Never last, Never end, รักสุดหัวใจแต่บทที่ได้คือ“ตัวประกอบ” พิเศษ "ยอดดวงใจ 26 Jan 12 P44
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Never last, Never end, รักสุดหัวใจแต่บทที่ได้คือ“ตัวประกอบ” พิเศษ "ยอดดวงใจ 26 Jan 12 P44  (อ่าน 310112 ครั้ง)

ออฟไลน์ eiky

  • Played Me!!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1760/-3
“เครื่องบินของสายการบินไทยจะลงจอดที่สนามบินสุวรรภูมิในสิบนาที ขอให้ผู้โดยสารทุกท่านกลับที่นั่งและรัดเข็มขัดให้เรียบร้อย สายการบินไทยขอขอบคุณผู้โดยสารทุกท่านที่ได้ให้ความไว้วางใจ”
เสียงพนักงานบนเครื่องประกาศก่อนที่เครื่องจะร่อนลงจอดที่สนามของบ้านเกิดเมืองนอน ใจผมเต้นตึกตักก่อนหน้านี้นานแล้ว ตั้งแต่เห็นโพ้นทะเลสีดำในยามค่ำคืน ตั้งแต่มองที่หน้าจอว่าเข้าเขตราชอาณาจักรไทยแล้ว ห้าปีที่ผมจากไปจากบ้านเกิด ห้าปีที่ผมไปใช้ชีวิตอยู่ต่างแดนวันนี้กลับมาเยือนแล้ว ใจเต้น ขนลุกขึ้นมาทันที แสงไฟรายรอบสนามบินงดงามเหลือเกินถ้ามองจากมุมนี้บนเครื่องบิน ผมสูดลมหายใจเข้าปอดให้ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้ อากาศของประเทศแม่ ภาพที่คุ้นตา พอผมก้าวพ้นออกมาจากสนามบินก็ยืนนิ่งอยู่บนชั้นสี่ของอาคารสนามบิน ผมไม่เดินลงข้างล่าง ไม่มีเหตุผล ผมอยากจะมองอะไร สูดกลิ่นอะไรต่ออะไรเข้าไปในปอดเสียก่อน ผมห้ามคุณแม่ไม่ให้บอกเขาไม่ว่าจะยังไงว่าผมมาเที่ยวเมืองไทย ไอ้ซันเองผมก็ไมได้บอกมัน ผมอยากจะมาเงียบๆ กลับไปดูทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมเคยเป็น เคยมา ที่ที่ผมคุ้นเคย
“ไปสาธรครับ”
ผมยืนอยู่นานจนรู้สึกว่าต้องไปจากที่นี่เสียที ผมเดินลงไปเรียกแท็กซี่ด้านล่าง จุดหมายปลายทางคือโรงเรียน หอพักที่ผมเคยอยู่ แม้รู้ว่าตอนนี้มันดึกมากๆแล้ว แต่ผมก็ยังอยากจะไปเห็น ผมมองทุกสิ่งทุกอย่างทีผ่านตาไปพยายามจดจำรายละเอียดทุกอย่างให้ได้มากที่สุดเท่าที่สายตาและสมองมันจะกักเก็บได้ กรุงเทพฯวันนี้เปลี่ยนไปพอสมควรจากระยะเวลาห้าปี แต่สิ่งเดิมๆที่ผมคุ้นตามันก็ยังคงอยู่ไม่เลือนหายไปไหน
“จอดหน้าโรงเรียนก็ได้ครับพี่”
ผมบอกแท็กซี่ไป โรงเรียนชายล้วนใจกลางเมืองที่ผมเคยได้ทุนมาเรียน ที่ที่เป็นจุดเริ่มต้นของทุกๆอย่าง ผมลงจากรถแล้วเดินไปมองรั้วทางเข้าของโรงเรียนประตูบานเหล็กบานใหญ่ตอนนี้ถูกปิดสนิท ผมยืนมองให้สายตามองลอดช่องเหล็กนั้นเข้าไปด้านใน มองไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไรแต่ผมก็ดีใจที่ผมได้กลับมา
“ไปโรบินสันบางรักครับ”
ผมนั่งแท็กซี่ต่อไปยังที่ที่ผมบอก ที่ที่ผมกับเขาเจอกันครั้งแรก ที่ที่เป็นจุดเริ่มต้นของทุกๆอย่างเช่นกัน ช่วงค่อนคืนเช่นนี้ถนนสายนี้แม้จะยังไม่หลับไหลแต่ผู้คนที่สัญจรไปมาก็นับว่าน้อยพอสมควรผมลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในร้านแมคโดนัลด์สั่งเบอร์เกอร์มากินแล้วไปนั่งตรงที่ที่ผมกับเขาเจอกัน ผมจำได้ดี มันอยู่ในใจ ผมหยิบโทรศัพท์ออกมา อันเดิมที่เขาเคยซื้อให้ มันยังอยู่กับผมไม่ได้ไปไหน แล้วผมก็เอานิ้วจิ้มดูที่แฟ้มรูปภาพ ทำไมต้องมาดูตอนนี้ ทำไมต้องเป็นวันนี้ ผมไม่รู้ครับ แต่บางอย่างเก่าๆทำให้ผมอยากจะดู ภาพของผมกับเขามันยังอยู่ในเครื่อง ภาพที่ผมสมัยครั้งยังเรียนมัธยมปลายและเขา รอยยิ้มของผมสีหน้าของเขา “เรา”
“พี่ครับถามหน่อย ถ้าผมจะไปสระบุรีนี่ผมต้องไปนั่งรถที่ไหนครับ”
ผมถามพนักงานที่หน้าเคาท์เตอร์ เพราะนั่นคือจุดหมายปลายทางของผม ทำไมผมไม่กลับบ้านไปคลองสามหาพ่อแม่ก่อน ไม่รู้สิครับ ตอนนี้ผมมันเป็นคนหัวกลวงคิดอะไรไม่ออก พนักงานคนนั้นส่ายหน้าบอกไม่รู้ ผมก็พยักหน้าแล้วเดินออกมา คงต้องกลับบ้านแล้วล่ะถ้าอย่างนั้นไปตั้งต้นที่บ้าน อยากเจอพ่อกับแม่ใจจะขาด
“ไปคลองสามครับ”
ระหว่างทางผมก็นั่งมองออกไปนอกรถตลอดเวลา ผ่านตัวเมืองกรุงเทพฯออกมาแล้ว รถแท็กซี่พาผมวิ่งไปเรื่อยๆเหมือนเช่นความคิดของผมที่เอื่อยเฉื่อยแต่กลับค้านกับเสียงเต้นของหัวใจที่ระรัวแรง
“ตรงไหนน้อง”
“เอ่อ หมู่บ้านลลิลวิวครับ”
ผมสะดุ้งตื่นจากภวังค์แล้วบอกออกไป ผมรู้แค่นี้แต่บ้านผมอยู่หลังไหนผมไม่รู้ แต่คิดว่าจะโทรฯถามตั้มเอาเมื่อเข้าในหมู่บ้านแล้ว พอเข้าในหมู่บ้านผมก็ต้องลงกลางทางเพราะน้องไม่รับสาย มันคงจะนอนอยู่ นั่นสินะนี่มันตีสามเอง ผมจึงเดินไปเดินมาหาที่นั่งซึ่งก็คือริมทางเท้าในหมู่บ้าน
“เออตั้ม นี่พี่เองนะ พี่ต้อม”
พอเกือบจะตีห้าผมจึงลองโทรฯอีกรอบครับ
“หือ พี่ต้อม อือ หา พี่ต้อม พี่ต้อมอยู่ไหน”
ตอนแรกเสียงตั้มมันงัวเงียมากๆครับ แต่พอเหมือนมันเรียกสติมาได้มันก็ร้องออกมา พอผมบอกออกไปมันก็บอกมันจะมารับ ผมก็เลยยืนรอ ไม่นานนักผมก็เห็นรถยนต์วิ่งมาจากซอยข้างหน้า แต่ไม่คิดว่าเป็นรถของบ้านผมหรอกครับ
“พี่ต้อมๆ มายังไงทำไมไม่โทรฯมาบอกก่อน พ่อกับแม่ตื่นรอแล้วพี่ ขึ้นมาสิ”
ตั้มมันลดกระจกรถลงครับ นี่เรามีรถเหรอ ไม่เห็นมีใครเคยบอก อาร์ติสรุ่นใหม่
“รถใครตั้ม”
ผมถามน้องครับเพราะสงสัยคาใจมาก
“รถเราสิพี่ พี่นาย เอ่อ”
เหมือนมันจะหลุดปากออกมาครับผมทำตาโตใส่มันให้มันพูดให้จบ
“เอ่อ พี่นายเขาซื้อให้ เขาบอกว่าได้ราคาพิเศษเพราะพี่หลวงทำงานอยู่ที่ศูนย์อ่ะ”
“เอาเงินใครซื้อ”
“เอ่อ แล้วพี่เป็นไงไปไงมาไงอ่ะ ไม่เห็นโทรฯมาบอกเลย ตั้มเรียนปีหนึ่งแล้วนะพี่ สอบเข้าธรรมศาสตร์ได้นะ เรียนกฎหมาย อิอิ”
“อย่าเปลี่ยนเรื่องตั้ม เงินใคร เงินพี่ส่งให้ก็ไม่เยอะขนาดนี้นี่”
“แหมพี่ต้อม พี่นายเขาออกให้ก่อนอ่ะ”
ผมรู้สึกหงุดหงิดมากทันทีครับไม่รู้ว่าทำไม ผมรู้นะว่าเขาอาจจะหวังดีหรืออะไรก็ตามแต่ แต่นี่มันเกินไปเอาเงินมาฟาดหัวครอบครัวของผมแบบนี้ได้ยังไง
“อย่าอารมณ์เสียไปเลยพี่ บ้านเรานั่นน่ะพี่เขาก็ออกเงินครึ่งหนึ่งนะ”
“หา”
ผมร้องออกมาเสียงดังจนไอ้ตั้มมันขับรถส่ายไปมาเลยครับ
“ทำไม ทำไมไม่มีใครบอกพี่”
“ก็พี่นายเขาบอกไม่ต้องบอก เรื่องรถก็เหมือนกัน มีอะไรกันเหรอพี่”
นั่นสินะ น้องมันไม่ได้รู้เรื่องด้วยเลย ผมสูดลมหายใจเข้าปอด
“ไม่มีอะไร ใกล้ถึงบ้านยัง พี่อยากเจอพ่อกับแม่”
“นี่ไงบ้านเรา”
พอน้องบอกผมน้ำตาร่วงทันทีครับ ไม่ใช่ว่าชื่นชมกับบ้านที่หลังใหญ่โตที่น้องมันกำลังจะเลี้ยวรถเข้าไปหรอกนะครับ แต่ที่น้ำตาเอ่อเพราะพ่อกับแม่ผมยืนรออยู่หน้าบ้าน สีหน้าแววตาที่ปะทะกับไฟหน้ารถมันทำให้หัวใจผมหล่นไปกองอยู่กับพื้น
“ปลดล็อกประตูตั้ม”
ผมบอกออกไปเพราะน้องมันกำลังเลี้ยวรถอยู่ พอมันปลดล็อกผมก็กระโจนออกไปจากรถทันที
“พ่อ แม่”
ผมวิ่งเข้ากอดพ่อกับแม่พร้อมกัน น้ำตาเจ้ากรรมมันไหลออกมาอาบหน้า
“พ่อ แม่ ฮือๆ”
ผมกอดสมใจแล้วก็ผละออกมานั่งลงกับพื้นหน้าบ้าน ก้มลงกราบแทบเท้าพ่อกับแม่ทันที น้ำตามันหยดลงจนเปียกพื้น
“โถพ่อคุณของแม่ ใจจะขาด ต้อมลูก นี่ลูกจริงเหรอ ต้อม”
แม่ผมนั่งลงกอดตัวผมไว้สะอื้นไห้ไม่ต่างไปจากผม
“คุณพระคุณเจ้ารักษาลูก”
พ่อผม เกิดมาไม่เคยเห็นพ่อร้องไห้เลยนะครับแต่วันนี้พ่อเองนั่งลงข้างๆแม่ปาดน้ำตาออกกอดกันแน่นสามคน
“ไปยังไงมายังไงต้อม ทำไมไม่บอกแม่ก่อนลูกแม่จะได้ไปรับที่สนามบิน”
เราสามคนนั่งกอดกันร้องไห้อยู่นานพอสมควรจนแม่ผมจูงมือเดินเข้าไปในบ้าน ท้องฟ้าเริ่มทอแสงเงินแสงทองแล้วครับแต่ไฟในบ้านก็ถูกเปิดให้สว่างผมมองสำรวจภายในบ้านอย่างลวกๆ บ้านของเราใหญ่โตพอสมควรเป็นบ้านสองชั้นที่มีพื้นที่บริเวณรอบบ้านที่พอจะปลูกไม้ดอกไม้ประดับได้ ชั้นล่างมีเครื่องเรือนอยู่ครบครัน การตกแต่งก็ทันสมัย
“ต้อมไม่อยากให้พ่อแม่เป็นห่วงครับ อยากมาหา”
“หัวใจแม่จะวายตาย คิดถึงเหลือเกิน”
แม่ยังคงกอดผมอยู่ผมเองก็กอดแม่ พ่อนั่งอยู่ข้างๆจับมือผมอยู่ส่วนตั้มมันเดินไปเอาน้ำมาให้ครับ
“แม่สบายดีนะ พ่อหลังเป็นไงบ้าง”
ผมหันไปหาพ่อของผมที่ดูท่าทางสุขภาพดีขึ้นมากแล้ว
“หลังจากผ่าตัดก็ดีขึ้นเยอะลูก พี่นายเขาดูแลเป็นอย่างดี”
สายตาของผมฉายแววอยากรู้ขึ้นมาอีกครั้ง
“นี่พี่เขาทำให้เราทุกอย่างเลยเหรอพ่อ”
“พ่อ”
แม่ผมขึ้นเสียงครับเหมือนปรามเอาไว้
“เอ่อ ก็”
“อย่าปิดต้อมเลยครับพ่อ แม่ ต้อมอยากรู้ เหมือนพี่เขาจะดูแลเราทุกอย่าง ผมแค่อยากจะไปขอบคุณเขาเท่านั้นเอง”
“แค่ขอบคุณมันคงไม่พอหรอกลูกต้อม”
แม่ของผมเอ่ยขึ้นครับ ผมหันขวับทันที
“แม่หมายความว่าไง แค่ขอบคุณมันคงไม่พอ”
แม่ผมหลุบสายตาลงแล้วถอนหายใจออกมา
“คำขอบคุณมันจะเพียงพอเหรอลูก สำหรับคนที่ให้ชีวิตใหม่กับเรา พี่นายเขาไม่ขออะไรคืน ไม่เคยปริปากอยากได้อะไรคืน แม่เองเคยอ้อนวอนเข้าแล้วว่าอย่าทำให้เรามากมายขนาดนี้เพราะเวลาตอบแทนมันจะทำไม่ได้ แต่เขาก็บอกว่าที่ทำให้เพราะอยากให้เรามีชีวติที่ดีขึ้น ไม่อยากให้ต้อมต้องลำบากหรือเป็นห่วงคนทางบ้าน”
แม่ผมเม้มปากแน่นน้ำตาเอ่อนองออกมา ผมเองก็เม้มปาก คิดมาเสมอว่าที่เขาทำเพราะเขาหวังดีกับผม แต่สำหรับครอบครัวของผม ผมไม่เคยคิดว่าเขาจะใส่ใจมากมายขนาดนี้
“ทำไมพี่เขาทำขนาดนี้”
ผมครางออกมา หัวใจล่องลอยไม่รู้ตัวว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ในหัวมันสับสนไปหมดแล้ว ผมเคยรักเขามาก มันนานมาแล้ว แล้วมันก็หายไปพักใหญ่ ช่วงเวลาที่ผมอยู่กับไอ้ซันช่วงเวลานั้นเขาเองก็หายไปจากชีวิตของผม ผมคิดเสมอว่าเวลามันพรากทุกอย่างไปจากผม แต่ผมคิดผิดไปเอง ช่วงเวลาที่เขาหายไปเขาหันมาทางครอบครัวของผม เขายังคงห่วงใยผมผ่านทางครอบครัวที่ผมรัก แล้วผมควรจะทำยังไง ตอนนี้ใจของผมมันรักไอ้ซันไปแล้ว ส่วนเขา เว้ย นี่มันอะไรกันวะ
“พี่นายเขาเป็นคนดีมากนะลูก เขาดูแลเราดีมากๆ พ่อก็หายเพราะเขา งานเขายุ่งแค่ไหนเขาก็เจียดเวลามาหาพาไปหาหมอที่ดีที่สุด ส่วนน้องเขาก็พาไปเรียนพิเศษจนสอบเข้ามหาวิทยาลัยดีๆได้ จะเอ่ยปากทวงถามบุญคุณก็ไม่เคยมี มีแต่ให้พ่อกับแม่ทำตัวให้สบายอย่าคิดเรื่องค่าใช้จ่าย”
พ่อผมพูดขึ้นบ้างครับ ผมนั่งนิ่งในหัวก็คิดไปต่างๆนานา
“แล้วเงินที่ต้อมส่งให้ล่ะพ่อ”
เงินค่าแรงของผมที่ส่งให้ทุกเดือนนับว่าไม่น้อยนะครับ เพราะจากที่ผมไปถ่ายแบบถ่ายโฆษณามารายได้มันก็ไม่น้อยผมเองเก็บไว้ใช้นิดหน่อยเท่านั้นที่เหลือผมส่งมาทางบ้านหมด
“ก็ยังอยู่ในธนาคาร พี่นายเขาไม่ให้ใช้ เขาบอกเก็บไว้ให้น้องเรียนสูงๆ”
ผมเม้มปากแน่นกว่าเดิมน้ำตาเริ่มเอ่อนองตา
“แล้วบ้านล่ะพ่อ เขาจ่ายหมดเลยเหรอ”
“จ่ายครึ่งหนึ่ง พ่อเองก็ไม่ยอมหรอก แต่พี่นายเขาบอกว่าเงินมันหาใหม่ได้สำหรับเขาเงินไม่ได้มีค่าอะไรมากมายนัก เขาไม่อยากให้เราเอาเงินมาซื้อบ้านหมดแล้วไม่มีเงินเก็บ เขาเลยออกให้ก่อนครึ่งหนึ่ง”
“งั้นต้อมจะเอาเงินไปคืนเขาเอง มันมากไปนะพ่อ”
“แบบนั้นพ่อก็ไม่ว่าลูก พ่อเองก็ตั้งใจว่าแบบนั้น ทั้งบ้านทั้งรถเวลาลูกสองคนมีงานทำแล้วค่อยเอาไปคืนพี่นายเขา เขาเองก็คงไม่ว่า”
เราคุยกันอยู่จนสว่างครับ พอสว่างผมเองก็ได้เดินดูรอบๆบ้าน ยิ่งเห็นยิ่งปวดใจ เพราะอะไรน่ะหรือ เพราะบ้านหลังนี้มันสวยเกินไป ไม่เคยคิดว่าบ้านสวยๆใหญ่ๆแบบนี้เราจะได้เป็นเจ้าของ ผมเริ่มร้อนรนในใจ
“จะไปไหนลูก”
ผมตั้งใจจะไปหาเขาที่สระบุรี ต้องเจอให้ได้ ไม่ว่าจะยังไง
“ต้อมจะไปหาพี่นายแม่ อยากเจอ”
“เดี๋ยวก่อนลูก แม่ตักกับข้าวให้ก่อน”
“หือ ทำไมล่ะแม่”
ผมสงสัยครับ ทำไมต้องมีกับข้าว แต่มันก็คงไม่แปลกอะไรมากนักเพราะถือว่าเป็นของฝาก
“ก็พี่นายเขาชอบเข้ามาที่บ้านทุกวันศุกร์ เขาชอบแกงไตปลาที่แม่ทำ แม่ทำไว้ตั้งแต่เมื่อวานลูก ตักไปให้พี่เขาหน่อย”
นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่าผมเองที่เป็นคนที่ไม่เคยรู้อะไรเลย ผมขับรถออกจากบ้านตรงไปยังสระบุรี ใช้เวลาชั่วโมงกว่าๆเพราะใจร้อน ตอนแรกไม่ค่อยชินกับพวงมาลัยที่อยู่ด้านขวาแต่ผมก็ปรับสภาพได้ไม่นานนัก ผมจำทุกอย่างได้ดีแม้จะผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ตาม ยิ่งทางเข้าในสวนผ่านตา ภาพความทรงจำเก่าๆมันก็ผุดขึ้นมา ขนลุก ปวดใจ บ้านสวนหลังใหญ่มันยังคงสภาพเดินมีต่อเติมระเบียงกับชายคาเพิ่มเติม ต้นไม้ใหญ่หน้าบ้านก็ยังคงแผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงาอยู่เช่นเดิม ใจเต้นแรง ผมเริ่มสั่น
“สวัสดีครับคุณแม่”
คนที่ผมเจอคนแรกคือคุณแม่ของพี่หลวงที่กำลังนั่งเลือกดอกไม้ปักแจกันอยู่โต๊ะหน้าบ้าน โต๊ะที่เราเคยกินบาร์บีคิวกัน ให้ตายเถอะ กลิ่นเก่าๆ ภาพเก่าๆมันตีกลับเข้ามาในสมองผมจนผมแทบจะไม่มีแรงยืน มันบีบคั้นหัวใจเหลือเกิน ผมไม่ได้เจอเขามาห้าปีแล้ว ไม่คิดว่าความรู้สึกมันจะรุนแรงขนาดนี้ นี่ผ่านมาห้าปีแล้วเหรอ มันเหมือนนานแต่เวลานี้ผมว่ามันเพิ่งจะผ่านผมไปได้แค่ไม่กี่วันเอง
“มาหาใครจ๊ะพ่อหนุ่ม”
คุณแม่ยิ้มให้ผมครับ คงจะจำผมไม่ได้ ผมเลยยกมือไหว้แกแล้วยิ้มแห้งๆ
“คุณแม่จำผมไม่ได้เหรอครับ ต้อมไงครับ”
“ต้อม เอ ต้อม ว้ายตาย พ่อต้อมที่หัวเกรียนๆแต่ก่อนน่ะเหรอ ว้าย ตาเถรกินเหล้า เคล้านารี หล่อจังพ่อคุณของแม่ ไปยังไงมายังไง มาๆนั่งก่อนลูก ว้ายตายแล้วๆ”
คุณแม่ทำท่าคิดแล้วพอจำได้ก็ร้องออกมาครับ ท่าทางที่ทำให้ผมต้องยิ้มออกมาจากใจ คุณแม่เดินมาจับมือผมแล้วให้ไปนั่งลงที่แกนั่ง
“หล่อมากพ่อคุณของแม่ ตัวโตขึ้นเยอะ ผิวพรรณนึกว่าดารา ว้ายตายแล้ว ป้าแดนๆ น้องมามาดูน้องเร็ว”
คุณแม่ร้องออกมาหันเข้าไปในบ้าน สักพักพี่แดนก็เดินออกมา พี่แดนมองไกลๆดูแล้วแกคล้ำลงมากทีเดียวครับ แต่สีหน้าดูสดใสร่าเริงมากคงเพราะอยู่ในที่ที่อากาศดี
“ต้อม นี่ต้อมเหรอ กรี๊ด ขอแตกสาวหน่อยเถอะคุณแม่ ตายแล้ว หล่อมากต้อม หล่อลาก หล่อฟาดมากๆ ตายแล้วๆ ไปยังไงมายังไงพ่อคุณ”
อีกหลายคำที่ทั้งสองคนร้องสลับกันไปมาครับ คำพูดที่ทำให้ผมยิ้มและหัวเราะไปด้วย ดีใจนะ ดีใจมากที่ได้กลับมายืนอยู่ตรงนี้ที่เดิมที่ที่ผมเคยอยู่ ทุกๆอย่างยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย แล้วอะไรที่ทำให้ผมคิดว่าทุกๆอย่างมันเปลี่ยน อะไรที่ทำให้ผมคิดว่าเวลามันนำพาเอาทุกอย่างไปจากผม หรือทำให้ผมลืมเลือนไป ผมคิดไปเองใช่ไหม
“ดีใจที่สุดเลยต้อม นายมันเคยเอารูปที่เราถ่ายโฆษณามาให้พี่ดูนะ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นน้องพี่ ตัวจริงหล่อกว่าในรูปอีก”
“นั่นสิป้าแดน แม่เองตกใจมากนึกว่าดารามาจากไหน กรี๊ด คืนนี้อยู่ค้างนะลูกแม่จะจัดชุดใหญ่ ไม่ได้แล้วดีใจต้องป่าวประกาศ”
“ผมมาหาพี่นายครับคุณแม่ ไม่อยู่เหรอครับ”
“อ้อ ลูกนายเหรอ อยู่ในแล็ปในสวนน่ะลูก”
ผมทำหน้าสงสัยครับ
“อ้อ ก็นายมันสนใจทำดอกไม้สดสต๊าฟไงต้อม เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาก็เลยสร้างห้องทำงานให้มันในสวน วันๆก็อยู่แต่ในนั้นล่ะ พี่กับคุณแม่ต้องเป็นบ่าวให้มัน”
ผมพยักหน้าตามที่พี่แดนเล่าครับ
“เดี๋ยวพี่พาไป มันไม่สวยเหมือนก่อนแล้วนะต้อม โทรมเชียวเดี๋ยวนี้”
“ว้ายป้าแดนก็ ลูกนายก็ยังผ่องเหมือนเดิมล่ะจ้าลูกต้อม แค่มีริ้วรอยนิดหน่อยเท่านั้นเอง โฮะๆ”
“ครับ”
คนที่พาผมไปคือพี่แดนครับ เราเดินผ่านแปลงกุหลาบกับมะลิเข้าไปในสวน กลิ่นดอกไม้ส่งกลิ่นหอมปะทะจมูก มันพัดพาความทรงจำเก่าๆเข้ามาในหัวสมองของผม ภาพต่างๆที่เกิดขึ้นมันฉายอีกครั้งเลือนรางไม่แจ่มชัดเท่าใดนัก ผมมองเห็นหลังคาของห้องที่สร้างให้เขาอยู่ไกลๆ สายตาอ่านภาพใจก็เริ่มสั่น
“เราเดินไปเองนะต้อม พี่มาส่งแค่นี้ล่ะ เดี๋ยวพี่จะไปเตรียมอาหารเลี้ยงต้อนรับเรากับคุณแม่”
“เอ่อ ครับพี่”
พี่แดนพูดเหมือนว่ารู้ว่าผมเองก็อยากจะเจอเขาเป็นการส่วนตัว ขอบคุณนะครับพี่ ผมเดินต่อไปยังห้องนั้น พอไปยืนตรงหน้าอาคารชั้นเดียวเล็กๆที่สร้างขึ้นมาอยู่ท้ายสวน มีดอกไม้ต่างๆปลูกล้อมรอบกระจกบานใสทำให้ผมเห็นร่างของเขากำลังง่วนอยู่กับการทำอะไรสักอย่างในห้องนั้น ใจสั่น แรงไม่มีพอที่จะทำให้ผมก้าวเดิน ผมคิดเสมอว่าเขาได้เลือนหายไปจากใจแล้ว ไม่จริงเลยครับ ยิ่งเห็นเขาอยู่ต่อหน้าแบบนี้ ผมไม่มีทางไปเลย ใจมันสั่นจนควบคุมไม่ได้ ผมเป็นอะไรไป พลันเขาหันมาเจอ สิ่งที่ผมเห็นคือเขาอ้าปากค้างอยู่พักหนึ่งแล้วเหมือนปรับสภาพตัวเองแล้วเดินออกมา


To Be Continued
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-08-2011 10:03:39 โดย eiky »

ออฟไลน์ eiky

  • Played Me!!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1760/-3
“ต้อม”
เขาเดินออกมาจากห้องยืนอยู่หน้าประตู ผมยืนนิ่งตัวชา เขาไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย มีเพียงผิวที่ดูคล้ำลงนิดหน่อย ผมยาวขึ้นแต่ไม่มาก แววตายังคงเหมือนเดิม ยังคงเป็นเขาคนเดิมไม่เปลี่ยนไปเลย
“พี่”
ผมครางออกไป ตอนนี้เองที่อยากจะวิ่งเข้าไปกอด ความรู้สึกที่ซ่อนหลบมุมอยู่ในซอกหลืบของใจมันดีดดันออกมาแสดงตัวอย่างชัดเจนว่าผมคิดอะไรอยู่
“มาเมื่อไหร่”
“อ่ะ เอ่อ มาเมื่อคืน”
เขาเดินตรงมาหาผมแล้วยิ้มให้ อย่ายิ้มได้ไหม อย่าได้ยิ้ม ด่าว่าอะไรผมก็ได้ แต่อย่ายิ้ม ผมใจจะขาด
“ทำไมไม่บอกว่าจะมา”
มือของเขาสัมผัสที่แขนของผม สัมผัสที่ทำให้ผมถึงกับสะดุ้งผมอยากจะร้องไห้ออกมาเขาเองสีหน้าก็ไม่ต่างจากผมเลยแต่เหมือนว่าเราสองคนกำลังสร้างกำแพงที่เข้มแข็งมากางกั้นม่านน้ำตาเอาไว้
“เอ่อ บอกก็ไม่เซอร์ไพรส์สิพี่”
“นะ แล้วไปหาแม่มาหรือยัง”
“ไปมาแล้ว พี่สบายดีเหรอ ไม่เจอตั้งนาน”
“ก็อย่างที่เห็น แกล่ะสบายดีไหม แต่ท่าทางคงสบายดีสินะ”
“ก็ดีพี่ แล้วพี่กะอยู่นี่ไปตลอดเลยเหรอ”
“มานี่จะมาคุยเหรอ หรือว่ามาแค่เจอหน้าพี่แล้วก็ไป”
“หือ ทำไมถามแบบนั้นอ่ะพี่ อยากเจอ อยากคุยสิถึงมา”
“งั้นไปนั่งหลังห้อง เรากินกาแฟไหม”
“ลาเต้ร้อนนะพี่”
“อย่าบอกนะว่าใส่ชินนาม่อน”
“นั่นล่ะ”
ผมเม้มปากครับ เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะเขาเองกินแบบนั้นและผมก็ได้มาจากเขา ผมเดินอ้อมไปด้านหลังที่เหมือนต่อเติมให้มันเป็นหลังคายื่นออกไปมีโต๊ะน่ารักตั้งอยู่มีเก้าอี้ไม้วางไว้สองตัว มีแจกันดอกไม้วางอยู่บนโต๊ะเต็มจนไม่มีที่จะวางของอย่างอื่น ผมนั่งลงด้วยหัวใจที่แปลกประหลาด ความรู้สึกกระชุ่มกระชวยความรู้สึกที่ดีมากๆมันแทรกซึมขึ้นมาตามตัว เต็มไปทั้งใจ
“แล้วจะมากี่วัน จะลงทะเบียนเรียนทันเหรอ”
เขาเดินกลับมาพร้อมแก้วกาแฟในมือสองแก้ว กลิ่นของลาเต้ร้อนผสมชินนาม่อนทำให้ผมหลับตาสูดกลิ่นนั้นเข้าปอดไปอย่างเป็นสุข
“ก็กะว่าสักสองสามอาทิตย์พี่ ใจจริง”
“อย่าพูดว่าไม่อยากเรียนต่อ ตัดสินใจไปแล้วนะ แล้วนี่จะไม่ไปเที่ยวไหนเลยเหรอ หรือว่ามาอยู่แต่กับพ่อแม่ที่กรุงเทพฯ”
“ก็คงไปๆมาๆ”
“หือ ไปๆมาๆไหน”
“กับที่นี่ไง”
เขานิ่งไปครับยกแก้วกาแฟขึ้นจิบเหมือนกำลังคิดว่าจะพูดอะไรต่อ
“อืม เป็นไงบ้างที่บ้านโอเคไหม”
“นี่ล่ะพี่เรื่องที่ผมอยากจะคุยกับพี่ เออ แม่ฝากแกงไตปลามาให้ด้วยนะ”
“เหรอ คุยเรื่องอะไรล่ะ ถ้าเรื่องบ้านกับรถ เรียนจบแล้วค่อยมาคุย”
เอ่อ ผมสะอึกไปครับ เขาเหมือนมองผมออกทุกๆอย่างเลย นี่ผมอ่านง่ายขนาดนั้นเชียวหรือ
“พี่ทำแบบนี้ทำไมอ่ะพี่ มันมากไปนะ มันเยอะเกินไป”
“เอาอะไรมาวัดว่ามันมากไปหรือน้อยไปต้อม สิ่งที่พี่ทำให้น่ะ พี่รู้ว่าพี่ทำได้แค่ไหน หรือให้ได้มากเท่าไหร่ ไม่คิดจะให้ฟรีนะอย่าคิดดีใจไป”
ผมอึ้งกว่าเดิมอีก
“ผมไม่เอาฟรีๆแน่พี่”
“ก็นั่นล่ะ ก็บอกแล้วไงว่าเรียนจบทำงานแล้วค่อยมาคุยกันเรื่องนี้ นี่มาถึงนี่จะคุยกับพี่แค่เรื่องนี้เองเหรอ”
เขามองหน้าผมจ้องตา จนผมเองรู้สึกว่าไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ไม่ว่าจะนานเท่าไหร่ ผมสู้สายตาเขาไม่ได้จริงๆ
“ก็ เอ่อ ไม่ใช่แค่เรื่องนี้ แล้วพี่อยู่เบื้องหลังทุกอย่างเลยเหรอ ทุกๆอย่าง”
“แหมแก พูดเหมือนชั้นบงการอะไรอยู่อย่างนั้นล่ะ เวอร์ไปนะอยู่เบื้องหลัง อะไรล่ะที่แกหมายถึงน่ะ”
“ก็เรื่องเรียน เรื่องที่บ้าน ชีวิตของผม”
เขานิ่งไปครับ สูดหายใจเข้าปอดเหมือนกำลังจะพูดอะไรสวนออกมาแต่นิ่งไว้ก่อน
“เรื่องเจ้าซันด้วยนะ”
“หา หมายความว่าไงพี่”
“แล้วเรารู้สึกว่าพี่วุ่นวายกับชีวิตเรามากไปเหรอต้อม มันมากไปนี่คือวุ่นวายหรือว่าเข้าไปจัดการบงการกับชีวิตเรามากเกินไปเหรอ เออนั่นสินะ พี่ลืมไป ถ้าจะให้พี่หยุด เราไม่สะดวกหรืออึดอัดก็บอกนะ พี่จะหยุดเอง”
“ไม่พี่ บอกมาก่อนเรื่องไอ้ซันหมายความว่ายังไง”
ผมขึ้นเสียงครับ ในใจมันเต้นร้อนรุ่มไปหมดอยากจะรู้ขึ้นมา
“ก็ไม่มีอะไรมาก พี่แค่ฝากเจ้าซันให้ดูแลเรา ก็เท่านั้นเอง”
“พี่หมายความว่ายังไง”
“ไม่มีความหมาย แค่ให้เจ้าซันมันดูแลเรา ทำไปก็เพราะห่วงนะต้อม ไม่ได้คิดอะไรอย่างอื่น”
“นี่พี่หมายความว่าพี่คุยกับมันเหรอ พี่รู้เรื่องของเรามาโดยตลอดเหรอ”
ผมขึ้นเสียงหนักกว่าเดิม สายตาคงจะเกรี้ยวกราดมากแต่เขากลับนิ่งสนิทไม่ได้สะทกสะท้านแต่อย่างใด
“พี่ขอโทษนะต้อม พี่แค่อยากให้เรามีชีวิตที่ดี มันคงจะดูวุ่นวายเยอะไปสำหรับเรา แต่เข้าใจพี่ด้วยนะ”
“เข้าใจอะไร พี่นั่นล่ะเข้าใจผมบ้างไหม พี่ทำเหมือนผมไม่มีชีวิตเป็นสิ่งของ จะบงการอะไรก็ได้เหรอ แล้วความรู้สึกผมพี่จะให้ผมทำยังไง ไม่เห็นใจผมบ้างเลยเหรอ ผมจะทนอยู่กับความรู้สึกที่เสียใจยังไง พี่ยัดเยียดมันเข้ามาในชีวิตผม แล้วถีบผมออกจากใจพี่น่ะเหรอ พี่ทำได้ยังไง”
“พี่ขอโทษต้อม”
“พี่ทำทำไม ทุกๆอย่างที่ผ่านมาพี่ใช่ไหมที่พยายามจะกันผมออกจากชีวิต แล้วให้คนอื่นเข้ามา พี่ทำเหมือนผมไม่มีค่าอะไรเลย”
ผมร้องไห้แล้วครับ ทนไม่ไหว เขาเองก็เม้มปากแน่น
“ใช่พี่อาจจะดูบงการชีวิตของเรา แต่นั่นก็เพราะพี่อยากให้เรา”
“พอเถอะพี่ อยากให้ผมมีความสุข อยากให้ผมมีชีวิตที่ดี แล้วอะไรเหรอที่พี่คิดว่าดี การที่พี่กีดกันผมออกจากชีวิตของพี่ แล้วทำให้ผมรักคนอื่นน่ะเหรอ ทำทำไม พี่ทำทำไม”
“ต้อม”
เขาน้ำตาไหลออกมาครับ นิ่งอยู่ไม่พูดมีเพียงเสียงผมที่จะเบ็งใส่เขา
“พี่ใจร้ายมาก ผมเคยรักพี่มาตลอด แต่ไม่คิดว่าพี่จะเกลียดผมมากขนาดนี้ ผมไม่ได้ขออะไรขากพี่เลยนะ แค่ได้รัก แต่พี่ก็ทำให้มันเป็นแบบนี้ ผมเสียใจ”
“ต้อม แล้วเรารู้อะไรเหรอ หา เรารู้อะไรเกี่ยวกับพี่บ้าง เราคิดเหรอว่าพี่จะทนดูเราเฝ้าฝันถึงพี่โดยที่พี่ก็มีคนอื่น แล้วคิดเหรอว่าพี่จะมีความสุข ที่พี่ทำทุกอย่างก็เพื่อที่จะให้เราได้ก้าวเดินต่อไปโดยที่ไม่หันกลับมามองพี่ เรารู้เหรอว่าพี่ไม่เสียใจ เรารู้เหรอว่าพี่ไม่ทรมานปวดใจ พี่อยู่แบบนี้เราคิดว่าพี่เองมีความสุขมากนักเหรอต้อม รู้ไหมว่าการที่รักใครสองคนพร้อมกันน่ะ มันไม่ได้มีความสุขเลยนะ มันมีแต่ทุกข์ ทุกข์อย่างที่พี่เป็นอยู่”
เขาโพล่งออกมาครับน้ำตาเอ่อนองหน้า
“พี่รู้ได้ไงว่าผมจะมีความสุขโดยที่ไม่มีพี่”
“ตอนนี้เราก็ไม่มีพี่แล้วนี่ ซันล่ะ เราจะเอามันไปไว้ที่ไหน”
ผมสะอึกครับ มันเป็นแผนชั่วร้ายมากของเขา ร้ายเสียจนผมคิดคำพูดไม่ออก ที่แท้เขาเองเป็นคนดันไอ้ซันเข้ามาในชีวิตของผมโดยที่จะกันผมออกจากใจ ให้ผมรักคนอื่นเพื่อที่ผมจะได้ลืมเขาไปเสีย แต่มันได้ผลเหรอ อะไรในใจมันไม่ได้ลบง่ายดายถึงเพียงนั้นเขาเองก็น่าจะรู้ แต่ก็อย่างที่เขาว่า แล้วไอ้ซันล่ะ ตอนนี้ให้ผมบอกว่าผมไม่ได้รักมันก็ไม่ใช่
“พี่ เลวมาก”
“ต้อม”
เขาอ้าปากค้างครับ ผมเองก็ไม่รู้ว่าพูดแบบนั้น คำนั้นออกไปได้ยังไง แต่พอพูดแล้วถึงรู้ว่าผมพูดเกินไป
“เอ่อ ผมขอโทษ แต่พี่”
“พอเถอะต้อม เรื่องวันนั้นระหว่างเรายังจำมันอยู่เหรอ ลืมๆมันไปเสียบ้างนะ รกสมอง ดูสภาพพี่ตอนนี้สิ มีแต่จะแก่ไปข้างหน้า ส่วนเรากำลังเข้าสู่วัยหนุ่มเต็มตัว มีอะไรอีกหลายอย่างที่จะผ่านเข้ามาในชีวิต อย่ามองกลับมา สัญญาที่เคยให้ไว้พี่คิดว่าเราทำได้แล้ว พี่ดีใจมากที่เรายังคิดถึงพี่อยู่เสมอ พี่เองก็รักและปรารถนาดีกับเรามาตลอด แต่ว่าเราเองมีชีวิตอยู่กับความเป็นจริงนะต้อม ไม่ใช่ภาพในฝันหรือจินตนาการ นี่คือความจริง ความจริงที่เราสองคนต้องยอมรับมัน บางทีความในใจมันก็พูดออกมาหรือแสดงออกมาไม่ได้หรอกนะ ถ้าไม่อย่างนั้นเขาจะเรียกว่าความในใจเหรอ ความในใจที่มีไว้ให้เราเจ้าของร่างเก็บไว้ในใจคนเดียว”
“พี่ ผมทำอะไรไมได้เลยใช่ไหม”
ผมครางออกมาครับ ปวดร้าวใจเป็นที่สุด วันนั้นที่เราพูดกันไว้หลังจากที่เขาเป็นผู้ชายคนแรกที่ผมมีอะไรลึกซึ้งด้วย ไม่ใช่แค่เพียงการมีอะไรกันภายนอก เพราะเขาเองบอกไม่หมดแต่เรามีอะไรกันลึกซึ้งกว่านั้นมาก มากเสียจนทำให้ผมอยากจะแย่งเขามาจากพี่หลวง ผมรู้สึกรักเขาตั้งแต่ตอนนั้น ไม่เคยคิดว่าผมเองจะรักผู้ชายไม่ว่าคนไหน แต่ผมก็รักเขาไปแล้ว ยอมมีอะไรกับเขาแล้ว เขาเป็นคนเดียวที่ผมมีอะไรด้วย แม้แต่ไอ้ซันเองผมยังไม่เคยมีอะไรเกินเลยไปมากถึงเพียงนั้น มันไม่ได้ฝังใจอะไรมากนักหรอกนะครับ แค่มันติดอยู่ในใจเสมอมาไม่เคยลบเลือนเท่านั้นเอง
“ทำได้สิต้อม เดินต่อไป เรายังมีครอบครัว ยังมีเจ้าซัน และที่สำคัญเรามีพี่เสมอ”
“ในฐานะพี่กับน้องใช่ไหม”
เขานิ่งครับเม้มปากแน่น
“ฐานะที่เกินกว่านั้นให้เก็บไว้ในใจเถอะนะต้อม พี่เข้าใจความรู้สึกเรา แต่ก็อยากให้เรารู้ว่าพี่เองก็เจ็บและทรมานไปไม่น้อยกว่าเราหรอกนะ”
“ผมถามพี่อีกอย่างเดียวพี่ อย่างเดียวจริงๆ”
เขาพยักหน้าครับ น้ำตาที่ไหลออกมาเขาไม่ได้ปาดหรือทำให้มันเหือดแห้งไปเลยปล่อยให้มันไหลออกมานองหน้าอาบแก้ม ยิ่งเห็นผมยิ่งปวดใจอยากจะเอื้อมมือไปเกลี่ยมันออกจากดวงหน้าที่ผมรักนั้น แต่ก็ได้แค่นั่งปวดใจอยู่แบบนี้
“พี่รักผมบ้างไหม เคยรักบ้างไหม”
ผมพูดออกไปพลันน้ำตาก็ไหลออกมาอีกครั้ง อยากรู้อยู่อย่างเดียว อย่างอื่นไม่อยากจะรู้แล้ว
“รักสิต้อม รักมาก รักมาโดยตลอดไม่เคยจาง เราอาจจะไม่รู้ว่าพี่รักเรามากแค่ไหน แต่ขอให้รู้ว่าที่พี่ทำทุกอย่างก็เพราะพี่รักเรา รักเราเสมอมา แต่ก็อย่างที่พี่บอก ความรักบางทีมันก็ไม่จำเป็นต้องสมหวังหรือตามใจมันไปเสียทุกอย่าง พี่มีพี่หลวงแล้ว พี่ทำกับเขาแบบนั้นไม่ได้ พี่รู้ว่าพี่เลว แต่ก่อนที่เราจะด่าว่าพี่ ขอให้รู้ไว้ว่าพี่รักเรา”
ผมสะอื้นออกมาครับ ทุกสิ่งทุกอย่างที่มันคั่งค้างในใจมันหลั่งไหลออกมา ผมนี่โง่จริงๆเชียว โงเสียจนไม่รู้จะเปรียบกับอะไรดี ความสลับซับซ้อนของมวลแห่งความคิดและจิตใจมันยากที่จะเข้าใจโดยง่าย แต่ผมก็พอจะเข้าใจว่าทำไมเขาถึงทำแบบนี้
“พี่รักเรา เราอยู่ในใจพี่เสมอ แต่พี่ก็อยากให้เราเดินต่อไปต้อม พี่ไม่มีทางจะทิ้งหลวงเพราะพี่ก็รักเขามากเช่นกัน และพี่ก็เชื่อว่าเราเองก็จะไม่มีทางทำอย่างนั้นกับเจ้าซัน พี่ผิดเอง ผิดตั้งแต่เริ่ม พี่เป็นคนสร้างเรื่องทุกอย่างขึ้นมาเอง พี่ขอโทษ”
“แล้วมันจะจบยังไงพี่ พี่อยากให้มันจบยังไง”
“ต้อม รู้ไหมว่าคนเรามีชีวิตที่ต่างกัน พี่บอกเราแล้วบางอย่างในใจมีเพียงเราคนเดียวเท่านั้นที่จะรับรู้และเข้าใจมัน มีเพียงแต่เรา และบางอย่างในใจไม่ใช่ว่ามันจะเป็นจริงหรือสุขสมหวังได้ทุกอย่างไป เราจะไม่มาจมอยู่กับความในใจนั้น พี่รู้ว่าพี่ผิดที่ดึงเราเข้ามาในวงโคจรทุเรศของพี่เอง พี่เสียใจมาก แต่สิ่งที่พี่บอกเราออกไปว่าพี่รักเรา มันก็คือความจริง ความจริงที่มันเป็นความในใจของพี่คนเดียว และพี่เองก็อยากให้เราเก็บมันไว้ในใจเหมือนกัน เราล่ะรักเจ้าซันมันไหมล่ะ รักบ้างไหม”
เขาถามกลับครับผมเม้มปากแน่น
“ครับพี่ มันเป็นคนดี”
“นั่นล่ะต้อม นั่นคือชีวิตจริงไม่ใช่ความในใจ ใจของเราสองคนมันมีปมมีรอยแผลแล้วและรอยแผลในใจของเราก็เกิดมาจากพี่ สิ่งที่พี่ทำก็เพื่ออยากให้มันลบเลือนไป หันไปมองคนที่เขารักเราและเราก็รักเขา ชีวิตจริงของเรามันต้องก้าวต่อไป พี่เองก็เหมือนกันกับเรานั่นล่ะ”
เราสองคนนั่งอยู่นานแสนนานจนบ่ายคล้อย อากาศที่เย็นสบายไม่ได้ช่วยอะไรเลย ในใจผมมันร้อนรุ่มอยู่ไม่มีวันทุเลาเบาบางลง แต่พอได้คุยมากขึ้นผมก็พอจะเข้าใจเขา เอาเถอะครับ อย่างน้อยเขาทำทุกอย่างก็เพราะเขารักผม ผมดีใจนะที่ได้ยินคำนี้ออกจากปากของเขา เพราะคิดเองมาเสมอว่าเขาคงไม่ได้รักผมไปมากกว่าการเป็นพี่น้อง แต่ก็นั่นล่ะครับอย่างที่เขาบอกว่าความรักของเขาที่มีต่อผมมันเป็นความในใจ ความในใจที่เขาเก็บมันไว้เบื้องลึกที่สุดของหัวใจ ปวดร้าวก็ตรงนี้เอง ผมเองก็หวนคิดไปถึงไอ้ซันมันครับ มันผิดอะไรไหม ไม่เลย มีเพียงแต่ผมเท่านั้นที่ดึงมันเข้ามา หรือมันเข้ามาเองผมไม่รู้ รู้แต่ตอนนี้ผมเองก็รักมันเป็นห่วงมัน แม้ในใจของผมจะมีปม จะมีคนอื่นอยู่แทรกตรงส่วนลึดที่สุดของใจเช่นเดียวกัน
“แล้วมันจะเป็นยังไงต่อไปเหรอพี่”
ผมไม่ร้องไห้แล้วครับ เราเริ่มคุยกันเป็นปกติไม่โวยวายไม่ตะเบ็งเสียงใส่กัน มีเพียงเสียงที่แผ่วเบาลอดออกจากลำคอผ่านไรฟันออกมา
“ก็ให้มันเป็นอย่างที่มันควรจะเป็น เราอยู่ได้ด้วยตัวเองตั้งห้าปีต้อม แล้วจะอยู่ต่อไปอีกก็ไม่น่าแปลก ความรู้สึกมันเลวร้ายก็จริงแต่มันฆ่าเราไม่ได้หรอกนะ เราก็ก้าวไปในทางของเรา ต่อจากนี้พี่เองก็จะไม่ทำอะไรลับหลังเราอีกต่อไปแล้ว ถ้าจะทำอะไรก็จะบอกตรงๆ เพราะเรารู้แล้วนี่ว่าพี่เองคิดอะไร ทำเพราะอะไร”
“เราจะไมมีโอกา..”
“คิดว่ายังไงล่ะ พี่บอกแล้วชีวิตจริงมันสลับซับซ้อน ไม่ดีเหรอที่มีพี่อยู่ส่วนลึกของใจ อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าเราเองก็เจ้าชู้ไม่เบา อิอิ”
“บ้า ผมน่ะเหรอเจ้าชู้ พี่สิเจ้าชู้”
“ก็พี่เป็นนางร้ายนี่ต้อม ลืมไปแล้วเหรอ”
“ผมกอดพี่ได้ไหม”
“ไม่ได้ กอดทำไมให้มันรื้อฟื้นขึ้นมาอีก”
“แค่ครั้งเดียวพี่ ครั้งสุดท้าย”
เอาเถอะครับ ยังไงเสียผมก็เข้าใจอะไรหลายๆอย่างขึ้นมาบ้างแล้ว ที่อยากจะกอดก็เพราะอยากกอดจริงๆ กอดคนที่เรารักมันผิดตรงไหน แม้คนๆนั้นจะอยู่ส่วนลึกที่สุดของใจก็ตามที
“อืม”
ผมยืนขึ้นแล้วดึงตัวเขาเข้ามากอด รู้ไหมว่าผมรู้สึกอะไรอยู่ ผมรู้สึกรักเขาจนล้นใจ รักมากๆ แต่พอกอดไปสักพักผมก็ได้คิดว่านี่มันเป็นเพียงความฝันอย่างที่เขาบอก ความจริงชีวิตจริงของผมมันเป็นอีกอย่าง ผมมีอีกคนที่รอให้ผมกอดอยู่แบบนี้เช่นกัน คนที่เขารักผมด้วยหัวใจไม่ต่างอะไรจากผม ผมเองก็รักเขา รักเขามากเช่นกัน
“ขอบคุณนะพี่”
“อืม สบายใจขึ้นยังล่ะ”
“ก็ดีกว่าไม่รู้อะไร”
“อ่ะนะ รู้แล้วก็ดีแล้วนี่ แล้วนี่แกไม่หิวเหรอ บ่ายกว่าแล้วนะ”
“หิวดิพี่ ก็พี่อ่ะมัวแต่ชวนคุย”
“นะ ใครกันชวนคุย หิวก็ไปดิ มานั่งทำตาละห้อยเพื่อ”
“เวอร์แระพี่ ใครนั่งทำตาละห้อย แต่เอ๊ะพี่ ก้นย้อยๆป่ะเนี่ย”
“อ๊ะ ไหน ไม่มีทางชั้นขมิบทุกวัน”
เขาก็ทำท่าหันไปมองดูก้นตัวเองล่ะครับ ผมก็หัวเราะออกมา มันเป็นสิ่งเดิม มันเป็นความรู้สึกเดิม เฮ้อนะ ความรู้สึกเหล่านี้มันเป็นไปได้แค่นี้สินะ มันคงไปไกลสุดได้เท่านี้จริงๆ ระหว่างผมกับเขา
“ไอ้บ้า ออกจะเต่งตึง”
“แหมนะห่วงแต่เรื่องแบบนี้นะพี่อ่ะ”
“แน่นอน แกเดินก่อนสิ”
“อ้าวทำไมอ่ะ”
“เดี๋ยวแกก็จะว่านั่นว่านี่อีก เดินก่อนเลย”
“แหมๆ จะเดินดูคนเดินซ้ายขวาๆซะหน่อย อิอิ รู้ทันอีก”
“อย่ามาเร็วดิ ป่านนี้คุณแม่รอจะแย่แล้ว”
ผมสูดเอากลิ่นของสวนดอกไม้เข้าปอด พยายามมองทุกจุดที่เคยผ่านตา มันจะเป็นความทรงจำครับ ผมบอกตัวเองแบบนี้ ผมขับรถกลับตอนเกือบเย็น ไม่รอเจอพี่หลวงเพราะแกยังไม่เลิกงาน ผมเองก็ไม่อยากเจอเท่าไหร่นักหรอกนะ ไม่รู้สิ จุดหมายปลายทางต่อไปของผม คือคนที่จะครอบครองหัวใจของผม คนที่เป็นชีวิตจริงไม่ใช่เก็บเขาไว้ในก้นบึ้งของหัวใจ
“ต้อม มึงอยู่ไหนเนี่ย นี่มันยังไม่เช้าเลยนะ โทรฯมาทำไมตอนนี้”
คือผมยังไมได้เปลี่ยนเบอร์หรืออะไรนะครับ เบอร์ก็ยังคงใช้เบอร์ที่โน่นโทรฯไปหามัน
“ก็กูนอนไม่ค่อยหลับคิดถึงมึงอ่ะ”
“อ่านะ เพิ่งเคยได้ยิน แล้วไม่ทำไรเหรอวันนี้อ่ะ หนาวไหมนี่โน่น”
“ไม่ค่อยเท่าไหร่ มึงล่ะ วันนี้จะไปไหน”
“ก็ว่าจะไปซื้อเสื้อผ้าหน่อยอ่ะ เพราะที่ขนมามีแต่หนาๆ ที่นี่ร้อนมากมึงก็น่าจะรู้”
“แม่เป็นไง สบายดีไหม”
“ก็ดี เดี๋ยวว่าจะพาแม่ไปด้วย มึงโทรฯมาไม่เปลืองตังค์เหรอวะ”
“ไม่เปลืองหรอก โทรฯหาแฟนต้องกลัวเปลืองด้วยเหรอวะ”
“อ่า มึงเป็นไรป่ะเนี่ย มาแปลกๆ”
“อ้าวนะ ทำไมวะแปลกตรงไหน”
“ก็มึงไม่เคยพูดแบบนี้นี่หว่า และที่สำคัญ มึงเรียกกูว่าไงนะ อิอิ”
ส่วนที่ผมต้องเติมมันให้เต็มคือตรงนี้เองล่ะครับ
“แฟนไง ทำไมมึงเขินเหรอ”
เสียงมันหัวเราะครับ ผมก็ยิ้มออกมาคิดถึงหน้าของมัน
“บ้านะมึงอ่ะ พูดแบบนี้กูก็เขินดิ”
“แล้วมึงจะไปไหน ซื้อเสื้อผ้าน่ะที่ไหนวะ”
“ว่าจะไปเดินพารากอนอ่ะ ไม่อยากไปตอนกลางวันร้อน”
“อ้อ ร้านไหนวะ”
“ก็น่าจะซาร่า ทำไมเหรอ”
“ก็ถามไง เอ้ มึงนี่ยังไง แล้วนี่มึงจะออกจากบ้านกี่โมง”
“ก็สักหกโมงอ่ะ มึงแปลกๆจริงๆว่ะ มีไรป่ะเนี่ย”
“ไม่มี๊ เออๆ แค่นี้ล่ะ คิดถึงกูป่าวมึงอ่ะ”
“ถามได้ คิดดิ”
“ดีมาก งั้นแค่นี้ก่อน เดี๋ยวกูโทรฯหาใหม่”
ผมวางสายไปแล้วรีบบึ่งรถไปยังที่ที่มันจะไปครับ ผมคงต้องเจอแม่ยายด้วยสินะ ตายห่าหน้าตายังเหมือนคนไมได้นอนอยู่เลยนะ เอาไงดีวะเนี่ย ตอนนี้เพิ่งจะออกจากสระบุรีเองมีเวลาอีกไม่นานนักกว่าจะไปถึงกลางเมืองผมรีบขับรถไปตามถนน ตอนนี้หัวใจมันเหมือนมีสิ่งใหม่ที่เฝ้ารออยู่ สิ่งที่ผมไม่เคยพูดกับมันเลยตั้งแต่รับมันเข้ามาในหัวใจ สิ่งใหม่หลังจากที่สะสางสิ่งที่คั่งค้างอยู่ในใจมานานแสนนาน ถึงเวลาเสียทีที่ผมจะได้บอกกับมัน บอกออกไปจากใจจริงๆ
“อยู่ไหนวะเนี่ย”
ผมโทรฯเข้าไปหามันอีกรอบหลังจากที่จอดรถเสร็จ จากวันนั้นถึงวันนี้ไม่เคยคิดเลยนะครับว่าผมจะมีโอกาสทำแบบนี้ มีรถขับแม้จะไม่ใช่เงินผมก็ตาม เข้ามาที่พารากอนไม่ใช่มาเพื่อให้เขาซื้ออะไรให้ แต่มาที่นี่เพื่อที่จะมาหาคนที่ผมรัก คนที่จะเข้ามาในชีวิตจริง
“อยู่ที่ร้านซาร่า มึงล่ะอยู่ไหน”
“ก็ยังอยู่ที่บ้าน ร้านมันอยู่ชั้นไหนวะกูลืม”
“หือ ทำไมอ่ะ พูดเหมือนมึงอยู่ที่นี่ยังงั้นล่ะ”
“บ้าเหรอกูก็แค่อยากรื้อฟื้นความทรงจำนิดหน่อยเอง แล้วแม่มึงล่ะ”
“แม่บอกจะไปซื้อขนมที่ชั้นล่างน่ะ”
“อ้าว แยกกันเดินกับแม่เหรอวะ ทำไมปล่อยให้แม่เดินคนเดียว”
“ก็แม่กูไม่ชอบซื้อเสื้อผ้านี่หว่า ก็แวะมาดูแป๊บเดียวแม่ไปรอที่ร้านขนมเจ้าเดิมอ่ะ”
“อ้อๆ แล้วมึงไม่ดูหนังหน่อยเหรอวะ”
“บ้าเหรอมากับแม่จะไปดูได้ไง มึงรี่แปลกๆนะ ดูคนเดียวใครเขาดูกันหนังอ่ะ”
“อ้าวนะเผื่อมึงอยากดูไง ไอ้นี่แปลกยังไงวะ กูก็แค่ถาม”
“มีไรป่ะเนี่ยโทรฯมาถี่จนน่าสงสัย”
“มีดิ”
ผมพูดไปให้มันคิดครับ
“มีไร บอกมาสิ”
“กูคิดถึงมึง มึงไม่อยากจะเจอกูเหรอ”
“ก็อยาก แต่ก็เข้าใจมึงไง รอได้ กูก็รออยู่”
“มึงหันหลังกลับมาหน่อยสิ”
ผมยืนอยู่ด้านหลังมันแล้วครับ มีคนมองผมตั้งแต่เดินออกมาจากลานจอดรถแต่ไม่มากเท่ากับที่นี่ มองผมเหมือนผมเป็นดารา แต่เอ๊ะ ผมมันก็นายแบบนี่นะ อิอิ
“อ๊ะ ไอ้ต้อม”
มันหันหลังกลับมาอย่างที่ผมบอกครับ ผมยืนยิ้มให้มันแล้วยักไหล่ ส่วนมันทำหน้าเหมือนเจอผี ท่าทางคงจะตกใจมาก
“เป็นไง เจอผีเหรอมึง”
“อ่า นี่มึง มึงมายังไง”
“อย่าถาม เอาเป็นว่าตอนนี้กูอยู่ต่อหน้ามึง อยากกอดกูป่าว”
“อยาก อ๊ะ บ้าเหรอ คนออกเยอะแยะ”
“อิอิ กอดดิ ใครเขาจะว่ามึง มึงไม่กอดกูกอดนะ”
“บ้าเหรอ ไม่เอา กูยังต้องอยู่ที่นี่อีกนานนะ มึงกลับมาเหรอ”
มันทำเสียงดีใจมากครับ ผมก็ยิ้มให้มันจับมือมันไว้ ทำไมผมไม่รู้สึกอายนะ แต่ไอ้ซันมันหน้าแดงก่ำแล้วครับ คนก็มองกันเต็ม อะไรวะ ทำไมคนที่นี่เขาอยากรู้เรื่องชาวบ้านกันจังเลย
“พากูไปกราบแม่ยายหน่อยสิมึง”
“อ๊ะ บ้า”
“อ๊ะๆ ตุ๊ดแตกอีกแล้ว ทำไมเวลาอายแล้วหญิงจ๋าเลยวะมึง”
“ไอ้ต้อม ก็กูเขินอ่ะ มึงจะจับมือกูอีกนานไหมเนี่ย กูอายคนเขานะ”
“อายทำไม เดี๋ยวกูก็กลับเมกา ไม่สนเว้ย”
“กูล่ะ”
“เรื่องของมึง ฮ่าๆๆ”
“ไอ้บ้า”
มันสะบัดมือออกจากมือผมครับ ผมก็ตามแหย่มัน คนมองหรือไม่ไม่สนใจแล้ว ผมเดินตามมันไปหาแม่ของมันที่ชั้นล่าง
“สวัสดีครับแม่”
ผมยกมือไหว้เคยเห็นในรูปล่ะครับแม่ของมัน
“อ๊ะ ตายจริง นี่พ่อต้อมใช่ไหมจ๊ะ ตายแล้ว ตัวจริงหล่อกว่าในรูปที่แม่เคยเห็นเลยนะเนี่ย ไหนบอกจะเรียนต่อโทไงจะ นี่ไปยังไงมายังไง”
น้ำเสียงแม้ไม่เท่าคุณแม่ที่สวนดอกไม้แต่ก็โทนทำนองไปในทางเดียวกันล่ะครับ ผมยิ้มเต็มปาก
“ก็กลับมาพักผ่อนครับ มาเยี่ยมพ่อแม่ แล้วก็มากราบคุณแม่ด้วย”
“ตายจริงน่ารักจริงๆ กินข้าวกินปลามาหรือยัง แล้วจะอยู่กี่วันล่ะพ่อคุณ”
ผมก็ตอบคำถามของแม่ยายไปล่ะครับ แล้วเราก็เดินซื้อของ ผมไม่ได้ซื้ออะไรไม่มีของฝากเพราะมาแต่ตัว แต่ผมก็ถือของให้นะ ไอ้ซันมันเดินไม่ห่างจากผมเลย ส่วนผมก็เดินคล้องแขนคุณแม่ทำเหมือนแม่ตัวเอง เรื่องตีสนิทผู้ใหญ่ผมก็ไม่น้อยหน้าใครนะครับ อิอิ ผมว่าภาพของเราสามคนมันน่าดูนะ คนตัวใหญ่สุดคือผมเดินคล้องแขนแม่ ส่วนไอ้ซันมันเดินตามติดๆ หน้าตามันก็น่ารักอยู่แล้วส่วนผมก็ไม่ต้องบรรยายครับไม่ได้หลงตัวเองนะ ถ้าไม่อย่างนั้นผมจะได้ขึ้นปกนิตยาสารเหรอเนอะ อิอิ
“แล้วจะอยู่กี่วันล่ะคราวนี้”
ไอ้ซันมันถามขึ้นตอนที่กลับไปบ้านมันครับ ผมขับรถตามมันไป คุณแม่ทำกับข้าวให้กินอร่อยดีครับ รสชาติแบบชาววังแท้ๆของที่ทำก็ประณีตบรรจงแกะสลักเสียจนไม่กล้าเคี้ยวเลยนะ
“ก็สองสามอาทิตย์ล่ะ ต้องรีบกลับไปลงทะเบียน”
“แล้วจะไปไหนไหม”
“ก็ไปที่เราคุยกันไว้ไง หรือว่ามึงไปมาหมดแล้ว”
มันยิ้มครับ หน้าแดงก่ำ
“บ้าไม่มีมึงใครจะไปอ่ะ ก็รออยู่เนี่ย”
“ก็นี่ไงมาแล้ว เราจะเริ่มจากที่ไหนก่อนดี”
“แล้วแต่มึงอ่ะ ขึ้นเหนือล่องใต้กูไปได้หมด ขอแค่ไปกับมึง”
“อ่านะ ซัน”
“หือ”
ผมเรียกมันเบาๆครับแล้วกระแซะเข้าไปใกล้ๆมันอีก
“กูรักมึงนะ”
“หือ หา อือ”
“อ้าว เอาซักอย่าง ทำไมต้องตกใจด้วยวะ”
“ก็ กูแปลกใจ มาแปลกนะมึงน่ะ”
“แปลกยังไงวะ ก็เท่าที่ผ่านมากูไม่เคยแสดงออกหรือบอกมึงเลยว่ากูรักมึง ถึงจะบอกช้าไปหน่อยแต่ก็อยากให้มึงรู้ว่ากูรักมึงนะ รักมึงวันนี้และต่อๆไป มึงจะอยู่ในใจของกู”
มันเม้มปากครับ หันมามองหน้าผม แววตาแบบนี้ประกายแห่งตาที่มันสะท้อนแสงไฟมันทำให้ผมจับมือมันกุมไว้แน่น
“กูก็รักมึง”
“ไม่ต้องบอกหรอก กูรู้ วันนี้กูอยากจะบอกมึงเท่านั้นเอง รอกูนะซัน กูจะกลับมา อดทนอีกหน่อยนะ”
“ไม่ว่าจะนานแค่ไหน กี่วันกี่เดือนกี่ปี กูก็จะรอมึง รอมึงคนเดียว”
“อืม ทีนี้กูกอดมึงได้หรือยัง”
มันยิ้มครับแล้วโผเข้ามากอดผม ผมเองก็กอดมัน อยู่ตรงนี้ล่ะนะซัน อยู่ตรงอ้อมกอดกูนี่ล่ะนะอย่าไปไหน ที่ผ่านมากูเห็นแก่ตัวมาเยอะแล้ว วันนี้ ตอนนี้ ต่อจากนี้ กูจะกอดแค่มึง มีแค่มึงอยู่ในใจคนเดียว มึงคือความรักที่มันเป็นชีวิตจริง เรื่องจริงที่กูจะก้าวเดินไปกับมึง ส่วนความในใจที่มันยังคงอยู่ไม่เลือนหายไป มันก็ยังจะคงอยู่อย่างนั้น เป็นความในใจที่ไม่อาจจะบอกใครแม้แต่ตัวของกูเอง

                                            *-E N D-*

Written by eiky

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

Mileson

  • บุคคลทั่วไป
น่ารักดีเรื่องนี้..สุดท้ายนายซันก็สมหวัง..เอ่อ.อยากให้มีตอนพิเศษจังเลยเพราะเท่าที่อ่านมาเรื่องนี้ยังไม่มี NC   :haun4:นะๆขอนิดนึง :-[

ออฟไลน์ KaorPaor

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-4
ว้าวจบแล้ว แต่ยังอ่านไม่จบ ขอบคุณพี่อิ๊กกี้จ๋า

ออฟไลน์ thejaoil

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
มันทำได้จริงๆใช่ป่าวรักแบบเก้บไว้ในใจอ่ะ

โอ อินจัง

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
จบได้ประทับใจจริงๆครับ
ความรักมันต้องตามมาด้วยความเหมาะสมและเหตุผล
นายแย่งซีนไปเต็มๆเลย
ขอบคุณมากสำหรับเรื่องดีๆนะครับ :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ bennnyyy

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 791
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-0
 นำ้ตาซึมเลยตอนที่ต้อมเจอพี่นาย  :monkeysad: ได้เห็นมุมมองความรักอีกรูปแบบหนึ่ง ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆอีกเรื่องนะคะ รอรวมเล่มนะคะ ตกลงจบจริงๆใช้ม้าย :o12:

ออฟไลน์ โดดเดี่ยวแต่ไม่

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-6
จบเร็วมากๆเลยนะครับ อยากอ่านตอนพิเศษ และไม่คิดว่าจะจบเร้วขนาดนี้ :pig4:

ออฟไลน์ nirun4

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 491
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
จบแล้วเหรอ อยากอ่านอีก ขอตอนพิเศษด้วยนะครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ DraCo_SLa13

  • I swear that, will love Super Junior forever..........
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +314/-3
ไม่มีอะไรจะพูด  เสียใจแทนพี่หลวง

ออฟไลน์ mayuree

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 443
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +52/-4
จบได้ดี เคลียร์ทุกเรื่อง
ต้องยอมใจซันเหมือนกันนะ น้อยคนล่ะจะรอได้ขนาดนี้

ออฟไลน์ som

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-2
พี่อิ๊กหวัดดีครับ
พี่อิ๊กจบเรื่องนี้แบบน่ารักมากๆ อยากเจอคนแบบพี่นายมั่งจัง
แต่เสียดายนะครับ ต่อจากนี้จะไม่เจอพี่ปริ๊นแล้ว
รักทุกคนในครอบครัวพี่นายครับ  เป็นคนดีจริงๆ
และอยากจะให้ต่อตอนพิเศษจนกว่าต้อมจะเรียนจบและได้กลับไปอยู่กับตะวันแบบจริงๆวักที
คงจะคิดถึงคนในเรื่องนี้ทุกคนแน่ๆ  ขอบคุณครับพี่อิ๊ก
ปอลอ  พี่ปริ๊นกับญี่ปุ่นน่ารักเหมือนกันมากๆ  อิอิ

ออฟไลน์ a_tapha

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4981
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +397/-1
+1 ค่ะ  ซึ้งมาก และขอบอก พี่นายไม่ทิ้งลายจริงๆ  o13

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
เมื่อหน้า......ยิ้มตลอดเลย ><
จบน่ารักมากๆ ชอบมากเลย^^
ว่าแต่จะมีตอนพิเศษมั้ยอ่า อยากอ่าน><

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
ขอตอนพิเศษหน่อยค่า พี่อิ๊ก

ออฟไลน์ Anonymus

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-1
จบแบบงดงามในหัวใจ นายก็เป็นปุถุชนคนหนึ่ง แล้วน้องต้อมก็เป็นเด็กดี น่ารัก ไม่ใช่เรื่องแปลกที่นายจะหลงรัก
แต่มนุษย์ต่างจากสัตว์ตรงศีลธรรมและความละอาย  แม้จะรักต้อมแต่นายก็หยุดไว้เพียงแค่รัก ความรักของนายไม่ได้ทำร้ายใคร
มีแต่จะมอบสิ่งดีๆให้คนที่รักทุกคน ทั้งหลวง และต้อม ต่างก็ได้รับแต่สิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่นายจะมอบให้ได้
ตอนนี้คงถึงเวลา ที่ต้อมจะรู้จักรักและมอบแต่สิ่งที่ดีๆให้คนที่ตัวเองรักตอบแทนบ้าง ทั้งพี่นาย และซัน
ขอบคุณสำหรับนิยายน่ารักๆเรื่องนี้ค่ะ ลุ้นให้ซันได้รับความรักเต็มหัวใจเร็วๆนะจ๊ะ

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
 ในที่สุดก็ถึงตอนจบของนิยายเรื่องนี้ จะว่าจบแบบแฮปปี้มันก็คงว่าได้ไม่เต็มปาก
แต่เป็นนิยายที่เรื่องราวจบลงแบบโปร่งโล่งใจ ไม่มีปมอะไรให้ติดขัดค้างคาใจ
มันสมจริงมากเลยนะน้องอิ๊ก นี่แหละชีวิตจริงๆ
เพราะความเป็นไปได้ในชีวิตของคนเราคือ
บางครั้งความรักของเรา ไม่ได้เกิดขึ้นได้กับคนๆเดียวนี่เนอะ
ดังนั้น เมื่อเราจำเป็นต้องเลือกคนที่เราจะต้องอยู่ด้วยตลอดไป
เราก็ต้องเก็บความรู้สึกทื่มีต่ออีกคน เอาไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดในใจเรา
เพื่อไม่ให้ไปทำร้ายคนที่เรารักอีกคน และเป็นคนที่เราเลือกที่จะอยู่ด้วยตลอดไป ใช่ไหมคะน้องอิ๊ก
 :กอด1:ขอบคุณค่ะน้องอิ๊ก  :L2:สำหรับนิยายดีๆและสนุกๆอีกเรื่อง




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-08-2011 14:10:35 โดย yayee2 »

ออฟไลน์ TanyaPuech

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +531/-23
 :impress3:

จบได้น่ารัก  ความสัมพันธ์ทุกอย่างก็เคลียร์

แต่นะยังไม่มีNC ของสองคนนี่เลยนี่  :laugh:

lovely1714

  • บุคคลทั่วไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ memmory_far

  • ลมที่คอยโบกโบยแต่ไม่เห็นไม่เจอ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ ninkara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 138
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
จบแล้ววว แฮปปี้ๆ เรียบง่ายไร้NC 555+

ปล.รักคุณอึ๊ก จุ๊บๆ :L1: :L2:

ออฟไลน์ rellachulla

  • iiRita♥World Behind My Wall♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-8
จบแบบเจ็บๆ (สำหรับเราอ่ะนะ)
ไม่รู้สิ สงสารทุกคน
แต่มันก้อจบลงแล้ว
ขอบคุณมากนะคะอิ๊กกี้

ออฟไลน์ love2y

  • (′~‵)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2059
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-11
จบแล้ววววว


แอบเจ็บปวด ที่นายรักต้อมแบบนั้น ((ความเห็นส่วนตัวนะ))
แอบสงสัยว่าสิ่งที่นายทำ หลวงรู้รึเปล่า ถ้ารู้หลวงคงเจ็บด้วยมั้ง?


สิ่งที่คาใจเราอีกอย่างคือ ต้อมกับนายมีอะไรลึกซึ้งกันด้วยเหรอ??
จำได้ว่าแค่เกือบๆเองนี่น่า .... นายมีอะไรกับต้อมบทไหน(เรื่องที่แล้ว)วานบอกหน่อย
จะกลับไปอ่านอีกรอบ เราต้องอ่านข้ามมาแน่ๆเลย >_<

ออฟไลน์ stormphoenix

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2269
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-3
อิ่ม.....เอม

หนุกมากๆเลยครับ  แอบเครียดตอนพี่นายพูดกับต้อม  แต่ก้อทำให้เข้าใจความรักมากขึ้นอีกแบบ  แต่ชอบตอนที่ต้อมมายืนหลังซันแล้วซันหันไปเจออ่ะ  กรี๊ดดดดดดดดด



ปล.พี่ปริ๊นยังน่ารักเหมือนเดิม


ปลล. รวมเล่มอีกนะครับ  เค้าจะสอยมาครองอีก

ออฟไลน์ CminLmin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
เสียใจด้วยน่ะค่ะเรื่องคุณยาย

อ่า...... จบแล้ว ฮิๆ เกือบจะดราม่า แต่ก็อย่างว่า รักแรก  o18
ยังดีที่คุณนายเป็นคนดี ไม่งั้นคงมี เราสามคนแน่ ฮิๆ  :laugh:
ภาคต่อไปขอเป็นของ พี่ปรินซ์ ได้หรือเปล่าค่ะคุณอิ๊ก แบบว่าอยากอ่านมากกกกกก  :L2:

kanda53

  • บุคคลทั่วไป
จบแล้ววววว....ประทับใจจัง...
ลึกสุดใจ..ยังมีเงาของใครบางคนอยู่...
ก้าวต่อไป...อดีต..ปัจจุบันและอนาคตสามารถอยู่รวมกันได้...
ไม่ผิดอะไรใช่ไหมเนอะ... :กอด1:
น้องอิ๊ก....เอาหวาน ๆ เจี๊ยบบบบ...ของเจ้าต้อมกะน้องซันเน่
สักตอนได้ไหมจ๊ะ....แบบว่า...เหมือนยังไม่สุดใจยังไงไม่รู้นิ...
แต่ถ้า...อารมณ์ไม่มาแต่งไม่ออกก็ไม่เป็นไรนะ.... :L2:

 :L1: น้องอิ๊ก  :pig4:
+ เป็นกำลังใจให้น้องอิ๊กจ๊ะ

ออฟไลน์ eiky

  • Played Me!!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1760/-3
ปล. เรื่องนี้เขียนยากมากๆครับ ไม่รู้ทำไม ส่วนของต้อมพอเขียนออก แต่ส่วนของซันมันไปไม่เป็นเลยต้องตัดจบ เพราะผมไม่อยากให้เพื่อนๆรออ่านกัน

ชี้แจง...... มีคนแอบเห็นด้วยว่ามีตอนลึกซึ้ง อิอิ ที่จริง ขอสารภาพว่าผมเขียนบิดเบือนพล็อตเดิมไปเยอะเลยล่ะครับ

เรื่อง เมื่อผมรับบทเป็นนางร้าย วางพล้อตไว้ร้ายมาก ร้ายจนบางทีผมกลัวว่ามันจะเกิน ขอบเขตุของศีลธรรม มันไม่จรรโลงสังคมหรือคนที่อ่านอาจจะประนามว่ามันเกินไป ผมเลยเบี่ยงประเด็น แต่ทั้งนี้ก็เขียนในพื้นฐานของความต้องการที่แท้จริงของมนุษย์ อิอิ อันนี้มองจากเพื่อนๆของผมนะครับ และบางส่วนมาจากความคิดเห็นของผมเอง

เอาเป็นว่า คนเขียนเองก็เครียดมากที่เขียน กว่าจะจบลงได้ก็เล่นเอาเครียดไปเยอะเหมือนกัน

ผมตั้งใจว่าจะเขียนเรื่องนั้นอีกรอบ ในชื่อว่า เมื่อผมรับบทเป็นนางร้าย version Darkness อิอิ แต่คิดว่าคงจะนานหน่อย เพราะตอนนี้โครงการเยอะมากๆ ยังไงจะอัพเดทเรื่อยๆ นะครับ

ออฟไลน์ Natavishi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 459
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:  จบ แล้ววววววววว   

ออฟไลน์ nidnoi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 558
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-0
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆ ค่ะ
 :pig4: :L2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด