ฉากสุดติ๊วที่บางคนรอคอย ผู้แต่งนำมาประเคนใส่พานให้แล้ว
ค่อยทศันานะคะ อย่าลืมทิชชู่เช็ดน้ำหมากด้วย ฮ่าฮ่า...
ป.ล เรื่องโรมยังสองจิตสองใจนะคะ ไม่รู้จะต่อดีหรือเปล่า ถ้ามีใครอยากให้ต่อก็ขอเสียงสนับสนุนหน่อย
จะได้ตัดสินใจได้ถูกว่าจะต่อหรือไปเรื่องอื่นเลย
ขอบคุณคะ
เรื่องสั้นที่ 34 ความรักป้ายเหลื๊อง....เหลือง
“ไปบ้านพี่เหรอ”
“อืม” สั้นๆง่ายๆได้ใจความ มันคงดีแน่ถ้าทำอะไรเพื่อเป็นการตอบแทนบ้าง แต่......สายตาที่มองมาน่ะสิ
บอกได้คำเดียวว่า....
น่ากลัว
“ไม่ดีกว่าครับ”
“เกี๊ยว” ชายหนุ่มทำเสียงอ้อนปนกดดันนิดๆ
“ก็ผมกลัวอะ.....พี่คิดไรไม่ดีหรือเปล่าล่ะ”
“ไม่มี๊ พี่เจ็บอยู่นะ ปวดหัวมากด้วย โอยยย....” เขากุมหัวทำท่าจะล้มผมคว้ามือเขาไว้ทันที ดีที่เก้าอี้อยู่ห่างก้นแกไม่ไกล
“ยังมึนๆอยู่เลย เกิดพี่หน้ามืดล้มหัวพาดพื้นที่บ้านล่ะ ไม่มีใครอยู่ที่บ้านเลย....พี่อาจโคม่าไม่พื้นเลยนะ”
“พี่อ๊ะ อย่าทำผมกลัวสิครับ บ้านพี่ไม่มีใครอยู่จริงๆเหรอ”
“จริง”
“งั้น.....ผมไปส่งพี่แล้วกลับนะครับ”
“แล้วพี่จะทานข้าวเย็นยังไงล่ะ มือข้างเดียวอย่างนี้ต้องยกถ้วยยกจานคนเดียวเหรอ”
เขาส่งเสียงอ้อนน่าสงสาร ต่อมใจอ่อนผมละลายเลย
“งั้น....ผมทานข้าวเป็นเพื่อนพี่แล้วกลับนะครับ”
“ตอนอาบน้ำล่ะ พี่ทำคนเดียวไม่ได้นะ”
“พอเลย ผมจะดูแลพี่จนเข้านอน แล้วผมจะกลับ โอเคไหมครับ” โมโหแล้วนะ อะไรๆก็ต้องผมทำให้หมดหรือไง
“จ้า”
ฮึ...รู้สึกเหมือนโดนหลอกล่อยังไงไม่รู้ แต่.....มือเจ็บอย่างนี้คงทำไรไม่ได้มากหรอก
ผมมองโลกในแง่ดี อย่างน้อยก็ตอบแทนที่เขาเจ็บตัวเพราะผม
“ผมจะโทรบอกที่บ้านว่าจะกลับช้าหน่อย ”
“เร็วหน่อยนะ”
ฮุฮุฮุฮุ ผมได้ยินเสียงหัวเราะสมใจดังขึ้นทันทีที่หันหลังให้ พอหันขวับกลับมาเห็นพี่กายยิ้มเหนื่อยๆสีหน้าอ่อนแรง
“เมื่อกี้พี่หัวเราะเหรอฮะ”
“เปล่านี่....มีไรเหรอ”
ระแวงเกินไปหรือเปล่านะ ผมส่ายหน้ารีบโทรไปบอกทางบ้านว่าจะกลับดึกสักนิด
พ่อแม่ตื่นเต้นเพราะผมไม่เคยค้างนอกบ้านเลยสักครั้ง แม่ซักไซ้ใหญ่ว่าไปที่ไหน ไปกับใคร
เพราะอะไรละเอียดยิบ ถึงขนาดขอคุยกับพี่กายเพื่อถามรายละเอียด ผมยื่นมือถือให้พี่เขาคุยด้วย
แกอธิบายยืดยาวว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร พอบอกเท่านี้แหละ
“แม่ให้เกี๊ยวค้างบ้านพี่ได้”
“หา??”
“ไปเถอะ พี่หิวแล้ว” พี่กายกางแขนให้ช่วยพยุง ผมสอดแขนโอบรอบเอวเขาช่วยพยุงให้ลุกขึ้น
อืม.....กลิ่นเหงื่อจางๆที่ซอกคอเขาหอมจังเลย ผมยืนนิ่งรอให้พี่กายทรงตัวดีๆ
รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก คนที่ผมปลื้บคอยมองอยู่ห่างๆในที่สุดก็ได้ใกล้ถึงขนาดนี้
เหมือนฝันเลย
อา...สงสัยจังน้า ทำไมถึงสนใจผมได้นะ
ผมเงยหน้ามองสบตาคนตัวสูงกว่า ว้าว.....ตางี้เป็นประกายสีน้ำผึ้งเลย เห็นแล้วจะละลายลงตรงนี้เสียให้ได้
ผมก้มหน้างุดกับอกเขา เล่นมองอย่างงี้
ไม่เขินสิแปลก....
“ไปเถอะครับ หิวแล้วไม่ใช่เหรอ”
เราออกมาขึ้นแท็กซี่ตอนแรกผมกะว่าจะซื้ออาหารเย็นไปด้วย แต่พี่กายบอกที่บ้านมี
ผมก็คิดว่าคงเป็นอาหารแช่แข็งไม่ก็ขนมปังทาแยมแห๋งๆ พอถึงบ้านเขาสิ
ผมอ้าปากค้างเลย ยาม....คนขับรถ...แม่บ้าน ออกมาต้อนรับเต็มไปหมด
“คุณกาย เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไม...”
“อุบัติเหตุนิดหน่อยเอง ป้านงค์”
ไหนว่าไม่มีคนไง ยืนเข้าแถวต้อนรับสลอนเลย โดยเฉพาะป้าคนนี้กอดพี่กายแน่นสีหน้าเจ็บแทนเลย
“ต้ายแล้ว.....มีแผลด้วย เจ็บไหมคะ”
“ไม่เจ็บแล้วครับ หมอให้ยาแก้ปวดมา ป้าอย่าทำหน้าอย่างนี้สิ ผมไม่เป็นไรหรอก ไกลหัวใจเยอะ”
“ป้าใจไม่ดีนะคะ อย่างนี้คุณผู้ชายคุณผู้หญิงไม่ตกใจแย่เหรอ”
“ป้าก็อย่าบอกสิครับ แผลนิดเดียวเอง เอ่อ....ป้าครับผมมากับเพื่อน เขาจะดูแลผมเอง
ขออาหารเย็นไปที่ห้องนะ ทานแล้วผมจะเข้านอนเลย”
“เหรอคะ” ป้าแกทำหน้าไม่ค่อยเห็นด้วย ผมว่าถ้าเป็นไปได้ป้าคงจะอยากเป็นคนอยู่ดูแลพี่กายเองมากกว่า
แกมองผมแบบไม่ค่อยจะวางใจให้ดูแลของรักของหวง ผมยกมือไหว้
“สวัสดีครับ ผมชื่อเกี๊ยวเป็นรุ่นน้องพี่กายครับ”
“แห่ม...ชื่อน่ารักจัง ตามสบายนะจ๊ะ เดี๋ยวป้ายกไปให้ที่ห้องนะ”
“ขอบคุณครับ” พี่กายโอบไหล่ผมพาเข้าบ้าน
“ไหนว่าพี่อยู่คนเดียวไง” พออยู่กันตามลำพังผมก็ใส่เลย
“ก็อยู่คนเดียวจริงๆ พวกคนใช้กับป้านงค์ พวกเขาไม่มายุ่งกับพี่หรอก พี่นอนคนเดียวน่ะเหงานะ”
“ตอแหลชัดๆ” ผมหงุดหงิดเล็กๆแฮะที่โดนหลอก ชักอยากกลับบ้านแล้วสิ
และแล้วความคิดอยากกลับบ้านของผมก็หายไปเมื่อประตูบานนั้นเปิดออก
“ว้าว...” หรูจัง โดยเฉพาทีวีพลาม่าขนาดใหญ่ กี่นิ้วไม่รู้แต่ใหญ่มากขอบอก ชอบจังๆๆ
โอ้....ชั้นวางDVD เรียงตั้งแต่พื้นจรดเพดาน ชอบจังๆๆๆๆ ผมหันมามองพี่กาย