ต้องขอโทษด้วยครับที่หายไปนาน
คนป่วยมากันเยอะ รักษากันตั้งแต่แปดโมงเช้ายังสี่ทุ่ม แทบตายแหนะ
แต่ก็พอจะเข้าใจแล้วว่าสมาชิคที่แวะเข้ามาอ่านอยากได้อะไร
ทุกเสียงเป็นเอกฉันท์ กระผมก็จะจัดให้
ตอนท้ายแอบแถมตัวละครใหม่เข้ามาด้วยนะครับ
============================================================
ตอนที่ 13 หมีนิวออร์ลีน...นั้ววววววนัว
กาล
“ก็กินหมีแทนเอาไหมหละครับ” ไคร์นจูบที่แก้มผมแล้วยังเลื่อนไปขบใบหูผมต่อ อา...จะไม่ไหวอยู่แล้วนะ
“ไม่เอา ท้องร้องแล้ว” ผมไม่ยอมหรอก เรื่องอะไรหละมาถึงแดนลุงแซมทั้งที ดินแดนแห่งอภินันท์แห่งการซื้อหา อยากกินอะ
“โห...ไปไหนดูซิท้องร้องหิวจริงหรือเปล่า” ไคร์นเลิกเสื้อผมแล้วเลื่อนตัวลงไปเอาหูแนบกับหน้าท้องผม ดูทำเข้า ทำยังกะฟังเสียงเด็กดิ้นในท้องซะนี่
“เอ้า...ฟังเลย มันร้องว่า หิวครับพี่หมี น้องกาลหิวKFCนะครับ พาไปกินหน่อยนะครับ นะนะนะ” ผมก็ยืนแอ่นท้องให้ชิดหน้าของไคร์นยิ่งขึ้น ดุซิจะได้ยินไหม
“อา...ได้ยินแล้วครับ แต่เอ...มันไม่ได้บอกอย่างนั้นนี่ครับ กาล”
“อ้าว จะมารู้เกินเจ้าของได้ยังไงกันนี่ ไคร์น”
“มันบอกว่า...” จากนั้นไคร์นพาเราสองคนหายตัวก็กลับมานอนเปลือยกันบนเตียงในห้องไคร์น โดยเจ้าตัวนอนทับผมไว้อีก
“มันบอกว่า...หิว...หมี...ตัวนี้” ไคร์นก้มลงมาประกบจูบกับผมอย่างเร้าร้อน เราสองคนกอดจูบกันนัวเนีย ลิ้นของไคร์นสอดเข้ามาไล้เลียไปตามแนวฟันของผมก่อนจะกระวัดแกว่งไปตามเพดานปากก่อนจะดุนดันลิ้นของผม
ผมดูดลิ้นไคร์นตอบ ไคร์นก็ใช้ปากไล้ไปตามริมฝีปากของผม เราต่างแลกลิ้นกันนานมือไม้เราต่างลูบไปตามลำตัวของกันและกัน ไคร์นถอนจูบออกแล้วเม้มปากงับไปตามแนวคาง ลำคอ ซอกคอ จนถึงหน้าอก เขาขบกัดเบาๆที่ยอดอกของผม ใช้ลิ้นเย้าหยอกไปมาอย่างเร็วจนผมต้องแอ่นอกรับกับแรงอารมณ์ที่ไคร์นมอบให้ มือของเขารวบเอวผมส่วนอีกข้างก็ใช้นิ้งโป้งบดบี้ยอดอกอีกข้างอย่างเมามันส์
"ซี๊ด...เสียวครับ ไคร์น" ผมต้องห่อปากครางออกมาอย่างสุดกลั่น ไคร์นชำนานมาก ทำสองข้างสลับกันไปมาอย่างไม่รู้อิ่มเอม
ไคร์นเลื่อนใบหน้ามาตามหน้าท้องผม ขบเม้นเล่นอย่างสนุกปาก แล้วมาหยุดที่สะดือ เขาใช้ลิ้นแยงกระวัดไปมาอย่างรวดเร็ว
“อา...ไคร์น...ซื้ด...ไคร์น...ผมเสียวนะ...คร้าบบบ...โอ้ย...” ไคร์นยังขบเม้มหยอกลิ้นกับสะดือและหน้าท้องผมไปเรื่อยๆ ผมใจแทบขาด มือของไคร์นตอนนี้อยู่ที่ก้นผมทั้งสองข้างแล้วบีบไปมาอย่ามันส์มือ เมื่อไคร์นเพิ่มแรงบีบมากขึ้นฝ่ามือที่หยาบกร้านของเขาให้ความรู้สึกเหมือนโดนไฟช๊อคไปมาใต้ผิวเนื้อเรียบของผม
อารมณ์ผมพรุกพร่านอย่างหยุดไม่อยู่ ไคร์นเหมือนรู้ดี เขาใช้ปากครอบลงไปยังแท่งแกร่งที่อ่อนไหวต่อสัมผัสของผมแล้วเม้มปากรูดขึ้นรูดลงแบบเน้นๆ เอวผมไม่สามารถอยู่นิ่งๆได้ต้องส่ายร่านไปมาตามแรงดูดเม้มของเขา
นานพอสมควร ความเสียวซ่านอย่างสุดขั้วก็เข้าครอบงำผม ผมทะลักความหรรษาออกภายในปากของเขา ไคร์นดูดเกลือนลงไปอย่างกระหายหิว เขาใช้ลิ้นเก็บกวาดไปมาตรงปลายยอดจนผมต้องร้องห้าม
“ไคร์น...อา...หยุดก่อ...น...พ...พอก่อ...น...มันเสีย...วคร้า...บ” ไคร์นจึงหยุดแล้วเลื่อนหัวลงไปต่ำกว่าเดิม ยกขาทั้งสองข้างของผมขึ้นแล้วอ้าค้างไว้ ใช้ลิ้นหยอกเย้ากับถุงทองจนฉ่ำแล้วดูดดุนสลับซ้ายขวาไปมาอย่างสนุกปาก มืออีกข้างก็ไล้วนไปมาที่ปากทางสีชมพูเบื้องล่าง
นิ้วที่แสนช่ำชองเกลี่ยวนไปมาก่อนที่จะค่อยๆแหย่เข้าไปทีละนิ้ว มันคับแน่นตื้อไปหมด ในหัวผมมันเหมือนหมุนคว้างเมื่อเขาเริ่มกว้านนิ้วเป็นรูปตัวโอภายในช่อง
“อา....ค...ไคร์น...อา...” ไคร์นเพิ่มนิ้วเข้าไปอีกแล้วยังดูดถุงทองแฝดของผมอย่างเบาๆ ลิ้นนุ่มร้อนหยอกเย้าไม่หยุด มืออีกข้างก็ปรนเปรอแท่งแกร่งร้อนของผมไปด้วย ในหัวผมตอนนี้มันคิดอะไรไม่ออกแล้ว สติของผมเริ่มเลือนแทนที่ด้วยอามรณ์พิศวาสอันร้อนแรงขึ้นกว่าเดิม
“ซี๊ด...ด...ค...ไคร์น...ผ...ผ...ไม่ไหว...ล...แล...แล้ว...อา...” ไม่นานนักผมก็ถึงปลายทางแห่งความสุขสมอย่างมากมายอีกครั้ง เปรอะเต็มน่าท้องและมือของไคร์นเต็มไปหมด ไคร์นเลื่อนตัวขึ้นมาดูดเลียหยดหยาดจนหมด เขาลากลิ้นไล้วนไปมาที่ปลายแท่งแกร่งที่ตอนนี้เริ่มอ่อนตัวลงบ้าง
“สุขสมเพื่อผมนะ กาล” ไคร์นลุกขึ้นนั่งแล้วยกผมขึ้นมานั่งหันหน้ามาหาเขา เขาจับแท่งแกร่งกำยำจ่อทางเข้าด้านหลังแล้วค่อยๆกดลงไปช้าๆ
“อึก...อา...เบา...เบาก่อน...ไคร์น...นะ” ผมหย่อนตัวลงไปความแก่งร้อนแสนใหญ่โตค่อยๆแทกผ่านเข้าไปในตัวผม ถึงมันจะไม่ค่อยเจ็บแล้วแต่ความคับแน่นที่แทบฉีกขาดมันก็ยังสร้างความมึนตึงให้กับผมอยู่ดี พอกดลงไปจนมิดแล้วต้องรออีกซักพักกว่าผมจะหายเกร็ง ไคร์นจูบหนักๆบดเบียดริมฝีปากผมอย่างกระหาย ไรเคราเขาเริ่มขึ้นมาเล็กน้อยมันจั๊กจี๋ปนเสียวซ่านไปถึงสันหลังเลย
“พร้อมหรือยังครับ คนเก่ง” ไคร์นกระซิบถามข้างหูผมอีกแล้ว ผมเลยแกล้งขมิบช่องด้านล่างแทนพยักหน้า ไคร์นหลุดยิ้มออกมาเลย
“มีใครเขาตอบแบบนี้บ้างเนี่ย กาล คุณทำให้ผมแทบคลั่งแล้วนะครับ” ไคร์นเริมขยับสะโพกขึ้นลงเล็กน้อย ช้าๆ แต่ผมรู้นะว่ามันเข้าไปจนสุดเลยจนผมต้องกอดคอแล้วเอาหน้าซุกไปที่บ่าของเขา
“กาล...ผมชอบตอนที่คุณโอบรัดผมทั้งข้างนอกและก็ข้างในจังเลย” เขาพูดไปขบใบหูผมแต่สะโพกเขาก็เริ่มเร่งความเร็วขึ้น อารมณ์ผมเริ่มสนองมากขึ้น กดสะโพกลงไปแรงขึ้นให้เข้าจังหวะกับที่เขาสวนขึ้นมา ด้วยความเร็วและแรงทำให้เตียงเริ่มสั่นสะเทือนส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด
กล้ามท้องของไคร์นมันชั่งแข็งแกร่งและร้อนเพราะการเสียดสีกับแท่งแกร่งของผม ความเสียวซ่านเริ่มมากขึ้นไปเป็นทวีคูณเมื่อไคร์นเริ่มขยับสะโพกให้แรงและเร็วกว่าเดิมมากยิ่งขึ้น
“ไคร์น...ไคร์น...ไม่...ไม่...ไหว...แล้ว...จะ...จะ...จะ...ไป...” ผมยังพูดไม่จบเขาก็กดผมแน่นขึ้น จังหวะการกระแทกสวนกันยิ่งหนักหน่วงขึ้นไปอีก เสียงหอบหายใจของเขาที่ข้างหูบ่งบอกได้ว่าเขาก็กำลังจะถึงเหมือนกัน ผมรู้สึกว่าของไคร์นเขายังขยายใหญ่ขึ้นมาอีก
เพียงไม่ถึงนาทีผมก็พลั่งพลูออกมาเต็มหน้าท้องของเขา ไคร์นเร่งสะโพกส่วนขึ้นมาจนสุดแล้วกดแช่เอาไว้ ผมเห็นดาววิ้งๆเต็มเพดานเลย ครั้งนี้มันสุดยอดเหลือเกิน ไคร์นยังไม่ถอนตัวออกจนผ่านไปได้เกือบห้านาที น้ำของเขาไปย้อยลงมาเปรอะเต็มง่ามขาและที่นอนไปหมด เขาหอบหายใจหนักหน่วง ผมได้ยินเสียงหัวใจของเขาดังสะท้านหน้าอกผม ผมรักความอบอุ่นแบบนี้จังเลย
“ไคร์นครับ...”
“ครับ...คนเก่ง”
“กาลหิวKFC”
“อ้าว...!!!”
===================================================
ยี่สิบไมล์ นอกชายฝั่งโยนากุนิ โบราณสถานใต้น้ำโยนากุนิ
เสียงก้าวเท้าหนักๆอย่างรวดเร็วตามทางเดินกึกก้องไปทั่ววังใต้น้ำแห่งนี้ ท่วงท่าการเดินอย่างองอาจบ่งบอกถึงความเป็นเจ้าของสถานที่ ประตูทองคำบานใหญ่ถูกสลักอย่างวิจิตรเปิดขึ้นเบื้องหน้า เขามองภายในห้องที่เคยเป็นท้องพระโรงขนาดใหญ่ที่แสนเกลียดชัง แต่ตอนนี้เขาเองเรียกที่นี่ว่า บ้าน พื้นห้องปูด้วยหินอ่อนสีดำมีเพียงทางเดินตรงกลางปูด้วยหินอ่อนสีแดงที่ทอดยาวไปจนถึงบันลังทองคำขนาดใหญ่ ด้านซ้ายและขวาของบันลังมีรูปปั้นหญิงสาวสองคนยืนอย่างสงบนิ่ง ทั้งสองดูไร้ชีวิตจนกระทั่งเขานั่งบนบันลังเรียบร้อย รูปปั้นทั้งสองจึงขยับย่อลงคารวะผู้เป็นนาย
“ยินดีต้อนรับการกลับมา” รูปปั้นหญิงด้านซ้ายเอ่ยขึ้น
“ทะเลสวย คลื่นลมแรง ท้องฟ้าไร้เมฆ เหมาะกับการออกไปเล่นเซฟ” รูปปั้นหญิงด้านขวาเอ่ยแทรกขึ้นมา ก่อนจะขยิบตาไปทางเจ้านายของเธอ
“อีกนานไหมจะเจอคลื่นใหญ่ๆซักระลอก อานุ” ทาเคชิถามนาง เขามีความคิดถึงใครคนนึง
“น่าจะไม่เกิน ยี่สิบนาที นายท่าน”
“อืมม...” ทาเคชิทอดสายตาไปยังท้องพระโรงที่ว่างเปล่าด้วยสายตาที่อ้างว้างและเดียวดาย แต่แล้วก็กลับมีเพลิงแห่งความแค้นพวยพุ่งออกมา
เขาไม่เคยลืมความแค้นที่มีต่อหน้ากษัตริย์เคกะนะ พ่อของเขา และเหล่าเสนานับร้อยนับพันที่คอยเป่าหูพ่อของตน คอยยุแหย่ต่างๆนานา แม้แต่ สั่งประหารเขาและลูกเมียพร้อมเสียงหัวเราะ
ตอนนั้นเขามีอายุเพียงยี่สิบเอ็ดปีแต่เขาก็ก้าวขึ้นรับตำแหน่งผู้บัญชาการคุมแม่ทัพสามเหล่า ด้วยความสามารถที่ล้นเหลือประกอบกับหน้าตาดีใครเห็นใครหลงจึงเป็นที่ชื่นชอบของบรรดาประชาชนภายในอาณาจักร ความริษยาจึงเข้ามาเกาะกุมในใจของเหล่าเสนาโฉดชั่ว พวกเขาวางแผนตัดตัวเกะกะออก และทำสำเร็จเสียด้วย
“ข้าจะพิพากษาพวกเจ้า ได้ลิ้มรส หายนะ เกินกว่าที่พวกเจ้าจะนึกถึง ชั่วนิรันดร์” กลางดึกในคืนที่เขาและลูกเมียโดนตัดหัวแล้ว ตัวเขากลับมีชีวิตขึ้น แต่ไม่ใช่ร่างเดิมของเขา เป็นร่างใหม่ที่ดีกว่า พิเศษกว่า และดู...ทรมานใจผู้ที่ได้พบเห็นกว่าเดิมมาก
“ข้าได้ยินเสียงร้องขอความเป็นธรรมของเจ้า...ข้าสัมผัสถึงความดีงามอันพิสุทธิ์ในวิญญาณเจ้า...ข้าเห็นเพลิงแค้นในอากาศรอบตัวเจ้า...ข้ารับรู้ถึงความห่วงหาอาธรต่อประชาชนของเจ้า” เสียงของหญิงสาววัยรุ่นดังกึกก้องภายในตัวของเขา เสียงที่ไพเราะ อ่อนหวาน แต่ทรงพลานุภาพ ต้องยำเกรง
“เจ้าเป็นใคร”
“ข้าคือ...ไกอา...”
.
.
“...ท่าน...นายท่าน...”
“อะไร...คานะ”
“นายท่านเหม่ออีกแล้ว คานะเป็นห่วง นายท่านคิดถึงอดีตอีกแล้วเหรอ” คานะหรือรูปปั้นหญิงทางขวายืนขึ้นไปนั่งตรงที่เท้าแขนข้างบันลังของเขา ใบหน้าที่เป็นศิลาเรียบมันวาว ไร้ซี่งดวงตากลับทำสีหน้าที่เป็นห่วงเป็นใยเขาเหลือเกิน
“นายท่านน่าจะได้เห็นว่าเราเจออะไรก่อนที่นายท่านจะเข้ามา” อานุยังอยู่ในท่าคุกเข่าแบบเดิมก่อนจะหันหน้าไปทางคานะที่กำลังทำหน้าแลบลิ้นใส่ตนเองอยู่ แต่นางก็ทำเป็นไม่ใส่ใจก่อนที่จะกดปุ่มที่ปลอกแขนของนาง
กรงขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นกลางห้องท้องพระโรง ภายในมีสิ่งมีชีวิตประหลาดขนาดเล็ก นอนขดตรงกลางกรง มันมีลวดลายสีดำสลับสีทอง มีปีกเหมือนนกขนาดใหญ่สีแดงเลือดและหางปลายเรียวโบกไปมา พอมันเงยหน้าก็พบกับดวงตามีเหลืองเรืองเหมือนจระเข้ เส้นผมตรงยาวสีสนิมเหล็ก กับเขาแหลมอันเล็กๆสองอันบนหัวของมัน
เขามองเข้าไปอย่างพินิจพิเคราะห์ มันตัวสั่นเทาดูก็รู้ว่ายังเป็นเด็กอยู่ในหมู่เผ่าพันธุ์ของมัน เขาไม่ชอบปีศาจเลย
แต่ที่ไม่อยากยุ่งด้วยก็คือ ปีศาจที่ยังไม่โตเต็มที่
เขามองอย่างเอือมๆพร้อมกับมองเข้าไปในอดีตของมัน เฮ้อ...เรื่องยุ่งยากกำลังมาเยือนเขาเป็นแน่ถ้าไม่รีบชิ่งหละก็ เขากุมขมับก่อนจะเอ่ยออกไป
“พวกแมเลียไม่ได้อยู่ในเมนูการฆ่าของข้า แต่ก็ไม่ได้อยากเสวนาด้วย จงกลับไปซะ” ทาเคชิพูดด้วยเสียงกังวาน ทรงอำนาจ มันมองเขาอย่างหวาดละแวง ปากสีน้ำเงินอ่อนเผยอเอ่ยแลเห็นเขี้ยวยาวภายใน
“ศัตรูของศัตรูคือมิตรข้า เรื่องนี่ข้าต้องการความช่วยเหลือจากท่าน ธอเนี่ยน” ทาเคชิเลิกคิ้วข้างนึงอย่างสงสัย ปีศาจหัดใช้ปรัชญามาพูดกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“เจ้าไม่ได้อยู่ในการดูแลของข้า ปีศาจ ไปขอเจเดนนายหน้าของพวกเจ้าซิ”
“นายท่านเจเดนเป็นผู้ส่งข้ามาหาท่านเอง” ปีศาจตัวน้อยยังคงขดตัวใต้ปีกขนาดใหญ่ของมัน
“...” ทาเคชิยังนิ่งมองไปที่มัน เขากำลังคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วและที่กำลังจะเป็นไปของเรื่องนี้ ความสามารถที่แถมมากับคำสาปงี่เง่าของเขาอย่างนึงที่เขาพอใจกับมันก็คือ การเห็นอดีตของทุกสิ่งอย่างเด่นชัดและมองเห็นหนทางทุกทางที่มันกำลังจะเป็นไป และยังสามารถเปลี่ยนแปลงมันได้เองด้วย
“เจเดน...ฝากมาบอกท่านอีกว่า... ‘เจอกันเวลาเดิม...ถามมาจะตอบไปและก็...คราวนี้ท่านแพ้แน่’ เจเดนบอกมาแค่นี้ มันคืออะไรเหรอ” มันบอกออกมาเป็นเสียงทุ่มต่ำแหบๆนายของมันอย่างไม่มีผิดเพี้ยนเลย เจ้านี่มันนกแก้วชัดๆ
“ชิ...ไม่มีทางเสียหละ อานุ คานะ พวกเจ้าพาแมเลีย...เจ้ามีชื่อไหม”
“เจเดนเรียกข้าว่าไอ้กากเดนสวะ ข้าไม่รู้ความหมายมันหรอกแต่ก็พอใจนะ แล้วท่านหละ” มันมองหน้าแล้วเอียงคอเล็กน้อยอย่างสงสัยใคร่รู้ ดวงตาบ้องแบ๊วดูเป็นประกาย เฮ้อ...เด็ก...
“รสนิยมการเรียกชื่อต่ำจนน่าตกใจจริงๆ...ฟังนะ ตอนที่เจ้าอยู่ที่นี่ ข้าจะเรียกเจ้าว่า ปรัม จำไว้และข้าไม่ชอบร่างเจ้าตอนนี้ ข้าว่าแบบนี้ดีกว่า...” อยู่ๆร่างปีศาจก็กลายเป็นเด็กหนุ่มผิวขาว คิ้วเข้ม ตาคม ผมสั้นซอย ปากชมพู สูงประมาณร้อยเจ็ดสิบกว่าๆ
ปรัมมองร่างใหม่ของตนอย่างตื่นๆก่อนจะมองทาเคชิอย่างสงสัย
“เอาไว้ข้าจะกลับมาคุยกับเจ้า ปรัม อานุ คานะ ดูแลให้ดี” เขาลุกขึ้นเดินออกมาจาห้องท้องพระโรงแล้วหายตัวมายังสวนสาธารณะใกล้ย่านร้านค้าในโตเกียวทันที
“เจ้า...มาช้า...” เสียงทุ้มต่ำติดแหบๆตามแบบฉบับของเจเดนดังขึ้นหลังต้นไม้ที่อยู่ด้านขวาของเขา เจเดนผู้เป็นปริศนาของผู้อยู่ฝ่ายแสงสว่างตลอดกาลกลับมาพบกับเขาที่เป็นศัตรูโดยธรรมชาติของเขาเอง หลายข่าวบอกว่าเขาเป็นเจ้านายของเหล่าปีศาจ บางรายบอกว่าเขาคือนายหน้าของปีศาจ แต่ใครจะรู้ เพราะแม้เขาสองคนจะคบกันมาได้ซักหมื่นกว่าปีแต่เจเดนก็พูดถึงตัวเองน้อยมากๆ เจเดนแต่งตัวง่ายๆสีเดียว ดำ เขาใส่โอเวอร์โคทสีดำ เสื้อสูทดำ กางเกงสแลกซ์สีดำมัน รองเท้าหนังขัดมันปลายยาวตัดตรง
“วันนี้เป็นเฟอร์ ลา กาโม เหรอ”
“ไม่ทั้งชุดหรอก เสื้อกางเกงเป็นกาดินี่”
“จะเป็นมาเฟียร์อิตาลีเหรอไงกันแต่งแบบนี้”
“ก็ข้าชอบ”
“ตามใจ” ทาเคชิพูดโดยไม่มองเจเดนแต่กลับเดินออกมาทางถนนข้างสวน
“เจ้าได้ของฝากจากข้าแล้วใช่ไหม ข้าฝากไว้กับเจ้าก่อนนะ แต่ให้ไกลๆหน่อยก็ดี”
“ทำไม...และไกลจากอะไร”
“บาลังก้า...”
“...ข้าว่าข้ามีที่เหมาะๆอยู่ที่นึง บาลังก้าไม่กล้าเข้าไปแน่”
“ที่...”
“ไทย...”
=========================================================
ก็จบลงไปอีกตอน ยังไงถ้าไม่เพลียมากก็จะพยายามเอามาลงให้นะครับ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามและคอยเมนให้ตลอดนะครับ