สั้นๆ 2 ตอนจบนะคะ ช่วงนี้พยายามกระตุ้นความอยากเขียนไปเรื่อยๆ
อาจจะล้นๆไปสักนิดก็ขอให้อดทนอ่านหน่อย
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์คะ
เรื่องสั้นที่ 33 พอทีได้ไหม ไอ้พวกเอาแต่ใจ 3P
สวัสดีครับทุกๆคน ผมชื่อ มิว อายุ 20 ผมมีเรื่องละเหี่ยใจมาบอกเล่าเก้าสิบให้ฟัง
เรื่องมีอยู่ว่า วันซวยของผมเกิดขึ้นในวันหนึ่งที่อากาศสดใส มีเรื่องดีๆเกิดขึ้นเหมือนจะเป็นวันมงคลของผม
พ่อผมซื้อมอไซด์ใหม่เอี่ยมให้ขับไปเรียน ผมดีใจมาก ลองขับวนในหมู่บ้านหลายรอบเลย
แล้วนึกอยากเอาไปอวดเพื่อนแถวๆภูเขาทองสักหน่อย ผมเลยขับรถเล่นกินลมชมวิวอ้อมเมืองให้สะใจซะ5555.....
ปี๊นๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!!
โคตรพ่อโคตรแม่มึงสิ สอนให้บีบแตรใส่ชาวบ้านอย่างนี้เรอะ ผมอารมณ์เสียที่จู่ๆก็โดนบีบแตรไล่
หันไปมองเห็น มอไซด์ยามาฮ่าสีดำขี่ไล่หลังมา มันซ้อนมาสองคนหน้าตาไม่คุ้นเลยเพราะมันใส่แว่นดำกันแดด
ผมเลยชะลอแล้วหลีกทางให้มันแซงขึ้นไป ที่ไหนได้พอมันตีคู่ขึ้นมาได้ ไอ้คนซ้อนหลังมันถีบเข้าใส่ต้นขาผมอย่างแรง
“เหวอ!!!!” ผมร้องลั่นด้วยความตกใจ รถไถลลงข้างทาง ดีที่ตรงนี้เป็นพงหญ้าข้างทาง
ผมรีบเบรคสุดแรงด้วยความหวง รถเพิ่งออกมาใหม่เอี่ยมวันเดียว กลิ่นเบาะหนังยังไม่จางด้วยซ้ำ
ล้อรถบดพื้นกรวดดัง พรืด!!!!!
“เฮ่ยๆๆๆๆๆ” เท้าผมยันพื้นทันก่อนจะเอียงวูบ รถล้มทับขาผมไว้ แต่ดีที่มันไม่ล้มกระแทกจนมีอะไรแตกหัก
ตอนนั้นผมไม่ได้นึกห่วงตัวเองเลย มัวแต่ห่วงรถกลัวว่าจะโดนพ่อด่า
“เฮ้ย....มึงเด็กเทคโนเรอะเปล่าวะ”
ผมเงยหน้าขึ้นมองไอ้สองคนนั้นลงมาหา หนึ่งในนั้นถือไม้เบลบอลมาด้วย ซวยแล้วกู...
“กูถามมึงไม่ได้ยินเรอะ”
“เปล่าๆๆ” ผมรีบปฏิเสธไว้ก่อน ไอ้เด็กพวกนี้คอยจะหาเรื่องคนอื่นๆทั่วไม่สนว่าจะเป็นใครที่ไหน
ผมดันรถขึ้น แต่อยู่ในท่านี้ไม่มีแรงเลย ผมยักแย่ยักยันอยู่นาน มันสองคนเลยเข้ามายกรถออกจากตัวผม
คนหนึ่งกำคอเสื้อผมดึงขึ้นมา พอยืนเต็มตัวผมก็ยังตัวเตี้ยกว่าพวกมันอยู่ดี
“เรียนที่ไหน หา?”
“ไม่ได้เรียนไหน ....จบแล้ว กำลังรอเอ็นท์อยู่”
“อ้าว...เด็กมหาลัยเหรอ”
“โกหกหรือเปล่า หน้าอย่างนี้นะมหาลัยแล้ว” คนหนึ่งเข้ามาล้วงกระเป๋ากางเกง ผมมันขี้บ้าจี้อยู่แล้วเลยโดดหนีซะตัวโก่งเลย
“เฮ่ย อย่าน่า”
“อยู่เฉยๆสิเว้ย จับมันดีๆสิไอ้สิท”
“ปล่อยนะ” ผมชักกลัวแล้ว ไอ้พวกนี้จับผมกดลงกับพื้น คนหนึ่งนั่งคล่อม อีกคนค้นตัวเอากระเป๋าตังค์กับมือถือไป
ของพวกนั้นผมไม่เสียดายหรอก แต่กลัวมันจะซ้อมผมน่ะสิ
เกิดผมตายล่ะ... ผมอยากให้มีคนมาช่วย แต่ขนาดอยู่ข้างทางกลางวันแสกๆ
รถราวิ่งผ่านหัวไปวิ๊วววว...หลายสิบคันแต่ไม่มีใครสังเกตข้างถนนเลย
“อยู่เฉยๆสิวะ!” มันตบเข้ากกหูผม ไม่แรงแต่ก็ไม่เบา มันทำให้หยุดดิ้นตัวแข็งทื่อเป็นท่อนไม้เลย
“อายุ 20แล้ววะ” อีกคนตบไหล่เพื่อนให้หันมาดูบัตรประชาชนในกระเป๋าตังค์
ในนั้นมีใบขับขี่กับเศษเงินนิดหน่อยเอง มันสองคนทำหน้าแปลกใจนิดๆไม่คุกคามอีก บางทีพวกมันอาจอายุน้อยกว่าผม
“ณวัตน์... ชื่อเล่นอะไร”
“มิ๊ว” ผมตอบเสียงเพี้ยนไปใหญ่ต้องกระแอ่มแล้วบอกใหม่ "มิว"
“โอเค...” ไอ้คนนั่งคล่อมผมลุกขึ้น มือดึงขึ้นมาแล้วช่วยปัดเศษหญ้าตามตัวให้ด้วย
“โทษทีที่เข้าใจผิด เห็นหน้าเด็กแบบนี้นึกว่าไอ้เทคโนเหียกนั้นเลยกะจะสั่งสอนสักหน่อย ไม่ถือสานะ”
โถ...ไอ้เปรต ผมนึกในใจ
“ไม่เป็นไร พี่ไม่ถือ(ก็ได้)” ผมฉวยโอกาสเรียกตัวเองว่าพี่ อย่างน้อยก็จะรู้สึกว่าเหนือกว่านิดหน่อย
ผมหันไปลากมอไซด์ขึ้นบนถนน
“ผมชื่อ ก้อง ส่วนนี่ สิท”
เอ่อ!ยังกะกูอยากรู้จักพวกมึงนักล่ะ ผมยิ้มๆให้ทั้งคู่คิดอย่างเดียวว่ารีบๆไปให้พ้นดีกว่า
แต่ไอ้ก้องมันเท้าศอกกับแฮนด์รถเฉยเลย
“นี่...ขอเบอร์พี่ได้หรือเปล่า”
“จะขอไปทำไม”
“ไม่มีไร เผื่ออยากโทรคุยเล่นบ้าง”
“อย่าดีกว่า พี่ไม่ค่อยว่าง” ผมปฏิเสธยังไงมันสองคนก็ไม่สนใจเอามือถือผมกดเข้าเครื่องมันเลย
ผมได้แต่อ้าปากค้าง ไอ้พวกนี้นี่
“เฮ่...”
“เอาไว้ดึกๆผมจะโทรหานะ”
กูจะเปลี่ยนเบอร์! ผมนึกในใจ
“นี่...ขับรถไหวหรือเปล่า ผมขับไปส่งบ้านได้นะ”
“ไม่ต้อง..”
ผมพูดอะไรไปพวกมันก็ไม่สนใจ ไอ้สิทขึ้นคล่อมมอไซด์ผมสตาร์ทรถเลย
ด้วยความเสียดายกลัวมันจะบึ่งหนี ผมเลยรีบขึ้นคล่อม ที่ไหนได้มันลงมานั่งซ้อนหลัง
สองมือกำแฮนด์รถกันผมไว้ในวงแขนแล้วขับออกไปเลย ไอ้ก้องขับรถมันตามหลัง
“หะ ให้พี่ขับเองดีกว่า” ผมกลัวว่ามันจะเลี้ยวไปทางอื่นแล้วฆ่าหมกคลองเลยแย่งกำแฮนด์รถ
ไอ้สิทก็ปล่อยให้ผมขับ แต่ดันวางมือบนเอวผมทั้งสองข้าง
เฮ้ยๆ?? ผมตัวแข็งทื่อเลย เพิ่งรู้สึกว่าต้นขามันแนบกับก้นผมแบบกระชับแนบแน่นไม่เหลือช่องว่างสักนิดเลย
ที่สำคัญมีอะไรตุงๆกำลังถูเป็นจังหวะจึ๊กๆเนี่ย??
“เอ่อ...น้อง ช่วยเขยิบหน่อยได้ไหม”
“หื้อ” สิททำเสียงไม่ได้ยิน แก้มเขาแนบกกหูผมแถมมีถูไถด้วย ขนลุกเลยกู
“เขยิบหน่อย ขับไม่ถนัดเลย”
“เหรอ” มันปล่อยมือจากเอวก็จริง แต่เปลี่ยนมากอดเอวผมแน่นขึ้น คราวนี้ชิดแน่นทั้งตัวเลย
ผมรู้สึกว่ากำลังถูกลวนลาม ไอ้มันเบียดผมจนจะเป็นผัวเป็นเมียกันเลย
แย่แล้ว....ไอ้พวกนี้มันเป็นเกย์!! ผมตัดสินใจบึ่งกลับบ้านให้เร็วที่สุดในชีวิตเลยที่นั้นเท่านั้นที่ปลอดภัย
เอี้ยด!!!!! ผมจอดรถอย่างรวดเร็ว บ้านผมอยู่ในซอยหน้าบ้านขายของชำเล็กๆน้อยๆ
แม่ผมขายของอยู่พอเห็นหน้าก็แว้ดใส่ทันที
“หายไปไหนมา แม่นึกว่าอยู่แต่ข้างบนตะโกนเรียกจนแสบคอไปหมดแล้วเนี่ย”
“ขอโทษครับ” ผมโล่งอกที่เห็นหน้าแม่ อย่างน้อยมีแกอยู่ไอ้พวกนี้ก็ไม่กล้าทำอะไรแน่
ผมหันไปมองหน้าไอ้สิท ไอ้ก้องขับรถมาจอดหน้าบ้าน ทั้งคู่ตรงมายกมือไหว้แม่ผม
“สวัสดีครับ คุณป้า ผมชื่อสิทครับ”
“ผมชื่อก้องครับ เป็นรุ่นน้องพี่มิวครับ”
เฮ่ยยย...มึงเรียนที่เดียวกับกูตั้งแต่เมื่อไรวะ??
“จ้าๆ....ไหว้พระเถอะ”
“เมื่อกี้บังเอิญเจอพี่มิวขับรถล้มข้างทางน่ะครับ”
“เราก็เลยขับรถมาส่งน่ะครับ กลัวจะล้มอีก”
“เหรอจ๊ะ ขอบใจนะมิวเขาขับรถไม่ค่อยแข็ง โชคดีจังที่เจอพวกเรา ....เชิญคะ ต้องการอะไรค๊า”
“คุณป้ามีลูกค้า งั้นไม่รบกวนแล้วครับ”
“หวัดดีครับวันหลังพวกผมจะมาเที่ยวใหม่นะครับ” สองคนยกมือไหว้มืออ่อน
“จ้าๆ โชคดีนะ” แม่ผมยิ้มต้อนรับเต็มที่แล้วเลยไปคุยกับลูกค้า ทำให้ผมไม่มีโอกาสได้อธิบายเลยว่า ไอ้สองตัวนี้ไม่ใช่เพื่อนผ้ม
“ไปนะ”ไอ้สิทยักคิ้วใส่
“คืนนี้จะโทรหา...ถ้าปล่อยให้ดังเกิน 3 ครั้งล่ะก็พรุ่งนี้จะมาหาถึงที่เลย”
ฮ๊ะ?? ผมหัวเราะไม่ออกเลย มันขู่....ดูมัน ผมไม่ได้เหยียบตาปลามันสักหน่อย
ทำไมต้องจิกผมซะขนาดนี้ด้วยนะ ต้องรับโทรศัพท์เรอะ เตี่ยมึงสิ!
แล้วมันก็โทรมาจริงๆ ตอน 4 ทุ่ม มาทั้งสองสายเลย ทีแรกผมไม่รับกำลังว่าจะปิดเครื่อง ก็มีข้อความเข้ามาแทน
“มึงไม่รับล่ะก็ พรุ่งนี้ตาย!”
กร๊วกเอ๊ย! ผมจำต้องรับล่ะครับ เปิดสายคุยพร้อมๆกันทั้ง 3 คนเลย
แต่เป็นผมที่ฟังมากกว่า ไอ้ก้องกับไอ้สิทเป็นนักเรียนเทคนิคโรงเรียนชื่อเสีย(ง)ไม่เบาเลย
เรียนช่างยนต์ เล่นบาสเป็นกีฬาโปรด ชอบดูหนังฟังเพลงแล้วเที่ยว ฟังๆดูเหมือนพวกมันจะฐานะดีพอดู
ก็เห็นโม้เรื่องรถเก๋งคันใหม่ ผมฟังแล้วอื้อๆไปตามเรื่องจนหลับคาหมอนไปเมื่อไรไม่รู้
****************
“มิว....เพื่อนมาหา”
หื้อ?? ครายวะ ผมปรือตาขึ้นอย่างยากเย็น มองนาฬิกาเพิ่ง หกโมงเอง ผมไม่เคยตื่นเช้าอย่างนี้เลย
ผมงัวเงียกว่าจะลุกขึ้นนั่งได้ ใครมันมาหาแต่ไก่โห่วะ กูจะด่าแม่งเลย ตอนนั้นเองผมได้ยินเสียงจากชั้นล่างแว่วๆ
“ต๊าย...ซื้อมาทำไม มันเปลือง ป้าหุงข้าวไว้แล้วกว่าจะทำกับข้าวก็เกือบ 8 โมงโน่น”
“งั้นก็เป็นโชคดีของพวกผมสิครับ”
“รับไว้เถอะครับ พี่มิวดีกับพวกผมมาก แค่ของกินเล็กๆน้อยๆเท่านั้นไม่หนักหนาหรอกครับ”
“แหม น่ารักจริงๆนะเนี่ย เด็กๆสมัยนี้ ป้าไม่ค่อยเห็นปากหวานอ่อนน้อมอย่างนี้สักคน
ไหนๆก็มาแล้วก็อยู่ทานข้าวเช้าด้วยกันเลยนะ ขึ้นไปรอที่ห้องมิวก่อนก็ได้ เดี๋ยวป้าเรียก”
“ขอบคุณครับ”
เสียงย่ำบันไดขึ้นมาใกล้เรื่อยๆ ผมนั่งตัวแข็งอยู่บนเตียงคิดไม่ออกว่าจะทำยังไงดี
มันจะมาทำไมว้ะ....ประตูเปิดผ่างเข้ามา ไอ้ก้องกับไอ้สิท ใส่ชุดนักเรียนมาเลย
เสื้อเชิ้ตขาวแขนยาวเนคไทสีน้ำเงิน กางเกงขายาวสีกรม
ผมกระพริบตาปริบๆอย่างไม่แน่ใจว่าเมาขี้ตาอยู่หรือเปล่า
ไอ้สองคนอยู่ในชุดแบบนี้ดู ขายาว เท่ชะมัด ผมเพิ่งสังเกตนะเนี่ย มันหล่อมากด้วย
“พวกมึงมาทำไม” ผมถามเสียงสั่นๆ
“เมื่อคืนมึงวางสายใส่พวกกู”
“วางสาย??”ผมมึนๆนึกไม่ออก “ก็กูง่วง”
“กูอุตส่าห์โทรมา มึงไม่สนใจเลยใช่ไหม” ไอ้ก้องนั่งลงบนเตียงทับผ้าห่มผม
“รู้ไหมกูสองคนไม่เคยต้องโทรหาใครเลยนะ ทุกวันมีแต่สาวๆรอคิวให้เรียกด้วยซ้ำ
มึงโชคดีขนาดไหนแล้ว ยังกล้ามาทำเมินพวกกู”
“เฮ่ย...” ผมเหลืออดเลยเอ็ดใส่หน้าพวกมัน
“พวกมึงต้องการอะไรจากกูกันแน่เนี่ย?? ....บอกหน่อยสิ เพราะกูยังไม่รู้เลยว่าไปทำอะไรให้พวกมึง
ถึงขนาดต้องตามมาถึงบ้าน ถึงขนาดต้องโทรหา....ทั้งๆที่พวกมึงถีบกูตกรถเมื่อวานนี้เอง”
ผมมองหน้าสองคนไปมาอย่างต้องการคำตอบ “พวกมึงต้องการอะไร??”
..............................................
................................
ไอ้สิทนั่งลงบนเตียงอีกฟากหนึ่งแรงๆฟูกผมเด้งดึ่งๆเลย
“ในเมื่อมึงถามตรงๆ กูก็จะตอบตรง ๆ” มันเว้นวรรคให้ผมอยากรู้เข้าอีก
“กูอยากได้มึงมาเป็นแฟนกู”
“แต่กูอยากได้มากกว่านั้น” ไอ้ก้องว่า ผมมองตาปริบๆไม่เข้าใจ...มากกว่าแฟนเหรอ??
“เมีย.....กูอยากได้มึงมาเป็นเมีย”
หื้อ?? ผมต้องหาไม้มาแคะหูแล้ว รู้สึกคันขึ้นมาเลย
ติดตามตอนต่อไป