สวัสดีค่า... ย่องมาแบบเงียบๆ
ขออภัยจริงๆ จังๆ นะคะที่มาช้าอีกแล้ว (ช่วงนี้ใช้ประโยคนี้บ่อยเหลือเกิน)
เปิดสงกรานต์มา งานก็โหมกระหน่ำจริงๆ ค่ะ ประกอบกับความเอื่อยส่วนตัวด้วยแหละ...แหะๆ
ต้องขอบคุณหลายๆ คนมากๆ นะคะที่เข้ามาช่วยดัน มาถามทวงไถ่กัน... 
แล้วก็ขอบคุณทุกๆ เม้นท์มากๆ ที่เข้ามาเป็นแม่ยกพ่อยกน้องรันกัน...
ขอบคุณทุกๆ กำลังใจเลยค่ะ... 
ปล.คำผิดเดี๋ยวกลับมาแก้เช่นเคย (ครั้งนี้อาจเยอะ เพราะไม่ได้ตรวจทานจริงๆ ค่ะ ออกตัวไว้ก่อนอย่างแรง)+++++++++++++++++++++++
ตอนที่ 5“อ๊ะ…อ้า… ตะ ตรงนั้น…อ๊ะ ดีจัง… อ้าาา… ลึกๆ ครับ…ซีดดดด…เบสอยากได้ของพี่ภพอีก…อ๊ะ…” เสียงครางระงมไม่เป็นศัพท์ของเด็กหนุ่มตัวขาวปากแดงเจ่อ ที่เผยอรอรับสัมผัสจากผม พร้อมร้องขอความต้องการจากผมให้หนักหน่วงกว่านี้…
“อือ… อืมมมม เบส…อ้าาาา… เก่งมาก… อือออ เด็กดี… รันครับ โอ๊ะ… รันของพี่ อืมมม” จากเด็กผู้ชายหน้าขาวปากแดงใต้ร่าง ภาพก็ค่อยๆ แปลเปลี่ยนเป็นเด็กผู้ชายน่ารักอีกคน ปากเชิดรั้น เผยอครางเสียงกระเส่า… มันจะดีขนาดไหนนะ ถ้าคนใต้ร่างนี้ไม่ใช่เพียงแค่อิมเมจิ้นไปเองเหมือนอย่างตอนนี้
“อึ๊…อ้า…พะ พี่ภพ!!!!” น้องเบสยังคงส่งเสียงแห่งความพึงใจไม่หยุด จนอาจจะลืม หรือไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าผมไม่ได้ครางเรียกชื่อของคนที่กำลังร่วมรักอยู่ด้วยแล้ว แต่กลับครางเรียกชื่อของเด็กอีกคนที่ผมหมายปอง และอยู่ในห่วงคำนึงจนผมต้องเก็บเอามาฝันถึงอย่างไปหยุดปาก
ไม่นานเสียงแห่งความกระสันซ่านก็ออกมาจากความสุขสมทั้งของผมและของเด็กผู้ชายที่กำลังตอดรัดผมอย่างถี่ และหนักหน่วงอยู่ตอนนี้
จะด่าผมเลว หรือเหี้ยยังไงก็ได้ ผมยอมรับ… จะให้ทำยังไงล่ะ ตัวเขาก็ยังไม่ได้สัมผัส ได้แต่นั่งแอบมองเขาไปวันๆ ยิ่งมองก็ยิ่งคิดไปไกล ผิวนุ่มเนียนน่าสัมผัสลูบไล้ ลำแขนยาวเรียวที่พอมีกล้ามเนื้อนิดๆ จับดินสอสองบีวาดตวัดรูปภาพลงบนกระดาษอาร์ตในสมุดสเก็ต สีหน้าครุ่นคิดยามเหม่อ ยิ่งน่ามอง…
ยิ่งตอนที่ได้มานั่งใกล้ๆ คอยอธิบายความหมายของเรื่องให้ฟัง… กลิ่นหอมอ่อนๆ กรุ่นลอยมาแตะจมูกเข้าอย่างจัง กลิ่นหอมเย็นๆ ชวนผ่อนคลายไม่รู้ว่าจากน้ำหอมหรือครีมทาผิว หรือจริงๆ แล้วเป็นกลิ่นกายเนื้อแท้ของเจ้าตัวกันแน่… ยิ่งสูดเข้าปอดกลิ่นหอมก็ยิ่งฟุ้งกำจายไปทั่วร่าง ไหลเวียนเข้าสู่เส้นเลือด ก่อนจะมากระจุกรวมอยู่ที่แก่นกลางแห่งความต้องการ…
ผมไม่ได้หมกมุ่น และผมไม่ได้ทะลึ่งนะ แต่ร้อยทั้งร้อยของผู้ชาย แม่งก็คิดเรื่องแบบนี้อยู่ในหัวตลอดอยู่แล้วนั่นแหละ ถ้าได้เจอของดีถูกใจขนาดนี้… สุดท้ายแล้ว ผมทำอะไรน้องไม่ได้ และผมไม่ใช่พระเอกนิยายโรมานซ์ที่จะมาใช้กำลังฉุดกระชาก ลากเข้าห้องแล้วก็ยัดเยียดความเป็นสามีให้โดยไม่คิดถึงจิตใจนางเอก... ถึงผมจะเจ้าชู้ แต่ผมก็ไม่เลือกวิธีแย่ๆ แบบนั้นแน่ๆ ไม่ต้องกลัวว่าน้องรันน้อยๆ ของทุกคนจะโดนกระทำชำเราหรอกนะครับ
ในที่สุดผมก็เลยต้องหาทางปลดปล่อยตัวเองก่อนที่จะบ้าตายไปซะก่อน… แถมวันนี้ยังโดนน้องพายคู่ขาเก่าตอกกลับมาซะหน้าหงาย… ทำไมนะ ทำไมเดี๋ยวนี้ใครๆ ก็มีความรัก เจอคนรัก มีคู่ มีแฟน กันไปหมดเลยวะ… กูอิจฉาโว้ยยยย
สุดท้าย… ผมก็มาจบลงที่น้องเบส น้องเบสนี่เป็นนายแบบวัยรุ่นที่ไม่ดังมากเท่าไหร่ เพราะน้องเขาตัวเล็กและหน้าแอบหวานมากกว่าหล่อ งานน้องส่วนมากก็จะถ่ายพวกหนังสือวัยรุ่นบ้าง น้องเคยมาถ่ายให้หนังสือของผมครั้งหนึ่ง และครั้งนั้นผมก็เลยได้ลิ้มชิมน้องเบสไปแล้ว… แต่หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้ติดต่อน้องเบสอีก เหตุผลหลักเลยก็คือ ผมมักจะไม่ค่อยกินของซ้ำ…
คือผมเนี่ย เวลาที่จะมีสัมพันธ์กับใครสักคน ผมจะทำข้อตกลงกันไว้เลยว่ามันคือ One night stand นะ เราจะไม่มีอะไรผูกมัด และผูกพันธ์กันทั้งสิ้น เพราะถือว่าเราสนุกร่วมกัน บางคนที่ผมติดใจ ก็อาจจะคั่วอยู่สักสองสามอาทิตย์ แต่ไม่เคยมีใครเกินเดือนแน่นอน
แต่ผมก็ค่อนข้างแฟร์นะ ถ้าบางคนอยากได้รางวัลหรือของแถม หลังจากการให้บริการถึงใจเสร็จสิ้นไปแล้ว ผมก็พร้อมที่จะจ่ายอย่างสมน้ำสมเนื้อ ไม่ว่าจะเป็นเงินหรือสิ่งของ… น้องเบสเนี่ย ผมจำได้ว่าน้องอยากได้แมคบุคแอร์รุ่นใหม่ ผมก็พาไปซื้อให้อย่างเต็มใจ
จริงๆ หลังจากนั้น น้องเบสก็ยังคงพยายามจะมาเจอผมอยู่ ไม่ใช่ผมไม่รู้ว่าน้องเบสกำลังคิดอะไร เพราะหลายครั้ง และหลายคนก็พยายามที่จะทำแบบน้องเบส คือสานความสัมพันธ์กับผมต่อ แต่ผมถือว่าผมค่อนข้างชัดเจนในข้อตกลงไปแล้ว และผมเองไม่พร้อมที่จะหยุดอยู่ที่ใคร ทุกคนที่พยายามก็เลยต้องหยุดและล่าถอยไปเพราะมองไม่เห็นความหวังที่เป็นจริง
แล้ววันนี้ผมแค่ต้องการหาใครสักคนมาปลดปล่อย ก่อนที่ผมจะเป็นบ้าตายเพราะเด็กที่ชื่อ ‘วรัน’… ผมนั่งไล่เบอร์โทรของเหล่าบรรดาคู่ขาเก่าๆ จริงๆ มีบางคนที่ผมยังคงเจอบ่อยๆ เพราะเป็นพวกไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ จบก็คือจบ ถ้าจะกลับมาอะไรกันอีก ก็แค่กลับมาแล้วก็จบกันไปอีกครั้ง ไม่มาร่ำไรมากมาย ส่วนมากแบบนี้จะเป็นพวกนายแบบฝรั่ง แต่ตอนนี้ผมอยากได้เด็กผู้ชายไทยสักคน ที่พอจะให้ผมกอด จูบ ลูบ คลำ แล้วจินตนาการไปถึงใครอีกคนที่ป่านนี้คงกลับบ้านกับเมียผมไปแล้ว
ก็เลยมาลงเอยที่น้องเบส และก็โชคดีของผม ที่น้องเบสอยู่ไม่ไกลจากห้างฯ ที่ผมอยู่เท่าไหร่นัก ผมเลยโทรหา และบอกว่าจะไปรับ น้องเบสก็ตกลงทันทีอย่างไม่เกี่ยงงอน ผมเลยขับรถไปรับน้องเบสที่ห้างสรรพสินค้าอีกแห่งหนึ่งใกล้ๆ กัน… แล้วไม่ต้องพูดให้มากความ วัวเคยค้า ม้าเคยขี่กันมาก่อน น้องเบสถามว่าผมจะไปไหนทั้งๆ ที่น้องก็คงจะรู้คำตอบดีอยู่ในใจ เพราะผมบอกน้องไปว่า
‘คิดถึงอยากคุยด้วย ไปนั่งคุยกันที่คอนโดพี่แล้วกันนะ’ น้องเบสไม่ได้ตอบอะไร แค่พยักหน้าและส่งยิ้มให้แบบพอมีจริต
“พี่ภพฮะ…คืนนี้เบสค้างด้วยนะ” หลังจากที่ผมเผด็จศึกน้องเบสเสร็จสิ้นไปอย่างหนักหน่วง ผมก็นอนให้น้องเบสซบอยู่บนเตียงซักพัก… ไม่ใช่อะไรหรอกครับ แค่เหนื่อย!!! (หรือกูเริ่มแก่)
“ไม่ได้หรอกครับ… เดี๋ยวพี่ไปส่ง คืนนี้พี่ต้องกลับบ้าน เมียพี่รออยู่” ทุกคนรู้ว่าผมแต่งงานแล้ว แหม จัดซะใหญ่โต ลงข่าวทั่วทุกสื่อฯ ไม่รู้ก็แย่แล้ว แต่ผมไม่ได้บอกใครว่าผมแต่งงานเพราะจำยอม หลายครั้งหลายคู่ขาเคยถามผมเหมือนกันว่าถูกคลุมถุงชนรึเปล่า แต่ผมให้เกียรติไอ้รินมันนะครับ ผมจะบอกกับทุกคนตลอด ว่าผมเลือกผู้หญิงคนนี้เอง ผมไม่ได้ถูกคลุมถุงชน และผมก็รักผู้หญิงคนนี้ที่เป็นภรรยาของผม… ซึ่งผมไม่ได้โกหก ผมรักไอ้รินจริงๆ เพราะมันเป็นเพื่อนรักที่สุดของผม เรียกว่าตายแทนกันได้เลยดีกว่า
“แต่เบสก็เป็นเมียพี่เหมือนกันนะ” ผมไม่ชอบคนงี่เง่า ใครๆ ก็รู้ และผมไม่ชอบแบบนี้
“อยากได้อะไร… ครั้งนี้อยากได้อะไร เท่าไหร่” ผมถามเสียงเรียบ และพยายามดันตัวเองให้ลุกและหลุดจากอ้อมกอดของน้องเบส
“ไม่เอาอะ เบสไม่ได้อยากได้อะไร แต่เบสอยากให้พี่ภพอยู่กับเบส… เบสคิดถึงพี่ภพมาตลอดเลยตั้งแต่วันนั้น พี่ภพเป็นคนแรก และคนเดียวของเบสนะครับ เบสรักพี่ภพนะ” โอ๊ยยยย!! น้องเรยา เอ๊ย!!! น้องเบสครับ… พี่เชื่อน้องพี่ก็คงมีลูกกับไอ้รินไปแล้วครับ... คือผมน่ะตั้งแต่โตเป็นหนุ่ม จนเริ่มแก่ ผมมีอะไรกับผู้ชายมานักต่อนักแล้ว ไอ้ที่เปิดซิงก็ใช่ว่าจะไม่เคย กับอีแค่ใครท่ีเคยผ่านมาแล้วหรือยังจิ้นๆ กันอยู่ ทำไมผมจะสัมผัสไม่ได้กันเชียว จริตมันต่างกัน แล้วอย่างน้องเบสเนี่ย โดนฟัน!! เอ๊ย…ฟันธงได้เลย เธอผ่านศึกมาอย่างโชกโชน
“พี่จะพูดอีกแค่ครั้งเดียวนะ… อยากได้อะไร ถ้าไม่พี่ก็จะให้ตามที่เห็นสมควร แล้วพี่ก็จะกลับแล้ว” เสียงผมยังคงเรียบเหมือนเดิม แต่ก็เหวี่ยงพอให้คนฟังรับรู้ว่า ผมเริ่มไม่ค่อยพอใจกับพฤติกรรมนี้เท่าที่ควรแล้ว
“ฮึก…ฮือ… พี่ภพมาหลอกให้เบสรัก ฮึก… แล้วก็จะทิ้งเบสแบบนี้น่ะเหรอฮะ” เด็กคนนี้พูดไม่รู้เรื่องนะเนี่ย เคยเจอกันครั้งนี้ก็แค่ครั้งที่สอง จะมารักมาหลงอะไรกันขนาดนี้ ครั้งแรกที่มีอะไรกัน ผมก็พูดไปชัดเจนแล้วว่านี่เรามาสนุกร่วมกันนะ น้องเขาเองก็ตกปากรับคำ และผมก็แถมของขวัญตบท้ายไปแล้ว ก็เห็นยิ้มแป้นน้อมรับอย่างดี
“คิดว่าทำแบบนี้แล้ว เบสจะรั้งพี่ได้เหรอ…” ผมไม่สนใจเสียงสะอื้นร่ำไห้ ที่ฟังยังไงก็รู้ว่าบีบน้ำตา ผมลุกขึ้นจากเตียง ปล่อยให้น้องเบสก้มหน้าสะอื้นเรียกร้องความสนใจต่อไป… ไม่รู้สิ ทำไมถึงไม่รู้สึกสงสาร หรืออยากเข้าไปกอดปลอบเลยสักนิด ผิดกับอีกคนที่อยู่ที่บ้าน… แค่ตอนนั้นได้เห็นน้องรันน้ำตาซึมตอนกอดกับไอ้ริน และพ่อแม่ ผมยังรู้สึกเอ็นดูอย่างบอกไม่ถูก อยากเอื้อมมือเข้าไปลูบหัวทุยๆ นั้น แล้วดึงเข้ามากอด
ผมเดินเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำไม่นานนัก ก็พันผ้าขนหนูเดินตัวเปียกออกมา แล้วไม่ทันได้ตั้งตัว น้องเบสที่คงจะยืนดักรออยู่ตรงมุมด้านข้างห้องน้ำ ก็เดินเข้ามาสวมกอดผมจากด้านหลัง เอื้อมมือมาลูบไล้ วนเวียนทั่วหน้าอกและแผ่นท้อง
“ปล่อยครับ พี่จะแต่งตัวแล้วจะได้รีบกลับกันซักที” ผมยังคงใช้น้ำเสียงที่ราบเรียบเหมือนเดิม พร้อมทั้งค่อยๆ ดึงมือของน้องเบสให้ออกจากการเกาะกุมตัวผม แรกๆ น้องก็ขืนสุดพลัง แต่แรงผู้ชายตัวเล็กๆ หรือจะสู้แรงผมได้ ผมกระชากมือน้องเบสออกจากตัวอย่างเร็ว แต่พยายามไม่ให้ใช้แรงมากจนเกินไป ถึงแม้น้องเขาจะเป็นผู้ชาย ผมก็ไม่อยากทำใครเจ็บตัว… แต่แรงที่ผมพยายามเบาก็คงจะแรงเกินไปสำหรับน้องเบส น้องเลยร้องไห้ออกมาอีกครั้ง
“โอ๊ย!!! เบสเจ็บนะ ฮึก ทำไม ฮืออ ทำไมทำกับเบสแบบนี้ ฮือออ ไม่สงสารเบสเลยหรือไง… ฮึก” ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมคงได้เบิ้ลอีกรอบแน่ๆ ถ้าหากอีกฝ่ายเสนอมาแบบนี้ แต่ตอนนี้ผมอยากกลับบ้าน ไม่รู้ทำไม แค่เมื่อกี้ได้คิดถึงน้องรันขึ้นมาตอนอาบน้ำ ก็ทำให้ยิ้มไม่หยุด แถมใจกลับลอยไปอยู่กับคนที่คิดถึงซะจนต้องรีบอาบน้ำแล้วรีบออกมาแต่งตัว จะได้รีบกลับไปหลับในชายคาเดียวกับน้องเมียคนน่ารักซะที
“พี่ขอโทษ แต่พี่บอกแล้วเบสเชื่อพี่รึเปล่าล่ะ พี่ไม่ชอบคนร่ำไรนะเบส ไปแต่งตัวซะแล้วพี่จะไปส่งบ้าน” ผมเดินไปหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่ในตู้ แล้วรีบแต่งตัวโดยที่ไม่ได้หันไปมองคนที่ยังคงสะอื้นน้อยๆ เลยแม้แต่นิดเดียว… พอเห็นว่าร้องไปก็ไม่มีประโยชน์ เสียงสะอื้นก็เงีบไปซะเฉยๆ
ผมแต่งตัวเสร็จ ก็เดินไปล้วงเช็คของตัวเองที่ใส่ไว้ในสูทที่ถอดพาดเอาไว้ในห้องรับแขกด้านนอก แล้วออกมาเขียนจำนวนเงินที่เยอะกว่าราคาแม็คบุคแอร์ครั้งที่แล้วไปอีกหนึ่งหมื่น ผมเป็นคนไม่พกเงินสดทีละเยอะๆ เลยต้องอาศัยจ่ายเช็ค หรือไม่ก็รูดบัตรเครดิตเอา
“แทนคำขอบคุณ และขอโทษจากพี่ พี่คงให้ได้เท่านี้” ผมยื่นเช็คใบที่เพิ่งจะเขียนเสร็จให้น้องเบสที่แต่งตัวเสร็จแล้ว และนั่งหน้าบอกบุญไม่รับอยู่บนเตียง… น้องเบสเงยหน้าขึ้นมาสบตาผมด้วยสายตาเหวี่ยงๆ และก้มมามองเช็คในมือผม ก่อนที่น้องจะเอื้อมมือมาดึงมันไปจากมืออย่างสบัดๆ เหมือนไม่ค่อยจะพอใจกับการตอบโต้ของผมเท่าที่ควร
เสร็จแล้วผมก็พาน้องเบสไปส่งที่บ้าน ระหว่างทางไม่มีบทสนทนาอะไรเกิดขึ้นระหว่างเรา น้องเบสก็นั่งหน้างอไปตลอดทาง ขนาดลงจากรถยังกระแทกประตูรถปิดให้ผมซะดังลั่นซอย… เฮ้อออออ กูไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวตั้งแต่แรกเลยเว้ย ไอ้ห่าภพเอ๊ย… ถ้ากลับไปใช้บริการแม่นางทั้งห้า มึงก็ไม่ต้องมาเวียนหัว และเสียเงินขนาดนี้หรอก เอาวะ ช่างมัน วันนี้กลับไปเอาแรงก่อนดีกว่า พรุ่งนี้จะได้รีบตื่นมาเจอคนที่อยากเจอ
……………………
……………………
ตีสอง… ผมก็ถึงบ้าน แอบเอะใจว่าทำไมไฟในห้องรับแขกยังคงเปิดสว่างอยู่ เพราะปกติไอ้รินมันเป็นคนนอนไม่ดึกนะครับ แล้วอีกอย่างมันก็ชอบขึ้นไปใช้ชีวิตในห้องทำงานข้างบนมากกว่าข้างล่าง… ถ้าไม่ใช่ไอ้ริน งั้นก็น่าจะเป็น….
“น้องรัน” ผมอุทานอย่างดีใจ ระคนตกใจ อย่างเบาๆ ก็คนที่ผมคิดถึงมาครึ่งค่อนวันกลับมานอนฟุบหลับอยู่บนโต๊ะกระจกกลางห้องรับแขก บนโต๊ะเต็มไปด้วยกองกระดาษวาดรูป หนังสือศิลปะ นิตยสารศิลปะ นิตยสารแฟชั่น สมุดสเก็ต และแมคบุคตัวโตของเจ้าตัว กองรวมๆ กันอยู่
นี่แสดงว่าตั้งแต่กลับมาจากที่ทำงาน น้องรันคนเก่งของผมก็มัวแต่นั่งคิด นั่งวาด นั่งหาเรเฟอร์เร้นท์ของงานอยู่เพลินจนหลับไปไม่รู้ตัวซินะเนี่ย… น่ารักจริงๆ เล๊ยยยย!!!
ผมค่อยๆ วางกระเป๋าเอกสารและเสื้อสูทในมือพาดไว้บนโซฟาฝั่งตรงข้าม ก่อนจะค่อยๆ ย่องเข้าไปนั่งยองๆ ใกล้ๆ กับคนที่นอนซบแขนตัวเองหลับปุ๊ย ไม่ได้รู้สึกตัวว่ามีใครกำลังจ้องมองอยู่ ปากก็ขมุบขมิบ ยุบยิบน้อยๆ ไปตามเรื่อง แก้มเนียนด้านขวาลอยเด่นให้คนแอบมองอย่างผมอยากเอื้อมมือไปสัมผัส… แล้วก็ห้ามใจและมือตัวเองไม่ไหว ต้องเอื้อมหลังมือไปลูบไล้ช้าๆ … เพียงแค่ได้สัมผัส ความโลภก็เข้าเกาะกุมจิตใจ ให้อยากใช้ปากสัมผัสมากกว่ามือ!!! ทำยังไงดี?
เร็วเท่าความโลภ ผมค่อยๆ ก้มลงไปใกล้ๆ แก้มขาวอย่างช้าๆ…
“อ่ะ… อ้าว… ฮ้าวววว!!!....พี่ภพ กลับมาแล้วเหรอฮะ”
“เฮ้ย… อะ เอออ คะ ครับน้องรัน” อยู่ดีๆ น้องก็สะดุ้งลืมตาตื่นขึ้นมาหาวซะอย่างงั้น ผมตกใจถอยหนีแทบไม่ทัน จากที่นั่งยองๆ อยู่ กลายเป็นผงะหงายหลังลงไปนั่งจ้ำเบ้ากับพื้นซะอย่างแรง
“อ้าว แล้วพี่ภพมานั่งอะไรตรงนี้ฮะเนี่ย” ตาตี่ๆ บวมตุ่ยเป็นผลพวงจากการเพิ่งตื่นนอน แต่ก็ยังคงดูแวววาวน่ามองอยู่ดี
“อ่อ…อ๋อ คือพี่… อ๋อ คืองี้ พี่เห็นรันหลับอยู่ พี่ก็เลยจะเดินเข้ามาปลุกน่ะครับ แล้วทีนี้พี่เรียกอยู่ตั้งนานรันก็ไม่ตื่นซักที พี่เลยกำลังจะเข้าไปเขย่าตัวน่ะ” โอ๊ย ไม่ต้องห่วง เรื่องแถเนี่ยสามภพเก่งที่สุดในสามโลกแล้วครับ
“อ้าวเหรอฮะ… แต่จริงๆ แล้วรันเป็นคนตื่นง่ายมากๆ เลยนะครับ ปกติแค่มีคนมานั่งจ้องเวลานอน รันก็รู้สึกตัวแล้วนะ… สงสัยคราวนี้จะหลับลึกมั้ง” คำพูดน้องเล่นเอาผมผวาซ้ำสอง… หรือจริงๆ แล้วน้องรู้สึกตัวตั้งแต่ผมเข้ามาแล้วกันแน่วะ… แล้วมาทิ้งระเบิดปริศนาลูกโตเอาไว้ให้ผมเสร็จ เจ้าตัวก็หันไปเก็บของอย่างสบายอารมณ์ โดยไม่สนใจใคร่ถามอะไรผมต่อ
“พี่ภพจะขึ้นบ้านไหมครับ รันจะขึ้นแล้ว” น้องเก็บของเสร็จ ถึงได้หันมาถามผมที่ ยังคงนั่งเหม่อมองน้องเก็บของเพลิน ประกอบกับยังคิดร้อนตัวไม่ตกซักทีว่าน้องมันจะรู้สึกตัวรึเปล่า ที่เข้าไปลูบแก้ม และเกือบจะก้มลงไปหอมเมื่อกี้
“อะ อ๋อ… ไปครับ ไป เดี๋ยวพี่ช่วยถือของ” ผมกำลังจะเอื้อมมือไปช่วยถือแมคบุคเครื่องโต กับกองหนังสือเล่มหนาหลายเล่มในอ้อมแขนของน้อง แต่น้องรันก็เบี่ยงตัวหลบหนีการช่วยเหลือจากผม ก่อนจะหันมาปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม
“ไม่เป็นไรฮะ รันถือได้ พี่ภพมาเหนื่อยๆ รีบขึ้นไปพักเถอะครับ… ท่าทางจะไปหลายงานสินะฮะ ถึงต้องเปลี่ยนชุดด้วย” อ้าว น้องดันจำได้อีกว่าผมเปลี่ยนชุดกลับมา
“อ๋อ เออ ครับ” ไม่รู้ทำไม อยู่กับเด็กคนนี้แล้วผมไหลไม่ค่อยลื่นจริงๆ มันเหมือนน้องเล่นของ สะกดมนต์ อะไรไว้ซักอย่างให้ผมไปไม่ค่อยเป็น ทั้งๆ ที่ถ้าเป็นสถานการณ์เดียวกันนี้กับคนอื่น ผมคงไหลไปได้น้ำใสๆ กว่านี้แน่
“งั้นก็รีบขึ้นกันเถอะครับ ป่านนี้พี่รินคงรอพี่ภพแย่แล้ว น่าสงสารพี่สาวของรันจังเลยนะ พี่ภพกลับดึกบ่อยไหมครับเนี่ย” น้องรันเดินนำผมขึ้นบ้าน ในขณะที่ผมปิดล็อคประตู ก่อนจะปิดไฟไล่หลังตามไป
“ก็มีบ้างครับ แต่รินเขาเข้าใจไม่ต้องเป็นห่วงครับ” ผมตอบไปตามเนื้อผ้า ก็ไอ้รินมันเข้าใจจริงๆ นี่ครับ ไม่ต้องเป็นห่วง
“พี่รินเข้าใจพี่ภพ แล้วพี่ภพล่ะครับเข้าใจพี่รินไหม” น้องรันเดินมาจนถึงหน้าห้องนอนผมก่อน น้องก็หยุดเดิน แล้วหันมาถาม
“ก็ต้องเข้าใจสิครับ เราเป็นทั้งเพื่อนสนิท คนรัก และสามีภรรยากันนะครับ” น้องรันยิ้มรับคำตอบของผม
“เหรอครับ… งั้นพี่ภพก็ต้องรู้สินะฮะว่าพี่รินน่ะ ไม่ชอบคนโกหกและคนชอบฉวยโอกาส” อย่างไอ้รินเนี่ยน่ะเหรอไม่ชอบคนโกหก มันน่ะแหละตัวดีเลยล่ะ แต่เอ๊ะ… คนชอบฉวยโอกาสเกี่ยวอะไรด้วยวะ… ผมกำลังจะอ้าปากถาม แต่ก็ไม่ทันประโยคต่อมาของน้องรัน…
“ซึ่ง… รันเองก็เหมือนกัน… ไม่ชอบทั้งคู่… กู้ดไนท์นะฮะ” น้องหันมาพูดยิ้มๆ ก่อนจะเดินกลับเข้าห้องไป ไม่รอฟังคำตอบรับ หรือแม้แต่กู้ดไนท์ตอบจากผม…
แล้วไม่รู้ว่าร้อนตัวหรืออะไรกันแน่… แต่ไอ้คำว่า “ไม่ชอบทั้งคู่” ของน้องรันมันถึงได้ดูหนักแน่น แล้วดันเป็นเรื่องไม่ชอบที่ผมเพิ่งจะทำกับน้องไปสดๆ ร้อนๆ…
ประโยคเมื่อกี้ยิ่งเป็นตัวช่วยซัพพอร์ทให้คิดว่า จริงๆ น้องรู้ตัวตลอดว่าผมกำลังทำอะไรน้องอยู่เมื่อสักครู่… แต่ตอนที่ผมลูบแก้ม น้องก็ไม่มีอาการของคนสะดุ้งตื่น หรือเกร็งเลยซักนิด น้องยังคงเหมือนคนที่ยังอยู่ในห่วงนิทรา ลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ ไม่ได้บ่งบอกว่าคนที่ผมลูบแก้มอยู่นั้นตื่นอยู่… แล้วน้องรู้ตัวได้ยังไงวะ… หรือจริงๆ น้องอาจจะไม่รู้ น้องก็แค่พูดเฉยๆ แต่เรากลับร้อนตัวเอง…
ทำไม ตอนนี้ผมถึงได้รู้สึกว่า คนที่ถือไพ่เหนือกว่า คือน้องรัน… ผมไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับน้อง ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าน้องมองผมเป็นคนแบบไหน… บางทีน้องก็เลือกที่จะเปิดให้ผมได้ค้นหา แต่บางทีน้องก็ปิดซะจนมองไม่เห็นทาง… บางทีก็เหมือนน้องจะรู้อะไรบางอย่าง แต่บางทีน้องก็เหมือนจะไม่รู้อะไรเลย…
สุดท้ายแล้ว น้องรันก็ยังคงเป็นปริศนาที่รอให้ผมค่อยๆ ค้นหาต่อไปทีละก้าวๆ อย่างระมัดระวัง และถ้าผมเดินพลาดแม้แต่นิดเดียว… ทุกอย่างคือจบ…
น้องเมีย ไม่ได้เคี้ยวง่ายอย่างที่ใครๆ คิดเสมอไปซะแล้วสิครับ…
+++++++++++++++++++++++
+ กว่าจะคลอดตอนนี้ออกมา ก็ลบๆ แก้ๆ อยู่หลายรอบมากๆ ค่ะ แถมเขียนวันละหน้าสองหน้าอีกต่างหาก
มันเลยไม่ประติดประต่อ ไม่รู้ว่าจะอ่านแล้วสะดุ้ง สะดุดอะไรบ้างรึเปล่านะคะ ถ้ามันไม่สมูทตรงไหนยังไง ก็คอมเม้นท์กันได้เลยนะคะ
+ รู้สึกตะหงิดๆ ในใจว่า ถ้าอ่านตอนนี้จบกันแล้ว ทุกคนจะยิ่งหวงน้องรัน ไม่อยากยกให้ไอ้พี่ภพกันยกใหญ่แน่ๆ แถมอิพี่ภพอาจจะโดนขู่อาฆาตอย่างหนักเลยทีเดียว คือเข้าใจแกหน่อยเถอะนะคะ คนเจ้าชู้ อยู่ดีๆ จะให้มาเปลี่ยนมาหยุดกระทันหันก็ใช่ว่าจะทำกันง่ายๆ ตอนนี้ก็เริ่มมีแรงจูงใจบ้างแล้วแหละนะ ก็ต้องรอดูพฤติกรรมกันต่อไปเนอะ
+ มีบางคนบอกว่าอ่านอิพี่ภพแล้วคิดถึงแจ็ค ฮ่าๆ จริงๆ สองคนนี้ไม่เหมือนกันนะคะ แจ็คไม่เจ้าชู้นะ แจ็คแค่เป็นผู้ชายขี้เล่น และขี้แกล้ง แจ็คมันจะปากไม่ค่อยดี กวนตีนนิดๆ ตามประสาเด็กอึนๆ ซึนๆ แต่พี่ภพน่ะค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่กว่า ส่วนให้ที่ดูทะลึ่งตึงตังน่ะ พี่ภพมันก็ไม่ได้แสดงออกภายนอกนะคะมันแค่แอบคิดในใจ ภายนอกมันก็ปกติทั่วไป ดูเป็นผู้ใหญ่ที่ดีคนหนึ่ง (รึเปล่า) เอาจริงเอาจังกับงาน เป็นที่น่าเกรงขามต่อลูกน้องนะคะ
+ ครั้งหน้าจะลงน้องพายนะคะทุกคน คืนนี้ฝันดีค่า 