ตอนที่ 22 มาแล้วจ้า
สามวันผ่านไปพอยท์ถึงเริ่มขยับออกจากเตียงได้ หลังจากโดนประคมประหงมดูแลช่องทางด้านหลังอย่างดีไร้อะไรก่อกวน เจ้าตัวก็เดินลากขาช้าๆไปเรื่อยๆเอื่อยๆ บีบตูดตัวเองเบาๆให้หายเมื่อย
“อูยยยย เจ็บชิหาย” ปากบางๆก็บ่นเอาๆสาปแช่งขมุบขมิบเจ้าตัวการอยู่ในใจเท้าก็เดินไปช้าๆมุ่งไปหากองทัพเข้าท้อง !
“คุณพอยท์ครับ ดีไซเนอร์มารอวัดตัวแล้วครับ ขอเชิญที่ห้องรับรองด้านในก่อนครับ” ตาลุงพ่อบ้านแก่ๆเดินมาบอกให้พอยท์เดิมตามไปด้วยกัน แต่เจ้าตัวก็แอบประท้วงอยู่ในใจ ว่ายังไม่ได้หากองทัพเข้าท้องเลยนะ เป็นลมไปจะทำยังไง !! แต่แล้วก็ต้องเดินตามไปอยู่ดี เฮ้อ คนหล่อเซ็ง !
“#%$@#$%#@^&&&&#!@#%^” ตามเขาไปถึงยังต้องฟังเขาบ่นกันอีกอะไรวะ
[ Poiiz ]
ผมมองภาพคนญี่ปุ่นหน้าสามคนแต่งตัวดูดี๊ดูดีคุยกับตาลุงสักพักเขาก็หันเข้ามาหาผมที่ยืนเป็นอนุสาวรีย์หล่อระดับเทพยังอายอยู่ พวกเขาเบิกตากว้างเล็กน้อย ตะลึงอีกนิดหน่อยที่ได้เห็นผม หึหึ หล่อใช่มั้ยล่ะ
“คุณพอยท์ครับเดี๋ยววัดตัวแล้วลองชุดนะครับ มีอะไรสั่นกระดิ่งบนโต๊ะนะครับ” แล้วตาลุงแก่ๆก็เดินออกไป โธ่อย่ามาโกหกเลย ! รู้หรอกกระดิ่งบ้านนี้มันใช้ระบบกดเว่ยไม่ใช่สั่น ไอ้มั่ว ไอ้แก่มั่ว แบร่ๆ
“&^$$^&^$%” ภาษาเอเลี่ยนจากดวงดาวที่แปดถูกถ่ายทอดผ่านระบบน้ำลายเซ็นเซอร์อัตโนมัติใส่หัวผมโดยหนึ่งในผู้ชายสามคนที่ผมแม่งฟังไม่รู้เรื่องไรสักอย่าง
“ห่ะ อะไรนะ ? ขออีกรอบ Can you speak English ?” ผู้ชายคนนั้นทำหน้าเหวอเล็กน้อย ไอ้สัสมาเหวอใส่ตูได้ไง ตูสิต้องเหวอใส่มึง ผมเลยเลียนแบบหน้าเหวอๆมั่ง วะฮะฮ่า
“Yes , er … Mr.Hikaru right ?”
“Yes”
“Ok . We are the best designer in Japan. Today we must make a wedding dress for you and that dress will the most beautiful than other wedding dress. Can you understand me ?” ภาษาอังกฤษง่ายๆอาจจะไม่ได้เป๊ะมากตามหลักแกรมม่า แต่มันก็ทำให้หูผมที่กระดิกภาษานี้นิดเดียวเข้าใจมันได้ล่ะนะ
“yes” ทำไมผมตอบเป็นแค่คำเดียววะ ? ไม่ยอมว่ะ ไม่เท่เลย ต้องถามกลับ
“One a moment please. I’m so hungry . Can I eat something before er …”
“No ! . We don’t have many time for this work !!” อ่าวไอ้สัส แล้ววมึงมาทำมอยยยกูหิวข้าวโว้ยยยยย
แต่เหมือนความในในจผมจะส่งไปไม่ถึง ไอ้สามคนมันจับผมหมุนซ้ายหมุนขวา หมุนหน้าหมุนหลัง ก้มๆเงยๆบิดๆเบี้ยวๆไปมา ผ้าหนักถูกทาบมาบนตัว พร้อมกับตลับเมตรมาวัดตัวผม(สายวัดนั่นเอง) แล้วไหนจะแอบจับช่วงขาช่วงแขนอีก ให้ถือนั่นถือนี่ เชิดหน้ามองซ้ายมองขวา เอ่อ กูคนนะไม่ใช่โรบอร์ตพวกมึงเข้าใจอะไรผิดใช่มั้ย !!!!
หลังจากผ่านไปหลายชั่วโมง ท้องผมร้องไปหลายล้านรอบขนคิดว่าน้ำย่อยมันอาจจะทำงานจนกระเพาะหายไปแล้วไอ้เจ้าพวกบ้านั่นถึงหยุดยุบยับบนตัวผม แล้วหอบอุปกรณ์ม้วนผ้าบ้าบอนั่นกลับไปสักที หิวจะตายอยู่แล้วโว้ยยยยยยยยยยยย คราวนี้ผมไม่สนใจสิ่งใดตั้งหน้าตั้งตาวิ่งๆทั้งๆที่ปวดตูดนั่นแหละไปที่ห้องครัวให้จงได้
“คุณพอยท์” เสียงเรียกจากตาแก่ดังอีกครั้ง ขอโทษ ! คราวนี้มันไม่สามารถหยุดตูได้หรอกเฟ้ย
“จะกินข้าวโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” ผมตะโกนลั่นบ้านใส่เกีร์ยหมาสุดตีน ไม่รออะไรทั้งนั้น
“เฮ้ย !” ข้างหน้าผมมันดันกลายเป็นสระว่ายน้ำ เบรกก็เบรกไม่ทันแล้ว ลืมได้ไงวะว่ามันต้องเลี้ยวอีกทางถึงเป็นห้องครัว
“พอยท์ !!!”
ตู้มมมมมมมมมมมมมมมม
เสียหมาเลยตู ร่างผมจมดิ่งลงไปในสระลึกๆหลายเมตรนั่นแหละ ดิ่งลงไปจนเท้าเหยียบพื้นสระได้เลย เฮ้อข้าวไม่ได้กินยังมาตกน้ำอีกคิดแล้วปลง ผมค่อยๆยันตัวเองขึ้นจากน้ำ แต่พอแตะขอบสระกลับมีร่างคนสองคนกระโดดข้ามหัวลงน้ำไปทันที อะไรของมันกันวะ ผมยันตัวเองขึ้นนั่งริมขอบสระ แต่ไอ้คนสองคนมันกำลังดำผุดดำว่ายในสระ เออเอาเข้าไป บ้าปะเนี่ย อากาศร้อนๆมาดำผุดดำว่าย
“พี่พอยท์หายไปแล้ว” เสียงตกใจของไอ้บ้าตัวแรกนามโอโอะ เอากับมันตูนั่งอยู่นี่เฟ้ย
“ได้ยังไง” อีกร่างที่มาดมันไม่เคยเหลือให้เห็นก็หน้าเครียดเชียว
“หิวข้าว จะเล่นน้ำกันอีกนานปะ” สุดท้ายผมก็ยักคิ้วกวนประสาทสะใจพร้อมน้ำเสียงสัมพันธ์กับหน้าตา งงอ่ะดิ เสียงหล่อไง ก๊ากกกกกกกกก
“นึกว่าจมน้ำ” โนโนะสีหน้าผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อยว่ายมาตรงที่ผมนั่งอยู่แล้วดันตัวขึ้น
ฟอด ..
มันห้อมแก้มผม ! แล้วลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจบนขอบสระ ไอ้โอโอะก็ไม่ต่างกันว่ายมาทางผมแล้วยันตัวขึ้นมั่ง สงสัยโดนอีกข้าง
จุ้บ..
ไอ้กะล่อนนี่ดันจูบปากผมแทน !! แม้จะเบาๆก็เหอะ เสียหน้านะเสียหน้า
“ไอ้พวกบ้าเอ้ยยยยยยยยยย”
“ฮ่าๆๆ ป่ะๆไปกินข้าวกันดีกว่า” และแล้วผมก็โดนไอ้พวกบ้าลากไปกินข้าวทั้งๆที่เปียกๆนั่นแหละ ชีวิตผมน่าสงสารจริงๆ
“พอยท์คืนนี้ออกงานด้วยกันนะ” เสียงเรียบๆดังขึ้นทำเอาผมสำลักแกงจืดเต้าหู้ทันที
“อะไรนะ”
“ก็ต้องออกงานในฐานะคู่หมั้นทางโชคชะตาของพี่ไง ผมอยากไปด้วยจริงๆเสียดายอยู่เนี่ย” อ๋อ ไอ้เหตุเกิดเพราะแหวนสองวงบนนิ้วผมเนี่ยนะ เฮ้อ
“อือๆ แค่ไปก็พอใช่ปะ ?”
“อืม”
“โอเค” แค่ไปมันก็ไม่ได้ลำบากไรซะหน่อย ยังไงก็คุยกับใครไม่รู้เรื่องอยู่แล้ว
งานวันเกิดรัฐมนตรีกระทวงทรัพยากร
ปรากฏร่างสูงโปร่งสง่าของหญิงสาวผมสีดำสนิทยาวถึงกลางหลัง ผมหน้าปรกใบหน้าขาวเนียนเล็กน้อย ชุดเกาะอกสีน้ำเงินเข้มที่ยาวเลยเข่าลงไปเล็กน้อยถูกคลุมด้วยผ้าคลุมไหล่สีขาวรับกับรองเท้าส้นสูงน้ำเงินเข้าชุด มือเรียวถือกระเป๋าสีขาวใบเล็กจิ้มลิ้มเหมาะกับเจ้าตัวแต่ราคาไม่ได้จิ้มลิ้มตามรูปลักษณ์ภายนอกเป็นแน่ ดวงตากลมโตของสาวเจ้าคงจะเข้ากับเครื่องหน้ามากกว่านี้ถ้ามันไม่ฉายแววหงุดหงิด
“เหอะ ไหนบอกว่าจะเดินไปด้วยกันไหงทิ้งไว้คนเดียวเนี่ย” เสียงบ่นกระปอดประแปดดังเบาๆพร้อมการยืนนิ่งของเจ้าตัวบริเวณหน้าต่างบานใหญ่ของห้องบอลรูม ไม่ใช่ว่าเพราะสงวนท่าทีให้ดูเป็นผู้ดี แต่เนื่องจากรองเท้าตัวดีมันเดินลำบ๊ากลำบากจนอยากจะปาทิ้งอยู่หลายรอบ กระโปรงก็บานๆกลัวจะเปิด เกาะอกก็มีทีท่าว่าจะหลุดเพราะฟองน้ำมันเริ่มเคลื่อนๆ จะลอบดึงก็อายกลัวพวกกล้องวงจรปิดจะจับภาพทุเรศๆไว้ได้ เลยได้แต่ยืนเกาะอกพิงกระจกนี่แหละ ปั้นหน้ายิ้มให้กับใครก็ตามที่บังเอิญมาสบตา แค่นั้นพอ !
“$^#@%^^#@@%&*&$@$ !!” ชายหนุ่มตาบอดคนแรกที่เล็งเห็นความงามก็ได้เข้ามาทำความรู้จัก แต่อนิจจาท่านจะรู้ไม่ว่าสาวสวยของเราไม่กระดิกภาษาวาซาบิแม้แต่คำเดียว ได้แต่ยิ้มหวานให้พร้อมกับบ่นในใจ
‘ไอ้สัสมึงจะอะไรของมึงนักหนาเนี่ยกูฟังไม่รู้เรื่องโว้ยยยย’
เป็นอันจบเบื้องหลังรอยยิ้มอันสวยงามได้ในทันที อาเมน .
“$^^#%*^$%DTTR$@@#$%^^$#%” อีกรายที่พยายามเข้ามาทำความรู้จัก เนื่องจากสาวเจ้าสูงสง่าจนสูงเกินผู้ชายญี่ปุ่นไปเยอะ ทำให้น้อยคนจริงๆที่กล้าจะมาจีบ รวมถึงรายนี้ที่หัวใจดูจะไม่สัมพันธ์กับความสูง
‘อะไรของไอ้เตี้ยนี่วะเนี่ย’
เป็นอันตกรอบไปอีกราย ตากลมโตเริ่มฉายแววอารมณ์เสียหนักกว่าเก่า ไอ้คนสร้างเรื่องก็ไม่เสนอหน้ากลับมาสักที ปากบางๆเริ่มเบะเล็กน้อยอย่างขัดใจ คิ้วก็เริ่มกระตุก ถ้ายังไม่กลับมานะจะร้องไห้ให้ดู !
แต่แล้วเหมือนเจ้าตัวจะตายยากนำพาร่างสูงสง่าของตัวเองเดินมาถึงเจ้าคนที่จะร้องไห้อยู่รอมร่อ บรรดาชายหนุ่มที่รุมล้อมเป็นอันต้องอันตรธานหนีหายตายไปจากบริเวณนั้น เพราะคนมาใหม่ดูจะภาษีดีกว่าเยอะ ทั้งส่วนสูง หน้าตา ฐานะ และ ความมั่นคง
“เบื่อยัง”
“เจ็บเท้า”
“มากมั้ย”
“มาก”
และแล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็ปรากฏต่อสายตาทุกคนเมื่อร่างสูงสง่าคุกเข่าลงต่อหน้าร่างบาง พร้อมกับดึงข้อเท้าน้อยๆขึ้นนิดหน่อยแล้วค่อยๆบรรจงถอดรองเท้าส้นสูงราคาแพง
“อืม แดงจริงๆด้วย”
“เฮ้ยทำไร ลุกขึ้นมาดิ คนมองหมดแล้ว” กลายเป็นร่างบางที่รู้สึกไม่ดี พยายามดึงร่างสูงให้ลุกขึ้น แต่มันก็เหมือนไม่ได้ผลเมื่อมือหนาบรรจงติดปลาสเตอร์ลงบนเท้าน้อยๆนั่นทันที แล้วก็ทำเหมือนกันกับอีกข้างจากนั้นก็ค่อยๆบรรจงใส่รองเท้าให้เหมือนเดิม
“ทนหน่อยนะ เดี๋ยวรอตัดเค้กก็กลับได้แล้ว”
“อื้อ” ร่างบางก้มหน้างุดๆ ไม่กล้าสู้สายตาคนตัวสูงกว่าที่ส่งยิ้มน้อยๆล้อเลียนมาให้
แต่คนนอกกลับมองราวเห็นผี คุณชายนาซึโนะผู้เงียบขรึมและมาดนิ่งอยู่เสมอกลับคุกเข่าลงแทบเท้าสตรีร่างบางอย่างไม่อายสายตาใคร สงสัยคู่หมั้นตามโชคชะตาที่เคยปั่นข่าวกันจนเมามันตามหน้าหนังสือพิมพ์จะขลังดังเค้าว่าซะแล้ว
มุมหนึ่งของงานกลับมีสาวแน่งน้อยร่างบางส่งสายตาริษยามาทางทั้งคู่ที่เป็นที่จับจ้องของสายตาประชาชี
“หึ แก นังไพร่ชั้นต่ำ คิดจะมาแย่งนาซึโนะของฉันน่ะหรอ ฝันไปเถอะ ไอ้แหวนเลวนั่นอยากอยู่กับมือเสนียดๆนั่นนักใช่มั้ย ได้ ! ฉันจะตัดนิ้วมันแล้วแย่งแกมาให้ดู”
----
แบมไม่สบายเลยหยุดเรียนค่ะวันี้ แต่ก็ดื้อมานั่งพิมพ์ไปทั้งๆที่ปวดหัว 555 คาดว่าไม่หายแหงๆเลย แฮ่