พิมพ์หน้านี้ - Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ สองหมี น้ำผึ้ง&ช็อกโกแล๊ต(08-05-2557)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Windend ที่ 01-04-2011 12:41:10

หัวข้อ: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ สองหมี น้ำผึ้ง&ช็อกโกแล๊ต(08-05-2557)
เริ่มหัวข้อโดย: Windend ที่ 01-04-2011 12:41:10
นิยายเรื่องนี้เป็นFic ขนาดไม่สั้นไม่ยาวนะครับ และเป็นเรื่องแรกด้วย ไม่เคยลงที่ไหนหนะ เปิดซิงที่นี่เลย  :laugh:

ยังไงก็ขอฝากเรื่องนี้ด้วยนะครับ :กอด1:

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน

ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
หัวข้อ: Re: [Fic-Paranormal] - ใต้เงามนตรา
เริ่มหัวข้อโดย: Windend ที่ 01-04-2011 12:47:15
Intro

        เนินนานก่อนที่จะมีการบันทึกประวัติศาสตร์ มีพระราชาผู้หาญกล้าพระองค์หนึ่ง ราชาที่ไม่สยบต่อเจตนารมณ์ของเดอะเฟทส์ (The Fates) ที่มีลิขิตเทพต่อพระองค์ เช่นเดียวกับที่มีต่อมนุษย์ก่อนหน้าและหลังจากพระองค์อีกมากมาย ทรงกระทำสิ่งผิดพลาดด้วยการตกหลุมรักสตรีโฉมงามที่สุดในอาณาจักร อิสตรีเจ้าของรอยยิ้มที่เป็นดุจโลหิตหล่อเลี้ยงพระองค์

        พระราชาหารู้ไม่ว่านางต้องทัณฑ์คำสาปอันน่าสะพรึงกลัวที่สุด สืบเนื่องบรรพบุรุษนางเคยกระทำการต่อต้านเทพ อพอลโลเมื่อกว่าสองพันปีก่อนที่นางจะถือกำเนิด พวกเขาจึงต้องคำสาปให้สิ้นชีพอย่างโหดร้ายทารุณเมื่อถึงวันครบรอบอายุครบยี่สิบเจ็ดปี มันเป็นความลับที่นางเก็บงำอย่างมิดชิดจนถึงวันที่นางเริ่มเน่าเปื่อยและดับสูญ

   ภายในเวลายี่สิบสี่ชั่วโมง นางแปลสภาพจากสาวสวยกลายเป็นหญิงแก่ แล้วจากนั้นก็เริ่มเน่าผุพังจนไม่เหลือแม้แต่ธุลี พระราชาไลคาออน ต้องทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส เมื่อต้องสูญเสียสตรีอันเป็นที่รักไป แต่สิ่งที่เลวร้ายกว่านั้นคือการรับรู้ที่เฝ้าหลอกหลอนว่าในไม่ช้าบรรดาลูกชายของพระองค์จะต้องมีชะตากรรมแบบเดียวกับผู้เป็นมารดาและจะตายอย่างน่าสะพรึงกลัว

   พวกลูกๆของเขาก็เหมือนกับนาง ที่ต้องตายเพราะสิ่งที่พวกเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลย เมื่อไม่อาจทนต่อความอยุติธรรมเยี่ยงนี้ได้ ไลคาออนจึงเผชิญหน้ากับปวงเทพของเขา แล้วบอกให้เทพเจ้าเหล่านั้นตกนรกหมกไหม้ พระองค์จะไม่ทนเห็นลูกๆต้องมาตาย ไม่มีวันเสียหละ

   ราตรีนั้นเอง พระองค์เริ่มใช้มนต์ดำที่ลึกลับที่สุดเพื่อผสมผสานพันธุกรรมของผู้คนในเผ่าพันธุ์ของนางกับสัตว์ต่างๆที่มีความแข็งแกร่งที่สุด ไม่ว่าจะเป็นหมาป่า หมาใน สิงโต เสือโคร่งเสือดำ หมี เหยี่ยว แม้กระทั่งมังกรที่หาพบได้ยาก สรรพสัตย์ที่ทรงคัดมาก็เพื่อต่อชีวิตให้บรรดาลูกๆของพระองค์

   เมื่อการทดลองเสร็จสิ้น พระองค์ก็ได้สร้างเผ่าพันธุ์ใหม่ขึ้นมา พวกเขาไม่มีความเป็นมนุษย์ ไม่มีความเป็นสัตว์ป่า กลายเป็นสิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่งที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

   และจากการทดลองนี้ทำใหม่บรรดาลูกๆของพระองค์แบ่งแยกตัวตนออกเป็นคู่ ฝ่ายหนึ่งครองร่างเป็นสัตว์และมีหัวใจของสัตว์ในตอนกลางวันเรียกว่า คาตากาเรีย อีกฝ่ายครองกายเป็นมนุษย์และมีหัวใจของมนุษย์ในตอนกลางวันเรียกว่า อาร์คาเดียน

   นี่คือพรสวรรค์ของพวกเขา

   และเท่ากับเป็นการเริ่มต้นคำสาปใหม่

   พวกเขาได้รับสืบทอดมนต์วิเศษต่างๆจากไลคาออนและพลังจิตอันแข็งกล้าจากชนเผ่าของมารดาพวกเขา และจากการแทรกแซงเพื่อช่วยชีวิตจากพระราชาไลคาออน ทำให้พวกเขาใช้ชีวิตตามสภาพรูปลักษณ์พื้นฐานที่แท้จริงของพวกเขา หากไม่เป็นมนุษย์ก็เป็นสัตว์ ครั้นถึงยามราตรีพวกเขาสามารถเปลี่ยนสภาพเป็นรูปร่างอีกแบบหนึ่งได้ จากมนุษย์กลายเป็นสัตว์ และจากสัตว์กลายเป็นมนุษย์

   ภายใต้แสงจันทร์วันเพ็ญ เมื่อพลังอำนาจของพวกเขาแข็งแกร่งที่สุด แม้กระทั่งกฎเกณฑ์แห่งกาลเวลาและหลักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายก็ยังต้องผันแปรไปตามใจพวกเขา นับแต่วันนั้นเป็นต้นมา พวกเขามีชีวิตที่ยินยาวกว่าชนเผ่าของมารดามาก ทำให้พ้นจากคำสาปของอพอลโล

   แม้อพอลโลจะไม่สนใจว่าคำสาปของเขามีคนแก้ไขได้แล้ว แต่เดอะเฟทส์ไม่มองอย่างนั้น พวกนางโกรธเกรี้ยวอย่างร้ายกาจ เพราะไลคาออนได้ก้าวเข้ามาในเขตของพวกนาง  เทวบัญชาอันเกรี้ยวกราดเรียกร้องให้พระราชาสังหารสิ่งมีชีวิตที่พระองค์สร้างขึ้น พระองค์ผู้ซึ่งเป็นเพียงมนุษย์ปุถุชน กล้าดียังไงจึงหาญกล้ามาบิดเบือนเจตนารมณ์ของชะตาเทพ

   แต่ไลคาออนปฏิเสธ “ข้าจะไม่ยอมให้ลูกๆของข้าต้องทนทุกข์ทรมานเพราะความวางโตโอ้อวดของพวกท่าน พวกท่านเชิญไปตายที่ไหนก็ไปข้าก็ไม่สน

   ฉะนั้นในขณะที่ลูกๆของไลคาออนปลอดภัยจากคำสาปของอพอลโล แต่เดอะเฟทส์ก็ได้ให้คำสาปใหม่แก่พวกลูกๆของเขา

   “จะไม่มีสันติสุขในเผ่าพันธุ์ทั้งสอง” อโทรโพส ยกมือซ้ายขึ้นเหนือศีรษะที่มีผมสีเงินยวงยาวสยาย ดวงตากลายจากมีเขียวมรกตเป็นสีแดงทับทิมส่องประกายทั่วพระราชวังของไลคาออน

   “จะไม่มีคู่แท้จนกว่าข้าจะให้” โคลโธ ยกมือขวาขึ้น ผมสีน้ำตาลทองดังแสงตะวันปลิวไปตามแรงคำลิขิตเทพ ดวงตาสีฟ้าเปลี่ยนไปเหมือนกับอโทรโพส

   “พวกเขาจะต้องฆ่ากันไปจนกว่าต่างฝ่ายจะเหลือผู้รอดชีวิตสองคนสุดท้ายและสังหารกันและกัน” แลคเคซิส ประกาศลิขิตเทพสุดท้ายด้วยริมฝีปากสีดำไม่ต่างกับสีผมที่ดูมืดมิดของราตรีกาลคลี่แย้มออกมาเมื่อพูดเสร็จ นางพอใจกับลิขิตเทพครั้งใหม่ของพวกเธอยิ่ง...

หัวข้อ: Re: [Fic-Paranormal] - ใต้เงามนตรา
เริ่มหัวข้อโดย: Windend ที่ 01-04-2011 13:10:15

   นิวออลีน สหรัฐอเมริกา

   “นี่มันบ้า...บ้าชัดๆ” ชายหนุ่มทำคิ้วผูกโบเมื่อได้อ่านบทความที่พึ่งถูกอัพเดทสดๆร้อนใน blog ของใครก็ไม่รู้ ซึ่งเจ้าของเขียนบันทึกเรื่องราวที่ตนเองฝันไว้เหมือนทำไดอารี่ให้ใครต่อใครเข้ามาอ่านได้ ชายหนุ่มเฝ้าติดตาม blog นี้มาได้สามปีแล้ว เรื่องราวที่บันทึกไว้ไม่ได้ลงทุกวัน บางพูดถึงความฝันของเจ้าตัว บางพูดถึงกิจกรรมที่จะทำหรือได้ทำไปแล้ว แต่ข้อความที่โพสช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาทำให้เขาเริ่มจับตาดูข้อความที่โพสจากเจ้าของblogเสียแล้ว ชายหนุ่มตัดสินใจกดโทรศัพท์ไปหาพี่สาวที่ร้านแซงชัวรี่ทันที

   “ฮัลโล...ที่นี่แซงชัวรี่...มีอะไรก็ว่ามา...” เสียงปลายสายนี่บ่งบอกความเป็นพี่สาวของเขาได้ดีที่เดียว ชายหนุ่มนึกถึงวันที่พี่สาวและคู่รักของเธอทำร้านนี้ต่อจากพ่อและแม่ของเขา จากพี่สาวที่น่ารักอ่อนโยนคนหนึ่งต้องลุกขึ้นมาคอยจัดระเบียบให้ร้านไม่ให้วุ่นวายจากพวกขาซิ่งฮาเล่ย์ พวกตัวป่วนต่างๆตลอดเวลา จนตอนนี้ไม่มีใครบนถนนบลูบล้องไม่รู้จักเธอ เอมี่ เพลเทียร์ แห่งแซงชัวรี่ คำพูดคำจาของเธอจึงดูเหมือนว่าจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาคิดว่าอย่างนั้นนะ

   “ไฮ้...เอมี่...นี่ไคล์นนะพี่...มีเรื่องแล้วหละ” ชายหนุ่มพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกังวล โดยปกติเขาจะร่าเริงสดใสตลอดคราวนี้เป็นเรื่องที่ทำให้เขากังวลจริงๆ เอมี่รับรู้ได้

   “ไฮ้...ลูกหมีน้อย...เจออะไรเข้าหรือไงคนเก่ง” เอมี่เรียกน้องชายด้วยความรักที่ไม่ว่าจะกี่ปี ไคร์น เพนเทียร์ ก็ยังเป็นลูกหมีน้อยของเธอตลอดเวลา แม้ตอนนี้ไคร์นจะตัวใหญ่กว่าเธอเสียอีก ด้วยความสูง 195 เซน กะรูปร่างที่หล่อเร้าใจต่อผู้ที่ได้พบเห็น ไคร์นดูเป็นคนง่ายๆชอบใส่เสื้อ สเวทเตอร์คอเต่าสีอ่อนแล้วพับแขนเสื้อจนถึงข้อศอก กางเกงยีนส์สีดำและรองเท้าผ้าใบหุ้มข้อสีเขียวอมเทา ด้วยใบหน้าที่แลดูไม่น่าเกินเด็กหนุ่มอายุ21 ปี ดวงตาสีน้ำตาลเข้มกับผมยาวดูเซอร์ๆ ยิ่งทำให้ใครๆที่ได้พอเขาก็ก็ความรักใคร่เอ็นดูหนุ่มคนนี้ตลอด ยิ่งถ้าได้ยิ้มอันกระจ่างตาของเขาเอาไปอีกหละก็แทบจะละลายกับไปเป็นแถบๆแน่นอน

   “คือผมคิดว่า...ผมต้องบินที่ประเทศกัมพูชาคืนนี้แล้วหละ...”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    สวนส้ม จันทรบุรี พ.ศ.๒๕๕๔

   ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของกาลไล่อ่านสิ่งที่พิมพ์ลงในเวปของเขาอีกทีหลังจากทำการโพสบทความของตนเองเรียบร้อยแล้ว การที่ต้องตื่นขึ้นมาตอนตีสามครึ่งของวันเสาร์ไม่ใช่เรื่องที่สนุกนัก แต่ความฝันนั้นยังกระจ่างชัดจนยากที่จะปล่อยไปให้ผ่านไปเหมือนทุกครั้งที่ฝันถึง การบันทึกสิ่งที่ฝันไว้ในเวปเป็นสิ่งที่เขาได้ทำอย่างต่อเนื่องมากว่าเจ็ดปีแล้ว ตั้งแต่เขาเริ่มเข้าเวปเองเป็นตั้งแต่อยู่มัธยมสี่ เขาก็บันทึกความฝันของเขาเองหลายเรื่อง วันไหนจำได้ก็จะเขียนวันไหนฝันดูเลอะๆไปก็ขี้เกียจมานั่งเรียบเรียงสู้นอนต่อจะดีกว่า แต่ครั้งนี้เขาฝันได้ชัดเจนมากรู้สึกร่างยังสั่นสะท้านอยู่เลยเมื่อนึกถึงลิขิตเทพที่ประกาศออกมาจะปากของเดอะเฟทส์ พวกนางหน้าตาสวยงามมากแต่ทำไมถึงโหดเหี้ยมได้ขนาดนั้นเขาก็ไม่รู้

        ตอนนี้ใกล้จะเช้าแล้ว นอนอีกนิ๊ดก็ไม่น่าจะผิดอะไร เขาคิดเพราะเช้าเขาต้องเดินทางเข้ากรุงเทพฯเพื่อเข้ากรุ๊ปทัวร์ไปเที่ยวนครวัดแบบสี่วันสามคืนที่กว่าเขาจะจองทัวร์กรุ๊ปนี้ได้ยากมาก เพราะจัดไปแค่ปีละครั้งเท่านั้นเอง การเดินทางในครั้งนี้เขาไม่รู้หรอกว่ามันจะซ่อนความตื่นเต้นและประสบการณ์ที่จะพลิกชีวิตของเขาเลยทีเดียว

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: [Fic-Paranormal] - ใต้เงามนตรา
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 01-04-2011 14:02:59
สู้ๆ
หัวข้อ: Re: [Fic-Paranormal] - ใต้เงามนตรา
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 01-04-2011 14:15:05
มาเจาะไข่ให้แล้วครับ  ฉลองเรื่องใหม่ด้วยคน  :mc4:

 :110011: : 222222: :z7:
หัวข้อ: Re: [Fic-Paranormal] - ใต้เงามนตรา
เริ่มหัวข้อโดย: debubly ที่ 01-04-2011 16:37:08
 :man1:

รอๆๆ
หัวข้อ: Re: [Fic-Paranormal] - ใต้เงามนตรา
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 02-04-2011 00:01:10
เข้ามาติดตามเจ้า

ชอบๆ เเนว เเฟนตาซี
หัวข้อ: Re: [Fic-Paranormal] - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 1 (ครึ่งวันแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: Windend ที่ 02-04-2011 18:23:29
08:40 น. เสียมเรียบโฮเตล เสียมเรียบ กัมพูชา

   วันนี้เป็นวันที่ 2 ของการเที่ยวที่ประเทศกัมพูชา เมื่อวานกว่าจะเข้าพักได้ก็เกือบค่ำแล้ว เหนื่อยพอประมาณ เช้านี้หัวหน้ากรุ๊ปทัวร์จะพาเราไป พนมกุเลน ไกลจากที่พักของเราพอสมความต้องนั่งรถให้ถึงทางขึ้นก่อน 11 โมงเช้า เพราะทางเจ้าหน้าที่ปล่อยรถขึ้นลงเป็นเวลา ก่อน 11 โมงปล่อยรถขึ้น 11โมงไปแล้วให้รถลงอย่างเดียว ในกรุ๊ปเรามีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติมากับเราด้วย คนหนึ่ง เขาสูงตั้ง 190 กว่าเซนแหนะ สูงมาก ต้องเงยคนพูดกันเลยแน่ ผมสูงแค่ 165 เซนเอง เตี้ยเน้อะ ดีนะที่ยังพอได้ขาวมาบ้างไม่งั้น เหอะๆๆๆ ไม่อยากจะพูดเลย กลับมาที่ฝรั่งคนนี้ดีกว่า เขาไว้ผมสั้นจัดทรงเท่ห์ๆ ใส่เสื้อโปโลสีสดใส ร่างกายบึกบึน สมส่วน ไม่บึกแบบคิงคองนะ ต้องบอกว่ารูปร่างเขาดีมากๆ ไม่มีไขมันส่วนเกินเลย อันนี้ผมคิดเองนะ แหมเจอกันครั้งแรกผมคงไม่ให้เขาถอดเสื้อให้ดูหรอก เหอะๆๆๆ เอาหละพอดีกว่า ต้องรีบขึ้นรถไปเที่ยวกันแล้ว

   “เอาหละครับทุกท่าน เดี๋ยวผมจะแบ่งพวกท่านขึ้นรถกันนะครับ เรามีกัน 14 คนเราแบ่งขึ้นรถกัน 3 คนต่อคันนะครับ”

        คุณประวัติหัวหน้ากรุ๊ปทัวร์แนะนำเรา พวกลุงๆป้าๆเขาก็จับกลุ่มแยกกันขึ้นรถไปเหลือผมกะฝรั่งคนนี้แหละเอยู่สองคน ผมเลยต้องนั่งกับเขาและคุณประวัติไปโดยปริยาย

   “น้องกาล ทราบไหมครับว่าทำไมที่พนมกุเลนต้องมีเวลาขึ้นลงด้วยครับ” คุณประวัติถามผมขึ้นมาระว่างทางไป

   “ไม่รู้ซิครับ ทางขึ้นลงมันเป็นถนนเลนเดียวมั่งครับ” ผมตอบไปเพราะไม่ค่อยรู้เรื่องหนทาง แต่ถ้าความสำคัญหละก็ เปรี๊ยะเลย

   “ใช่แล้วครับ น้องกาล แต่ที่น่าจะรู้อีกอย่างคือ พนมกุเลนเคยเป็นศูนย์กลางของกลุ่มเขมรแดงด้วย เพราะฉะนั้น เวลาเดินทางห้ามออกนอกเส้นทางเด็ดขาดเลยครับ ไม่งั้นอาจจะเหยียบกับระเบิดก็ได้นะครับ” คุณประวัติอธิบาย

   “เออ คุณประวัติครับ”

   “เรียกพี่ประวัติก็ได้ครับ น้องกาล” (ง่ะ เจอแบบนี้อีกแล้ว พวกแก่แต่ไม่ยอมรับ)

   “แล้วฝรั่งข้างผมนี่เขาเป็นใบ้หรือเปล่าครับ พี่ประวัติ”

   “พูดได้ครับ และฟังไทยรู้เรื่องดีด้วยนะครับ คุณกาล”

        ผมหันไปมองหน้าฝรั่งยักษ์ที่พึ่งจะเปิดปากออกมาหลังจากนั่งข้างกันร่วมชั่วโมงกว่าอย่างงงๆ แต่โอ้...พระเจ้า เสียงเขาทุ้มนุ่มมากเลย ฟังแล้วเคลิ้มเลยง่ะ หล่อ เท่ห์ เสียงดี โคตรอิจฉาเลย ไม่ได้ๆ ต้องวางฟอร์มไว้หน่อย

   “ก็คุณ...นั่งหันหน้าไปดูด้านโน้นตลอดนี่ครับ...”

        ผมหันหน้าไปพูดกับฝรั่งยักษ์ตรงๆ พยายามจ่องที่ดวงตาเขา แม่ผมมักบอกว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของดวงใจ สอนผมให้มองหน้าผู้พูดตลอดเพื่อให้เห็นความจริงใจของกันและกัน ผมทำตลอดมาเลยนะ ติดเป็นนิสัยแล้วมั่ง

   “แล้วคุณชื่ออะไรหละครับ ผม กาล” แล้วก็ส่งยิ้มหวานๆให้หนึ่งที น่าจะผูกมิตรไว้บ้าง ยังไงๆก็ร่วมกรุ๊ปทัวร์กันอยู่แล้ว

   “เรียกผมว่า ไคร์น” เขาพูดแถมยิ้มกระจ่างใสออกมาให้ผม โอ้...นาร้ายณ์ นารายณ์ แสบตาชะมัด แสงออร่าเปล่งปลั่งมากๆ ยิ้มที่ผมแทบหยุดหายใจเลยที่เดียว พระเจ้าช่างสร้างสรรค์สิ่งสวยงามในหลายรูปแบบจริงๆเลย   
หัวข้อ: Re: [Fic-Paranormal] - ใต้เงามนตรา
เริ่มหัวข้อโดย: Windend ที่ 02-04-2011 18:31:50
    “น้องกาล เดี๋ยวเราแวะจุดพัก เข้าห้องน้ำกันก่อนนะครับ”

         พี่ประวัติพูดขึ้นมาก่อนที่จะให้คนขับรถแวะห้องน้ำ พวกเราลงจากรถเข้าห้องน้ำกัน แบ่งชายหญิงมาตรฐาน แต่ขอบอกว่า ห้องน้ำชายล็อคไม่ได้งะ ต้องไปหลังห้องมีโถฉี่เรียงกัน 4 โถเท่านั้น แต่ก็ยังดี เพราะในกรุ๊ปทัวร์เรามีผู้ชายอยู่ 5 คนเอง มีผม ไคร์น พี่ประวัติ และลุงอีก 2 คนเอง ผมเข้าหลังห้องน้ำแล้วเดินออกมาเห็นไคร์นออกมาจากห้องน้ำชายแถมทำหน้าไม่สบอารมณ์อย่างแรงเลย

   “ล็อคไม่ได้เหรอครับ ไคร์น”

        “ใช่...ไงดีหละเนี่ย”

        “คุณก็ไปด้านหลังซี่ มีโถฉี่อยู่นะ”

        “ไม่เอาดีกว่าครับ มันเตี้ยไปหนะ” อืมม มันก็จริงนะ ดูเขาไม่น่าจะปลื้มกับห้องน้ำที่นี่แน่

        “งั้นคุณก็เข้าไปในห้องน้ำเถอะ เดี๋ยวผมยืนเฝ้าด้านหน้าให้ เอาไหมครับ” ผมยื้นข้อเสนอที่น่าจะทำให้เขาไม่ชักช้ากะแค่เรื่องเล็กๆแบบนี้ พวกเรายังต้องไปต่อไม่งั้นวันนี้อดขึ้น พนมกุเลนแน่ๆ

        “ขอบคุณนะ งั้นรบกวนซัก 3 นาทีนะครับ” เขาตอบมาแล้วรีบเข้าห้องในสุดไป

        หลังจากเราเข้าห้องน้ำเรียบร้อยแล้วก็นั่งรถขึ้นเขากัน เส้นทางบางช่วงก็อยุ่ขอบภูเขาเป้นพื้นที่ข้างล่างชัดเจน บางช่วงเข้าป่าที่ต้นไม้สองข้างทางสูงมากจนไม่เห็นสงแดดเลย เรานั่งรถโขยกเขยกกันมาอีกเกือบชั่วโมงเราก็มาถึงลานหินกว้างกลางเขา ลานนี้สมัยสงคราม พวกเขมรแดงเอาไว้จอดเฮลิคอปเตอร์กัน พวกผมและกรุ๊ปทัวร์ลงรถกันมา พี่ประวัติก็ให้เราเดินเท้าไปตามทางเดินเล็กๆ ลัดเลอะไปซักพักก็ถึงที่หมายแรกของเราของการเที่ยวพนมกุเลน นั่นคือ บ่อน้ำพุเจ็ดสี บ่อมีขนาดไม่กว้างเท่าไหร่ กว้างประมาณ 2 เมตรเห็นจะได้ น้ำใสมากเห็นท้องน้ำที่เต็มไปด้วยทรายสีขาวสะอาดผุดออกมาจากตาน้ำ ที่ชื่อว่าบ่อน้ำพุเจ็ดสีเพราะเมื่อน้ำผุดขึ้นมาถึงผิวน้ำแสงแดดจะสะท้อนสีรุ้งเป็นวงๆดูแปลกตามากเลย

        “น้องกาล เอาแบงค์มาอธิฐานแล้วโยนลงไปในบ่อดูสิ” พี่ประวัติแนะนำ

        “อ้าว พี่แล้วแบงค์มันไม่ลอยไปตามน้ำเหรอครับ”

        “เอาน่า ลองดูสิ” ผมก็เลยควักแบงค์ยี่สิบบาทออกมาพออธิฐาน พอโยนลงบ่อปุ๊บ แบงค์ยี่สิบของผมค่อยๆจมดิ่งลงสู่ท้องน้ำเบื้องล่างอย่างน่าแปลกใจนัก

        “แปลกนะครับเนี่ย ทำไมแบงค์ไม่ลอยไปตามน้ำแถมยังค่อยๆจมลงไปด้วย” ไคร์นออกความเห็นออกมา พวกคุณลุงคุณป้าก็ตามมามุงดูกันใหญ่ พอแบงค์จมลงถึงพื้นทรายด้านล่าง ทรายก็ค่อยๆผุดขึ้นบริเวณที่แบงค์ตกแล้วกลืนหายเข้าไปเลย พวกคุณลุงคุณป้าฮือฮากันใหญ่ บางคนลองเอากระดาษบ้าง ใบไม้บ้าง โยนลงไปก็ปรากฏว่าพอกระทบผิวน้ำก็ลอยไปตามน้ำทันที

        “บ่อน้ำพุเจ็ดสีนี่ทางเขมรถือว่า เป็นบ่อน้ำพุที่มีความศักดิ์สิทธิ์มากเลยนะครับ เวลาเขามีพิธีกรรมต่างๆต้องน้ำน้ำจากที่นี่ไปเป็นน้ำมนต์ด้วย เขาว่าขลังมากเลยนะครับ ใครมีขวดน้ำเปล่าก็ตักเก็บกันไปเป็นศิริมงคลได้เลยนะครับทุกท่าน” แหม พอสิ้นคำของพี่ประวัติ ชาวกรุ๊ปของเราเลยได้น้ำจากบ่อไปคนละขวดเป็นที่เรียบร้อย ไม่เว้นแม้แต่ไคร์นก็เอสกะเขาด้วย

        “ไคร์น คุณก็เอากะเขาด้วยเหรอครับ”

        ผมถามเขาขึ้นมาหลังจากพวกป้าๆมองหน้าเขาอย่างสงสัยแต่ไม่มีใครกล้าจะพูดกับเขาด้วยหนะซิ

        “อ้าว ของศักดิ์สิทธิ์ไม่ว่าจะวัฒนธรรมไหนก็ถือว่าเป็นของดีทั้งนั้นไหมใช่เหรอ”

        ไคร์นพูดแล้วก็ส่งยิ้มเท่ห์ๆมาให้ผม แต่พวกป้าๆข้างหลังผมนี่สิ กรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ สงสัยไคร์นจะงานเข้าแน่ๆ

        “ต๊าย...พูดไทยได้คล่องเลยนะจ๊ะ นึกว่าจะต้องสปี๊กฝรั่งกันเสียอีก” แหมป้าสุวรรณวัยกว่า70 ปี เธอออกตัวก่อนป้าๆคนอื่นจะได้สติกะยิ้มของไคร์นเสียอีก ขอบอกว่าป้าเธอแรงจริงๆ ดูจากแว่นกันแดดสีมะนาวขนาดครึ่งหน้าของเธอ เหอๆๆๆ

        “ครับ” ไคร์นรับคำป้าสุวรรณสั้นๆแล้วเดินไปตามพี่ประวัติที่เริ่มพาพวกเราไปยังจุดต่อไป
หัวข้อ: Re: [Fic-Paranormal] - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 1 (ครึ่งวันแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 03-04-2011 00:03:19
บวกเป็นกำลังใจให้จ้า
หัวข้อ: Re: [Fic-Paranormal] - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 2 (บ่ายวันแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: Windend ที่ 03-04-2011 12:34:51
        12:30 น. พนมกุเลน เสียมเรียบ กัมพูชา

        พี่ประวัติได้พากรุ๊ปทัวร์ของเราลงมาจาถึงทางน้ำที่แกะสลักเป็นรูปเทพและศิวลึงที่อยู่ใต้ท้องน้ำ พร้อมให้พวกคุณลุงคุณป้ายื่นถ่ายรูปกัน ผมกับไคร์นก็ยื่นดูภาพด้วยความมึนงงว่าเขาทำได้ยังไงกัน

        “พี่ประวัติครับ...เขาแกะหินที่ท้องน้ำได้ยังไงหละพี่” ผมถามขึ้นหลังจากลองถ่ายรูปให้เป้นท้างน้ำแต่แสงแดดสะท้อนผิวน้ำรูปเลยออกมามีชัดเท่าที่ควร

        “อ๋อ...เขาก็เตรียมทางหินเรียบเอาไว้ก่อนครับ จากนั้นลงมือแกะสลักกว่า 10 ปี พอแกะเสร็จ เขาก็ทำการเปลี่ยนทางน้ำให้มาลงผ่านหินแกะนี่แหละครับ” อะนะ ใช้วิธีนี้เอง

        “และทำไมต้องแกะเป็นรูปนั้นรูปนี้ด้วยหละ ทำเรียบๆก็น่าจะสวยนะครับ” ไคร์นถามผมขณะที่พี่ประวัติต้องไปถ่ายรูปให้พวกลุงๆป้าๆ กันอยู่อีกด้าน

        “เขมรสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 เขานับถือศาสนาฮินดูหนะ เอ...เอายังงี้ ที่อินเดียแม่น้ำคงคานั้นถือว่าเป็นแม่น้ำแห่งสวรรค์นะ ไหลลงมาจากเถือกเขาหิมาลัยใช่ไหมครับ และยังถือกันว่าเป็นแม่น้ำที่มีความศักดิ์สิทธิ์มากของชาวฮินดูเขา บนพนมกุเลนนี่ก็เหมือนกันไง มีน้ำพุเจ็ดสีเป็นน้ำพุที่อยู่สูงที่สุดในประเทศแล้ว แล้วยังเป็นบ่อเกิดแม่น้ำสายสำคัญๆหลายสายก่อนจะลงไปที่โตเลสาบ พระเจ้าชัยวรมันจึงเห็นว่าน่าจะเพิ่มความศักดิ์สิทธิ์ของพนมกุเลนอีกเลยให้แกะสลักภาพเทพ ศิวลึงค์และโยนี ที่ท้องน้ำไว้ เมื่อน้ำไหลผ่านก็เหมือนกับเป็นน้ำมนตร์ศักดิ์สิทธิ์ให้ใช้ตลอดเวลาไงครับ”

        ผมอธิบายเสียยืดยาวเลยต้องยกน้ำในขวดขึ้นมาดื่มแก้คอแห้งไปพลางๆ ไคร์นมีสีหน้าคลายสงสัยลงแล้วแต่ก็ยังมองภาพแกะสลักใต้น้ำอย่างสนใจอยู่

        “แล้วเขาแกะภาพไว้นานหรือยังครับ น้องกาล”

        ไคร์นหันมาถาม ผมสำลักน้ำที่กำลังดื่มอยู่ ทำให้น้ำหกรดอกเสื้อสีขาวตราห่านคู่ของผม งานนี้ก็เปียกไปถึงท้องเลย เย็นชะมัด

        “แค๊กๆๆๆ...” ไคร์นรีบเข้ามาลูบหลังให้ผมใหญ่ สงสัยจะตกใจ เพราะผมสำลังเสียงดังมากอะ ฝรั่งยักษ์นี่น่าจะก่อนกว่านะ หน้าตาก็ไม่น่าจะเกินอายุ 20 ไงมันเรียกผมน้องเฉยเลย เห็นหน้าผมยังงี้ผมก็เรียนจบแล้วนะ เมื่อเดือนที่แล้วนี้เอง บัณฑิตใหม่ไม่อยากจะคุย เหอะๆๆๆ

        “ขอบคุณนะครับ ไคร์น คือเขาทำไว้ก็ประมาณ 1,000 กว่าปีที่แล้วครับ”

        “......”

        เอ...ทำไมไคร์นจ้องผมหน้าแดงๆหว่า??

        “เออ...น้องกาล เอานี้ไปครับ” ไคร์นเขาถึงผ้าพันคอมาคล้องปิดหน้าอกให้ผมครับ แต่ผมว่าตอนที่เขาซื้อตรงสนามบินมันเหมือนผ้าขาวม้ามากว่า

        “ไคร์น ไม่สบายหรือเปล่า ไมหน้าแดงหละ จะเป็นลมแดดหรือเปล่า”

        ผมเอาหลังมือไปแตะที่ใต้คางเขา มันก็เย็นนี่หว่า แล้วทำไมหน้ายังแดงอยู่ละ

        “เออ...คือ...ผมไม่เป็น...อะ...ไรหรอกครับ...น้องกาล”

        แล้วไมต้องพูดตะกุกตะกักด้วยหละเนี่ย หรือว่า... ชัดเลย ผมก้มลงแหวกผ้าพันคอดูที่หน้าอกตัวเอง เห็นชัดมากเลย หัวนมสัชมพูน่ารักของผมเองแหละ ผมก็ลืมไปว่าผ้ามันบางนะเสียตราห่านคู่นี่ ยิ่งตัวนี้ตัวเก่งด้วย ใส่มา 3 ปีไม่มีขาด ถนอมสุดๆ

        เห็นยังงี้ก็เลยต้องยิ้มแหยๆให้กะไคร์นไปอีกที่ เขาก็ยิ้มกลับมาหน้าแดงๆ หล่อน่ารักไปเลยเจ้าฝรั่งยักษ์นี่

        พวกเราเดินกันลงมาตามกรุ๊ปทัวร์ไปถ่ายรูปและกินข้าวเที่ยงกันที่น้ำตกขนาดใหญ่ แทบไม่น่าเชื่อว่าตาน้ำเล็กๆนี่จะไหลมาเป็นน้ำตกขนาดใหญ่และสวยแบบนี้ได้ แหมขนาดน้ำตกยังแกะสลักเลยคุณเอ๋ย

        ตอนนี้ก็บ่าย 3 โมงเย็นแล้ว พี่ประวัติก็ให้ผมกับไคร์นช่วยกันตามพวกลุงๆป้าๆกลับขึ้นมาที่รถกันครับ เดี๋ยวต้องไปช๊อปปิ่งกันที่ไนท์บาซากัน งานนี้เหมือนจับปู (แก่ๆ) ใส่กระด้ง ก็จะอะไรหละ พอคันนี้พร้อง ป้าแก้บอกว่าลืมหมวกไว้ที่แคร่ข้างน้ำตก พอไปเอาก็เห็นลุงที่ขึ้นอีกคันลงมาดูไม้แกะ พอบอกแกขึ้นลดไป ป้าอีกคันก็บอกจะเข้าห้องน้ำ เหนื่อยมากครับพี่น้อง
หัวข้อ: Re: [Fic-Paranormal] - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 2 (บ่ายวันแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: Windend ที่ 03-04-2011 12:46:40
        ไคร์น เพลทียร์

        ตอนนี้เราก็ลงจากพนมกุเลนแล้วทางกลับเข้าเสียมเรียบเป็นถนนดีไม่โดดไปโดดมาแล้ว คนตัวเล็กข้างผมก็หลับหัวพิงไหลผมอยู่เนี้ย  ก็น่ารักดีนะครับ วันนี้ก็ลองถามลองคุยกับพวกคุณลุงคุณป้าไม่มีใครที่ใช้คอมเป็นกันเลย บางคนก็เริ่มหลงๆลืมๆแล้ว แล้วใครหละที่โพสใน blog นั้นว่าจะมาเที่ยวนครวัด 4 วัน 3 คืนกับกรุ๊ปทัวร์นี้ ถ้าไม่ใช่คนที่นอนเอาหัวถูแขนผมยู่นี่หละ แต่ผมคงต้องพิสูจน์ให้ได้ก่อนว่าใช่เขาหรือเปล่า จากนั้นค่อยว่ากันว่าจะจัดการยังไงต่อ

        แต่พอนึกถึงหน้าตาที่ยิ้มแย้มให้ใครต่อใครกับความเป็นมิตรที่หยิบยื่นให้ก็รู้สึกใจมันแปลกๆแฮ๊ะ ยิ่งตอนที่สำลักน้ำจนหกรดเสื้ออีก อ้า...ดูเซ็กซี่นะเนี่ย ถึงอกจะไม่อวบอื้มแบบสาวๆนิวออลีนก็ตามเถอะ เขาก็ยังดูน่ารัก มีเสน่ห์ไม่เหมือนใครจริงๆ

        กาลสูงแค่ 160 กว่าๆ ขาวเหลืองหน้าแบบไทยจีน ไว้ผมยาวสีแดง ปากบางชมพู มีลักยิ้มแก้มขวาดูขี้เล่นดี น่ารัก แต่น้ำหอมดูไม่ค่อยจะเข้ากะตัวเท่าไหร่ เด็กบ้าอะไรมีกลิ่นสมุนไพรเยอะอย่างนี่เนี้ย พวกลุงๆป้าๆก็เห็นถามแต่เจ้าตัวก็ได้แต่ยิ้มไม่ยักตอบอะไร ผมมีจมูกที่ดีมากนะ แต่พอเจอกลิ่นเจ้านี้ผมนึกไม่ออกเลยมันมาจากอะไรบ้าง ที่แน่ๆไม่มีใครเขาทำน้ำหอมกลิ่นนี้แนะ กินที่หอมสดชื่น รู้สึกผ่อนคลาย ไม่เครียด แถมยังทำให้รู้สึกมีเรี่ยวแรงด้วย

        คิดอะไรเพลินคุณประวัติก็หันมาถามว่าจะไปทานอาหารก่อนไหมหรือจะเข้าโรงแรมก่อนดี ผมคิดว่าน่าจะเข้าโรงแรมก่อนแล้วค่อยออกมาทานน่าจะดีกว่า เหนียวตัวแล้ว อีกอย่างก็อยากรู้ว่ากาลเขาพักห้องไหนด้วย

        “เข้าโรงแรมก่อนดีว่าครับ นี่พึ่งจะ 5 โมงเองครับ”

        “อืมม เอางั้นก็ดี อาบน้ำกันก่อนค่อยลงมารวมกันไปทานอาหารก็แล้วกัน”

        “กาล...น้องกาลครับ...ตื่นได้แล้วครับ” เจ้าตัวยังดูงัวเงียเอาหน้าซุกกับแขนผมอยู่เลย ซักพักเหมือนเขาคิดอะไรได้เด้งตัวมานั่งตัวตรงแต่ตายังปรืออยู่เลย เห็นแล้วก็ขำ

        “น้องกาลครับ เดี๋ยวเราเข้าที่พักกันก่อนนะครับ อาบน้ำอาบท่าให้สบายตัวแล้วเราค่อยรวมตัวกันไปทานข้าวกับแวะช๊อปปิ่งกันที่ไนท์บาซานะครับ” คุณประวัติอธิบายให้เจ้านี่ฟัง ไม่ไม่รู้ว่าเข้าหูหรือเปล่าทำหน้ายุ่งๆตาปรือๆ มองซ้ายมองขวา น่ารักชะมัดเลย

        “......”

        “......”

        “......อ้าว...หลับไปอีกแล้ว...น้องกาลครับ”

        “อะ...อะ...ครับ...หาววววววว” เอาเข้าไป ยังมาหาวอีก

        “เมื่อคืนเราก็เข้านอนกันเร็วนี่ครับ น้องกาล ยังไม่หายง่วงอีกเหรอครับ” คุณประวัติซักถามขึ้นมา ส่วนกาลก็พยักหน้าและก็ส่ายหน้าด้วย

        “อ้าว......แล้วหมายความว่าไงครับเนี่ย พยักหน้าแล้วก็สายหน้าด้วย”

        “ครับ...เมื่อคืนตอนมาถึงที่โรงแรมผมก็นอนเลยนะครับ...แต่ก่อนหน้า 3 ถึง 4 คืนแล้ว ผมนอนฝันเยอะไปหน่อย เลยยังเพลียๆ ฝันซ้ำๆด้วย น่าเบื่อจะตายไปครับพี่ประวัติ”

        “อ๋อ...งั้นเรารวมกันไปทานอาหารกันซัก ทุ่มนึงดีไหมครับ จะได้มีเวลาพักยาวขึ้นอีกหน่อย”

        “ผมว่าอย่าถามผมเลยครับพี่ประวัติ ถามพวกคุณลุงคุณป้าดีกว่านะครับ ไม่รู้จะเหลือแรงไปกินข้าวกับช๊อปปิ่งไหวหรือเปล่าครับ”
 
        อืมม มันก็จริงนะ ขนาดผมแข็งแรงยังรู้สึกเหนื่อยเลยแล้วพวกลุงกับป้าจะสู้ไหวไหมเนี่ย อายุแต่ละคนรวมกันผมว่าน่าจะใกล้พันปีแน่ๆ 555

        “ครับ งั้นเดี๋ยวถึงหน้าโรงแรมเราลองถามกันดูอีกทีดีกว่านะครับ”

        หลังจากเรากลับมาถึงโรงแรมแล้วก็ได้ตกลงกันว่าจะไปช๊อปปิ่งกันตอนทุ่มนึงจากนั้นค่อยกลับมาทานอาหารที่โรงแรมกัน พวกลุงๆป้าๆนี่ทำไมแรงดีอย่างนี้เนี้ย ผมได้กุญแจที่ฝากเคาเตอร์ไว้เมื่อเช้าแล้วเลยมองหากาลว่าเขาพักห้องไหน กรุ๊ปเราได้พักชั้นเดียวกันครับแต่แยกไปปีกซ้ายกับปีกขวา

        “น้องกาล พักห้องไหนเหรอครับ”

        “อ๋อ...7123 นะครับ ปีกขวาห้องริมสุดเลย”

        “อ้าว...ก็ติดกับห้องผมซิ ผมอยู่ 7122 ครับ” เอ๋...แล้วทำไมผมต้องรู้สึกใจมันพองๆหว่า ??

        “เหรอครับ...แหะๆๆ...เออ ว่าแต่จะรบกวนไคร์นซักอย่างไหมไหมครับ” กาลถามขึ้นพร้อมส่งสายตาเว้าวอนมาให้ แล้วทำไมปากผมมันต้องยกยิ้มหละเนี่ย

        “ได้เลยครับ...ว่าแต่ให้ช่วยอะไรครับ”

        “นอนกับผม”

        ห๊า!!!
หัวข้อ: Re: [Fic-Paranormal] - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 2 (บ่ายวันแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: Windend ที่ 03-04-2011 12:55:40
เออ...คือว่าเขาเอารูปลงยังไงอะครับ จะเอารูปของไคร์นกะน้องกาลลงหนะ

รบกวนบอกกันมั่งนะครับ เด็กใหม่ครับ

ขอบคุณมากเลย
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 2 (บ่ายวันแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 03-04-2011 14:22:21
กาลน่ารักดี กลัวผีล่ะสิ ไม่กล้านอนคนเดียว 555

วีธีลงรูป ก็ให้เอารูปไปฝากไว้ที่เวปฝากไฟล์ฝากรูปต่างๆ น่ะค่ะ
แล้วก็เอาลิงค์รูปที่ได้มาลงใช้คำสั่งใส่รูปจากไอคอนรูปนี้ค่ะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/Themes/default/images/bbc/img.gif)

[img] ******* ใส่ลิงค์รูป ********* [/ img]
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 3 (คืนวันแรก) + รูปไคร์นและน้องกาล
เริ่มหัวข้อโดย: Windend ที่ 04-04-2011 14:37:56
        21:40 น. เสียมเรียบโฮเตล

        ไคร์น เพลเทียร์

        ผมยังสับสนกับคำพูดของน้องกาลเมื่อเย็นที่คุยกันอยู่ มันหมายความว่ายังไงกันเนี่ย “นอนกับผม” คำของ่ายๆแต่ทำยากแฮ๊ะ ถึงผมจะไม่ได้เป็นพวกกีดกันหรือต่อต้านอะไร แต่ยังไงผมก็ไม่เคยกับผู้ชายนะครับ และก็ไม่คิดด้วย แต่ดูน้องเขาก็ไม่มีแววว่าจะเป็นนี่หน่า แต่รอยยิ้มนั่น หน้าตาแบบนั้น โอ๊ยฉับฉนแย้วนะ  :serius2:

        ยังไงผมก็มายืนอยู่หน้าห้อง 7123 และหละ เอาเถอะอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด รับปากไปแล้วหนิ แต่มาแบบเสื้อคอกลมกะกางเกงขาสั้นทรงคาร์โก้คงไม่เป็นไรมั้ง

        ผมเคาะประตูห้องรอซักครู่ ประตูก็เปิดออกมา น้องกาลอยู่ในชุดเสื้อกล้ามสีส้มน่าจะเป็นของทีมบาสทีมไหนแน่ๆกับกางเกงขาสั้นลายมิ๊กกี้เมาส์ โอ้โฮ...น่ารักน่ามองไปถึงไหนต่อไหน ผิวนวลๆตัดกับผมสีแดงยิ่งทำให้หน้าน้องเขาดูกระจ่างใสขึ้น ผิวน้องเขาเนียนละเอียดมากไม่เหมือนกับพวกผู้หญิงแถวบ้านผม (ที่นิวออร์ลีน) พวกนั้นขาวก็จริงแต่ดูซีดๆ หรือไม่ก็ตกกระ ผมไม่ค่อยคิดมากนะเรื่องผิว แต่ของน้องเขาน่ามองมากกว่าเยอะก็เท่านั้นเอง :-[

        “เชิญเลยครับ ไคร์น...ขอบคุณนะครับที่มา”

        “อ้า...ไม่เป็นไรครับ แล้วเราจะเริ่มกันเลยไหมหละครับ น้องกาล” ผมก็พูดไปงั้นแหละครับ ไม่อยากให้น้องเขารู้ว่าจริงๆแล้ว ผมประหม่ามากเลยนะเนี่ย เคยมีอย่างว่ากะผู้หญิงเท่านั้นเอง ประหม่าจังวุ้ย

        “งั้นช่วยนอนหงายที่พื้นที่ผมปูเสื่อไว้ก็แล้วกันนะครับ” หา!!! ที่เสื่อ

        “อ้าว...ไม่ใช่ที่เตียงเหรอครับ” เตียงออกจะนุ่มเด้งดึ๋งดีออก

        “ครับ...ที่พื้นนั่นแหละ ถนัดกว่าแล้วก็นอนหงายถอดเข็มขัดออกด้วยนะครับ” ง่ะ จะเล่นฟลอร์เอ็กโซไซด์เลยเหรอครับน้องกาล

        ผมนอนราบลงบนเสื่อแล้วรอดูน้องกาลเข้าห้องน้ำ พอออกมาผมก็นึกว่าจะมาแบบมีผ้าเช็ดตัวห่อตัวมาแต่ไหงน้องยังไม่เปลี่ยนชุดหละหว่า??? เดินออกมาแล้วไปคุกเข่านั่งที่ปลายเท้าผมเลย

        “ไคร์น คุณทนได้มากหรือน้อยหละ” โห...มาถามว่าผมอึดแกร่งใช่ไหมหละ อะแน่นอนครับผมทำได้เป็นชั่วโมงเลยนะ แล้วผมควรตอบแบบไหนหว่า

        “ครับ ผมอดทนสูงมากนะครับ”

        “งั้นก็ขอโทษนะครับ” อยู่ๆน้องกาลก็พนมมือไหวผม จากนั้นเขาก็จับข้อเท้าผมด้วยนิ้วโป้งกับนิ้วกลางตรงใต้ตาตุ่มเท้าซ้ายแล้วกด เท่านั้นและครับ

        “โอ๊ยๆๆๆๆๆ...เจ็บๆๆๆๆๆๆๆๆๆ น้องกาลทำอะไรครับ” ผมร้องลั่นเลย เจ็บน้ำจาเล็ดเลยอะ ผมมองหน้าน้องเขาอย่างเคื่องๆ

        “เล่นอะไรครับน้องกาล ผมเจ็บนะครับ” ผมพูดกัดฟันข่มอารมณ์โกรธไว้ ไม่ๆเดี๋ยวเกิดเรื่องแน่ถ้าผมไม่ยั้งไว้

        “อ้าว...ก็แก้ขาเคล็ดให้ไงครับ ไคร์น กาลลืมบอกเหรอ อ๋อ...ใช่ สงสัยจะลืมไป ขอโทษนะครับ ผมเห็นว่าไคร์นเดินแล้วเท้าซ้ายมันหันแปลกๆหนะ เลยสังเกตดูจึงรู้หนะ” น้องกาลนำหน้าแบบน่ารักใสซื่อไร้เจตนาร้าย ผมหละเคืองอยู่ต้องหยุดเลย

        “เอาหละทีนี้ลองเดินดูซิ”

        ผมลองลุกขึ้นเดินดู อะอ้าว...เดินคล่องเลย ไหงงั้นหละ ผมทำน่างงมากไปหรือเปล่า น้องเลยหัวเราะออกมา

        “เหอๆๆๆ...งงหละซิไคร์น ฝีมือไหมหละ” แหนะมียักคิ้วให้ผมอีกแหนะ

        “ผมงงนะเนี่ย...น้องกาลทำได้ไงหนะ เป็นมาตั้งนานแล้ว งงเลย” ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อหละ มันหายแบบปลิดทิ้งจริงๆ คือเท้าซ้ายผมมันมีปัญหามานานแล้วตั้นแต่ไปเทียวทะเลคาริเบียนหลายปีแล้วด้วย คาร์สันห้องประจำบ้านเพลเทียร์ยังรักษาไม่หายเลย

        “ครับ อย่าพึ่งตกใจนะไคร์น มานั่งก่อน หันหน้ามาเลย”

        เอาหละสิ จะมีอะไรอีกหละเนี่ย

        “ไคร์น คุณปวดหัวด้านขวาบ่อยเหรอ”

        ง่ะ น้องเขามีตาทิพย์เหรอไงเนี่ย รู้อีก จริงๆผมก็ไม่ได้ใส่ใจอาการปวดหัวด้านขวานี่เท่าไหร่นะ แต่มันเป็นมานานแล้วเหมือนกัน
 
        “แก้ไขได้ด้วยเหรอครับ น้องกาล”

        ไม่พูดพล่ามทำเพลงน้องเขาใช้สองมือขยุ้มผมของผมแล้วดึงไปเรื่อยๆ ขอบอก เที่ยวนี้น้ำตาไหลเลย เจ็บกว่าที่ข้อเท้าอีกครับ

        “เอาหละเสร็จแล้ว ไคร์นลองเอามือมาอังเหนือหัวซิ เป็นไง”

        ผมลองทำตามน้องกาลบอก แต่ เอ๊ะ...เหมือนมีไอร้อนๆออกมาจากหัวผมหนะครับ แปลกมาก ไม่เคยเจอเลย

        “ทำไมมันร้อนๆหละครับ”

        “กาลไล่ลมที่ค้างอยู่ที่หัวออกครับ เอาหละ เสร็จแล้ว ลองเดินดู สะบัดไปสะบัดมาก่อนนะครับ เดี๋ยวขอล้างมือแปปนึง ”

        ผมลองลุกแล้วเดินดู ข้อเท้าก็ดีขึ้น หัวก็โล้งเลย น้องกาลนี่ยังไงเนี่ย แค่จับนิ๊ดเดียวก็หายเลย มีพรสวรรค์ด้านการรักษาหรือไงกัน แต่ก็ไม่เห็นว่าทำมือทำไม้ออกท่าทางแบบพวกรักษาด้วยพลังจิตนี่ หรือว่า... 

        “น้องกาลทำงานอะไรเหรอครับ บอกได้ไหมครับ” ผมถามเมื่อน้องเขาออกมาจากห้องน้ำแล้ว แต่ไหงน้ำเกาะเต็มหน้าเลยหละ เสื้อก็เปียก ไปล้างมือหรือไปทำก๊อกแตกเนี้ย

        “อ๋อ...กาลยังไม่มีงานทำหรอก พึ่งจบปริญญาตรีเมื่อเดือนก่อนเองหนะครับ” น้องกาลเอาผ้าเช็ดหัวไปตอบไป

        “อ้าว นึกว่าเป็นหมอนวดเสียอีก”

        “อันนั้น งานอดิเรกหนะ”

        “แล้วทำไมไมเหมือนกับที่เขาทำที่แอร์พอร์ทเลยหละครับ” อันนี้สิที่ว่าแปลก ไหงมันกดแปปเดียวเอง

        “อันนั้นเขาเรียกว่านวดผ่อนคลายหนะ ของกาลเป็นการนวดรักษา คล้ายกันแต่ก็ต่างกันหนะ ไคร์น”

        “ตอนนี้กาลอายุเท่าไหร่แล้วหละครับ บอกว่าพึ่งจบปริญญาตรี”

        “23 แล้วครับปีนี้ ผมเรียนช้าไปหน่อยหนะ แล้วไคร์นทำอะไรอยู่หละครับ”

        “ตอนนี้ผมเรียนปริญญาโทอยู่ครับ”

        “อ๋อ...อีกเรื่องเกือบลืมเลย” น้องกาลลุกไปหยิบของในกระเป๋าสะพายออกมา พระเจ้า นั่นมัน...

        “นี่หนังสือเดินทางของคุณนะไคร์น ผมเก็บได้เมื่อตอนก่อนเราไปทานอาหารเย็นครับ”

        “อ้าว...ดีใจจังที่น้องกาลเก็บให้ ไม่งั้นผมแย่แน่” โอ้...ซูสทรงโปรด น้องกาลทำไมช่างดีเหลือหลาย

        “คราวหน้าก็ระวังนะครับ ในรูปยังไว้ผมยาวอยู่เลยนะครับไคร์น”

        “อ๋อ ผมไปตัดมาก่อนมาเทียวทริปนี้แหละครับ ทำไมเหรอครับ”

        "ปล่าวอะ...ก็ดูเท่ห์ดีอะครับ"

        น้องกาลยื่นกลับมาให้ผมพร้อมรอยยิ้มชวนมองมากๆ ตานี่หยีเชียวจนผมอดใจไม่อยู่เลยจับข้อมือของน้องเขาแล้วออกแรงเบาๆพร้อมกับมืออีกข้ารวบเอวน้องไว้ ผมจูบริมฝีปากบางนั่น โอ้...เทพเจ้าทรงโปรด หวานกว่าน้ำผึ้งเป็นไหนๆ น้องเขาตกใจทำตาโตเลย ตัวแข้งไปแล้ว จะถอยออกมามันก็ได้แต่ผมอยากลิ้มรสจูบแสนหวานนี่อีกหน่อย มือขวาที่กุมข้อมือน้องเขาอยู่เลยเลื่อนมากุมกันไว้ที่อกซ้ายของน้องเขา โห หัวใจเต้นแรงและเร็วไม่ต่างจากผมเลย

        “โอ๊ย...!!???” อย่าๆเราทั้งคู่ก็ร้องออกมาพร้อมกัน ผมรู้สึกเจ็บแปล๊บๆที่มือขวาเลยหงายฝ่ามือขึ้นมาดูอย่างสงสัย

        “เฮ๊ย...นรกหละทีนี้” ผมเห็นสิ่งที่อยู่ในมือผมแล้วจึงรีบไปหงายมือซ้ายของน้องกาลมาดู

        “ทำไมมัน...นี่มั้นอะไรหนะ...มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย??” กาลมีสีหน้าตกใจมาก ผมว่าน่าจะมาจากที่โดนจูบกะที่เห็นบนฝ่ามือของเราทั้งคู่ ผมสูดหายใจเข้าลึกๆเรียกสติตัวเองกลับมา ก่อนที่จะตัดสินใจพูดบางอย่างออกไป

        “น้องกาลใจเย็นๆก่อนนะครับ คือ น้องกาลกับผมต้องไปนิวออร์ลีนกันคืนนี้เลยครับ”
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 3 (คืนวันแรก) + รูปไคร์นและน้องกาล
เริ่มหัวข้อโดย: Windend ที่ 04-04-2011 14:45:00
อันนี้เป้นรูปที่มันโดนมากเลยอะ แบบจิ้นอยู่เปิดดูหนังไปเจอเข้า คนนี้เลยงะ ไคร์น

(http://image.ohozaa.com/i/260/rickmalambri732994l.jpg) (http://image.ohozaa.com/show.php?id=390cefc67de674fbcfc399b82a70acdc)

ส่วนนี้ก็รูปน้องกาลเขาหละ

(http://image.ohozaa.com/i/16c/7jj2].jpg) (http://image.ohozaa.com/show.php?id=383010ef73bcfe0c7effb1403aed239f)

ขอขอบคุณ คุณJJHJJH มากครับที่สอน

ยังไงก็ช่วยติดตามกันหน่อยนะครับ ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 3 (คืนวันแรก) + รูปไคร์นและน้องกาล
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 04-04-2011 15:35:22
สนุกดีค่ะ
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 3 (คืนวันแรก) + รูปไคร์นและน้องกาล
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 04-04-2011 20:17:13
จะผิดมั้ยคะถ้าอ่านเเล้วอยากกินไก่ นิวออร์ลีน คริๆ
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 3 (คืนวันแรก) + รูปไคร์นและน้องกาล
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 04-04-2011 21:08:33
ต๊าย กาลเป็นที่รักของเค๊าเองเหรอเนี่ย จุ๊บๆ
บวกให้จ่ะ
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 4 (คืนมหัศจรรย์ในแซงชัวรี่)
เริ่มหัวข้อโดย: Windend ที่ 05-04-2011 20:04:36
ขอบคุณนะครับที่ติดตาม คอมเมนต์เล็กๆน้อยๆผมก็มีกำลังใจแล้วครับบบบ :กอด1:

มาต่อกันดีว่า

ตอนที่ 4 คืนมหัศจรรย์ในแซงชัวรี่

        ผมว่าผมเองสติดีอยู่นะครับตอนนี้ ชุดที่ใส่ก็ยังเป็นตัวเดิมอยู่ มือก็ยังเปียกน้ำหมาดๆ ขนาดท่านั่งตอนที่ไคร์นกอดผมไว้ยังท่าเดิมเลยเอาดิ แล้วทำไมเตียงเล็กๆกับห้องสีส้มสี่เหลี่ยมขนาด 4 x 6 เมตรของโรมแรมเสียมเรียบ กลายเป็นห้องไม้ขนาดใหญ่กับเตียงขนาดดับเบิ้ลคิงไซส์ที่อยากได้หว่า ???

        ผมมองไปรอบๆห้องที่ทาสีฟ้าอ่อนที่ผนังมีชั้นหนังสือสูงจรดเพดานห้อง และโต๊ะเขียนหนังสือขาดใหญ่กับจอพลาสมา 3 เครื่องตั้งเด่นหลาอยู่ที่ผนังห้องอีกด้านใกล้ประตู ผมมองไปที่ไคร์นตอนนี้เขากำลังไปที่ประตูกดอินเตอร์โฟนพูดกับใครไม่รู้ด้วยภาษาที่ผมว่ามันเพราะมากเลย ซักพักเขาก็มานั่งประจันหน้ากับผมเหมือนเดิมแล้ว

        ตาเราทั้งคู่สบกันอยู่พักนึงก่อนที่ผมจะถามอะไรออกไปเขาก็ชิงพูดมาก่อน

        “ผมขอโทษนะครับ น้องกาล ผมมีเหตุผลอย่างแรงจริงๆนะครับ เดี๋ยวจะถามอะไรก็ขอให้ผมไปทำธุระข้างล่างก่อนนะครับ เดี๋ยวมานะ อ่านหนังสือได้แต่อย่าออกจากห้องนะครับ”

         ไคร์นยื่นหน้ามาจูบขมับผมทีนึงก่อนที่จะลุกออกไปทางประตู ผมได้ยินเสียงล็อคจากภายนอกอยู่ 3 ครั้ง ผมมองหานาฬิกาภายในห้อง ปรากฏว่าเป็นเวลา 8:00 AM ผมมอกไปอีกที AM ไหงเป็นแปดโมงเช้าหละ ผมพึ่งจะออกจากน้องน้ำยื่นหนังสือเดินทางให้ไคร์นก็เกือบจะสี่ทุ่มแล้วหนิ แล้วที่นี่มันที่ไหนหละเนี่ย???

        ผมค่อยๆลุกขึ้นสำรวจภายในห้อง อากาศเย็นสบายแต่พื้นอุ่นๆแฮ๊ะ ปล้วหน้าต่างอยู่ไหนหว่า อ๊ะ...เจอแล้ว ช่องเล็กๆตรงหัวเตียงแต่อยู่สูงมากคงหมดโอกาสว่าข้างนอกเป็นไงบ้าง ผมเลยหันไปดูหนังสือที่ผนังด้านที่ใกล้ตัวสุด

        “ภาษากรีกเหรอ??...นี่อะไรเนี่ย...อันนี้ฝรั่งเศสนี่...แล้วอันนี้จีน...โห...มีภาษาฮินดีด้วย” หนังสือที่ชั้นนี้มันยังไงกันเนี่ย ผมเปิดดูทีละเล่ม จนผ่านไปห้าเล่ม ทั้งหมดห้าเรื่องห้าภาษาเลย แล้วทำไมมันมีหลายภาษาอย่างงี้เนี้ย  ผมลองหาเล่มที่เป็นภาษาไทยบ้าง ไม่รู้ว่าจะมีบ้างไหม

        “อ้าว...มีด้วยแฮ๊ะ...ประวัติศาสตร์สมัยกรุงศรีอยุธยา...ไคร์นนี่แปลกแฮ๊ะ??”

        ไคร์น

        ผมลงมาชั้นล่างของร้านแซงชัวรี่ของพี่สาวผม ตอนนี้ยังเช้าอยู่ไม่มีแขกแน่นอนยกเว้นคนในร้าน ผมต้องทำแบบนี้ก่อนจะต้องไปอธิบายให้น้องกาลเขาฟังว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไม และผมเป็นใคร

        “เอมี่” ผมทักพี่สาวผม เอมี่เธอกัลังขนลังแก้วเบียร์เก็บเข้าหลังเคาเตอร์อยู่

        “อ้าว...ลูกหมีน้อย กลับมาเร็วจัง...เอ๋...พาใครมาหละ” เอมี่เอียงคอเล็กน้อยเหมือนกำลังฟังเสียงอะไรซักอย่างซึ่งผมก็รู้

        “เอาน่า เดี๋ยวค่อยพาลงมารู้จักตอนนี้ผมเจอปัญหาใหญ่แล้ว” เอมีทำหน้างงเล็กน้อยผมเลยยื่นฝ่ามือออกไปให้เธอดูชัดๆ

        “ก...กรี๊ดดดดดดด...ลูกหมีน้อย...เธอมีคู่แล้วนี่...อะไรกันไปกัมพูชาเพื่อไปเจอคู่เหรอเนี่ย ใคร...เธอเป็นใคร...ไหนๆอย่าที่ห้องเธอเหรอ เดี๋ยวพี่ขึ้นไปดูเดี๋ยวนี้เลย”

        ผมต้องยกมือขึ้นดันไม่ให้เธอวิ่งขึ้นบันไดไป เห็นอาการของเธอก็รู้ว่าเธอดีใจแค่ไหน ก็ผมมันน้องรักนี่ แต่ต้องเคลียร์บางเรื่องกับเธอก่อนไม่งั้นหายนะแน่ๆ

        “เดี๋ยวๆๆ เอมีใจเย้นแปปนึง...ฟังผมแปปนึงได้ไหม”

        “แล้วจะให้ฟังอะไรหละ สาวเจ้าเป็นใครมีปัญหาอะไรเหรอ หรือว่า...” เอมี่มองตาผมเราเข้าใจกันมากกว่าจะพูดออกมา

        “เธอยังไม่รู้เรื่องของพวกเราอีกเหรอ” ผมมองลงไปที่ปลายเท้าแล้วรวบรวมความกล้าที่เคยมีทั้งหมดก่อนที่จะเอ่ยอะไรออกไป

        “เป็นเขานะ...ไม่ใช่เธอ...” ผมพูดออกไปแล้วดูสีหน้าของเอมี่ เธอดูนิ่งไปแปปนึงก่อนจะล้วงประเป๋าผ้ากันเปื้อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด

        “แอชรอนเรามีปัญหาใหญ่แล้วหละ คือว่า ไคร์น...”

        เอมี่ยังพอไหมจบ ชายหนุ่มผมยาวสีดำหวีเสยทำไฮไลท์สีแดงเข็มปอยนึงก็ปรากฎตัวยืนอยู่ตรงหน้าเราแล้ว เขาสูง 2 เมตร นิ๊ดๆ สูงกว่าผมอีก สวมแว่นดำมีจิ้วทับทิมที่จมูกแล้วแต่ตัวชุดหนังแบบชาวโกทส์ เขาเก็บโทรศัพท์ใส่ในเป้สพายขนาดย่อมก่อนที่หันหน้ามาทางเอมีและก็ผม แอชรอนคนนี้ในสายตาของใครๆก็บอกว่าเป็นหนุ่มวัยรุ่นที่หล่อล้ำที่ตัวสูงมากๆ เดฟพี่ชายของผมเคยแซวว่าไปลองถ่ายแบบลงโฆษณาชั้นในของเควินครายดูมั่ง น่าจะได้แฟนๆจากทุกประเทศแน่ ผมก็ว่านะ ซันชายเจ้าของร้านงานศิลป์ที่จัตุรัสแจ๊คสันยังบอกเลยว่าเขาเป็นผู้ชายที่มีก้นสวยมากแล้วผิวเป็นสีแทนประกายทองน่ากัดที่สุด  อันนี้ผมไม่อยากลองกัดหรอกครับก็รู้อยู่ว่าเขาหนะเป็นใคร

        เอาเข้าจริงๆบ้านของแอชรอนอยู่เลยไปอีก 3 บล็อกแค่นั้นเอง เป็นบ้านหลังเล็กๆน่ารัก อยู่กับภรรยาของเขา โซเทอเรีย ตอนนี้เขายังทำงานช่วยพัฒนาและบำบัดผู้ประสบภัยจากพายุแคทเธอรีน่าอยู่เลย แต่ใครจะรู้หละว่าชายที่ใครต่อใครก็คิดว่าเขาเลิศเลอหนะเป็นผู้กุมชะตาสุดท้ายของทุกสรรพสิ่งไว้ อ๋อ เขาแค่เป็นเทพเจ้าแห่งการทำลายล้างของแอตแลนตีสก็เท่านั้น

        “ปัญหานี่จริงๆดูจะว่าเล็กก็เล็กจะว่าใหญ่ก็ใหญ่อยู่นะ ไคร์น แต่นายก็รู้ใช่ไหมว่า นายมีเวลา 3 สัปดาห์ที่จะให้เขาเป็นคู่ของนายอย่างเต็มใจ” เขาเอ่ยออกมาจนได้ ผมนึกว่าจะต้องยืนเมื่อยกันต่อ

        “ใช่ซิ...เรื่องเล็กที่ว่าคือทำให้เขารักผมภายใน 3 สัปดาห์ แต่ปัญหาใหญ่คือ เขาเป็นผู้ชายหนะซิ” ผมอยากจะบ้าเลย ขอสาปแช่ง เดอะเฟทส์ จริงๆ พวกเธอชอบสันหาชะตาแบบแปลกๆให้กับพวกเรากันจัง

         “ไม่ถูกต้องเท่าไหร่นะ ไคร์น ปัญหาเล็กที่ว่าคือเป็นผู้ชาย ปัญหาใหญ่หนะคือทำให้เขารักนายต่างหาก” แอชรอนพูดขึ้นมาแล้วเกาท้ายทอยตัวเอง ขอแอบบอกน๊ดนึงนะว่า เห็นเขาเป็นเทพเจ้าแบบนี้ก็เคยมีปัญหาความรักมาก่อนที่จะได้แต่งกะโซเทอเรียอีก

        “แล้วผมควรทำยังไงดีหละ แอชรอน”

        “ไคร์น นายเคยช่วยซิมมี่กะเซดดิกซ์ ฉันยังสำนึกถึงความช่วยเหลือของนายตลอด แต่นายขอคำพยากรณ์มันต้องมีของแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่ากันนายก็รู้” ผมกำลังจะพูดเขาก็ยกมือห้ามไว้

        “แต่นายเป็นเพื่อนฉันนะไอ้หนู เพื่อนคนนี้จะให้คำปรึกษาแทนก็แล้วกัน” เขายิ้มแบบกวนๆมาให้ผม แหมน่าซัดซักหมัดจริงๆ ในฐานะเพื่อนนะ (ใครจะกล้าคร้าบพี่ เทพเจ้าแห่งการทำลายล้างนะนั่นหนะ)

        “เริ่มจากอะไรหละ”

        “ความจริงอย่างจริงใจและซื่อสัตย์กับใจของเธอเองก็แล้วกันหละไอ้หนู”

        “แล้วไงต่อหละ...”

        “จากนั้นก็อย่าคิดถึงอนาคตไง” หายนะครับ หายนะแน่ๆ ถ้าทำอะไรแล้วไม่ต้องคิดเนี่ย
 
        “แล้วพวกเราเคยมีบันทึกไหมครับกันเหตุการณ์แบบนี้หนะ” ผมถามเพราะเขาน่าจะรู้มากกว่าที่ผมรู้ ก็เขาอยู่มาตั้งหนึ่งหมื่นกว่าปีแล้วหนิ

        “ก็หลายรายนะ ญาตินายก็ใช่ เวนกะไบร์ดไง” ผมลองนึกถึงคู่ของเวน แคตตาราคีส คู่ของเขาเป็นมนุษย์ผู้หญิง น่ารักมากเลย

        “ยังไงก็ยังเป็นผู้ชายกับผู้หญิงหนิครับ” ผมคิดถึงน้องกาลแล้วก็ต้องถอนหายใจ

        “อีกอย่าง ผมกะเขาก็พึ่งจะเจอกันวันเดียวเอง ยังไม่ได้รู้สึกรักอะไรเลย”

        “อันนั้นนั่นแหละที่บอกว่าเรื่องใหญ่ ไคร์น นายต้องทำให้เขารักนายโดยที่นายก็ต้องรักเขาด้วย ทีนี้ก็เข้าใจแล้วนะ ไอ้หนู เอาหละ กลับขึ้นไปหาคู่ของนายได้แล้ว” แอชรอนพูดเสร็จก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว

        “เอมี่...” ผมหันไปหาพี่สาวผมอย่างขอความช่วยเหลือ

        “อันนี้...พี่คงช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ แต่...ลองคิดในแง่ดีสิ มีเวลาอีกตั้ง 3 สัปดาห์เชียวนะ” เอมี่พูดให้กำลังใจผม ผมก็คิดนะเรื่องจะทำให้ใครมารักผมหนะ ไม่ยาก แต่ที่จะให้ผมไปรักใครนี่ซิ...คืองี้นะ...ก็ผมยังไม่เคยมีความรักเลยหนะซิ

        “เอาหละ...ทีนี้ก็ขึ้นไปบอกเขาได้แล้ว มีอะไรก็เรียกพี่นะ เธอก็รู้ว่าพี่อยู่ที่ไหนนะ ลูกหมีน้อย” เอมี่เดินเข้าไปหลังร้านคงไปทำความสะอาดครัวต่อ ผมเลยต้องขึ้นไปเผชิญกับชะตากรรมของตัวเองแล้วหละครับ

        ผมขึ้นมาถึงห้องแล้ว จะเปิดเข้าไปก็ยังลังเลอยู่เลย ความจริงเหรอ มันเป็นยังไงหนะ ถ้าน้องเขารู้ความจริง ถ้าเขารับได้ก็ดีไปแต่ปัญหาข้างหน้าก็มีอีกมาก แต่ถ้าเขารับไม่ได้หละ แค่คิดก็สยองแล้ว เอาหละ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดแล้ว แต่ขอให้เป็นไปในทางที่ดีทีเถอะ

        ผมเปิดประตูเข้าไปก็ต้องชะงักกับภาพที่เห็น กองหนังสือหลายตั้งวางเกลื่อนพื้นห้องไปหมด ส่วนตัวต้นเหตุกำลังนอนหงายไขว่ห้างกระดิกเท้าอ่านหนังสืออย่างสบายใจบนเตียง

        “อ่านอะไรอยู่ครับ น้องกาล”

        “หนูน้องหมวกแดง”

        “นิทานกลิมป์ผมมีเวอร์ชั้นภาไทยด้วยนะ”

        “อ้าว...ผมก็หาแบบภาษาไทย แต่ไม่เจอ ก็เลยเอาภาษาอังกฤษมา อ่านยากนะเนี่ย”

        “อ๋อ...เล่มนี้ครับ”

        “ขอบคุณมากนะ ไคร์น แล้วไปทำอะไรมาหละครับ นานจัง” อ้าวน้องกาล ทำไมเอาขนมในตู้ผมมากินเฉยเลยอะ

        “คืองี้ครับ ผมถามอะไรน้องกาลหน่อยได้ไหมครับ”

        “ว้าวมาโลด” อ้าวออกอีสารแล้ว

        “น้องกาลชอบหมีไหมครับ”

        “ชอบนะ อย่างหมีพูก็น่ารักนะ แต่กาลชอบพวกขนปุกปุยมากกว่า” เยี่ยมเลยน้องตอบแบบนี้เดี๋ยวจัดให้

        “แล้วชอบคนอายุมากกว่าหรือน้อยกว่าหละครับ”

        “ส่วนตัวกาลชอบคุยกับผู้ใหญ่นะ ชอบฟังประสบการณ์หนะ สนุกดี” โอ้เยส ชอบผู้ใหญ่ พอมีหวังแล้ว

        “แล้วชอบเอเซียหรือต่างชาติหละครับ”

        “ไม่รู้นะ เอาแบบที่ชอบเหรอ...ขอแค่คุยกันรู้เรื่องก็พอนะ” อืมม อันนี้น่าจะผ่านแฮ๊ะเรา

        “ไคร์น...กาลขอถามซักสองสามข้อได้ไหม” อ้าวอยากรู้เรื่องอะไรหละเนี่ย น้องกาลปิดหนังสือแล้วลุกขึ้นมายืนแบบชิดผมมากเลยปลายเท้าเกือบชนกัน ใจผมสั่นเลย ยิ่งใกล้ยิ่งน่ารักนะเนี่ย

        “คุณเป็นหมีใช่ไหมครับ ไคร์น”

หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 4 (คืนมหัศจรรย์ในแซงชัวรี่)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 05-04-2011 20:28:36
กรี๊ดดดดด

น้องกาล เห็นหมี
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 4 (คืนมหัศจรรย์ในแซงชัวรี่)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 05-04-2011 20:45:01
ตอนสุดท้ายลงซ้ำหรือเปล่าครับ :really2:


ลองเข้ามาอ่านดู อ่านแล้วติดใจเลย o13


เรื่องราวแปลกดี แต่ก็ดีจะได้เปลื่ยนรสชาติบ้าง  อ่านแนวที่แตกต่างจากเดิมๆบ้าง :3123:


เป็นกำลังใจให้นะครับ :mc4: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 4 (คืนมหัศจรรย์ในแซงชัวรี่)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 06-04-2011 00:38:39
Tifa:
กรี๊ดดดดด

น้องกาล เห็นหมี
              "555 รีนี้ทะลึ่งจัง 555"
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 4 (คืนมหัศจรรย์ในแซงชัวรี่)
เริ่มหัวข้อโดย: jenzda ที่ 06-04-2011 11:13:34
ไครน์เป็นหมี  :z1:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 4 (คืนมหัศจรรย์ในแซงชัวรี่)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 06-04-2011 12:52:51
ไครน์เป็นหมี กาลรู้ได้ยังงัยเอ่ย
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 4 (คืนมหัศจรรย์ในแซงชัวรี่)
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 06-04-2011 19:17:45
ออกแฟนตาซี แนวนี้ไม่ค่อยได้อ่านเท่าไหร่
แต่น่าติดตามดีค่ะ พยายามต่อไป สู้ๆ :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 4 (คืนมหัศจรรย์ในแซงชัวรี่)
เริ่มหัวข้อโดย: debubly ที่ 06-04-2011 23:30:58
 :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 5 (ความจริงปรากฎ น้องกาลเห็นหมี)
เริ่มหัวข้อโดย: Windend ที่ 11-04-2011 18:27:10
ตอนที่ 5 ความจริงปรากฏ น้องกาลเห็นหมี
 
ไคร์น

        ผมตื่นจากภวังค์ นี่ผมยืนฟุ้งซานอยู่หน้าประตูนานแค่ไหนไม่แน่ใจ ซักห้านาทีได้มั้งครับ ถึงผมจะเป็นคนง่ายๆสบายๆ เอาเข้าจริงๆผมเป็นคนติดจะคิดมากนะครับ เรื่องนี้คนที่สนิทกับผมดีจะรู้ ที่เห็นบางทีทำน่านิ่งๆ ทอดสายตาไปไกลๆ อาจดูเคร่งขรึม น่าอันตราย แต่จริงๆกำลังคิดฟุ้งซ่านอยู่เสียมากกว่า อย่างเมื่อกี้เป็นต้น ถ้าน้องกาลเขาอยู่ๆก็โพลงถามขึ้นมาอย่างนั้นผมจะทำยังไงดีหละ

        ผมได้แต่ยืนถอนหายใจอยู่หน้าประตูห้องของตัวเองอย่างนั้นแหละจนได้ยินเสียงดังกุกกักด้านใน ผมตัดสินใจบิดลูกบิดเปิดประตู พอเปิดออกผมถึงกับผงะ โอ้...ซูสทรงโปรด บั่นท้ายครับ เนื้อขาวๆ เน้นๆ กลมๆ น่าลูบ... น้องกาลคงพึ่งจะอาบน้ำเสร็จมีผ้าขนหนูสีน้ำตาลของผมพันรอบเอวไว้ น่าจะเพราะเท้ายังเปียกหรือรีบไม่แน่ใจ ทำให้ลื่นหกล้มหน้าคว่ำบั่นท้ายโด่งหลาต่อหน้าต่อตาผมอย่างงี้ น้องเขาคงได้ยินเสียงเปิดประตูแน่จึงค่อยๆหันหน้ามาดูว่าใคร พอเห็นเป็นผมหละหน้าน้องเขาก็เริ่มแดงขึ้นๆ น่ารักมากเลย

        “น้องกาลครับ เป็นยังไงบ้าง มีบาดแผลตรงไหน เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ” ผมเข้าไปประคองน้องกาลแล้วสำรวจดูตามมือ ข้อศอก และก็หัวเข่า ยังมีรอยแดงๆอยู่แต่ไม่มีแผล น้องเขาสายหน้าปฏิเสธแต่หน้าก็ยังแดงอยู่เลย ผมพยายามไม่พูดถึงเรื่องน่าอายของน้องเขาเมื่อกี้นะ กลัวน้องเขาจะยิ่งอายเข้าไปใหญ่

        “ทำไมรีบอย่างนี้ครับ น่าจะเช็ดเท้าให้แห้งก่อน” น้องกาลพยักหน้าพร้อมกับเอาหน้าซุกกับอกเสื้อผม ให้ตายเถอะ อาการอย่างนี้เขาเรียกว่าอะไรครับเนี่ย ใจผมเต้นแรงขึ้นโดยอัตโนมัติเลย ผมขอคิดเข้าข้างตัวเองก็แล้วกันนะครับว่าน้องเขาน่าจะพอไว้ใจผมแล้วนะเนี่ย แล้ว...ต้องทำยังไงต่อหละหว่า??? เง้อ...ผมไปไม่เป็นเลยอะ เคยเจอแต่ผู้หญิงมาออดอ้อน ซบนั่นซบนี่แต่ไม่เคยรู้สึกใจเต้นแรงแบบนี้มาก่อน แล้วนี่มันคืออะไรหละ

        ผมจึงอุ้มน้องเขาไปวางไว้ที่เตียงนอนหลังมหึมาของผม พอวางน้องเขาได้ก็รีบนอนคว่ำหน้าไปกับหมอนทันทีพร้อมกับพูดอู้อี้อะไรฟังไม่ชัด

        “อะไรครับน้องกาล” ผมต้องพลิกน้องให้นอนสบตากับผมก่อน ไม่งั้นฟังไม่รู้เรื่องแน่น น้องเขาสบตาผม โห...หน้าน้องเขาแดงกว่าเก่าอีก ปากน่าจุ๊บก้เผลยออกมาเล็กน้อย

        “เห็นหรือเปล่า...???”

        “เห็น??? เห็นอะไรครับ”

        “ก็...กะ...กะ...”

        “หือ...??? ก็อะไรครับ” ผมยังแกล้งสงสัยน้องเขาอีกหน่อย น่ารักเองช่วยไม่ได้

        “กะ...ก้นไง...ก้น นายเห็นก้นเราแล้วใช่ไหม” น่านนน ยังอายอยู่เลย แล้วผมจะเลือกตอบอะไรดีหวะ

        “เห็น” ผมตอบตรงๆดีกว่า อย่างที่บอก อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด

        “ไคร์นนี่เป็นคนดีจัง ไม่พูดโกหก” อ้าว แกล้งลองใจกันเหรอ แต่ก็เป็นผลดีแฮ๊ะ ชมผมด้วย แล้วยังไงต่อหละครับน้อง พูดอีกซิครับ

        “งั้นไคร์น ช่วยอธิบายทีสิครับว่า จากห้องในโรงแรมเสียบเรียบทำไมถึงมาอยู่ที่ห้องนี้ได้ แล้วยังเป็นตอนเช้าอีก แล้วทำไมข้างนอกหน้าต่างนั่นไม่เหมือนกับเมื่อคืนเลย” เอาหละซิ ถามผมแล้วจ้องตาผมเป๋งเลย สายตาแบบนี้นี่ผมโกหกไม่เนียนแน่ๆ เอ...เหมือนผมจะได้ยินเสียงของแอชรอนอยู่ในหัวผมนะ บอกว่า

        “ความจริงอย่างจริงใจและซื่อสัตย์กับใจของเธอเองก็แล้วกันหละไอ้หนู

        ผมต้องสูดหายใจเข้าลึกๆ รวบรวมความกล้าทั้งหมดก่อนจะสบตาตอบน้องกาลไป ผมเลือกวิธีที่จะทำให้น้องเข้าใจง่าย รวดเร็ว และต่อต้านน้อยที่สุด ผมจึงใช่พลังจิตล็อคประตูอย่างเงียบเชียบ กันไว้ก่อนเกิดน้องเขาเตลิดจะยุ่งยากเปล่าๆ

        “งั้น...น้องกาลอยากรู้คำตอบไหนก่อนดีหละครับ” ผมเห็นแววสับสนในด้วยตาน้องเขาเล็กน้อยก่อนจะสบตากลับมาแบบอยากรู้

        “ไคร์น...ที่นี่คือที่ไหนครับ”

        “ตอนนี้เราอยู่ในห้องเก่าของผมเอง บนชั้นสามของร้านชื่อแซงชัวรี่ย์ เราอยู่ในนิวออร์ลีน  รัฐหลุยซียน่า อเมริกาครับ”

        “โห...พูดจริงใช่ไหมเนี่ย นี่ไคร์นพาผมมาโดยไม่ต้องทำวีซ่าได้ด้วย” อ้าว น้องกาล ไหงปฏิกิริยาถึงผิดคาดอย่างนี่หละเนี่ย ไม่ตกใจเลยแถมยังดูมีสติแล้วคิดอะไรอยู่ด้วย

        “คำถามต่อมาก็แล้วกัน ไคร์น คุณเป็นอะไร”

        “ผมเป็นออร์ซูไรอาร์คาเดียน” น้องกาลดูชะงักเล็กน้อยก่อนทำหน้าคิดอะไรอยู่อีกแบบตอนคำถามแรก ผมอยากรู้จริงๆว่าน้องเขาคิดอะไรอยู่นะ

        “ออร์ซูไร คืออะไร”

        “หมี ผมเป็นหมีครับ น้องกาล” เฮ้อ...และแล้วผมก็พูดออกไปจนได้

        “หมี...แล้วกินคนไหมเนี่ย” อ้าวน้อง ทำไมสงสัยแบบนั้นหละ เดี๋ยวจับกินจริงๆหรอก

        “อยากเห็น” เอาแล้วไง ทำตาบ้องแบ๊วเลย สายตาเป็นประกายวิ้บวั้บเหมือนเด็กเจอของเล่นที่ถูกใจอย่างไงอย่างงั้นเลย

        “เอ...เอาไว้ก่อนดีกว่านะครับน้องกาล” ไม่อยากให้น้องเขาเห็นตอนผมแปลงเป็นหมีอะครับ เหอๆๆๆ

        “น่า...ไคร์น...ขอร้องหละ...อยากเห็น...นะนะนะนะนะนะนะ” ไม่รู้เป็นอย่างไร ผมรู้สึกว่าชอบบรรยากาศตอนนี้จัง มันอบอุ่น สนุกสนาน มีความสุขไปอีกแบบ ผมเลยต้องถอยออกมายืนกลางห้องแล้วกลายร่างกายเป็นหมีสีน้ำตาล ผมว่าผมเป็นหมีที่เท่ห์มากนะครับ ขนสีน้ำตาลมันวาว ปุกปุย หน้าตาก็...ก็หมีหนะซิ

        “ว้าว...หมี....” น้องกาลพุ่งลงจากเตียงแล้วรีบปีนขึ้นมาไต่หลังผม ทั้งขย่มทั้งกระโดด ผมต้องช่วยประคองไว้เดี่ยวตกลงมาจะแย่

        “ว้าว...สุดยอด...ขนนุ่มมากเลย ไคร์น...เอ...ไคร์นได้ยินผมไหม ไคร์น”

        “ครับผม คุยกันได้แต่เดี๋ยวลงก่อนได้ไหมครับ มีเรื่องต้องคุยกันก่อนนะครับ” ผมตอบออกไปทางจิตให้น้องเขาได้ยินคนเดียว น้องกาลทำหน้าไม่ค่อยพอใจซักหน่อยแล้วไถลตัวลงจากหลังไปนั่งที่ปลายเตียง

        ผมกลายร่างกลับไปเป็นคน แต่จริงๆผมก็มีร่างเป็นคนอยู่แล้วแค่แปลงเป็นหมีได้เท่านั้นเอง ผมลองประมวนคำถามต่างๆของน้องกาลแล้วก็งง ดูน้องเขาไม่ตกใจเลยอันดับแรก แถมยังรู้สึกจะชอบใจเสียด้วย เป็นไปได้เหรอ??

        “นี่น้องกาลครับ...ไม่ตกใจเลยเหรอ”

        “ถามให้ถูกคือแปลกใจหนะ ไม่คิดว่าที่ความฝันที่เห็นมาตลอดครึ่งปีจะเป็นเรื่องจริงหนะซิ” น้องกาลตอบอย่างตื่นเต้นดีใจ ผมเองก็รู้สึกโล่งนิ๊ดๆนะ สงสัยน้องเขาจะฝันวนไปมานานแล้วเหมือนที่เคยอ่านใน blog

        “แล้วไม่กลัวเหรอครับ”

        “จะมัวไปเสียเวลากลัวทำไมหละ น่าสนุกออก ไคร์น แล้วอธิบายได้หรือยังหละว่า พามาที่นี่ได้ยังไงหละ” น้องนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ตาหยีแก้มแทบปริ มันน่าฟั้ดแฮ๊ะ

        “ก็...เอาอย่างนี้นะ ผมสามารถกระโดดข้ามเวลาได้ ทั้งแนวตรงและแนวขวาง ถ้าจะใช้วิทยาศาสตร์อธิบายก็ต้องเอาแบบเวลาไม่เท่ากับศูนย์และต้องค้นพบกฎทางเวลาอีกซักสองสามข้อนะครับ”

        “อะไรคือเวลาแนวตรงกับแนวขวางหละ...???”

        “แนวตรงก็คือ ไปได้ทั้งเดินหน้าและก็ถอยหลัง พูดง่ายๆก็ย้อนไปในอดีตหรือก้าวไปสู่อนาคตก็ได้ ส่วนแนวขวางก็จากสถานที่หนึ่งไปอีกสถานที่หนึ่งแต่เวลาไม่เดินครับ”

        “โห...ทำได้หลายอย่างนะเนี่ย อย่างนี้เรียกหมีอเนกประสงค์ได้เลย 5555” งะไหงผลมันออกมาแปลกๆแบบนี่ละ เฮ้อ...แต่ก็เหมือนยกภูเขาโอลิมปัสออกจากอก
 
         “งั้น...รอยที่ฝ่ามือผมและไคร์นก็คือเครื่องหมายว่า เราเป็นเนื้อคู่กัน ใช่ไหมครับ ไคร์น”

         “ใช่ครับ สัญลักษณ์ของยัยเทพีโรคจิตสามองค์ให้กับคนที่จะต้องคู่กันไปจนตายครับ” ผมพูดประชดนะเนี่ย

        “อืมม อันนี้เห็นด้วยเรื่องเทพีโรคจิต 5555...หาววววว” อ้าว ง่วงซะแล้ว น้องกาลทำตาปรือๆแล้วขยี้ตา นี่ก็เกือบจะเที่ยงคืนของที่เสียมเรียบแล้วคงต้องเอาไปส่งก่อน แต่ไว้ค่อยไปดีกว่า

        “น้องกาลนอนที่นี่ก่อนนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้เรายังต้องไปเที่ยวนครวัดกันต่อนะครับ” ที่นี่กลางวันทางเสียมเรียบยังเป็นตอนกลางคืนอยู่เลย ผมจัดหาเสื้อสมัยตอนผมยังเด็กให้น้องกาลใส่ก่อน พอน้องเขานอนแล้วผมจึงออกจากห้องแล้วลงไปหลังบาร์ ตอนนี้ก็ห้าโมงเช้าแล้ว เอมี่น่าจะขึ้นไปนอนเมื่อซักชั่วโมงก่อน

         ผมเดินออกไปด้านหลังร้านแล้วออกเดินไปตามถนนผ่านจัตุรัสแจ็คสัน เดินไปไม่เท่าไหร่ ก็เจอกับร้ายขานตุ๊กตา ผู้ชายตัวโตๆกับร้านตุ๊กตา หลายคนถ้ามาเห็นก็คงหัวเราะ แต่กับพวกผมที่เป็นอาร์คาเดียนนั้นไม่เลย ผมเปิดประตูเข้าก็เจอกับหญิงชราคนนึงกำลังซ่อมแซมตุ๊กตาที่น่าสงสารตัวนึงอยู่ แขนที่หลุดออกมากำลังถูกหมุนกลับให้เข้าที่เข้าทางแต่ก็ยังมีอีกหลายตัวบนโต๊ะทำงานของเธอ ผมว่าตั้งแต่ผมเด็กๆผมก็เห็นเธอ ลิซ่า นั่งซ่อมตุ๊กตาอยู่อย่างนี้แล้ว ไม่รู้เธออายุเท่าไหร่แน่

         “มาแล้วเหรอจ๊ะ พ่อหมีน้อย เขารอเธออยู่แหนะ” ลิซ่าชี้ไปทางประตูด้านหลังที่มีผ้าสีน้ำเงินปิดพร้อมมู่ลี่เปลือกหอยปิดอีกที

         “ขอบคุณครับ ลิซ่า” ผมเดินผ่านเธอไปแล้วเข้าไปในห้องนั้น ผมมองคนที่นั่งบนโต๊ะทำงานขนาดใหญ่คนนึง แอชรอน คราวนี้ปอยผมที่เขาทำไฮไลท์เปลี่ยนเป็นสีเขียว จิ้วทับทิมหายไปเปลี่ยนเป็นห่วงเจาะที่ริมฝีปากล่างแทน หมอนี่แต่งตัวไม่ซ้ำกันภายในเวลาไม่นานเอง หมั่นไส้ แล้วอีกสามคนที่ยื่นคุยกันอยู่นี่ผมรู้จักแค่สอง คนนึงคือ จูเลียท อเล็กซานเดอร์ อาจารย์สอนวิชาประวัติศาสตร์กรีกโบราณที่ผมกำลังทำวิทยานิพนธ์ของเขาอยู่ที่มหาลัย เขาเป็นอาจารย์ที่โหดหินมาก เคี่ยวสุดๆ เขาสูงน้อยกว่าผมเยอะ แค่ร้อยแปดสิบสองเอง ผมสีทองอร่ามตัดสั้น ร่างกายล่ำสันบึกบึนผิวสีน้ำตาทอง เขาเป็นอาจารย์หนุ่มที่สาวๆในคลาสหมายปอง ป๊อปว่างั้นเถอะ
         ส่วนอีกคนก็ประมาณว่าญาติผมเอง เวน แคตตาราคีส เจ้าของธนาคารสองแห่งในนิวออร์ลีน เป็นพี่ชายของพี่เขยผมหนะ เออ...ลืมไป จูเลียทเขาอยู่มาตั้งแต่สงครามทรอย ตอนนี้ทำหน้าที่เป็นเทพยากรณ์ ส่วนเวนเขาเป็นไลคอสคาตากาเรีย แต่อีกคนนี่ใครหละ สูงเท่าแอชรอน ดวงตาเรียว คิ้วเข้มดำปลายเรียว แลดูหนุ่มไปเกินยี่สิบต้นๆ

        “เป็นไงบ้างหมี แอชบอกว่าเราเจอศึกหนักเหรอ” เวนทักผมก่อนใคร ดูหน้าก็รู้ว่าแอชรอนคงเราเรื่องของผมให้ฟังแล้วแน่ๆ ก็เล่นทักพร้อมกับเม้มปากเหมือนกลั่นหัวเราะอยู่เลย เฮ้อ...

        “เอาน่า ความรักระหว่างชายกับชายในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาก็มีออกจะเกลื่อนไปนะ ไคร์น จำรายงานเรื่องซีซ่าร์ได้ไหมหละ” จูเลียทนี่ก็อีกคน แก้มตึงแทบปริเลยนะ ผมว่าน่าจะปล่อยให้เขาหัวเราะให้เสร็จน่าจะดีกว่า

        “ยังไงก็ทำให้มีความสุขได้ก็แล้วกัน หน้ากับหลังมันก็ไม่...อุ๊บส์” แอชรอนพูดขึ้นก่อนจะปิดปากตัวเอง ผมว่าผมอ้าปากค้างแล้วนะ ทั้งหมดในห้องเงียบกริบทันที

        “ให้ตายซิ นายก็เคยด้วยเหรอ แอชรอนผู้ยิ่งใหญ่” จูเลียทพูดออกมาก่อนใคร

        “นายยังไม่รู้เรื่องอีกเยอะนะ” ชายอีกคนนึงเอ่ยขึ้นมาแล้วทำหน้ายียวนไปทางแอชรอน

        “อย่าแม้แต่จะคิดเลยนะ ทาเคชิ” แอชรอนขบฟันกรอดมองปลายตาไปก่อนที่ทั้งสองจะหัวเราะออกมา สองคนนี้รู้จักกันนานแล้วแน่ๆ

        “ไอ้หนู นี่ทาเคชิ จะมาเป็นเซนเซย์ของนายนะ”
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 5 (ความจริงปรากฎ น้องกาลเห็นหมี)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 11-04-2011 19:22:00
 :กอด1:น้องกาลเห็นหมีตัวใหญ่ๆ


 :L1:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 5 (ความจริงปรากฎ น้องกาลเห็นหมี)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 11-04-2011 19:33:54
เห็นหมีหนูมั้ย เห็นหมีหนูมั้ย

คริๆ

ชอบหมีด้วยคนเจ้า
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 5 (ความจริงปรากฎ น้องกาลเห็นหมี)
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 11-04-2011 22:17:29
เนื้อเรื่องน่าติดตามมากค่ะ ได้ feel เหมือนดู series ฝรั่งเลยอ่ะ ~
ท่าทาง น้องกาลจะชอบ ไคร์น ตอนเป็น "หมี" มากกว่าในร่างคนนะ ( เล่นกระโดดเกาะหลังเลยทีเดียว )
ว่าแต่จะทำอย่างไงให้รักกันภายใน 3 อาทิตย์ละเนี่ย? น่าลุ้นจริง ๆ
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 5 (ความจริงปรากฎ น้องกาลเห็นหมี)
เริ่มหัวข้อโดย: jenzda ที่ 12-04-2011 16:53:15
ทาเคชิ จะมาเป็นเซนเซย์ ด้านไหนค่ะ? :oo1:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 5 (ความจริงปรากฎ น้องกาลเห็นหมี)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 12-04-2011 18:46:09
น้องกาลเห็นหมีแล้ว
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 6 (เซนเซย์หรือคู่แข่ง + รูปเซนเซย์)
เริ่มหัวข้อโดย: Windend ที่ 16-04-2011 14:12:38
ต้องขอโทษนะครับที่ไม่ได้เข้ามาหลายวัน
ติดภาระหนะครับ คนป่วยเยอะอะ
เอาหละมาต่อกันดีกว่า

ขอบคุณทุกเม้นท์นะครับ :L2:

======================================================

   ตอนที่ 6 เซนเซย์หรือคู่แข่ง

   กาล

   ม่านหมอกบางๆค่อยๆเผยให้เห็นภูมิประเทศที่เป็นทุ่งหญ้าและป่าโปร่ง แสงแดดอันอบอุ่นช่วยปลอบประโลมใจที่เคยเจ็บช้ำให้เบาบางลง รู้สึกถึงขนสัตว์ที่หนานุ่มไม่ระคายผิว ได้กลิ่นหอมรัญจวนใจกว่าน้ำหอมที่เคยสัมผัส รู้สึกถึงกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งกำลังเคลื่อนไหวอยู่ด้านล่างโจนทะยานไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว

   เมื่อถึงอีกด้านของป่ามีทุ่งดอกไม้หลายสายพันธุ์หลากสีสัน เขาลงจากหลังสัตว์ใหญ่ตัวนั้นแล้วนอนดูท้องฟ้า กลีบดอกไม้ปลิวไปตามกระแสลมที่พัดผ่านจากชายป่าผ่านทุ่งดอกไม้ก่อนที่จะเลยไปยังหน้าผาสูง

   ความฝันนี้เขาเห็นมาตลอดและไม่เคยรู้ว่าสัตว์ที่เขานั่งมาคือตัวอะไร จนกระทั่งครั้งนี้ที่ได้ก้มลงมองพินิจพิเคราะห์ดูจึงรู้ว่าเป็นหมีสีน้ำตาลขนาดยักษ์

   “ใช่นายเหรอเปล่า ไคร์น” ผมพูดขึ้นมาหลังจากที่หันกลับไปมองสัตว์ยักษ์ตัวนั้นก็กลับปรากฏกลายเป็นชายหนุ่มสองคน คนนึงสูงใหญ่มีร่างกายอันเยี่ยมยอด ใบหน้าหล่อคมดุจเทพประทานให้ ผมสีน้ำตาลทองยาวสยายไปตามแรงลมที่พัดปลิว เขาไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าใดนอกจากกางเกงหนังสีดำมันที่แสนจะแนบเนื้อ เผยให้เห็นส่วนสัดอันใหญ่โต ส่วนอีกคนนึงสูงกว่าแต่ไม่หนาเท่า ร่ายกายยอดเยี่ยมเหมือนนายแบบสมัยนี้ นัยน์ตาเรียวแต่ไม่เล็ก ผมดำมันตัดซอยอย่างดี เขาไม่ได้ใส่เสื้อสวมแต่กางเกงผ้าฝ้ายสีขาวสะอาดตา ผิวออกขาวเหลือง

   แต่ในฝันนี่ทุกทีเขาเห็นแค่หนุ่มคนแรกเท่านั้นนี่ แต่ไหนถึงโผล่มาอีกคนได้หละ ความสงสัยเริ่มก่อตัวออกมาเป็นคำถามทางสีหน้า ชายหนุ่มคนที่สองจึงเดินเข้ามาหาเขา

   “ไม่ต้องกังวลนะน้องน้อยของพี่ พี่เจอเจ้าแล้วและเจ้าจะไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอีกต่อไป” ชายหนุ่มพูดขึ้นพร้อมกับประทับจูบที่หน้าผาก ความอบอุ่นแผ่ซ่านเข้าไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด มันเอิบอาบตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก

   ผมลืมตาขึ้นมาพร้อมคราบน้ำตาเล็กน้อย ก็เห็นเพดานห้องสีส้มขอบเดินบัวสีขาวครีมกับไฟดาวไลท์สี่จุด นี่ผมกลับมาอยู่บนเตียงนอนภายในโรงแรมเสียมเรียบตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ พอมองไปทางหัวเตียงเห็นนาฬิกาบอกเวลา 06:25 am เช้าแล้วเหรอขออีกห้านาทีได้ไหมเนี่ย ผมเช็ดคราบน้ำตาไปพลางก็หันไปกอดผ้าห่มผืนใหญ่ข้างตัวอีกที อ้าว ทำไมมันถึงใหญ่ขนาดนั้นหละ

   จู่ๆก็มีมือมาคว้าตัวผมเข้าไปพร้อมกับบดริมฝีปากมาที่ปากผม ทั้งดูดเม้มหยากเย้าอย่างชำนานก่อนที่จะถอนออกแล้วสบกับนัยตาสีน้ำตาลเข้มคู่เดิม

   “มอนิ่งคีส” เจ้าตัวมองหน้าผมก่อนที่จะยื่นใบหน้าเข้ามาอีก ผมเลยต้องยกมือปิดปากอีกฝ่ายไว้ก่อน ก็หน้าผมยังร้อนผ่าวอยู่เลยหนิ เขาทำตาดุใส่พร้อมกับกัดเม้มที่ฝ่ามือผมอีก

   “เอาผมกลับมาตอนไหน ไคร์น”

   “ก็ซักครึ่งชั่วโมงที่แล้วครับ”

   “ทำไมไม่ปลุกผมก่อนหละ ผมอยากเดินเที่ยวบ้าง แหมได้โอกาศไปอเมริกาทั้งที”

   “อ้าว...น้องกาลอยากเที่ยวเหรอ แล้วไม่อยากเที่ยวนครวัดต่อเหรอครับ ได้...เดี๋ยวเรากลับกันไปเลยก็แล้วกันนะ”

   “เดี๋ยวซิ...ไว้คราวหน้าก็ได้นะ แต่ตอนนี้ผมหิวแล้ว ไปอาบน้ำที่ห้องตัวเองได้แล้ว” ไคร์นทำหน้าหงุดหงิดใส่พร้อมกับลุกขึ้นไปยืนที่ข้างเตียง จากนั้นเสื้อผ้าชุดนอนของเขา เออ...อันที่จริงก็มีแค่กางเกงในตัวเดียวนั่นแหละก็กลายเป็นชุดเสื้อยืดสีครีมพิมพ์ว่า ‘I am your bear’ พร้อมกับกางเกงขายาวทรงทหารสีน้ำตาลยืนยักคิ้วให้ผมอีกแหนะ

   “ผมไม่เสียเวลาหรอกน่า” ไคร์นพูดไปยิ้มไป หมั่นไส้จริงๆ

   “ดีเน้อะ แต่ผมชอบอาบน้ำมากกว่า” ผมลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำไป ได้ยินเสียงโทรทัศน์ในห้องดังขึ้น นี้กะจะไม่ไปห้องตัวเองเลยหรือไงเนี่ย

   ผมอาบน้ำเสร็จก็ออกมา วันนี้ตามโปรแกรมเราจะไปเที่ยวหมู่ปราสาทสามที่ พี่ประวัติอธิบายให้ฟังตอนทานอาหารค่ำเมื่อวาน หมู่ปราสาททั้งสามหลังอยู่ในเขตที่มีต้นไม้ขึ้นปกคลุมจึงร่มรื่น ผมจึงเลือกเสื้อยืดสีขาวล้วนกับกางเกงเลผ้าฝ้ายสีกาบบัวซื้อมาจากแพร่เมื่อปีก่อนแล้วก็สะพายเป้ผ้าสีแดงสดอันเล็กๆ

   ผมมาหยุดยืนดูความเรียบร้อยของเสื้อผ้าตัวเองหน้ากระจก จากนั้นก็มีลายพิมพ์ปรากฏขึ้นที่หน้าอกเสื้อเขียนว่า ‘Bear-Hunter’ ผมหันไปทางที่ไคร์นนั่งดูโทรทัศน์ที่เตียง เขามองมาแล้วยิ้มๆ

   “ผมชอบเรียบๆมากกว่านะ ไคร์น”

   “เอาน่าน้องกาล...จะได้คู่กันไง หมีกับนักล่าหมี เข้ากันออก” เขายังยิ้มทะเล้นให้อีก

   “เฮ้อ...ตามใจ แล้วหิวหรือยังหละ ลงไปที่ห้องอาหารกันไหม

        “เมื่อกี้คุณประวัติบอกว่าให้พวกเราลงไปรวมตัวที่ภัตตาคารข้างโรงแรมแล้วเราจะทานอาหารเช้ากันที่นั่นตอนเจ็ดโมงครึ่ง”

        “อ้าวเหรอ...งั้นก็ยังเหลือเวลาอยู่นี่...งั้น...” ผมพูดยังไม่ทันจบก็ได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง พอเดินเข้าไปเปิดประตูก็ต้องยืนมองตาค้างอย่างนั้น คนที่เคาะประตูก็เหมือนกับยืนอึ้งครู่นึงก่อนจะยกมือขึ้นมาสัมผัสที่แก้มผม ดวงตาสีดำสนิทดูเจ็บปวดและตัดพ้อเพียงแว้บเดียวก่อนที่จะยิ้มกระจ่างทั้งใบหน้า

        “คุณ...” ผมพูดไม่ออกเลย มันเกิดขึ้นเร็วมากจริงๆ

        “ทาเคชิ” ชายหนุ่มยืนยิ้มอย่างดีใจก่อนจะเหลือบมองเข้าไปในห้องเห็นไคร์นหันมาพอดี

   “อ้าว ทาเคชิ มาแล้วเหรอครับ” ผมหันกลับไปมองไคร์นแล้วหันมามองผู้ชายตรงหน้า

   “ทาเคชิเหรอครับ”

   “ใช่ครับ ในที่สุดเราก็ได้เจอกัน น้องน้อยของพี่”
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 6 (เซนเซย์หรือคู่แข่ง + รูปเซนเซย์)
เริ่มหัวข้อโดย: Windend ที่ 16-04-2011 14:20:50
รูปทาเคชิเซนเซย์ของไคร์นเขาหละ

(http://image.ohozaa.com/i/7d9/1222391.jpg) (http://image.ohozaa.com/show.php?id=90c45af8902f90fcedaaedd90e1a03a6)

อันนี้แถม รูปของแอชรอน เทพเจ้าแอตแลนตีส

(http://image.ohozaa.com/i/9a1/acheron.jpg) (http://image.ohozaa.com/show.php?id=9795889a05b6e7b253d367d743ac0a2e)

ยังไงก็ขอฝากนิยายเรื่องนี้ด้วยนะครับ ติชมได้ ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 7 (แผนร้าย (?) ของเดอะเฟทส์)
เริ่มหัวข้อโดย: Windend ที่ 21-04-2011 11:49:02
ตอนที่ 7 แผนร้าย (?) ของเดอะเฟทส์

   ณ เขาโอลิมปัส วิหารของเดอะ เฟทส์

   หญิงสาวผมสีน้ำตาลทองยาวสยายรีบเดินผ่านโถงหลังคาทองคำหลังงามก่อนจะเลี้ยวขวาไปยังสวนดอกไม้ข้างปราสาท โคลโธมีสีหน้าที่เจ้าตัวยังสับสนในอารมณ์ ทั้งตื่นเต้น แปลกใจ โกรธเกรี้ยว แช่มชื่น สะใจ นางยังแปลกใจที่สามารถตอบรับอารมณ์เหล่านี้พร้อมๆกันได้โดยไม่ระเบิดอะไรซักอย่างทิ้ง

   ในบรรดาพี่น้องทั้งสามนางดูเป็นคนอารมณ์ดี แต่ภายใต้ยิ้มเสแสร้งนั้นไม่มีใครรู้ว่ามีแผนอะไรอยู่บ้าง เมื่อใดที่นางหัวเราะนั่นหมายถึงหายนะของบางสิ่งบางอย่างเสมอ

        “น้องข้า เจ้าต้องไม่เชื่อแน่ว่าแผนของเราเจอกับอะไรเข้าแล้ว” โคลโธเอ่ยด้วยอารมณ์ที่หลากหลายนั้น ตัวเนื้อสั่นแทบประทุจนจะทนแทบไม่ไหว

   “แล้วเจ้าเจออะไรมาหละถึงได้ดู...ระริกระรี้” แลคเคซีสพูดโดยไม่ได้หันไปหาพี่สาวแต่ยังคงเรียงร้อยดอกไม้ให้เป็นมงกุฎอยู่ ผมดำมันที่เคยทิ้งตัวยาวระพื้นตอนนี้ถูกมัดรวบแบบง่ายๆ ริมฝีปากสีเดียวกับเกศานางแย้มยิ้มน้อยๆกับผลงานที่กำลังจักสานอยู่

   “ธอเนี่ยน”

   นางหันไปหาพี่สาวนางเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปเด็ดดอกไม้มาแซมมงกุฎของนางต่อ แต่มีอีกเสียงดังออกมาจากกลางดงดอกไม้

   “กี่คน โคลี่” คำถามที่ดูจะต้องการรายละเอียดเอ่ยขึ้น อโทโพสไม่เคยปราณีกับใครทั้งเมื่อก่อนและต่อจากนี้ไป เว้นก็แต่น้องๆของนางเอง ซึ่งใครๆก็รู้ว่าอย่าแหยมกับนางเด็ดขาดถ้าไม่กลัวตกเป็นข่าว(คาว) นางเป็นผู้เก็บงำชะตาแห่งอดีตของทุกสิ่งแม้แต่ชะตาของเทพทุกองค์ในโอลิมปัสด้วย แม้แต่ซูสก็ยังไม่อยากยุ่ง

   “มีสอง เทพต้องสาปกับมือปราบเทพอสูร” โคลโธนั่งลงข้างพี่สาวของนางก่อนจะยกชายกระโปรงน้องสาวมาดูเนื้อผ้าที่นางสวมพร้อมกับมองไปถามไปทางน้องสาวของหล่อน

   “นี่ผ้าอะไรหนะ ลากี้ เนียนลื่นดีจัง บางแต่สีจัดมาก”

   “ผ้านาโนเทค เมื่อเช้าลองไปดูตลาดผ้าที่อินเดียแล้วปิ๊งหนะ เขามีถ่ายหนังแถวๆนั้นด้วยว่าจะเข้าไปดูแต่อยู่ในเขตเทพโคนนธิเลยไม่ได้ดูว่าใคร แต่ข้าว่าน่าจะเป็นชาลุคนะ” แลคเคซีสตอบพี่นางพร้อมกับปัดดอกไม้ต่อ

   “พวกมันมายุ่งได้ยังไงกัน” อโทโพสพูดแทกขึ้นมาโดยไม่ได้สนใจบนสนธนาที่ไร้สาระสำหรับนาง

   “มีโอรสของไลคาออนเผ่าหมีเป็นเพื่อนกับเทพต้องสาป” โคลโธพูดเสียงเครียดแต่ปากกลับยกยิ้มขึ้นมา ดางตาวิ๊บวั๊บ

   “ฟังดูแย่แต่ทำไมดูเจ้ายังยิ้มไม่หุบหละ” พี่สาวใหญ่ยังทำหน้าสงสัยมาทางนาง

   “เพราะมือปราบเทพอสูรดูสนใจในคู่ของหมีด้วย ข้าว่าแผนเราน่าจะไปได้ดี เราน่าจะลองแผน Y ‘attack  กับโอรสของไลคาออนคนอื่นๆต่อดีไหม” โคลโธเด็ดอกไม้มาปาใส่พี่ของนาง ก่อนที่ดอกไม้จะโดนตัวมันก็แห้งเหี่ยวกลายเป็นละอองสีทองปลิวไป

        “ข้าว่าเราควรจะดูผลทดสอบของ case นี้ก่อน จะได้ดูไม่เป็นที่สังเกตของเทพต้องสาป” อโทโพสดึงหญ้ามากำไว้แล้วปาไปทางน้องสาวทั้งสองของนางพอใกล้ตัวสองสาวก็กลายเป็นหนอนแก้วตกลงไปเกาะตามตัวนับร้อย พวกที่เกาะตัวโคลโธกลายเป็นผงทันทีที่นางมองมา ส่วนของแลคเคซีสกลายเป็นผีเสื้อโบยบินไปมารอบตัวนางแทน

        “พวกเราต้องระวังตัวให้มาก ไม่อย่างนี้ความแค้นของเราจะไม่มีทางสมหวังได้” พี่สาวใหญ่ยังกล่าวต่อก่อนที่จะล้มตัวลงนอนมองท้องฟ้าต่อ

        “งั้นข้าจะลงไปสอดแนมต่อดีกว่า ลากี้เอาไรไหม พี่จะไปแถวจัตุรัสแจ๊คสัน” โคลโธลุกขึ้นหันไปถามน้องสาวก่อนจะหันหลังไปทางประตูวิหาร

        “หาน้ำยาแก้สีผ้าตกให้ที เอาแบบเดิมนะ กลิ่นหอมดี”

        “ได้”

===========================================

        กาล

        เช้านี้ดูพี่ประวัติกับพวกลุงๆป้าๆจะไม่ติดใจอะไรที่มีสมาชิคในทริปเราเพิ่มมาอีกหนึ่งคน คนที่พวกผมนั่งไปเลยอัดแน่เลย พี่ประวัตินั่งข้างคนขับเหมือนเดิม ผมนั่งหลังโดยขนาบด้วยยักกับหมี อึดอัดนะเนี่ย ทาเคชินั่งด้านซ้ายเอาแขนล่ำๆคล้องคอผมไว้ ส่วนไคร์นนั่งด้านขวาแล้วยังเอาแขนมาโอบเอวผมอีก ผมว่าจะดีมากนะครับถ้ารถมันจะกว้างกว่านี้ เฮ้อ...

        พอถึงหมู่ปราสาทแรกพวกเราก็ลงกัน ทางเข้าดูร่มรื่น ถึงต้นไม้ไม่สูงมากแต่มีสระบัวขนาดใหญ่อยู่ ดอกบัวที่นี่ใหญ่มาก ขนาดเท่าหัวคนเลย ชมพูหวานเชียว เราเดินกีนมาผ่านสระบัวแล้วเรียวซ้ายเพื่อเที่ยวชมปราสาทหลังแรก

        “พี่ประวัติ ปราสาทนี้ชื่ออะไรครับ”

        “ปราสาทบันทายสีครับ เป็นปราสาทหินแกะสีชมพูที่สวยที่สุดในโลกนะครับ สร้างโดยสตรีสมัยนั้น” พี่ประวัติบรรยายให้คณะเราเข้าใจกันก่อนจะพาเดินดูรอบๆ

        “สร้างโดยสตรี ทำได้ยังไงหละเนี่ย แล้วทำไมถึงสร้างขึ้นมาหละ” ผมบ่นพึมพัมคนเดียวเพราะปราสาทที่ถวายเทพตามประวัติจะใช้แรงงานชายอย่างเดียว

        “จริงๆปราสาทนี้ไม่ได้ทำมาถวายเทพหรอก แต่สร้างขึ้นมาเพื่อความสะใจหนะ” ทาเคชิเอ่ยออกมาโดยไม่ได้มองมาที่ผมแต่สายตาเหมือนมองหาอะไรบางอย่างอยู่

        “ยังไงเหรอครับ” ผมหันไปถามเขากำลังจะยกน้ำขึ้นมาดูแต่ไคร์นกลับคว้าเอาไปดูดก่อน มันน่านักเชียว เลยส่งสายตาเคืองๆไปให้ทีนึงก่อนจะหันไปมองทาเคชิ

        “ก็...ไม่มีอะไรมากหรอก คือเกิดการทะเลาะกันระหว่าหญิงกับชายและท้าพนันกัน จำไม่ได้นะว่าเรื่องอะไร มันนานแล้ว ก็เลยพนันกันว่าฝ่ายไหนสร้างปราสาทเสร็จก่อนชนะ ปรากฏว่าฝ่ายหญิงชนะรู้หรือเปล่าว่าเพราะอะไร” เขาหันหน้ามาสบตาผม ว้าว...ตาเขาสวยมาก กลมเรียว ขนตาเป็นแพชิดกัน ใบหน้ารีรูปไข่ จมูกโด่งเป็นสัน ผมตรงพลิ้วไปมา ใบหน้าที่จะดูว่าหล่อก็หล่อ จะดูว่าสวยก็สวย ผิวแทนแต่ไม่ดำ เขามีกลิ่นหอมที่เย้ายวนใจนะ ผมว่าผมน่าจะหลงเขาได้แต่ความรู้สึกบางอย่างมันบอกว่าไม่ใช่ ผมคงทำหน้างงอยู่นานเขาเลยพูดต่อ

        “น้องกาลเข้าใจคำว่า มารยาร้อยเล่มเกวียนไหม นั่นแหละ เพราะฝ่ายหญิงเกณฑ์ผู้หญิงทั้งหมดมาไว้ในพื้นที่เฉพาะแล้วเริ่มก่อสร้างและห้ามให้ผู้หญิงติดต่อกับฝ่าย พอผ่านไปได้ประมาณเดือนนึง น้องกาลลองคิดดูถ้าผู้ชายไม่ได้มีอะไรกับผู้หญิงนานๆจะเป็นยังไง แน่นอนว่าตบะย่อมจะแตกเอาง่ายๆ ก็เลยเข้าแผนของฝ่ายหญิงค่อยๆดึงแรงงานผู้ชายมาช่วยสร้างปราสาทของฝ่ายตนจนเสร็จก่อน ชนะไปเลย อีกอย่างพนันครั้งนี้มีช่องโหว่มหึมาอยู่อย่างนึงด้วยนะครับ” ทาเคชิพูดอธิบายให้ผมกับไคร์นฟังจนเราเดินมาถึงเสานางเรียง เขาก็พาเข้าไปทางขวา เป็นห้องๆนึงกว้างพอประมาณ มีวงดนตรีกลุ่มคนแก่ที่พิการกำลังบรรเลงเพลงพื้นบ้านอยู่ เราสามคนเลยนั่งดูเขาบรรเลงไปเรื่อยๆ ไคร์นเลยถามขึ้นมา

        “ช่องโหว่ อะไรเหรอเซนเซย์”

        “ขนาด การพนันครั้งนั้นแค่ตกลงกันว่า ใครสร้างเสร็จก่อนอย่างเดียว ลองมองไปรอบๆนะ สัดส่วนต่างๆถูกต้องตามแบบแผนแต่ขาดเล็กลงมา ดูซิเห็นไหม ช่องหน้าบันจะเล็กและต่ำลงมาพอดีคนเลย” เขาชี้ให้ดูช่องประตูและปราสาทหลักตรงกลาง ก็จริงนะ ผมว่ามันดูเล็กว่าที่ผมคิดไว้ตอนดูในหนังสือท่องเทียวอีก

        พวกเราออกมาจากห้องโดยไม่ลืมให้ทิปกับคณะดนตรีที่บรรเลงเพลงเพราะๆให้พวกเราฟัง ดูพวกเขายิ้มดีใจกันมากเลย พวกเราออกไปสมทบกับกลุ่มลุงๆป้าๆกันก่อน จากนั้นเราก็ไปดูพวกของฝากที่ขายกันบริเวณทางออกของปราสาท ไคร์นไปดูเสื้อสกรีนรูปอัปสราที่แกะสลักภายในปราสาท ทาเคชิดูน้ำดื่มอยู่ ต่อราคากับคนขาย ผมว่าแค่น้ำกระป๋องไม่ต้องต่อซะจะฆ่ากันขนาดนั้นก็ได้ ผมว่านะ คนขายได้ตายแน่ถ้าไม่ยอมเขา ผมก็ดูไปเรื่อยๆไม่มีอะไรสะดุดตาอะไรนักเลยไปรอที่รถ แดดวันนี้กำลังดีแต่ไม่มีลมเลย ซักพักเขาสองคนก็เดินกลับมาที่รถ ดูไคร์นจะชอบเสื้อที่ซื้อมาใหม่มากหอบมาโหลนึงเลย ทาเคชิยื่นน้ำมะพร้าวกระป๋องมาให้ ทาเคชิยังมองไปรอบๆลานจอดรถส่วนไคร์นเอาของที่ซื้อใส่ในกระโปรงหลังรถ ผมสงสัยบางอย่างในคำพูดของทาเคชิที่บรรยายมา จึงหันไปถามเขา

        “ทาเคชิ ตอนที่บรรยายทำไมถึงพูดว่า จำไม่ได้เรื่องที่สองฝ่ายพนันกัน มันนานแล้ว พูดเหมือนอยู่ด้วยเลยตอนเขาทะเลาะกัน” ทาเคชิหันหน้ามาหาแล้วเดินเข้ามากระซิบข้างหูผม

        “ก็ใช่นะ เรื่องหยุ่มหยิมเมื่อเกือบพันปีที่แล้วไม่ค่อยน่าจำเท่าไหร่หรอก” ผมยืนตาโตอ้าปากค้างอยู่ ทาเคชิเอามือมาหยิกแก้มผมเบาๆก่อนที่จะพูดต่อ

        “ยินดีต้อนรับสู้โลกของพวกเรานะครับ น้องกาล”

=====================================================

ขอโทษครับ ไม่ได้อัพนาน คนป่วยเยอะมากเลย พึ่งจะว่างวันนี้เอง
ยังไงก็ขอกำลังใจมั่งนะครับ
ขอบคุณ ตอนหน้าว่าจะลงNCนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 7 (แผนร้าย ? ของเดอะ เฟทส์)
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 21-04-2011 13:30:07
โฮก ตอนแรกแค่สะดุดเข้ามาอ่านก็เพราะชื่อ
แต่พออ่านไปได้สักพัก ก็แบบว่าพูดกับตัวเอง "เฮ้ย! มันแปลกดีนะ"

อารมณ์เดียวกับอ่านนิยายฝรั่งเลยทีเดียว แล้วแบบว่าชอบการนำตำนานมาผสมผสาน
โดนใจมากมาย นั่งรอ NC ตอนหน้าโลดฮะ 55+

ปล. แอบเชียร์ให้สามสาวพวกนั้นชอบใจกับการทำเคสวาย เอามันวายให้หมดเลย :laugh:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 7 (แผนร้าย ? ของเดอะ เฟทส์)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 21-04-2011 14:33:19
จาเกิดรักสามเศร้ามั้ยเนี้ย
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 7 (แผนร้าย ? ของเดอะ เฟทส์)
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 21-04-2011 22:32:42
แม่สามสาวเทพธิดา The Fates นั่น เจิดมากค่ะ พวกหล่อนเป็น Sex And The City ภาคโอลิมปัสใช่ม่ะ?
นับถือแผนการ Y Attack ของพวกชีซะจริง ( แอบเป็นสาว Y กันใช่ไหมเนี่ย? )
รู้สึกโชคชะตาของน้องกาลจะต้องผูกพันธ์กับไคร์นและทาเคชิ แต่จะเป็นแบบไหนบ้างล่ะ?
ตอนนี้ลุ้นข้างพี่หมี แต่ image ของคุณทาเคชิ ก็โดนใจดิฉันอย่างจังเลย หล่อ ล่ำ ทำเอาใจระทวย  :give2:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 8 (น้องกาลเครื่องร้อน NC – XXX)
เริ่มหัวข้อโดย: Windend ที่ 22-04-2011 15:49:18
ตามที่บอกไปเมื่อตอนที่แล้วนะครับว่าตอนนี้ NC
แต่ไม่แน่ใจเรื่อเลทว่าอยู่แนวไหน ใครรู้บอกที :sad4:
ตอนนี้ของน้องกาล อาจจะตกใจนะ อิอิอิ

=======================================================


        ตอนที่ 8 น้องกาลเครื่องร้อน NC – XXX

        ไคร์น

        ผมพยายามที่จะไม่คิดอะไรนะ แต่การที่เซนเซย์ทำตัวใกล้ชิดสนิทสนมกับน้องกาลของผมแล้วมันรู้สึกตะหงิดๆหัวใจยังไงก็ไม่รู้ ไหนจะเอาแขนคร้องคอ ไหนจะกระซิบใกล้ๆ ไหนจะเมื่อตะกี้อีก หยิกน้องกาล หนอยๆๆๆๆ อย่าคิดว่าเป็นเซนเซย์แล้วจะทำอย่างนั้นกับน้องกาลของผมได้นะ ยังไงนั่นก็เนื้อคู่ผม ผมรีบปิดกระโปรงหลังรถลงแล้วรีบเดินไปหาน้องกาล

        “ปะ...ขึ้นรถกันได้แล้วครับน้องกาล แดดเริ่มแรงแล้วนะครับ” ดูน้องเขายังยืนมองหน้าเซนเซย์นิ่งๆอยู่เลยต้องรีบคว้าแขนน้องเข้าไปนั่งในรถเสียก่อน ของๆผมยังไงผมก็หวงนา

        จริงๆหลังจากที่ผมเจอทาเคชิเซนเซย์ที่ร้านตุ๊กตาโดยที่แอชรอนยัดเยียดให้ ผมก็ยังสงสัยอยู่ว่าเขาเป็นใคร ทำไมแอชรอนต้องให้เขาเข้ามาเป็นที่ปรึกษากับผมทั้งๆเรื่องน้องกาลผมว่าผมจัดกาลได้แน่ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรกับเขา เอาเข้าจริงๆผมพึ่งจะพูดกับเขาเมื่อเช้านี้เอง เขานัดจะมาเจอพวกผมที่ห้อง งงตัวเองจริงๆ ผมเลยมองไปทางเซนเซย์ตอนนั่งในรถกันแล้ว

        ‘เซนเซย์รู้จักกับแอชนานแล้วเหรอครับ’ ผมเลือกคำถามที่น่าจะได้คำตอบที่น่าจะไขข้อข้องใจของผมได้เร็วที่สุดก่อน

        ‘เอาอย่างนี้ดีกว่า หมี ข้าจะตอบคำถามของเจ้าทั้งหมดก็ต่อเมื่อเจ้าง้างปากแอชเรื่องวันสุดท้ายของมนุษย์ให้ได้ก่อนเถอะ แต่ตอนนี้ข้าอารมณ์ดีจะบอกให้ว่า ข้าเคยเป็นเซนเซย์ของแอชมาก่อน’ ทาเคชิส่งยิ้มกวนๆมาให้ นี่ถ้าน้องกาลไม่นั่งหลับตรงกลางผมว่าคงได้มีการทำร้ายร่างกายกันแน่ ผมอาจจะไม่ได้เป็นหมีใจเย็นนัก ยิ่งเกี่ยวกับของของผมแล้วยิ่งไม่ได้ใหญ่ หวงมากมาย ยิ่งมีใครก็ไม่รู้มาเกาะแกะของๆผมแถมยังจะบอกว่าตัวเองมีอายุมากกว่าหนึ่งหมื่นหนึ่งพันปีอีกยิ่งไม่น่าไว้ใจอย่างแน่นอน

        ‘เจ้าจะไม่ไว้ใจยังไงก็เรื่องของเจ้า หมี ข้าเจอของที่เคยเป็นของๆข้าแล้วข้าจะเอาคืนก็เท่านั้น อย่าคิดว่าตราสัญลักษณ์เนื้อคู่จะหมายความว่าเขาเป็นของเจ้าเท่านั้น ดูเอาเอง’ ทาเคชิพูดผ่านเข้ามาในหัวผมก่อนที่จะรู้สึกร้อนที่ฝ่ามือด้านขวาของผม พอผมหงายขึ้นมาดู ตราสัญลักษณ์ได้หายไปแล้ว ผมเลยจับมือของน้องกาลด้านซ้ายขึ้นมาดูก็ไม่เห็นเหมือนกัน ผมตัวสั่นเลย ทำไมมันหายไปหละ น้องเขาเป็นเนื้อคู่ของผมไม่ใช่เหรอ ความสับสนเข้ามาในหัวผมจนมึนไปหมดเลยหันไปทางทาเคชิ

‘พวกนังสารเลวโรคจิตนั่นยังเกิดหลังข้า พวกนางบงการชะตาข้าไปไม่ได้อยู่แล้ว อีกอย่างกาลไม่ได้อยู่ในการคุ้มครองจากเทพวงศ์เดียวกันกับนาย อำนาจของพวกนางจึงแทบจะไม่มีผลอะไรเลย’ เสียงเขายังอธิบายต่อ ผมยังตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ภาพเมื่อวานโผล่เข้ามาในใจผม ทั้งจูบที่หวานล้ำนุ่มนวล ผิวเรียบละเอียดที่ตะกองกอดไว้ทั้งวัน กลิ่นกายที่ผ่อนคลายอารมณ์รุนแรงลงได้ง่าย รอยยิ้มที่สดใส เสียงหัวเราะกังวานอย่างบริสุทธิ์ไม่เสแสร้ง แล้วยังสายตาที่แน่วแน่แสนหลงใหลนั่น มันจะไม่ใช่ของผมอีกแล้ว ผมแทบหมดแรงลงตรงนี้ก่อนจะกุมมือน้องกาลแล้วหายตัวไปยังห้องที่โรงแรมเสียมเรียบโดยไม่สนว่าใครจะเห็นบ้าง ตอนนี้ผมไม่แคร์แล้ว เพราะตอนนี้ผมรู้ใจของผมแล้วว่าผมรักน้องกาลแน่นอน แม้ไม่มีตราสัญลักษณ์หรือรู้จักกันแค่วันเดียวผมก็รักน้องเขา

กาล

        เสียกรนเบาๆดึงให้ผมตื่นขึ้นมา ผมว่าผมพึ่งจะขึ้นรถเพื่อไปปราสาทที่สองแต่เผลอหลับไป แล้วทำไมตื่นขึ้นมาบนเตียงนุ่มๆที่โรงแรมเสียมเรียบได้หละเนี่ย แต่ตระหนักได้ว่ามีอ้อมแขนแข็งแรงหนักๆโอบรอบตัวอย่างปกป้องและยังตระหนักถึงความอบอุ่นที่เบียดกระชับชิดกายผมอยู่

        เจ้าหมีไคร์น

        หมีหนุ่มกอดผมไว้ดุจผมเป็นสมบัติล้ำค่าหาใดเทียบ แบบเดียวกับเขาคนนั้น คนที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารัก คำว่าหึงหวง คำว่าเจ็บ คำว่าผิดหวังและคำว่าลาจาก

        ความอ่อนโยนเอิบอาบไปทั่วตัวและหัวใจผม แม้จะรู้จักกันเพียงเมื่อวานแต่ผมเหมือนใจจดใจจ่อที่จะรอเจอเขามานานแสนนาน ผมแสนคิดถึงความรู้สึกที่ได้ตื่นขึ้นมาในลักษณะนี้เหลือเกิน ได้รู้สึกถึงเขาที่ชิดข้างกายอยู่ตลอด เหมือนหมีเท็ดดี้ ผมหัวเราะเงียบๆกับความคิดนั้น ไคร์นไม่มีอะไรที่ดูฟูนุ่มเหมือนตุ๊กตาหมีเลย

         แม้ตอนที่เป็นหมีจริงๆก็เถอะ

         ผมได้ประจักแล้วว่าเขาแข็งแกร่งด้วยมัดกล้ามและตัวใหญ่มหึมาจริงๆ เขากอดผมจนมิดเลย

         ผมอยู่คนเดียวมานานแล้วต้องเจ็บปวดและกล้ำกลืนน้ำตามานานไม่เคยมีสิ่งใดมาบรรเทาความเหงาลงได้ ต้องแสร้งทำตัวร่าเริงไว้จะได้ไม่มีใครมาถามให้รำคาญ จนกระทั่งตอนนี้ ไคร์นเขาได้ปลดปล่อยความเจ็บปวดที่ผมรู้สึกลึกๆโดยตลอดออกไป ด้วยวิธีไหนก็ตาม

         ช่างไม่ถูกต้องเอาซะเลยจริงๆ ผมเป็นคน ไคร์นเป็นหมี...เอาจริงๆก็คนแปลงเป็นหมีพร้อมมีพลังเวทย์มนต์อันเหลือเชื่อ ไม่น่าจะไปด้วยกันได้

         ทว่าผมกลับไม่รู้สึกแบบนั้น และเมื่อมีลมหายใจเป่ารดผิวกายและวงแขนของเขาโอบกอดอยู่ ผมต้องการเขา อยากจะเอิบอาบอยู่ในความอบอุ่นที่เขามอบให้ สูดกลิ่นอายของเขาจะมึนเมาไปเลย

         ผมเลื่อนตัวขึ้นไปจูบไคร์นอย่างอ่อนโยน แป๊บเดียวก็กลายเป็นจูบอันร้อนระอุ ไฟในกายผมลุกโพลงยิ่งขึ้นเมื่อไคร์นเบียดกระชับร่างเราทั้งสองให้แน่นขึ้น มือของเขาเริ่มเลื่อนต่ำลงไปในกางเกงของผมเกาะกุมสะโพกไว้แล้วบีบคลึงไปมาจนผมสะท้าน อกของเราบดเบียดกระชับแนบแน่น

         ผมขบเย้าริมฝีปากเขาก่อนที่จะยันกายออกจากอ้อมกอดเพื่อทอดสายตามองเขาอย่างเต็มๆตา เขาใส่แต่เสื้อยืดสีขาวพิมพ์ลายตัวเดิมแต่ถอดกางเกงจนเหลือแต่กางเกงในตัวจิ๋วที่ดูจะเก็บกักบางอย่างไว้ไม่มิด

         “นี่แหละ วิธีปลุกผมให้ตื่นหละครับ” ไคร์นพูดพร้อมส่งสายตาวิบวับดูเจ้าเล่ห์

         ผมส่ายหน้า

         “ไม่...นี่ต่างหากที่จะปลุกไคร์นให้ตื่น” ก่อนที่ไคร์นจะถามอะไร ผมก็เลื่อนตัวลงไปตามร่างกายเขาแล้วลงไปครอบครองความใหญ่โตนั้นด้วยปาก เขาเหมือนหมีนั่นแหละแม้จะหลับก็ยังใหญ่โตแล้วตอนตื่นนี้จะขนาดไหน ผมคิดว่าเขาจะต้องชอบแน่ๆถ้าได้ตื่นขึ้นมาอารมณ์ดีทุกเช้า

         เขาซอนมือเข้ามาที่เรือนผมประคองให้ได้จังหวะที่เขาต้องการ เขาอ้าขาจัดแจงท่าทางให้สบายในการทำกิจกรรมครั้งนี้ ผมใช้ริมฝีปากกำหลาบหมียักษ์นี้อย่างกระหายหิว ก่อนที่จะมึนเมาไปกว่านี้ผมผละจากความแข็งปั๋งนั้นมองสีหน้าตัดพ้อเสียดายอย่างที่สุดของเขา

        “มีอะไรผิดพลาดเหรอครับ น้องกาล” ไคร์นตาปรือเล็กน้อยหอบหายใจหนักๆอยากสับสน

        “ผมไม่ชอบกินทั้งเปลือกหนะ” ผมคลานไปบนตัวไคร์นอย่างช้าๆแล้วจับคอเสื้อของเขาฉีกกระชากเป็นแนวยาวลงมา จากนั้นเหวี่ยงมันทิ้งไป

         สายตาผมโลมเลียไล้ไปมาตั้งแต่ดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่มีประกายสดใสขี้เล่น แนวคิ้วเข้มตรงสีน้ำตาลทอง จมูกโด่งเป็นสัน ปากสีชมพูรับกับแนวกรามอันสมชาย ผมชอบไรเคราสากๆของเขานะ มันดูดิบเถื่อนไม่เจ้าสำอางดี แนวคอล่ำกับแผงอกกว้างอุดมด้วยกล้ามเนื้อที่สมบูรณ์เท่าที่ชายชาตรีจะพึงมี ผมไล้สายตาลงมาเรื่อยๆตามแนวกล้ามท้องที่ผมดูยังไงก็นับได้หกลูกโดยหาไขมันส่วนเกินไม่ได้เลย เอวหนาสอบเข้าจนผมจินตนาการว่าถ้ามองจากด้านหลังที่เปล่าเปลือยของเขาคงตัดเป็นแนวรูปตัววีอย่างแน่นอน ผมกำลังมองไล้ต่ำลงไปจากแนวสะดือไคร์นก็จับหน้าผมขึ้นไปมองตาของเขาอีกรอบ

          “สายตาทะลึ่งแบบนี้ ผมยอมเป็นไอศกรีมราดเมเปิ้ลไซรัป เชิญเลียและลิ้มลองได้ตามสบายเลยนะ กาล” เสียงเขาแตกพร่ามองตาผมจนหวานล้ำ

         “งั้นของเป็นไอศกรีมกล้วยและเชอร์รี่ราดคาราเมลด้วยนะ” ผมทำเป็นแลบลิ้นเลียตามแนวริมฝีปากของตัวเองเล่น

         “ผมยอมทุกอย่างเลยครับ ที่รัก”

================================================

เดี๋ยวมาต่อนะครับ
อย่าพึ่งอารมณ์ค้างกันเน้อ เหอๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 8 (น้องกาลเครื่องร้อน NC – XXX)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 22-04-2011 17:32:31
แงแง ค้างอะ
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 8 (น้องกาลเครื่องร้อน NC – XXX)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 22-04-2011 18:06:18
ว้าย หื่น จัง

หญิงรับไม่ได้ หญิงรับไม่ได้

/ m e ใช้มือบังตา เเล้วแอบอ่านตรงช่องนิ้ว
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 9 (หมีคะนองเตียง NC – XXXต่อเนื่อง)
เริ่มหัวข้อโดย: Windend ที่ 22-04-2011 20:13:15
มาแล้วครับ เหอๆๆๆ

ขอโทษนะครับที่ทำให้ค้าง ไปล้างบ่อปลามาหนะ

มาต่อกันดีกว่ากะตอนที่ 9

========================================================

        ตอนที่ 9 หมีคะนองเตียง (NC – XXX ต่อเนื่อง)

        ไคร์น

        ผมยอมทุกอย่างแล้วจริงๆ ผมคงไม่มีทางร้อนรุ่มยิ่งกว่านี้อีกแล้ว ต่อให้น้องเขาจุดไฟบนตัวผมแล้วเอาสเต็กมาย่างไปด้วย น้องกาลไล้มือทั้งสองไปทั่วร่างกายผมขณะที่ยังเลียลิ้มและดูดดื่มผิวของผมจนผมเริ่มตาพล่าด้วยความเสียวซ่าน

        ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่มีความปรารถนาอย่างโจ่งแจ้งและร้อนแรงเท่าน้องกาลอีกแล้ว กับผู้ชายผมก็ไม่รู้นะเพระไม่เคย

        สรุปผมชอบมากเลย

        น้องกาลค่อยๆไล้แนวฟันไปตามแนวลำคอ ผมเพลิดเพลินไปตามสัมผัส ดูท่าน้องกาลอยากกลืนกินผมให้หมดทั้งตัวแน่

        ผมเสกให้เสื้อผ้าของเราทั้งคู่หายไปจากนั้นจึงยกร่างน้องเขาขึ้นแล้วหยอกเอินกับยอดอกสีชมพูสวยเม็ดเล็กๆนั้นจนชุ่มฉ่ำ

        น้องกาลรั้งหน้าผมขึ้นมาขบเม้มปลายคางแล้วเลยขึ้นมาที่ริมฝีปากล่างก่อนจะขบกัดเล็กน้อยและดูดดุนเล่นพร้อมกับมือทั้งสองข้างก็ลูบไปตาต้นคอ บ่า และแผ่นหลังของผม

        อา...ผมรักสัมผัสแบบนี้จัง

        “ผมว่าการหาผู้ชายดีๆซักคนมามีเซ็กกันมันได้ได้ยากเท่าไหร่ แต่การที่จะหาเนื้อคู่มาสานฝันและสัมผัสกันด้วยกว่ารัก เสน่หา ความใคร่ที่แสนรัญจวนใจนี้ยากมากๆ แต่ผมก็ได้มาแล้วใช่ไหม ไคร์น” น้องกาลมองเข้ามาในดวงตาผม น้ำตาที่กำลังปรือขึ้นมาทำให้ผมต้องเข้าไปจูบซับไว้ ในใจน้องเขาน่าจะมีแผลสาหัสอะไรแน่เลยถึงได้พูดมาอย่างนี้ ผมยังไม่บอกเรื่องตราสัญลักษณ์ดีกว่า แต่ถึงยังไง ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีมัน ผมก็จะไม่ปล่อยคนตรงหน้าผมไปไหนเป็นอันขาด

        ไม่มีวันเสียหละ

        น้องกาลเริ่มจูบผมอีกจากนุ่มนวลก็เริ่มร้อนแรง เรียกร้องและโหยหา น้องกาลเอามือทั้งสองลงไปกอบกุมความเป็นชายอย่างแผ่วเบาแล้วบีบเค้นมันจนผมต้องส่งเรื่องฟ้องศาลแน่ข้อหาทำให้ผมตาพร่าเห็นดาวนับร้อยด้วยความเสียวซ่านกระสันยิ่ง

        ผมรู้สึกถึงพลังที่ฉีดซ่านขึ้นทั่วกาย โอ้...โอลิมปัส ใช่เลย นั่นแหละหวานนัก ผมต้องเป็นฝ่ายชักนำลิ้นไปชอนไชในปากนุ่มเพื่อคุมเกมส์รักในครั้งนี้เสียแล้ว น้องกาลจะได้รู้ว่าผมก็รักเขามากแค่ไหน

        ผมครอบครองกลีบปากงามพลางกดสะโพกน้องเขาให้บดเบียนกับแกนกายของผมยิ่งขึ้น น้องกาลทำตาระยิบระยับอย่างหิวโหยแกมพึงใจ

        “การมีคู่รักเป็นหมีอาร์คาเดียนนี่มีข้อดีใช่ไหมครับ ไคร์น”

        “กาลยังไม่รู้หรอกจนกว่าจะได้ลองทั้งหมดเสียก่อนนะ และจะไม่มีวันอิ่มเอมรักจนกว่าจะได้ลองรักกับหมีสักตัว โดยเฉพาะตัวนี้”

        “ไคร์น...นี่ใหญ่บิ๊กเบิ้มเหมือนหมีเลย” ผมต้องหัวเราะออกมากกับคำหยอกเย้าที่แสนหวานนั่น ผมชอบนะที่มีใครๆบอกว่าผมหนะ...ใหญ่ ดูโรคจิตยังไงไม่รู้ เหอๆๆๆ

         น้องกาลเลื่อนสายตาที่เริ่มหิวกระหายทั่วร่างกายผมอีกครั้งแล้วหัวเราะก่อนที่จะเป็นเสียงครางออกมาผมใช่ฝ่ามือไปทาบทับและกุมแท่งอ่อนไหวของน้องเขาเล่น ลูบไล้ขึ้นลงไปมาอย่างช้าๆแต่หนักหน่วง ดูท่าน้องกาลจะชอบมากผมจึงยกตัวน้องเขาขึ้นแล้วครอบครองด้วยปากแทน

         น้องกาลเอามือข้างหนึ่งยันผนังหัวเตียงเพื่อพยุงตัวไว้ เมื่อเรือนร่างพริ้วไหวและแอ่นเหยียดตอบสนองสัมผัสอันเชียวชาญของผม ก่อนที่น้องกาลจะสูดหายใจเฮือกต่อไป ร่างกายสั่นไหวระริกเกร็งก่อนที่จะระเบิดพร่างทะยานสู่ความสุขสมอย่างเข้มข้นที่สุดครั้งแรก
แต่ผมก็ยังมอบความหฤหรรษ์จนกระทั่งรีดเค้นความเสียวซ่านจากร่างกายน้องเขาได้อีกละลอก

         น้องเขาเอามือมายันหน้าผมออกไปทั้งๆที่ผมกำลังปรนเปรอรักให้อีกไม่ยอมหยุด น้องเขาหวาน หอม และมันส์ไปทั้งตัวจริงๆ รสชาติมันชั่งล้ำลึกมากเสียจนผมว่า ผมเสพติดน้องเขาแล้วจริงๆ

         เมื่อผมไม่สามารถทนต่อความปรารถนาที่จะครอบครองน้องเขาไว้ได้ผมจึงรั้งสะโพกน้องเขาให้หันหลังแล้วผมจึงคร่อมทับซ้อนลงไป น้องเขาหันหน้ามาจูบผมก่อนจะขยับสะโพกเบียนขึ้นมาหาผม อา...มันชั่งกลมกลึงเนียนนุ่มแต่แน่นเด้งดีเหลือเกิน

         ผมสูดกลิ่นซอกคอและแผ่นหลังน้องเขา ใช้ไรเคราที่พึ่งขึ้นถูเบาๆไปมาจนน้องเขาครางกระเซ้า

         ไม่รู้ว่าน้องเขาพร้อมที่จะรับของผมหรือยังผมเลยเลื่อนตัวลงต่ำไปยังช่องทางสีชมพูนั่นจากนั้นจึงลองลิ้มเลียไปรอบๆก่อนจะค่อยๆใช่ลิ้นซอกซอนลงไปในช่อง ฉกชิมเลมไล้อย่างอร่อยล้ำ เสียงน้องกาลกระซิบครางออกมาอย่างอยากจะต้านทานความเสียวซ่านที่ผมปรนเปรอให้

          ผมว่าน้องน่าจะพร้อมแล้วนะเพราะช่องทางขยายไม่เกรงและชุ่มฉ่ำ สัตว์ร้ายในร่างผมแผดเสียงก้องอย่างมีชัยก่อนที่จะพิชิตสิ่งที่อยู่ตรงหน้า น้องกาลเขาสามารถปลุกความดิบเถื่อนภายในตัวผมได้ยังไงก็ไม่รู้ มันชั่งโหยหา กู่ร้องเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของโดยเร็วจนผมยังสะท้านกาย

          “ไม่ต้องกลัวนะ ผมจะนุ่มนวลที่สุด” ผมกระซิบข้างหูน้องกาลแต่จริงๆแล้วเหมือนผมพูดเตือนตัวเองมากกว่า เพราะกระดูกของมนุษย์เปราะบางกว่า ผิวก็ช้ำง่ายกว่ามากถ้ารุนแรงเกินไป

          ผมห่อปลายลิ้นสอดเย้ายวนเข้าไปในช่องรูหูของน้องกาลจังหวะเดียวกับที่ผมพุ่งโผนความกำยำใหญ่โตเขาไปในช่องทางด้านหลังนั้น น้องกาลร้องออกมาเมื่อผมเติมเต็มเข้าไปในร่างของน้องเขา

          ผมควบขับจากช้าๆอ่อยอิ่งจนทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางจึงเร่งจังหวะให้หนักหน่วง ผมต้องครางลึกอีกครั้งเมื่อได้ดื่มด่ำกับเรือนร่างของน้องเขาอย่างเมามัน ดูน้องเขาก็สุขสมไปกับผมด้วย เราขยับได้สอดประสานกันไม่ว่าจะช้าหรือเร่งให้เร็วขึ้นเป็นจังหวะที่เร่าร้อนจนเสียงเตียงดังขึ้นเอี๊ยดอ๊าดแข่งกับเสียงครางแสนหวานอย่างสุขสมยิ่ง

         ผมรู้สึกถึงพลังอำนาจที่ทวีความแข็งแกร่งขึ้นเมื่อผมจูบลงไปยังแก้มนวลนั่น พร้อมขยับมือที่กุมแกนน้องกาลไว้ให้เร็วขึ้น พร้อมๆกับขยับสะโพกชิดความกำยำของผมมากยิ่งขึ้น

         “อื้อมม...ไคร์น...ไคร์น...” น้องกาลกระซิบคราง หันเอาแก้มนิ่มมาแนบแก้มผม

         ผมรู้สึกแกนกายของผมกำลังขยายเพิ่มขึ้น ความเป็นหมีแผดเสียงกู่ร้องอย่างแสนอภิรมย์ มันกู่ร้องกึกก้องเมื่อช่องทางอันฉ่ำร้อนของน้องเขาบีบรัดกระชับรอบแกนกายของเขา ความสุขสมยิ่งกระตุ้นให้พลังวิเศษของผมทะยานแกร่งกล้าขึ้นไปอีก ผมยิ่งบุกทะยานอย่างหนักหน่วง ยิ่งใกล้ปลายทางความแกร่งร้อนของผมยิ่งขยายใหญ่ขึ้นอีก ผมต้องใช้พลังบางส่วนลดความเจ็บปวดของน้องกาลลงเพื่อให้น้องเขาสุขสมอย่างถึงที่สุด จนกระทั้งน้องกาลระเบิดพรั่งพรูออกมา ช่องทางที่โอบอุ้มความกำยำของผมยิ่งบีบรัดอย่างแรงจนผมสะท้านถึงปลายเท้าจนต้องระเบิดความสำราญออกมาอย่างมากมาย ไฟฟ้าสถิตรอบๆตัวกระตุกยิงอนุภาคสะท้อนกันไปมาในอากาศ ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นได้ ผมต้องรอซักพักจนกว่าการหลั่งของผมจะหยุดลงมันนานอยู่ถึงห้านาทีเลย

         น้องกาลหอบหายใจระรวยอยู่ใต้ร่างผม น้องหันหน้ามาจุมพิตที่แก้มผม อา...ชั่งเต็มตื่นเสียจริง

         “หมดแรงหรือยังครับ คนเก่ง” ผมจูบขมับน้องไปอีกทีให้รางวัลกับความแข็งแรงของน้องที่ยังมีสติรับผมได้อยู่

         “หมดแรง ก็น่าจะทั้งคู่มากกว่ามั้ง” น้องกาลหอบหายใจแรงๆก่อนจะจองมาที่นัยตาผมด้วยรอยยิ้ม

         “พูดอย่างกับว่าผมจะอ่อนปวกเปียกแบบมนุษย์หรือไงครับ”

        “มันก็น่าจะเป็นยังงั้นไม่ใช่เหรอ ปกติก็ต้องมีพักกันมั่งแหละน่า ซักยี่สิ...” น้องกาลยังพูดไม่ทันจบ ผมเลยต้องแสดงถึงศักยภาพของชาวอาร์เคเดียนให้น้องเขารู้หน่อยหละ

         “เอ๋...นี่ยังไม่พออีกเหรอไง กระดกได้อีกเนี่ย แล้วทำไมยังคาเอาไว้อีกหละ”

        “เผ่าของผมยิ่งมีเซ็กซ์พลังอำนาจจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น แถมบางอย่างยิ่งแข็งเป๊กเลยหละ”

        “ทะลึ่งแล้ว...นี่ก็หมายความว่า ผมสามารถเล่นกับไคร์นได้ตลอดคืนเลยเหรอ”

        “ถูกที่สุดเลยที่รัก...ทั้งคืนถ้ากาลไหวนะครับ” น้องกาลหันหน้ามาหาผมอย่างปลาบปลื้ม ผมเดาไม่ออกว่าทำไมน้องเขาถึงมีความคิดแบบนั้นได้

        “ไคร์น คุณช่วยเติมเต็มสิ่งที่ผมขาดหายไปได้จริงๆใช่ไหม” น้องเขาน้ำตาไหลออกมาแบบปัจจุบันทันด่วนเลย อะไรอีกหละเนี่ย ผมต้องจูบซับไปเรื่อยๆ ผมไม่อยากเห็นน้องเขาร้องไห้เลย

        “เป็นอะไรครับคนเก่ง...คิดอะไรอยู่หละฮื๊อ...บอกได้ไหมครับ”

        “...บอกได้หรอก...แต่ยังไม่อยากบอก...ตอนนี้หนะ...รอก่อนนะครับ ไคร์น” น้องกาลเอาหน้าซบอกผมแต่น้ำตายังไหลอยู่ ผมก็คงได้แต่โอบกอดน้องเขาไว้อย่างนี้จนน้องเขาหลับไป

        ผมจัดท่าทางให้น้องได้นอนอย่างสบายก่อนที่จะเข้าห้องน้ำ อาบน้ำซักนิ๊ดก็ดี ก่อนที่จะเข้าห้องน้ำก็เกิดแสงจ้าขึ้นด้านหลังผม พอหันกลับไปไปก็สบตากับเขา

        “เซนเซย์...!!!”

=====================================================

โปรดติดตามตอนต่อไปนะครับ

ติชมได้นะครับ ชอบไม่ชอบก็บอกนา

อีกไม่กี่ตอนก็จะจบแล้วครับ

ขอบคุณทุกท่านนะครับที่คลิกเข้ามาอ่าน ยิ่งคนมาเมนนี้ Love มากมายเลยอะ :impress2:

หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 9 (หมีคะนองเตียง NC – XXXต่อเนื่อง)
เริ่มหัวข้อโดย: jenzda ที่ 22-04-2011 20:38:56
กรี๊ดดดด NC ที่รอคอย  :m25:

เป็นฉากอัศจรรย์ ที่อัศจรรย์สมชื่อ จริงๆ  :z1:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 9 (หมีคะนองเตียง NC – XXXต่อเนื่อง)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 22-04-2011 21:08:23
จาเกิดรัยขึ้นมั้ยอะ
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 9 (หมีคะนองเตียง NC – XXXต่อเนื่อง)
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 22-04-2011 21:57:07
"น้องกาลเครื่องร้อน" ปะทะ "พี่หมีคะนองเตียง"
เอ่อ..ไม่ทราบว่า "ฉายควบ" อยู่วิกไหน โรงอะไรค่ะเนี่ย? ตั้งชื่อได้สยิวกิ้วมาก ๆ  :fox2:

งานนี้คงไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องรักกันภายใน 3 อาทิตย์แล้วล่ะมั้ง?
surprise นิด ๆ ที่น้องกาลเริ่มก่อน ( ประมาณว่า พี่หมีไม่ต้อง น้องกาลจัดให้ )
แถมยังดีอกดีใจกับการที่พี่หมีรับประกันคุณภาพ เล่นได้ต่อเนื่อง แรงดี ไม่มีตก
โอ้...มันช่างน่าสงสัยยิ่งนัก ว่าจะเอาไปทำอะไรทั้งคืน ???
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 9 (พี่หมีคะนองเตียง NC – XXXต่อเนื่อง)
เริ่มหัวข้อโดย: l2ozen ที่ 23-04-2011 09:49:05
หื่นทั้งคู่เลย :jul1:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 9 (พี่หมีคะนองเตียง NC – XXXต่อเนื่อง)
เริ่มหัวข้อโดย: butterfly_bee ที่ 23-04-2011 14:31:51
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ
น้องกาลกับพี่หมีนี่สุดยอดเจรงๆ  :m25:
พี่หมีปลดปล่อยยาวนานถึง5นาทีเลยหรอ  :a5:  :-[
อร้ากกก มันจะอะไรขนาดนั้นค๊าา
พี่หมีก๊อกรั่วอ๊ะป่าวเนี่ย หุหุ
ทาเคชินี่มีอดีตอะไรกับน้องกาลรึเปล่า
แลดูมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 9 (พี่หมีคะนองเตียง NC – XXXต่อเนื่อง)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 23-04-2011 22:46:02
เอ พล๊อตเอามาจากนิยายแปลใช่ปะเนี่ย คุ้นๆนะตัวละคร
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 10 (ปราสาทอธิฐาน)
เริ่มหัวข้อโดย: Windend ที่ 24-04-2011 01:18:00
อย่างที่ผมบอกตั้งแต่ต้นนะครับ อันนี้เป็น Fic จากนิยายแนว Paranormal ที่ขายดีในอเมริกาครับ

ใครที่เคยอ่านจะรู้ดีครับ ผมเอามารวมกับประสบการณ์แล้วรสนิยมส่วนตัวเลยออกมาเป็นแบบนี้ :o8:

ถ้าใครชอบก็ขอบอกนะครับว่า ยังมีอีกหลายคู่ให้บิ้วอารมณ์กันต่อ :impress2:

แต่ถ้าใครหลงมาอ่านแล้วยี้ ก็ขออภัยด้วยนะครับ

มาต่อกันดีกว่าใกล้จะจบแล้วครับ

=================================================================

          ตอนที่ 10 ปราสาทอธิฐาน

          ไคร์น

          “เซนเซย์...!!!” ตกใจซิครับ อยู่ๆคนที่ผมไม่อยากเจอดันโผล่มาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเลย ถึงจะชินกับพรรคพวกที่เป็นแบบนี้แล้วแต่ส่วนใหญ่จะเกิดแรงสั่นสะเทือนในอากาศก่อน แต่นี่มาอย่างกับเทพเจ้าเลย สายตาของเซนเซย์มองมาที่ผมอย่างเดือดดาดมากๆ ถ้าสายตาฆ่าคนได้นี่ผมคงกลายเป็นสเต็กหมีไปแล้ว

          แบบไหม้เกรียมพิเศษด้วย :o7:

          “ก็เออซิวะ...พวกเจ้ารีบย้ายก้นปุกปุยออกจากห้องแล้วกลับเข้าไปในรถเดี๋ยวนี้เลย...” น้ำเสียงกดต่ำเหมือนสะกดอารมณ์เดือดไว้ทำเอาผมขนลุกเลย จริงๆผมไม่ค่อยจะกลัวอะไรง่ายๆแบบนี้นะครับ แต่คนนี้ผมว่าผมกวนไม่ออกหนะ ถ้ายังรักชีวิตที่เหลืออยู่หละนะ
“เออ...คือเราออกมากันตั้งสี่ชั่งโมงแล้ว...แล้วจะกลับเข้าไปในนั้นได้ยังไงหละครับ” ผมสงสัยนะ ไม่ได้กวน พี่แกยังมองแบบเดิมมาที่ผมก่อนจะปลายตาไปที่เตียงที่น้องกาลนอนหลับอยู่ก่อนจะมีสีหน้าปกติลง สงสัยเมื่อกี้องค์ประทับ

          “ข้าให้เวลาพวกเจ้าหนึ่งชั่วโมง กระโดดไปจุดเดิมตอนแรกก็แล้วกัน” เฮ้อ...พี่ท่านยังไม่ตอบคำถามตรงๆเสียที เป็นนิสัยที่แก้ไม่หายหรือเปล่าเนี่ย

          “เซนเซย์เดี๋ยวก่อน...” ก่อนที่ผมจะขอคำอธิบายเขาก็หายแว๊บไปเรียบร้อยแล้ว ผมเลยต้องหันกลับเข้าห้องน้ำรีบอาบน้ำพอเสร็จก็เนรมิตเสื้อผ้ามาใส่ จากนั้นเดินไปปลุกน้องกาลก่อน

          “ห้าววววว...อะไรเหรอครับ...ไคร์น” น้องกาลบิดขี้เกียจดูน่าจะยังเมาขี้ตาอยู่ น่ารักมาก

          “กาล เราต้องรีบกันแล้วหละครับ เราต้องกลับเข้าไปในรถกันแล้วหละครับ” ผมรีบเสกเสื้อผ้าของน้องเขาให้กลับไปเป็นเหมือนเมื่อตอนเช้าพร้อมทำให้เนื้อตัวน้องเขาสะอาดภายในครั้งเดียวกัน จากนั้นก็พาน้องกาลกระโดดมาอยู่ในรถเป็นที่เรียบร้อยแต่พอมองไปรอบๆตัวก็ตกใจ

          “นี่...นี่มันอะไรกันเนี่ย...เซนเซย์หยุดเวลาได้ด้วยเหรอเนี่ย” ทุกอย่างยังเหมือนเดิมก่อนที่ผมจะกระโดดเอาน้องการไปไว้ที่โรงแรมเมื่อกี้อีก เหมือนกับว่าผมและน้องกาลยังนั่งกันอยู่ที่เดิมเลย วิวภายนอกก็พึ่งจะออกมาจากปราสาทบันทายศรีเอง ผมหันไปมองเซนเซย์อีกครั้ง

          “บ้าไปแล้วเหรอไง...ใครจะไปอยากมีเรื่องกับ เดอะ โฟลว์ วะ” ทาเคชิกระซิบแบบดุๆมาทางผม แต่ยังไงก็งงอยู่ดีหละ

          “แล้วทำไมเรายังอยู่ที่เดิมได้หละ”

          “มีวิธีที่ง่ายกว่าหยุดเวลาตั้งเยอะ...แค่ทำให้เฉพาะห้องที่นายพักเมื่อกี้เวลาเดินเร็วขึ้นล้านเท่า สิ่งที่พวกนายทำเลยใช้เวลาไม่ถึงสิบนาโนวินาทีเอง เหอๆๆๆ เร็วเน้อะ” ทาเคชิส่งสายตากวนๆมาทางผม มองหน้าตักแล้วก็มองหน้ามองอย่างนี้อยู่สามรอบ โห...มีเคืองนะเนี่ย

          “ทาเคชิ คุณเป็นใครกันเนี่ย” น้องกาลถามได้โดนใจผมมากมายครับ

          “เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยบอก ตอนนี้ต้องไปที่สำคัญก่อน”

          “ที่ไหนเหรอครับ”

          “ปราสาทตาธมหรือปราสาทอธิฐาน”

          พวกเราตอนนี้มารวมกลุ่มกับพวกพี่ประวัติเหมือนเดิม เดินกันไปเรื่อยๆ ทางเข้ามีต้นไม้ใหญ่สูงมากจนปิดแสงแดดเลย มีบางช่วงแสงรอดมาได้ดูสวยมาก พวกเราสามคนเดินรั้งท้ายกลุ่มมาไกลเหมือนกัน แล้วก็ไม่ค่อยจะมีคนด้วย จู่ๆเซนเซย์ก็เรียกให้น้องกาลหยุดยืนอยู่กับที่แล้วให้พนมมือไว้ แปปเดียวแสงแดดก็ส่องลงมาทั้งที่ต้นไม้ปิดไว้หมด เพียงแปปเดียวก็หายไป เป็นอะไรที่แปลกมาก

          “เซนเซย์ให้กาลทำอะไรเหรอครับ”

          “ขอพร ตรงที่จุดที่น้องกาลยืนเมื่อกี้เป็นช่องประตูสวรรค์ มีทวารบาลคอยคุมอยู่ ข้าเลยขอทวารบาลให้น้องกาลผ่านเข้าไปได้ทั้งสองภพเพื่อขอพรโดยตรงกับเทพที่น้องเขาสังกัดอยู่”

          “แล้วกาลอยู่สังกัดใครหละครับ”

          “เฮ้ยๆๆ...ไอ้หมี พูดให้มันดีๆหน่อย ตอนนี้แกไม่ได้อยู่ในเขตของเทพโอลิมปัสนะเว้ย ระวังปากหน่อย เทพวงศ์นี้เน้นเรื่องที่ต่ำที่สูงนะ ควรไม่ควร เดี๋ยวจะซวยกันหมด”

          “แล้วจะให้ผมพูดยังไงหละครับ”

          “อืมมม...หมียังไงก็ยังเป็นหมีอยู่ดี ข้าขี้เกียจอธิบาย น้องกาลตอนนี้อยู่ในการคุ้มครองของเทพสายภารตะ สังกัดอยู่กับอัปสราฝ่ายพระแม่ลักษมี”

          “แล้วมันเป็นยังไงหละครับ”

          “ก็ผู้ใดสังกัดหรือที่ใครๆเขาเรียกว่ามีดวงอัปสรา  จะมีคนมารักมาหลงเยอะแต่จะไม่มีทางสมหวังด้านคู่ครองหนะซิ”

          “เอาหละซิ ชิหายของจริงหละทีนี้”

          “แน่นอนที่สุด ข้าถึงต้องหาทางให้น้องเขาหลุดจากชะตากรรมอันนี้ยังไงหละวะ”

          “ไคร์น ทาเคชิ มัวคุยอะไรกันอยู่ครับ เราจะเข้าตัวปราสาทกันแล้วนะครับ” น้องกาลตะโกนเรียกซะแล้ว เราเลยต้องรีบเดินไปหาแต่ดูท่าผมจะช้าไป เจ้าเซนเซย์นั่นไปถึงน้องกาลก่อนแถมยังโอบคอน้องเดินเข้าไปก่อนผมเสียอีกแหนะ หนอยๆๆๆ เซนเซย์นะเซนเซย์ เดี๋ยวจะหือให้ดูเชียว

          “มัวยื่นบื้ออะไร ไอ้ปุกปุย ตามมาเร็วๆซิวะ”

          “คร้าบบบบ” :o7:

=================================================

          กาล

          ทาเคชิเดินโอบคอผมอยู่ ไม่รู้หมีใหญ่ของผมจะหึงไหมนะ พอหันไปดูก็เจอกับสายตาที่เขามองทาเคชิแบบจะกินเลือดกินเนื้อเสียให้ได้ แล้วเขาก็หันมาสบตาที่ผมอย่างตัดพ้อและน้อยใจ ผมรู้สึกเสียดในอกอย่างแรง ผมยอมรับนะครับว่าผมชอบไคร์นมาก เขาเหมือนฝันที่ผมโหยหามานาน

          เอาจริงก็เกินฝันไปเยอะเหมือนกัน ยังเจ็บๆก้นอยู่เลย
พอเดินผ่านโคปุระเข้ามาทางตัวปราสาทผมก็ตะลึงกับรากต้นไม้ขนาดใหญ่ที่พาดเกี่ยวไปมาตามกำแพงและตัวปราสาทแห่งนี้ มันใหญ่โตและน่าพิศวงมากเลยครับ เหมือนงูตัวมหึมากำลังนอนพาดลำตัวไปมาตามกำแพงยังไงยังงั้นเลย แต่ภาพนี้ทำไมคุ้นตาจัง

          “รากต้นไทรทำไมมันใหญ่โตอย่างนี้เนี่ย”

          “ไม่ใช่รากต้นไทรหรอกครับ นี่รากต้นสมพงนะ เดี๋ยวเราเดินไปตรงจุดที่เขาเคยถ่ายทำเรื่อง Tomb Raider กันนะ”อ๋อ...เหมือนในเรื่องที่ยัยเจ๊เจ่อเล่นนี่เอง มิน่าถึงคุ้นๆ แหมต้องขอบคุณทาเคชิ ทำหน้าที่เป็นไกด์ส่วนตัวให้จริงๆ เราเจอมุมที่เขาถ่ายกันอยู่ผมเลยยื่นกล้องถ่ายรูปไปให้พี่ประวัติเป็นตากล้องถ่ายรูปให้ที ผมอยากถ่ายรูปเดี่ยวหนะแต่ไคร์นไม่ยอมจะยื่นถ่ายคู่กับผมให้ได้แถมยังเอามือมากอดคอ โอบไหล่ โอบเอวเปลี่ยนท่าถ่ายไปเรื่อยๆอีก แหมๆๆ ม่ใช่ถ่ายแบบนะเฟ้ย

          “นี่ ยืนถ่ายแบบปกติชนได้ไหมเนี่ย ไคร์น”

          “ต้องซ้อมไว้ไงครับ กาล”

          “ซ้อม???...ซ้อมอะไร” ไคร์นโอบเอวผมจากด้านหลังแล้วกระซิบข้างๆหู

          “ซ้อมถ่ายรูปแต่งงานไงครับ กาล” อึ๋ย...อย่าทำแบบนี้ได้ไหมเนี่ย สยิว

          “เลิกเล่นได้แล้ว รีบตามมาทางนี้เร็ว” เสียงทาเคชิเรียกผมกับไคร์นออกมาจากกลุ่ม ผมมองกลับไปดูนี่สงสัยจะต้องติดอยู่ตรงนี้อีกนานแน่ไม่ได้ไปไหนหรอก เพราะพวกลุงๆป้าๆยังถ่ายรูปกันอยู่เลย

           ผมเดินตามทาเคชิไปอีกซักพักเราก็เข้ามาอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมทรงสูง มีรูตรงกลางเพดานห้อง ขนาดไม่ใหญ่เท่าไหร่เข้ามากันได้สามคนกำลังดี

          “น้องกาลยืนตรงด้านนี้นะครับ อธิฐานดีๆหละแล้วทุบอกตรงนี้นะ” ทาเคชิชี้ตำแหน่งที่หน้าอกด้านซ้ายของผม ผมจำไว้แล้วไปยื่นตามที่เขาบอก พออธิฐานเสร็จผมก็ทุบอกตรงที่บอกเบาๆ ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังอย่างกับระฆังก้องภายในห้อง โห...แปลกมากเลย

          “คำอธิฐานของน้องกาลท่านรับแล้วนะครับ ยินดีด้วยนะครับ” ทาเคชิยิ้มมาให้ผมอย่างอ่อนโยน ผมรู้สึกว่าตั้งแต่เจอเขามาตั้งแต่เช้า เขาทำอะไรต่ออะไรให้อย่างจริงใจจริงๆ ไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจอะไรเลย เออ...ยกเว้นเรื่องที่คอบกอดคอโอบบ่าผมนะ

          “ตุบ...ตุบ...เฮ้...เซนเซย์ ทำไมผมไม่ดังเหมื่อนของกาลหละครับ” ไคร์นร้องถามทาเคชิ แล้วทำไมไปยืนทำแบบผมหละ

          “ไอ้ปุกปุยอธิฐานลามกแบบนั้นใครเขาจะรับวะ”

          “อ้าว...ไม่ได้เหรอ...นี่ขอแบบสุภาพแล้วนะ”

          “เลือกใช้คำพูดใหม่เลย ไอ้หมี ขอเสร็จก็ทุบตรงนี้นะ” ทาเคชิชี้จุดที่อกด้านขวาของไคร์น คนละจุดกับของผมเลย

          “บุ๊งงงงงงง....อะฮ้า...สำเร็จ” เอ๊...ดังด้วยแฮ๊ะ

          “ห้องนี้สำคัญมากนะ ห้ามเล่นเด็ดขนาด เพราะห้องนี้เป็นห้องอธิฐานจิตของพระเจ้าสุริยะวรมันก่อนออกไปรบเอาบ้านเอาเมืองเชียวนะ” ทาเคชิอธิบายให้ผมฟังไปเรื่อยๆเหมือนเดิม

          “แล้วเมื่อกี้ไคร์นขออะไรหละ ถึงทุบอกแล้วไม่ดังหละครับ” ไคร์นทำหน้าปุเลี่ยมๆแล้วหันไปหาทาเคชิที่กำลังกลั้นหัวเราะสุดชีวิต

          “เออ...คือ...ความลับหนะ”

========================================================

ชอบไม่ชอบก็ติชมได้นะครับ

ส่วนถ้าใครสนใจหนังสือที่ผมเอามาเป็นแนวก็พูดคุยกันได้นะครับท่าน ไม่ว่ากันอยู่แล้ว อิอิอิ :laugh3:

เจอกันตอนหน้านะครับ :bye2:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 10 (ปราสาทอธิฐาน)
เริ่มหัวข้อโดย: pinkky_kiku ที่ 24-04-2011 13:18:31
หมีมันขอทะลึ่งเยอะๆแน่ๆเลยไม่ยอมดัง หึหึ
รอตอนต่อไปจร้าาา กะลังหนุกเยย
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 10 (ปราสาทอธิฐาน)
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 24-04-2011 15:34:36
จากพี่หมี กลายเป็น "ไอ้ปุกปุย" ไปซะแล้ว... :m20:
จากที่อ่านทาเคชิก็ไม่ได้ขัดขวางอะไร คงไม่ได้คิดจะแย่งน้องกาลไปจากไคร์นจริง ๆ หรอก (มั้ง?)
แต่ที่พูดขู่ไป เพราะ หมั่นไส้อะไรไอ้ปุกปุยมันรึเปล่า?
 
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 11 (ความในใจของทาเคชิ)
เริ่มหัวข้อโดย: Windend ที่ 24-04-2011 17:00:16
แหม...มีคนสงสัยในตัวทาเคชิแฮ๊ะ

งั้นก็จัดไปก็แล้วกันนะครับ

ความในใจของหนุ่มหล่อทาเคชิ

=======================================================

          ตอนที่ 11 ความในใจของทาเคชิ

          ทาเคชิ

          เฮ้อ...อย่าคิดว่าข้าจะลืมได้นะโว้ย ของของข้ายังไงก็ต้องเป็นของของข้า ไม่ว่าจะอยู่ในร่างไหนก็ยังเป็นของๆข้าอยู่ แกไม่มีสิทธิ์อะไรตั้งแต่แรกแล้ว อย่าคิดว่าที่ข้าช่วยนิ๊ดช่วยหน่อยแล้วมาหมายความว่าเราสนิทกันหละก็ คิดผิด

          เฮ้อ...เอาเข้าจริงๆข้าก็ยังไม่ลืมรอยยิ้มนั้น จะอยู่ในร่างไหนข้าก็พยายามหาเจ้าจนเจอ ไม่ว่าเจ้าทำพลาดอะไรมาข้าจะอภัยเหมือนทุกครั้ง หรือแม้เจ้าจะมีใครที่ไม่ใช่ข้า ข้าก็จะยินดีด้วย แล้วข้าจะทำยังไงดีหละทีนี้

          ‘เมื่อมีสติ สันติก็เกิด’ ธอเนี่ยนคนหนึ่งได้กล่าวไว้

          แล้วข้าก็ตอบกลับไปว่า หายนะย่อมมาถึงพวกเราทุกคนแน่เพราะไม่มีคนไหนในหมู่เราเลยที่ทำอะไรตาไรแบบมีสติดีๆกันซักคน หลายคนที่อยู่ด้วยก็หัวเราะกันไป ข้าไม่ชอบปรัชญา ข้าชอบความจริงตรงหน้ามากกว่า

          ภายในห้องเมื่อเช้า ข้ามองเห็นแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า ข้าจึงต้องปล่อยให้เลยตามเลยไป พยายามไม่ใส่ใจ เพื่อเจ้าจะได้รู้ใจตัวเองว่าจะเอายังไงกับชีวิตนี้ของเจ้า ข้ามองเจ้าตลอดเวลา ถามว่าโกรธไหมที่เจ้ามีคนที่เจ้าหมายปอกแล้ว ก็ต้องตอบว่าแทบคลั่ง แล้วถ้าถามว่าเกลียดเจ้าไหม ข้าตอบได้ทันทีว่า ข้าไม่เคยเกลียดเจ้าเลย ข้ารักเจ้าตลอดเวลา ความรักของข้ามันยาวนานเหลือเกิน มันเป็นคำสาปที่ข้าต้องเห็นคนที่ข้ารักไม่ได้รักข้าแล้วคนที่ข้ารักจะต้องตายภายใต้อ้อมกอดข้าทุกครั้ง มันเป็นคำสาปที่คนไร้สติอย่างข้ารับไว้เพื่อแลกกับบางอย่างที่ข้าคิดว่ายิ่งใหญ่กว่า

          ในตอนแรก รัก เป็นคำที่หอมหวานสำหรับข้าหรือเปล่า ข้าหาคำตอบอยู่นานมาก ข้าไม่อาจทำใจให้ใครมาดูแลคนที่ข้ารักนอกจากข้า ข้าริษยาคนทุกคนที่เจ้ารัก ข้าหึงหวงเจ้าทุกครั้งที่เจ้ายิ้มและปลายตาไปยังคนอื่นที่ไม่ใช่ข้า

          แต่ตอนนี้ เจ้ารู้อะไรไหม การมีชีวิตที่เกือบจะอมตะมันให้นิยามของคำว่า รัก กับข้าใหม่ สำหรับข้า การคอยช่วยเหลือเกื้อกูล การเอาใจใส่ดูแล ช่วยคลายทุกข์เมื่อเจอ ร่วมยินดีเมื่อมีความสุข จนกระทั่งร่างกายนั้นหมดอายุไป นั่นคือความรักของข้า เพราะข้าได้เปรียบมนุษย์ธรรมดาอยู่นิ๊ดเดียวเท่านั้น

          ข้าสามารถดูแลเจ้าและรักเจ้าได้ทุกภพทุกชาติ แค่ภาชนะใส่วิญญาณยังไงก็มีวันหมดอายุ แต่วิญญาณของเจ้า ข้าเป็นผู้ดูแลเอง ข้าจะนำพาเจ้าไปอยู่ในภาชนะที่ดีที่สุดกับเจ้าต่อไป ทุกครั้ง

          และชีวิตนี้ เจ้าจงใช้ภาชนะนี้ให้คุ้มค่าเถอะ อย่าไปกลัว ข้าจะอยู่เคียงข้าเจ้าเอง ใครที่เจ้ารัก ข้าก็จะรักด้วย แต่ใครที่เป็นศัตรูเจ้าข้าจะจัดการเอง เพราะข้าทำก็เพราะข้ารักเจ้า ข้าภาวนาขอให้เจ้าได้เข้าใจข้า อย่าผลักไสข้าให้ห่างจากข้างกายเจ้าเลย


ที่รักของข้า

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

ไอ้หมีน้อยของข้า

==============================================================

วันนี้มาแบบสั้นๆ ต้องขออภัยด้วย คนป่วยเยอะ :sad4:

จะพยายามมาลงทุกวันนะครับ
ขอบคุณและเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ :bye2:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 11 (ความในใจของทาเคชิ)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 24-04-2011 17:43:50
หุหุ ไครน์ต้องอฐิษธานอะไรที่มันลามกแน่
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 11 (ความในใจของทาเคชิ)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 24-04-2011 17:47:22
เอ่อ ชักงงแฮะ
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 11 (ความในใจของทาเคชิ)
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 24-04-2011 19:35:44
ที่รักของข้า....ไอ้หมีน้อยของข้า  :a5:
อย่าเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น อย่าด่วนสรุปกับสิ่งที่ได้อ่าน ( จนกว่าคนแต่งจะเฉลย )
ตกลงที่ ทาเคชิพูดขู่ และ ทำเนียนใส่น้องกาล คือ การกลั่นแกล้งหมีน้อยด้วยความรักสินะ  :m21:

ความรักของทาเคชิที่มีต่อวิญญาณในร่างของหมีเนี่ย ลึกซึ้ง ผูกพันธ์ และเป็นนิรันดร์จริง ๆ ( ก็ตามกันมาตั้งหมื่นกว่าปี )
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 11 (ความในใจของทาเคชิ)
เริ่มหัวข้อโดย: JipPy ที่ 24-04-2011 20:22:43
ออก งงๆ  แต่ก็สนุกมากๆ 





มาอัพต่อเร็วนะ เน้ออ อ อ อ
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 10 (ปราสาทอธิฐาน)
เริ่มหัวข้อโดย: jenzda ที่ 24-04-2011 21:45:42
ชอบคร๊า  รอตอนต่อไปอยู่น๊าาา o13
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 12 (จะกินอะไรระหว่าง KFC กับ หมีจอมหื่น)
เริ่มหัวข้อโดย: Windend ที่ 26-04-2011 01:38:48
ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์นะครับ รู้สึกดีมีคนหน้าตาดีมาเมนท์ให้ อิอิอิ

วันนี้มาดึกงะ ต้องขออภัยอย่างแรง น๊อคอะ หลับไปตั้งแต่สิบโมงตื่นมาอีกที่สี่โมงเย็นหละ

มาต่อกันดีกว่าครับ

===========================================================

          ตอนที่ 12 จะกินอะไรระหว่าง KFC กับ หมีจอมหื่น

          กาล

          หลังจากเราออกจากปราสาทตาธมแล้ว คณะทัวร์เราแล่นรถออกไปผ่านกำแพงหมู่ปราสาทชั้นใน ขอบอกว่าอลังการมากๆ สมใจอยากเลย แหงนหน้าคอแทบหักแหนะ รถของเราวนมาจอดบริเวณใกล้ลานชนช้าง พี่ประวัติให้พวกเราซื้อของแวะพักกันก่อน ก่อนที่จะไปยังปราสาทที่สาม

          “ตรงด้านนี้เป็นเขาเรียกว่าอะไรครับ กาล” ไคร์นถามผมให้หันไปดูปราสาทหลังเล็กๆไม่ใหญ่มากที่เรียงกันเป็นระเบียบสิบสองหลัง ขนาดแตกต่างกันไป

          “อ๋อ...ตรงนี้เรียกปราสาทนางสิบสองครับ เป็นต้นกำเนิดนิทานพื้นบ้านของไทยเรื่องพระรถเมรี อันนี้มีเค้าเรื่องมาจากที่นี่แหละ ไคร์น” ผมอธิบายเรื่องพระรถเมรีให้ไคร์นฟังก่อน ส่วนทาเคชิยังยืนข้างๆ แต่หันหลังให้พวกเรามองไปทางหมู่ปราสาทนางสิบสองอยู่

          “ก็มีเค้าเรื่องจริงอยู่เยอะเหมือนกันนะเรื่องที่น้องกาลเล่ามา” ทาเคชิหันมายิ้มให้ก่อนจะหันไปทางไคร์นกระซิบด้วยภาษาอะไรซักอย่างฟังไม่ออกเลย ไคร์นหันหน้ามาทางผมด้วยสายตาวิบวับแล้วจูงมือผมเดินเข้าไปในหมูปราสาทนางสิบสองทันที

          “จะพาไปไหนหนะ แล้ว...”

          “ตามมาดีกว่านะครับ กาล อย่ากลัวไปเลยนะครับ คนเก่ง” ไคร์นจูงผมมายังปราสาทหลังหนึ่ง เข้าไปแค่คนเดียวเอง ภายในสูงประมาณสามเมตรแต่กว้างขนาดสี่ตารางเมตรเท่านั้น นับว่าเล็กจริงๆ

          “กาลนั่งเฉยๆในนี้ก่อนนะครับ เซนเซย์จะทำพิธีให้ รอนะครับ” ผมพยักหน้าก่อนจะนั่งลงกับพื้น รอประมาณสองสามนาที ไคร์นกับทาเคชิก็มายืนอยู่ตรงหน้าปราสาทแล้ว

          “น้องกาลครับ ลุกออกมาได้แล้วครับ ก้าวเท้าซ้ายข้ามธรณีประตูนะครับ” ผมทำตามพี่ทาเคชิพูดพอลงมาได้ ทาเคชิเขาเอาน้ำเปล่ามารดหัวผมซะขวดใหญ่เลย

          “ทำอะไรหนะ เปียกหมดแล้วนะ” โวยซิครับ อย่างนี้ต้องโวย

          “ใจเย็นๆ ลืมบอกไปว่าต้องรดน้ำมนต์ด้วยหนะ”

          “แล้วไปเอามาจากไหนเนี่ย ”

          “อ๋อ...เมื่อกี้ให้ไคร์นไปเอาน้ำจากพนมกุเลนที่ห้องมาให้ รับรองผลได้เลย”

          “เปียกเลยอะ แล้วแบบนี้จะไปเที่ยวต่อได้ยังไงกันหละเนี่ย”

          “เราคงไม่ได้เที่ยวกันต่อแล้วหละ รีบเข้าไปในรถกันเดี๋ยวนี้เลย ไคร์น ไป” ผมยังไม่ได้ก้าวเดินพวกเราสามคนก็มานั่งกันในรถแล้ว ดีที่คนขับกับพี่ประวัติไม่อยู่นะเนี่ย

          “ทำไมหละ ทาเคชิ ยังเหลือปราสารนครธมนะที่เราต้องไป” ผมอยากไปถ่ายรูปที่นั่นหละ

          “ดูจากเวลาและสภาพตอนนี้คงไม่ทันแล้วหละ เพราะอีกแปปนึง ฝนจะตก”

          “แดดแรงแบบนี้หนะเหรอฝนจะตกได้” ไม่ทันขาดคำฝนก็เทลงมาทันที โห...ตอนนี้เรามีกรมอุตุฯเคลื่อนที่ได้อยู่กับเราด้วยนะเนี่ย อิอิอิ

          “ก็บอกแล้วว่ามันจะตก...ปุกปุย เอานี่ให้น้องกาลเช็ดหัวไป” ทาเคชิยื่นผ้าเช็ดตัวผืนไม่ใหญ่มากมาให้ แล้วไปเอามาจากไหนหละเนี่ย ไคร์นก็รับมาเช็ดให้ผมแบบไม่มีปากมีเสียงเลย เช็ดไปก็มองหน้าผมไป ไอ้ผมก็แปลกจ้องตาไคร์นตลอด ตาเขามีเสน่ห์จริงๆ ดูอบอุ่นด้วย

          เขายิ้มไปเช็ดไป เออ...แต่รู้สึกหน้าเราจะใกล้กันไปแล้วนะเนี่ย คิดอะไรอยู่ไคร์น ถ้าคิดเหมือนผมก็ทะลึ่งแล้วนะ และเพื่อไม่ให้ไคร์นเขาคิดเลยไปไหน ผมก็คว้าคอเขามาจูบเร็วๆซักทีเสียเลย จะได้ไม่เสียเวลาจิ้น อิอิอิ อยากนักใช่ไหม อย่าคิดนะว่าผมจะไม่อยากมั่งหนะ

          เราผละจากกันแต่ก็ยังจ้องตากันซักพัก น้ำตาผมมันก็เริ่มคลอขึ้นมา มันเหมือนความฝัน ฝันที่ผมโหยหามาตลอด รับแบบไม่ต้องหลบต้องซ่อน รักที่แสดงได้ตลอด รักที่สามารถเปิดใจได้ไม่ต้องเกรงเกร็งอะไร รักโดยที่ยังเป็นตัวของตัวเองได้อยู่ ผมเหนื่อยกับการไล้ตามสิ่งที่จับต้องไม่ได้มานานแต่ก็ไม่เคยทิ้ง มีคนเข้ามาบ้างแต่เมื่อลองกันไปใจมันก็บอกว่าไม่ใช่ แต่พอไคร์นมาอยู่ตรงหน้าในคืนนั้น ผมก็รู้เลยว่านี่แหละสิ่งที่ตามหามานาน ที่พักใจของผม

          ผมไม่รู้ว่าเราจ้องกันนานเท่าไหร่ ทาเคชิก็เรียกสติของเรากันก่อนที่จะชี้ไปทางคนสองคนที่วิ่งฝาสายฝนใกล้เข้ามาที่รถ พี่ประวัติกับคนขับรถนั่นเอง

          “แหม...น้องกาลนี่โชคดีมากเลยนะครับ พวกลุงๆป้าๆตอนนี้หลบฝนกันที่ร้านอาหารด้านโน้น เราคงต้องยกเลิกการเที่ยวปราสาทนครธมกันแล้วหละครับ แล้วก็พวกเราตกลงกันจะเข้าที่พักกันเลยส่วนใครจะแวะที่ไหนก็ตามสะดวกก็แล้วกันนะครับ” พี่ประวัติพูดซะยืดยาวเลย ทาเคชิหันมายักคิ้วให้แบบบอกว่า เห็นไหมหละ อยากรู้จริงๆว่านายคนนี้ทำอาชีพเป็นหมอดูด้วยไหมเนี่ย

          “แล้วมื้อเย็นจะเอายังไงครับพี่”

          “ก็คงต้องตามอัธยาศัยหนะครับ พวกลุงๆเขาบอกว่าจะไปร้านเดิมแล้วจะแวะเข้าสปาร์ข้างโรงแรม ส่วนพวกป้าๆก็จะด้วยแต่จะแยกไปช้อปปิ้งที่ไนท์บาซ่าครับ แล้วน้องสามคนจะเอายังไงครับ เดี่ยวผมทิ้งคนขับไว้ให้เอาไหม” พี่ประวัติเสนอมาผมเลยหันไปมองหน้าไคร์นกับทาเคชิออกขอเห็น

          “พวกเราว่าจะเข้าที่พักกันเลยครับ รู้สึกเหนื่อยๆมาทั้งวันแล้วครับพี่” ทาเคชิเสนอออกไปก่อนหันมาขยิบตาให้ไคร์น

          “เอาอย่างงั้นก็ได้ งั้นเราเข้าที่พักกันก่อนแล้วเรื่องรถพี่เอาไปใช้นะครับ”

          “ได้เลยพี่ ตามสบายครับ”

          พอถึงที่พักไคร์นกับทาเคชิก็มาอยู่ที่ห้องผมกันผมรู้สึกหิวมากแต่ก็ไม่อยากกินข้าวที่โรงแรมงะ เบื่อแล้ว

          “ไคร์น กาลอยากกินเคเอฟซีจัง ตอนขากลับเราเห็นตรงมุมถนนฝั่งโน้นหนะ นะ” เหอๆๆๆขออ้อนแฟนหน่อยเถอะ ไคร์นเลยหอมแก้มผมไปทีก่อนจะหันไปทางทาเคชิ

          “ไปไหมครับ เซนเซย์”

          “ไม่เอาร้านนั้น ไปกินที่โน้นดีกว่า”

          “ดีเลย แต่เดี๋ยวก่อน เซนเซย์ เรามีเรื่องต้องเคลียร์กันก่อน”

          “เรื่องอะไร ไอ้หมี อ๋อ...เรื่องตราสัญลักษณ์หนะเหรอ ข้าว่าไม่ต้องใช้มั้ง”

          “ได้ยังไงหละเซนเซย์ ผมไม่อยากให้ใครแย่งกาลไปนะ”

          “ก็ลองพยายามปกป้องของรักเองซิ”

          “โห...แต่ผมอายุยืนกว่ากาลนะ ถ้าไม่มีตรานี่กาลก็ไม่ได้อยู่กับผมจนตายซิ”

          “เรื่องมากจริง...”

          “เดี๋ยวครับ...เดี๋ยวก่อนไคร์น...อธิบายทีซิผมตามไม่ทัน” ผมงงนะว่าเขาพูดเรื่องตราสัญลักษณ์แล้วมันเกี่ยวอะไรกับตายก่อนตายหลังหละ

          “มันเป็นอย่างนี้นะน้องกาล พวกอาร์เคเดียนเมื่อมีตราเนื้อคู่แล้วจะมีเวลาสามอาทิตย์ที่จะทำให้คู่ของตนตกลงปลงใจใช้ชีวิตคู่กันจนความตายจะพรากจากกันไป แต่ในกรณีที่ไม่สามารถทำได้ ฝ่ายหญิงสามารถไปมีความสัมพันธ์กับใครใหม่ก็ได้ ส่วนฝ่ายชายจะกลายเป็นหมันแถมไม่สู้อีกเลย เป็นไงหละ คำสาปแสนหวานของยัยโรคจิตสามคนนั่น แสบไหม”

          ผมก็ว่าแสบนะ เหมือนกับการฆ่าตัดตอนไปในตัว แต่ทำไมให้ผู้หญิงไปมีใครได้ต่อหละ

          “แล้วทำไมฝ่ายหญิงถึงยังไปมีใครได้ต่อหละครับ”

          “มันเป็นการทรมานของพวกนังบ้านั่น เพื่อให้คนรักถูกตอกย้ำทางความรู้สึกและทางสังคมด้วย เคยมีหลายๆคู่ที่สุดท้ายเลือกที่จะฆ่าฝ่ายหญิงแทน ทำให้ประชากรผู้หญิงของเผ่าพันธุ์นี้หายากขึ้น เชื้อสายของเผ่าก็ยิ่งน้อยลงไปเรื่อยๆ ก็อย่างที่น้องกาลรู้จากความฝันนั่นแหละ นังบ้านั่นอยากให้เผ่าพันธุ์นี้สูญพันธุ์ไปหนะซิ” โห...แยบยลดีแท้ ต้องจำไว้ว่าอย่าไปได้ทำให้พวกเทพโกรธเป็นอันขาดเลย

          “แล้วตอนนี้ผมกับไคร์นทำไมไม่มีตราสัญลักษณ์แล้วหละครับ” ผมสงสัยอยู่ดีใครมาลบไปได้หละเนี่ย

          “ข้าทำเองแหละ ข้าไม่อยากให้ใครต่อใครต้องมาคิดเรื่องงี่เง่าแบบนั้น ใจที่เป็นอิสระต่างหากหละที่จะรักได้ยั่งยืนที่สุดโดยไม่ต้องมีตราบ้าๆนั่นผูกมัด ใจที่ผูกมัดกันไว้นั้นได้พิสูจน์รักแท้ให้เห็นมานักต่อนักแล้ว”

          “แล้วเรื่องอายุของกาลกับผมหละ” ไคร์นถามขึ้นมา ดูแล้วเขาก็มีท่าเป็นกังวลมากกว่าผมอีก

          “แล้วแกอยากให้อายุยืนยาวเป็นร้อยๆปีแบบแกหรืออยากมีชีวิตแบบมนุษย์หละ ถ้าแกเลือกให้น้องเขามีอายุยาวเท่าแก นั่นหมายความว่า น้องเขาจะต้องเห็นผู้คนที่เขาเลยรู้จักต้องจากเขาไปเรื่อยๆตามอายุไข น้องเขาจะไม่สามารถอยู่ที่ไหนได้นานด้วยเพราะมนุษย์ขี้สงสัยจะตาย แกคิดว่าน้องกาลจะรับได้ไหมหละ” ทาเคชิพูดมาผมก็เลยได้คิดนะ แต่ว่า...

          “ไคร์น...ตอนนี้อายุเท่าไหร่แล้ว???”

          “เออ...ตอนนี้ก็...”

          “ก็บอกไปซิ ไอ้หมี ว่าแกอายุห้าสิบสามขวบ”

          “หา...ห้าสิบสาม...แต่หน้าดูไม่เกินยี่สิบเองหนิ”

          “คือ...ว่า...”

          “แล้วอายุของเผ่าของไคร์นนานเท่าไหรครับ”

          “ก็...ประมาณ...เก้าร้อยปีครับ กาล”

          “โห...เยี่ยมเลย...ถ้าอายุได้ขนาดนั้นผมคงเป็นหมอนวดที่เก่งที่สุดได้เลยนะเนี่ย คราวนี้ก็ช่วยคนได้อีกเยอะแน่” ผมคิดตามนั้นนะ ตอนผมเริ่มเรียนนวดกับอาจารย์นวด ผมก็มีเป้าหมายเรื่องช่วยเหลือผู้คนด้วยการนวดรักษาตั้งแต่นั้นมา

          “แล้วอยากเป็นไหมหละ” ทาเคชิถามขึ้นทันที จ้องมาที่ตาผม ผมแปลไม่ออกเลยว่าเขาจ้องในความหมายไหน ผมเป็นคนไม่อ้อมนะ รู้ว่าถ้ามัวแต่อ้อมค้อม โอ้เอ้ เขินไปเขินมามันเสียเวลา ชีวิตก็ไม่ได้ยืดยาวอะไรก็พูดไปตรงๆนั่นแหละ

          “อยากซิ ช่วยคนได้อีกเยอะ น่าดีใจออก แลกกับเรื่องเล็กๆแบบนั้น” ผมก็จ้องตอบบ้าง อยู่ๆผมก็บวดหัวจี๊ดขึ้นมา แต่แปปเดียวเองก็หายไป งงอีกแล้วครับท่าน ทาเคชิยิ้มให้ผมอย่างอบอุ่นก่อนจะหันไปหาไคร์น

          “ไอ้หมี น้องเขายอมแล้ว แกจะว่าไง”

          “อ้าว...เซนเซย์ ถามมาได้ ดีออกแล้วผมต้องทำไงหละ”

          “...เดี๋ยวรอข้าไปคุยกับ เดอะ โอเมกาเลียน ก่อน เขาน่าจะบอกข้าได้ว่าขอบเขตได้แค่ไหน แล้วมีอะไรจะเคลียร์กับข้าอีกไหม ไอ้หมี”

          “หมดแล้วครับ แต่เซนเซย์จะกินเดเอฟซีกันไหมครับ”

          “ไม่ดีกว่า เจอกันพรุ่งนี้เช้าก็แล้วกัน น้องกาล วันพรุ่งนี้เราต้องเข้านครวัดตอนสายนะครับ อย่าตอนดึกหละ” ทาเคชิพูดจบก็แวบหายไปเลย ไม่ล่ำลากันเลยแฮ๊ะ

          “กาลพร้อมหรือยังครับ”

          “ไปกันเลย” ผมยืนมือไปกุมมือไคร์นไว้ จากนั้นเราก็เข้ามาอยู่ในห้องเก่าของเขาที่ร้านแซงชัวร์รี่ทันที อยู่ๆมือผมก็ร้อนวาบขึ้นมาพอหงายดูก็เห็นตราสัญลักษณ์ปรากฏขึ้น มันมีลวดลายที่สวยมาก เรียบง่ายแต่มีระดับ ผมมองไปที่ไคร์นเขาก็ยิ้มๆแล้วหงายฝ่ามือให้ดูว่าเขาก็เป็นเหมือนกัน

          ไคร์นจับมือผมขึ้นไปจูบเร็วๆทีนึงก่อนที่จะโอบคอผมเปิดประตูห้องเพื่อจะเดินไปที่ชั้นล่างของร้าน

           ที่นี้เวลาพึ่งจะตีสองเอง เสียงด้านล่างยังดังอยู่ ที่นี่เป็นบาร์เหล้ามีวงดนตรีสดเล่น ผมดึงไคร์นไว้ก่อนที่จะเปิดประตูบันไดออกไปในส่วนหน้าร้าน

          “ที่ร้านพูดไทยกันได้ด้วยเหรอ ไคร์น” เพราะเสียงที่ผมแววได้ยินผมฟังออกหมดเลย ไม่ต้องแปลด้วย นี่อเมริกาหนิแต่ทำไมเสียงดังเหมือนแถวตลาดสดบ้านผมหละ

          “เฮ้ย...จะเป็นไปได้ยังไง ที่นี่เราพูดกันหลายภาษาก็จริงนะ แต่หลักๆเราจะใช่ภาษาอังกฤษ แต่ที่แน่ๆไม่มีไทยหรอก กาล แต่แน่ใจนะว่าฟังออกหมดเลย” ไคร์นกระซิบถามข้างหูผม แถมยังเอาจมูกมาเกลี่ยแก้มผมอีก

          “นี่ไคร์น ถามดีๆก็ได้นะ ทำแบบนี้เดี๋ยวกาลก็ไม่ได้กินเคเอฟซีกันพอดีซิ” ไคร์นหันหน้าส่งสายตาวิบวับมาให้ก่อนจะกระซิบข้างหูเบาๆ

          “ก็กินหมีแทนเอาไหมหละครับ”

========================================================

ตอนหน้าอยากให้ทายว่าน้องกาลจะได้กินเคเอฟซีหรือจะได้กินหมีกันแน่  :laugh:

โหวตไหนมากกว่าจะได้ตอนนั้นไปหนะครับ เหอๆๆๆ :z1:

แล้วเจอกันตอนหน้านะครับ :bye2:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 12 (จะกินอะไรระหว่าง KFC กับ หมีจอมหื่น)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 26-04-2011 10:04:27
อยากเห็นน้องกาลกินหมีจัง อิอิ
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 12 (จะกินอะไรระหว่าง KFC กับ หมีจอมหื่น)
เริ่มหัวข้อโดย: pinkky_kiku ที่ 26-04-2011 18:35:56
เอาเรยนุ้งกาล เราเชียร์เต็มที่ จัดหนักเลยลูก  :laugh:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 12 (จะกินอะไรระหว่าง KFC กับ หมีจอมหื่น)
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 26-04-2011 21:02:06
KFC ก็น่ากินอยู่นะ ว่าแล้วก็อยากกินทาร์ตไข่ ( ไม่เกี่ยวใช่ม่ะ?  :m23: )
ไปถึง นิวออร์ลีนส์ จะให้กิน KFC เหรอ? ไม่ ๆ ต้อง request ให้น้องกาลกิน "หมีนิวออร์ลีนส์" สิ
เพื่อจะได้พิสูจน์ความแข็งเป๊กที่สามารถเล่นได้ต่อเนื่องทั้งคืน ( อยากทดสอบคุณภาพหมีเฉย ๆ อย่าคิดลึก ~ :m13: )

แล้วที่ทาเคชิทำพิธีให้น้องกาลที่ปราสาทนางสิบสอง เพื่ออะไรค่ะ?
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 12 (จะกินอะไรระหว่าง KFC กับ หมีจอมหื่น)
เริ่มหัวข้อโดย: JipPy ที่ 26-04-2011 21:10:45
กินหมี แทนนน ไหม   







555555555555+
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 12 (จะกินอะไรระหว่าง KFC กับ หมีจอมหื่น)
เริ่มหัวข้อโดย: ice-vanilla ที่ 26-04-2011 23:42:02
น้องกาลกินหมีนี่หมายถึงจะให้น้องกาลรุกพ่อปุกปุยของเราหรือเปล่าคะคุณ Windend :z1:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 12 (จะกินอะไรระหว่าง KFC กับ หมีจอมหื่น)
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 27-04-2011 09:52:44
เชียร์กินหมี   :laugh:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 12 (จะกินอะไรระหว่าง KFC กับ หมีจอมหื่น)
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 03-05-2011 21:45:44
แปลกดีเน๊อะเรื่องนี้ แฟนตาซี
บอกน้องกาล กินหมีแซบกว่าชัวว์ o13
ติดตาม นะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 13 (หมีนิวออร์ลีน...นั้ววววนัว)
เริ่มหัวข้อโดย: Windend ที่ 08-05-2011 15:34:43
ต้องขอโทษด้วยครับที่หายไปนาน :try2:

คนป่วยมากันเยอะ รักษากันตั้งแต่แปดโมงเช้ายังสี่ทุ่ม แทบตายแหนะ :sad2:

แต่ก็พอจะเข้าใจแล้วว่าสมาชิคที่แวะเข้ามาอ่านอยากได้อะไร  :laugh:

ทุกเสียงเป็นเอกฉันท์ กระผมก็จะจัดให้ :z1:

ตอนท้ายแอบแถมตัวละครใหม่เข้ามาด้วยนะครับ

============================================================

ตอนที่ 13 หมีนิวออร์ลีน...นั้ววววววนัว

กาล

          “ก็กินหมีแทนเอาไหมหละครับ” ไคร์นจูบที่แก้มผมแล้วยังเลื่อนไปขบใบหูผมต่อ อา...จะไม่ไหวอยู่แล้วนะ

          “ไม่เอา ท้องร้องแล้ว” ผมไม่ยอมหรอก เรื่องอะไรหละมาถึงแดนลุงแซมทั้งที ดินแดนแห่งอภินันท์แห่งการซื้อหา อยากกินอะ

          “โห...ไปไหนดูซิท้องร้องหิวจริงหรือเปล่า” ไคร์นเลิกเสื้อผมแล้วเลื่อนตัวลงไปเอาหูแนบกับหน้าท้องผม ดูทำเข้า ทำยังกะฟังเสียงเด็กดิ้นในท้องซะนี่

          “เอ้า...ฟังเลย มันร้องว่า หิวครับพี่หมี น้องกาลหิวKFCนะครับ พาไปกินหน่อยนะครับ นะนะนะ” ผมก็ยืนแอ่นท้องให้ชิดหน้าของไคร์นยิ่งขึ้น ดุซิจะได้ยินไหม

          “อา...ได้ยินแล้วครับ แต่เอ...มันไม่ได้บอกอย่างนั้นนี่ครับ กาล”

          “อ้าว จะมารู้เกินเจ้าของได้ยังไงกันนี่ ไคร์น”

          “มันบอกว่า...” จากนั้นไคร์นพาเราสองคนหายตัวก็กลับมานอนเปลือยกันบนเตียงในห้องไคร์น โดยเจ้าตัวนอนทับผมไว้อีก

          “มันบอกว่า...หิว...หมี...ตัวนี้” ไคร์นก้มลงมาประกบจูบกับผมอย่างเร้าร้อน เราสองคนกอดจูบกันนัวเนีย ลิ้นของไคร์นสอดเข้ามาไล้เลียไปตามแนวฟันของผมก่อนจะกระวัดแกว่งไปตามเพดานปากก่อนจะดุนดันลิ้นของผม

          ผมดูดลิ้นไคร์นตอบ ไคร์นก็ใช้ปากไล้ไปตามริมฝีปากของผม  เราต่างแลกลิ้นกันนานมือไม้เราต่างลูบไปตามลำตัวของกันและกัน ไคร์นถอนจูบออกแล้วเม้มปากงับไปตามแนวคาง ลำคอ ซอกคอ จนถึงหน้าอก เขาขบกัดเบาๆที่ยอดอกของผม ใช้ลิ้นเย้าหยอกไปมาอย่างเร็วจนผมต้องแอ่นอกรับกับแรงอารมณ์ที่ไคร์นมอบให้ มือของเขารวบเอวผมส่วนอีกข้างก็ใช้นิ้งโป้งบดบี้ยอดอกอีกข้างอย่างเมามันส์

          "ซี๊ด...เสียวครับ ไคร์น" ผมต้องห่อปากครางออกมาอย่างสุดกลั่น ไคร์นชำนานมาก ทำสองข้างสลับกันไปมาอย่างไม่รู้อิ่มเอม

          ไคร์นเลื่อนใบหน้ามาตามหน้าท้องผม ขบเม้นเล่นอย่างสนุกปาก แล้วมาหยุดที่สะดือ เขาใช้ลิ้นแยงกระวัดไปมาอย่างรวดเร็ว

          “อา...ไคร์น...ซื้ด...ไคร์น...ผมเสียวนะ...คร้าบบบ...โอ้ย...” ไคร์นยังขบเม้มหยอกลิ้นกับสะดือและหน้าท้องผมไปเรื่อยๆ ผมใจแทบขาด มือของไคร์นตอนนี้อยู่ที่ก้นผมทั้งสองข้างแล้วบีบไปมาอย่ามันส์มือ เมื่อไคร์นเพิ่มแรงบีบมากขึ้นฝ่ามือที่หยาบกร้านของเขาให้ความรู้สึกเหมือนโดนไฟช๊อคไปมาใต้ผิวเนื้อเรียบของผม

          อารมณ์ผมพรุกพร่านอย่างหยุดไม่อยู่ ไคร์นเหมือนรู้ดี เขาใช้ปากครอบลงไปยังแท่งแกร่งที่อ่อนไหวต่อสัมผัสของผมแล้วเม้มปากรูดขึ้นรูดลงแบบเน้นๆ เอวผมไม่สามารถอยู่นิ่งๆได้ต้องส่ายร่านไปมาตามแรงดูดเม้มของเขา

          นานพอสมควร ความเสียวซ่านอย่างสุดขั้วก็เข้าครอบงำผม ผมทะลักความหรรษาออกภายในปากของเขา ไคร์นดูดเกลือนลงไปอย่างกระหายหิว เขาใช้ลิ้นเก็บกวาดไปมาตรงปลายยอดจนผมต้องร้องห้าม

          “ไคร์น...อา...หยุดก่อ...น...พ...พอก่อ...น...มันเสีย...วคร้า...บ” ไคร์นจึงหยุดแล้วเลื่อนหัวลงไปต่ำกว่าเดิม ยกขาทั้งสองข้างของผมขึ้นแล้วอ้าค้างไว้ ใช้ลิ้นหยอกเย้ากับถุงทองจนฉ่ำแล้วดูดดุนสลับซ้ายขวาไปมาอย่างสนุกปาก มืออีกข้างก็ไล้วนไปมาที่ปากทางสีชมพูเบื้องล่าง

          นิ้วที่แสนช่ำชองเกลี่ยวนไปมาก่อนที่จะค่อยๆแหย่เข้าไปทีละนิ้ว มันคับแน่นตื้อไปหมด ในหัวผมมันเหมือนหมุนคว้างเมื่อเขาเริ่มกว้านนิ้วเป็นรูปตัวโอภายในช่อง

          “อา....ค...ไคร์น...อา...” ไคร์นเพิ่มนิ้วเข้าไปอีกแล้วยังดูดถุงทองแฝดของผมอย่างเบาๆ ลิ้นนุ่มร้อนหยอกเย้าไม่หยุด มืออีกข้างก็ปรนเปรอแท่งแกร่งร้อนของผมไปด้วย ในหัวผมตอนนี้มันคิดอะไรไม่ออกแล้ว สติของผมเริ่มเลือนแทนที่ด้วยอามรณ์พิศวาสอันร้อนแรงขึ้นกว่าเดิม

          “ซี๊ด...ด...ค...ไคร์น...ผ...ผ...ไม่ไหว...ล...แล...แล้ว...อา...” ไม่นานนักผมก็ถึงปลายทางแห่งความสุขสมอย่างมากมายอีกครั้ง เปรอะเต็มน่าท้องและมือของไคร์นเต็มไปหมด ไคร์นเลื่อนตัวขึ้นมาดูดเลียหยดหยาดจนหมด เขาลากลิ้นไล้วนไปมาที่ปลายแท่งแกร่งที่ตอนนี้เริ่มอ่อนตัวลงบ้าง

          “สุขสมเพื่อผมนะ กาล” ไคร์นลุกขึ้นนั่งแล้วยกผมขึ้นมานั่งหันหน้ามาหาเขา เขาจับแท่งแกร่งกำยำจ่อทางเข้าด้านหลังแล้วค่อยๆกดลงไปช้าๆ

          “อึก...อา...เบา...เบาก่อน...ไคร์น...นะ” ผมหย่อนตัวลงไปความแก่งร้อนแสนใหญ่โตค่อยๆแทกผ่านเข้าไปในตัวผม ถึงมันจะไม่ค่อยเจ็บแล้วแต่ความคับแน่นที่แทบฉีกขาดมันก็ยังสร้างความมึนตึงให้กับผมอยู่ดี พอกดลงไปจนมิดแล้วต้องรออีกซักพักกว่าผมจะหายเกร็ง ไคร์นจูบหนักๆบดเบียดริมฝีปากผมอย่างกระหาย ไรเคราเขาเริ่มขึ้นมาเล็กน้อยมันจั๊กจี๋ปนเสียวซ่านไปถึงสันหลังเลย

          “พร้อมหรือยังครับ คนเก่ง” ไคร์นกระซิบถามข้างหูผมอีกแล้ว ผมเลยแกล้งขมิบช่องด้านล่างแทนพยักหน้า ไคร์นหลุดยิ้มออกมาเลย

          “มีใครเขาตอบแบบนี้บ้างเนี่ย กาล คุณทำให้ผมแทบคลั่งแล้วนะครับ” ไคร์นเริมขยับสะโพกขึ้นลงเล็กน้อย ช้าๆ แต่ผมรู้นะว่ามันเข้าไปจนสุดเลยจนผมต้องกอดคอแล้วเอาหน้าซุกไปที่บ่าของเขา

          “กาล...ผมชอบตอนที่คุณโอบรัดผมทั้งข้างนอกและก็ข้างในจังเลย” เขาพูดไปขบใบหูผมแต่สะโพกเขาก็เริ่มเร่งความเร็วขึ้น อารมณ์ผมเริ่มสนองมากขึ้น กดสะโพกลงไปแรงขึ้นให้เข้าจังหวะกับที่เขาสวนขึ้นมา ด้วยความเร็วและแรงทำให้เตียงเริ่มสั่นสะเทือนส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด

           กล้ามท้องของไคร์นมันชั่งแข็งแกร่งและร้อนเพราะการเสียดสีกับแท่งแกร่งของผม ความเสียวซ่านเริ่มมากขึ้นไปเป็นทวีคูณเมื่อไคร์นเริ่มขยับสะโพกให้แรงและเร็วกว่าเดิมมากยิ่งขึ้น

           “ไคร์น...ไคร์น...ไม่...ไม่...ไหว...แล้ว...จะ...จะ...จะ...ไป...” ผมยังพูดไม่จบเขาก็กดผมแน่นขึ้น จังหวะการกระแทกสวนกันยิ่งหนักหน่วงขึ้นไปอีก เสียงหอบหายใจของเขาที่ข้างหูบ่งบอกได้ว่าเขาก็กำลังจะถึงเหมือนกัน ผมรู้สึกว่าของไคร์นเขายังขยายใหญ่ขึ้นมาอีก

          เพียงไม่ถึงนาทีผมก็พลั่งพลูออกมาเต็มหน้าท้องของเขา ไคร์นเร่งสะโพกส่วนขึ้นมาจนสุดแล้วกดแช่เอาไว้ ผมเห็นดาววิ้งๆเต็มเพดานเลย ครั้งนี้มันสุดยอดเหลือเกิน ไคร์นยังไม่ถอนตัวออกจนผ่านไปได้เกือบห้านาที น้ำของเขาไปย้อยลงมาเปรอะเต็มง่ามขาและที่นอนไปหมด เขาหอบหายใจหนักหน่วง ผมได้ยินเสียงหัวใจของเขาดังสะท้านหน้าอกผม ผมรักความอบอุ่นแบบนี้จังเลย

          “ไคร์นครับ...”

          “ครับ...คนเก่ง”

          “กาลหิวKFC”

          “อ้าว...!!!”

===================================================

ยี่สิบไมล์ นอกชายฝั่งโยนากุนิ โบราณสถานใต้น้ำโยนากุนิ

          เสียงก้าวเท้าหนักๆอย่างรวดเร็วตามทางเดินกึกก้องไปทั่ววังใต้น้ำแห่งนี้ ท่วงท่าการเดินอย่างองอาจบ่งบอกถึงความเป็นเจ้าของสถานที่ ประตูทองคำบานใหญ่ถูกสลักอย่างวิจิตรเปิดขึ้นเบื้องหน้า เขามองภายในห้องที่เคยเป็นท้องพระโรงขนาดใหญ่ที่แสนเกลียดชัง แต่ตอนนี้เขาเองเรียกที่นี่ว่า บ้าน พื้นห้องปูด้วยหินอ่อนสีดำมีเพียงทางเดินตรงกลางปูด้วยหินอ่อนสีแดงที่ทอดยาวไปจนถึงบันลังทองคำขนาดใหญ่ ด้านซ้ายและขวาของบันลังมีรูปปั้นหญิงสาวสองคนยืนอย่างสงบนิ่ง ทั้งสองดูไร้ชีวิตจนกระทั่งเขานั่งบนบันลังเรียบร้อย รูปปั้นทั้งสองจึงขยับย่อลงคารวะผู้เป็นนาย

          “ยินดีต้อนรับการกลับมา” รูปปั้นหญิงด้านซ้ายเอ่ยขึ้น

          “ทะเลสวย คลื่นลมแรง ท้องฟ้าไร้เมฆ เหมาะกับการออกไปเล่นเซฟ” รูปปั้นหญิงด้านขวาเอ่ยแทรกขึ้นมา ก่อนจะขยิบตาไปทางเจ้านายของเธอ

          “อีกนานไหมจะเจอคลื่นใหญ่ๆซักระลอก อานุ” ทาเคชิถามนาง เขามีความคิดถึงใครคนนึง

          “น่าจะไม่เกิน ยี่สิบนาที นายท่าน”

          “อืมม...” ทาเคชิทอดสายตาไปยังท้องพระโรงที่ว่างเปล่าด้วยสายตาที่อ้างว้างและเดียวดาย แต่แล้วก็กลับมีเพลิงแห่งความแค้นพวยพุ่งออกมา

          เขาไม่เคยลืมความแค้นที่มีต่อหน้ากษัตริย์เคกะนะ พ่อของเขา และเหล่าเสนานับร้อยนับพันที่คอยเป่าหูพ่อของตน คอยยุแหย่ต่างๆนานา แม้แต่ สั่งประหารเขาและลูกเมียพร้อมเสียงหัวเราะ

          ตอนนั้นเขามีอายุเพียงยี่สิบเอ็ดปีแต่เขาก็ก้าวขึ้นรับตำแหน่งผู้บัญชาการคุมแม่ทัพสามเหล่า ด้วยความสามารถที่ล้นเหลือประกอบกับหน้าตาดีใครเห็นใครหลงจึงเป็นที่ชื่นชอบของบรรดาประชาชนภายในอาณาจักร ความริษยาจึงเข้ามาเกาะกุมในใจของเหล่าเสนาโฉดชั่ว พวกเขาวางแผนตัดตัวเกะกะออก และทำสำเร็จเสียด้วย

          “ข้าจะพิพากษาพวกเจ้า ได้ลิ้มรส หายนะ เกินกว่าที่พวกเจ้าจะนึกถึง ชั่วนิรันดร์” กลางดึกในคืนที่เขาและลูกเมียโดนตัดหัวแล้ว ตัวเขากลับมีชีวิตขึ้น แต่ไม่ใช่ร่างเดิมของเขา เป็นร่างใหม่ที่ดีกว่า พิเศษกว่า และดู...ทรมานใจผู้ที่ได้พบเห็นกว่าเดิมมาก

          “ข้าได้ยินเสียงร้องขอความเป็นธรรมของเจ้า...ข้าสัมผัสถึงความดีงามอันพิสุทธิ์ในวิญญาณเจ้า...ข้าเห็นเพลิงแค้นในอากาศรอบตัวเจ้า...ข้ารับรู้ถึงความห่วงหาอาธรต่อประชาชนของเจ้า” เสียงของหญิงสาววัยรุ่นดังกึกก้องภายในตัวของเขา เสียงที่ไพเราะ อ่อนหวาน แต่ทรงพลานุภาพ ต้องยำเกรง

          “เจ้าเป็นใคร”

          “ข้าคือ...ไกอา...”

          .

          .

          “...ท่าน...นายท่าน...”

          “อะไร...คานะ”

          “นายท่านเหม่ออีกแล้ว คานะเป็นห่วง นายท่านคิดถึงอดีตอีกแล้วเหรอ” คานะหรือรูปปั้นหญิงทางขวายืนขึ้นไปนั่งตรงที่เท้าแขนข้างบันลังของเขา ใบหน้าที่เป็นศิลาเรียบมันวาว ไร้ซี่งดวงตากลับทำสีหน้าที่เป็นห่วงเป็นใยเขาเหลือเกิน

          “นายท่านน่าจะได้เห็นว่าเราเจออะไรก่อนที่นายท่านจะเข้ามา” อานุยังอยู่ในท่าคุกเข่าแบบเดิมก่อนจะหันหน้าไปทางคานะที่กำลังทำหน้าแลบลิ้นใส่ตนเองอยู่ แต่นางก็ทำเป็นไม่ใส่ใจก่อนที่จะกดปุ่มที่ปลอกแขนของนาง

          กรงขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นกลางห้องท้องพระโรง ภายในมีสิ่งมีชีวิตประหลาดขนาดเล็ก นอนขดตรงกลางกรง มันมีลวดลายสีดำสลับสีทอง มีปีกเหมือนนกขนาดใหญ่สีแดงเลือดและหางปลายเรียวโบกไปมา พอมันเงยหน้าก็พบกับดวงตามีเหลืองเรืองเหมือนจระเข้ เส้นผมตรงยาวสีสนิมเหล็ก กับเขาแหลมอันเล็กๆสองอันบนหัวของมัน

          เขามองเข้าไปอย่างพินิจพิเคราะห์ มันตัวสั่นเทาดูก็รู้ว่ายังเป็นเด็กอยู่ในหมู่เผ่าพันธุ์ของมัน เขาไม่ชอบปีศาจเลย
แต่ที่ไม่อยากยุ่งด้วยก็คือ ปีศาจที่ยังไม่โตเต็มที่

          เขามองอย่างเอือมๆพร้อมกับมองเข้าไปในอดีตของมัน เฮ้อ...เรื่องยุ่งยากกำลังมาเยือนเขาเป็นแน่ถ้าไม่รีบชิ่งหละก็ เขากุมขมับก่อนจะเอ่ยออกไป

          “พวกแมเลียไม่ได้อยู่ในเมนูการฆ่าของข้า แต่ก็ไม่ได้อยากเสวนาด้วย จงกลับไปซะ” ทาเคชิพูดด้วยเสียงกังวาน ทรงอำนาจ มันมองเขาอย่างหวาดละแวง ปากสีน้ำเงินอ่อนเผยอเอ่ยแลเห็นเขี้ยวยาวภายใน

          “ศัตรูของศัตรูคือมิตรข้า เรื่องนี่ข้าต้องการความช่วยเหลือจากท่าน ธอเนี่ยน” ทาเคชิเลิกคิ้วข้างนึงอย่างสงสัย ปีศาจหัดใช้ปรัชญามาพูดกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

          “เจ้าไม่ได้อยู่ในการดูแลของข้า ปีศาจ ไปขอเจเดนนายหน้าของพวกเจ้าซิ”

          “นายท่านเจเดนเป็นผู้ส่งข้ามาหาท่านเอง” ปีศาจตัวน้อยยังคงขดตัวใต้ปีกขนาดใหญ่ของมัน

          “...” ทาเคชิยังนิ่งมองไปที่มัน เขากำลังคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วและที่กำลังจะเป็นไปของเรื่องนี้ ความสามารถที่แถมมากับคำสาปงี่เง่าของเขาอย่างนึงที่เขาพอใจกับมันก็คือ การเห็นอดีตของทุกสิ่งอย่างเด่นชัดและมองเห็นหนทางทุกทางที่มันกำลังจะเป็นไป และยังสามารถเปลี่ยนแปลงมันได้เองด้วย

          “เจเดน...ฝากมาบอกท่านอีกว่า... ‘เจอกันเวลาเดิม...ถามมาจะตอบไปและก็...คราวนี้ท่านแพ้แน่’ เจเดนบอกมาแค่นี้ มันคืออะไรเหรอ” มันบอกออกมาเป็นเสียงทุ่มต่ำแหบๆนายของมันอย่างไม่มีผิดเพี้ยนเลย เจ้านี่มันนกแก้วชัดๆ

          “ชิ...ไม่มีทางเสียหละ อานุ คานะ พวกเจ้าพาแมเลีย...เจ้ามีชื่อไหม”

          “เจเดนเรียกข้าว่าไอ้กากเดนสวะ ข้าไม่รู้ความหมายมันหรอกแต่ก็พอใจนะ แล้วท่านหละ” มันมองหน้าแล้วเอียงคอเล็กน้อยอย่างสงสัยใคร่รู้ ดวงตาบ้องแบ๊วดูเป็นประกาย เฮ้อ...เด็ก...

          “รสนิยมการเรียกชื่อต่ำจนน่าตกใจจริงๆ...ฟังนะ ตอนที่เจ้าอยู่ที่นี่ ข้าจะเรียกเจ้าว่า ปรัม จำไว้และข้าไม่ชอบร่างเจ้าตอนนี้ ข้าว่าแบบนี้ดีกว่า...” อยู่ๆร่างปีศาจก็กลายเป็นเด็กหนุ่มผิวขาว คิ้วเข้ม ตาคม ผมสั้นซอย ปากชมพู สูงประมาณร้อยเจ็ดสิบกว่าๆ
ปรัมมองร่างใหม่ของตนอย่างตื่นๆก่อนจะมองทาเคชิอย่างสงสัย

          “เอาไว้ข้าจะกลับมาคุยกับเจ้า ปรัม อานุ คานะ ดูแลให้ดี” เขาลุกขึ้นเดินออกมาจาห้องท้องพระโรงแล้วหายตัวมายังสวนสาธารณะใกล้ย่านร้านค้าในโตเกียวทันที

          “เจ้า...มาช้า...” เสียงทุ้มต่ำติดแหบๆตามแบบฉบับของเจเดนดังขึ้นหลังต้นไม้ที่อยู่ด้านขวาของเขา เจเดนผู้เป็นปริศนาของผู้อยู่ฝ่ายแสงสว่างตลอดกาลกลับมาพบกับเขาที่เป็นศัตรูโดยธรรมชาติของเขาเอง หลายข่าวบอกว่าเขาเป็นเจ้านายของเหล่าปีศาจ บางรายบอกว่าเขาคือนายหน้าของปีศาจ แต่ใครจะรู้ เพราะแม้เขาสองคนจะคบกันมาได้ซักหมื่นกว่าปีแต่เจเดนก็พูดถึงตัวเองน้อยมากๆ    เจเดนแต่งตัวง่ายๆสีเดียว ดำ เขาใส่โอเวอร์โคทสีดำ เสื้อสูทดำ กางเกงสแลกซ์สีดำมัน รองเท้าหนังขัดมันปลายยาวตัดตรง

          “วันนี้เป็นเฟอร์ ลา กาโม เหรอ”

          “ไม่ทั้งชุดหรอก เสื้อกางเกงเป็นกาดินี่”

          “จะเป็นมาเฟียร์อิตาลีเหรอไงกันแต่งแบบนี้”

          “ก็ข้าชอบ”

          “ตามใจ” ทาเคชิพูดโดยไม่มองเจเดนแต่กลับเดินออกมาทางถนนข้างสวน

          “เจ้าได้ของฝากจากข้าแล้วใช่ไหม ข้าฝากไว้กับเจ้าก่อนนะ แต่ให้ไกลๆหน่อยก็ดี”

          “ทำไม...และไกลจากอะไร”

          “บาลังก้า...”

          “...ข้าว่าข้ามีที่เหมาะๆอยู่ที่นึง บาลังก้าไม่กล้าเข้าไปแน่”

          “ที่...”

          “ไทย...”

=========================================================

ก็จบลงไปอีกตอน ยังไงถ้าไม่เพลียมากก็จะพยายามเอามาลงให้นะครับ

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามและคอยเมนให้ตลอดนะครับ :bye2:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 13 (หมีนิวออร์ลีน...นั้ววววนัว)
เริ่มหัวข้อโดย: Windend ที่ 08-05-2011 17:03:50
ฝากรูปตัวละครใหม่ด้วยนะครับ

รูปน้องปรัมครับ

(http://image.ohozaa.com/i/1bf/big_530.jpg) (http://image.ohozaa.com/show.php?id=869866ba32e15f61f6e9c6140c820923)
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 13 (หมีนิวออร์ลีน...นั้ววววนัว)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 08-05-2011 20:33:07
ตกลงทาเคชิชอบพี่หมีเหรอเนี่ย  o22
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 13 (หมีนิวออร์ลีน...นั้ววววนัว)
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 08-05-2011 23:35:58
ถ้าเรื่องนี้วาง หมีไคร์น เป็นพระเอก ตอนนี้คงโดน คุณทาเคชิ แย่งซีนกระจุยกระจายเป็นแน่
ผู้ชายอะไร ให้ความรู้สึกเท่ห์ ลึกลับ ยากจะคาดเดา แต่ก็น่าค้นหา แถม ท่าทางจะเก่งอย่างร้ายกาจ  :-[
รอตอนต่อไปค่ะ....นานเท่าไรก็จะรอ !!!

ป.ล. สุดท้ายก็ต้องเลือก KFC อยู่ดี เพราะ กิน หมีนิวออร์ลีน (แบบน้องกาล) ไม่ทำให้อิ่มท้อง  :laugh:

หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 14 (เที่ยวปราสาทนครวัด ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: Windend ที่ 09-05-2011 15:22:27
วันนี้มาอัพให้นะครับ ครึ่งหลังจะพยายามปั่นให้ทันคืนนี้งะ

วันนี้ลมแรงมากๆ ระวังเป็นหวัดกันนะครับทุกคน

=======================================================

ตอนที่ 14 เที่ยวปราสาทนครวัด ครึ่งแรก

          กาล

          06:45 น. โรงแรมเสียมเรียบ เสียมเรียบ กัมพูชา

          เช้าวันนี้ผมตื่นขึ้นในโรงแรมที่เสียมเรียบอีกครับ วันนี้ผมถือว่าสำคัญมากเลย เป็นจุดประสงค์เลยหละสำหรับการเที่ยวในครั้งนี้ เมื่อคืนกว่าจะได้กินKFC ไคร์นทำเอาผมหลับคาโต๊ะโดยที่ไก่ยังคาปากอยู่เลย เห็นหลับอยู่ข้างๆตอนนี้แล้วหมั่นไส้เหลือเกิน สองวันที่ได้ไปที่ร้านแซงชัวร์รี่มาผมไม่เคยได้ลงไปยังชั้นล่างเลย อยู่แต่ในห้องไคร์นเขาตลอด เซ็งเป็ดหลายตัวมาก แต่ก็เสียวดี เหอๆๆๆๆ

          “กาลคร้าบ...ตื่นแล้วเหรอคร้าบ...” หมีไคร์นงัวเงียลุกขึ้นมานั่งทำตาปรือๆ มองไปมองมา อืมมม เหมือนหมีจริงๆ น่ารัก

          “นอนต่อเถอะ...เดี๋ยวขออาบน้ำก่อนนะ” ผมกำลังจะลงจากเตียงก็ปรากฏแสงวาปขึ้นกลางห้อง พร้อมกับเสียงเฉียบขาดเหมือนนายทหารสั่งนักศึกษา ร.ด. เลยงะ

          “รีบตื่นได้แล้ว ชักช้า ลุกให้เร็วอย่าขี้เกียจตัวเป็นขน...”

          “เซนเซย์/ทาเคชิ!!!”

          ผมนั่งรถคันเดิม คนขับคนเดิม พี่ประวัตินั่งหน้าเหมือนเดิม แถมยักษ์กะหมีก็ยังนั่งขนาบผมเหมือนเดิม เอาว่ะ วันนี้วันสุดท้ายของการมาเที่ยวแล้ว พรุ่งนี้กลับก็สบายแล้วหละ

          “เดี่ยวเราต้องลงกันก่อนนะ ผมจะเอารถไปจอดอีกทาง แต่น้องการช่วยรวมพวกคุณลุงคุณป้ากันที่ทางเข้ากันก่อนนะครับ เดี๋ยวพี่มา” พี่ประวัติบอกก่อนจะนำรถไปหาที่จอด ผม ไคร์นและทาเคชิเลยต้องต้อนพวกลุงๆป้าๆเข้ากันไว้ยืนหลบแดดที่เริ่มแรงขึ้น ผมมองข้ามสระขุดที่ล้อมรอบปราสาทนครวัดไว้ เห็นบอกว่ากว้างด้านละเกือบสี่กิโลเมตรแหนะ ยิ่งใหญ่อลังการดาวล้านดวง

          พอพี่ประวัติมาพวกเราก็เดินกันไปตามทางข้ามสระขุดซึ่งมันยาวเกือบหนึ่งกิโลเมตรแหนะ เดินกันไปซักพักผมก็เห็นรูแปลกๆที่อยู่บนหินที่ให้ทำทางเดิน ดูๆไปก็มีอยู่ทุกก้อนด้วย หินแต่ละก้อนก็ใหญ่นะขนาดกว้างครึ่งเมตรยาวหนึ่งเมตรได้ และไอ้รูที่ว่ามันก็ไม่ลึกนะประมาณสี่ถึงห้าเซนติเมตรแหนะใหญ่กว่าเหรียญสิบบาทหน่อยนึง ผมรู้หละจะถามใครดีกะเรื่องนี้

          “นี่ๆ...ทาเคชิซัง...รูที่พื้นนี้ใช้ทำอะไรหละครับ” อยากได้ความรู้ก็ต้องกล้าถาม แม่สอนไว้

          “...น้องกาลอยากได้คำตอบตามหนังสือหรือตามแบบเรื่องจริงหละครับ” อะนะมีช็อยให้อีก

          “ทั้งสองอย่างก็ได้นะ จะได้รู้เพิ่ม”

          “ถ้าตามแบบหนังสือเขาก็สันนิฐานว่า เป็นรูที่ใช้สับขอผูกปลายเชือกกับช้างหรือคนแล้วลากมาก่อสร้างครับ ส่วนถ้าแบบที่ผมเห็นตอนนั้น แต่ละรูจะมีเพชรหรือไม่ก็พลอยสีสันหลากหลายประดับที่รูนั้นๆ ขนาดเพชรพลอยก็ใหญ่นะ หนึ่งเม็ดก็หนึ่งรู พอแสงแดดกระทบก็จะสะท้อนแสงระยิบระยับ สวยมากๆ และทุกอย่างสร้างขึ้นถวายแต่องค์เทพของเขา สมัยนั้นเทพและมนุษย์ยังพบเจอกันได้ง่าย ไม่เหมือนสมัยนี้ เพราะมนุษย์ละเลยละทิ้ง ปวงเทพก็กลับไปยังสวรรค์ไม่ค่อยมาค่องแวะกะพวกมนุษย์ซักเท่าไหร่แล้ว อย่าลืมนะน้องกาล เทวดาก็เหมือนมนุษย์ ยังมีความรัก โลภ โกรธ หลง เหมือนมนุษย์ แต่รุนแรงกว่ามาก และก็มีพลานุภาพมากกว่ามากๆด้วย”

          อึ้งซิครับงานนี้ อึ้งเลย เพชรหรือพลอยเอามาประดับ แสดงว่าสมัยนั้นนี่มั่งคั่งมากมายเลยนะเนี่ย ชาวขอมนี่เก่งจริงๆ แถมยังสามารถใกล้ชิดกับเทพเจ้าได้ด้วย

          เราเดินกันมาถึงมุกด้านหน้าที่เป็นโคปุระประกบหน้ามุกแล้วมีกำแพงแก้วยาวไปตามขอบสระขุดจนสุดก็ทำโคปุระพักแล้วมีระเบียงคตยาวต่อไปอีกทางจนรอบพื้นที่ปราสาททั้งหมด เราเข้าไปแล้วเลี้ยวไปทางโคปุระด้านขวาเจอกับรูปแกะสลักของพระวิษณุพันกรสูงเกือบสามเมตรตั้งสง่าสีดำดูน่าเกรงขามมาก ยิ่งเดินเข้าไปใกล้พระพักตร์ของท่านก็ยิ่งดูเหมือนยิ้มแย้มพระโอษฐ์ยิ่งขึ้น  เป็นเทคนิคการแกะสลักสมัยนั้น พระประทางองค์ใหญ่ที่จังหวัดสุโขทัยก็ได้รับเทคนิคนี้มาด้วยหละ

          “เดี๋ยวน้องกาลจุดธูปนะ สามดอกพอนะ ไหว้ท่านและขอพรนะครับ” ทาเคชิยื่นธูปให้ผม แล้วไปเอามาจากไหนหละ

          “ครับ..ไคร์น เอาไป สามดอกนะ จุดให้ด้วย” ผมยื่นผ่านให้ไคร์นรับไป เมื่อคืนหมีไคร์นใช้งานผมหนักตอนนี้ต้องเอาคืนมั่ง เห็นไคร์นถืออยุ่หันไปหันมา เป็นอะไรหว่า

          “จุดยังไงงะ...” อ้าว เวง ไม่รู้แล้วรับไปทำไมเนี่ย ผมเลยต้องเอามาจุดเอง ก็เอาไฟแช็คของลุงๆในคณะนี่แหละ

          “อะ...เอาไป...แล้วไปคุกเข่าหน้าท่านอธิฐานขอพรได้เลย” ผมกราบขอพรเสร็จก็นำไปปักในกระถางธูป ขอบอกว่าต้องระวังและหาที่ปักในกระถางธูปให้เจอ เพราะดูท่าไม่มีใครเอาก้านธูปออกมาเป็นปีๆแน่

          “เอาหละเสร็จแล้วหละ แล้วเราต้องไปไหนกันก่อนหละ” ผมหันไปทางทาเคชิที่เงยหน้ามองไปทางองค์พระวิษณุอยู่ เขาทำปากขมุบขมิบอะไรก็ไม่รู้แล้วหันมาทางพวกผม

          “เราไปดูภาพแกะสลักกันไงจะดูฝั่งไหนกันก่อนหละ”

          “งั้นเอาด้านนี้ก่อนก็ได้ เข้าไปชั้นในกันก่อนนะ”

          “ได้เลย” พอพวกเราผ่านโคปุระที่เราไหว้ขอพรกันแล้วก็ปรากฏทางเดินยาวเข้าสู่ใจกลางปราสาทนครวัด สองฟากเป็นสนามหญ้าตัดแต่อย่างดี บางส่วนยังมีการบูรณะซ่อมแซมกันอยู่เลย ทางเดินนี้ยาวเกือบหนึ่งกิโลเมตรได้ สองข้างทางเดินเป็นราวแกะสลักเป็นพญานาคยาวตลอดทางเดินนั้น เกร็ดพญานาคแกะได้อย่างวิจิตรจริงๆ แม้กาลเวลาจะทำให้มันเลือนลงไปมากแต่ก็ยังเห็นพอเห็นรูปลักษณ์ได้

          “ทาเคชิ เมื่อวานที่ปราสาทนางสิบสองทำพิธีอะไรเหรอครับ บอกทีจิ”

          “ในเรื่องพระรถ เมรี ใครสมหวังด้านความรักบ้างหละครับ น้องกาล”

          “คนน้องสุดท้องนะซิ”

          “ครับ ใช่ คนสุดท้องนี้สวยที่สุด บิดาของนางทั้งรักทั้งห่วงมากด้วย ปราสาทของนางจึงใหญ่กว่าของพวกพี่สาวของเธอ สมบัติต่างๆจึงมีมากกว่า รวมถึง เครื่องรางของขลังต่างๆก็มีมากตาม แล้วตอนนี้สมบัตืของนางก็ยังไม่ได้ขุดออกไปไหนหรอก ยังอยู่ที่ใต้ปราสาทของนางเอง แล้วอนุภาคของมันบางอย่างก็ยังอยู่คุมปราสาทไว้ อันที่เราใช้ทำพิธีเมื่อวานเป็นอันที่ใช้เพิ่มบุญฤทธิ์ให้กับคนที่ไปนั่งเข้าฌาณอยู่ที่นั่น พอออกมาต้องใช้น้ำศักด์สิทธิ์ที่ได้จากเขาพนมกุเลนรดปัดเสนียดอีกรอบ เพื่อเวลามารับพรจะได้ส่งคำอธิฐานได้โดยตรง ไม่มีอะไรมารบกวนยังไงหละครับ”

          “โห...มันล้ำลึกขนาดนั่นเลยนะเนี่ย แล้วคนอื่นๆต้องทำตามไหมหละครับ”

          “ไม่หรอก เฉพาะคนที่เกิดจากจิตแห่งอัปสราเท่านั้นแหละครับ น้องกาล”

          เราเดินกันมาถึงตัวปราสาทชั้นในแล้วขึ้นบันได้ไปเรื่อยๆ มีที่พักบันไดอยู่สามระยะด้วยกัน แหมกว่าจะเดินมาถึงจุดนี้ได้เล่นเอาผมเหนื่อยเลย แต่ไคร์นกับทาเคชิกลับเดินสบายไม่มีเหงื่อซักเม็ดเลย น่าอิจฉามาก

           “ร้อน... ไคร์น... พักแปปนึงนะครับ” ต้องพักก่อนหละ ไม่ไหว พอมองไปทางพวกลุงๆป้าๆผมว่าพวกผมเดินกันเร็วเกินไปหรือเปล่า พวกลุงกะป้ายังเดินมาไม่ถึงครึ่งทางเลย

           “เอ้า...น้ำครับ กาล” ไคร์นยื่นน้ำขวดมาให้ เป็นขวดน้ำเปล่าจากห้องในโรงแรมเองหละ

          “ขอบคุณนะ”

          “เดี๋ยวพวกเราต้องแยกจากกลุ่มลุงๆป้าๆแล้วนะ เรายังมีที่สำหรับน้องกาลโดยเฉพาะนะครับ ถ้าพร้อมแล้วก็เราไปกันเถอะครับ” ทาเคชินำเราแยกเดินมาทางด้านซ้ายเดินไปตามระเบียงคตชั้นที่สามไปเรื่องๆจาพอห้องที่อยู่ทางทิศเหนือของปราสาทนครวัด ตัวห้องทำเพียงเชื่อมทางเดินเท่านั้นกว้างพอๆกับที่ปราสาทตาธมเลย

          “เอาหละ น้องกาล ยืนฝั่งนี้นะ อธิฐานของรับพรที่ขอไปเมื่อวานทั้งหมดเลยนะ แล้วตีอกที่จุดเดิมนะครับ” ผมทำตามที่ทาเคชิบอก เมื่อทุบอกก็มีเสียงที่ดังกังวานมาก ดังกว่าที่ปราสาทตาธมเสียอีกหละ

          “เอาหละ ทีนี้ท่านบอกว่าเสร็จแล้ว ส่วนกรรมของอดีตเมื่อภพที่แล้วเจ้ากรรมนายเวรเขาปล่อยให้แล้วนะ จากนี้น้องการเตรียมตัวได้เลย เดี่ยวจะพาขึ้นไปพบท่าน”

          “ท่าน?...ท่านไหนหละ เซนเซย์??”

          “ละอองจิตแห่งพระวิษณุ” 

=============================================================

เดี๋ยวครึ่งหลังเอามาลงให้นะครับ
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 14 (เที่ยวปราสาทนครวัด ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 10-05-2011 02:09:46
มีเฉลยเรื่องพิธีกรรมที่ปราสาทนางสิบสองแล้ว เป็นเช่นนี้เอง
จินตนาการของคุณ Windend ช่างล้ำลึกนัก นับถือ ๆ
รอเนื้อเรื่องในครึ่งหลังค่ะ ~
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 14 (เที่ยวปราสาทนครวัด ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: Windend ที่ 10-05-2011 10:42:40
สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่าน

ไม่เคยได้ทักทายผู้อ่านกันเลย เหอๆๆๆ ขอโทษก๊าบบบบ

เรื่องที่แต่งออกมานี่สถานที่ที่ใช้ในเรื่องเอามาจากสถานที่จริงๆหละครับ

ในตอนของปราสาทบันทายศรี พวกคนที่มาบรรเลงดนตรีให้ฟังนี่น่าสงสารมากนะครับ บ้างแขนขาด บ้างขาขาด บ้างตาบอด แต่ไม่มีใครหูหนวกแฮ๊ะ อิอิอิ พวกนี้เป้นพวกชาวบ้านที่ผ่านสงครามบ้าง เหยียบกับระเบิดบ้าง แต่มีดนตรีในหัวใจ อยู่ได้เพราะทิปจากการแสดง ไปเทียวทีไรต้องซื้อผ้าขาวม้าไปแจกเขาอยู่เรื่อยนะ สงสารมาก พอแจกกันครบ เขาก็ขอให้เรานั่งฟังเขาบรรเลงเพลงสามชุด เพราะมากเลยนะ ฝรั่งมาถ่ายรูปกันใหญ่ ไอ้เราด็เป็นปลื่มซิ

เรื่องห้องทุบอกอธิฐานนี่ต่างชาติเขารู้กันมานานแล้วครับ เคยไปเจอกรุ๊ปญี่ปุ่นหนะครับ เข้าไปยืนแล้วตีอกแปะๆ พอถึงตาผมทำแล้วเสียงออกมาเหมือนระฆังจริงๆเลย พวกกรุ๊ปญี่ปุ่นเลยเข้ามำตามกันใหม่ เหอๆๆๆ มีให้ติปด้วย ทำบุญกระจายเลย แต่หลังๆไม่ได้เขาไปแล้ว ห้องเพดานเริ่มทรุดโทรมมากเลยปิดไป แต่จริงๆที่ปราสาทตาธมมีอีกห้องนึงนะ อยู่ด้านในตัวปราสาทอีกที อันนี้ลับเฉพาะ ใครสนใจถามได้นะครับ

เรื่องปราสาทนางสิบสองนี่ก็เรื่องจริงนะ ยกเว้นเรื่องสมบัติเพราะโดนลักลอบขุดไปแล้ว น่าเศร้า ส่วนเรื่องพิธีกรรมที่ทาเคชิทำนี่เอามาจากพิธีที่ต้องทำบนเขาพนมกุเลน เอาน้ำจากบ่อพระแม่ธรณี มารดผ่านศิวลึงอายุพันกว่าปีแล้วน้ำที่ได้จะเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ เอาไปประกอบพิธีกรรมได้ต่อไป

ส่วนห้องรับพรที่ปราสาทนครวัดนี่ลองเดินหาเอานะครับ มีจริงแต่ไม่ค่อยมีใครรู้ พวกไกร์ด ในพื้นที่จะรู้ดีครับ

สุดท้าย ปราสาทชั้นบนสุดของปราสาทนครวัดนั้น อยากให้ขึ้นไปเองจริงๆ ถ้าใครมีโอกาศไปนะครับ แต่ขอบอกว่า ถอดรองเท้าขึ้นเป็นดีที่สุด บันได้โคตรแคบและชันมากๆ ขาขึ้นไม่เท่าไหร่ แต่ขาลงนี่แหละ มหาสนุกพะยะค่ะ เหอๆๆๆ

ยังไงก็ขอฝากนิยายเรื่องนี้ด้วยนะครับ พระเอกนายเอกอาจจะหื่นกันนิด ไร้ยางอายกันหน่อย อย่าว่ากันเน่อ

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 14 (เที่ยวปราสาทนครวัด ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 10-05-2011 21:54:07
ท่าทางคุณ Windend จะได้ไปเที่ยวแถวนั้นบ่อย ๆ นะค่ะ น่าอิจฉา ~
ส่วนเรื่อง พระเอกนายเอกหื่นนิด ๆ ไร้ยางอายหน่อย ๆ ก็มีสีสีนดีออก ( เค้าชอบ  :-[ )
ไง ๆ ขอซีนคุณทาเคชิเยอะ ๆ หน่อยก็ดีนะค่ะ ( ที่เป็นอยู่นี่ ยังเยอะไม่พออีกเหรอ??? )
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 15 (เที่ยวปราสาทนครวัด ครึ่งหลัง 18-05-54)
เริ่มหัวข้อโดย: Windend ที่ 18-05-2011 13:40:55
ขอโทษนะครับ เหมือนเดิมหละ ติดคนป่วย อัมพฤติทั้งนั้น เหนื่อยอย่างแรง

เอาหละ มาต่อของเรากันดีกว่านะครับ อย่าพึ่งเบื่อเน้อ

=========================================================

ตอนที่ 15 เที่ยวนครวัด ครึ่งหลัง

          ไคร์น

          ผมเข้าใจนะว่าเซนเซย์ต้องการแก้ไขชะตาของน้องกาลของผมให้ดีขึ้น ทำไมคนเอเซียเชื่อว่ามันแก้ไขได้ด้วยการมาทำพิธีกรรมอะไรนี่ก็ไม่รู้ แต่เท่าที่รู้เขาห้ามพูดเรื่องพวกนี้ ชาวตะวันตกแบบผมไปแตะความเชื่อและศรัทธาอะไรของคนเอเชียไม่ได้หรอก เดี๋ยวเป็นเรื่อง ผมเชื่อว่าชะตาอยู่ในมือเราอยู่แล้ว จะไปมัวอ้อนวอนขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆทำไมกัน
แต่ก็ความเชื่อของเขาหนิ ผมไม่อยากขัดซักเท่าไหร่ แล้วเซนเซย์นี่ก็อะไรกัน ทำไมรู้ไปเสียหมดทุกอย่าง เหมือนแอชรอนเลย เขาเป็นใครกันแน่...

          เรากำลังเดินขึ้นไปทางปราสาทหลังย่อมด้านบนสุด นักท่องเที่ยวที่นี่ก็เยอะจัง แต่ไม่ค่อยมีคนกล้าขึ้นมาด้วยนะเนี่ยเพราะบันไดสูงและชันมาก ผมต้องตะแคงเท้าเดินกันเลย พอพวกเราขึ้นมาถึงจุดสูงสุดผมสามารถเห็นวิวโดยรอบของหมู่ปราสาทนครวัดได้เลย สุดยอดดดดด

          “เฮ้ย...ปุกปุย...เข้ามาได้แล้ว”

          “ทำไมหละครับ เซนเซย์”

          “ข้าจะอัญเชิญเทพและกางข่ายกันคนขึ้นมา รีบหน่อย”

          ผมเดินเข้าไปยังด้านใน มีแท่นขนาดใหญ่อยู่ด้านในนี้ โล่งๆไม่เห็นมีอะไรเลย

          “น้องกาล นั่งพนมมือหันหน้ามาทางนี้นะ แล้วเงยหน้า หลับตาไว้นะครับ จิตนิ่งๆอย่าวอกแวกหละ” น้องกาลของผมก็ไปนั่งคุกเข่าพนมมือหน้าแท่นโล่งๆนี่ ผมก็งงอยู่ดี

          “ไอ้หมี...มานั่งกับน้องกาลของแกนี่” สั่งจริงเชียว ไม่บอกเหตุผลให้ทำอีก เผด็จการชัดๆ แต่ก็ต้องทำ เพราะน้องกาลของผม

          “ไอ้หมี ทำแบบน้องกาลนะ แต่ถ้าอยากจะเห็นก็ลืมตาไว้หละ แต่ห้ามพูดเด็ดขาด”

          “ได้ๆ จะทำอะไรก็รีบทำเถอะน่า เซนเซย์” ผมละเซ็งกะเซนเซย์นะเนี่ย สั่งจริง

          จากนั้นเซนเซย์เอาธูปมาจากไหนก็ไม่รู้กำใหญ่มาก เขาจุดไปที่ปลายธูปจนไฟลุกโชติช่วง แล้วเขาวนธูปไปรอบๆแท่นโล่งนั่นแล้วทำสัญลักษณ์อะไรซักอย่าง แล้วก็เกิดแสงลงมาที่แท่นพร้อมกับร่างโปร่งใสร่างหนึ่ง ผิวสีฟ้าอมม่วงอ่อนๆ ดูองอาจแต่งดงาม มีเครื่องประดับเต็มตัวไปหมด ใบหน้ายิ้มแย้มอ่อนโยน เขาหันไปทางเซนเซย์แล้วมองมาที่น้องกาลและที่ผม

          ‘เจ้ารักเด็กหนุ่มคนนี้อย่างมั่นคง แน่หรือ’ อยู่ๆผมก็ได้ยินเสียงเข้ามาในหัวผม เป็นเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง ความบริสุทธิ์ และอ่อนโยน ผมมองใบหน้าที่แสดงความเมตตาอย่างเปี่ยมล้นนั่น ผมเลยตอบออกไป

          ‘แน่นอนครับ ผมรักกาลครับ’

          ‘แม้นมีอุปสรรค เจ้าจะยังยืนยันเช่นนั้นหรือ’

          ‘แน่นอนครับ’

          ‘แม้นเจ้าจักเป็นผู้ฆ่าเด็กหนุ่มคนนี้นั่นหรือ...’

          ‘ไม่มีทางหรอก ที่ผมจะทำลายเขา ไม่มีวัน’

          ร่างนั้นยิ้มแล้วหันไปทางเซนเซย์ซักพัก แล้วยิ้มอย่างมีเมตตามาทางผมและน้องกาล ทำไมไม่รู้ผมขนลุกอย่างแรง น้ำตามันไหลเอ่อออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ร่างนั้นค่อยๆจางหายไปพร้อมกับแสงที่ส่องลงมา ผมรีบเช็ดน้ำตาก่อนที่น้องกาลจะลืมตาขึ้นมา ไม่ดีๆ เดี๋ยวไม่แมน

          เซนเซย์หันกลับมาแล้วให้น้องกาลลืมตาขึ้น น้องเขามีน้ำตาไหลนองเลย เป็นอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้

          “เป็นไงบ้างครับน้องกาล” เซนเซย์ถามพร้อมกับยื่นผ้าเช็ดหน้าให้น้องเขา ผมก็เป็นห่วงนะเลยกอดน้องเขาไว้ น้องกาลเช็ดหน้าซักพักก็เอนตัวมาพิงผมแล้วพูดกับเซนเซย์

          “อบอุ่น...อบอุ่นมากเลยครับ รู้สึกใจมันตื้นตันมากเลย ท่านมาจริงๆใช่ไหมครับ ผมได้ยินท่านพูดกับผมด้วยครับ” ผมสัมผัสความดีใจของน้องเขาได้เลย มันออกมาอย่างท่วมท้นจริงๆ

          “แล้วท่านว่ายังไงบ้างหละครับ”

          “ท่านบอกว่าให้ผมตั้งใจเรียนให้เก่ง ตั้งมั่นช่วยเหลือมนุษย์อย่างที่ตั้งใจให้ได้ และก็ให้เชื่อมั่นศรัทธาในรักครับ...”

          “แล้วเจ้าก็คงได้ยินท่านบอกแล้วใช่ไหม...ปุกปุย”

          “แน่นอน”

          “งั้นเราก็กลับกันได้แล้ว เสร็จแล้ว”

          ขณะผมเดินลงมาจากปราสาทสูงนี้แล้วผมสงสัยมากเลยทำไมเทพเจ้าวงศ์ภารตะถึงยังมีคนนับถืออยู่ตั้งแต่ครั้งสมัยพระเวทย์แล้ว แตกต่างจากวงศ์เทพของผมมากเลยที่เอะอะอะไรก็สาป

          “เซนเซย์...ทำไม...เทพวงศ์นี้ถึงดูมีความเมตตา อ่อนโยน แต่ทรงอำนาจมหาศาลนักหละ ไม่เหมือนทางโอลิมปัสหรือแม้แต่แอชรอนเลยหละครับ...”

          “ก็ต้องแน่นอนสิปุกปุย ก็ที่แกเจอคือพระวิษณุหนึ่งในสามมหาเทพเชียวนะ เป็นเทพยุคเริ่มแรกของจักรวาลเลย”

          “ยิ่งใหญ่ปานนั้นเชียว”

          “ใหญ่ไม่ใหญ่ไม่รู้ รู้อย่างเดียวว่าจักรวาลอยู่ในความปกติสุขได้ก็เพราะท่าน การปกปักรักษาคุณงามความดีคือเจตจำนงของท่าน ท่านรักทุกสรรพสิ่งแหละ”

          “จริงๆเลยนะเซนเซย์ ผมไม่มีความรู้ด้านเทพสายนี้เลย”

          “ข้าถึงได้มาเป็นเซนเซย์ของแกไง ไอ้ปุกปุย แล้วนี่จะไปไหนต่อหละ”

          “ถามกาลดีกว่า อ้าวเดินไปไหนแล้วหละ” ผมหันคุยกับเซนเซย์แปปเดียว กาลเดินหายไปไหนก็ไม่รู้ แหมไวจริงๆ

          “...โน้นไง...แล้ว...นั่นใครหละนะ” ผมกับเซนเซย์รีบเดินไปดูที่นั่งพักบริเวณมุขกลางของตัวปราสาทชั้นที่สอง บริเวณนี้กว้างมาก คนมาพักเหนื่อยกันเยอะเพราะมีสระน้ำภายในปราสาทอยู่

          “อุ้ย...ตรงนั้นแหละพ่อหนุ่ม...อุ้ย...แรงดีเหลือเกิน...รู้ยังงี้ป้าไปเคาะเรียกที่ห้องตั้งแต่วันแรกแล้วนะเนี่ย...อุ้ย...โดนเส้นดีเหลือเกิน...”

          “เอาหละ...เสร็จแล้วครับ ป้าสุวรรณ (จำป้าได้ไหมเอ่ย ถ้าไม่ได้ลองขึ้นไปดูที่หน้าแรกนะครับ) เมื่อวานได้ข่าวว่าไปช๊อปปิ้งมาได้ของอะไรบ้างครับ”

          “ได้กระเป๋าไหมปักมาจ้า ลูกละร้อยห้าสิบบาทเอง แค่ค่าปักไหมดูฝีมือก็น่าจะเกินห้าร้อยแล้ว งานเขาระเอียดใช้ได้เลยหลาน นี่แล้วได้เสื้อไปฝากคนงานเก็บผลไม้ที่ไร่ด้วย ตอนแรกเขาขายตัวละเกือบแปดสิบบาท แต่ป้าซะอย่าง ต่อเหลือตัวละสามสิบห้า ไม่อยากจะคุย เหอๆๆๆ”

          “โห...ไม่เค็มไปหน่อยเหรอป้า ต่อซะเขาเจ๊งเลยไหมเนี่ย”

          “จะน้อยไปซิ...ป้าเลยเอาห้าสิบตัวมันเลยยอมขาย ต้องซื้อหลายชิ้นเขาถึงจะยอม ป้าเคยขายมาทำไมจะไม่รู้”

          “นี่ถ้าที่เมืองไทยสงสัยจะไม่ได้มั่งครับ ราคานี้”

          “โอ้ย...ป่านนี้ตบกันตายไปข้างแล้ว 5555”

          “กาล ป้าเขาเป็นอะไรเหรอ แล้วทำไมต้องไปนั่งกับพื้นแบบนี้หละครับ”

          “เป็นตะคิวที่น่องครับ เลยดึงเส้นตะคิวออกก่อน อีกแปปก็เสร็จแล้วนะ ไคร์น” พวกที่มาดูกาลไม่ได้มีแต่พวกผมพวกเดียว เพราะยังมีพวกนักท่องเที่ยวทั้งเอเชียและฝรั่งยืนดูกันอยู่ด้วย ท่าจะไม่ดีเสียแล้ว เกิดใครมาปิ๊งกาลของผมหละก็ เดี๋ยวหมีจะตบคว่ำเลย

          “คุณครับ แขนผมไม่ค่อยมีแรง ช่วยผมหน่อยได้ไหมครับ” มีฝรั่งแก่อ้วนพูดอังกฤษสำเนียงแปล่งๆเดินเข้ามาหา กาลปฏิเสธไปนะขอร้องหละ ไอ้แก่มันมีกลิ่นตันหาฟุ้งเลย

          “ได้ครับ ยื่นแขนมาซิครับ” โถๆๆๆ...กาลครับอย่าทำอย่างนั่นซิ ไอ้แก่ แกน่าหื่นมากเลยนะเฟ้ย เดี๋ยวจัดนอกรอบให้เลย

          “อ๊ากกกกกกก...โอ้ยยยยยย...ทำบ้าอะไรวะ...เจ็บชิบ...” ไอ้แก่มันร้องดิ้นเลยครับ ร้องซะผมยังตกใจเลย กาลแค่จับที่หัวไหลเท่านั้นเอง

          “ลองยกแขนขึ้นซิครับ”

          “เออ...เฮ้ย...ยกได้แล้ว...ไม่เจ็บด้วย...แปลกมากเลย...!!!” เป็นไงหละ งงไปเลยซิไอ้แก่ สมน้ำหน้า แล้วไอ้หนุ่มด้านหลังตาแก่ดูท่าจะเป็นลูกของมันไปยืนอะไรใกล้กาลแบบนั้นวะ ท่าไม่ดีแล้ว ทำไงดีวะ คนก็เยอะ ทำอะไรไม่ได้เลยวุ้ย

         “น้องกาลครับ เดี๋ยวจะพาไปดูอะไรแปลกๆที่นี่เอาไหมครับ” โห...เยี่ยมมากเลยเซนเซย์ ผมรีบดึงกาลออกมาจากกลุ่มคนที่ดูไม่น่าจะประสงค์ดีซักเท่าไหรออกมาก่อน เราเลยเดินลงบันไดมาเลยๆจนถึงมุกกลางชั้นแรก

          “ดูอะไรหละครับ ทาเคชิ”

          “รูปแกะอัปสราใส่บิกินี่ กับถือกระเป๋าหลุยวิคตองไง”

          “หา...!!!...มีด้วยเหรอ”

          “มีซี่...ตามมาเลยครับ” เซนเซย์พาเราเดินอ้อมมาทางด้านหลังของตัวปราสาทผ่านเข้าไปยังกำแพงที่เขาปิดซ่อมเอาไว้ แล้วเดินผ่านซอกลูกกรงหินที่แตกเขาไป ผมกับกาลต้องฉะงักเลย มันมีจริงๆด้วย

          “เป็นไงหละ...แปลกไหมหละ ฝั่งนี้ใส่บิกินี่นะ ส่วนองค์โน้นถือกระเป๋าหลุยวิคตอง สวยไหมหละครับ”

          “แปลกมาก/ประหลาดมาก” กาลกับผมพูดพร้อมกันเลย ก็มันประหลาดนี่หน่า ศิลปะยุคเมื่อเกือบพันปีที่แล้วมันจะเป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน

          “สวยนะครับ ทาเคชิหาเจอได้ยังไงหละครับ”

          “อ๋อ...ฝีมือข้าเองครับ น้องกาล”

          “หา...!!!...” ตาค้างกันอีกรอบ

          “อ้าว...ทำไมหละ...ข้าก็ว่าสวยดีนะ ออกแบบทั้งชุดกับท่ายืนให้กับพวกนางเอง กว่ข้าจะแกะเสร็จนี่นานนะ อา...ศิลปะโดยแท้”

          “...”

          “......”

          “.........”

          “จะงงอีกนานไหมครับ เราต้องไปกันต่อแล้วนะ นี่ก็บ่ายกว่าแล้วเราไปรวมกับคณะที่รถกันดีกว่า” เซนเซย์จับผมกับกาลเดินออกกันไปทางเดิม ดูอารมณ์ดีอีกมีผิวปากเสียด้วย

          แต่...เดี๋ยวก่อน...กลิ่นนี้มัน

          “เซนเซย์...หยุดก่อนครับ...คือ”

           ‘เดินออกมาเถอะน่า อยู่ตรงนี้เราเสียเปรียบ’ เซนเซย์พูดผ่านโทรจิตมาที่ผม

           ‘เออซูไรคาตากาเรีย...พวกสตาติ’ พวกเผ่าสัตว์ที่สามารถจำแลงเป็นคนได้ พวกนี้ก็เหมือนเหรียญคนละด้านกับเผ่าพันธุ์ของเขานั่นเอง

           ‘ใช่...ห้าตัว...กลุ่มพวกนักล่าสังหารเผ่าหมี’ เซนเซย์ยังคงพาพวกเราเดินออกห่างจากตัวปราสาทไปเรื่อยๆ กาลยังดูโน้นดูนี่โดยไม่ได้พูดอะไรเลย น่าจะเป็นเรื่องที่ดีนะ

          ‘พวกมันมาอยู่ที่นี่...ได้ยังไงกัน’ นี่เป็นเรื่องที่ผิดปกตินะ เพราะเอเชียตะวันออกแบบนี้ พวกมันไม่ค่อยจะพิสมัยเท่าไหร่เนื่องด้วยความร้อนชื้นและแมลงที่มักจะทำให้พวกมันอารมณ์หงุดหงิดได้ง่ายๆ แต่ก็อีกนั่นแหละ ใครจะไปรู้

          ‘ไม่สำคัญว่ามันมาได้ไง...แต่ที่ต้องสนใจคือ...มันมาเพื่อฆ่าแกกับคู่ของแกไง ไอ้ปุกปุย...’

======================================================

จบกันไปอีกตอนนะครับ

ตอนหน้าเนื้อเรื่องจะเริ่มเข้มข้นขึ้นอีกระดับนะครับ

ยังไงก็ขอบขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน ติชมได้นะครับ ผมยังใหม่ สำนวนยังฟันน้ำนมอยู่ ถ้าผิดตรงไหนก็ของโทษด้วยนะครับ

รักทุกคนโดยเฉพาะคนมาเมน :กอด1:

เจอกันตอนหน้านะครับ  :bye2:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 15 (เที่ยวปราสาทนครวัด ครึ่งหลัง 18-05-54)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 18-05-2011 15:20:40
หนุกหนาน ลุ้นอะ สงสัยเหมือนกันว่าทาเคชิเป็นใครกันน๊า
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 15 (เที่ยวปราสาทนครวัด ครึ่งหลัง 18-05-54)
เริ่มหัวข้อโดย: mimasopu ที่ 18-05-2011 21:39:59
อยากจะล้วงความรับของทาเคชิออกมาให้หมดเสียจริง
ยากแท้หยั่งถึงมาก วางแผนไรไว้ป่าวเนี่ย
แต่ว่าชอบนะตอนแรกปุกปุย มันทำให้ไคร์นดูเหมือนเป็นหมีน้อยเลยอะ
น้องกาลกับไคร์นจะโดนรุมทำร้ายไหมเนี่ย
แล้วทาเคชิจะช่วยทั้งคู่ไหม(คงช่วยแหละ)

ชอบแนวนี้นะคะ จินตนาการบรรเจิดมาก ออกแนวแฟนตาซีผสมกับความเชื่อเรื่องเทพ
ชอบไอตอนที่ทาเคชิพาไปดูนางอัปสร ใส่บิกินี่กับหิ้วหลุยส์นี่อหละ :laugh:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 15 (เที่ยวปราสาทนครวัด ครึ่งหลัง 18-05-54)
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 19-05-2011 23:53:10
จะมีมารผจญปุกปุย-น้องกาลแล้ว แต่มีทาเคชิอยู่ไม่น่าเป็นห่วง ( ตกลงใครเป็นพระเอก??? )
คุณ Windend ท่าจะยุ่ง ขอเป็นกำลังใจให้ทั้งเรื่องงานและเรื่องนิยาย สู้ ๆ และ +1  :กอด1: 
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 15 (เที่ยวปราสาทนครวัด ครึ่งหลัง 18-05-54)
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 20-05-2011 10:46:27
หว๋ายยย  พี่หมีกับน้องกาลอยู่ในอันตราย ตื่นเต้นแล้วสิ
อ่านๆ ไปก็ยังตะขิดตะขวงใจ สงสารทาเคจิจัง
สรุปแล้วทาเคชิรัก พี่หมี ก็เลยตามคอยช่วยเหลืออยู่ตลอด
รวมถึงให้รักของพี่หมีกับน้องกาลสมหวังอีก
ไม่คิดจะแย่ง แต่ก็ตามดูอยู่ใกล้ๆ จิตใจทำด้วยอะไรคะ  :m15:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 16 (การกลับมาของรักแรก 22-05-54)
เริ่มหัวข้อโดย: Windend ที่ 22-05-2011 19:12:38
ขอคุณสำหรับคอมเมนเล็กๆน่ารักนะครับ

แหม...รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมากเลย

วันนี้คนป่วยพึ่งหมด แรงยังเหลือเลยเอาตอนใหม่มาฝากครับ

=============================================================

          ตอนที่ 16 การกลับมาของรักแรก

          กาล

          ผมว่าเราน่าจะเดินออกไปทางประตูทิศใต้ที่รถของคณะทัวร์จอดอยู่ แต่ทาเคชิและไคร์นพาผมออกประตูทิศตะวันออกที่เป็นป่าเสียนี่ ทาเคชิเขาเดินสบายๆแต่เจ้าหมีด้านข้างผมสายตามันดูหลุกหลิกพิกล เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า

          เท่าที่ผมรู้จักกับไคร์นมาสามวันมานี้ ผมไม่เคยเห็นเขาทำท่าทางหรือสายตาแบบนี้เลย ผมรู้สึกไม่สบายใจยังไงก็ไม่รู้ ไคร์นเป็นคนยิ้มง่ายนะ สบายๆไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไร แต่ก็แฝงไว้ด้วยความดุดัน เตรียมพร้อมตลอด ถึงเขาจะตัวใหญ่แต่ไม่อุ้ยอ้ายแถมว่องไวอีกต่างหาก ผมรู้ดี สะโพกเขาขยับเร็วยิ่งกว่าอะไรจริงๆ

          อันนี้ขอรับประกันเลยเชียวแหละ  :-[

          ตั้งแต่เราออกมาไคร์นเขาก็จับมือผมไว้ตลอดเลย เขาให้ความรู้สึกปลอดภัยดีเหลือเกิน ทำให้ผมรู้สึกมีความหวัง มีพลังที่จะก้าวไปข้างหน้า และไม่ต้องกังวลว่าเขาจะหนีหายไปจากผม ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ

          จู่ๆ มือที่ไคร์นจับไว้ก็เกิดแสงขึ้นแวบนึง เราต่างหงายฝ่ามือดูกันทั้งคู่ ตราสัญลักษณ์ปรากฎขึ้นอีกครั้ง ผมมองหน้าไคร์นดูเขาดีใจอย่างมาก

          ตอนนี้เราเดินมาถึงทางที่จะไปยังถนนด้านหลัง ต้องอ้อมป่าไปถึงจะกลับไปจุดแวะพักประตูตะวันออกได้ ทาเคชิเขาหยุดเดินแล้วหันมาทางผม

          “น้องกาลครับ...เรื่องที่ว่าข้าเป็นใคร เอาไว้เราเจอกันครั้งหน้าก็แล้วกันนะครับ และก็จำคำที่ท่านบอกให้ดีหละ...” ทาเคชิเอามือมาวางไว้ที่หัวผมลูบไปมา แหมทำอย่างกะผมเป็นน้องหมางั้นเลย

          “ไอ้ปุกปุย...เบอร์ข้าอยู่ที่โทรศัพท์แกแล้ว กดหนึ่งก็พอ เอาไว้ข้าเสร็จธุรแล้วจะมาหา... อ้อ...ที่เหลือนั่น แกลองจัดการเอาเองดูนะ” ทาเคชิพูดแค่นั้น จากนั้นเขาก็แวบตัวหายไปทันที เขาเป็นอะไรเนี่ย

          “ไคร์น...” ผมมองหน้าเขา ไคร์นบีบมือผมเบาๆก่อนที่จะพาผมเดินเลอะเข้าป่าไป ผมไม่เข้าใจเลย

          “กาล เรางานเข้ากันแล้วนะ...”

          “งานเข้า...งานอะหยัง”

          “ก็ดูที่ด้านหน้าเราซิ...”

           ผมมองกลับไปที่ด้านหน้า ปรากฏผู้ชายต่างชาติห้าคนยืนเรียงกันอยู่ แต่ละคนดูไม่เป็นมิตรเลย พวกเขาใส่เสื้อผ้าชุดหนังสีดำเหมือนพวกนักบิดมอเตอร์ไซด์ และแต่ละคนหล่อล้ำล่ำอีกต่างหาก ทุกคนดูจะสูงพอๆกับไคร์นเลยทีเดียว

          “อาร์เคเดียน...แกเข้ามาในเขตของเรา...” ไอ้ตัวโตผมสีทองออกแดงพูดเสียงต่ำๆเหมือนตัวร้ายในหนังเกรดบีเลย มันพูดพร้อมปลายตามาทางผมอีก ตาดุมาก หนูกลัว :sad4:

          “ข้ามาท่องเที่ยว ไม่ได้คิดจะ...”

          “หุบปาก...แกไม่มีสิทธิ์พูด...จับมัน” ไอ้หัวทองสีซีดๆกับไอ้หัวน้ำตาลพุ่งเข้ามาแล้วกลายร่างเป็นหมีตัวมหึมา โอ้...แม่เจ้า อย่างกับได้ตีตั๋วแถวหน้าดูหนังนาเนีย์สามมิติแหนะ...

          ไคร์นยืนจับมือผมแน่ไม่ขยับตัวเลย จนพวกมันเข้ากระโจนมาตรงหน้าแล้วก็...

          โครม...หมีสองตัวชนเข้ากับกำแพงล่องหนตรงหน้าเสียงดังสนั่นเลย แหม ตื่นเต้นจัง มันนอนหมอบลงเลือดเต็มปากเลย สงสัยจะสลบไปแล้ว จู่ๆ ไอ้ผมทองแดงก็มาโผล่ข้างหลังของพวกเราเฉยเลย ไคร์นตวัดขาเตะไปยันอกมันปลิวไปหลายเมตรเลย เก่งจริงๆหมีของใครเนี่ย อีกสองคนมันมาโผล่ด้านข้างของผม ตัวนึงจับผมไว้ อีกตัวเตะไคร์นไปกองอยู่ที่พื้น

          “ไม่นะ...ไคร์น...” ผมออกแรงสะบัดมือออกแต่ไม่ได้ผล ไอ้ตัวที่เตะไคร์นมันเข้าไปเตะซ้ำเขาที่ท้อง ก่อนที่จะยิงแสงอะไรก็ไม่รู้เหมือนสายฟ้าฟาดไปที่ไคร์น

          “อ๊ากกกกกก....” ไคร์นดิ้นแล้วกลายร่างกลับไปกลับมาระหว่าคนกับหมี มันทำอะไรเขาไม่รู้ รู้แต่ตอนนี้ผมต้องช่วยเขา ไอ้ตัวที่อยู่ข้างผมมันมองไคร์นด้วยความสะใจหัวเราะลั่น มันเผลอนี่แหละ เอาหละ

          ตึ่ง...โครม... ไอ้ตัวที่จับผมไว้หงายสลบชักกระตุกไปเลย หนอยแน่ จับไหล่ให้หลุดด้วยดีไหมเนี่ย ผมคิดว่ายังไงมันก็ยังอยู่ในร่างคน เส้นสายต่างๆก็น่าจะยังเป็นแบบคนอยู่ ผมเลยกดเส้นคอมันสกัดการส่งเลือดขึ้นสมองกับเข้าหัวใจ แค่นี้ก็เรียบร้อย อ้อ...ผมไม่ได้ฆ่าใครนะ แค่ทำให้มันนอนชักกระตุก ตาเหลือก น้ำลายฟูมปากไป แค่นั่นจริงๆนะ ไม่ได้ฆ่านะตัวเอง o18

          ไอ้ตัวที่เตะไคร์นมันหันมาพร้อมกับที่มือผมอยุ่ที่ต้นคอของมันแล้ว ไม่ทันแล้วไอ้หมี แก...

          “อ๊ากกกกกก....” ร้องไปเลยไอ้หมีบ้า ผมใช้มือจิกไปที่เส้นประสาทท้ายทอยทำให้มันเป็นอัมพาตชั่วคราวตั้งแต่คอลงมา แต่เลือกเส้นที่เจ็บที่สุด เอาให้ไฟช๊อคขึ้นสมองมันเลย ต้องขอโทษครูอาจารย์ทุกท่านด้วย ผมใช้วิชาช่วยคนไว้ป้องกันตัวนะ ไม่ได้พรากชีวิตใครไป เดี๋ยวค่อยแก้คืนให้

           ผมจับหัวของไคร์นกอดเอาไว้ เขายังไม่เลิกกลายร่างสลับไปมาอยู่เลย อ๊ะ...มือถือของไคร์นล่วงอยู่ ผมรีบยกขึ้นมาแล้วกดหนึ่งและกดโทรออกทันที

           “วังเด  สักกุดา หัตตา ลักษะวิตตา...” บทสวดภาษาอะไรวะเนี่ย พิลึก ผมรีบพูดดีกว่า

          “ทาเคชิ ไคร์นแย่แล้ว...เขา...” ผมพูดยังไม่ทันจบ ทาเคชิก็มาโผล่ที่ด้านหน้าผมแล้ว

          “ยกหัวเขาขึ้น...” ทาเคชิช่วยประคองต้นคอของไคร์นแล้วใช้ผ่ามือจับที่หน้าผากของเขา มีกระแสไฟฟ้าแปลบปลาบไปมาตามตัวของไคร์นซักพักก็หยุดลง ไครืฯกลับเป็นเหมือนเดิมแล้วแต่ดูเขาอ่อนแรงมากและไม่ได้สติ

          “ไคร์นจะเป็นอะไรไหม...จะหายไหม...ทาเคชิช่วยด้วยนะ...” ผมขอร้องทั้งน้ำตาล ไคร์นดูอ่อนแอเหลือเกิน ผมไม่ชอบเลย รีบตื่นขึ้นมาซิ ไอ้หมีหื่น

          “เอาหละ เสร็จแล้ว...เดี๋ยวข้ายกมันเอง น้องกาลตามมานะครับ” ทาเคชิประคองร่างของไคร์นขึ้นแล้วเดินไป ผมก็มัวแต่เช็ดน้ำตาลอยู่เลยเดินช้าหน่อย

          “จะไปไหน...” เสียงแผ่วต่ำดังขึ้น มือหยาบหน้าจับที่แขนผม พร้อมทุกอย่างก็ดำมืดลง
          .

          .

          .

          .

          .
           ทุกอย่างมันพร่าเลือนไปหมด ผมต้องกระพริบตาหลายครั้งก่อนที่จะจับโฟกัสได้เป็นปกติ ตอนนี้ผมนอนอยู่บนเตียงไม้ที่มีผ้านวมเก่าๆปู แสงแดดสีส้มบ่งบอกถึงเวลาเย็นแล้ว ห้องนี้คับแคบ แต่ไม่สกปรกเลย ดูเก่าแต่สะอาดตา ผ้าลูกไม้สีขาวโปร่งพัดปลิวน้อยๆที่หน้าต่าง ผมมองออกไปก็เจอแต่ป่า ไม่มีแสงไฟเลย ผมเดินสำรวจห้องซักพักประตูก็เปิดออก

          “มนุษย์...ตามข้ามา” ไอ้หมีผมทองแดงมันพูดให้ผมเดินตามมันไป ผมว่าในสถานการณ์แบบนี้ การดื้อ ดูท่าจะให้ผลเสียแน่นอน สู้ลุยหน้าไปเลยดีกว่า ไม่กลัวหรอกอยุ่มันมาแบบคนนะ ถ้ามาแบบหมีหนูกลัว...

          มันพาผมเดินออกมาจากบ้านไม้ มายังลานหน้าบ้าน มีกองไฟถูกจุดอยู่ตรงกลาง ผมเห็นคนอยู่รอบกองไฟประมาณสิบห้าคนและตัว มีทั้งผู้ชาย ผู้หญิง หมีและลูกหมีตัวเล็กๆ ทำกิจกรรมต่างๆที่ลานกว้างนี้ พอผมเดินมาใกล้ ทุกคนต่างหยุดแล้วจ้องมองมาที่ผมคนเดียว

          เชิดหน้าเข้าไว้ อย่าให้มันรู้ว่าเรากลัวเด็ดขาด

          “ว่ายังไง...อาหารค่ำ” ไอ้ตัวผมสีทองซีดมันหายดีแล้วเดินเข้ามาหาผมด้วยสายตาที่น่ากลัวมาก ผมไม่อยากพูดกับมันหรอก

          “ข้าจับคู่ของมันได้...มันจะเป็นอะไรขึ้นอยู่กับข้า...ไม่ใช่แก...คาร์”

          “แต่แกไม่ใช่หัวหน้า...”

          “แต่ถึงยังไงข้าก็ขอโหวตให้เป็นมื้อค่ำนะ อีธาน” เด็กวัยรุ่นคนนึงพูดขึ้น อ๋อไอ้หัวทองแดงนี่ชื่ออีธานเหรอ

          “งั้นข้าจะพาไปหาหัวหน้าเอง...ว่ามันจะเป็นอะไรระหว่าง มื้อค่ำ หรือ ของเล่น...” มันหันมาทำหน้าหื่นใส พวกแกนี่เห็นผมเป็นอะไรเนี่ย

          ผมถูกโยนเข้ามาในห้องๆหนึ่ง ผมยันตัวขึ้นนั่งกับพื้นมองไปรอบๆ มันกว้างและมีแสงไฟจากหลอดนีออนส่องให้เห็นสภาพภายใน มันมีเพียงเตียงกับตู้ไม้ขนาดใหญ่ที่มีหนังสืออยู่เต็มเท่านั้น ดูเรียบง่ายยังไงก็ไม่รู้ แต่ที่ต้องตกใจก็คงที่มีคนตัวใหญ่นอนหันหลังอยู่บนเตียงนี่แหละ ผ้าห่มคลุมอยู่เพียงระดับเองเขา แผ่นหลังเปล่าเปลือยอุดมไปด้วยมัดกล้ามที่สวยงาม ผมสีน้ำตาลไหม้ประกายทองซอยสั้นด้านหลังดูยุ่งเหยิงเล็กน้อย แค่มองหลังผมก็รู้ว่าชายคนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาแข็งแกร่งอย่างแท้จริง

          ผมเลยเดินไปที่ตู้ไม้นั่น ดูชื่อหนังสือไปเรื่อยๆแต่ก็ต้องสะดุดกับหนังสือเล่มนึง แคลคูลัส โห...หมีคิดเลขได้ด้วยแฮ๊ะ ผมหยิบออกมาเปิดไปดูหลังปกก็ต้องชะงักงัน ชื่อเจ้าของหนังสือเขียนด้วยภาษาไทย เป็นลายมือที่ผมรู้จักดี น้ำตาลผมไหลลงอาบแก้ม มันไม่จริงใช่ไหม... ไม่จริงใช่ไหม...

          ผมวางหนังสือเล่มนั้นลงแล้วเดินไปที่เตียง ผมลองเอามือไปแตะที่หัวไหลเขาเพื่อจะถามแต่มือใหญ่กลับดึงผมลงไปนอนแผ่กลางเตียงพร้อมกับร่างของเขาที่ขึ้นมาค่อมตัวผมอย่างว่องไว

          ใช่จริงๆ...

          ตาของเราประสานกัน เขาทำหน้าตกใจแต่ผมซิ น้ำตายังนองหน้าอยู่เลย

          “พี่มาร์ค...”

         “เฮ้ย...น้องกาล”

===============================================================

เป็นยังไงกันบ้างครับ หวังว่าคงจะชอบนะครับ

เรื่องของทาเคชิ ผมวางโครงไว้เรียบร้อยแล้วครับ เดี๋ยวจะไปเป็นพระเอกในเรื่องต่อๆไป

เรื่องนี้มีหลายภาคนะครับ บอกไว้ก่อน อิอิ

หวังว่าคงยังไม่เบื่อกันนะครับ จะพยายามลงบ่อยๆเท่าที่ทำได้นะครับ

แล้วพบกันตอนหน้านะครับ ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ

รักคุนอ่านทุกคนครับ โดยเฉพาะคนเมน :L1:

 :bye2: :bye2: :bye2:

หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 16 (การกลับมาของรักแรก 22-05-54)
เริ่มหัวข้อโดย: Windend ที่ 22-05-2011 19:25:43
555 ลืมลงรูปรักแรกของน้องกาลไป

นี่ครับ รูปตาพี่มาร์ค หล่อไหมหละ หล่อแบบหมีๆ อิอิอิ

(http://image.ohozaa.com/i/a58/chrishemsworth1.jpg) (http://image.ohozaa.com/show.php?id=48853eb79c858c85e09852ca5fe8b449)
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 16 (การกลับมาของรักแรก 22-05-54)
เริ่มหัวข้อโดย: NY_JK ที่ 22-05-2011 22:06:48
 :-[รูปพี่มาร์คหล่อมาก กาลจะทำยังไงเนี่ยดันมาเจอรักแรกซะงั้น
ภาคต่อไปขอทาเคชิเป็นพระเอกได้ป่ะ
ปล.ชอบปรัม(ถึงจะออกมาแค่ตอนเดียวแต่ก็ชอบ)
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 16 (การกลับมาของรักแรก 22-05-54)
เริ่มหัวข้อโดย: mimasopu ที่ 22-05-2011 22:20:55
พี่มาร์คหน้าเหมือนหมีจริงด้วยอะ
ตาปุกปุยจะเป็นไรไหม แล้วนี่นู๋กาลไปโผล่ไหนหละเนี่ย
พี่มาร์คเป็นใคร(นายก?)เค้าตื่นมาแล้วจะทำอะไร
เราสงสัยเยอะไปไหม

จะรออ่านตอนต่อไป และ เป็นกำลังใจให้นะคะ  :bye2:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 16 (การกลับมาของรักแรก 22-05-54)
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 22-05-2011 23:03:32
ป่านนี้ หมีไคร์น จะเป็นอย่างไงนะที่ น้องกาล หายไป ?
แล้วถ้ารู้ว่า น้องกาล มาเจอรักแรกอย่าง หมีมาร์ค พี่แกคงได้คลั่งแน่  :serius2:
ว่าแต่ น้องกาล ดวงเนื้อคู่สมพงษ์กับหมีนะเนี่ย คนก่อนก็หมี คนนี้ก็หมี....
 
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 16 (การกลับมาของรักแรก 22-05-54)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 23-05-2011 00:32:23
ตายล่ะ จะทำยังงัยล่ะนั่น รักแรกของน้องกาล
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 16 (การกลับมาของรักแรก 22-05-54)
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 23-05-2011 09:14:11
โอ้วว รักแรก
เห็นหน้าพี่มาร์คแล้วเลือกไม่ถูกเลยแฮะ ฮา

เชียร์กาลควบสอง ฮา  :laugh:

me/ โดนหลายๆคนกระทืบ  :z6:
หัวข้อ: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 17 (รักซ้อน 24-05-54)
เริ่มหัวข้อโดย: Windend ที่ 24-05-2011 18:20:26
สวัสดียามเย็นนะครับ

วันนี้พอดีมีเวลานิ๊ดหน่อยเลยรีบมาปั่นให้อ่านกันนะครับ

ถ้าสะกดผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับทุกคน

เรามาต่อกันดีกว่า

===============================================================

ตอนที่ 17 รักซ้อน

          กาล

          ผมคิดเสมอว่าเขาตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อน ภาพต่างๆระหว่างเรามันยังชัดเจนดี

          หลายปีก่อนผมได้รับทุนไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่เนเธอแลนด์ที่ผมใฝ่ฝันถึง โรงเรียนมัธยมของที่นี่ก็นับว่าดีและทันสมัยมากเลย แต่ใจผมอยากจะไปอยู่ที่เดียวเท่านั้น สวนดอกไม้กูเกนฮอฟ และเป็นที่ที่ผมได้พบกับเขา มาร์คัส

          ผมนั่งบนพื้นหญ้านุ่ม มือก็กำดินสอ2Bขีดเส้นแลเงาไปมาบนกระดาษเนื้อหนาที่ซื้อมาจากคอนวีเนียนใกล้บ้านพัก พี่สาวคนขายใจดีมากเธอแถมบางลบมาให้ด้วย ผมว่าเธอต้องคิดว่าผมเป็นเด็กประถมแน่ๆ ผมอยู่ม.6 แต่ส่วนสูงพึ่งจะแตะที่ร้อยหกสิบเอง มันเป็นโศกนาตกรรมสำหรับผมแล้ว 

          ลายเส้นจากดินสอถูกขีดตวัดไปเรื่อยๆ อากาศหน้าร้อนที่นี่ยังเย็นสบายอยู่ แสงแดดยามบ่ายอ่อนๆ นกร้องและลมพับเอ่ยๆ หลังผมค่อยๆเอนลงจนไปพิงเข้ากับอะไรบางอย่างแข็งๆ ผมว่าน่าจะเป็นต้นไม้หรือไม่ก็ก้อนหินนะและก็หลับไป

          ผมรู้สึกว่ามีอะไรไหวๆที่หลังผม ลืมตามองบนฟ้าเริ่มเป็นสีส้มอ่อนๆแล้ว ผมคงหลับไปนานนี่ท่าจะเย็นแล้ว ขอบิดขี้เกียจซักทีเถอะ อื้อยยยยยย....สบาย อ๊ะ...อ้าว...นี่ผมมานอนหนุนท้องใครหละเนี่ย มองไปทางซ้าย โห...แม่เจ้า...มันใหญ่และยาวมาก...ขาครับพี่น้อง ขาที่สวมกางเกงยีนสีซีดๆไม่ใส่รองเท้า เป็นเท้าที่สวยนะ เล็บตัดอย่างเป็นระเบียบ รูปร่างไม่บิดเบี้ยวแต่มองดูแล้วเต็มไปด้วยชีวิตและพละกำลัง อ๊ะ...กระดิกด้วย...

          ผมเลยเอาดินสอในมือวาดลายเส้นรูปเท้าเขาดูโดยยังนอนหนุนท้องเขาอยู่ ก็มันลืมอะ...พอใกล้จะเสร็จก็ได้ยินเสียงหัวเราะขึ้นทางขวา ท้องที่ผมหนุนอยู่กระเพื่อมไหว ตายหละหว่า นี่เราหนุนท้องเขาตั้งนานแล้วยังวาดรูปเท้าเขาอีก จะโดนเตะไหมหว่า?? ผมเลยค่อยๆหันไปทางขวา ชายคนที่ผมนอนหนุนท้องเขามองมาที่ผมด้วยรอยยิ้มที่แทบทำให้ผมละลายเลย มันเท่ห์มากกกกก ตาสีฟ้าจางกำลังยิ้มพร้อมกับริมฝีปากสีชมพูอ่อน ฟันเขาเรียงกันสวยมาก มันช่างพอเหมาะพอเจาะเลยทีเดียว เขาเอามือประสานกันไว้ที่ท้ายทอยทำให้เห็นกล้ามแขนเป็นมัดๆ

          เห็นแล้วอยากกัดดูซักคำจัง

          เขาสวมเสื้อกล้ามสีดำมันช่างเปิดเผยแผงอกเขาจริงๆ นี่ผมได้นอนหนุนท้องของเทพบุตรคนนี้เลยเหรอเนี่ย บุญหัวของไอ้กาลจริงๆ

          เขาทำมือทำไม้เหมือนอยากให้ผมวาดรูปต่อ ก็เลยฉลองศรัทธาโดยจะลุกขึ้นนั่งเพื่อจะได้วาดให้ถนัดๆ แต่ก็โดนมือใหญ่ดึงให้นอนหนุนท้องเขาเหมือนเดิม ผมหันไปหาเขาอีกที เขาก็ทำมือเชิงให้วาดต่อ ผมเลยต้องนอนหนุนท้องเขาแล้ววาดรูปต่อให้เสร็จ
ระหว่างที่วาดรูป กลิ่นกายของเขาหอมอ่อนๆ สดชื่นเหมือนได้กลิ่นของท้องทุ่งกว้าง โอ้ย...จะหลับอีกแล้ว...และแล้วผมก็หลับไปอีกรอบจนได้

          ผมตื่นขึ้นมาอีกทีปรากฏว่าผมมานอนที่ม้านั่งยาวแล้ว บนตัวผมมีเสื้อหนังสีดำตัวใหญ่มากคลุมผมเอาไว้ ต้องเป็นของเขาแน่ๆ ผู้ชายอะไรทั้งหล่อ ทั้งเท่ห์ ใจดีอีก แมนโคตรๆ

          สมุดวาดรูปหน้าล่าสุดของผมถูกฉีกออกไป แต่มีข้อความเขียนทิ้งท้ายไว้ประมาณว่า ขอบคุณเรื่องภาพที่วาดแล้วรีบกลับบ้านได้แล้ว ดูเขาเป็นห่วงผมเหมือนกันนะเนี่ย แหม...ดูท่าว่าผมจะหลงรักสวนแห่งนี่แล้วซิ
         
          .

          .

          .

          วันต่อมาผมเดินกลับจากโรงเรียนว่าจะเข้าไปที่ธนาคารซักหน่อย จะไปกดตังค์ไปซื้อกางเกงยีนสีซีดๆมาใส่มั่ง คงจะเพิ่มความเท่ห์ให้ผมมั่ง...คงงั้นนะ...ตอนออกจากธนาคารแล้วเดินไปตามทางซักพักก็ได้ยินเสียงบีบแตรทางด้านหลังผม มอเตอร์ไซด์คันใหญ่ขี่ถลำขึ้นมาบนฟุตบาทผู้คนต่างๆต้องคอยหลบกัน...แต่ผมหันไปช้า มันใกล้มากๆยังไงก็หลบไม่ทันแล้ว โดนแน่ๆ แต่แล้วก็มีมือใหญ่ฉุดผมให้หลบอย่างหวุดหวิดหัวผมประทะเข้ากับแผงอกแกร่งนั่น กลิ่นหอมคุ้นเคยเข้าจมูกผม อา...ใช้แล้ว...กลิ่นเหมือนกับเขาคนเมื่อวาน ผมเงยหน้ามองก็ใช่จริงๆด้วย เขานั่นเอง

          “ไม่โดนชนนะ...” เขาพูดภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงที่เพราะมาก ผมว่าผมฟังเขาพูดได้ทั้งคืนเลย

          “ครับ...อยู่ดีครบถ้วน...”

          “555...เจอกันอีกแล้วนะ...ชื่ออะไรเรา” เขาถามผมด้วยเสียงที่มีเสน่ห์จริงจริง ตาขายิ้มได้ด้วย เวลาที่เขายิ้มมันดูอบอุ่น แอบดูพราวเสน่ห์อีก

          “กาล ผมชื่อกาล แล้วพี่หละ”

          “มาร์คัส เรียกมาร์คก็ได้...จะไปไหนหละ แล้วผู้ปกครองของนายไปไหนหละ ปล่อยให้เด็กมาเดินคนเดียวได้ยังไงกัน”

          “มาร์คคร้าบบบ...ผมม.6แล้วนะ”

          “อ้าว...เหรอ...นึกว่าอยู่ระดับประถมนะเนี่ย” เวงจริงๆ

          “โห...ใจร้ายอะ...”

          “555...ไม่เอาน่า...ล้อเล่นน่า” อยู่ๆท้องของผมกับของมาร์คก็ดังพร้อมๆกัน โอ๊ะโอ๋...ลูกรักของผมคำรามแล้ว เรามองหน้ากันแล้วยิ้มแห้งๆ เหอๆๆๆ เขินนะเฟ้ย

          “ไปกินมื้อกลางวันกันไหม กาล...”

          “ได้เลย...พี่มาร์ค...แล้วจะกินอะไรหละ ผมมีตังค์ไม่มากนะ”

          “ไม่เป็นไร...คิดว่าเป็นค่าวาดภาพให้ก็พอแล้ว”

          “งั้นนำไปเลย” มาร์คัสจูงมือผมเดินไปยังร้านขายเบอร์เกอร์ร้านใหญ่ตรงหัวมุมถนนนี้เอง ผมเคยมากินสองรอบนะ ขนาดและความอร่อยของเขานี่สุดยอด ขอบอก ขณะที่เราทานกันไปคุยกันไปหลายเรื่องเหมือนกัน

          “นายเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนทุนแมคซิลเวียร์เหรอ...แล้วมาจากประเทศอะไรหละ” มาร์คัสถามผมขณะที่เราทานเบอร์เกอร์ชิ้นที่ห้ากันไป หมายความว่า เขาทานชิ้นที่ห้า ผมก็ด้วย อิอิอิ สามารถครับท่าน

          “ใช่เลยฮะ...ผมมาจากประเทศไทยฮะ”

          “แล้วมีเพื่อนบ้างหรือยังหละที่โรงเรียนนี้”

          “ก็มีนะ...แต่...”

          “อ้าว...มีแต่ด้วย...แล้วแต่อะไรหละ...”

          “แต่...ดูท่าทางแล้ว...มันอยากได้ผมเป็นเมียมากกว่าเพื่อนนะซิฮะ”

          “555 ทำใจเถอะ...ที่นี่เขาเสรีเรื่องนี้ กาลน่ารักจะตาย ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร”

          “งะ...ไม่เอาหรอก...สูงๆรีบๆแบบนั้น อึ๋ย...สยอง ไม่ใช่สเป๊กเลย...”

          “555...แล้วแบบไหนหละ สเป็กของนาย”

          “ก็ต้องสูงใหญ่ อายุมากกว่า ดูอบอุ่น...”

          “อ้าว...กาลเป็นเกย์เหรอ” ชิบหายแล้ว ผมเผลอหลุดอะไรออกไปหละเนี่ย เกิดเขาเหยียดเกย์ขึ้นมาแล้วไม่จ่ายค่าเบอเกอร์ให้นี่ตายแน่ๆ

          แต่แม่สอนไว้ว่า จงเป็นตัวของตัวเองถ้าอยากเจอคนจริงใจ เสแสร้งไปก็เจอเสแสร้งกลับ ไม่มีประโยชน์ แม่ผมสอนดีใช่ไหมหละ ไอ้ผมมันก็บ้าอยู่แล้ว เหอๆๆๆ

          “ใช่...อนุญาตให้มาร์คจีบได้นะ 555” เอาซิ ดูซิจะทำไง

          “อ้าว...จริงเหรอ...งั้นไม่เกรงใจนะ...” มาร์คัสจับมือผมลุกออกจากโต๊ะ เขาจ่ายตังค์เสร็จแล้วพาผมเดินออกจากร้านมายังตึดใหญ่ตึกนึงใกล้ๆ แล้วจะพามาทำอะไรเนี่ย ชักจะไม่ปลอดภัยแล้วแฮ๊ะ

          “ปล่อยก่อนเถอะนะ...มาร์คจะพาไปไหนเนี่ย”

          “ก็ง่ายๆ...ก็จะทำให้กาลเป็นแฟนผมไง ต้องเริ่มจากทำความรู้จักทางกายวิภาคกันก่อน...”

          “หา...จะบ้าเหรอไง มาร์ค...ทำความรู้จักกันแบบนี้ก่อนเลยเหรอ ให้เวลาเตรียมใจหน่อยซิ นะนะ” อ้อนเข้าไว้ ไม่งั้นพรุ่งนี้ไม่ได้ไปเรียนแน่ อย่างน้อยขอเป็นคืนวันศุกร์แทนน่าจะดี ...เอ...อันนั้นไม่ใช่ประเด็นแฮ๊ะ...นี่เราเจอกันแค่สองครั้งแล้วจะลากขึ้นเตียงเลยเหรอเนี่ย

          จากวันนั้นผมกับมาร์คก็คบกันเรื่อยมา เขาบอกว่าเขาทำธุรกิจหลายอย่าง ตอนนี้เป็นประธานมูลนิธิแม็คซิลเวียร์ ซึ่งก็เป็นผู้ออกทุนให้ผมเรียนนี่แหละ เขาดูหนุ่มมาก ไม่น่าจะเกินยี่สิบสี่ยี่สิบห้าปี และเท่มากเลย

          ต้องยอมรับหละครับว่าตอนนั้นผมหลงเขาหัวปักหัวปำเลย

          เรื่องมันเกิดในวันที่ผมเรียนจบแล้วอีกสัปดาห์จะกลับประเทศไทย เขาสัญญาว่าวันรุ่งขึ้นจะพาผมเข้าบ้านแม็คซิลเวียร์ ผมก็ดีใจนะ ผมไม่เคยไปเที่ยวที่นั่นเลย เคยแต่ผ่านๆเท่านั้นเอง แต่พอรุ่งขึ้นสิ่งที่ผมเจอก็คือ คฤหาสน์ตระกูลแม็คซิลเวียร์ถูกเผาพินาศทั้งหมดแล้ว ผมยืนค้างอยู่อย่างนั้น ความสวยงามที่ผมเจอในชีวิต ความรัก ความสุข และคนรักของผมสลายไปแล้ว ผมร้องไห้ฟูมฟายจนสลบจนต้องให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยพาส่งโรงพยาบาล พอผมฟื้นก็ต้องกลับประเทศไทยและไม่ได้ข่างคราวอีกเลย

          ปัจจุบัน

          “กาล...มาได้ยังไง” สายตาของเขามองผมยังเหมือนเดิม เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ความอ่อนโยนและโหยหา สายตาที่มองแต่ผมคนเดียวเรื่อยมา

          “พี่มาร์ค...มันเกิดอะไรขึ้น...แล้วพี่...เป็นหมีเหรอ...”

          “เอาเรื่องไหนก่อน ฮันนี่...” มาร์คมองมาที่ผมอย่างดีใจและกระตือรือร้น ก่อนที่ผมจะถามเขาก็พูดออกมาเสียก่อน

          “เอางี้นะ กาล...ผมเป็นเออซูไรด์คาตากาเรีย...คืนนั้นพวกไทการ์อาเคเดียนมาบุกทำลายบ้านพวกเรา เหตุผลก็ง่ายๆ เรื่องธุรกิจ พวกอาคาเดียนโสโครกมันละโมบ มันคิดจะยึดตลาดสายเคเบิลไยแก้วของตระกูลแม็คซิลเวียร์ และมันก็ทำสำเร็จอีกด้วย” เสียงของเขาช่างประชดประชันและขมขื่นมาก

          “แล้วพี่รอดมาได้ยังไงเหรอ...แล้วทำไมไม่ติดต่อผมเลยหละ”

          “พี่ฝ่าวงล้อมพวกมันออกมาได้กับพวกลูกน้องในฝูงอีกไม่มาก พ่อแม่และพวกพี่ชายของผม ตายหมด พวกเราต้องหลบหนีไปเรื่อยๆ ลงใต้มาที่อัฟกานิสธาน เราเห็นพระพุทธรูปที่พวกมนุษย์ทำลาย กาลเคยบอกผมว่า ประเทศไทยเป็นเมืองแห่งศาสนาพุทธ พม่า ลาวและกัมพูชาก็ใช่ ตอนแรกข้าจะไปยังประเทศไทย แต่พวกเราต้องเลาะตามป่าเขา มาโผล่อีกทีก็มาอยู่ที่กัมพูชาแล้ว หกเดือนมานี่เราต้องปรับตัวกันมากเลย กาลคิดดูนะ จากเย็นสบายมาเจอร้อน แทบตาย...” พี่มาร์คอธิบายไปแต่ก็ยังนอนคร่อมตัวผมอยู่ แล้วผมก็รู้สึกว่ามันมีแท่งแกร่งร้อนขนาดใหญ่ทิ่มที่หน้าขาของผมไปมา หมีมาร์คนี่ยังหื่นเสมอต้นเสมอปลายจริงๆเลย

          “กาล...รู้ไหมพี่ไม่เคยลืมเธอเลยนะ พี่คิดถึงเธอตลอดเวลาเลย รู้ไหมฮื้มมม” มาร์คเอาจมูกมาซุกไซที่ข้างหูผมแล้วเลยมาที่ซอกคอก่อนจะหยุดแล้วเงยหน้ามองผมแบบแปลกๆ แหมทำต่อจิกำลังได้อารมณ์

          “กาล...พี่รักกาลนะ...” พี่มาร์คกดจูบลงมาอย่างอ่อนโยนแต่หนักหน่วง มันช่างโหยหาและเต็มตื่นเหลือเกินที่ผมได้มาเจอเขาอีกครั้ง รักครั้งแรกที่ถวิลหา

          “โอ๊ยๆๆๆ” พวกเราสองคนสะดุ้งเพราะความร้อนที่มือ ผมหงายมือขวาแล้วพบสัญลักษณ์เนื้อคู่ที่มือขวา มันเหมือนกับที่เป้นของไคร์นที่มือซ้าย แต่ต่างสีกัน มาร์ครับจับมือขวาของผมขึ้นมาดูพร้อมกับยิ้มดีใจแบบสุดๆ

          “ว้าวววว...เยี่ยมเลย...มันต้องแบบนี้ซิ...กาลต้องเป็นคู่ของผมแน่นอนแล้ว...”

          “เออ...พี่มาร์ค...คือว่า...ไม่อยากขัดหรอกนะ แต่ดูนี่” ผมชูมือด้านซ้ายที่มีสัญลักษณ์แบบเดียวกันให้มาร์คดู เขาทำตาโตก่อนจะอุทานออกมาก

          “อีโรคจิตสามตัวมันทำอะไรของมันวะ...”

===============================================================

เหอๆๆๆ เป็นยังไงกันบ้างครับ

ใครลุ้นว่าจะยังไงกันต่อ จะ3Pไหม ทาเคชิกับหมีไคร์นจะเป็นยังไง

ก็รอติดตามกันต่อไปเน้อ

อย่าพึ่งเบื่อกันก่อนนะครับ

ขอขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ

รักคนอ่านทุกคนนะครับ โดยเฉพาะคนเมนท์ :L1:

 :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 17 (รักซ้อน 24-05-54)
เริ่มหัวข้อโดย: debubly ที่ 24-05-2011 20:30:45
 :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 17 (รักซ้อน 24-05-54)
เริ่มหัวข้อโดย: woradach ที่ 24-05-2011 21:06:46
อุ๊ยมีหมีเพิ่มมาอีกตัว ชอบหมีจังเลย แหะๆ น่ารักน่ากอด แต่ทำไมหมีหื่นจัง เง้อ
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 17 (รักซ้อน 24-05-54)
เริ่มหัวข้อโดย: mimasopu ที่ 24-05-2011 21:11:25
3pppp :jul1:

click like   “อีโรคจิตสามตัวมันทำอะไรของมันวะ...” 555

มันเริ่มจะสับสนละว่าใครจะคู่ใคร หรือว่ามากันเป็นหมู่คณะ?

หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 17 (รักซ้อน 24-05-54)
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 24-05-2011 21:21:43
เรื่องของหมีมาร์คกับน้องกาล โรแมนติกสุด ๆ
ยิ่งตอนพบกันครั้งแรกในสวนดอกไม้ นอนหนุนพุงไป วาดรูปไป ไม่ไหวจะเคลียร์  :-[
แต่แม่เทพธิดาสามสาวนั่น นอกจากแผน Y Attack แล้ว ยังมีกลยุทธ์ 3P อีกหรือนี่???
โอ้...แผนการของพวกคุณเธอในครั้งนี้ ช่างไร้เทียมทานยิ่งนัก !!!
 
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 18 (SEX & CITY ภาคโอลิมปัส)
เริ่มหัวข้อโดย: Windend ที่ 25-05-2011 21:09:06
วันนี้มาลงให้นิ๊ดนึงอีกหละ จะพยายามนะครับ

มาต่อกันเลยครับ

==========================================================

ตอนที่ 18 SEX & CITY ภาคโอลิมปัส

          วิหารเดอะ เฟทส์ เขาโอลิมปัส

          เสียงหัวเราะร่วนของโคลโธดังลั่นออกมาจากประตูวิหารเมื่อแลคเคซิสเดินเข้ามาพร้อมกับถุงของช๊อปปิ้งมา

          “อารมณ์ดีเหลือเกินนะ โคลี่” เธอวางถุงลงก่อนจะสะบัดมือที่ถืออยู่

          “555...จะไม่อารมณ์ดีได้เหรอ แผนเราไปได้สวยเลย ไม่น่าเชื่อมันจะบังเอิญขนาดนี้” โคลโธวางไอแพทลงก่อนจะหันไปสนใจของในถุงที่แลคเคซิสวางไว้

          “เราเป็นลิขิตเทพ อย่าให้ใครได้ยินว่าเราเกิดบังเอิญไปทำอะไรขึ้นหละ ทุกอย่างมันต้องมาจากเจตจำนงของเราเท่านั้น โคลี่” อโพโทสพูดโดยไม่ได้ปลายตาไปมอง เพราะยังอ่านสายใยแห่งชีวิตของใครบางคนอยู่

          “เอาน่า โพล เล็กๆน้อยๆ ดูผลของมันดีกว่า ตอนนี้ เหรียญสองด้านกำลังจะได้ห้ำหั่นกันเองแน่ ทายาทสายตรงของไลคาออนจะได้สูญสิ้น อย่างน้อยก็หนึ่งสายพันธุ์”

          “ดราโกส ไลแคนโธป หรือ เออซูไรด์หละ” อโพโทสถามกลับอย่างรวดเร็ว

          “เออซูไรด์”

          “เออซูไรด์ที่ข้ารู้มีอยู่ตั้งหกตระกูลนี่ที่เป็นสายหลัก” แลคเคซิสให้ความเห็น

          “งั้นต้องจำไว้ใหม่แล้วว่าเหลือแค่สี่ พวกเพลเทีย กับพวกแม็คซิลเวียร์ สองตะกูลนี้เตรียมสูญพันธุ์ได้เลย 555” พวกเพลเทียเป็นเออซูไรด์อาร์เคเดียน ส่วนแม็คซิลเวียร์เป็นเออซูไรด์คาตากาเรีย

          “แล้วพวกที่เหลือ จะให้ข้าดำเนินการแผน Y’ Attack ต่อไหม” แลคเคซิสถามขณะกำลังลื้อของออกจากถุงช๊อปปิ้งออกมา

          “ข้าก็อยากให้เป็นอย่างนั้นนะ ลากี้ แต่มันยังติดที่เธเนี่ยนอยู่ สี่ตระกูลหมีที่เหลือมันอยู่ในการคุ้มครองของซาวิทาห์ เราอย่าพึ่งยุ่งเลยดีกว่า อ๊ะ...มาสคาร่าสีนี้สวยจัง ชิมมิ่งด้วย..ข้าขอ...”

          “งั้นเราเอายังไงดีหละ” แลคเคซิสรับคว้าตลับมาสคาร่ากลับมาจากมือของโคลโธ โคลโธทำหน้าไม่ค่อยพอใจใส่

          “พวกเจ้าลองทำกับพวกไลแคนโทปสิบสองตะกูลดูซิ หรือจะลองกับดราโกสแปดตะกูลดูก็ได้ ไม่เห็นจะต้องไปที่จุดใดจุดเดียวเลย” อโพโทสพูดขึ้นหลังจากวางสายใยแห่งชีวิตลงแล้วไปนั่งที่ขอบสระส่องนภา

          “ความคิดเยี่ยมสุด พี่ข้า ออ...ข้ามีปัญหาอย่างหนึ่งด้วย ข้าหนักใจอยู่ไม่รู้จะเป็นตัวแปรสำคัญในแผนของเราหรือเปล่านะ”

          “อะไรเหรอ”

          “เด็กไทยคนนี้มีอะไรที่แปลกๆอยู่” โคลโธหันไปดูอีกถุงว่ามีอะไร ปรากฎว่าเป็นครีมอาบน้ำหลายกลิ่นหลายยี่ห้อ

          “ยังไงเหรอ โคลี่”

          “ชะตาของมันไม่เสถียฐ จะยาวจะสั้นจะสูงจะต่ำ ข้าจับทิศไม่ได้เลย เหมือนกันมันได้รับการคุ้มครองจากพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่อยู่”

          “แล้วพลังแบบไหนหละที่เจ้าว่า...”

          “แหล่งพลังปฐมภูมิ...”

          “เป็นไปไม่ได้...” อโพโทสหันไปหาน้องสาวของเธอ แสงในตาวาวออกมาเป็นสีแดงเข้มดูน่าหวาดหวั่น แต่โคลโธยังเปิดขวดครีมอาบน้ำแต่หละขวดดมดูไปเรื่อยๆ

          “ข้าจึงต้องตรวจสอบดูอีกที่ไง บางทีอาจจะไม่มีอะไรก็ได้หนิ โพล”

          “จงระวังก็แล้วกัน” อโพโทสหันกลับไปทางสระส่องนภา สระน้ำใสสามารถสะท้อนภาพที่ต้องการจะเห็นได้

          “เมื่อบ่ายข้าไปห้างแฮลอทมาหละ ได้ลิปใหม่มา ลองกันดูไหม โคลี่”

          “เอาซิๆ...ไปกันเลยลากี้”

          “นี่...สระส่องนภา ไม่ใช่กระจกแต่งหน้านะ...” เสียงอโพโทสดังลั่นวิหารจนเขาโอลิมปัสสะเทือนไปครู่หนึ่งเลยทีเดียว

========================================================

เหอๆๆๆ วันนี้แค่นี้ก่อนนะครับ

แต่มีแถมนะ อิอิอิ

ต่อไปเป็นข้อมูลตัวละครหลักของเรื่องนี้นะครับ

อ่านไปก็จิ้นกันไปเน้อ

============================================================

(http://image.ohozaa.com/i/260/rickmalambri732994l.jpg) (http://image.ohozaa.com/show.php?id=390cefc67de674fbcfc399b82a70acdc)

พี่หมีไคร์น
ชื่อเต็ม ไคร์น เพลเทีย
เกิด 1958 ที่นิวออร์รีน รัฐหลุยเซียน่า อเมริกา
สัดส่วน สูง 195 cm หนัก 92 kg
เชื้อสาย อาร์เคเดียนเผ่าหมี
อาชีพ นักศึกษาปริญญาโทด้านโบราณคดีกรีก เจ้าของร้านซ่อมคอมพิวเตอร์ครบวงจร มีหุ้นในธนาคารสามแห่งในรัฐหลุยเซียน่า
งานอดิเรก ตกปลา ว่ายน้ำ ขับรถแข่ง เก็บแต้มสาวๆ

(http://image.ohozaa.com/i/a58/chrishemsworth1.jpg) (http://image.ohozaa.com/show.php?id=48853eb79c858c85e09852ca5fe8b449)

พี่หมีมาร์ค
ชื่อเต็ม มาร์คัส แม็คซิลเวียร์
เกิด 1960 อัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์
สัดส่วน สูง 197 หนัก 96 kg
เชื้อสาย คาตากาเรียเผ่าหมี
อาชีพ ประธานมูลนิธิแม็คซิลเวียร์
งานอดิเรก ขี่มอเตอร์ไซด์ ว่ายน้ำ สะสมการ์ดเมจิคกัตเตอร์ริ่ง

(http://image.ohozaa.com/i/7d9/1222391.jpg) (http://image.ohozaa.com/show.php?id=90c45af8902f90fcedaaedd90e1a03a6)

พี่ทาเคชิ
ชื่อเต็ม ทาเคชิ
เกิด ไม่มีข้อมูล
สัดส่วน สูง 207 cm หนัก 90 kg
เชื้อสาย ไม่มีข้อมูล
อาชีพ ไม่มีข้อมูล
งานอดิเรก ไม่มีข้อมูล

(http://image.ohozaa.com/i/16c/7jj2].jpg) (http://image.ohozaa.com/show.php?id=383010ef73bcfe0c7effb1403aed239f)

น้องกาล
ชื่อเต็ม กาล อัคราศิลป์
เกิด 1988 จันทบุรี
สัดส่วน สูง 165 หนัก 56 kg
เชื้อสาย ลูกครึ่ง ไทยจีน
อาชีพ ว่างงาน
งานอดิเรก วาดรูป นวดแก้อาการ สะสมไพ่ทาร็อต
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 18 (SEX & CITY ภาคโอลิมปัส 25-05-2554)
เริ่มหัวข้อโดย: mimasopu ที่ 25-05-2011 21:25:43
คือยัยสามเทพนี่นอกจากจะ fashionable ที่ตะเวนshopทั่วโลกแล้วยังจะล้อเล่นกับชะตาชาวบ้านเค้าด้วยเนอะ

3p เลยไหมเจ๊ หรือจะผูกให้เป็น4p ถ้าเอาทาเคชิมาควบได้ 555


รออ่านต่อนะคะ สู้ๆ
PS ชอบจริงเลยSEX & CITY ภาคโอลิมปัส o13
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 18 (SEX & CITY ภาคโอลิมปัส 25-05-2554)
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 25-05-2011 22:35:32
หากนับจากจำนวนสายตระกูลที่ตกเป็นเหยื่อของแม่เทพธิดาสามสาวพวกนี้แล้ว
คาดว่าพวกหล่อนคงจะมีเรื่องกับชาวบ้านเค้าไปทั่วแน่นอน ( โรคจิตขั้นเทพของแท้ )
แต่แผน Y Attack นั้น ช่างฉลาดล้ำลึกนัก แค่ใช้วิธีการนี้ล้วน ๆ โจมตีไปเรื่อย ๆ
ก็สามารถลดจำนวนประชากรในตระกูลนั้นไปได้โขแน่นอน (ชาย+ชาย = ไม่มีทายาทมาสืบสกุล )

หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 18 (SEX & CITY ภาคโอลิมปัส 25-05-2554)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 26-05-2011 15:08:15
กำ 3P แล้วน้องกาลจาไหวรึป่าวล่ะเนี้ย
หัวข้อ: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 19 (เนื้อคู่เขามาเป็นคู่ไม่มาเดี่ยว 02-06-2554)
เริ่มหัวข้อโดย: Windend ที่ 02-06-2011 19:01:18
ขอโทษอย่างแรงเลยครับทุกท่าน

คนป่วยมาเยอะเลยไม่มีเวลามาอัพเลย

เมื่อเช้าผมเปิดเมลอ่านดู ซึ่งก็ลืมเช็คมาเป้นเดือนดีที่เขาไม่ตัด

เจอเมลนึงครับดีมากเลยครับ

ต้องขอขอบคุณคำแนะนำที่ดีและเป็นประโยชน์มากๆมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ รักมากมายเลย

อันนี้เป็นเวปนิยายต้นกำเนิดแนวคิดของผมนะครับ http://www.sherrilynkenyon.com/

อ๋อ....เรียนให้ทราบตั้งแต่ต้นแล้วว่า เรื่องนี้เป็น Fic ด้วยนะครับ ตัวละครบางตัวก็เอามาจากในนั้นแหละ

แต่ตอนนี้ ขอบเขตของ Fic มันอยู่แค่ไหนมันยังงงๆอยู่อะ ขอให้ผู้รู้ช่วยบอกด้วยนะครับ ผมยังใหม่อะครับ

เอาหละ เรามาต่อกันดีกว่าครับ

=========================================================

          ตอนที่ 19 เนื้อคู่เขามาเป็นคู่ไม่มาเดี่ยว

          ไคร์น

          ตอนนี้ตัวผมเองยืนอยู่บนทุ่งหญ้าเขียว แสงแดดอ่อนๆส่องไปทั่ว สายลมพัดแรงพอประมาณ เป็นที่ไหนผมไม่อาจรู้ได้ แต่ที่อยู่ตรงข้ามผมไปไม่ไกลเป็นหมีสีน้ำตาลทองตัวใหญ่ ดูท่าทางเอาเรื่องเลยทีเดียว

          “อาร์...เค...เดียน...” หมีตัวนั้นพุ่งเข้ามาหาผมพร้อมกับแผดเสียงคำรามกึกก้องไปทั่ว

          “คาตากาเรีย...แก...” ผมร้องออกไปพร้อมกับวิ่งเข้าไปหามัน ยิ่งมันกระโจนเข้ามาใกล้ ตัวมันแลดูใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมาก ผมชักดาบข้างเอวเข้าปะทะกับมันอย่างแรง

          ผมกับมันกระเด็นทั้งคู่ แต่เราก็รีบตั้งตัวแล้วกระโจนเข้าห้ำหั่นกัน ต่างฝ่ายต่างฟาดฟันกันไปมา

          ผมว่าคงต้องสู้กันอีกนานแน่ๆ เลย แต่ในจังหวะนั้นมันพุ่งเท้าหน้าที่มีกรงเล็บคมกริบเข้ามาทีผม ผมสวนมันกลับไปพร้อมๆกัน แต่...กรงเล็บของมันและดาบของผมหยุดค้าง

          มันหยุดเพราะมันเรียกเลือดได้แล้ว

          แต่ไม่ใช่เลือดของผมหรือมัน

          แต่มันเป็นเลือดของ...

          .

          .

          .

          กาล...

          “ม่ายยยยยยยยยย....” 

          ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาบนเตียงที่โรงแรม ยังรู้สึกมึนหัวอยู่เลย มันวิ้งไปหมด ที่ท้องกับชายโครงก็ปวดตุ๊บๆจากลูกเตะของไอ้บ้านั่น แต่ที่ทำให้ผมนั่งจิตตกอยู่อย่างนี้ไม่ใช่เพราะที่ผมโดนทำลาย แต่เป็นเพราะความฝัน

          ความฝันที่แทบจะฆ่าผมทั้งเป็น

          “อย่าให้เป็นแบบนั้นเลย...อย่าให้มันต้องกลายเป็นจริงเลย...กาล...” ผมภาวนาออกมา มันเป้นความรู้สึกที่กระชากใจผมอย่างแรง มันทั้งร้อนรนและเย็นยะเยียบพร้อมๆกัน

          “อ้าว...ตื่นแล้วก็รีบกระฉับกระเฉงได้แล้ว ปุกปุย...” เซนเซย์นั่งอยู่ข้างเตียงของผมเอามือมาตรวจชีพจรที่คอผม มือเขาเย็นดีแฮ๊ะ

          “กาล...กาลไปไหน...เซนเซย์...กาลไปไหน” ผมมองหาจนทั่วแล้วทำไมไม่เห็นเลย

          “น้องกาลโดนจับตัวไป...แกรีบลุกได้แล้ว จะได้ไปเอาน้องกาลคืน” ความเย็นมันวาบไปตามแนวสันหลังผม มือกำผ้าห่มแน่นเริ่มสั่นเทา คอกลับแห้งผาด หูอื้ออึง ตาเริ่มร้อนขึ้นด้วยไฟโทสะ ผมพยายามเรียกสติเอาไว้ ความโกรธมันกำลังครอบงำให้ผมกระโจนไปขยุ้มคอของเซนเซย์ แต่ไม่ได้ ผมจะไม่ทำแบบนั้น มันไม่ได้อะไรขึ้นมา

          “ผมหลับไปนานเท่าไหร่ครับ”

          “สี่ชั่วโมง...ตอนนี้เริ่มจะเย็นแล้ว รีบไปกันได้แล้ว” เซนเซย์จับผมลุกขึ้นจากเตียง ซูสทรงโปรด ทำไมแรงเขามากอย่างนี้เนี่ย ยกผมปลิวเลย

          “เดี๋ยวเซนเซย์...เรากำลังจะไปไหนกัน”

          “ก็ไปช่วยน้องกาลไง...”

          “อันนั้นหนะใช่ แต่ที่ไหนกัน”

          “กลางดงหมีไง...”

======================================================

          กาล

          ชีวิตเราเกิดมาซักครั้งนึง ก็ต้องดำเนินไปจนพบปลายทางของมัน ชีวิตก็เหมือนกับการขึ้นรถไฟซักขบวน จากต้นสถานีเราเตรียมทุนมาเท่าไหร่นั้น ไม่มีใครรู้ ระหว่างทางเราได้เก็บเกี่ยวภาพเหตุการณ์ต่างๆระหว่างเดินทางไปเรื่อยๆ ทุนที่มีก็ค่อยๆหมดไปกับของที่อยากได้ อยากกิน หลายคนหมดก่อนจะถึงสถานีปลายทาง บางคนเหลือ

          แต่มีอีกจำนวนนึงกลับหาทุนเพิ่มระหว่างเดินทางได้ พวกเขามักบอกว่าเตรียมไว้สำหรับขบวนถัดไป พอถึงสถานีปลายทางทุกคนก็ต้องลงกันหมด เอาอะไรไปไม่ได้เลย นอกจากความทรงจำและทุนที่เหลือเท่านั้น ชีวิตมันก็มีเท่านี้ แต่ที่จะทำให้ชีวิตมันน่าจดจำกว่านั้นคือ ความรู้สึกประทับใจ ความสุขที่ได้รับ และวีรกรรมที่ยิ่งใหญ่ของตัวเอง  พ่อผมบอกไว้อย่างนั้น

          แล้วตอนนี้ผมกำลังเก็บเกี่ยวความประทับใจและความสุขอยู่หรือเปล่า ก็ต้องบอกว่า

          เก็บเต็มสองแขนสองขาเลยเชียวหละ

          เพราะมันใหญ่มากกกกกก

          “พี่มาร์ค...โกรธกาลไหม...”ผมนอนคว่ำทับบนตัวเขาไว้ ก็ตัวเขาใหญ่มากนี่ ให้นอนทับผมนานๆไม่เอาอะ เดี๋ยวเหน็บรับประทาน ผมกังวลอยู่ว่า อยู่ๆตรงสัญลักษณ์เนื้อคู่มันก็ปรากฎขึ้นมาพร้อมกันเลย ไอ้คำว่าเนื้อคู่นี่มันก็บอกอยู่แล้วนี่ว่า มาเป็นคู่ไม่มาเดี่ยว อันนี้ถูกไหมหว่า???

          “พี่โกรธกาลแล้วได้ประโยชน์อะไร...พี่ว่าพี่หาทางขึ้นไปโอลิมปัส ไปกระทืบอีโรคจิตสามตัวนั่นดีกว่า...” เขายิ้มให้ผมเหมือนทุกครั้ง เขาไม่เคยโกรธผมเลย ไม่ว่าเมื่อก่อนหรือตอนนี้ จะดีอะไรกันนักกันหนาก็ไม่รู้ แต่ที่รู้อยู่อย่างคือ ผมชอบมากเลย อิอิอิ

          “แล้ว...อีกตัวเป็นใครกัน...กาล”

          “อีกคนต่างหาก”

          “อาร์เคเดียน...” พี่มาร์คคำรามในลำคอแสดงความโกรธเกลียดอย่างเห็นได้ชัด

          “ใช่...อาร์เคเดียน...แถมเป็นเออซูไรด์อาร์เคเดียนด้วย” มาร์คัสจับมือข้างซ้ายของผมขึ้นมามองจ้องเขม็งเลย

          “มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน...กาล มันข่มเหงกาลหรือเปล่า...”

          “ไม่นี่...เขาก็น่ารักออก”

          “อย่าชมหมีอื่นให้ได้ยินแบบนี่ซิ มันปวดใจรู้หรือเปล่า...”

          “รู้ซิ ขนาดไปสวนสัตว์กาลมองกรงหมีนานก็ลากกาลออกไปเลยหนิ” ผมพึ่งจะเฉลียวใจเรื่องนี้นะครับ คือครั้งหนึ่งผมอยากไปเที่ยวสวนสัตว์ในอัมสเตอร์ดัม มาร์คัสก็ใจดีพาผมไป ผมเห็นแพนด้ายักษ์ในกรงมันกินใบไผ่อยู่ บางตัวมันขดตัวกลมๆแล้วกลิ่งไปมา ผมพูดโพลงออกมาว่าน่ารักมาก แค่นั้นมาร์คัสเขาก็ลากผมออกจากสวนสัตว์โดยไม่พูดไม่จาเลย ผมก็นึกว่าเขามีงานเร่งหรือไงกันจึงรีบพากลับ ตั้งแต่นั้นมาพอเราไปเที่ยวสวนสัตว์เขาไม่พาผมเดินเฉียดโซนหมีอีกเลย ที่แท้หึงหมีอื่นนี่เอง 555

          อยู่ๆประตูก็เปิดกระแทกออก อีธานรีบเข้ามาพร้อมปิดประตูอย่างแรง เนื้อตัวเขาเต็มไปด้วยบาดแผลและเลือด

          “หัวหน้า...เราโดนล้อม...” มาร์คัสรีบลุกจากเตียงเนรมิตเสื้อผ้าก่อนจะมองไปยังอีธานที่หน้าเริ่มซีดลง

          “ใคร” เขาถามด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยอำนาจ ความดุดันและดิบเถื่อน

          “...พวกที่ไล่ล่าเรา...หัวหน้า”

          “ไอ้เสือเลว...เจ้าพาพวกผู้หญิงกับเด็กหลบไปแล้วใช่ไหม”

          “เรียบร้อยแล้ว พวกมันล้อมห่างจากเราไม่ถึงห้าร้อยเมตรแล้ว คาร์ แอล่า และก็สกีสโดนมันเก็บแล้ว เราเหลือกันแค่ห้าแล้ว...”

          “ไม่เป็นไร ไม่ใช่ปัญหาใหญ่หรอก อีธาน ไปสั่งให้แจล่า เอเบีย มอร์คัม และดุ๊กซ์ เข้ามาหลังแนวป้องกัน เดี๋ยวข้าออกไป” อีธานรับคำแล้วออกไปอย่างรวดเร็ว มาร์คัสหันกลับมาหาผมแล้วกอดไว้ในอ้อมกอดที่อบอุ่นก่อนจะจูบที่ขมับผมแรงๆไปที

          “กาล...เรื่องยุ่งมันมาอีกแล้วหละ” บอกว่ายุ่งแล้วทำไมหน้าตายิ้มแย้มแบบนั้นหนะ พี่มาร์ค

          “พี่มาร์คไม่กลัวเลยเหรอ...”

          “ถ้าเป็นเมื่อวาน พี่อาจจะหวั่นๆนะ แต่ตอนนี้ไม่เลย เพราะเธอนะ...กาล เธอนำความหมายแห่งชีวิตของพี่ที่เคยหายไปกลับมาสว่างอีกครั้ง พี่รักเธอนะ แล้วก็ไม่ต้องห่วงด้วยนะ พี่จะปกป้องเธอเอง” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มไพเราะแล้วจูบผมอย่างอ่อนโยนก่อนจะผละออกไปทางประตู ปล่อยให้ผมนั่งน้ำตาไหลอยู่คนเดียวอีกครั้ง

          “พี่มาร์ค...กาลไม่ยอมให้พี่ไปไหนอีกแล้วนะ” ผมลุกขึ้นแล้วเปิดประตูออกไป พอเดินถึงประตูหน้า เสียงของหนักๆกระแทกพื้นจนสั่นสะเทือนก็ดังขึ้น ผมรีบเปิดประตูออกไป ผมแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง

          ซากของเสือดาวห้าตัว นอนเกลื่อนบนลานดินที่ผมเดินผ่านเข้ามา หมีสีน้ำตาลแดงกับหมีสีน้ำตาลทองขนาดใหญ่กำลังตบเสือดาวอยู่ โดยยังมีอีกแปดตัวที่ล้อมเอาไว้ ด้านซ้ายมีหมีสองตัวที่เล็กกว่ากำลังสู้กับเสือดาวสามตัว ส่วนทางขวามีหมีนอนบาดเจ็บพยายามลุกขึ้น

          ‘กาล หลบไปอยู่หลังประตู...เดี่ยวนี้...’ เสียงมาร์คัสดังเข้ามาในหัวผม ผมจึงหันหลังเตรียมเข้าประตูแต่แล้วก็โดนกระชากอย่างแรงกลับออกไปยังลานดิน

          เสือดาวตัวใหญ่ยืนคร่อมผมไว้พร้อมแยกเขี้ยวใส่ผม

          ‘สวัสดี อาหารค่ำ’ ผมได้ยินเสียงไอ้เสือตัวนี้ในหัวชัดเจนเลย เสียงมันน่าขนลุกมากๆ แทบจะเห็นออร่าการฆ่าได้เลยหละ

          “มึงทำอะไรกาลว่ะ...” แรงกระแทกบางอย่างผลักให้ร่างของไอ้เสือกระเด็นไปไกล ตัวผมถูกยกขึ้นยืนด้วยใครบางคน

          “ไคร์น...”

============================================================

เดี๋ยวตอนหน้าจะเป็นยังไง

ก็ขอให้รอติดตามกันนะครับ

ขอบคุณนักอ่านทุกท่านนะครับที่อุส่าเข้ามาอ่าน

ติชมกันได้นะครับ ไม่ว่ากันอยู่แล้ว

รักทุกคนนะครับ โดยเฉพาะคนมาเมน :กอด1: :L1:

 :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 19 (เนื้อคู่เขามาเป็นคู่ไม่มาเดี่ยว 02-06-2554)
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 02-06-2011 19:33:34
ถ้าต้องเลือกระหว่าง หมีไคร์น กับ หมีมาร์ค ???
อืม...เลือกไม่ถูก น้องกาลคงเศร้าใจน่าดู ถ้าต้องเลือกขึ้นมาจริง ๆ
ฉนั้นแนะนำให้น้องกาลเก็บหมีไว้ทั้งสองตัวค่ะ... :-[
หัวข้อ: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 20 ( หมีไคร์นVSหมีมาร์คัส 09-06-2554)
เริ่มหัวข้อโดย: Windend ที่ 09-06-2011 14:53:20
ขอโทษครับ หายไปเป็นสัปดาห์เลย

พึ่งจะมีเวลาครับ

ขอบคุณนะครับที่ยังติดตามอ่านกันอยู่

มีคนเมนมาก็ดีใจแล้วครับ :กอด1:

เรามาต่อเรื่องราวกันเลยดีกว่าครับ

==================================================================

ตอนที่ 20 หมีไคร์น VS หมีมาร์คัส

          กาล

          “มึงทำอะไรกาลว่ะ...” แรงกระแทกบางอย่างผลักให้ร่างของไอ้เสือที่คร่อมตัวผมอยู่กระเด็นออกไปไกล ผมถูกยกขึ้นยืนด้วยใครบางคน

          “ไคร์น...” ผมมองดูไคร์นที่กำลังกระโดนไปอยู่กลางวงล้อมของพวกเสือดาวในมือถือดาบกวัดแกว่งไปมา ทาเคชิเป็นคนพยุงผมขึ้นและพาเข้ามาหลบอยู่หลังประตู

          “รอกันอยู่ตรงนี้ดีกว่านะ แต่ตอนนี้ตอบคำถามข้ามาก่อนนะครับ”

          “ถามอะไรตอนนี้หละ ไม่ไปช่วยไคร์นเหรอครับ ทาเคชิ”

          “มันเอาตัวรอดได้แน่ แต่ที่สำคัญ น้องกาล ตอนนี้ถึงทางที่จะต้องเลือกแล้วนะ ระหว่างอาร์เคเดียนกับคาตากาเรีย น้องกาลจะเลือกใคร”

          ผมมองหน้าทาเคชิ เขารู้ แต่ทำได้อย่างไรนี่ก็หาคำตอบไม่ได้หรอก ไคร์น กับ มาร์คัส ถ้าลองคิดให้ดีๆ มาร์คัสคือความรักครั้งแรกของผม ทั้งรูปร่างหน้าตาที่มีเสน่ห์และนิสัยใจคอที่สบายๆสนุกสนาน ทำให้ผมยิ้มและหัวเราะได้ตลอด แต่เหนือสิ่งใดตลอดเวลาที่ผมกับเขาคบกัน ผมไม่เคยเห็นเขามองใครเลย เขามีผมคนเดียว เขารักและเอาใจใส่ผมตลอดเวลา สิ่งเดียวที่เขาไม่เคยบอกผมก็คือเรื่องที่เขาเป็นหมี แต่ก็เอาเถอะ ปกติก็ไม่มีใครเขาเป่าประกาศกันอยู่แล้วนี่

          ส่วนไคร์นผมพบเขาเมื่อสามวันที่แล้วเอง ความประทับใจในตัวเขาก็ยังแสดงออกมาไม่มากนะ แต่มันเหมือนกับมีอะไรบางอย่างที่ละสายตาไปจากเขาไม่ได้ อะไรบางอย่างมันช่างดึงดูดและโหยหา เขามีรูปร่างหน้าตาไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ามาร์คัส ความเป็นคนที่ดูสบายๆง่ายๆก็ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลาย ไม่เครียด แต่ที่น่าจะเหมือนกันกับมาร์คัสนี่ก็ความหื่นกับลีลารักของพวกเขา

          เรื่องนี้ถือว่าเป็นOTOPเลยทีเดียว

          แต่ตอนนี้ไคร์นกับผมยังเป็นช่วงโปรโมชั่นอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้ เรายังอยากเรียนรู้กันต่อนะ แต่สำหรับมาร์คัสเขาพิสูจน์ให้ผมเห็นตลอด ฉะนั้น ผมจึงยังไม่อยากตัดสินใจอะไรตอนนี้เลย

          ขณะที่ผมคิดอะไรเพลินๆทาเคชิก็สะกิดผม

          “จะเลือกใครก็อย่าให้นานนักนะ สองตัวนั่นมีเวลาเหลืออีกสามสัปดาห์ ก่อนที่จะเป็นหมันไปตลอดกาลนะครับ”

          “ก็มันเลือกไม่ได้นะซิ ผมรู้ว่ามาร์คัสรักผมแน่นอน เราห่างกันเพราะเหตุจำเป็น แต่กับไคร์นนั้นผมก็ตกลงใจรักเขาแล้ว เพียงแค่วันต่อมาผมก็ได้มาร์คัสกลับมาใหม่ โอ๊ย สับสน เลือกไม่ถูก มันเร็วมากอะครับ”

          “งั้นข้ามีทางเลือกให้ หนึ่ง เลือกมาร์คัสแล้วไคร์นเป็นหมัน สองเลือกไคร์นแล้วมาร์คัสเป็นหมัน สามให้ไคร์นกับมาร์คัสเป็นหมัน และสี่...” ทาเคชิพูดค้างเอาไว้ก่อนจะมองไปทางด้านนอกแล้วกลับมามองผมอีกที

          “สี่...อะไรหละ”

          “สี่...ก็แบบนี้ไง...”

          .

          .

          .

          .

          .

          .

====================================================

          มาร์คัส

          ใครเข้ามาช่วยกาลเมื่อกี้ไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนนี้กาลปลอดภัยแล้ว เดี๋ยวค่อยขอบคุณทีหลังก้แล้วกัน ตอนนี้ต้องจัดการไอ้เสือพวกนี้ให้หมดก่อน ผมรีบหันไปตะปบเสือทีกำลังกระโจนมากัดอีธานให้ออกไป พวกมันยังเหลืออีกสิบเอ็ดตัว ล้อมพวกผมแปด ดูท่ามอร์คัมจะไม่ไหวแล้วเขาเป็นมือดีของผมเลย ตัวเดียวล้มเสือได้ห้าตัว แจล่ากับเอเบียยังยันเสือสามตัวไว้ไม่ให้เข้าไปในบ้านที่มีพวกแม่หมีกับลูกๆได้อยู่

          ตอนนี้คนที่ช่วยกาลมายืนอยู่ข้างผม มันเป็นใครไม่รู้เข้ามาร่วมสู่กับพวกผม ก็ถือว่าเป็นพวกผมด้วย แล้วดุ๊กซ์ไปไหนแล้วหละเนี่ย อ๊ะ...กลิ่นนี้มัน...

          ‘อาร์เคเดียนเหรอ...เข้ามาช่วยพวกข้าทำไม’

          ‘พวกมันจะทำร้ายกาลของข้า มันต้องชดใช้ เสร็จแล้วแกกับฉัน ต้องเจอกัน’

          อ๋อ...ไอ้นี่เอง อีกคนของกาล ดูๆมันไปก่อนดีกว่า ผมหันไปตบเสืออีกสองตัวที่กระโจนเข้ามาหากระเด็นไปโดนต้นไม้โค่นลง อีธานกัดขย่ำได้อีกตัว ตอนนี้พวกมันเหลืออีกห้าผมเลยหันไปหาอีธาน

          ‘ไปสมทบกับแจล่าและเอเบีย’ อีธานผงกหัวแล้วกระโจนฝ่าวงล้อมออกไปหาสองสาวนั่น มองไปทางอาร์เคเดียนตัวเล็กนี่แล้วหงุดหงิด กฎของป่า สัตว์ต้องสู้เยี่ยงสัตว์ แต่มันเป็นคนที่กลายเป็นสัตว์ได้ ไม่รู้ว่ากฎยังจะใช้กับมันได้ไหม
‘กลายเป็นสัตว์ สู้ง่ายกว่า’ ผมบอกมันไป มันเลยกลายร่างเป็นหมี ให้ตายเถอะ ผมเจอฝาแฝดหรือไงกัน มันเป็นหมีตัวเท่าผม สีน้ำตาลทองเหมือนผมอีก มันอะไรกันวะเนี่ย

          ไอ้หมีอาร์เคเดียนตบเสือล้อมลงไปได้ตัวแต่มีอีกตัวเกาะหลังอยู่ ช่างมันไปก่อน มันคงเอาตัวรอดได้ ตอนนี้เหลือเสือที่อยู่ข้างหน้าผมสามตัว มันมองกันไปมาดูลังเลที่จะเข้า สงสัยต้องยั่ว

          ‘เหมียวๆ...แมวน้อย...เหมียวๆ...มาหาป๋ามา...’ ได้ผล ไอ้ตัวใหญ่สุดกระโจนเข้ามาหมายจะกระชากคอผมให้ได้ แต่ช้าไป ผมหลบหันข้างแล้วขย่ำไปที่คอของมันแทน ฉีกกระชากแล้วเหวี่ยงไปให้ไกลพร้อมกับพุ่งไปตบอีกสองตัวศีรษะกระเด็นเลย 5555

          ผมมองไปที่ซากเสือที่นอนกระจัดกระจายอยู่พวกมันค่อยๆกลายเป็นคน พวกอาร์เคเดียนเมื่อตายไปซักพักมันจะกลับคืนสู่สภาพที่แท้จริงของมัน ไอ้เสือเลวที่ฆ่าครอบครัวกู ทำธุรกิจกูเจ๊ง ทำให้กูต้องพลัดพลาดกับสุดที่รักของกู พวกมึงสมควรตายแล้ว
ผมหันไปทางไอ้หมีอาร์เคเดียน ดูมันว่าเป็นยังไง โห เลือดโชกเลย อะไรวะสู้กับเสือแค่ตัวเดียวยังเอาตัวเองแทบไม่รอดแล้วยังสะเออะจะมาเคลียร์

          พอมันล้มไอ้เสือเลวตัวนั้นได้ มันก็ทรุดตัวลงกลายร่างกลับเป็นคน เนื้อตัวมีบาดแผล เลือดไหลเป็นทาง เห็นแล้วทุเรศนัยน์ตาที่สุด

          แจล่า เอเบียกลับมาแล้วโดยลากอีธานมาด้วย ผมเดินไปดูอาการมอร์คัมอยู่ เขายังไม่ตาย แค่หลับไปเท่านั้น ฝูงผมเหลือนักรบกันไม่มากนัก เรายังหาดุ๊กซ์ไม่เจอ หวังว่าเขาคงไม่เป็นไรนะ

          ผมกลายร่างเป็นคนแล้วเดินเข้าไปหาไอ้อาร์เคเดียนนั่น มันมองผมอย่างเครียดแค้น

         “มองแบบนี้ อยากจะเคลียร์กับข้าตอนนี้เลยไหมหละ ไอ้อาร์เคเดียน” ผมฉุนมันอยู่แล้วนะเรื่องกาล มันมาแย่งของของผมไป

         “แกเอาตัวคู่ของข้ามา ข้าจะเด็ดหัวแก ไอ้หมีชั่ว” มันหยิบดาบขึ้นมาแล้วพุ่งมา ผมกลายร่างกลับเป็นหมีใช้เล็บสกัดดาบเอาไว้ เราเริ่มสู้กันโดยพวกของผมยืนดูอยู่ห่างๆ ฝีมือดาบของมันก็ถือว่าพอใช้ได้แต่ยังยึดหลักของคนอยู่ สงสัยต้องสอนกันหน่อยแล้ว เอาเบาะๆพอเดี๋ยวกาลจะโวยเอา ผมยังไม่อยากโนดึงหูอะ

          ผมหายตัวไปยังข้างหลังมันแล้วเอาเล็บสะกิดขาให้มันได้แผลอย่างรวดเร็วแล้วหายตัวมาเตะมันจากด้านข้างให้มันกระเด็นไป เทคนิคนี้ผมใช้ได้ตัวเดียวในฝูง ไม่มีใครชำนานเท่าแล้ว

          “อ๊ากกกก...แก...ไอ้หมีบ้า...” เหอๆๆๆ สงสัยต้องเอาเลือดออกปากด้วยมั้งเนี่ย

          มันพุ่งตัวหมายเอาดาบแทงผม มองยังไงระยะช่วงแขนคงสูสีเลยพุ่งกรงเล็บออกไปหมายที่ท้องเอาให้ทรมาน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้มันไม่น่าเชื่อ

          ดาบมันมาไม่ถึงตัวผม เล็บหมีผมยังไปไม่ถึงท้องมัน แต่สองสิ่งนี้ได้อาบไปด้วยเลือดแล้ว

          ไม่ใช่เลือดผมหรือมัน

          แต่เป็นเลือดของสุดที่รัก

          กาล

          “ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”

=============================================================

วันนี้แค่นี้นะครับ

ขอบคุณที่ติดตามอ่าน รักมากมายเลย

โดยเฉพาะคนมาเมนท์นะ :L1: :กอด1:

 :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 20 ( หมีไคร์นVSหมีมาร์คัส 09-06-2554)
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 09-06-2011 16:06:54
กรรม  :z3:

อุสาห์ดีใจ กลับมาอ่านได้หลายตอนยาวๆ ดั๊นนนนน เจอค้างงง o22
น้องกาลไม่ผิดหรอกที่เลือกไม่ได้  น่ากัด น่ากิน น่ากอดขนาดนี้อ่ะนะ หนักใจแทน:เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 20 ( หมีไคร์นVSหมีมาร์คัส 09-06-2554)
เริ่มหัวข้อโดย: woradach ที่ 09-06-2011 17:17:54
เง้อ ถ้าน้องกาลตาย เป็นหมันทั้งคู่ เหอๆ สงสารหมีจัง มามะ มาให้เค้ากอด อิอิ ผมชอบหมี อิอิ
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 20 ( หมีไคร์นVSหมีมาร์คัส 09-06-2554)
เริ่มหัวข้อโดย: Narutear ที่ 09-06-2011 18:59:56
ตัวเลือกที่ 4  กาลควบคู่ ไม่ต้องเป็นหมันหมด วะฮ่าๆๆๆ






แต่อยากให้มีตัวเลือกที่ 5 พี่ทาเคชิพลิกชะตา ย้ายสัญลักษณ์ไคร์น/กาล ของน้องกาลมาที่ตัวเอง

สรุปแฮปปี้ทีเดียว 2 คู่ ก๊ากกกกกกกกกกก!!  :laugh:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 20 ( หมีไคร์นVSหมีมาร์คัส 09-06-2554)
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 09-06-2011 23:55:47
มาตัดจบอะไรตอนนี้ล่ะค่ัะ!? แบบนี้มันค้างนะเนี่ย  :a5:
ท่าทางจะดราม่า น้องกาลเล่นเอาตัวไปรับอาวุธแบบนั้น
แต่เนื่องจากคุณทาเคชิอยู่แถวนั้น เชื่อว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี ( ฮีต้องสามารถแน่นอน!!! )
ยังไง ๆ ก็จะขอยืนยันให้น้องกาลเก็บหมีไว้ทั้งสองตัว ~ :-[
หัวข้อ: Re:Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 21 (ความจริงปรากฏ 17-06-2554)
เริ่มหัวข้อโดย: Windend ที่ 17-06-2011 22:25:20
เหมือนเดิมแหละครับ

ขอโทษเหมือนทุกครั้งนะครับ งานมันเยอะจริงๆ

นอนตี1 ตี2 ทุกวันแล้วต้องตื่น6โมงเช้าทุกวัน

วันนี้ว่างเลยปั่นมาให้อ่านกันนะครับ

ถ้าใครอ่านตอนนี้แล้วงงลองกลับขึ้นไปอ่านตอนที่แล้วดูนะครับ อิอิอิ

ขอขอบคุณทุกท่านที่ยังติดตามอ่านแล้วคอมเมนท์น่ารักๆนะครับ

เรามาต่อกันเลยนะครับ

=====================================================

          ตอนที่ 21 ความจริงปรากฏ

          โบราณสถานโยนากุนิ

          ความรัก คือรูปแบบหนึ่งของพลังงานที่แปลก มันสามารถสร้างแรงดึงดูดและแรงผลักดันได้โดยตัวของมันเอง

          ความรัก เป็นพลังงานที่เก่าแก่ มันมีมาตั้งแต่จักรวาลยังไม่ถูกสร้างขึ้น มันแทรกซึมอยู่ในทุกอณูในจักรวาล

          ความรัก เปรียบเหมือนดาบสองคม มันสามารถสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ และทำลายทุกสรรพสิ่งได้

          ความรัก ไม่เคยทำร้ายใคร แต่คนที่เจ็บปวดเพราะความรักนั้น มีมากมาย

          เมื่อความรักถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา ไม่ว่าบุคคลใดก็ไม่สามารถต้านทานพลังงานของมันได้

          แต่สิ่งที่จะควบคุมพลังงานนี้ให้มันไปในทิศทางใดนั้น กลับเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น จับต้องไม่ได้

          สิ่งนั้นคือ ใจ

          ใจ เป็นสิ่งเดียวที่สามารถควบคุมความรักได้ มันจะแปลเปลี่ยนเป็นการสรรค์สร้างหรือทำลายล้าง ก็ขึ้นอยู่กับใจเอง

          ข้ากำลังนำร่างเล็กร่างหนึ่งวางบนเตียงหยกภายในห้องของข้า ด้านนอกมีหมีสองตัวเดินวนไปมาอยู่ จิตใจของพวกมันยังหาสติไม่ค่อยได้ ถึงพวกมันจะแข็งแกร่งเพียงไหน ใจก็ยังอ่อนแออยู่

          ข้าได้ยินเสียงเอะอะด้านนอกดังเป็นระยะๆ ดูท่าอารมณ์จะรุนแรงทั้งคู่ ปล่อยเอาไว้ซักพักดีกว่า ข้าหยิบน้ำเย็นเหยือกหนึ่งไปวางไว้ที่โต๊ะเล็กๆข้างเตียง

          “เขาจะเป็นอะไรมากไหม” เสียงร่างเล็กอีกร่างหนึ่งถามขึ้น

          “ไม่หรอก ไม่โดนที่สำคัญอะไร ไม่ตายง่ายๆหรอก” ข้าตอบไปเสียงเบาๆ เพื่อไม่ให้หมีสองตัวข้างนอกได้ยิน

          “แต่ดูเหมือนเขาเจ็บปวดทรมานอยู่นะ ไม่ช่วยเขาจริงๆเหรอ” ข้ารู้สึกถึงความสงสารของเจ้าดี แต่ไม่จำเป็นสำหรับตอนนี้หรอก

          “ไม่จำเป็น มันจะได้รู้สึกซะบ้าง” ข้าเอามือลูบไปตามปอยผมที่ปรกลงมาบนใบหน้าร่างเล็กนั่น

          “รู้สึก...รู้สึกเจ็บบาดแผลซิไม่ว่า”

          “มันก็จริง...แต่รออีกซักพักดีกว่า ดูเขาไว้ก็แล้วกัน” ข้าเดินออกมาตรงไปที่ประตูห้องแต่ยังไม่เปิดออกไป ลองฟังเสียงข้างนอกดูก่อนซิ

======================================================

          มาร์คัส

          ผมเป็นห่วงกาลมากเมื่อรู้ว่าร่างที่หยุดกรงเล็บและคมดาบของผมกับมันคือร่างของกาล หัวใจผมเหมือนหยุดเต้น ร่างกายผมชาวาบไปทั้งตัว กาลเข้ามาขวางไว้ทำไมกัน แต่ที่แน่ๆผมรีบคว้าร่างนั้นไว้ในอ้อมกอด น้ำตาผมอาบแก้มจนภาพตรงหน้าพล่าเลือน จากนั้นก็มีมือใหญ่มาฉุดผมกับไอ้คนข้างๆ ให้เดินตามมานั่งกันที่เก้าอี้หน้าห้องๆหนึ่ง ภาพนั้นยังติดตาผมตลอดเวลาจนต้องซบหน้ากับฝ่ามือตัวเอง มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้ซิ ทำไมกัน...ทำไม

          อยู่ๆไอ้คนที่นั่งข้างๆผมมันก็ลุกขึ้นเดินวนไปวนมา น่ารำคาญมาก แถมยังมองเขม็งมาที่ผมตลอดเวลา ผมก็มองสู้มันซิ จะต่อจากเมื่อกี้ก็ได้เลย

==============================================================

          ไคร์น

          “เพราะแกแหละ ไอ้สัตว์ แกเอากาลไปจากข้า” ผมต้องระเบิดคำพูดออกไปเพราะดูท่าการพูดด้วยเหตุผลและสันติดูจะใช้ไม่ได้เสียแล้วกับคนที่อยู่ตรงหน้าเขา หน้ามันแสดงความโกรธ เกลียดชังออกมาอย่างเปิดเผยขนาดนี้

          “กาลไม่ใช่ของแก เขาเป็นของข้า อย่าคิดว่าแกมีตราสัญลักษณ์แล้วกาลจะต้องเป็นของแก” มันพูดด้วยเสียงที่เหยียดหยันมากๆ

          “กาลเขาต้องเลือกข้า เพราะข้าคือหมีแห่งเพลเทีย ไม่มีทางทำให้กาลผิดหวังอยู่แล้ว” ผมไม่ยอมหรอก

          “แม็คซิลเวียไม่พูดมาก เราอยากได้อะไร ไม่มีอะไรไม่ได้มา...” แต่เดี๋ยวก่อน...ผมฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

          “...เดี๋ยว...แม็กซิลเวีย...” ผมชี้ไปที่มัน

          “แก...เป็นเพลเทียเหรอ...” มันก็ชี้มาที่ผม

          “ตายโหงแล้ว.../ชิบหายแล้ว...” ใช่...ให้สวรรค์ล่มซิเอ้า ผมเจอแม็คซิลเวียที่หายไปหลายปีโดยบังเอิญเหรอเนี่ย

          เมื่อประมาณสิบกว่าปีก่อน สมัยผมเปิดร้านซ่อมคอมพิวเตอร์ใหม่ๆ ผมได้ลองหาเพื่อนคุยเล่นๆในโลกอินเตอร์เน็ทดู คุยกับใครต่อใครหลายคนจนมาเจอคนที่ใช้ชื่อว่า หมีลามก ผมหัวเราะเลยนะตอนนั้น ผมเลยเข้าไปคุยกับเขาโดยใช้ชื่อว่า หมีหื่น

          เราคุยกันได้เกือบปีเราก็ดิวงานกันโดยที่ไม่มีใครรู้หน้าตาของอีกฝ่ายเลย รู้แต่เพียงว่า ไอ้หมีลามกนี่ชื่อ มาร์คัส แม็กซิลเวีย ผมจะลองเสี่ยงกับมันดูดีไหมเนี่ยว่ามันรู้จักกับมาร์คัสไหม

          “แกรู้จักกับ ไคร์น เพลเทียไหม...” อ้าว...ชัดเลยไอ้นี่ ใช่มันแน่

          “หรือว่าแก...มาร์คัส แม็กซิลเวียเหรอเนี่ย...”

          “โอ้...ซูสทรงโปรด นี่แกเป็นไคร์นจริงๆเหรอเนี่ย...ไอ้หมีหื่น” มันเข้ามาโอบกอดผมอย่างตื่นเต้นดีใจ ผมก็กอดตอบมันซิ

          “ก็เออซิ...แล้วแกหายไปไหนมาวะ มาร์คัส ไม่ติดต่อเลยโว้ย...ไอ้หมีลามก”

          “เห้ย...เดี๋ยวๆ...ที่ข้าไม่ติดต่อแกก็เพราะมันมีเรื่องนะซิ” มันห่างตัวออกมามองหน้าผมตรงๆอีกที หน้าตามันยิ้มแล้วหล่อจริงๆไอ้นี่ แต่ผมหล่อกว่าแน่นอน

          “กับไอ้เสือดาวเหรอ...”

          “ใช่ซิ...มันฆ่าฝูงข้าเกือบหมดจนต้องหนีมานะซิ” ตามันหม่นลง สงสัยเรื่องใหญ่แน่ๆ

          “เสียใจด้วยวะ...แต่ให้ตายซิ...ข้าดีใจจริงๆเลย แกกลับมาแล้ว”

          “ข้าก็ดีใจแต่เรา...”

          “เห้ๆๆๆ...เดี๋ยวก่อน เรื่องของเราเอาไว้ก่อนเดี๋ยวมีคุยกันอีกยาว แต่ตอนนี้ กาลต้องมาก่อน แล้ว...”

          “ใช่...แล้วตกลงเราจะเอายังไงดีวะ ไอ้หมีหื่น”

          “นั่นซิ ไอ้หมีลามก แล้วทำไมแกต้องตามกาลด้วยวะ เด็กคนนั้นที่แกเล่าให้ข้าฟังครั้งหลังสุดไปไหนซะหละ”

          “เด็กคนนั้นก็กาลนะซิ จะเป็นใครไปได้วะ ไอ้หมีหื่น”

          “ให้ตายซิ...อีโรคจิตสามตัวมันทำได้ยังไงวะเนี่ย”

==================================================================

          ทาเคชิ

          ข้าฟังพวกมันคุยกันดูท่าจะอารมณ์เย็นลงแล้ว คงต้องออกไปดูว่าจะตกลงกันได้ขนาดไหน ความรู้สึกเป็นสิ่งสำคัญมากในการดำรงอยู่ของเผ่าพันธุ์นี้ ถ้ามีความรู้สึกไม่มั่นคง การตัดสินใจก็จะรวนเรไป มาร์คัสมักจะพยายามหลีกเลี่ยงความรู้สึกที่ตัวเองอธิบายไม่ได้ แล้วก็ปล่อยมันไป ส่วนไคร์นก็มักจะเอาเหตุผลมาบดบังอารมณ์ที่แท้จริงของตัวเองเสมอ  แต่ตอนนี้ ทั้งสองมีความมั่นคงในเรื่องเดียวกันอยู่ และทั้งคู่ยังแน่ใจในอารมณ์นั่นอย่างมั่นคงด้วย

          การแทรกแซงชะตาชีวิตมันต้องดูจังหวะความพร้อมซะก่อน ทุกอย่างจะได้ดำเนินไปอย่างไม่มีอะไรมาติดขัด การเตรียมความพร้อมย่อมดีกว่าอะไรทั้งหมด ถ้าไม่เตรียมดินที่จะปลูกต้นรักให้ดี ต้นรักที่งอกขึ้นมาก็จะบิดเบี้ยว ไม่มีความสวยงาม มีแต่สายใยที่ยุ่งเหยิงที่พันเกี่ยวกันมั่วไปหมด

          แต่ถ้าเตรียมดินที่ปลูกต้นรักดี ไม่มีหินที่จะขัดขวาง ไม่มีหญ้าที่จะคอยแย่งอาหาร แสงแดดไม่แรงเกินจนต้นอ่อนแห้งตาย มีน้ำอุดมสมบูรณ์ มีที่บังลมไม่ให้ต้นรักโอนเอนไปมา และอะไรอีกเล็กน้อย ต้นรักที่งอกและเติบโตได้อย่างสมบูรณ์ตามต้องการแน่นอน

          งานแบบนี้ไม่ง่ายเลย

          แต่ผลที่ออกมามันคุ้มค่าที่จะลงแรง

          เพื่อนข้ามักจะบอกกับข้าเสมอว่า จะไปยุ่งยากทำไม ปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นไปนั่นแหละดีแล้ว แค่อย่าให้ชะตาเทพมาปั่นหัวเอาก็แล้วกัน

          เพื่อนเอ่ย ข้าไม่ใช่เจ้า เพราะฉะนั้น ข้าจะดูแลสิ่งที่ข้าได้เข้ามาเกี่ยวข้องให้ดีที่สุด ความสวยงามของความรักมันคือหนึ่งในสิ่งที่ทำให้ใจที่แข็งกระด้างของข้า ได้พักผ่อน ได้ผ่อนคลาย ได้ทำให้ข้ายังระลึกได้ถึงความดีงามที่ข้าคอยปกป้องจากพวกปีศาจต่างๆ ทั้งปีศาจที่อยู่ภายนอกมิตินี้และภายในจิตใจของผู้คน

          เอาหละได้เวลาแล้ว ข้าเปิดประตูออกมาแล้วปิดลงโดยไม่ให้ทั้งสองเห็นว่าข้างในเป็นอย่างไร

          เจ้าสองหมีมองผมอย่างคาดหวังและหวาดกลัว

          เรื่องปกติในชีวิตที่ข้าต้องเจอมาตลอด

          แต่ข้าก็ชอบนะ เหมือนข้ายังมีความสำคัญอยู่

          “เอาหละ...ตกลงพวกแกทั้งคู่...จะทำอย่างไรต่อ”

          “ผมไม่รู้ เซนเซย์ ”

          “ข้าก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน”

          “แล้วพวกแกรักกาลไหม”

          “รักซิ / รักแน่นอน”

          “แล้วถ้าต้องมีเพียงคนเดียวที่ได้กาลไป พวกแกจะทำยังไง”

          “ข้าไม่รู้นะ ถ้าเป็นตัวอื่นข้าจะฆ่ามัน แต่นี่มันเพื่อนข้า ข้าคงเสียใจไปตลอดแน่ถ้าไอ้หมีหื่นมีเซ็กซ์ไม่ได้ตลอดชีวิตของมัน”

          “ขอบใจนะ ไอ้หมีลามก ข้าก็คิดเหมือนแกแหละ เซนเซย์ ผมไม่รู้จะทำยังไงแล้วหละ พอจะมีทางแก้ไหมครับ”

          “อันนี้ก็ถามกาลเอาเองก็แล้วกัน” ผมลากน้องกาลออกมาจากหลังประตู สภาพไม่มีรอยขีดข่วนใดๆ

          “กาล / กาล...”

          “ก็ใช่นะซิ...จะเรียกย้ำทำไมอีกหละ ไอ้หมีบ้า...” อ้าวยืนหน้าแดงแล้ว นี่คงจะได้ยินที่คุยกันเมื่อกี้ทั้งหมดเลย กาลโดนไคร์นลากเข้าไปกอด มาร์คัสก็เข้าไปสวมกอดกาลอีกด้าน

          “โอ้ย...อึดอัด กอดเบาๆกันหน่อยได้ไหม”

          “ขอโทษนะ กาลเป็นอะไรมากไหม ยังเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

          “ขอโทษนะที่รัก หายใจสะดวกหรือยัง อย่าทำแบบนี้อีกนะ พี่จะตายให้ได้เลย”

          “ก็...ไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย...ที่เป็นหนะ ทางโน้น...” กาลชี้นิ้วมาทางข้างหลังของผม ร่างที่เคยนอนบนเตียงหยกเมื่อกี้ยื่นหลบอยู่ข้างหลังของผม

          “เห้ย / ตายห่า...” ไคร์นกับมาร์คัสร้องอย่างตกใจ จะไม่ให้ตกใจได้ยังไงหละก็ร่างที่ยื่นอยู่นี่หน้าตาเหมือนกับน้องกาลเปี๊ยบเลย

          “ทำไม กาลมีสองคนหละ”

          “แล้ว...มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เซนเซย์”

          ถึงเวลาเฉลยแล้วซิ เหอๆๆๆ

          “เอ้า...กลับร่างเดิมได้แล้ว ปรัม...”ร่างนั้นค่อยกลายร่างเป็นเด็กหนุ่มเอเชียผมดำน่าตาน่ารัก เขามองขึ้นมาที่ข้า ขมวดคิ้วเล็กน้อย

          “ธอเนี่ยน ข้าเจ็บหลัง...”

          “ก็กลับไปนอนก่อนซิ จะรีบลุกขึ้นมาทำไม ปรัม” ปรัมแลบลิ้นใส่ผมทีก่อนจะหันกลับไปนอนบนเตียงหยกเหมือนเดิม

          “นั่นอะไรหนะ เซนเซย์”

          “ตัวอะไรวะนั่น”

          “ปีศาจ...ง่ายๆ ตรงตัวตามอักษรเป๊ะๆ” ตอบไปแบบนี้แหละ ขี้เกียจอธิบาย

          “เอาไว้ผมจะเล่าให้ฟังเองนะครับ” กาลพูดกับสองหมีที่ยังยืนทำหน้าสงสัยอยู่

          “เอาหละ กาล เจ้าเลือกข้อไหนหละทีนี้”

          “ก็แน่นอนที่สุดครับ ทาเคชิ ผมเลือกข้อสี่”

          “อะไรคือข้อสี่หละ กาล”

          “นั่นสิ กาลพี่สงสัย สี่อะไรครับ”

          “ก็...มัน...”

          “อย่ามัวเสียเวลาเขินอยู่เลย บอกมันไปซิ อย่ากลัว”

          “เออ...คือ...ทาเคชิเขาให้ผมตัดสินใจว่าจะทำยังไงกับพี่มาร์คแล้วก็ไคร์นอะ”

          “แล้วว่ายังไงหละครับ”

          “ตัดสินใจว่าไงครับ”

          “กาลขอสองเลยได้ไหมอะครับ”

          “หา...ขอสอง”

===========================================================

โปรดติดตามตอนต่อไป

ตอนหน้าว่าจะ NC นะครับ

แต่ไม่รู้ว่าจะยังอยากอ่านกันอยู่ไหม

ยังไงก็ขอขอบคุณนะครับที่ติดตามอ่าน

รักคนอ่านโดยเฉพาะคนเมนท์ :กอด1: :L1:

พบกันตอนหน้านะครับ

 :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 21 (ความจริงปรากฏ 17-06-2554)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 18-06-2011 09:31:30
อย่าบอกนะว่านี่คือทางเลือกที่สี่
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 21 (ความจริงปรากฏ 17-06-2554)
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 18-06-2011 10:19:54
5555555555 :laugh: :laugh:
กาลแน่มาก ที่ขอสองเนี่ย มั่นใจแล้วนะว่ารับไหว
ทั้งหมีหื่น+หมีลามก คงต้องบำรุงตัวเองน่าดู :laugh:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 21 (ความจริงปรากฏ 17-06-2554)
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 18-06-2011 18:06:56
เป็นเรื่องที่แปลกมาก แต่กาลตัดสินใจดีแล้วเหรอ เป็ฯกำลังใจให้นะครับ
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 21 (ความจริงปรากฏ 17-06-2554)
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 18-06-2011 20:24:55
วี่แววว่าจะเป็น 3P สมานฉันท์ สุขสันต์กันทั่วหน้า ดีแล้ว ๆ ( คุณทาเคชิช่วยได้จริง ๆ ด้วย )
รอตอนหน้า "น้องกาล ขอสอง ปะทะ หมีหื่น + หมีลามก" ( ฉายาหมี บอกยี่ห้อซะจริง  :o8: )

ถึงงานจะหนักแต่ก็อย่าลืมรักษาสุขภาพด้วยนะค่ะ ~  :a1:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 22 (จบ 12-09-2554)
เริ่มหัวข้อโดย: Windend ที่ 12-09-2011 16:22:18
สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่าน

ต้องขอบอกว่า ขอโตดก๊าบ

หายไปนานไม่ได้เข้ามาอัพ มันมีเรื่องนิ๊ดหน่อยอะ

เรื่องไม่เป็นเรื่องเอง แต่ชั่งมันเต๊อะ

มาอ่านกันต่อดีกว่า ตอนนี้ตอนจบแล้วนะครับ

====================================================

ตอนที่ 22 บทสรุป

กาล

        ตอนนี้ผมกลับอยู่ที่โรงแรมแล้วโดยมีพี่มาร์คกับไคร์นยืนกุมมือผมอยู่คนละข้าง ไคร์นเข้ามากอดผมไว้และหอมแก้มผมซะฟอดเบ้อเล่อ พี่มาร์ดเดินไปเข้าห้องน้ำปล่อยให้ผมโดนไคร์นนัวเนียไปเรื่อยๆ

        “กาลแน่ใจแล้วนะครับว่าเลือกเราทั้งสองคนเลย” ไคร์นพูดขึ้นหลังจากฟัดที่ซอกคอผมอย่างพอใจแล้ว

        “ครับ ผมรักไคร์นกับพี่มาร์คทั้งคู่นะครับ ไคร์นว่ายังไงหละ โกรธผมไหม”

        “...”

        “ไคร์นคร้าบบบ โกรธกาลไหมอะ...โกรธใช่ไหมอะ...ไคร์น...”

        “...” ไคร์นมองผมด้วยสายตาที่บอกไม่ถูก มันเปี่ยมล้นไปด้วยความโกรธ ความเกลียด แต่มันก็คลายลงจนเหลือแต่ความเศร้าโศก

        “ทำไมหละ ทำไมเป็นผมคนเดียวไม่ได้เหรอครับ ทำไมหละครับ น้องกาล...” แววตาที่เริ่มมีน้ำตาคลอดูเจ็บปวด ไคร์นซบหน้าลงที่บ่าผมพร้อมกับสะอื่นอย่างเงียบๆ ผมได้แต่เพียงกอดเขาไว้แล้วเอามือลูบไปตามหลังคอและผมของเขาเพื่อปลอบโยน

        ผมไม่รู้ว่าผมควรจะพูดปลอบเขายังไงดี รู้แต่ว่า ผมทิ้งเขาไปไม่ได้ ใจผมบอกว่าต้องมีเขาพร้อมๆกับพี่มาร์ค มันเหมือนโดนแกล้งยังไงก็ไม่รู้ ความรักครั้งใหม่กำลังจะงอกงาม แต่ความรักครั้งแรกก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้า มันดันเกิดขึ้นพร้อมกันซะได้
ผมกอดไคร์นนานเท่าไหร่ไม่รู้ พี่มาร์คก็เข้ามาสวมกอดผมจากด้านหลังอีกคน พี่มาร์คหอมแก้มผมไปทีก่อนจะซบตากับไคร์นที่เงยหน้าขึ้นมาจากบ่าผม

        “ไอ้หมีหื่น แกเคยรักใครบ้างไหม ความรักเคยเกิดกับแกมั่งไหมที่ผ่านมา”

        “เคยซิ แล้วแกหละวะ”

        “เคย...แค่ครั้งเดียว ข้าคิดว่าข้าได้เสียสิ่งนั้นไปแล้ว ข้าเจ็บ...เจ็บที่กลางหน้าอกนี่ ภายในตัวข้ามันปวดร้าวไปหมดเหมือนข้าจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ทุกเวลาข้าคิดแต่ว่าอยากจะ...อยากจะเป็นผู้มอบความสุขให้กับคนรักของข้าให้มากยิ่งขึ้นไปอีก อยากจะทำทุกอย่างเพื่อให้คนรักของข้าพึงพอใจ แม้ว่าข้าจะต้องแลกกับอะไรข้าก็ยอม”

        พี่มาร์คก้มมามองหน้าผมอีกครั้งแล้วเอาแก้มของเขามาคลอเคลียกับแก้มผม ความรู้สึกนุ่มนวลและระคายเล็กๆจากแก้มที่พึ่งผ่านการโกนหนวดมามันเป็นความรู้สึกที่ยากจะต้านทานไว้ได้จริงๆ

        “แล้วตอนนี้ข้าก็ได้พบคนรักของข้าอีกครั้งแล้ว ข้าจะไม่ยอมให้อะไรทำให้ข้ากับที่รักของข้าต้องจากกันอีก และข้าได้เลือกที่จะใจกว้าง ยอมรับแกด้วยอีกตัว เพราะแกก็เป็นคนที่ที่รักของข้า...รักด้วยเช่นกัน  ฉะนั้น แก...ไอ้หมีหื่น แกจะร่วมมือกับข้า ทำให้คนที่เรารักมีความสุขดีกว่าไหม”

        ไคร์นมองหน้าพี่มาร์คแล้วก้มมามองผม แววตาเขาเปลี่ยนไปแล้ว เขาเริ่มยิ้มแล้วโอบกอดพี่มาร์คไว้แถมหอมแก้มไปอีกที พระเจ้า อะไรเนี่ย

        “จะกอดกันก็ไปกอดกันที่อื่นได้ไหม ผมจะแบนอยู่แล้วนะ” คุณลองโดนหมียักษ์สองตัวเบียดคุณดูซิ อึดอัดชะมัดเลย ผมจะตายอยู่แล้ว

        “อ้าว...ขอโทษครับน้องกาล” ไคร์นรีบถอยออกมาแต่หน้ายังยิ้มเหมือนดีใจที่ได้แกล้งผมแน่เลย

        “อะไรกัน ไคร์น ทำไมไปหอมแก้มพี่มาร์คเขาด้วย อย่าบอกนะว่า...”

        “ปล่าววววว...ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับน้องกาล พี่หอมขอบคุณเฉยๆ ไม่ได้จะพิศวาสอะไรกับไอ้หมีลามกเลยนะครับ จริงๆนะครับ” ไคร์นรีบแก้ตัวใหญ่

        “ก็ลองมาคิดซิ ข้าได้เตะแกแน่ ไอ้หมีหื่น” พี่มาร์คเอามือถูแก้มตัวเองก่อนจะก้มมามองผม

        “แต่ปากมันก็นุ่มดีนะครับที่รัก” พี่มาร์คกระซิบที่ข้างหู

        “พี่มาร์ค...”ผมเลยดึงหูไปทีก่อนจะตะโกนใส่หูพี่เขา ดูทำเป็นเจ็บแต่ก็ยังยิ้มหัวเราะกันได้ ผมว่าผมมีความสุขมากเลยนะที่พวกเขาเข้าใจกันได้

        “งั้นเราก็ถึงเวลาแล้วซิ น้องกาล” ผมทำหน้าสงสัยซิ เวลาอะไร

        “เวลาอะไรเหรอ ไคร์น”

        “เป็นคู่กันอย่างถูกต้องไงหละครับ น้องกาล” แบบเดียวกับโดนขอแต่งงานหรือเปล่าหว่า

        “หมายถึงไปจดทะเบียนสมรสเหรอ”

        “อันนั้นมันของพวกมนุษย์เขา ของเผ่าพันธุ์เราจะทำกันบนเตียงต่างหาก” พี่มาร์คส่งสายตากรุ่มกริ่มมองมาที่ผม เอาหละซิ งานงอกแล้ว

        “แล้วมันต่างจากคืนก่อนๆยังไงกันฟ๊ะ ไอ้พวกหมีบ้า...”

======================================================

        ตอนนี้ผมอยู่บนเครื่องบินกำลังเดินทางกลับจากกัมพูชามุ่งหน้าไปสนามบินสุวรรณภูมิ พี่มาร์คกลับไปโดยบอกว่าจะไปจัดการเรื่องฝูงให้เรียบร้อยก่อนแล้วจะตามไปหาอีกสามวัน ผมก็ไม่รู้ว่าพี่เขาจะมายังไงเหมือนกันนะแต่พี่มาร์คบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง
        ส่วนไคร์นดูจะหงุดหงิดมากกว่าที่ต้องแยกจากผมที่สนามบินเพราะต้องกลับไปอเมริกาก่อน เห็นบอกว่าเดี๋ยวเอกสารมีปัญหา ผมก็ยังสงสัยในใจนะทำไมหายตัวได้ไม่หายตัวมาตั้งแต่แรก เขายังบอกว่าอีกสามวันจะไปหา เหมือนกับพี่มาร์คเลย

        “หนูกาล หนูอยู่จังหวัดไหนเหรอจ๊ะ” ป้าสุวรรณที่นั่งข้างๆผมถามขึ้น

        “ผมอยู่สวนส้มที่จันทบุรีครับป้า”

        “โห...ดีเลยลูก ใกล้ๆป้าเลย ป้าอยู่สอยดาวนี่เองได้กลับทางเดียวกันนะลูก” งะจากหนูกลายเป็นลูกเลย

        “แล้วลูกพักอยู่กับใครเหรอจ๊ะ”เสียงป้าแกดูใจดีมากเลย

        “ผมอยู่คนเดียวครับ”

        “อ้าว...แล้วพ่อแม่หละจ๊ะ”

        “พวกท่านเสียไปนานแล้วครับป้า”

        “แล้วนี่เรียนปีไหนแล้วหละลูก”

        “โอ๊ย...ผมเรียนจบแล้วครับป้า เมื่อเดือนที่แล้วนี่เองครับ” จะบอกป้าว่าสี่ปีกับอีกหนึ่งซัมเมอร์นี่แทบลากเลือดเหมือนกัน

        “แล้วหางานได้หรือยังหละจ๊ะลูก”

        “ยังครับ ยังไม่ได้หาด้วยครับ ผมกะว่าจะไปสมัครร้านนวดแผนโบราณดูหนะครับป้า ป้าสุวรรณอยู่แถวนั้นพอจะรู้จักร้านไหนบ้างไหมครับ”

        “ป้าว่าไม่ต้องไปหาแล้วหละลูก มาทำงานกับป้าที่รีสอร์ทเลยดีกว่านะ ที่ป้าถามลูกเพราะดูลูกมีฝีมือดีนะและมีน้ำใจช่วยคนแกแบบป้าด้วย ป้าบอกตรงๆว่าถูกชะตากับลูกมากเลย”

         “โห...ขอบคุณมากเลยครับป้า แล้วรีสอร์ทป้าอยู่ไหนเหรอครับ” โชคดีจริงๆแฮ๊ะ

         “ป้ามีหลายที่นะลูก ที่เปิดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็ตรงสอยดาวนี่เองลูก ป้าอยากให้ลูกเข้ามาดูแลแผนกนวดประจำที่รีสอร์ทให้ป้าได้ไหมจ๊ะลูก”

         “ตำแหน่งไม่ใหญ่ไปเหรอครับ ดูแลแผนกนวดนี่มันหัวหน้าหมอนวดเลยนะครับป้า แล้วพวกหมอนวดเดิมเขาจะไม่เขม่นผมเอาเหรอครับ”

         “หมอนวดฝีมือไม่ได้เรื่องพวกนั้นจะมาโวยอะไรได้หละ เรื่องนี้เขาวัดกันที่ฝีมือนะลูก แก่แต่ฝีมือเท่าอนุบาลป้าให้ทำงานด้วยก็บุญแล้ว ลูกไม่ต้องสนใจหรอกนะ” งะ...ป้าแรงงะ

         “แล้วป้าจะให้ผมเริ่มงานได้เมื่อไหร่หละครับ”

        “พรุ่งนี้เลยนะลูก”

        “หา...พรุ่งนี้...”



สามวันต่อมา


         ตอนนี้ผมเริ่มงานที่รีสอร์ทของป้าสุวรรณได้สองวันแล้วครับ ตอนแรกก็นึกว่าจะเราจะไหวไหมก็พอทำได้นะครับ พนักงานมีห้าคนมีทั้งแก่ๆและก็สาวๆ ดูเป็นมิตรดีครับ สองวันที่ผ่านมามีลูกค้าไม่เยอะเท่าไหร่เกือบทั้งหมดเป็นลูกค้าต่างชาติทั้งนั้น ห้องนวดก็จัดเป็นสัดส่วนภายในรีสอร์ทเอง มีแบบเอาท์ดอร์ด้วย นวดกันท่ามกลางแมกไม้ บรรยากาศสุดยอดเลย

        “น้องหมอคะ ฝรั่งคนนั้นเขาโวยวายพี่อะคะว่านวดเขาแล้วเขายังปวดแขนอยู่เลยอะคะ น้องหมอช่วยพี่ด้วยได้ไหมคะ พี่จะเป็นลมแล้ว แขนหรือขาหมูก็ไม่รู้” พี่สีอายุจะสี่สิบแล้วเข้ามาหาผมในห้องพัก ตอนนี้ก็เริ่มจะเลิกงานกันแล้ว

        “พี่สีใจเย็นๆนะ เดี๋ยวผมออกไป พี่เอาชาตะไคร้ให้เขาจิบก่อนนะครับพี่” ผมบอกพี่สีไปแล้วเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างมือก่อน พอผมเดินไปยังส่วนเอาท์ดอร์ก็เห็นว่าฝรั่งตัวใหญ่อ้วนมากกำลังนั่งจิบชาตะไคร้อยู่แต่สีหน้ายังไม่ค่อยดีเท่าไหร่แฮ๊ะ

        “ขอโทษครับ ไม่ทราบว่าปวดตรงไหนบ้างครับคุณ” ผมพูดภาษาอังกฤษออกไปแต่ตานี้กับยื่นแขนขวามาให้ผมแล้วมองไปทางอื่นแบบไม่สนใจกันเลย

        “ผมขอตรวจอาการก่อนนะครับ” ผมจับที่ข้อมือของเขาแล้วดูแขนกับไหล่เขา อ้าวเส้นเบี้ยวนี่เอง ทีพจรปกติ ไหล่ไม่หลุด งั้นก็ง่าย ผมเลยจับเส้นที่แขนเขาเข้าให้

        “โอ๊ยๆๆๆ เจ็บๆๆๆ ทำอะไรว่ะ”

        “เอาหละครับ หายแล้ว คุณลองบิดแขนดูนะครับ”

        “โอ้...พระเจ้า มหัศจรรย์มากเลย ทำได้ยังไงกันเนี่ย...”

        “เสร็จแล้วครับ ขอให้มีสุขภาพที่ดีนะครับ” ผมรีบให้พี่สีเข้ามาทำหน้าที่ต่อ ส่วนผมขอออกไปเดินเล่นในส่วนสมุนไพร เพราะคิดว่าจะลองทำยาอบตัวแบบสดๆดูน่าจะดีกว่าแบบแห้งนะ

        ติ๊ดๆๆๆๆๆ อะนะ โทรศัพท์เข้าแฮ๊ะ ผมดูว่าใครโทรมาจึงรับสาย

        “ว่าไงน้องรัก มีปัญหาอะไรเหรอ โทรมาเนี่ย”

        “หวัดดีพี่ โห...น้องนุ่งโทรมาทั้งทีไม่ถามสารทุกข์อะไรกันเลยเหรอไงพี่กาล”

        “อ้าวก็ทุกทีเห็นโทรมาก็มีแต่เรื่องทั้งนั้นนี่ เอาว่ามาเร็วๆ พี่จะเอาตะไคร้ไปล้าง”

        “ทำต้มยำเหรอพี่”

        “ต้มยำบ้านแกดิ ไอ้ไทม์ มีอะไรว่ามา”

        “คืองี้พี่ งานรับน้องภายนอกอีกสองสัปดาห์ พี่จะเข้ามาเจอที่มอก่อนหรือจะไปเจอที่โน้นเลย”

        “อาจจะเข้าไปดูก่อนนะแล้วจัดที่ไหนหละครับท่านประธานรุ่น กระผมจะรู้ไหมครับท่าน”

        “ที่เดิมพี่ มาให้ได้นะ น้องง้าวววววเหงา”

        “เหงาตายหละเอ็ง องครักษ์เพียบขนาดนั้น ไอ้ตูด”

        “5555 ตกลงมาใช่ปะ ผมจะได้จองห้องวีไอพีให้”

        “เออ...ดีมากท่านประธานน้องรัก แล้วพี่จะลงไป”

        “โอเช...ท่านอดีตประธานหนึ่งห้องพิเศษ ห้ามเบี่ยวนะพี่ ไม่งั้นผมจะส่งทีมไล่ล่าตามมาหิ้วปีกเลย”

        “หุ้ย...น่ากลัวตายหละ ทีมไล่ล่าของเอ็งก็คงไม่พ้นไอ้สองตัวนั่นแหละ”

        “เอานะพี่ เดี๋ยวไว้เจอกันนะครับ คิดถึงพี่มากเลยนะ บ๊ายบาย”

        “อืมม” ผมกดวางสายไปแล้วนึกย้อนไปถึงตอนที่ผมยังเรียนอยู่ที่นั่น มันทั้งสนุกและทำให้หัวเราะได้หลังจากที่ผมกลับมาจากเนเธอแลนด์ ที่นั่นมีความทรงจำดีๆเยอะมากเลย

        ผมนั่งคิดอะไรเพลินๆก็มีใครบางคนเข้ามานั่งซ้อนตัวผม มือใหญ่กุมมือของผมที่ยังถือตะไคร้เลอะโคลน แล้วกระซิบข้างๆหูด้วยริมฝีปากอิ่ม

        “คิดอะไรอยู่ครับ ที่รัก” พี่มาร์คนั่นเอง ผมไม่รู้สึกตกใจอะไรเลย เพราะผมยังจำมือใหญ่คู่นี้ได้ ผมเอนหลังไปพิงกับอกแกร่งนั้นอยากเคยตัว

        “คิดถึงตอนเรียนที่มหา’ลัยหนะครับ มันมีเรื่องราวที่น่าจดจำเยอะครับ”

        “แล้วไม่คิดถึงพี่บ้างเหรอครับ”

        “ก็คิดนะว่าเมื่อไหร่จะมา”

        “แล้วไม่คิดถึงผมเลยเหรอ”

        “นี่ก็อีกคน ไม่คิดว่าที่นี่เขามีแผนกต้อนรับกันมั่งหรือไงกันเนี่ย”

        “นั่นมันเรื่องของพวกมนุษย์ เราไม่เกี่ยว”

        “ยังไงก็ทำแบบมนุษย์เขาทำกันมั่งก็ได้นะ พี่มาร์ค ไคร์น”

        “คร้าบบบบ(X2)”

        “ว่างหรือยังครับ ที่รัก”

        “เราจะมาพาน้องกาลไปกินมื้อค่ำกัน”

        “งั้นรอแปปนึงนะ ขอปิดห้องนวดก่อนนะครับ ระหว่างนี้ช่วยทำตัวดีๆอย่าดื้ออย่าซนเป็นอันขาดนะครับ”

        “ได้เลย / ไม่มีปัญหา”

        ผมเก็บห้องนวดซักพักก็ล็อคประตูแล้วออกมาหาสองตัวนั่น

        “ไปกันได้แล้วครับ แถวนี้มีร้านอร่อยอยู่ด้วยนะ”

        “ไม่เอาหละครับ พี่จะพาเราไปกินมื้อค่ำกันที่ฮ่องกง”

        “งะ” ลาก่อนความปกติแบบมนุษย์ธรรมดาของผม

       

=====================================================

เป็นยังไงบ้างครับ เรื่องแรกเลยนะเนี่ยที่เขียนจนจบได้  :z1:

ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนถึงตอนนี้ได้นะครับ จริงๆจะมีหรือเปล่าไม่แน่ใจ

ยังไงก็ขอฝากภาคสองไว้ด้วยนะครับ กดไปตามลิงค์ข้างล่างได้เลย

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=27645.new#new

แล้วพบกันใหม่นะครับ ติชมได้นะครับ ผมจะได้ปรับปรุงด้วย

ขอขอบคุณทุกท่านด้วยนะครับ

 :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 22 (จบ 12-09-2554)
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 12-09-2011 16:40:44
 :L2: :L2: :L2:

ขอบคุณค่า รออยู่นาน นึกว่าจะไม่มาต่อแระ
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 22 (จบ 12-09-2554)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 12-09-2011 21:25:35
ว้าวว้าว ว่าแล้วว่า น้องกาลต้องขอสอง อิอิ
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 22 (จบ 12-09-2554)
เริ่มหัวข้อโดย: woradach ที่ 12-09-2011 22:20:45
ว้า จบซะแล้ว กำลังสนุกเลยนะครับคุณนักเขียน อิอิ ต่อตอนพิเศษไหมจ๊ะ? แหะๆ
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 22 (จบ 12-09-2554)
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 12-09-2011 22:29:14
อา...ในที่สุดก็มาต่อ ( ตอนจบ) ให้ซะที Happy Ending สมหวังทุกคน ชื่นมื่นเป็นที่สุด
3 คนครองคู่เป็นสุขแบบนี้ แม่สามสาวแสบโอลิมปัสคงหัวเสียแย่ หวังร้ายกลายเป็นดี(สุดๆ)ไปซะแล้ว... :laugh:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 22 (จบ 12-09-2554)
เริ่มหัวข้อโดย: Firebird ที่ 18-09-2011 19:56:56
ฟิค ชุดพรานนักล่า ของสำนักพิมพ์แก้วกาณต์ใช่ไหมเนี่ย มีทุกคนเลย  :bye2: :t3:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 22 (จบ 12-09-2554)
เริ่มหัวข้อโดย: murasakisama ที่ 18-09-2011 21:32:45
เคยอ่านนิยายชุดนี้เหมือนกานค่ะชุดDARK HUNTER ของเชอริดีน แคนยอน ชอบแอชรอนมากเลย มาอ่านฟิคก็สนุกค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ 22 (จบ 12-09-2554)
เริ่มหัวข้อโดย: viky_mama ที่ 18-09-2011 22:35:42
อ่านแล้วฮาน้องกาล ขอสอง 555
หัวข้อ: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ พิเศษ (จบ 04-03-2555)
เริ่มหัวข้อโดย: Windend ที่ 04-04-2012 22:29:39
สวัสดีครับนักอ่านทุกท่าน

ตอนนี้เป็นตอนพิเศษนะครับ

ต้องขอโทษนะครับที่มาต่อช้ามากๆ ไม่รู้จะยังอ่านกันอยู่ไหมอะ o22

ตอนนี้จะเป็นตอนจบของภาคหนึ่งแล้วนะครับ

ใครอยากอ่านภาคสองต่อก็ตามลิงค์เลยนะครับ

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=27645.msg1536125#msg1536125

=====================================================

ตอนพิเศษ

ไคร์น + มาร์คัส ทอร์ค

โรงแรมLangham Hong Kong เกาลูน ฮ่องกง  23:35น.

หลังจากกินอาหารค่ำที่ย่าน Wan Chai แล้วทั้งสามก็เข้าพักที่โรงแรมนี้ โดยที่มาร์คัสบอกว่าเขามีหุ้นอยู่เกือบ 40% ทีเดียว ทำให้ทั้งสามได้รับความสะดวกสบายและบริการที่ดีขึ้นมากกว่าแขกอื่นๆ ชั้นบนสุดยังเป็นสระว่ายน้ำด้วย ตอนนี้น้องกาลก็หลับไปแล้วด้วยความอ่อนเพลียจากกิจกรรมที่สองหมีมอบให้ :z1:  พวกเขาเลยตกลงกันว่าจะขึ้นไปว่ายน้ำที่ชั้นบนสุดกันสองตัว

“วิวดีนี่หว่า ไอ้หมีลามก” ไคร์นพูดหลังจากพวกเขาดำผุดดำว่ายกันได้ซักพักใหญ่ คืนนี้ไม่มีแขกอื่นเลย ซึ่งที่จริงแล้วมาร์คัสสั่งพนักงานให้ปิดชั้นนี้เลยต่างหาก

“แน่นอนซิ โรงแรมที่ข้ามีหุ้นอยู่อีกหลายที่ข้าก็เจาะจงให้มีสระว่ายน้ำบนดานฟ้าทั้งนั้นแหละ ข้าชอบวิวตอนกลางคืนที่นี่มาก แสงสีที่พวกมนุษย์สร้างสันขึ้นมาก็สวยดี” ไคร์มมองดูรอบๆมันก็จริงอย่างที่มาร์คัสพูด มันสวยมาก

“ข้าก็ชอบนะ มองเห็นอ่าววิคตอเรียได้ด้วย” ไคร์นมองลงไปเห็นเรือยอร์กจอดกันเป็นแถวเป็นแนว

“ไอ้หมีหื่น...” อยู่ๆมาร์คัสก็เอ่ยเรียกขึ้นมาพร้อมกับทำคิ้วผูกโบว์

“ว่าไง...” ไคร์นหันหน้าไปหาเขาพรางสงสัย

“ข้าว่า...ข้าจะย้ายมาอยู่ที่ประเทศไทย...”

“เฮ้ย...แล้วงานที่โน้นหละจะทำยังไง...ไอ้หมีลามก”

“ข้าว่านานๆจะเข้าไปเคลีย์ซักที...หรือไม่ก็ให้เลขาข้าดูแลไป เพราะเรื่องฝูงข้าสละตำแหน่งจ่าฝูงให้อีธานไปแล้ว ตอนนี้ข้าเป็นหมีโดดเดี๋ยว ไม่มีฝูง...” มาร์คัสมีสีหน้าเศร้าลงไปจนไคร์นต้องว่ายน้ำกลับเข้ามาแล้วจับไหลทั้งสองข้างไว้

ดวงตาทั้งสองจ้องมองซึ่งกันและกัน ไคร์นรับรู้ถึงความเสียใจที่ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง การมีคู่ที่ผิดธรรมดาไม่ใช่ธรรมชาติที่จะรับได้ในกลุ่มของคาตากาเรีย เพราะจะถูกมองว่าแปลกแยกอาจทำให้ฝูงไม่สามารถอยู่ได้

หน้าของไคร์นเลื่อนใกล้ไปหามาร์คัส...ทีละเล็ก

.

.

.

ทีละน้อย

.

.

จากนั้นไคร์นจึง

.

.

.

จึง

.

.

.

โขกหัวตัวเองกับมาร์คัสอย่างแรงจนหน้าหงายด้วยกันทั้งคู่ :a5:

.

.

.

“ไอ้หมีบ้า...แกทำอะไรวะ...” :fire:

“เรียกสติแกไง ไอ้หมีลามก...เรื่องแค่นี้อย่ามาดราม่าใส่ข้านะโว้ย...แกอ้อนผิดคนแล้ว...โอ้ย...เจ็บ...หัวแข็งเป็นบ้าเลยแก”

“แล้วจะให้ข้าทำยังไงหละวะ...ฝูงก็ไม่มี”

“ไอ้หมีโง่...แล้วข้ากับน้องกาลไม่ใช่ฝูงของแกหรือไงกัน...ไอ้หมีลามกสมองเสื่อม”

“อืมม...เออ...ขอโทษนะไอ้หมีหื่น ข้าลืมไปว่าเรามีกันสามตัว ขอบใจวะทีให้สติข้า”

“เออ คราวหน้าอย่าให้มีอีกนะเว้ย ข้าเจ็บหัวเลยไอ้หมีควาย”

“เอ้ย...ไอ้หมีหื่น แกอยากกลายเป็นหมีแพนด้าหรือไง” :fire:

“แกนั่นแหละ อยากเป็นหมีแพนด้า เดี๋ยวข้าจัดให้...”

“พอเลย...พอเลย...หยุดเลย...คุยกันต่อ ค่อยต่อยทีหลัง”

“ได้...เอา...ว่ามาต่อ”

“แล้วแกหละ...จะย้ายมาอยู่ที่ไทยด้วยกันไหม...”

“ข้าเหรอ...ข้าว่าจะทำอย่างนั้นเหมือนกัน ข้าจะให้มนุษย์ที่มาทำงานร้านของข้าบริหารร้านแทนนะ ส่วนเรื่องเรียนโทเอาจริงๆข้าจะเรียนต่อหรือไม่ก็ได้ อาจารย์อเล็กซานเดอร์น่าจะพูดกันง่ายหน่อย แต่พูดกันแล้วเรื่องมากก็น่าจะเป็นพวกนายธนาคารหละมั้ง...” ไคร์นอธิบายความคิดของเขาออกมา

“อันนี้เรื่องจริง ผิดพลาดไม่ได้เลย กัดไม่ปล่อยยิ่งกว่าฉลามอีก”

“555 น่าจะเหมือนกันจริงๆนั่นแหละ”

“ถ้าเช่นนั้น...ข้าว่า...ข้าจะเข้าไปที่บริษัทก่อนนะ แล้วเดี๋ยวตอนเช้าค่อยเจอกัน ไม่รู้ว่าพวกมนุษย์ที่ให้บริหารแทนเป็นยังไงกันบ้างแล้ว...”

“แกจะกลับไปเนเธอแลนด์เหรอ”

“ใช่...ทำไม...” มาร์คัสสงสัยว่าทำไมอยู่ๆ ดวงตาของไคร์นส่องประกายแพรวพราวขึ้นมา

“ช๊อกโกแลต...ต้องช็อคโกแลต...เอาของเบลเยี่ยมนะ ไม่เอาของอเมริกา มันใส่นมเยอะข้าไม่ชอบ...นะไอ้หมีลามก นะนะ...ได้โปรดเถอะนะ..นะ...” ไคร์นพูดพร้อมเอามือประกบเข้าด้วยกัน :impress2:

“เรื่องมากจริง...เออ...เดี๋ยวเจอกัน” มาร์คัสรู้สึกขนที่หลังลุกซู่ขึ้นมาจึงรีบแว๊บหายตัวไปอย่างรวดเร็ว 

“เราก็ไปมั่งดีกว่า” ไคร์นจึงวาปหายตัวไปจากสระน้ำเช่นกัน

==============================================================

มาร์คัส

ผมกำลังยืนอยู่ทีห้องอาบน้ำริมสระว่ายน้ำในร่มของโรงแรม  Park Plaza Victoria Amsterdam แน่นอนว่าผมมีหุ้นอยู่แน่นอน การเดินออกมาจากสระไปที่ล็อบบี้โดยที่ตัวยังเปียกแถมเหลือแต่บีกินี่ตัวเดียวเป็นเรื่องปกติของผมอยู่แล้ว มีดีก็ต้องโชว์ คุณว่าจริงไหม

“ไง...เฌอเลมสัน ไม่เจอกันนานนะ”

“อ้าว...มิสเตอร์แม็คซิลเวีย ใช่ไหมครับเนี่ย...ไม่เจอกันนานเลยนะครับ หลายปีทีเดียวนะครับ” เฌอเลมสันส่งสัญญาณให้พนักงานอีกคนไปเอาชุดคลุมกับผ้าเช็ดตัวมาให้ผม เฌอเลมสันเป็นคนที่ผมพาเข้ามาทำงานที่นี่ตั้งแต่ต้นจนตอนนี้เขาเป็นหัวหน้าแผนกตอนรับไปแล้ว แต่เขาไม่รู้หรอกว่าผมเป็นอะไร ในความคิดเขา เขาพยายามไม่สงสัยผู้มีพระคุณอย่างผมแน่นอน ผมได้กลิ่นความภัคดีจากเขาตลอดเวลา

“สระปรับปรุงใหม่เหรอ พื้นไม่ลื่นแบบเดิมแล้วนี่ เยี่ยมไปเลย”

“แหม...ขอบคุณครับมิสเตอร์แม็คซิลเวีย แล้วมาเที่ยวนี้จะมาพักกี่คืนหละครับ”

“ไม่หละ แค่มาเอาเสื้อผ้ากับของที่ห้องหละ เดี๋ยวต้องไปต่อ”

“ครับ ได้เลยครับ นี่กุญแจห้องของคุณ เชิญครับ”

ผมรับกุญแจแล้วเดินเข้าลิฟไปยังห้องของผม คุณคงจะสงสัยใช่ไหมว่าทำไมผมไม่หายตัวไปที่ห้องเลย ก็มีเหตุผลอยู่ไม่กี่อย่างหรอกครับ ข้อแรก ที่นี่มีโทรทัศน์วงจรปิดแทบจะทุกจุด มีจุดบอดจุดเดียวที่ไม่มีใครรู้เลยก็ห้องน้ำริมสระนั่นแหละ ข้อต่อมาในห้องผมถ้าไม่มีใครอยู่ระบบรักษาความปลอดภัยแบบอินฟาเรดจะทำงานตลอด อยู่ๆวาปเข้าไปเดี๋ยวเป็นเรื่อง และข้อสุดท้าย ผมฝากกุญแจเซฟไว้กับเฌอเลมสัน ถ้าของข้างในถูกเอาไปโดยที่ไม่ได้บอกเขาแล้วหละก็ เขาจะต้องเดือดร้อนถูกตำรวจสอบสวนยาวแน่เลย สงสารเขามากกว่านะ

ผมเอาของในเซฟเรียบร้อยพร้อมกับเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วคราวนี้ก็ไปสะสางงานก่อนดีกว่า

“เฌอ ผมของรถคันนึงนะ ผมจะเข้าบริษัทหน่อย”

“อ้าว ไม่ได้เอารถมาเหรอครับ”

“ลืมไว้ไหนไม่รู้ แต่ชั่งเถอะ ผมต้องการเข้าบริษัทด่วน”

“ได้ครับ ผมจะจัดรถและคนขับที่ไว้ใจได้ให้ครับ ”

“ขอบคุณมากนะ เฌอ”

“ด้วยความยินดีครับ”

ตอนนี้ผมก็มายืนอยู่ที่หน้าตึกทำการของมูลนิธิแม็คซิลเวียแล้ว คิดถึงจังเลย

“ขอโทษครับมิสเตอร์ คุณต้องแลกบัตรผ่านก่อนนะครับ” ยามหน้าประตูบอกมาอย่างสุภาพแต่หารู้ไม่ว่าที่พูดอยู่กับแกหนะ ประธานบริษัทแกนะเฟ้ย

“อ๋อ ถ้างั้นช่วยต่อสายมิสเบลล่าทีว่า มาร์คัสมาหา”

“ถ้าเช่นนั้นกรุณารอซักครู่นะครับ” เอาเถอะยังไงมันก็เป็นระเบียบของทางบริษัทเองนี่หว่า ช่วยไม่ได้ ซักพักยามก็ยื่นหูโทรศัพท์มาให้ผม ผมรับด้วยท่าทางสบายๆ เวลามีถมไป

“ไง”

ไม่ต้องมาไงเลยนะ ไอ้ประธานเฮงซวย หายตัวไปตั้งหลายปี ติดต่อมาเฉพาะอีเมลล์ แล้วนี่นึกยังไงกลับมาป่านนี้ ไม่รอให้คณะกรรมการลงนามถอดถอนให้เสร็จซะก่อนหละหา เฮื่อย..” เสียงหวานที่ตอนนี้อารมณ์เสียสุดๆกระแทกออกมาทางหูฟังเสียดังลั่นไปหมด อ้า...ไม่ได้ยินเสียงซะนาน ยังแสบแก้วหูไม่เคยเปลี่ยนเลย เบลล่า

“อ้าว...แล้วเขาลงกันไปกี่ชื่อแล้วหละ”

“กำลังจะลงย่ะ และโดยส่วยตัวฉันขอแนะนำว่า...รีบย้ายก้นของคุณขึ้นมาที่ห้องประชุมเดี๋ยวนี้เลยนะ ก่อนที่ลาสซาโร่จะฮุบเก้าอี้ประธานไป...รีบเลยย่ะ” เอาหละซิ คนนึงภัคดีตลอดมา อีกคนอยากจะขึ้นมาแทนที่ตลอดไป เรื่องของลาสซาโร่ทำไมผมจะไม่รู้ มนุษย์มีรูโหว่เบ้อเล้อในจิตใจที่ไม่มีวันถมให้เต็มได้ รูที่มีชื่อว่า ความโลภ ลาสซาโร่เป็นตัวอย่างในเรื่องนี้ได้ดี ผมรีบสาวเท้าออกจากลิฟตรงไปยังห้องประชุมคณะกรรมการมูลนิธิแม็คซิลเวีย

ทันทีที่ประตูเปิดออก ผมก็เห็นสีหน้าที่ฉงนของเหล่าคณะกรรมการทั้งสิบคน แต่หนึ่งในนั้นดูเหงื่อแตกและหน้าซีดเป็นพิเศษ ไม่ใช่ใคร ลาสซาโร่น้อยนั่นเอง

จริงๆก็ไม่น้อยนะ จะสี่สิบห้าปลายปีนี้แล้ว ผมยังจำได้ที่เห็นเขามาทำงานที่มูลนิธิฯเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนในตำแหน่งพนักงานตรวจสอบบัญชีของบริษัท แล้วก็ก้าวหน้าในหน้าที่การงานแบบขาวบ้างเทาบ้าง ผมก็จับตาดูเขาตลอดโดยไม่ได้แสดงตัวให้เห็น
หลังจากที่ผมได้รับช่วงเป็นประธานมูลนิธิเมื่อสิบปีที่แล้ว ท่าทีของเขาดูเปลี่ยนไปมาก ดูเจ้าเล่ห์ หลบหลีกเก่ง อย่างว่าหละเขาเคยทำบัญชีให้นี่หนา จึงไม่แปลกอะไรที่จะเห็นรายได้ของบริษัทที่ไหลเข้ามามากกว่าพันล้านยูโรตลอดช่วงที่ผมขึ้นเป็นประธานแล้ว ความโลภคงเข้าครอบงำเขาตอนนั้นหรือก่อนหน้าผมไม่แน่ใจ

แต่ตอนนี้ลาสซาโร่กำลังทำหน้าทำตาเหมือนไก่ที่กำลังจะถูกเชือด

ถูกต้องแล้ว ความหมายตรงตามนั้นเป๊ะๆ เชือด

“มาร์คัส” คำแรกที่หลุดจากปากของไอ้ไก่ตาขาวกลับเป็นคำที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในห้องนี้ทีเดียว

“นั่งลงเถอะทุกคน ลาสซาโร่ รีบย้ายก้นเน่าๆของแกออกไปจากห้องประชุมเดียวนี้ ก่อนที่แกจะไม่ได้พูดอะไรได้อีกเลย” ผมขึงตาใส่ลาสซาโร่ผู้โง่เขลา ผู้ที่ตกอยู่ใต้อำนาจของความโลภ แทนที่จะความคุมความโลภของตนเองกลับให้มันกัดกินจิตวิญญาณเสียเอง น่าสงสารจริงๆ

ลาสซาโร่ออกไปแล้ว และผมเชื่อว่าเขายังอยู่ในห้องทำงานของเขาเพื่อทำอะไรซักอย่างกับข้อมูลของเขาอยู่แน่นอน ปล่อยเขาไปก่อนซักชั่วโมงแล้วผมค่อยตามเขาไป น่าสนุกดี

“เอาหละคณะกรรมการของมูลนิธิแม็กซิลเวียทุกท่าน...”

สี่สิบนาทีกับการประชุมวางนโยบายใหม่ ผมว่าผมทำสถิติใหม่ของการประชุดครบองค์ของมูลนิธิฯเลยทีเดียว เอาหละที่เหลือผมก็ให้เบลล่าเลขาสาวสวยคนเก่งทำหน้าที่แทนไปก่อน

ผมเดินตรงไปที่ห้องทำงานของผม โอ้โฮ...กองเอกสารเพียบเลย เกือบยี่สิบตั้ง สูงเกินหัวผมไปอีก เบลล่านี่สุดยอดจริงๆ เรียงแฟ้มได้สุดๆไปเลย

แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ทำยังไงที่ผมจะต้องทำงานให้ทันก่อนเช้าที่ฮ่องกงหละ คำตอบหนะง่ายแสนง่าย ผมล็อคห้องแล้วเอาแฟ้มเอกสารที่ต้องทำทั้งหมดวาปข้ามเวลาในแนวตรงไปในอดีตเมื่อสามพันปีก่อน ที่นี่ยังเป็นทุ่งหญ้ากว้าง มีป่าโปร่งอยู่ด้านหลังและก็มีบ้านไม้หลังใหญ่ที่ผมสร้างเองเอาไว้ปลีกเร้นออกมาจากเรื่องวุ่นวายต่างๆ ผมเริ่มทำจากแฟ้มแรกไปเรื่อยๆ ส่วนใหญ่ก็ประวัติเด็กที่ขอรับทุนของมูลนิธิฯเพื่อการศึกษาต่อยังประเทศอื่น ของปีก่อนๆผมให้เบลล่าตัดสิน แต่ของปีนี้ผมต้องดูเอง ก็กลับมาแล้วนี่

“อ้าว...ปีนี้มีเด็กขอไปที่ประเทศไทยคนนึงเองเหรอ...ปกติต้องห้านี่หน่า??” ผมดูเอกสารประวัติแล้วก็ อืมมม มันก็รวยอยู่แล้วทำไมมาขอทุนหละ แค่ประเทศไทย แถมเรียนไม่กี่ปีเอง แปลก แต่เอาเถอะ ค่อยเอาไว้คุยกันทีหลังก็แล้วกัน

ผมทำไปเรื่อยๆจนมืดจึงเสร็จ เอาหละ ทีนี้การจะข้ามกาลเวลาอีกครั้ง คาตากาเรียจำต้องใช้อำนาจของจันทราเต็มดวงในการกระโดดข้ามอีกครั้ง ซึ่งไม่ใช่ผม ผมมันเป็นสายเลือดตรง เป็นอริโตส เป็นจอมเวทย์ของเหล่าพ่อมดเลยก็ว่าได้ เพราะฉะนั้นผมจึงสามารถกลับมายินในห้องได้อีกครั้งโดยที่เวลาในห้องผม พึ่งจะผ่านไปไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ เก่งจริงแฟนใครหว่า เหอๆๆๆ

ผมเปิดประตูออกมาก็เจอกับเบลล่าที่ทำท่าจะเคาะประตูห้องพอดี

“ไง เบลล่า”

“มาร์คัส เอกสาร...”

“เสร็จหมดแล้ว...”

“ทำได้เหมือนทุกครั้งเลยนะ แล้วนี่จะออกไปไหนอีกหละ”

“ไปเบลเยี่ยม เตรียมมาสแตงให้ด้วย”

“ได้เลย แล้วจะกลับมาเมื่อไหร่หละเที่ยวนี้ คณะกรรมการยังต้องการคุณเข้าร่วมการประชุมอยู่นะ”

“ไม่นานหรอก เอาไว้อีกอาทิตย์ก็แล้วกัน แล้วจะมาใหม่ จะเอาอะไรไหม ของฝากหนะ”

“เหมือนเคยก็ดีนะ คราวที่แล้วคุณยังติดของฝากฉันอยู่เลยนะ”

“ไม่ต้องห่วงเลย เดี๋ยวผมจัดมาให้สองเลยอ้าว...”

“ขอบคุณมากค่ะ แล้วจะส่งมาเมื่อไหร่หละ คืนนี้ หน้าห้องนอนเธอดีไหม”

“คงไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้วหละ ฉันอยากกินแบบนั้นมานานแล้ว ผู้ชายราดช็อกโกแล๊ตสองที่ อย่าให้ฉันรอนานหละท่านประธานที่เคารพ”

“ได้เลย คุณเลขาคนเก่ง อ๋อ...อีกเรื่อง จัดการลาสซาโร่ให้ที เอาเนียนๆนะ ผมไปหละ”

“ได้เลยค่ะ โชคดีนะคะ” หล่อนคลี่ยิ้มออกมาก่อนที่เรียกพนักงานให้เอารถมาสแตงสีแดงเพลิงไปจอดไว้ที่หน้าบริษัท แล้วหันกลับไปยังโต๊ะเพื่อสั่งงานต่อไป

================================================================

ไคร์น

ตอนนี้ผมอยู่ในห้องของอาจาย์จูเลียท อเล็กซานเดอร์ หลังจากที่ผมเล่าเรื่องทั้งหมดแล้วความต้องการที่จะดร็อปเรียนของผมให้เขาฟัง เขาก็เอาแต่นั่งจ้องหน้าผมอยู่อย่างนั้นเกือบห้านาทีแล้ว ท่านจอมทัพแห่งมาเซโดเนียคนนี้มีสายตาที่ใครๆก็ต้องสยบทุกครั้งไป แม้แต่ผมเองตอนนี้

“เอาจริงเหรอ ไคร์น”

“ชัวส์...ผมไม่อยากห่างจากเขาเลยจริงนะจูเลียท...”

“แล้วแอชรอนว่ายังไงหละ...”

“ผมยังไม่ได้บอ...” ยังไม่ทันพูดจบ แอชรอนก็ปรากฏตัวข้างๆจูเลียทแล้ว

“ฉันรู้แล้ว...เป็นไงหละ หมีน้อย” เขาส่งยิ้มไมตรีมาให้เหมือนทุกครั้งที่เจอกัน

“ก็ดีฮะ” ผมตอบไปแบบอายๆ

“ดีอะไรกันเล่า...มันยอดเลยต่างหากหละ เจ้ารักเขา เขารักเจ้า ถ้านับจริงๆนี้แค่...อาทิตย์เดียวเองนะ จากสามอาทิตย์” แอชรอนเดินมาตบบ่าผมแบบกันเอง

“มันก็ใช่อยู่หรอก...แต่...”

“แต่อะไรหละ??”

“ผมไม่ได้เป็นเจ้าของน้องกาลแค่คนเดียวนี่ซิ...โอ๊ย...” อยู่ๆก็มีมือมาทุบหัวผมจากด้านหลังแทบทรุดเลย

“โอ้ย...ทุบหัวผมทำไมอ๊ะ...เจ็บ...นะ...ซ..เซะ...เซนเซย์...” พอผมหันไปกลับเป็นทาเคชิเซนเซย์เอง

“ก็เออซิ อย่าใจแคบนักซี่ ปุกปุย มาร์คัสไม่เห็นจะคิดแบบนั้นเลย”

“เพราะผมมันเป็นมนุษย์หละมั้ง ความโลภมันเลยยังมีอยู่เยอะ”

“ความโลภไม่ใช่เรื่องที่ผิดหรอก ไคร์น ความโลภมันเหมือนตัวกระตุ้นผลักดันให้จิตวิญญาณได้ก้าวเดินผ่านสิ่งต่างๆไปได้ เหมือนตัวล่อให้เราก้าวเดินไปข้างหน้าต่อไป แต่เราต้องรู้จักควบคุมจิตใจตัวเองด้วย อย่าไปเต้นตามความโลภที่มันคอยกระตุ้นให้เรามีแรงผลักดันมากจนเลยเถิดจนกลายเป็นความละโมบ ความโลภเป็นอารมณ์อย่างหนึ่งที่สามารถเรียกได้หลายสถานะ ไม่ว่าจะเป็นความอยาก, ความต้องการ, หรือแม้แต่ความปรารถนา ” แอชรอนอธิบายออกมา

“ความอยากที่จะครอบครองไว้แต่เพียงผู้เดียวเป็นเรื่องปกติของมนุษย์อยู่แล้วนะ เพียงแต่ต้องรู้จักควบคุมอารมณ์เหล่านั้นให้เป็นนะ ไคร์น อย่าให้มันเกินไปเป็นด้านลบหละ” เซนเซย์อธิบายต่อ

“ด้านลบ??...”

“ใช่...อย่างเช่นว่า นายอยากได้เขามาครอบครองอย่างน่ามืดตามัวโดยไม่เลือกวิธีที่จะได้มา พอได้มาก็เสพสมจนอารมณ์หมายแล้วจึงหมายตาหาสิ่งใหม่ที่ตื่นเต้น เร้าอารมณ์กว่า ไอ้ประเภทนี้หนะ มันต่ำกว่าสัตว์เดรัจฉานอีกนะ ไคร์น” เซนเซย์อธิบายเพิ่ม ผมเลยเข้าใจมามันเป็นยังไง

“แล้วผมต้องทำยังไงต่อหละ”

“ใจกว้าง” ทั้งสามคนพูดออกมาพร้อมกันเลย น่ากลัวอะ

“งะ...ก็ได้ ขอบคุณมากนะแอช เซนเซย์”

“เอาหละ...แล้วเรื่องของเราหละ อาจารย์จูเลียท” ผมหันไปหาเขาอีกที

“ก็คงต้องตามที่เธอว่าแต่เธอไม่ต้องดร็อปหรอก ฉันให้สิทธิ์ไม่ต้องเข้าฟังเลคเชอร์ได้แต่นายต้องมาเทสให้ผ่านก็พอนะ ฉันจะโทรไปบอกเอง ไม่ต้องห่วง”

“ขอบคุณมาก เดี๋ยวผมไปจัดการธุระต่อก่อนนะ”

ผมออกมาจากห้องของอาจารย์จูเลียทแล้วรีบเดินออกจากตึกไปยังด้านข้างของมหาวิทยาลัย ไปยังร้านของผมเอง

“อ้าว เจ้านาย กลับมาเอาอะไรอีกเหรอ ไหนบอกจะไปเที่ยวประเทศไทยไง” พอลลี่ สาวผมน้ำตาลยาวดูยุ่งๆคนนี้เป็นพนักงานประจำร้านที่อยู่กับผมมาตั้งแต่เปิดร้านโน้น เงยหน้าขึ้นมาจากอุปกรณ์คอมที่กองสุมอยู่เต็มโต๊ะของเธอ

“อืมม ไปไฟร์ทดึกหนะ เลยแวะมาบอกว่า ช่วยดูร้านให้ดีนะ กล้องวงจรปิดก็อย่างให้เสียหละ ผมจะคอยดูอยู่ที่โน้นนะ ผมอาจจะอยู่ที่โน้นนานหน่อย ยังไม่รู้ว่ากลับเมื่อไหร่ ยังไงก็ดูแลเหมือนเป็นร้านของเธอเองก็แล้วกัน”

ซักพักพอลลี่จุดบุหรี่ขึ้นมาสูบแล้วพ้นควันออกมาช้าๆ ก่อนจะเอ่ยคำถามที่ผมไม่เคยคาดว่าจะได้ยินจากเธอเลย

“Book Bank ของที่ไหน เบอร์บัญชีอะไร บอกไว้ด้วยนะ จะได้โอนเงินทางร้านไปให้ใช้” แล้วเธอก็ก้มหน้าทำงานต่อโดยไม่สนใจอะไรผมอีก

อึ่งซิครับ ผมยืนค้างอย่างนั้นอยู่เกือบห้านาที พระเจ้า เกิดอะไรขึ้นกับสมองของเธอเนี่ย ทุกทีที่ไม่อยู่ร้าน เธอจะบ่นๆๆๆๆๆๆๆ ตลอด แต่นี้เหมือนความสงบก่อนพายุจะมา ผมจึงรีบเผ่นออกมาโดยไม่ลืมจะบอกว่าจะส่งมาทางเมล อึ๊ย...สยองมาก...

=================================================================

เช้าวันต่อมา มาร์คัสวาปกลับมาตรงระเบียงห้องพร้อมกับหอบของมาเต็มสองมือเลย ไคร์นนั่งอยู่ที่โซฟาตัวยาวเปิดดูเมนูของโรงแรมอยู่จึงลุกขึ้นไปช่วยถือของให้

“โอ๊ะ...นี่อะไรหนะ ใช่สิ่งนั้นหรือเปล่า” ไคร์นมองไปที่ถุงช็อปปิ้งขนาดใหญ่สามใบที่อยู่ในมือของเขา

“ใช่...ทำไมแกไม่ไปเองวะ...”

“อ้าว...หมีในพื้นที่ย่อมหาน้ำผึ่งชั้นยอดได้ดีกว่า จริงไหม” ไคร์นเริ่มเอากล่องช็อคโกแลต ออกมาดูจากถุงแต่ละถุง

“แหม...พูดดีก็เป็นหนิไอ้หมีหื่น แล้วน้องกาลตื่นหรือยังเนี่ย” มาร์คัสถอดเสื้อนอกพาดไว้ที่โซฟาตัวสั้นพร้อมกับบิดขี้เกียจไปมาเพราะความเมื่อยล้า

“ยัง...รอแกเขาไปพร้อมกันไง”

“เออ...ดี...งั้นเข้าไปพร้อมกัน ปะ...”

พวกผมเข้าไปในห้องนอน บนเตียงขนาดใหญ่กว่ามาตรฐานนั้นมีร่างของคนรักตัวน้อยนอนหลับอย่าง...เออ...จะเรียกยังไงดีหละ แบบว่า...ยั่วตัณหาสุดๆไปเลยครับ ก็ดูซิ...เสื้อผ้าที่ไม่ได้ใส่ (อันนี้ฝีมือสองหมีครับผม แฮะๆๆๆ) ผ้าห่มที่น่าจะอยู่บนเตียงอย่างดีกลับมากองอยู่ปลายเท้าพวกผมที่ยืนอยู่หน้าประตูห้อง ก้นกลมๆขาวๆลอยเด่นเป็นสง่าเพราะที่รักนอนคว่ำก้นโด่งโชว์หลาขนาดนั้น แถมอ้าขาในท่าเตรียมพร้อมอีกต่างหาก โอ้...โอลิมปัส พวกผมเห็นทางสวรรค์สีชมพูระเรื่อชัดเหลือเกิน...

“เพราะแบบนี้แหละ ข้าเลยต้องรอแกอยู่ข้างนอกนี่แหละ...”

“เมื่อก่อนข้าถึงต้องคอยนอนกกกอดน้องกาลไว้ตลอดหนะซิ นอนดิ้นหละที่หนึ่งเลย แต่ข้าสงสัยว่าทำไมต้องกลับมาท่านี้ตอนเช้าทุกทีซิน่า...”

“อ้าว...อาการนี้เป็นมานานแล้วเหรอ ไอ้หมีลามก”

“เออซิ...ตอนแรกที่ข้าเห็นก็เครียดเลย...”

“เครียด...แกนี่นะเห็นแล้วเครียด...เครียดอะไรวะ”

“เครียดที่ว่าเช้านั้นข้าต้องงดประชุมกับพวกธนาคารซูลิกเลยหนะซิ เพราะไอ้กลมๆขาวๆนั่นหละ กว่าข้าจะออกมาจากห้องอีกทีก็เกือบเย็นแล้ว”

“ไอ้หมีลามกเอ้ย...มึงตักตวงน้องกาลมากกว่าข้าเลยนะ”

“ก็แค่ 200 วันเอง ถ้าเทียบกันจากนี้และตลอดไปแล้วข้าว่ามันต่างกันน้อยมากๆจะตายไป”

“ก็จริง...”

“อืมม...ก็ดีแล้วหนิ แล้วพวกเราจะไปอยู่ยังไงหละ ประเทศไทย”

“ก็คงต้องถามน้องกาลแหละ ว่าจะเอายังไงกันต่อ...”

“หรือจะเริ่มท่าไหนกันก่อนดีกว่ามั้ง...เหอๆๆๆ”

“เข้าท่านี่หว่าเพื่อน เอาหนังสือมาป่าวที่เคยบอกมาหรือเปล่า”

“เล่มที่ข้าเคยบอกแกมันไหม้ไฟไปหมดแล้ว แต่ข้ามีที่เจ๋งกว่านั้นเว้ย...นี่ไง...อัลบั้มรูป ข้าไปที่อินเดียและถ่ายรูปสถูปกลับมาแทน รับประกันความคมชัดและครบทุกกระบวนท่าอย่างแน่นอน”

“สุดยอด...แค่เห็นเลือดหมีข้าก็จะไหลแล้ว”

“เห้ยๆ...ใจเย็นๆไอ้หมีหื่น เลือกเอาซักสี่สิบห้าสิบท่าก่อนดีกว่า ดูว่าจะเริ่มท่าไหนตามด้วยอะไรแล้วลงท้ายแบบไหนดีกว่านา...”
“สุดยอดวะไอ้หมีลามก...”

“แน่นอนอยู่แล้ว...คราวนี้ข้าเตรียมช็อกโกแลตฟรัสมาด้วยนะเฟ้ย...”

“เอามาทำไมกัน...”

“มันเป็นไอเดียของเลขาข้าเอง ทำฟองดูว์น้องกาลไงหละ เหอๆๆๆ”

“เจ๋งโคตร...เริ่มเลยดีกว่า...”

“ปะ...”

==============================================================

ไชโย...ในที่สุดก็จบภาคหนึ่งแล้วครับ

เหอๆๆๆ ใครตามอ่านเรื่อยๆก็จะรู้นะครับว่าผมอัพแต่ละตอนนี้เต่ามั๊กๆ

ก็ขอขอบคุณทุกท่านนะครับที่ยังตามอ่านตามคอมเมนท์นะครับ

ยังไงก็อย่าลืมภาคสองนะครับ ชื่อตอน จันทราที่สาปสูญ

ยังไงก็ขอขอบคุณมากครับ ทุกยอดวิวทุกคอมเมนท์ :monkeysad:

บ้ายบ้าย และพบกันใหม่ครับ :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ พิเศษ (จบ 04-03-2555) รบกวนย้ายห้องได้ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: phim ที่ 04-04-2012 22:53:44
  :haun4: :haun4: :jul1: :jul1: :o8: :-[หื่นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนอ่ะเราชอบ :-[ :o8: :jul1: :jul1: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ พิเศษ (จบ 04-03-2555) รบกวนย้ายห้องได้ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 03-08-2012 18:30:20
 :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ พิเศษ (จบ 04-03-2555) รบกวนย้ายห้องได้ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: icetim ที่ 05-08-2012 15:18:35
 :m25: :pig4:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ พิเศษ (จบ 04-03-2555) รบกวนย้ายห้องได้ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 13-08-2012 05:54:07
 o13
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ พิเศษ (จบ 04-03-2555) รบกวนย้ายห้องได้ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: 111223 ที่ 20-08-2012 13:17:39
>.,< หมีลามกกับหมีหื่นนี้ไม่ค่อยเลย วางแผนกดกาล
เราว่าไม่ต้องวางก็ได้ม๊าง กาลเต็มใจแน่ๆ ฮุฮุ ชอบกาลมากๆ น่ารัก
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ พิเศษ (จบ 04-03-2555) รบกวนย้ายห้องได้ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 22-08-2012 10:46:26
หมีหื่นกับหมีลามก

น้องกาลเหนื่อยแย่ 5555
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ พิเศษ (จบ 04-03-2555) รบกวนย้ายห้องได้ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 22-08-2012 20:36:24
เลือดพุ่ง รับฉากจบของภาค :m25:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ พิเศษ (จบ 04-03-2555) รบกวนย้ายห้องได้ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 24-08-2012 23:48:31
สนุกมากเลย

เดี๋ยวตามไปอ่านภาค 2 นะค่ะ
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ พิเศษ (จบ 04-03-2555) รบกวนย้ายห้องได้ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: jaymaza ที่ 27-08-2012 03:05:09
เจ๋ง!!!!!!!!!!!!!!

สนุกมากเลยค่ะจากใจ  o13

 :กอด1:

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ พิเศษ (จบ 04-03-2555) รบกวนย้ายห้องได้ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 27-08-2012 17:16:12
เป็นเรื่องที่แปลกแล้วสนุกมากเลยค่ะ :กอด1: จะติดตามอ่านเรื่องต่อๆไปนะคะ
หัวข้อ: Re: คนนี้แหละที่พี่อยากได้ ขอวลอีกนิดนคดี๋ยวอมลงห้น่นอน อย่กันลืมน
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 28-08-2012 20:47:59
พี่หมีๆหื่น
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา ตอนที่ พิเศษ (จบ 04-03-2555)
เริ่มหัวข้อโดย: The darkness ที่ 07-10-2012 16:23:41
ว้าว เรื่องนี้  o13 ไม่เคยคิดกับพวกหมีแบบนี้เลยนะ แล้วก็ตกใจนิดหน่อยที่ ทาเคชิยอมทิ้ง หาดทรายน้ำทะเล และคลื่น มาช่วย  :mc4: รึเราจำสลับกับซาวิทาร์หว่า  :really2:
แต่ไหนๆ ก็แต่งแล้วนะคะ ช่วยแต่ง "นิค โกเทียร์" ด้วยได้ป่ะคะ  :-[
ปล.จับกดอพอลโลได้จะขอบคุณมาก
ปล.2 ขอกลับไปอ่านต่อก่อนแล้วกันค่ะ  :bye2:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ (จบ 04-03-2555)
เริ่มหัวข้อโดย: FFS_Yaoi ที่ 27-01-2013 02:16:07
 :pig4:
 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ (จบ 04-03-2555)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 27-01-2013 20:21:04
โฮะๆๆ... :z1:

หื่นสุดๆอ่ะ
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ (จบ 04-03-2555)
เริ่มหัวข้อโดย: nemesis ที่ 03-02-2013 01:02:40
ชอบเรื่องนี้ม๊ากอะจะติดตามภาค2นะ
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ (จบ 04-03-2555)
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 05-02-2013 21:54:30
สนุกมากค่ะ แฟนตาซีสุดๆ  :pig4:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ (จบ 04-03-2555)
เริ่มหัวข้อโดย: Umiko ที่ 06-02-2013 22:15:48


สนุก  ฮ่ามาก....สองหมีเรื่องหื่น นี่เข้าขา...555+

หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ (จบ 04-03-2555)
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 08-02-2013 01:43:31
สนุกมากเลยค่ะ  o13
ถึงจะมีงงๆ บ้าง แต่ก็สนุก
สุดท้ายนายเอกเราก็เลือกทางเลือกที่4
ขอสอง รับศึกหนักแน่ๆอ่ะ  :oo1:
หมีหื่นกับหมีลามก :jul1:
อยากอ่านเรื่องของเซนเซย์จัง
ไม่รู้ว่าจะมีรึป่าว แต่ก็อยากให้มีอ่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ (จบ 04-03-2555)
เริ่มหัวข้อโดย: penda ที่ 09-02-2013 12:00:49
สนุกอ่ะ เป็นเรื่องออกแนวแฟนตาซี ที่มีที่มาที่ไปดี
แบบว่ามีประวัติว่าทำไมถึงกลายมาเป็นแบบนี้ อ่านแล้วสนุกกว่าแบบที่อยู่ๆก็เป็นแฟนตาซีอยู่แล้ว
แบบว่าเป็นหมาป่า แวมไพร์ อะไรแบบนั้น ถึงเรื่องจะงงๆอยู่บ้างก็เถอะ
เพราะมันมีประวัติซับซ้อนนิดหน่อย กับคำศัพท์ที่ไม่รุ้จักและไม่รุ้ว่ามันคืออะไร เช่น ธอเนียน แมเลีย(ใช่ไหมจำไม่ได้)
แล้วก็พวกเทพต่างๆด้วย ซึ่งไม่รุ้ว่าเป็นเทพและสิ่งมีชีวิตที่มีจริง หรือว่าคนเขียนสร้างขั้น
เลยคิดว่า น่าจะมีเกร็ดความรุ้ข้างล่างหลังจบตอนให้ด้วยก็น่าจะดี แบบในหนังสือหน่ะ

ฉากต่อสู้กันในป่ามันส์มากเลย นึกถึงหนังเรื่อง แวมไพร์ ทไวไลท์ ภาคจบที่ไปดูมาเลย เหนือนได้นั่งดูอีกรอบ ฮ่าๆๆๆ
(ทำไมไม่มีNC 3Pให้อ่านเลยอ่ะ ไม่ยุติธรรมอ่ะ ไม่ได้อ่าncของมาคัสอ่ะ :haun4:)

แล้วจะตามไปอ่านภาคสองต่อน้า...
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ (จบ 04-03-2555)
เริ่มหัวข้อโดย: sasa ที่ 11-02-2013 12:41:16
สนุกมากเลย น้องกาลโชคดีสุด ๆ :z1:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ (จบ 04-03-2555)
เริ่มหัวข้อโดย: akeins ที่ 21-02-2013 22:20:16
หมีหื่นทั่งคู่เลย น้องกาลรับภาระคนเดียว
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ (จบ 04-03-2555)
เริ่มหัวข้อโดย: sanri ที่ 24-02-2013 00:26:10
 :laugh: สรุปว่าหมีหื่น+ลามก 
กาลจะเรียกว่าโชคดีหรืออาไยดีเอ่ย ได้ทีมาเป็นแพคคู่  :m4:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ (จบ 04-03-2555)
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 01-05-2013 23:15:37
+1
สุดยอด อ่านเรื่องนี้แล้วเลือดหื่นพุ่งกระจาย
หมีน้อยทั้งสองน่ารักมากเลยอ่ะ  ฮ่าๆ
ชอบๆ
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ (จบ 04-03-2555)
เริ่มหัวข้อโดย: Windend ที่ 28-07-2013 00:32:53
ขอขอบคุณจากใจเลยนะครับที่ตามอ่านนิยายเรื่องแรกของผมจนจบภาคแรกนะครับ

เรื่อง NC ของมาคัสนี่ต้องถามก่อนว่าจะรับเป็นคู่มาคัส+น้องกาล หรือจะเอาแพ็คสาม หมีหื่น+หมีลามก+น้องกาลผู้น่าสงสาร หละ

ขอซาวเสียงหน่อยนะครับ แล้วจะจัดให้

ยังไงก็ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านนะครับ

ภาคสองอยู่ที่ห้องนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบนะครับ

อันนั้นเดี๋ยวจะได้นั่งปั่นมาให้ทุกคนอ่านแน่นนอนครับ

ขอบคุณนะครับที่ยังติดตามกันอยู่ ซาบซึ้งสุดๆเลยครับ :hao5:

 :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ (จบ 04-03-2555)
เริ่มหัวข้อโดย: B_O_M ที่ 28-07-2013 22:35:33
สนุกมากครับ ชอบบบ
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ (จบ 04-03-2555)
เริ่มหัวข้อโดย: phai ที่ 29-07-2013 09:04:40
 :m25:

หื่นทั้งคู่จริงๆ
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ (จบ 04-03-2555)
เริ่มหัวข้อโดย: aezac ที่ 30-07-2013 22:36:54
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ (จบ 04-03-2555)
เริ่มหัวข้อโดย: fay_13 ที่ 31-07-2013 11:03:37
สนุกมากค่ะ แปลกแนวจากที่เคยอ่านแนวแฟนตาซีวายมากๆ ชอบสองหมีจริงจัง หื่นได้ใจ  :laugh: :laugh:

ว่าแต่ 3p หายไปไหนค้าาาาา เรทอ่ะ เรท 3p หายยยยย  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ (จบ 04-03-2555)
เริ่มหัวข้อโดย: Anyann ที่ 01-08-2013 15:52:25
เพิ่งได้เข้ามาอ่านค่ะ หมีไคร์นกับหมีมาร์คัสหื่นมากๆเลย 5555

เรื่องสนุก น่ารักดีนะคะ ขอไปอ่านภาคต่อไปก่อนล่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ2 50% (07-10-2556)
เริ่มหัวข้อโดย: Windend ที่ 07-10-2013 14:56:49

สวัสดีครับนักอ่านทุกท่าน

พบกันอีกครั้งนะครับกะตอนต่อของนิยายชุดนี้

วันนี้ทำตามคำเรียกร้องครับกับฉาก 3P NC   :hao6: :hao6:

===================================================


ตอนพิเศษสอง สองหมี น้ำผึ้ง และช็อกโกแล็ต


สวย...สีสวยจังเลย...สีฟ้า


สีฟ้าสวย...สีฟ้ากระจ่างตาไปหมด ดูเมฆก้อนนั้นซิ...มันเหมือน...เหมือนกับ....กับอะไรก็ช่างมันเถอะ


แล้ว...ทำไมถึงเห็นเป็นท้องฟ้าหละ...


ลมพัดอุ่นอ่อนโลมไล้ไปตามเส้นผมสีแดงให้ปลิวไหวไปมาเล็กน้อย...


สีฟ้าของท้องฟ้ากว้าง...สายลมอ่อนพัดพลิ้ว...แสงแดดอันอบอุ่น...อ้า...สวรรค์หรือเปล่า...


หว่า...ตาเริ่มจะปรือๆ...ง่วงนอนอีกแล้วซิ...หลับก่อนดีกว่า...แล้วผ้าห่มไปไหนแล้ว???


เดี่ยวนะ...อืมม...เออ...เมื่อคืน...


เมื่อคืนเราอยู่ที่...ที่...ที่ไหนหว่า...เอ...อ้อ...ใช่แล้ว...


เมื่อคืนอยู่ที่ฟินแลนด์นี่หน่า...ช่ายๆ...ฟินแลนด์...มันมีหิมะ...บนภูเขามีหิมะ...อืมม...ช่าย...


อืมม...สองหมีชวนมา...เล่นสกี...สกีหิมะ...ปั้นตุ๊กตา...


ตุ๊กตาหมีหิมะตัวใหญ่...ช่าย...ตัวหญ่าย...หมี...หญ่ายๆ...อืมม...พี่มาร์คกับไคร์น...หมีตัวหญ่ายๆ...อ้า...ขี้เกียจคิด...แล้ว...ง่วง...


แต่...ทำไม...ถึงอบอุ่น...แสงแดดอบอุ่น...ที่นอนก็อุ่น...ที่...พุง...ก็อุ่น...


ทำไมหว่า??...


ที่นอน...ที่นอนเป็นขนสัตว์...ขนสัตว์...อืมม...ดี...นิ่ม...อุ่นดี...ชอบจังเลย...ขนฟู...ขนฟู...ขนฟูสีน้ำตาล...เหรอ...อืมม ขนสีน้ำตาลเหลือบทอง...สวย...นุ่มด้วย...ชอบจังเลย...


พุง...ที่พุงอุ่น...ทำไมอุ่นหว่า???...เปิดตาดูซักหน่อยดีไหม???...ดี...ไม่ดี...ดี...


ไม่เอาดีกว่า...ขี้เกียจลืมตา...อา...อุ่นดีจังเลย...นอนต่อดีกว่า...อืมม...นอนดี...กว่า...


อืมม...อารายอะ..อะไรมาโดน...มาโดนจาหมูก...อะไรอ่า...เค้าจานอนอะ...


อืมม...ไปแล้ว...สงสัยผีเสื้อมั้ง...นอนต่อดีกว่า...ช่าย...นอน...


เอ๊ะ...อะไรอีกเนี่ย...ยังมาเกาะจมูกอีก...ม่ายเอาอะ...ออกไปนะ...ไปจิ...ขี้เกียจปัดนะ...ไปจิ...เดียวลืมตามาปัดนะ...เดียวยกแขนมาปัดนะ...ไปจิ...รำคาญ..รำคาญอะ...ไม่ยอมไปซักที่...ไม่เอาอะ...ปัดก็ได้...ไปๆๆ...จาหลับจานอนมาเกาะอยู่ได้...อืมม ไปซักที่...นอนต่อดีกว่า...


อืมม...ลมอุ่นๆ...พัดไปมา...กลางแดด...ฟ้าสีสวย...อ้า...เมฆลอยตุ๊บป่องๆ...ความสุข....


อ๊ะ...อีกแล้ว...อะไรมันมา...เกาะ...เกาะจมูกอีกแล้ว...ลืมตาก็ได้...จะได้รู้ว่าอะไร...ฮึ่ย...อารมณ์เสีย...


“อะ...อ้าว...ดอกไม้...เองเหรอ...???” ทำไมเป็นดอกไม้หละ ไม่ใช่ผีเสื้อเหรอ??? แล้วใครเล่นหละเนี่ย กาลค่อยๆมองไปตามก้านดอกไม้ไปเรื่อยๆก็เจอกับมือที่กำลังถือดอกไม้ดอกนี้อยู่ มือใหญ่ดูแข็งแรง เล็บตัดสวยสีชมพูตามธรรมชาติ มองตามลงไปเป็นแขนที่มีมัดกล้ามสวยสมชาย ขนแขนสีทองสั้นๆแลดูเล้าอารมณ์ตัดกับผิวสีน้ำตาลทองจางๆ กล้ามไหล่และอกกว้างแกร่งที่แสนจะปกป้องจนไปถึงใบหน้าหล่อเหลา มีเคราเขียวคลึ้มเซ็กซี่ ดูเป็นหนุ่มอายุประมาณยี่สิบเอ็ด ดวงตาสีน้ำตาลทองมองมาอย่างหยอกเย้า


“ตื่นได้แล้วนะ ที่รัก...เดี๋ยวแดดจะแรงนะ...” ไคร์นพูดเสียงทุ้มนุ่มหูเสมอ ดอกไม้ในมือก็เอามาไล้หน้าและอกของกาลเล่นไปเรื่อยๆ


“ม่ายอ้าวอะ...ง่วง...จานอนต่ออะ...ไคร์น...อ๊ะ...อืมม...ไคร์น...อย่าแกล้งดิ...จานอนอะ” กาลบิดตัวหันหน้าและป้องปัดดอกไม้
แสนสวยที่กำลังลูบไล้ไปตามใบหน้าและลำคอ


“อ้า...เสียงดีจังนะที่รัก ตื่นได้แล้วนะคนดี แดดเริ่มส่องแรงแล้วนะ...” ไคร์นเลิกเอาดอกไม้เขี่ย(???) ไล้บนตัวสุดที่รักไปมาแล้วเริ่มขบเม้มไปตามหน้าท้องขึ้นไปถึงปลายคางแทน สัมผัสผิวเนื้อเนียนระหว่างริมฝีปากของเขามันสร้างความรื่นเริงให้กับตัวเขาได้ไม่รู้เบื่อจริงๆ


“ก็อยากนอนต่ออะ...พี่มาร์ค ไคร์นแกล้งกาล...” กาลเขาหน้าซุกไปกับขนปุกปุยของหมีหนุ่ม หมายจะกันปากแสนหื่นของคนรักอีกคนไม่ให้ปลุกเล้าอารมณ์ตนไปมากกว่านี้


‘พอๆ...พอกันเลยทั้งคู่แหละ ตื่นแล้วก็ลงจากหลังพี่ได้แล้ว ไอ้หมีหื่น เอาน้องกาลลงไปก่อนเลย’  มาร์คัสพูดผ่านจิตทั้งสองก่อนขยับตัวให้ไคร์นกับน้องกาลเลื่อนตัวลงมาจากหลังของเขา ไคร์นจับคนรักนอนราบกับอกตนเองไว้ น้องกาลหน้ามุ่ยหันไปโอดครวญกับหมีหนุ่ม


“โฮ้ย...พี่มาร์คใจร้ายงะ...กาลจานอนต่ออะ”


“งั้นมานอนบนตัวพี่แบบนี้นะครับ” เขาใช้แขนข้างนึงกอดสุดที่รักของเขาไว้แนบตัวอันเปล่าเปลือยที่สุดแสนจะสมชาย มืออีกข้างลูบไล้เส้นผมสีน้ำตาลแดงอย่างหลงใหล มันเป็นสีแบบนี้ของมันเอง น้องกาลบอกว่าเป็นตั้งแต่เกิดแล้วซึ่งเขาก็รู้สึกดีเพราะเขาไม่ชอบกลิ่นพวกสารเคมีเลย


“อ๊ะ...อย่า...อ๊า...กอดแน่นไปแล้วนะ...ปล่อยก่อนดิ...” คนรักของเขาเริ่มประท้วงเล็กน้อยจากการที่เขายังกอดอยู่อย่างเดียว เขารู้ดีตั้งแต่สองสามครั้งแรกแล้วว่าน้องกาลทนไม่ค่อยได้หรอก ถ้าจะต้องอยู่ในอาการเนื้อแนบเนื้อแบบนี้แล้วไม่ทำอะไรเลย น้องเขาจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อนทุกที


“ไม่เอาหรอก ปล่อยแล้วเดียวหนี” ไคร์นแกล้งเย้าเล็กน้อยดูปฏิกิริยาคนรัก


“ปล่าวหนีซะหน่อย...แค่มัน...จะ...มันจูบไปถึงอะ” ว่าแล้ว คิดไม่ผิดจริงๆ คนรักของเขาไฟติดง่ายจะตายไป


“อ้าว...เหรอ...งั้นมามอร์นิ่งคิสกันนะ” หมีหนุ่มเลียกลีบปากคนรักตัวเล็กไปมาก่อนจะเริ่มครอบครองกลีบปากเบาๆ เล็มไล้ไปมาจนพอใจแล้วจึงเพิ่มความหนักหน่วงขึ้น มือที่เล่นผมเลื่อนมายังท้ายทอยคนรักพร้อมกับเร่งเล้าแนบชิดกลีบปากแสนซนยิ่งขึ้นไปอีก ลมหายใจของคนรักหอบแรงขึ้นก่อนจะใช้มือสองข้างทุบหน้าอกหมีชอบเอาเปรียบ


มือของหมีหนุ่มที่จับเอวคนรักไว้เลื่อนขึ้นมากำรวบข้อมือทั้งสองของคนรักขึ้นเหนือศีรษะเพื่อจะได้หยุดทำร้ายอกของเขา


ไคร์นละจากกลีบปากสีชมพูอมส้มนั้นแล้วเริ่มขบเม้มปลายคางลงมาผ่านแนวลำคอขาวที่ยังเห็นรอยฟันที่เขากับมาร์คัสขบเม้มเล่นไปเมื่อวาน แล้วจูบฐานลำคอคนรักหนักไปซักหนึ่งทีข้อหาหมั่นเขี้ยว แล้วจึงลากฟันแทะโลมไปตามผิวอกขาวเหลืองให้เกิดรอยเล่นๆ จนไปถึงยอดอกสีสวยอันเล็กๆ


เขาใช้ลิ้นเลียไล้สลับกับขบเม้มหยอกเย้ากับยอดอกคนรักจนคนตรงหน้าต้องพูดออกมาอย่างยากลำบาก


“อึกกก...พอ...พอแล้ว...ไคร์น...พอก่อนซิ...มอร์นิ่งคิสที่ไหนมันมาไซ้ถึงหัวนมกาลเนี่ย”


“งั้นพี่มอนิ่งที่ปากต่อนะ” มาร์คัสหมีหนุ่มอีกคนเดินมาคุกเข่าประกบด้านหลังน้องกาลแล้วจับคางของคนรักหันไปหาเล็กน้อยแล้วครอบครองกลีบปากสีสวยแทน


ลิ้นของเขาพลิกพลิ้วไปมาจนกาลเริ่มทนไม่ไหวประจวบกับไคร์นเลิกรวบข้อมือของเขา กาลจึงใช้มือข้างหนึ่งลูบไปแก้มและแนวกรามของมาร์คัสอีกข้างก็ลูบไปตามเส้นผมสีน้ำตาลทองของไคร์นไปด้วย


มือซุกซนของมาร์คัสอีกข้างกำลังลูบไล้ไปตามหน้าท้องของคนรักต่ำลงไปเรื่อยๆ จนถึงแกนอันอ่อนไหวของน้องกาล ซึ่งจริงๆแล้วมันก็ไม่ได้อ่อนแล้วตอนนี้


“อ๊ะ...” เสียงร้องประท้วงของกาลมีเพียงเล็กน้อยลอดออกมา เพราะนิ้วมือของไคร์นข้างหนึ่งกำลังล้วงเข้าไปแยกปากทางอันอ่อนไหวสีชมพูของเขา นิ้วของไคร์นเขี่ยไล้ปากทางไปมาเหมือนต้องการทรมานเขาให้ขาดใจ...


“ไอ้หมีหื่น ข้าขอก่อนนะ ไม่ไหวแล้ว” มาร์คัสพูด


“ได้เลย เดี๋ยวข้าตาม” ไคร์นรับคำก่อนที่จะนอนราบลงไปกับพื้น พร้อมกับจับให้น้องกาลนอนราบลงมาแลกจูบดูดดื่มกับตน
มาร์คัสจับท่าทางของน้องกาลให้ยกสะโพกสูงขึ้นแล้วจึงจูบและขบเม้มที่แก้มก้นน้องซักครู่ จากนั้นจึงใช้ลิ้นเลียไล้ไปตามรอยจีบที่ปากทางสีชมพูนั่น


“อื้มม....อ๊ะ...พี่มาร์ค...เข้ามาเถอะ กาลไม่ไหวแล้วนะพี่...อุ๊บบบ...” น้องกาลต้องละจากปากของไคร์นเพื่อบอกมาร์คัสให้เดินหน้าทำ(???)ได้เลย แล้วไคร์นก็จับให้น้องกาลกลับไปจูบกับเขาต่อ


ของเหลวใสสีอำพันถูกเทจากไหลงมาบนแผ่นหลังของน้องกาลจนมันเริ่มไหลลงไปตามแนวสันหลังให้ความรู้สึกอุ่นและวาบหวามในตัว มันไหลลงมาถึงบั้นท้ายแล้วไหลลงไปตามรอยแยกของก้อนเนื้อสองก่อนผ่านรอยจีบปากทางสีชมพูแล้วจึงหกนองลงบนตัวของไคร์นที่นอนอยู่ด้านล่าง


“เพิ่มความชุ่มฉ่ำก่อนนะครับที่รัก...” มาร์คัสใช้นิ้วปาดไปมาตรงปากทางแล้วเริ่มนำนิ้วชี้นำร่องเข้าไปก่อน เขากว้านภายในไปมาซักพักก่อนที่จะเพิ่มนิ้วกลางเข้าไปอีกนิ้ว


ความคับแน่นภายในของคนรักตอบรับนิ้วเขาดีมากๆ แม้น้องกาลจะจูบอยู่กับไคร์นอย่างดูดดื่ม เขาก็รู้ว่าน้องชอบแบบนี้แน่นอน การตอบสนองทางกายไม่เคยโกหก


นิ้วนางของมาร์คัสเข้าไปสมทบกับสองนิ้วที่เข้าไปก่อนหน้าเพื่อทำหน้าที่ขยายช่องทางให้พ้อมรับกับความใหญ่โตของเขา เขาไม่ต้องการให้คนรักรู้สึกเจ็บและรู้แก่ใจว่าน้องกาลพอใจในทุกสัมผัสจากเขาไม่เคยเปลี่ยน


มาร์คัสเริ่มขยับนิ้วทั้งสามเข้าไปให้ลึกแล้วค่อยๆถอยออกมาก่อนจะออกมาหมดเขาก็ดันกลับเข้าไปใหม่สลับไปมาอย่างช้าๆ ไม่เร่งรีบ ผิวบั้นท้ายของน้องกาลขึ้นเป็นเม็ดแบบขนลุกเนื่องจากความเสียวซ่านที่เกิดขึ้น ความคับแน่ของนิ้วทั้งสามกำลังเบิกปากทางใหญ่ใหญ่ขึ้น


น้องกาลเลิกจูบกับไคร์นแล้วเริ่มซุกไซ้ ขบเม้มลำคอของไคร์นอย่างหิ้วกระหาย ลิ้นและกลีบปากน้อยๆลามเลียลงมาตามหน้าอกแกร่งของหมีหนุ่มเรื่อยๆ จนถึงหน้าท้องที่แข็งเกร็ง


ลิ้นน้องกาลตวัดไปมาและแหย่หยอกที่รูสะดือของหมีไคร์น มือก็ลูบไล้ไปมาที่แผงอกกว้าง มืออีกข้างก็ลงไปคลึงเค้นแก่นแกร่งร้อนที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำผึ้งที่เทหกลงมา


ความเหนียวลื่นทำให้เกิดอารมณ์สัมผัสที่แปลกใหม่ออกไปทั้งมือของน้องกาลและตัวของหมีหนุ่มด้วย


เมื่อหนัมใจที่ได้แกล้งหมีไคร์นแล้วจึงต้องปลอบหมีก่อน เขาจึงใช้ลิ้นลากเลียตวัดน้ำผึ้งตรงท้องน้อยของมีหนุ่ม ด้วยความหวานและเหนียวข้นทำให้น้องกาลต้องตวัดลิ้นไปตามแนวไรขนสีสวยอยู่นาน จนในที่สุดจึงเริ่มไล้เลียแกนกายของหมีไคร์น



เดี๋ยวมาต่อที่เหลือให้นะครับ

 :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ2 NC-50% (07-10-2556)
เริ่มหัวข้อโดย: GimNgek ที่ 08-10-2013 22:48:40
ค้างงงงงง :hao7:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ2 NC-50% (07-10-2556)
เริ่มหัวข้อโดย: dark-soleil ที่ 09-10-2013 17:36:13
ค้างค่ะ  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ2 NC-50% (07-10-2556)
เริ่มหัวข้อโดย: RELAXED ที่ 11-10-2013 19:21:12
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ2 NC-50% (07-10-2556)
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 13-10-2013 19:26:00
 :mew1:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ2 NC-50% (07-10-2556)
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 14-10-2013 12:37:30
ชะงักกับคำว่า
'เดี๋ยวมาต่อที่เหลือให้นะครับ'
ค้างเลยงานนี้ 55+
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ2 NC-50% (07-10-2556)
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 14-10-2013 15:05:11
มาต่อสิแล้วเขาจะไม่ค้างกัน :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ2 NC-50% (07-10-2556)
เริ่มหัวข้อโดย: พายุ ที่ 15-10-2013 08:43:46
 :katai1: :ling1: :hao7: ค้างงงงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ2 50% (07-10-2556)
เริ่มหัวข้อโดย: gunnk16 ที่ 15-10-2013 19:22:13
มาต่อเร็วๆนะ :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ2 NC-50% (07-10-2556)
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 17-10-2013 16:58:20
หักดิบอารมณ์กันจริงๆอ่ะ
อยากอ่านต่อเร็วๆจัง
อุ๊ย เค้าไม่ได้หื่นนะ
แค่อยากรู้เอง
 :z1:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ2 NC-50% (07-10-2556)
เริ่มหัวข้อโดย: sarama ที่ 11-11-2013 15:21:53
 :sad4: :sad4: :sad4: ค้างงงงง  :hao5:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ2 NC-50% (07-10-2556)
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 04-05-2014 10:40:07
เห้ยยย ต่อสิคร้าบบบบบ ใจร้ายอ่าาาาาา :ling1: o9
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ2 NC-50% (07-10-2556)
เริ่มหัวข้อโดย: YaMMy204 ที่ 05-05-2014 09:41:30
อ้ากกกกกกก!!!!!!!   เดี๋ยวของคนเขียนนานไปน้ะ ปีนี้ปี57ล่ะน้าาาา
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ2 NC-50% (07-10-2556)
เริ่มหัวข้อโดย: iceblue ที่ 05-05-2014 17:09:27
ร๓้สึกเรื่องนี้มาจากนินายเรื่อง "พรานราตรี" นะค่ะ
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ2 NC-50% (07-10-2556)
เริ่มหัวข้อโดย: Windend ที่ 07-05-2014 17:20:21
คร้าบบผม เรื่องนี้เป็นฟิคอะครับ เอาเค้าโครงเรื่องมาจากนิยายที่ผมชื่นชอบครับ

ขอบอกว่ามีครบชุดเลย อุอุอุ เสียดายตอนนี้คนแปลซีรี่ชุดนี้อยู่อเมริกาครับ เลยยังไม่ได้อ่านต่อ

แต่ของผมจะเอามาต่อให้นะครับ คืนนี้

ต้องขอโทษทุกคนนะครับที่ค้างแล้วไม่ได้แจ้งให้ทราบ

กระผมยุ่งจริงๆและ กำลังหาทำเลใหม่เปิดร้านนวดในกรุงเทพฯอยู่อะ

เค้าขอโต็ดดดดดด :m15:

เดี๋ยวคืนนี้เอามาลงให้แน่นอนครับ ตอนสุดท้ายของ สองหมีกะหนึ่งหนูน้อย อิอิอิ

ขอบคุณนะครับที่ยังติดตามอ่าน คืนนี้เจอกันครับ
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ2 NC-50% (07-10-2556)
เริ่มหัวข้อโดย: lovely tham ที่ 07-05-2014 19:46:03
 :z13: :z13: :heaven :heaven :heaven :mew5: :mew5: :mew5: :mew5: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
อยากที่เหลืออ่ะคนแต่งค้างมากเลยจะรอจนโลกแตก เพื่อ50%ที่เหลือ
หัวข้อ: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ สองหมีน้ำผึ้งและช็อกโกแล๊ต 08-05-2557
เริ่มหัวข้อโดย: Windend ที่ 08-05-2014 00:08:41
สวัสดีครับ

ตามสัญญา

ตอนสุดท้ายของภาคนี้ครับ

=========================================================


     น้ำผึ่งที่มากมายนั้นหวานหอม ความรู้สึกหรรษากับสัมผัสต่างๆที่เกิดขึ้นเริ่มพวยพุ่งขึ้น ก่อนอารมณ์จะสะดุด เมื่อมาร์คัสเริ่มสอดแกนกายอันใหญ่โตเข้ามาที่บั้นท้ายตัวน้องกาล คนน่ารักถึงกับหลับตาแน่น

     “อา...ซี๊ดดดดด...” เสียงคนรักครางออกมาอย่างสุดกลั้น ส่วนมาร์คัสเมื่อดันแกนร้อนเข้าไปจนสุดแล้วยังไม่ขยับเพื่อให้คนรักปรับร่างกายให้พร้อมเสียก่อน

     “พร้อมแล้วบอกพี่นะ...โอ๊ะๆๆๆ....อย่าขมิบซิครับคนดี...เดี๋ยวพี่ทนไม่ไหวนะครับ...” มาร์คัสก้มลงไปจูบแผ่นหลังเปลือยที่มีน้ำผึ้งแสนชุ่มฉ่ำ ลากลิ้นโลมเลียไปมาอย่างสนุก ส่วนไคร์นก็ลูบกลุ่มผมสีแดงของน้องกาลเพื่อให้คนรักรังแกตนเองต่อ

     “อย่าพึ่งหยุดซิ...รังแกผมต่อซิครับน้องกาล...อา....นั่นและครับ...อา...สุดยอด...” ไคร์นมองทุกการกระทำของคนน่ารักที่กำลังใช้แส้อันแสนนุ่มลื่นสีชมพูตวัดไปมาบนแกนแกร่งของเขา

     “อา...ไอ้...ไอ้หมีลามก...มึงเริ่มเลยเถอะ...น้องกาลไม่ว่างตอบมึงแล้วหละ...อา...อย่างนั้นแหละที่รัก...อา...รังแกพี่แรงๆเลยนะครับ....” ไคร์นถึงกับต้องแหงนศีรษะไปด้านหลัง อ้าปากค้างส่งเสียงครางออกมา เพราะเพลงชิวหาแสนร้อนแรงของน้องกาลคนน่ารักที่ไม่รู้ว่าไปเรียนมาจากไหน ส่วนมาร์คัสก็เริ่มขยับเอวเป็นจังหวะช้าๆแต่สม่ำเสมอเพื่อสร้างความหรรษาแก่ตนและคนรัก
บทรักของทั้งสามไม่รีบร้อน แสงแดดอ่อนๆใต้เงาไม้สร้างบรรยากาศให้สบายตัว ลมพัดเอื่อยๆ พลิ้วไหวไปตามยอดหญ้า เป็นธรรมชาติที่ไร้การปรุงแต่ง เหมือนความรักของทั้งสาม ไม่เสแสร้ง แกล้งทำ แต่กลับพร้อมจะมอบความสุขให้แก่คนที่ตนเองรักและรักตน

     “หวาน...น้ำผึ้งหวานจัง...มีช็อกโกแล๊ตไหมอะ...” น้องกาลส่งสายตาออดอ้อนไปยังไคร์น ถามหาของที่ตนต้องการและดูเหมือนว่า ต้องได้เดี๋ยวนี้เสียด้วย

     ไคร์นจึงส่งเหยือกช็อกโกแล๊ตฟองดูที่ยังอุ่นๆให้คนน่ารักของเขาค่อยๆเทลงที่แกนแกร่งคนหมดเหยือก น้องกาลค่อยๆเลียริมฝีปากก่อนจะตวัดลิ้นไปตามช็อกโกแล๊ตที่ตนเทไว้ ลิ้นนุ่มโลมเลียไปเรื่อยๆจากยอดสู่โคนแล้วกลับไปที่ยอดแกนของไคร์น ส่วนมาคัสเริ่มเร่งจังหวะให้เร็วยิ่งขึ้น จนตัวคนน่ารักโยกตามแรงของเขาไปมา

     “ที่รัก...จะอยู่กับพวกเรา...ไปตลอด...ตราบที่ชีวิตนี้จะมีได้...ได้ไหมครับ...” มาร์คัสเอ่ยถามขึ้นมา กาลจึงละปากออกมาหันไปตอบคนรัก

     “ก็...ได้เลยนะครับพี่มาร์ค...อา....แล้วต้องทำ...ยังไงหละ...อา...ซี๊ดดดด...อา...พี่มาร์ค...ห...หยุด...หยุดก่อนซิ...พี่...หยุดก่อนซิ...” มาร์คัสจึงหยุดและถอดถอนแกนร้อนอย่างอดกลั้นพร้อมกับนั่งลงเพื่ออธิบายให้คนรักฟัง

     “ขั้นตอนมันง่ายๆนะที่รัก...แค่น้องกาลต้องเป็นคนชักนำเจ้านี่...” มาร์คัสชี้ไปที่แกนร้อนที่ยังตั้งชูชันของตน และชี้ไปทางของไคร์นด้วย “และเจ้านั่น...เข้าสู่ร่างกายของน้อง...” น้องกาลเริ่มตาโตปากค้าง

     “หา...สองอันเลยเหรอ...โห...แล้วมันจะเข้าได้ไหมเนี่ย...” น้องกาลเริ่มหน้าแดงเพราะมันเป็นท่าที่...ไคร์นเลยต้องพูดต่อ

     “ยังไม่จบนะครับ...เราต้องเอาสัญลักษณ์เนื้อคู่มาประกบกันด้วย...จากนั้นน้องกาลก็จะมีเขี้ยวงอกออกมา...” คราวนี้กาลหันไปทำตาโตใส่ไคร์นแทน

     “ต้องมีเขี้ยวงอกยาวด้วย...แล้วมันเอาไว้ทำไมหละ” มาร์คัสจึงต้องบอกส่วนที่เหลือให้ฟัง

     “ที่รักก็ต้องดื่มเลือดของเราทั้งคู่ด้วยนะครับ...ทำได้ไหมหละคนดี...” มาร์คัสพูดไปยิ้มไป

     “โห...สองอัน...เขี้ยวยาว...เลือด...นี่ผมจะต้องกลายเป็นพวกแวมไพท์เหมือนในหนังเหรอไงกันเนี่ย...” ไคร์นหัวเราะกับปฏิกิริยาของน้องกาล แต่ก็ต้องรีบแก้ความคิดที่น่ากลัวของน้องกาลใหม่ ไม่งั้นอดต่อแน่ๆๆ

     “คือมันเป็นอย่างงี้นะครับ...เราต้องผสมเลือดของเราเข้าไปในตัวน้องกาลด้วย ไม่งั้นถึงเราจะรักกันแต่อายุของน้องกาลสั้นกว่าเราสองตัวมาก วิธีนี้จะทำให้น้องกาลมีอายุยืนเท่าพวกเราสองตัวด้วยไงหละ” ไคร์นอธิบายให้คนรักฟังแต่น้องกาลก็ยังทำหน้าครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่

     “แล้วที่ต้องเอาสัญลักษณ์ประกบกันหละ” มาร์คัสเป็นคนอธิบายต่อ

     “วิธีนี้เป็นการให้สัตย์สาบานว่าจะครองคู่กันไปจนวันตายไงหละ และที่สำคัญคือ...ถ้าใครตายอีกคนก็จะตายไปด้วยกันไงครับ...ข้อนี้ที่รักจะทำหรือไม่ทำก็ได้นะ พี่ไม่ห้าม...” มาร์คัสส่งสายตาอ้อนวอนมาให้แทนคำขอร้อง

     “แหม...รักกันจนวันตายเหรอ...อืมม...ก็คงจะเป็นแบบว่า รักกันคู่กันจนกว่าความตายจะแยกจากกันนี่...มันก็...ฟังดูโรแมนติกค์ดีเหลือเกินนะ” น้องกาลพูดไปมองหน้ามาร์คัสกับไคร์นไปมา

     “แต่มันก็ศักดิ์สิทธิ์มากเลยนะครับ น้องกาล พี่ก็ไม่ห้ามเหมือนกันหรอก...” ไคร์นพูดอย่างจริงจัง เขาคิดตลอดเลย ถ้าทำแบบนั้นแล้ว ถ้าตัวเองเกิดพลาดตายเสียก่อน น้องกาลก็ยังอยู่กับมาร์คัสต่อไปได้

     “หยุดเลย...กาลจะทำทั้งหมดแหละ...กาลรักทั้งพี่มาร์คและพี่ไคร์นมากนะ...ความตายก็ความตายซิ เกิดมาครั้งเดียว ตายครั้งเดียว แล้วกาลก็คงมีชีวิตอยู่ไม่ได้แน่ถ้ากาลต้องขาดพี่ทั้งสองคนไป กาลเลือกที่จะตายพร้อมพี่ดีกว่า...” น้ำตาของมาร์คัสและไคร์นไหลออกมาด้วยความตื้นตันใจที่คนรักของตน ยอมที่จะผูกพันสายใยแห่งชีวิตเข้าด้วยกัน

     “พี่รักนายนะ กาล เราจะไม่มีวันพรากจากกันอีกแล้วนะ” มาร์คัสสวมกอดน้องกาลด้านหน้า หอมกลุ่มผมสีแดงไปมาไม่รู้เบื่อ

     “พี่ก็จะอยู่เคียงข้างนายตลอดไปนะครับ น้องกาล” ไคร์นโอบกอดน้องกาลทางด้านหลัง

     “ครับพี่มาร์คพี่ไคร์น” ทั้งสามกอดกันใต้เงาไม้และแสงแดดอ่อนๆ สายลมพัดพาให้ชีวิตทั้งสามมีความสุข เย็นสบาย กาลที่อยู่ตรงกลางอ้อมกอดอันแข็งแกร่งของสองหมีจึงเอ่ยปากถามขึ้นมา

     “เออ...แล้ว...แล้วเราต้องเริ่มกันตอนพระจันทร์เต็มดวงด้วยหรือเปล่าอะ...”

     .

     .

     .

     .

     “ตอนนี้เลย (x2)”



     จบภาคหนึ่งบริบูรณ์

=======================================================

     แถม

     “เฮ้ย...ไอ้หมีหื่น แกยังมีช็อกโกแล๊ตอีกไหมวะ??”

     “มีอีกเหยือก เอาป่าว แลกกะน้ำผึ้งแก”

     “เอาดิ น้ำผึ้งนิวซีแลนด์เลยนะเหยือกนี้หนะ”

     “ของข้าเอามาจากฝรั่งเศสเลยนะเฟ้ย เนี่ยนมากเลย หวานน้อยกำลังดี”

     “แล้วใส่นมด้วยป่าววะ??”

     “พี่มาร์คพี่ไคร์นจะได้ทำไหมเนี่ย วันนี้”

     “จ้าๆ มาแล้วจ้า...”
===========================================================

และแล้วก็จบซักที่กับภาคนี้

ยังไงก็ติชมกันได้นะครับ

และก็ต้องขอโทษจริงๆครับที่ไม่ได้เขียนต่อซะนานเลย

ยังไงภาคสองก็จะพยายามไม่ให้ช้าแล้วนะครับ

ขอบคุณมากเลยนะครับที่ยังติดตามกันอยู่

แล้วพบกันใหม่นะครับ

 :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ สองหมี น้ำผึ้ง&ช็อกโกแล๊ต(08-05-2557)
เริ่มหัวข้อโดย: lovely tham ที่ 09-05-2014 05:42:00
 :sad11: :sad11: :sad11: :sad11: :sad11: :sad11:
จบแล้วเหรดเนี่ยหนุกมากจ้ารักคนแต่งเรื่องนี้จัง
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ สองหมี น้ำผึ้ง&ช็อกโกแล๊ต(08-05-2557)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 09-05-2014 09:47:18
หวานจังเลยเนอะ อิอิ
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ สองหมี น้ำผึ้ง&ช็อกโกแล๊ต(08-05-2557)
เริ่มหัวข้อโดย: mokkonaa ที่ 10-05-2014 18:41:35
 :pig4: :katai2-1:  :hao6:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ สองหมี น้ำผึ้ง&ช็อกโกแล๊ต(08-05-2557)
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 29-06-2014 10:21:56
ภาค2ๆ รอๆๆ :haun4:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ สองหมี น้ำผึ้ง&ช็อกโกแล๊ต(08-05-2557)
เริ่มหัวข้อโดย: lovely tham ที่ 15-10-2014 11:05:57
ภาคสองหายยาวววววววววววววววววววววววเลย :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ สองหมี น้ำผึ้ง&ช็อกโกแล๊ต(08-05-2557)
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 06-11-2014 01:47:14
รอภาค 2 ครับบ

หื่นได้ใจจริงๆ
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ สองหมี น้ำผึ้ง&ช็อกโกแล๊ต(08-05-2557)
เริ่มหัวข้อโดย: mucan99 ที่ 19-11-2014 13:04:35
หมีหื่น กะ กหมีลามกกกน่ารักอะ กรีดดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ สองหมี น้ำผึ้ง&ช็อกโกแล๊ต(08-05-2557)
เริ่มหัวข้อโดย: waiman ที่ 31-05-2015 15:45:03
รอภาค2จ้า :haun4:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ สองหมี น้ำผึ้ง&ช็อกโกแล๊ต(08-05-2557)
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 09-08-2015 02:48:05
ชอบพี่หมี น่ารักดี ตอนจบห้วนไปนิด ปูทางเรื่องเทพเจ้าและเผ่าพันธ์ุต่างๆอย่างดี แต่พอสองหมีหนึ่งคนรักกัน จบเรื่องเลย ปมที่ผูกไว้ตอนแรกถูกกวาดไปใต้พรม o22
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ สองหมี น้ำผึ้ง&ช็อกโกแล๊ต(08-05-2557)
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 04-02-2016 09:45:29
โห ..... หมีหื่นกับหมีลามกทำฟองดูว์น้องกาลกิน

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ สองหมี น้ำผึ้ง&ช็อกโกแล๊ต(08-05-2557)
เริ่มหัวข้อโดย: Persoulle ที่ 05-02-2016 14:01:34
อ่านไปอ่านมา ดันชอบ ทาเคชิ  :a5:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ สองหมี น้ำผึ้ง&ช็อกโกแล๊ต(08-05-2557)
เริ่มหัวข้อโดย: maykubpom ที่ 05-02-2016 22:30:50
อ่านไปอ่านมา ดันชอบ ทาเคชิ  :a5:
ชอบเหมือนกันเลยค่ะ    :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ สองหมี น้ำผึ้ง&ช็อกโกแล๊ต(08-05-2557)
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 07-09-2016 18:19:47
 :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ สองหมี น้ำผึ้ง&ช็อกโกแล๊ต(08-05-2557)
เริ่มหัวข้อโดย: Aunttk ที่ 07-09-2016 20:08:20
หมีสองตัวทำฟินมากจ่ะะะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ สองหมี น้ำผึ้ง&ช็อกโกแล๊ต(08-05-2557)
เริ่มหัวข้อโดย: DESZCZ ที่ 07-09-2016 22:21:33
หื่นทั้งคู่เลย :pighaun:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ สองหมี น้ำผึ้ง&ช็อกโกแล๊ต(08-05-2557)
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 09-09-2016 10:45:31
น่ารักกก
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ สองหมี น้ำผึ้ง&ช็อกโกแล๊ต(08-05-2557)
เริ่มหัวข้อโดย: PRINCESSPRIME ที่ 10-09-2016 09:48:19
ชอบอ่ะ เพิ่งมาเจอเรื่องนี้
อ่านทีเดียวรวดเลย
เห็นบอกว่าจบภาคแรก
แสดงว่ามีอีกใช่เปล่าคะ คนแต่ง อิอิ

ขอบคุณมากค่าา
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ สองหมี น้ำผึ้ง&ช็อกโกแล๊ต(08-05-2557)
เริ่มหัวข้อโดย: ASAMENG ที่ 11-09-2016 13:04:50
 :z1:  :hao7:  :haun4:  :jul1:  :pig4:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ สองหมี น้ำผึ้ง&ช็อกโกแล๊ต(08-05-2557)
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 09-05-2017 08:54:36
ไหวไหมถามใจกาลดูๆๆๆๆๆ
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ สองหมี น้ำผึ้ง&ช็อกโกแล๊ต(08-05-2557)
เริ่มหัวข้อโดย: bojaemyboo ที่ 10-05-2017 22:11:58
อ่านแล้วอยากไปเที่ยวนครวัดอีกทีเลย อิหมีๆไม่ไหวๆสงสารกาล อิอิ แต่ทาเคชิแอบแซ่บนะคะ :impress2:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ สองหมี น้ำผึ้ง&ช็อกโกแล๊ต(08-05-2557)
เริ่มหัวข้อโดย: tear0313 ที่ 12-05-2017 16:50:00
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ สองหมี น้ำผึ้ง&ช็อกโกแล๊ต(08-05-2557)
เริ่มหัวข้อโดย: aisies.J ที่ 13-05-2017 14:20:50
สนุกมาก อยากอ่านตอนทำคำสัญญา  :z3: :katai1:
หัวข้อ: Re: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ สองหมี น้ำผึ้ง&ช็อกโกแล๊ต(08-05-2557)
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 26-05-2017 00:42:47
แว็บเข้ามาอ่านขำๆแก้เครียด ถือว่าเนื้อเรื่องน่าสนใจนะคะ ทราบว่ามาจากเค้าโครงนิยายที่ชอบ มีคำผิดเยอะอยู่ค่ะ ทำให้บางทีอ่านๆอยู่ก็สะดุดอารมณ์ แต่โดยรวมถือว่าดีนะ  :katai2-1: