เรื่องของเรา
เสียงสะอื้นดังมาจากในห้องน้ำแล้วก็เงียบไปก่อนจะได้ยินเสียงน้ำ
“เลินเล่อได้โล่สิน่า” ประตูห้องน้ำไม่ได้ล็อก คงเพราะพอเข้ามาได้ห็คงมัวแต่ร้องไห้อยู่ เฮียเล้งผลักประตูเข้าไป คนด้านในสะดุ้งสุดตัว
“เฮ้ยย ..”
“ร้องไห้ทำไม” เฮียเล้งเดินเข้าประชิดดึงร่างเปลือยเข้ามากอด
“ไม่ได้..”
“ยังจะโกหก ตาก็บวม จมูกก็แดง แล้วเมื่อกี้ก่อนเข้ามาเฮียได้ยินเสียง” คนจะโกหกเลยได้แต่หลบตา
“เสียใจหรอ” คำตอบคือการส่ายหน้า
“งั้นรู้สึกยังไงล่ะ ถ้าไม่บอก เฮียก็ไม่รู้หรอกนะ”
“แค่โกรธตัวเอง” เฮียเล้งใช้สองมือประครองวงหน้าที่ก้มหลบให้เงยขึ้น
“โกรธทำไม ครูออกจะน่ารักขนาดนี้”
“บ้า” เลยถูกคนตัวโตหอมแก้มไปฟอดใหญ่
“ผมใจง่ายไปมั้ย” ร่างเล็กถามเสียงอ่อย
“ง่ายสิดี เฮียชอบ” ตอบซะแบบนี้เลยได้ค้อนตอบแทน
“ใจง่ายที่ไหนเฮียว่าครูเป็นคนตรงๆ จริงใจต่างหาก ชอบก็แสดงออก เฮียซะอีกยังคิดว่าครูจะมารักคนงานก่อสร้างอย่างเฮียได้ยังไง”
“ไม่รู้หรอกนะอย่ามาหลอกถามเลย ชอบก็คือชอบ ไม่มีเหตุผล” เฮียเล้งกอดคนในอ้อมแขนแน่นเข้า
“งั้นเป็นแฟนเฮียนะ รับรองจะดูแลอย่างดี เฮียจบแค่ม.3 คงไม่สมหน้าตากับข้าราชการอย่างครู ซักวันครูอาจจะเจอกับคนที่สมกัน...” ร่างเล็กเอามือปิดปากคนพูด
“รักก็คือรัก ผมก็ตอบไม่ได้หรอกนะว่าอนาคตจะเป็นยังไง แต่ตอนนี้แค่เฮียไม่มองว่าผมง่าย ใจเร็วก็ดีถมไปแล้ว เหมาสมไม่เหมาะสมมันไม่ใช่อะไรสะคัญกับความรักของคนอย่างเราหรอกเฮียก็น่าจะรู้”
“รักแล้วรักเลยหรือแค่เล่นๆ ครูช่วยบอกให้คนต้อยต่ำคนนี้ให้ชื่นใจหน่อยจะได้มั้ย”
“แล้วเฮียล่ะ แค่รักปากหวานหรือแค่เหงา หรือรักผมจริง เฮียยังไม่บอกเลย ฮื้อ..” เฮียเล้งทำโทษคนขี้งอนด้วยจูบหวานๆไปหนึ่งที
“ถึงเฮียไม่ใช่คนพูดหวานแต่เฮียปากหวานนะอันนี้ครูคงพิสูจน์ไปแล้วเมื่อกี้ ถ้าไม่รักเฮียไม่แลหรอกจะบอกให้” ครูที่เขินจนหน้าแดงหยิกมับเข้าที่ข้างเอว
“โอ๊ย มือหนักนะครู แล้วว่าไงครู ตอบเฮียได้ยังว่ายอมเป็นแฟนเฮียได้ยัง”
“เป็นก็เป็น ป่านนี้แล้วนี่จะเล่นตัวอะไรได้”
“รักเฮียคนเดียวนะครู”
“ถ้าเฮียสัญญาว่าจะรักผมคนเดียว ผมก็จะรักเฮียคนเดียวเหมือนกัน” เฮียเล้งมอบจูบหวานๆ แทนคำสัญญา เนิ่นนาน คนที่แอบอยู่หน้าประตูยิ้มออกมาอย่างยินดีกับความสุขของคนเป็นพี่ กำลังจะหยิบโทรศัพท์รายงานให้คนที่บ้ายฟังด้วยความอิ่มใจซะหน่อย เป็นอันต้องสะดุ้ง
“เฮีย เดี๋ยวอ๊ะ อือม” เสียงของตกโครมคราม
“อ๊า เฮีย มันไม่มีที อ๊า”
“อ๊า อืออ อ๊ะ ซี๊ดด อือม........” ทำไงได้ไม่อยากอยู่ฟังพี่ชายตัวเองมีไรกับแฟน ก็ได้แต่รีบเผ่นกลับไปที่เพิ่งอย่างรวดเร็ว
“โว๊ยเสียงดีเป็นบ้า อยู่ถึงนี่ยังได้ยินอยู่เลย เฮียบ้ากาม จะโทรไปฟ้องป๊า ฟ้องเฮียหมิง ดูสินี่ กู น้องหญิงจ๋าช่วยพี่อี้ด้วย หูฟังกูอยู่หน่ายยยย” เพราะห้องที่พี่ชายให้เข้ามานอนรออยู่ใกล้บ้านพักที่สุดในทั้งสามห้องแล้ว .....กว่าคุณอี้จะได้โทรไปฟ้องก็อีกพักหละนะ
เที่ยงกว่าๆ ค่อนไปเกือบบ่าย กว่าคนเสียงดีสองคนจะลงมาจาบ้านได้ คุณอีนั่งหน้าตูมรออยู่ในรถสตาร์ทเครื่องเปิดแอร์เย็นฉ่ำ
“ครูนี่น้องชายเฮีย ชื่ออี้” ครูตั้มยกมือไหว้
“สวัสดีครับ เอ๊ะ..” น้องหรอ
“เข้ารถก่อนน่าครูเดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง” เฮียเล้งรู้ทันคนตัวเล็กรีบดันคนเอะใจเข้าไปนั่งที่เบาะด้านหลังรถแล้วรีบตามเข้าไปนั่งเบียดทันที น้องชายทำหน้าทีสารถีก็เป็นงานรีบออกรถทันที
“วันนี้เฮียจะพาครูไปไหว้ป๊าที่บ้าน ที่บ้านยังมีน้องชายอีกคนชื่อหมิง คุยสนุกยิ้มเก่งกว่าเฮียทั้งสองคน” นี้ขนาดยิ้มเก่งนะหน้ายังตูมได้ขนาดนี้ เฮียยังน่าเข้าใกล้มากกว่าเป็นไหนๆ ครูตั้มคิดเอาเองในใจ
“ส่วนป๊าเฮียหน้าดุแต่จริงๆแล้วใจดีนะ” แต่เดี๋ยวนะ ทำไมน้องยังขับรถหรูซะป่านนี้ แต่เฮียกลับทำตัวมอซอขับรถกระบะเก่าล่ะ เอ๊ะมันชักจะยังไงๆละ
“ ไม่เอาน่า อย่าทำหน้างออย่างนั้น ไม่สิ หมดหล่อกันพอดี” คนหน้างอค้อนคอแทบหัก เฮียเล้งเลยรีบรวบตัวเข้ามากอดเอาไว้
“เฮียเล่าให้ครูฟังแล้วไง”
“ช่วงงงงไหนล่ะ” เสียจิกๆ ติดประชด
“เมื่อคืนไงครู แต่ครูคงหลับไปก่อนหละสิ ก็งี้แหละนะครูคงไม่ได้อยากจะสนใจเรื่องเฮียนักหรอกมั้ง เฮียน้อยใจนะ ครูรักนอนมากว่าเฮียนะเนี่ย” เฮียเล้งคลายแขนที่รัดแน่นออก หันหน้าหนีไปมองนอกรถ
“ไม่ใช่นะ ไม่ใช่อย่างนั้น” คนร่างเล็กลืมตัว กลัวโดนโกรธ เพราะเมื่อคืนหลับไปก่อนจริง รีบลนลานแก้ตัว สองมือเกาะแขนแข็งแรงเขย่าให้หันกลับมามอง
“เฮียเล้งแหละผิด อยากเสียงนุ่มยังกลับกล่อมนอนเองทำไมล่ะ ฟังไปฟังมามันก็เลยง่วงสิ” สายตาออดอ้อน กับมือนุ่มที่จับแขนเขย่าอยู่ทำเอาเฮียเล้งเสียศูนย์ อดใจไม่ไหวต้องก้มลงไปจูบอย่างหมั่นเขียว
“ปากหวานอย่างงี้เฮียโกรธไม่ลงหรอก”
“เฮียเล้งบ้ากาม” คนตัวเล็กซุกหน้าบ่นงุ้งงิ้งอยู่กับอกด้วยความเขิน
ส่วนคนขับรถทำหน้ายังกับอยากจะอ้วกออกมาซะให้ได้ กว่าจะถึงบ้าน กูจะทนเลี่ยนจะขนลุกไปได้อีกนานแค่ไหนวะเนี่ย
“เฮียเล้ง อย่าหวานมาก อี้ขนลุกว่ะ” พูดจบก็ได้สายตาพิฆาตจากพี่ชายกลับมาแทน
“ที่บ้านเฮียทำรับเหมาก่อนสร้าง แต่ก่อนมีปัญหา เฮียก็เลยไม่ได้เรียนต่อ ต้องออกมาช่วยป๊าทำงานส่งน้องจนตอนนี้ก็มีร้านวัสดุก่อสร้างกับงานรับเหมาเป็นหลัง ร้านก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรนักหรอก..”
“อย่ามุสาเฮีย ร้านเราเป็นร้านรับที่ใหญ่สุดในจังหวัดแล้วหละครู เพราะมีเฮียของเราเป็นหัวเรียวหัวแรง จนลืมตาอ้าปากได้จนทุกวันนี้แหละครับครู”
“เรียกตั้มก็ได้ครับ”
“ใช่ครูเอาไว้ให้เฮียเรียกพอ โอ๊ย..”
“ครูทุบเฮียทำไม”
“ก็แค่อยากทุบ มีไรมั้ย” คนโดนทุบเลยหอมแก้มคืน
“ก็แค่อยากหอม” เฮียเล้งยักไหล่พร้อมพูด ...แค่มองหน้าก็รู้ว่าคนเป็นครูจะพูดอะไร
“ถึงบ้านแล้วครับ”นั่งเงียบมาได้ซักพักสารถีกิตติมศักดิ์ก็ร้องบอก รถเลี้ยวผ่านประตูอัตโนมัติเข้ามา บ้านที่ว่าเป็นบ้านปูนสองชั้นแบบธรรมดา ที่มีต้นไม้เขียวครึ้มดูเย็นสบาย เลยไปอีกหน่อยทางซ้ายของบ้านมีตึกสามชั้นทันสมัยสวยงาน มีชายหญิงสองคนนั่งชะเง้อมองมาทางรถ ส่วนทางขวา ก็มีบ้านสองชั้นเล่นระดับอย่างสวยอีกหลังมีหญิงสาวอุ้มเด็กตัวกระเปี๊ยกที่น่าจะยังพูดไม่เป็นคำเดินมาทางบ้านหลังตรงกลาง
“ลงเถอะครูไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก ถ้ากลัวก็กอดเฮียไว้แน่นก็ได้ เฮียจะดูแลเอง” เสียงกระซิบชิดริมหูอย่างหยอกเย้าทำเอาความตื่นเต้นปลิวหายไปได้มากโข
“ครูตั้ม นี่ภรรยาเฮียเอง” สารถีกิตติมศักดิ์ที่คุยกันเรื่อยมาในรถจนสรุปให้ครูตั้มเรียกตัวเองว่าเฮียไปด้วย แนะนำหญิงสาวอุ้มเด็กที่เดินมาถึงคนทั้งสามก่อนใคร
“เรียกพี่หญิงก็ได้ค่ะ ครูตั้ม” หญิงสาวแนะนำตัวเองอย่างเป็นกันเอง
“ส่วนสองคนนั้น คนผู้ชายชื่อหมิง เรียกเฮียหมิงเหมือนที่เรียกอี้ได้เลย” เฮียเล้งเอ่ยแนะนำคนที่กำลังเดินเข้ามาสมทบ ตั้มยกมือขึ้นไหว้เมื่อทั้งสองเดินเข้ามาถึง
“สวัสดีครับครูตั้ม เรียกเฮียหมิงก็แล้วกันนะ”
“ส่วนพี่สุ่ยนะคะน้องตั้ม เจ็บป่วยไม่สบายมาหาพี่ได้เสมอค่ะ” ใครต่อใครก็ทักตั้มอย่างสนิทสนมทำเอาตั้มเขินแปลกๆ
“ตั้มครับ สวัสดีพี่ๆ ทุกคนครับ แล้วตัวเล็กนั้นชื่ออะไรครับ” ตั้มหันไปถามชื่อเด็กชายที่มองคนโน้นคนนี้ตาแป๋ว ที่ตอนนี้เปลี่ยนคนอุ้มเป็นอี้แทนแล้ว
“หนูชื่อเวนิสค่ะคุณครูตั้ม” อี้จับแขนหนูน้อยโปกหยอยๆ พร้อมทำเสียงเล็กเสียงน้อยตอบแทน
“น่ารักจัง”
“ลูกพี่เองแหละ นี่คนที่สาม อีกสองคนผู้ชายแซนกับเทม ไปเรียนว่ายน้ำเดี๋ยวก็กลับ”
“ของพี่ชายล้วน แทน ทาม ไท ไปว่ายน้ำเหมือนกัน” หมิงรีบอวดบ้าง
“จะยืนคุยให้ขาแข็งกันข้างนอกนี่แล้วกลับหรือจะให้เข้าไปไหว้ป๊าแล้วค่อยคุยกันข้างในดีวะ” เฮียเล้งที่ฟังอยู๋นานเริ่มบ่น
“เข้าข้างในสิเฮียป่านนี้ป๊ารอเงกละ”
“ไปครู เข้าบ้าน” เฮียเล้งรีบจูงครูตั้มเข้าบ้าน
“ขี้หวงว่ะเฮีย คุยด้วยหน่อยก็หึง ชิ” เสียงน้องชายบ่นตามหลังมา
เมื่อเข้าไปข้างใน บ้านแม้จะเป็นแบบเก่าแต่ข้างในตกแต่งอย่างสวยงามลงตัว ไม่โล่งและไม่เยอะจนรก ทำให้บ้านดูอบอุ่นน่าอยู่ ชายสูงวัยนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ชุดรับแขกกรุกระจกให้แสงสว่างเข้ามาได้เต็มที่ เมื่อทั้งขบวนเดินเข้ามานั่ง ชายสูงวัยก็เงยหน้าขึ้นมองนิ่ง
“ครูตั้ม นี่ป๊าเฮีย” ครูตั้มรีบยกมือไหว้อย่างนอบน้อมแทบอยากจะเลื่อนตัวลงไปนั่งที่พื้นด้วยความเกร็ง
“กินอะไรกันมาหรือยัง อี้โทรมาบอกว่าจะมาช้าเลยไม่ได้รอ” เสียงมีอำนาจพูดเนิบๆ ไรแววตำหนิ
“เดี๋ยวบ่ายสองค่อยกินของว่างกับป๊าก็ได้ กินรองท้องมาบ้างแล้ว” เฮียเล้งตอบแทนคนนั่งตัวเกร็ง
“เห็นคมบอกว่า ครูตั้มเพิ่งมาบรรจุที่โรงเรียนหรือ เป็นยังไงมายังไงล่ะถึงได้เลือกโรงเรียนไกลปืนเที่ยงขนาดนั้น” ชายสูงวัยวางหนังสือที่กำลังอ่านอยู่หันมาซักถามคนที่จะเข้ามาเป็นสมาชิกครอบครัวคนใหม่
“พอดีทางจังหวัดเปิดสมัครสอบครับได้อันดับหนึ่งเขาเรียกบรรจุที่โรงเรียนนี้เลยก็เลยมาครับ” คนตอบแอบบีบมือคนตัวโตที่นั่งด้านข้างแน่นอย่างขอกำลังใจ เรื่องราวการซักประวัติตามมาอีกเป็นระลอก ลูกแซวพ่อ พ่อสุมไฟลูก คุยกันไปหัวเราะกันไป จนมาจบที่การระลึกความหลังของคนแก่ ที่ลูกนั่งฟังไม่เคยเบื่อ จนผ่านของว่างจนเลยไปถึงมื้อเย็นก่อนเฮียเล้งจะขอพาครูตั้มขวัญใจเด็กกลับก่อนที่จะค่ำมาก
“ผมกลับก่อนนะครับ” ครูตั้มคลานเข้าเข้าไปกราบลาป๊าที่ตัก
“ถ้าเล้งเสร็จงานทางโน้นกลับมาอยู่บ้าน ถ้าตั้มไม่เบื่อที่จะอยู่กับคนแก่ก็ย้ายมาอยู่ที่บ้านนี้ซะด้วยกันกับเล้งนะลูก ป๊าจะได้มีเพื่อนคุย เรื่องหนังสือบ้าง เจ้าพวกนั้นก็แก่วิชาการ เล้งก็เอาแต่งาน ถ้าตั้มมาอยู่ป๊าจะได้ไม่เหงา”
“แหมป๊าช่างรู้ใจเฮียนะเนี่ย” อี้รีบกระซิบกับพี่ชายที่ยืนยิ้มกริมรอ
“นั้นสิเล่นดักซะครูตั้มไปไหนไม่รอดเลยอย่างงี้นะยังไงเฮียย้ายมาก็ต้องมาด้วยแน่นอนเลย” หมิงก็กระซิบแซวมาอีกคน
“คงต้องแล้วแต่เฮียเล้งแหละครับว่าจะให้มาหรือเปล่า” เสียงตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้จากคนตัวเล็กคงเข้าทางเฮียที่ยืนยิ้มอย่างสมใจเป็นที่สุด
สารถีกิตติมศักด์ขากลับเปลี่ยนจากอี้เป็นเฮียหมิง
“เฮียเล้ง ไปนั่งข้างหน้ากับเฮียหมิงสิครับ” ขากลับเฮียเล้งก็ยังมายอมเลิกทำตัวติดกัน ครูตั้มต้องลเป็นคนไล่
“ไม่เอาหรอก หมิงไม่ว่าเฮียมั้ยวะ ปล่อยเฮียสวิทกับที่รักบ้างนะหลังจากที่ปล่อยให้เฮียได้แต่มองพวกแกหวานกับเมียๆ แกมาจะเบื่อแล้ว”
“ตามบายเฮีย” หมิงตอบแบบไม่คิดมากอะไร ตั้มได้แต่มองหน้าเฮียเล้งตาเขียว แต่คนโดนมองกลับไม่สน แล้วก้มลงมากระซิบที่ข้างหู
“งานที่โรงเรียนเสร็จครูตั้มย้ายมาอยู่บ้านนี้ด้วยกันนะครับ” ครูตั้มได้แต่เขินหน้าแดง ก้มหน้างุด หมิงหัวเราะ หึหึ ก่อนจะได้ออกรถ อี้เคาะกระจกด้านคนขับ
“มีไรวะอี้” หมิงกดกระจกลงถาม
“จะคุยกับเฮียเล้งหน่อย”
“เอ๊าแล้วไม่ไปเคาะกระจกตรงเฮียล่ะวะ” หมิงจะกดกระจกข้างเฮียเล้งให้
“ไม่ต้องหรอกเฮียหมิง คุยตรงนี้แหละดีแล้ว ไกลตีนดี” หมิงได้แต่ขมวดคิ้ว
“ครู เฮียเล้ง กลับไปถึง ก็รีบย้ายของมาอยู่บ้านนี้เลยนะ”
“รีบอะไรขนาดนั้นวะอี้” เฮยเล้งถามด้วยความสงสัย
“ก็ถ้าช้าเดี๋ยวกลัวครูเค้าจะอายสิเฮีย แล้วอีกอย่างยิ่งเป็นโรงเรียนด้วยมันไม่ค่อยเหมาะนะเฮีย” ยิ่งพูดคนฟังก็ยิ่งงง
“อะไรของแกวะไอ้อี้”
“ก็แบบ” อี้ เริ่มอั้มอึ้ง
“มีอะไรก็พูดๆ มา ไม่งั้นจะลงไปเค้นคอเอ็งซะเดี๋ยวนี้” อี้สูดหายใจเข้าลึกๆ
“ก็เสียเฮียกับครูตอนอันนั้นอะ มันดังมากเลย อี้ไม่ได้แอบฟังนะ มันได้ยินเอง” คนพูดวิ่งหนีกลับไปทางบ้านตัวเองเรียบร้อยแล้ว ทิ้งให้คนในรถได้แต่นั่งนิ่ง อยู่ในความเงียบกริบ หมิงเริ่มได้สติก่อน จึงปิดกระจก ออกรถเพื่อไปส่งพี่ชายกับแฟน ครูตั้มนั่งหน้าแดง จนความแดงรามลงไปที่คอก็เริ่มหันไปประทุษร้ายคนตัวโตข้างตัว
“นี่แน่ะ เฮียบอกแล้วว่าอย่าก็ไม่ยอมฟังกัน นี่แน่ะ นี่แน่ะ...” เฮียเล้งได้แต่หลบหมับหลบมือคนตัวเล็กพร้อมคิดว่ากลับไปถึงจะให้รีบเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าย้ายมันคืนนี้เลย....................
..................
...........
.....
..
.