าครับ กว่าจะออกไปถึงหน้าหมู่บ้านก็ไกล แล้วไม่ค่อยมีแท็กซี่เข้ามาซะด้วยช่วงนี้”
ลุงวิชิตบอกว่าจะให้ลูกชายคนเล็กไปส่งผมกับคุณหญิงน้าที่หน้าปากซอยแทนการเรียกรถแท็กซี่ให้เข้ามารับที่หน้าบ้านคุณลุง

เด็กรับใช้ที่ชื่อแป้นยังคงถูกเรียกตัวมารับคำสั่งเหมือนเคย คราวนี้แม่แป้นถูกใช้ให้ไปตามลูกชายของลุงวิชิตที่ชื่อ ศรัณย์
จะว่าไปแล้วผมเคยได้ยินมาว่าลุงวิชิตมีลูก2คน คนโตเป็นผู้หญิงซึ่งแต่งงานไปแล้วชื่อ พี่ศิรินทร์ คนเล็กเป็นผู้ชายชื่อ พี่ศรัณย์
ตอนที่ลูกๆของลุงวิชิตและพี่ชายของผมยังเด็กๆนั้นเราสองครอบครัวเคยไปมาหาสู่กันบ้างทำให้พี่ๆทั้งสองคนรู้จักกับพี่ชายผม
แต่ในรุ่นของผมตั้งแต่จำความได้ก็ยังไม่เคยพบกับลูกๆทั้งสองของลุงวิชิตเลยครับ ไม่รู้จะเจ้ายศเจ้าอย่างบ้าชาติตระกูลเหมือน
ลุงวิชิตหรือเปล่า ผมไม่มีเวลานึกเรื่อยเปื่อยได้นานนัก เสียงแนะนำตัวของลูกชายลุงวิชิตก็ดังขึ้นขัดมโนภาพของผมวะก่อนแล้ว
“สวัสดีครับคุณหญิง ผมเพิ่งกลับมาถึงเลยมาทักทายช้าไปหน่อย นี่คงเป็นน้องนิวใช่มั้ยจ๊ะ โตเป็นหนุ่มแล้วนะ น่ารักซะด้วยสิ”

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-09-2007 23:45:50 โดย :+:So Much In L »

ออฟไลน์ รอยยิ้มอาบยาพิษ

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
ตอนที่13
งานพิเศษในตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการ

อย่าเพิ่งแปลกใจเลยครับที่ตำแหน่งของผมผิดเพี้ยนไปจากงานที่ผมสมัครเอาไว้มากมายนัก ก็อย่างที่บอกล่ะครับว่าผมยังเรียน
ไม่จบมีวุฒิแค่ม.6เท่านั้นที่ใช้สมัครงานพาร์ทไทม์ตามร้านอาหารฟาสท์ฟูดที่ต่างๆ ซึ่งผมก็สมัครไปเรื่อยเดินเข้าออกหลายร้าน
แต่เชื่อมั้ยครับจนผมส่งค่าผ่อนบ้านงวดแรกคือ วันที่15กันยายน2547 ให้ลุงวิชิตไปแล้วผมก็ยังหางานพิเศษทำไม่ได้เลยครับ
เมื่อผมโทร.แจ้งการโอนเงินให้ลุงวิชิตทราบ เค้าก็ถามว่าผมทำงานเป็นไงบ้างเมื่อผมบอกไปตามตรงว่ายังไม่ได้งานพิเศษทำเลย
ลุงวิชิตจึงยื่นข้อเสนอให้ผมไปทำงานที่บริษัทของลุงวิชิตอีกครั้ง ผมตัดสินใจรับปากเพราะไม่อยากให้เค้าคิดว่าผมจนแล้วหยิ่ง
เมื่อผมเล่นบทบาทลูกหนี้ที่น่าสงสารให้เค้าเห็นใจมาแต่ต้นผมก็จำเป็นต้องโอนอ่อนผ่อนตามเพื่อให้เค้าเห็นใจผมต่อไปเรื่อยๆ

ผมกำลังจะไปเริ่มงานในตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการ ที่บริษัทส่งออกอาหาทะเลของลุงวิชิตโดยอยู่แผนกของ พี่ศรัณย์ ซะด้วยสิครับ
ความจริงหน้าที่ของผมตามที่ผมเข้าใจเอาเอง ก็เหมือนเด็กเดินเอกสารในออฟฟิศทั่วไปมากกว่าตำแหน่งผู้ช่วยเลขาที่ฟังสวยหรู
จนผมอดนึกไม่ได้ว่าตำแหน่งงานสวยหรูตามบริษัทที่ผมเคยผ่านหูผ่านตามานี้พอเข้าไปทำงานจริงๆจะมีหน้าที่เป็นเบ๊แบบนี้มั้ย
แต่ในเมื่อรับปากไปแล้วก็ต้องยึดคอนเซปท์พูดจริงทำจริงเหมือนเรื่องผ่อนบ้านล่ะครับ คือเมื่อบอกว่าเดือดร้อนอยากได้งานทำ
และได้รับโอกาสจากเจ้าหนี้ให้ไปทำงานในบริษัทเค้า(บอกตรงๆผมรู้สึกเหมือนแรงงานทาสที่ต้องเอาตัวไปขัดดอกใช้หนี้เค้า)
ผมก็ต้องทำหน้าที่ลูกหนี้ที่ดีและน่าสงสารจะให้ปฏิเสธข้อเสนอของลุงวิชิต เค้าก็จะหาว่าผมเลือกงานพาลจะไม่สงสารผมซะอีก

ก่อนจะเล่ารายละเอียดการทำงานของผมให้ทราบ คงต้องขอเล่าย้อนไปถึงช่วงเวลาสิบกว่าวันก่อนจะมาทำงานพิเศษที่กรุงเทพฯ
คุณหญิงน้าไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ในตอนแรกที่ผมเรียนให้ท่านทราบ แต่เมื่อผมบอกเหตุผลที่ตัดสินใจแบบนี้ คุณหญิงน้าจึงเข้าใจ
ผมเรียนที่รามคำแหงซึ่งมีระบบไม่เข้าเรียน(ก็ได้แต่อาจไม่ดีเท่าไปเข้าเรียน)ใช้วิธีลัดคือ อ่านหนังสือแล้วไปสอบให้ครบก็ได้แล้ว
จึงง่ายต่อการย้ายตัวเองมาพำนักที่บ้านของคุณหญิงน้าที่กรุงเทพฯ ผมจะเริ่มงานต้นเดือนตุลาคมจึงเหลือเวลาเตรียมตัวเพียง12วัน
ซึ่งในช่วงเวลานี้ผมก็ต้องจัดเตรียมเรื่องการเรียนให้รอบคอบ ทั้งฝากเพื่อนจดเลคเชอร์แทน ฝากเพื่อนขอแนวข้อสอบจากอาจารย์

กลับมาเล่าเรื่องการทำงานพิเศษในตำแหน่งเบ๊ เอ๊ย…ตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการ กันต่อดีกว่าครับ แหม ชื่อยาวจนโอเว่อร์เลยแฮะ
เอาเข้าจริงก็มีหน้าที่เป็นเบ๊ในออฟฟิศอยู่ดีแหล่ะว๊า….. แต่ถึงจะมีหน้าที่อะไรผมก็ต้องก้มหน้าก้มตาทำไปแหล่ะครับเพราะถือว่า
เป็นบทบาทที่พ่วงมากับหน้าที่ลูกหนี้ผู้อาภัพและต้องการความช่วยเหลือ ผมมาคิดในอีกแง่นึงก็ถือว่ายังไงซะผมก็ต้องหางานทำ
ไม่ว่าจะเป็นงานที่ไหนก็เพื่อจะหารายได้มาช่วยผ่อนหนี้สินให้ลุงวิชิต ผมไม่อยากให้ลุงวิชิตคิดว่าเมื่อคุณหญิงน้ายื่นมือเข้าช่วย
ผมก็เลยผลักภาระไปให้คุณหญิงน้าทั้งหมด ผมเองก็คงรู้สึกแย่ถ้าผมไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบภาระของคนในครอบครัวด้วยตัวเอง
อะไรที่พอช่วยได้แม้เป็นแค่เศษเงินไม่กี่พันบาทต่อเดือน อาจเทียบไม่ได้เลยกับเงินเป็นล้านของคุณหญิงน้าที่ช่วยเหลือผมอยู่นี้
แต่ก็ดีกว่าการที่ผมมีแต่เอาหน้าด้วยการพูดว่าจะรับผิดชอบแทนคุณป๋านายแม่หรือพี่ชายโดยที่ไม่ได้ทำอะไรให้เงินงอกเงยขึ้นมา

ด้วยความที่เมื่อรับปากแล้วผมก็ฟิตจัดอยากมาทำงานใช้หนี้(เหมือนทาสขัดดอก)ให้หมดหนี้หมดสินกันไปสักทีผมก็คิดเอาเองว่า
คงไม่นานนักหรอกครับเพราะผมเริ่มงานต้นเดือนตุลาคม โดยระยะเวลาสิ้นสุดภาระหนี้สินก็ไม่เกินเดือนธันวาคมปีนี้แน่นอน
ผมจึงกัดฟันเอาวะ….เป็นไงเป็นกันถึงต้องก้มหน้าก้มตาทำงานใช้หนี้หรือจะต้องไปเจอแรงกดดันสักแค่ไหนก็คงทนไม่นานนัก
เมื่อตัดสินใจไปขัดดอกอย่างแน่วแน่แล้วขั้นตอนต่อไปก็คือการสอบถามเส้นทางจากบ้านคุณหญิงน้าที่นนทบุรีเพื่อฝ่ารถติดไป
ทำงานพิเศษไกลถึงศรีนครินทร์ซึ่งแทบจะเป็นการเดินทางข้ามเมืองเลยทีเดียวนะนั่น(คงใช้เวลาพอๆกับไปต่างจังหวัดแน่เลย)
เมื่อสอบถามรายละเอียดที่ตั้งของอาคาร ถนน แยก ตรอก ซอยของบริษัทลุงวิชิต ก็ทำให้พี่ศรันย์รู้สึกว่าผมคงลำบากซะเหลือเกิน
กว่าจะไปถึงบริษัทของเค้า พี่ศรันย์บอกว่าท่าทางผมจะต้องลดเลี้ยวไปอีกหลายถนนแน่เลย ดีไม่ดีจะเริ่มงานสายซะตั้งแต่วันแรก
ดังนั้นคืนก่อนที่ผมจะเริ่มงาน ผมจำเป็นต้องไปค้างคืนที่บ้านลุงวิชิต ทีแรกคุณหญิงน้าเห็นว่าไม่จำเป็นและไม่อยากให้ไปค้างคืน
จะให้น้าเขยขับรถไปส่งที่บริษัทแต่พอคำนวนเวลาแล้วผมเห็นว่าไม่คุ้มเท่าไหร่ผมจึงตัดสินใจไปค้างคืนตามคำชวนของพี่ศรัณย์


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






luvdisc

  • บุคคลทั่วไป
หว๋าย.....................เรื่องของนิวช่วงนี้เป็นต้นแบบละครเรื่องจำเลยรักใช่ม่ะ แอร๊ยยยยยยยยยยยยย        :m3:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
จริงอย่างที่เกี๊ยกว่า ทำไมโลกช่างโหดร้ายเช่นนี้
 :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:
ขออยู่เงียบๆไหลไปตามกระแสแห่งชีวิต
เมื่อมีโอกาสว่ายทวนน้ำ ก็ว่ายตราบเท่าที่มีแรง เหนื่อยนักก็พักผ่อน
 :m18: :m18: :m18:

jammy

  • บุคคลทั่วไป
คนเราตราบใดที่ยังมีชีวิต มีความคิด มีสติ ยังไงก็ยังมีหนทางสำหรับชีวิตครับ บางคนเป้นหนี้เป็นสิบๆล้านเเต่ความเค้ามีความคิดสติเเละความพยายามก็สามารถหาหนทางใช้หนี้จนหมดได้  ทางออกมีอยุ่เสมอครับเเละมีหลายทางซะด้วยตราบใดที่เรายังไม่หยุดมองหามัน  :m2:

Darklord

  • บุคคลทั่วไป
ติดตามอ่านมาตลอดนะจ๊ะ แต่วุ้นไม่ค่อยได้เมนท์อ่ะ  ลงโดยด่วน ติดมากๆจ้ะขอบอก

Serendipity

  • บุคคลทั่วไป
ง่า ขอโทดนะคับพี่นิว มาช้าไปหน่อยอ่าคับ^^
วันก่อนนั่งทำงานกะเพื่อนอยู่คับ เหะๆๆๆ
 o1 o1 o1 o1 o1
แล้วรีบๆมาต่อนะคับพ้ม^^
 :m1: :m1: :m1:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
หายไปหลายวัน  ตามอ่านทันแระ  :m4:

น้องนิว เก่งมาก 
ชีวิตก็งี้แหละ  ปัญหาอุปสรรคเป็นเครื่องพิสูจน์ใจเราว่าเข้มแข็งที่จะก้าวผ่านปัญหาไปได้ดีแค่ไหน
ขอแค่ใจสู้ๆ  แก้ปัญหาไปทีละจุด
เหนื่อยนักก็พัก  เยี่ยมเลย

รออ่านต่อจ้า เป็นกำลังใจให้   :a2:

gobgab

  • บุคคลทั่วไป

............ถ้าเราไม่เข้มแข็ง........โลกใบนี้ก็คงไม่มีที่หั้ยเราอยู่............ o7 o7

ออฟไลน์ รอยยิ้มอาบยาพิษ

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
ตอนที่14
เริ่มงานวันแรก

อย่างที่เพื่อนๆรู้กันอยู่แล้วว่าเวลาที่ผมต้องไปเริ่มทำในสิ่งใหม่ๆ ผมมักจะหวาดหวั่นและตื่นเต้นจนอยากจะหลีกหนีไปให้ไกล
โดยเฉพาะเมื่อผมต้องไปเริ่มสิ่งใหม่ๆในที่ใหม่ๆและไม่มีเพื่อนหรือคนสนิทอยู่เป็นกำลังใจด้วยแล้วล่ะก็ โหย…อยากจะชิ่งจริงๆ
แต่ผมก็ชิ่งไม่ได้ครับแม้ว่าในใจของผมจะฝ่อลงทุกขณะที่เท้าของผมก้าวเข้าไปในบริษัทของลุงวิชิต มันใหญ่โตและแปลกที่ครับ
ผมรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวอย่างกับคนจะเป็นไข้ ยังแอบคิดในใจว่าผมคงจะรู้สึกหายใจหายคอโล่งกว่านี้ถ้าได้กลับออกไปซะตอนนี้
ถึงอย่างไรก็ทำได้แค่แอบคิด เพราะจะให้บอกออกมาดังๆก็ทำไม่ได้ แหม…จะให้บอกใครล่ะครับด้านหน้าเป็นลุงวิชิตเจ้าหนี้ผม
ที่เดินประกบมาด้านหลังก็เป็นพี่ศรัณย์เจ้านายคนใหม่ของผม และการที่ผมไปค้างคืนที่บ้านเค้าทำให้ต้องมาทำงานพร้อมกับเค้า
เฮ้อ…มานึกว่าจะหนีตอนนี้ก็ไม่ทันซะแล้วล่ะน่ะ ไม่ได้ละ จะมัวแต่ขี้ขลาดแบบนี้ได้ไงต้องสู้สิ ต้องก้าวข้ามตัวตนไปให้ได้สินิว

คุณวิลันดา หรือพี่วิ เป็นเลขานุการตัวจริงของพี่ศรันย์ พี่วิเป็นสาวอ้วนใจดีและอารมณ์ดีอย่างฟุ่มเฟือยก็ดีครับที่เรียนรู้งานกับพี่วิ
เพราะคนอารมณ์ดีอย่างพี่วิช่วยทำให้เรื่องที่ผมรู้สึกยากกลายเป็นเรื่องง่าย ทำให้ความเอ๋อของผมกลายเป็นสิ่งน่าเอ็นดูของพี่วิเค้า
ถ้าผมต้องไปเรียนรู้งานกับเลขานุการคนอื่นๆที่เนี๊ยบ เฮี๊ยบ หรือดุ ผมคงยิ่งเกร็งยิ่งประหม่าและทำผิดทำถูกหนักกว่าเดิมแน่ครับ
ซึ่งการทำงานของผมก็ไม่มีอะไรซับซ้อนหรอกครับเพียงแต่เป็นสิ่งที่ผมไม่เคยทำอย่างจริงจังมาก่อน ก็เลยต้องข่มความประหม่า
ของตัวเองซะก่อนแล้วค่อยๆทำตามคำสั่งของพี่วิไปทีละอย่าง ตัวอย่างเช่นผมพิมพ์งานได้ ถ่ายเอกสารเป็นแต่ถ้าต้องทำตามคำสั่ง
ก็คงจะทำทิ้งๆขว้างๆไม่ได้กระดาษทุกแผ่นต้องใช้อย่างคุ้มค่า การพิมพ์แต่ละตัวอักษรต้องพิจารณาหลายรอบก่อนสั่งปริ้นท์งาน
เห็นมั้ยครับสิ่งง่ายๆที่เคยทำกลายเป็นสิ่งไม่ง่ายเลยเมื่อต้องทำอย่างจริงจังและมีการประเมินผลการทำงานที่จะตามมาอีกด้วยนี่นา

ตอนพักเที่ยงพนักงานที่นี่จะไปทานข้าวที่ร้านขายอาหารชั้นใต้ดินของอาคารสำนักงานกันแทบทั้งนั้น ผมก็ต้องไปทานที่นี่ด้วย
แต่เพราะว่างานที่ผมพิมพ์ค้างไว้ยังไม่เรียบร้อยดี ผมก็เลยขอแก้งานอีกนิดหน่อย พี่วิก็ใจดีมากบอกว่าจะรอไปทานพร้อมกับผม
ผมคิดว่าคงนานเกรงใจพี่วิด้วยจึงให้พี่เค้าเขียนแผนผังว่าจะลงไปทานอาหารชั้นใต้ดินยังไงแล้วผมจะลงไปทานเองเมื่องานเสร็จ

“ยังไม่ไปทานข้าวอีกเหรอน้องนิว”
เสียงพี่ศรัณย์ถามขึ้นเมื่อเค้าเดินมาหยุดตรงหน้าโต๊ะคอมฯ
“ยังหรอกครับ เหลืออีกนิดหน่อยน้องอยากพิมพ์ให้เสร็จก่อน ตอนบ่ายจะได้ทำงานอื่นต่อ ไม่อยากให้งานค้าง”
ผมหยุดพิมพ์แล้วเงยหน้าขึ้นมาตอบคำถามของพี่ศรันย์ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาพิมพ์งานต่อไป
“ไปทานข้าวเถอะ บ่ายๆค่อยกลัมาพิมพ์ นี่ถ้าคุณพ่อทราบว่าน้องนิวทำงานจนลืมทานข้าวท่านคงไม่สบายใจ”
พูดไม่พูดเปล่า พี่ศรัณย์ยังเดินอ้อมมาทางด้านหลังเก้าอี้ที่ผมนั่งแล้วเอื้อมมากดเซฟงานในเครื่องและลากเม้าส์ปิดเครื่องด้วย
“เห็นมั้ยแค่นี้ก็ไปทานข้าวได้แล้ว”
พี่ศรัณย์หันมายิ้มเหมือนกับว่าทุกอย่างที่เค้าว่าง่ายมันก็ต้องง่ายเสมอไป
“แต่น้องอยากทำให้เสร็จน่ะครับ ถ้างานค้างไปทานข้าวก็ไม่อร่อยน่ะครับ”
ผมยังคงปฎิเสธเพราะต้องการเคลียร์งานให้เรียบร้อยก่อน
“อร่อยหรือไม่อร่อยก็ต้องทานนะครับ ไม่งั้นน้องนิวเกิดป่วยตั้งแต่ทำงานวันแรก พี่ก็รับผิดชอบไม่ไหวนะครับ”
พี่ศรัณย์ยังคงยืนยันความคิดของเค้าด้วยเหตุผลด้านสุขภาพของผมเพื่อจะให้ผมไปนั่งทานข้าวด้วยให้ได้
“น้องเป็นภาระให้พี่ศรัณย์รึเปล่าครับ งั้นน้องไปทานข้าวเลยก็ได้จะได้มีแรงทำงานได้นานๆไม่ป่วยไข้ไปซะก่อน”
ผมพูดแล้วลุกขึ้นสะพายกระเป๋าเตรียมจะเดินออกไปที่ร้านอาหารตามแผนผังที่พี่วิเขียนไว้ให้
“น้องนิวอย่าคิดมากสิครับ พี่เป็นห่วงครับไม่ได้เห็นว่าเป็นภาระ อีกอย่างพี่ก็หิวแล้วด้วยถ้าน้องนิวไม่ไปทานข้าวกับพี่
จะปล่อยให้พี่ไปนั่งทานคนเดียวเหรอครับ พี่ตั้งใจว่าถ้าน้องนิวมาทำงานพี่คงมีเพื่อนทานข้าวกลางวันด้วยซะหน่อยน่ะครับ”

เอ.......เหตุผลของพี่ศรัณย์เริ่มจะไม่เกี่ยวกับประสิทธิภาพในการทำงานของผมซะแล้วสิ
“อ้าว ขอโทษครับ น้องไม่ทราบว่าพี่ศรัณย์ยังไม่ได้ทานข้าว งั้นไปทานกันเลยก็ได้ครับ พี่คงหิวมากแล้วล่ะเนอะ”
ผมยิ้มให้พี่ศรัณย์แม้ในใจผมออกจะอึดอัดที่รู้สึกว่าเค้าตามเฝ้าคุมผมแจอย่างกับผมเป็นนักโทษที่ต้องอยู่ในสายตาผู้คุมก็ไม่ปาน
“เดี๋ยวครับ” พี่ศรัณย์ดึงมือผมไว้เมื่อผมจะเดินนำออกไป
“พี่อยากให้น้องนิวทานข้าวกลางวันกับพี่ทุกวันได้มั้ยครับ”
เอาล่ะสิ แค่ดึงมือผมไว้ก็สะดุ้งแล้วยังจะมาพูดแบบนี้แถมส่งสายตากรุ้มกริ่มให้ผมอีก
“เอ่อ ก็ต้องได้ล่ะครับ ถ้ามันเป็นอีกหน้าที่นึงของน้อง”
ผมหันไปตอบยิ้มๆแม้ว่าในใจของผมเริ่มขุ่นเคืองขึ้นมาซะจนอยากถามว่า ‘นี่มันเกี่ยวกับหน้าที่ผู้ช่วยเลขานุการตรงไหนวะเนี่ย’

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-09-2007 16:39:44 โดย :+:So Much In L »

ออฟไลน์ รอยยิ้มอาบยาพิษ

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
ตอนที่15
นายทึ่มเนื้อหอม

เพื่อนๆครับคิดถึง เทค กันรึยังครับ แหม…คำถามนี้เหมือนจุดระเบิดใส่ตัวเองยังไงชอบกล คงมีหลายคนบอกว่าคิดถึงจะแย่
แต่จะทำไงได้เพราะคนเล่าเรื่องอย่างผม ไม่ยอมเล่าเรื่องของเทคซักที โธ่…ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากเล่าเรื่องของ เทค หรอกนะครับ
แต่เพราะช่วงเวลาที่ปัญหาสารพัดมารุมเร้าผมนั้น ก็เป็นช่วงสร้างเนื้อสร้างตัวของนายทึ่มพอดีน่ะครับ ทำไมผมรู้เหรอครับ อิอิอิ
ก็เพราะหลังจากที่ผมไม่ได้ออนM เป็นเวลานานนักหนา ทำได้แค่เพียงหาเวลาว่างเชคเมล์จากนายทึ่มเพียงสัปดาห์ละครั้งเท่านั้น
ผมก็ไม่ค่อยได้ข่าวจากนายทึ่มซักเท่าไหร่เหมือนกันแหล่ะครับ นานๆทีจะมีเมล์มาเล่าความคืบหน้าเรื่องการงานที่เจริญขึ้นทุกที
แต่คราวนี้จะไม่เล่าหรือทำเป็นข้ามๆไปเห็นจะไม่ได้หรอกครับ เพราะจดหมายที่ส่งตรงมาถึงผมในคราวนี้สำคัญจนไม่เล่าไม่ได้

ผมมาทำงานพิเศษอยู่บริษัทของลุงวิชิตได้เกือบเดือนแล้วครับ ระหว่างนี้ผมไม่ได้อยู่ที่บ้านคุณหญิงน้าเหมือนที่เคยตั้งใจไว้
เพราะหลังจากไปเริ่มงานที่บริษัทของลุงวิชิตได้เพียงวันเดียว ผมก็เพิ่งทราบว่านอกจากหน้าที่เบ๊ประจำออฟฟิศของผมแล้ว
ผมจะต้องย้ายมาอยู่บ้านลุงวิชิตตลอด3เดือนนี้ แต่จะไปค้างบ้านคุณหญิงน้าได้ทุกศุกร์และเสาร์เนื่องจากรุ่งขึ้นไม่ต้องทำงาน
แต่ในคืนวันอาทิตย์จนถึงคืนวันพฤหัสฯผมต้องมาอยู่มากินที่บ้านลุงวิชิตตลอดเพื่อจะไปทำงานพร้อมกับพี่ศรัณย์ในทุกๆเช้า
ตอนที่ผมส่งเมล์ไปเล่าให้เทคฟังเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปของผม ก็ไม่ได้หวังว่าจะให้เทครู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อนไปด้วย
เพียงแต่เป็นการเล่าความเป็นไปของผมให้เทครับรู้ เหมือนที่ เทค ก็เล่าเรื่องหน้าที่การงานที่มีแต่ก้าวหน้าและมั่นคงขึ้นเรื่อยๆ
ผมบอกเค้าว่าถึงผมไม่ได้อยู่ที่บ้านคุณหญิงน้าเป็นหลักแต่ถ้ามีธุระอะไรก็ให้ส่งจดหมายไปที่บ้านคุณหญิงน้าจะสะดวกกว่าครับ
เพราะช่วงวันหยุดที่ผมมาค้างที่บ้านคุณหญิงน้า ผมก็จะได้รับจดหมายจากทุกคนที่ส่งมาโดยคุณหญิงน้าจะเก็บไว้ให้ทุกฉบับเลย

แหม…..เกริ่นมาตั้งนานยังไม่เข้าเรื่องจดหมายของเทคซักที ใจเย็นๆครับยังไงผมต้องเอามาพิมพ์ให้เพื่อนๆอ่านแน่นอนล่ะครับ
อย่างที่บอกว่าเป็นจดหมายสำคัญจริงๆ ดังนั้นจะไม่ข้ามรายละเอียดเรื่องนี้ไปอย่างแน่นอน จะพิมพ์ชนิดถอดคำต่อคำกันเลยเชียว
แต่ก่อนจะไปเรื่องจดหมายของนายทึ่ม ผมจะขอเล่าความเป็นไปของเทคให้เพื่อนๆฟังอย่างคร่าวๆก่อนดีกว่าครับจะได้ทราบว่า
ตลอดเวลาที่ผ่านมาแม้ผมจะไม่ได้เล่าเรื่องของ เทค เป็นกิจลักษณะแต่ผมก็ยังได้รู้ข่าวของเพื่อนรักคนนี้อยู่เสมอๆแหล่ะนะครับ
ผมว่าประมวลมาเป็นข้อๆดีกว่า แล้วมาดูกันว่านายทึ่มของผมกลายเป็นนายเทคเสน่ห์แรงไปได้ยังไง แหม…เนื้อหอมจริงจริ๊งเทค

1.ตั้งแต่ทำงานเป็นผู้จัดการฯ เทค มีรถขับหรูหรากว่าเดิม ไปไหนมาไหนใครๆก็คำนับให้อย่างเต็มใจ

2.ตอนนี้งานที่เทคออกแบบจะไม่ใช่เป็นชิ้นๆแบบแต่ก่อน แต่จะเป็นการดีไซน์แบบคอลเลคชั่นแล้วออกวางขาย

3.เมื่อไม่นานมานี้เทคบอกว่าไปเจอผู้ชายคนนึงเป็นคนมาเลเซีย เห็นเทคบรรยายมาว่าหน้าตาน่ารักซะเหลือเกิน แหม…แกนะแก

4.ถัดมาไม่นานเทคก็ส่งข่าวมาว่าหนุ่มมาเลย์คนนั้นเดินทางไปเจอเทคที่สิงคโปร์ เห็นว่าลองคุยๆกันดูก็ไปด้วยกันได้ดีซะด้วย

5.มีข่าวล่ามาไว ว่าเริ่มคบกันแบบไกลๆซะแล้วล่ะครับ เจอกันแป๊บเดียวก็คบกันซะแล้ว ไวไฟเกินไปแล้วนะเทค

6.ผ่านจากเรื่องที่ เทค มีแฟนเป็นหนุ่มหน้าหวานขาวมาเลย์ได้ไม่นาน เค้าก็ส่งข่าวมาว่าพ่อของเค้าอยากจะให้แต่งงานซะแล้ว

7.ที่ตลกก็คือ การดูตัวแบบประเพณีโบราณ ซึ่งเทคบอกว่าคนทันสมัยอย่างพ่อเค้าไม่น่าใช้วิธีคร่ำครึแบบนี้ได้เลย

8.เทค ส่งเมล์มาเล่าว่า ผู้หญิงที่เค้าต้องแต่งงานด้วยเป็นลูกสาวของหุ้นส่วนคนนึงของพ่อเค้าซึ่งคงใช้ระบบเงินต่อเงินล่ะมั้งครับ

9.ผู้หญิงคนนี้ อายุเพิ่งจะ18เองนะ เรียนจบจากโรงเรียนคอนแวนต์มีระดับจากฝั่งยุโรปนู่น เอ…ประเทศไหนผมก็ลืมไปแล้วสิ

10.ที่แน่ๆก็คือน้องผู้หญิงคนนี้มีอาการปักอกปักใจกับเทคตั้งแต่แรกเห็น ส่งภาษาอังกฤษชนิดออดอ้อนซะเทคแทบละลาย

11.ผมรับฟังเรื่องการแต่งงานของเทค แบบขำๆรู้สึกว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่เทคเองกลับร้อนใจและเคร่งเครียดเหลือเกิน

12.และแล้วก็ไม่มีการแต่งงานเกิดขึ้นจริงๆ ผมนึกอยู่แล้วล่ะครับ แต่ที่ผมนึกไม่ถึงก็คือ เทคไปบอกผู้หญิงคนนั้นว่าเค้าเป็นเกย์

13.แฟนหนุ่มของเทคถูกตามตัวจากมาเลเซีย เพื่อมายืนยันกับผู้หญิงคนนี้ ว่าเทคมีแฟนหนุ่มเป็นตัวเป็นตนแน่ๆแล้ว เฮ้อ..ยุ่งจริง

14.ก่อนจะมาถึงข่าวอัพเดทล่าสุดในจดหมายที่เทคส่งมาถึงผม ผมรู้มาว่าหลังยกเลิกการแต่งงาน เทคก็เลิกกับแฟนหนุ่มซะแล้ว

15.ผมบอกเทคเรื่องความอึดอัดใจที่ต้องมาทำงานใช้หนี้ให้กับบริษัทของลุงวิชิต และต้องรับคำสั่งที่ไม่เกี่ยวกับงานจากพี่ศรัณย์อีกด้วย
เทคว่าจะช่วยผมแก้ปัญหาแต่ผมจะสนใจรึเปล่า ผมก็เลยให้เค้าบอกข้อเสนอที่ว่า และข้อเสนอของเค้าก็อยู่ในจดหมายซึ่งจะเล่าในตอนหน้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-09-2007 17:08:57 โดย :+:So Much In L »

ออฟไลน์ รอยยิ้มอาบยาพิษ

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
ตอนที่16
จดหมาย ตั๋วเครื่องบิน และ……

ได้เวลาแล้วครับ เรามาแกะซองจดหมายฉบับสำคัญที่ เทค ส่งมาหาผมแล้วอ่านไปพร้อมๆกันเลยก็แล้วกันนะครับเพื่อนๆ

27 ตุลาคม 2547
Hi Narattakorn

จดหมายฉบับนี้สำคัญมากนะ เราอยากให้นิวอ่านด้วยความตั้งใจและคิดไตร่ตรองให้ดีและรอบคอบที่สุด
เราเคยเล่าถึงชีวิตการทำงานของเราให้นิวฟังหลายครั้งแล้ว และเรารู้สึกว่านิวก็เชื่อมั่นในตัวเรามากกว่าเดิมจริงมั้ย ก่อนหน้านี้
เราไม่กล้าแม้แต่จะพูดกับนิวอย่างจริงจังถึงเรื่องนี้ แต่ตอนนี้เราคิดว่าเราโตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ ขนาดพ่อเรายังเห็นว่าเราควรที่จะ
แต่งงานให้เป็นหลักเป็นฐานเลยคิดดูสิ แต่นิวคงรู้นะว่าทำไมเราไม่ยอมให้มีการแต่งงานเกิดขึ้น ไม่ใช่เราจะแอนตี้วิธีการของพ่อ
แต่เพราะเรารู้ว่าเราแต่งงานกับใครไม่ได้นอกจากคนที่เราเลือกมาตั้งแต่แรก นิวอย่าเพิ่งขยำจดหมายทิ้งซะก่อนล่ะอ่านต่อไปนะ
      
                                ไม่ว่าเราจะพยายามลืมนิวยังไงก็ไม่เคยทำได้สำเร็จซักที นิวเป็นเพื่อนที่ดี และเราก็ไม่อยากเสียเพื่อนไปด้วย
เราพยายามคิดเสมอว่าการมีนิวเป็นเพื่อนก็ดีกว่าชีวิตเราจะไม่เหลือนิวอยู่เลย ที่ผ่านมาเราไม่กล้าคิดเกินเลยกว่าความรู้สึกดีๆที่มี
เพราะเราสำนึกตัวตลอดเวลาว่าเราไม่ได้เรื่องแค่อนาคตตัวเองเรายังมองไม่เห็นเลยจะกล้าพูดเรื่องนี้กับนิวอย่างจริงจังได้ยังไงล่ะ   
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้วนะ เรามีงานทำและมั่นคงขึ้นเรื่อยๆ เรามีความรับผิดชอบต่อตัวเองมากว่าแต่ก่อนตั้งเยอะ นิวก็เห็นนี่
เราไม่อยากทำให้นิวโกรธหรอกนะ แต่เราคิดทบทวนหลายรอบแล้ว เราถึงเขียนจดหมายฉบับนี้มาหานิว นิวแต่งงงานกับเรานะ
      
                                นิวก็รู้ใช่มั้ยว่าที่สิงคโปร์นี่เค้าซีเรียสมากเรื่องเกย์ ประเภทที่คบกันเปิดเผย เดินไปไหนมาไหนด้วยกันเป็นคู่ๆ
แทบจะหาไม่ได้เลย ยกเว้นแต่ว่าจะรู้กันเองอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นเดินไปตามถนนก็ดูไม่ออกหรอกว่าเป็นเพื่อนรักหรือเป็นคู่รักน่ะ
แต่ที่เราเขียนมานี่เราจริจังมากนะ เราอยากแต่งงานจริงๆ นิวลองพิจารณาข้อเสนอของเราดูก่อนดีมั้ย เราอยากดูแลนิวจริงๆนะ
อย่าเพิ่งคิดว่าเรามีเงื่อนไขเพื่อเอาเปรียบนิว นิวก็รู้ว่าเราไม่เคยคิดแบบนั้น มีแต่ความรักและความจริงใจให้นิวอยู่เสมอจนตอนนี้
เราไม่ได้ฉวยโอกาสที่นิวกำลังต้องรับภาระเยอะแยะของครอบครัวเพื่อเอาเงินทองมาเป็นปัจจัยให้นิวยอมทำตามข้อเสนอของเรา
หรอกนะ แต่ในสภาวะที่นิวเจอแรงกดันขนาดนี้จะดีกว่ามั้ยถ้าเราขอเสนอตัวเป็นคนที่จะคอยดูแลนิวและช่วยรับภาระแทนนิว
      
                                อย่าเพิ่งตีความว่าเราจะเอาชนะนิวเลยนะ ความรักไม่ใช่การเอาชนะเราจำได้ที่นิวเคยสอนเราแบบนี้ใช่มั้ย
ตัดเรื่องความอยากเอาชนะออกไปได้เลย ตอนนี้เรามีแต่ความห่วงใย อยากไปอยู่ใกล้ๆอยากเป็นคนที่นิวจะพึ่งพาได้เท่านั้นเองล่ะ
ตลอดเวลา6ปีมานี้ เรายอมรับล่ะว่าเราวอกแวกไปบ้าง ก็นิวอยากเฉยชากับเราทำไมล่ะ เออ…..ไม่ได้จะชวนทะเลาะหรอกนะ
เอาเป็นว่าเราอาจพลาดพลั้งไปกับคนอื่นบ้าง แต่เราก็เล่าให้นิวฟังทุกครั้งนี่นา จริงมั้ยล่ะ แล้วตอนนี้เราก็เลิกกับทุกคนหมดแล้ว
นิวจะไม่ให้โอกาสเราบ้างเหรอ จริงอยู่ถึงเราจะไม่สดแล้วนะ แต่เราก็ไม่เคยรักใครมากกว่าที่เรารักนิวเลยนะ เห็นใจเรามั่งสินิว
      
                                จดหมายฉบับนี้คงเป็นแค่ส่วนนึงของทั้งหมดที่เราอยากบอกกับนิวอ่ะนะ ถ้าเป็นไปได้เราอยากไปหานิวเอง
ไปนั่งพูดคุยอยู่ใกล้ๆ นิวจะได้รู้ว่าเราจริงจังมากกว่าทุกครั้งที่เคยหยอดๆเล่นๆ แต่ตอนนี้เราเป็นผู้ใหญ่แล้วนะนิวเราจริงจังสุดๆ
ถ้านิวจะเข้าใจเราอยู่บ้าง ก็หวังว่าจะอ่านจดหมายฉบับนี้จนจบและไม่โกรธที่เราพูดเรื่องที่นิวเคยห้ามพูดมาในจดหมายฉบับนี้
นอกจากข้อความที่เราคิดแล้วเขียน เขียนแล้วขยำทิ้งไปหลายรอบเพื่อเลือกคำพูดที่ดีที่สุดโดยจะไม่ทำให้นิวแปลเจตนาเราผิดไป
เรายังได้แนบตั๋วเครื่องบินกรุงทเพฯ-สิงคโปร์มาให้ด้วย อ้อ…pocket money ที่เราแนบมาเป็นเชคสั่งจ่ายในชื่อนิวเลยนะ
หวังว่านิวจะให้คำตอบที่เรารอคอยอย่างมีความหวังนะเพื่อน ขอย้ำว่าคิดให้รอบคอบและตัดสินใจให้ดีที่สุดนะเรารออยู่ที่นี่เสมอ
ปล.ถ้านิวมาหาเราได้ ก็เดินทางมาตามวันเวลาที่เราระบุไว้ในตั๋วก็ดีนะ แต่ถ้าจะเลื่อนไฟลท์ก็ไปติดต่อที่เคาเตอร์ที่ดอนเมืองก็ได้
ปล.อีกนิดนึง ถึงแม้ว่าจะใช้ความรอบคอบในการตัดสินใจแค่ไหนก็ตาม อย่าลืมใช้หัวใจในการตัดสินใจด้วยนะนิว เราขอร้อง
                                  
แล้วเราจะรอการตอบรับจากนิวนะ
รักนิวเสมอครับ
Takecare
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-09-2007 01:58:11 โดย :+:So Much In L »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ รอยยิ้มอาบยาพิษ

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
ตอนที่17
จดหมายที่เขียนจากหัวใจและสมองของผม

31 ตุลาคม 2547
สวัสดี เทค เพื่อนรัก
      
ขอบคุณมากสำหรับความรู้สึกดีๆที่มีให้เรามาตลอดนะ เราอ่านจดหมายของเทคด้วยความเข้าใจ จริงๆนะเทค
เรายอมรับว่าวิธีการแก้ปัญหาของเทค มันตรงและรอบคอบน้อยไปหน่อย กับการที่เทคจะเข้ามารับภาระหนี้สินเหล่านี้แทนเรา
ด้วยการแต่งงาน คือมันไม่นิยายเกินไปหน่อยเหรอเทค เทคเองก็บอกว่าที่สิงคโปร์ไม่เปิดรับเรื่องคู่เกย์นี่นา แล้วยิ่งที่ผ่านมาเนี่ย
พ่อของเทคก็อยากให้เทคแต่งงานกับลูกสาวของหุ้นส่วนพ่อเทคซะเหลือเกิน ก็น่าจะเพราะเค้าหวังในตัวลูกชายคนเดียวอย่างเทค
มากจริงๆนะ ไหนจะเพื่อสานต่อธุรกิจไหนจะเพื่อมีลูกหลานสืบสกุลให้พ่อเทคอีกล่ะ แล้วการที่เทคไปบอกกบฝ่ายนั้นว่าไม่ยอม
แต่งงานด้วยเพราะเทคเป็นอะไร ไม่ทำให้พ่อเทคเครียดหนักไปเลยเหรอ ถึงเทคจะบอกว่าฝ่ายผู้หญิงเค้าหาเหตุผลอื่นมายกเลิก
โดยไม่ปริปากบอกว่าความจริงเป็นเพราะเทคไปแอบบอกรสนิยมของเทคให้เค้ารู้ก่อนมีการเจรจาตกลงเรื่องแต่งงานแต่งการกัน
แต่แน่ใจได้ไงว่าเร่องที่เทคพูดออกไปจะไม่ยอนมาทำร้ายตัวเองเข้าสักวัน ที่เราเขียนถึงเรื่องนี้ก่อนเพราะเราเป็นห่วงเทคนะเนี่ย
ทีนี้มาถึงเรื่องในจดหมายของเทคกันบ้าง เราจะบอกให้เทครู้สึกเท่ากับที่เรารู้สึกยังไงดีล่ะว่าเราซาบซึ้งมากๆ
กับความมั่นคง ความรัก และความจริงจังที่เทคบรรยายมาในจดหมาย เราอ่านไปยังอดคิดไม่ได้ว่าเหมือนเทคยืนพูดอยู่ตรงหน้า
แต่ความซาบซึ้งก็ยังเป็นเพียงแค่เรื่องของเราสองคนที่จะรู้กันไปอย่างนี้ ยังไงซะมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะบอกให้ใครๆซาบซึ้งไป
กับด้วยหรอกนะเทค เราคิดว่าการขอแต่งานของเทค เป็นเรื่องใหญ่เกินไป มันเป็นอนาคตที่ไกลตัวเกินไปสำหรับตัวในเราเวลานี้
เราเองก็อยากให้เทคคิดทบทวนด้วยความรอบคอบเหมือนกัน โลกนี้ไม่ได้มีแค่เราสองคนหรอกนะ เราเข้าใจเทคมากขึ้นกว่าเดิม
และเราก็รู้สึกดีที่ไม่ว่าจะนานแค่ไหน เทคยังคงให้เราได้อยู่ในที่ที่มีค่ามากเสมอ เราเองก็ยินดีจะอยู่ในพื้นที่นั้นของเทคตลอดไป
แต่ในความเป็นจริง ในสังคมที่ไม่ได้มีแค่เรากับเทค เรายังมองไม่เห็นว่าการเลืกทำตามหัวใจเพยงอย่างเดียวจะราบรื่นไปได้จริงๆ
      
                                เราคงเป็นคนไม่มีหัวใจสินะที่ไม่ยอมรับการช่วยเหลือที่เทคยินดีเสียสละทั้งชีวิตเพื่อเราแต่เราขอให้เทคคิดว่า
เพราะเรามีหัวใจและหัวใจของเรายังต้องคิดไตร่ตรองเพื่อใครๆอีกมากมาย เราไม่ได้มีชีวิตและหัวใจเพื่อตัวเราคนเดียวหรอกนะ
แม้ว่านั่นจะเป็นสิ่งที่เราอยากทำเหลือเกินในเวลาที่เราเหนื่อยล้าที่สุดและต้องการคนที่พร้อมจะดูแลเราได้อย่างเทค แต่ก็ทำไม่ได้
เทคยังจำเรื่องของพี่ชายเราได้มั้ย ตอนนั้นเรายังเคยบอกเทคเลยว่า ทำไมพี่ชายของเราเลือกทำตามใจของเค้าโดยทิ้งนายแม่กับเรา
ทั้งๆที่พี่ชายก็เคยเป็นคนที่อยู่ข้างเราอยู่ข้างเดียวกันกับนายแม่ของเรามาก่อน เมื่อตอนที่คุณป๋ายืนยันว่าจะไปมีครอบครัวใหม่
ตอนนั้นพี่ชายเสียใจจะเป็นจะตาย ที่คุณป๋าพุดง่ายๆว่าดูแลครอบครัวมานานแล้ว อยากมีอิสระที่จะไปทำตามใจคุณป๋าเองบ้าง
แล้วไงล่ะ ผ่านไปไม่นาน พี่ชายก็บอกเราว่าเค้าเลือกลูกเมียเค้าและขอไปทำเพื่อครอบครัวของเค้า ฝากให้เราดูแลนายแม่แทนเค้า
มาถึงตอนนี้เราจะเป็นอีกคนที่เลือกทำตามใจตัวเองได้ยังไงกันล่ะเทค เราจะปัดความรับผิดชอบเรื่องต่างๆไปให้ใครในเมื่อไม่มี
      
                                ที่เราเขียนมาอย่างนี้ขอให้เทคเข้าใจด้วยว่าเราไม่ได้อยู่กับความรับผิดชอบด้วยความทุกข์ทรมานแต่อย่างใด
เราพอใจเต็มใจที่จะดูแลรับผิดชอบชีวิตของทุกคนในบ้านให้เค้ามีความสุขทั้งกายและใจ เพราะถ้าพวกเค้ามีความสุขเราก็สุขด้วย
ดังนั้นถ้าเทคจะเป็นห่วงเราก็ห่วงเถอะนะ แต่อย่ากังวลว่าเราจะทุกข์ร้อนกับความรับผิดชอบเหล่านี้เลย เมื่อไม่มีใครทำเรายินดีทำ
เราเริ่มต้นดูแลคนในครอบครัวแทนคุณป๋าแทนพี่ชายมาได้ระยะหนุ่งแล้ว ตอนนี้เรารู้สึกถึงภาระที่ต้องรับผิดชอบไว้อย่างดีที่สุด
ไม่ใช่เป็นภาระที่จำเป็นต้องรับไว้หรอกนะ แต่เป็นภาระที่เราเต็มใจจะดูแลพวกเค้าอย่างดีเท่าที่เราจะทำได้ ตอนนี้ทุกคนในบ้าน
เหลือเราเป็นที่พึ่งอย่างจริงจังแค่คนเดียวเท่าน้นเองนะ เราจะเลือกเดินไปตามความพอใจของเราเองไม่ได้หรอก เทคเข้าใจเรานะ
      
                                ขอบคุณอีกครั้งสำหรับความรู้สึกดีๆที่มีให้เรามาตลอดและมีแต่ะมั่นคงขึ้น เราขอโทษด้วยที่เราไม่สามารถ
ตอบแทนความรู้สึกดีมากมยของเทคได้เลยแม้แต่อย่างเดียว ถ้าเราบอกว่าเรารักเทค เทคจะเชื่อมั้ย นี่เป็นความจริงใจที่สุดจากเรา
แต่เราเลือกที่จะอยู่กับภาระหน้าที่ของเราที่นี่มากว่าจะไปอยู่กับหัวใจของเราที่นั่น ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่เทคคิดจะทำเพื่อเรา
เราก็ไม่รุ้ว่าจะมีใครทำเพื่อเราได้มากเท่าเทครึเปล่า แต่ขอให้รู้ไว้ว่าเราซาบซึ้งมาก ถ้าหากเราเลิอกได้เราก็จะเลือกตอบแทนน้ำใจ
ของเทคเป็นคนแรก เพียงแต่ตอนนี้เราไมอยู่ในฐานะที่จะเลือกอะไรได้ทั้งนั้นล่ะ ขอโทษอีกครั้งนะเทค เราขอโทษจริงๆ
เราคืนตั๋วเครื่องบินและเชคมาพร้อมจดหมายฉบับนี้และหวังว่าต่อจากนี้ไป เราจะไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้กันอีกแล้วนะเทค

จาก เราเอง คนโง่ที่ไร้หัวใจ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-09-2007 01:54:15 โดย :+:So Much In L »

ออฟไลน์ รอยยิ้มอาบยาพิษ

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
ตอนที่18
เหมือนนกไร้ปีก

หลังจากผมส่งจดหมายฉบับนั้นไปหาเทคแล้ว ชีวิตประจำวันของผมก็ผ่านไปอย่างเซื่องซึม เหนื่อยหน่าย สิ่งรอบตัวดูหม่นมัว
ผมกลับมาทำงานในเช้าวันจันทร์อย่างไร้เรี่ยวแรง คืนวันอาทิตย์ที่ผมต้องกลับมานอนบ้านลุงวิชิต ผมก็รู้สึกปวดหัวอยู่แล้วครับ
มาถึงที่ทำงานผมแยกไปล้างหน้าเพื่อเรียกความสดชื่นแต่ก็ไม่ได้ผลเท่าไหร่ ความเย็นของน้ำที่ชะโลมหน้าผมไม่ทำให้ผมชุ่มชื่น
ขึ้นมาได้เลย ริมฝีปากแห้งผากมีแต่ไอร้อนผ่าวออกจากปากของผม แต่ก็ยังไม่เท่าความเหือดแห้งทรมานที่กัดกินอยู่ในใจของผม

“น้องนิวไม่สบายหรือเปล่าครับ”
เสียงพี่ศรัณย์ถามขึ้นเบาๆจากด้านหลัง
“ตัวร้อนนิดหน่อยครับ คงโดนฝนตอนกลับมาเมื่อวานน่ะครับ”
ผมตอบด้วยเสียงแหบ
“ไหนพี่ดูซิ”
พี่ศรัณย์ถือวิสาสะเข้ามาแตะหน้าผากของผม “ไปหาหมอดีมั้ยเพราะเย็นนี้พี่จะพานิวไปสัมมนาด้วยน่ะ”
“แต่นิว……”
ผมกำลังคิดหาคำปฎิเสธ เพราะในเวลานี้ผมอยากกลับไปนอนร้องไห้เงียบๆคนเดียวมากกว่า
“งานนี้ยังไงพี่ก็ต้องขอให้นิวไปด้วยนะ เพราะคุณวิติดธุระจริงๆ พี่ถึงต้องให้นิวตามไปจดรายงานการประชุมคราวนี้”
เฮ้อ สุดท้ายเหตุผลและความจำเป็นของเจ้านายย่อมมาก่อนเสมอ
“ก็ได้ครับ งั้นน้องไปทำงานก่อนนะ แล้วจะถามพี่วิด้วยว่าต้องจดรายละเอียดอะไรบ้างตอนสัมมนาน่ะครับ”
แม้จะเบลอๆแต่ผมก็พยายามตั้งสติเพื่อจะทำงานในเช้าอันแสนหดหู่นี้ให้ผ่านไปได้อย่างดี

จนถึงตอนเย็นที่ผมจะต้องกลับบ้านพร้อมพี่ศรัณย์อาการไข้ก็ยังไม่ลดลง ดีที่ช่วงกลางวันพี่วิเอายาพาราฯมาให้กินแล้วนอนพัก
งานช่วงบ่ายมีแค่เคลียร์เอกสารทั้งงานที่ต้องพิมพ์ งานที่ต้องถ่ายเอกสารไว้ใช้ในงานสัมมนา จัดเตรียมป้ายชื่อ และสมุดลงชื่อ
จากนั้นพี่วิก็บอกให้ผมไปนอนพักในห้องทำงานของพี่ศรัณย์ก่อนก็ได้ แล้วผมก็นอนหลับยาวจนกระทั่งได้ยินเสียงพี่ศรัณย์ปลุก
ผมยังคงเดินไปทำอะไรต่างๆได้เป็นปกติแต่ถ้าถามว่ารู้ตัวรึเปล่าว่า ทำอะไรบ้าง? ก็ยอมรับเยครับว่าทำเหมือนเครื่องจักรน่ะครับ
ไม่รู้เป็นเพราะพิษไข้หรือเป็นเพราะกินยาแล้วนอนมากเกินไป แต่ผมมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่รถพี่ศรัณย์มาจอดอยู่ที่หน้าบ้านแล้ว

“น้องนิวไปไหวเหรอลูก ป้าว่านอนพักผ่อนที่บ้านดีกว่านะ ศรัณย์ไม่ต้องเอาน้องไปไม่ได้เหรอลูก”
คุณป้าสมรเป็นห่วงผมมาก
“ลูกก็อยากให้น้องนิวพักนะแม่ แต่คุณวิไปไม่ได้แล้วลูกไม่มีคนช่วยงานจริงๆนี่ครับ”
พี่ศรัณย์ ยืนยันว่าผมจำเป็นต้องไป
“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณป้า น้องไปไหว อีกอย่างพี่วิก็สอนงานน้องไว้หมดแล้ว ถ้าให้คนอื่นไปแทนก็ต้องบอกกันใหม่”
“งั้นนิวไปพักไปลูกไป เดี๋ยวให้เด็กจัดกระเป๋าให้ อ้อ…จะต้องเตรียมของส่วนตัวก็ไปเตรียมก่อนซะลูก”
คุณป้าสมรจัดแจงให้
“งั้นน้องนิวไปพักซะก่อนนะครับ พี่ว่าจะออกเดินทางตอนหนึ่งทุ่ม อืม….มีเวลาตั้ง2ชั่วโมงพอมั้ยเนี่ย”
พี่ศรัณย์ถามไถ่
“พอครับ น้องขอตัวก่อนนะครับ”
ว่าแล้วก็เดินเลี่ยงออกมา แม้จะพูดแต่ละคำผมก็เหนื่อย อยากมีเวลาส่วนตัวสัก2ชั่วโมงก็ยังดี

เมื่อกลับเข้ามาในห้องนอนผมบอกให้เด็กรับใช้ที่ชื่อแป้นเข้ามาเก็บเสื้อผ้าเท่าที่จำเป็น และสั่งห้ามรบกวนตลอดสองชั่วโมงนี้
ทีแรกแม่แป้นทำหน้าเป็นเครื่องหมายคำถาม จนผมต้องย้ำด้วยสีหน้ายิ้มๆ(แม้จะฝืนยิ้มสุดๆ)แล้วยืนยันว่า “ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ”
ผมรู้สึกเหมือนคนที่เพ้อๆละเมอๆยังไงก็บอกไม่ถูก เพราะทันทีที่ประตูห้องปิดลงผมเดินไปล๊อกห้องเพราะอยากร้องไห้ให้เต็มที่
แต่แทนที่ผมจะรีบโถมตัวลงไปนอนร้องไห้ให้สะใจ สมกับที่อัดอั้นมาตลอดทั้งวัน ผมกลับเดินไปส่องกระจกแล้วลองฝืนยิ้มดู
ประหลาดดีมั้ยครับ แต่พอผมเห็นหน้าตัวเองในกระจกแล้วผมว่าสภาพของผมก็ไม่ต่างจากคนที่ป่วยหนักมาหลายวันเลยล่ะนะ
ตาบวมๆ ปลายจมูกสีแดงกล่ำ ดูคนในกระจกสิยืนยิ้มทำบ้าอะไรอยู่ ยิ่งฝืนยิ้มน้ำตาก็ยิ่งเอ่อท่วมดวงตาทั้งสองข้างน่าสมเพชจริงๆ
จู่ๆก็เหมือนห้องทั้งห้องหมุนคว้างไปหมด ผมเห็นเงาตัวเองในกระจกพร่าเลือนเต็มที แม้ผมจะพยายามเดินต่อไปให้ถึงเตียงนอน
ก็เหมือนเป็นเรื่องยากเย็นนักหนา เรี่ยวแรงที่จะยกขาเดินก็ไม่มี ทำได้แค่ใช้แรงเท่าที่มีอยู่ลากขาพยุงตัวไปจนถึงเก้าอี้ที่ปลายเตียง

ทำได้เท่านี้ผมก็หมดเหมือนจะขาดใจซะแล้วสิ ใจเต้นแรงเหมือนไปวิ่งด้วยความเร็วสูงบนสายพานตามฟิตเนสยังไงยังงั้นเลยล่ะ
ผมเอามือกุมไปที่หัวใจซึ่งกำลังเต้นถี่และรัวขึ้นทุกที ดวงตาพร่าพรายและเต็มไปด้วยน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ผมอยากปล่อยโฮดังๆ
ก็ไม่กล้าทำเกรงคนอื่นจะได้ยินจึงต้องกัดริมฝีปากที่แตกระแหงไว้อย่างสุดกลั้น ร่างกายเบาหวิวเหมือนจะถูกลมพัดพาให้ปลิวได้
ผมเอนหลังลงไปนอนบนเตียงนุ่มปล่อยให้น้ำตาไหลพรากๆโดยไม่อดกลั้นอีกต่อไปแล้ว ขณะที่จดหมายของผมถูกส่งไปถึงเทค
หัวใจของผมก็หลุดลอยตามข้อความในจดหมายฉบับนั้นไปด้วย เพราะทุกตัวอักษรเหมือนกรีดเอาเลือดเนื้อของผมเขียนลงไป
ผมรู้ว่าคำปฎิเสธในจดหมายนั้นจะบาดลึกหัวใจคนอ่านอย่างร้ายกาจ แต่เค้าจะรู้มั้ยว่าคนเขียนก็กำลังทรมานแทบขาดใจเจียนตาย

luvdisc

  • บุคคลทั่วไป
คุณน้อง คุณพี่เมาในความหล่อลากไส้ของบรรดาหนุ่ม ๆ ที่เราได้ไปเจอมาเมื่อเย็นนี้อ่ะ
ไม่สามารถเม้นท์ให้คุณน้องได้ ว่าง ๆ คุณพี่จะมาเม้นท์ให้นะ เมาหนุ่มสิงห์ 3 คนนั้น เอิ๊ก ๆ ๆ
 

ออฟไลน์ รอยยิ้มอาบยาพิษ

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
สวัสดีครับเพื่อน

ผมต้องไปทำธุระที่กรุงเทพฯอีกแล้วล่ะครับและคราวนี้คงไปนานหน่อย
คือจะเดินทางวันพรุ่งนี้แล้วกลับมาวันอาทิตย์นะครับ ก็เลยเอาเรื่องเล่า
มาลงให้อ่านกันแบบจุใจ ถือว่าฝากเรื่องเล่าไว้เป็นเพื่อนทุกๆคนนะครับ
กลับมาเมือ่ไหร่จะรีบนำที่พิมพ์ไว้มาลงต่อและจะเร่งพิมพ์ตอนที่เหลืออยู่
ตอนที่เพิ่งเอามาลงนี้ออกจะเศร้าไปซักนิดแต่ขอให้เชื่อเถอะนะครับว่า
ถ้าเพื่อนๆรู้สึกเศร้า เสียดาย อึดอัด ทรมานใจล่ะก็ ผมเป็นหนักยิ่งกว่า
อย่าว่าแต่ตอนที่อยู่ในสถานการณ์นั้นเลยครับแค่ผมต้องนึกย้อนกลับไป
รื้อฟื้นอารมณ์ ความรู้สึกที่ผ่านมาแล้วในครั้งนั้นก็ยังร้องไห้ไม่หยุดเลย
แต่ผมก็เต็มใจที่จะเล่าความทรงจำของผมให้เพื่อนๆฟังนะครับ
เพราะในความทรงจำนั้นอาจไม่งดงามไปซะทุกฉากทุกตอนก็จริง
แต่ความอิ่มใจเล็กๆน้อยๆที่ซ่อนอยู่ในช่วงเวลาเหล่านั้นมีค่ากับผมมาก
ผมฝากเรื่องเล่าของผมไว้ด้วยนะครับ ช่วยอ่านช่วยเม้นท์กันหน่อยนะครับ
วันจันทร์หน้า เราจะพบกันใหม่ในเรื่องเล่าของผมพร้อมตอนใหม่ๆแน่นอน

นอนหลับฝันดีนะครับ


จาก ผมเอง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-09-2007 02:56:22 โดย :+:So Much In L »

ออฟไลน์ A GE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
 :m15: :m15:  ทำไมรักของคุณนิวมันรันทดขนาดนี้ล่ะครับ  :m15: :m15:

 :impress: :impress: แล้วก็รอต่อครับนิว

Darklord

  • บุคคลทั่วไป
 o7  รันทดจริง ๆเพื่อนช้าน

jammy

  • บุคคลทั่วไป

Serendipity

  • บุคคลทั่วไป
งืมมมมมม สงสารพี่นิวจังอ่า สู้ๆคับ หุหุหุ
 :m15: :m15: :m15: :m15:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
เวลาชีวิตคนเรานี้สั้นนัก

ถ้าพรุ่งนี้เทคเกิดเป็นอะไรขึ้นมา

คงไม่มีอีกแล้ว โอกาสสำหรับความรักที่สวยงาม

ทำไมไม่ทำปัจจุบันให้มีค่าที่สุดหล่ะ

อย่าไปตั้งกฎเกณฑ์ คาดหวัง ตีกรอบ อะไรมากมายให้ชีวิตเลย

มันไม่ได้ทำให้นายมีความสุขหรอก
 :a1: :a1: :a1:

luvdisc

  • บุคคลทั่วไป
คุณน้องเป็นไงละ ชิ เจอคนดี ๆ แล้วก็ไม่รักไม่ชอบ แล้วตอนนี้เป็นไง ชิ
 :m16:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด