- 2 -
กระทงแสนงาม เพรียบพร้อมด้วยสรรพมงคล...สำเร็จลุล่วงได้ด้วยฝีมือผม...และ...กลสิทธิ์....
ต้องยกเครดิตให้ยอดชายเค้าด้วย เพราะเค้าเป็นคนนั่งมวยกลีบติดแม็คส่งมาให้ ผมมีหน้าที่เอามาแปะติดกับต้นกล้วย
ใช้ตะปูเล็กแบบมีหัวยึดไว้อีกที แรกๆไม่รู้สึกเจ็บมือหรอก เสียบไปได้ไม่เกินสิบกลีบ นิ้วหัวแม่มือแตกเลือดซิบ
เพราะดันช้ำจากการกดกลีบกระทง วุ่นวายยอดชาย..หาพลาสเตอร์พันนิ้วให้ถึงกับทบกันสามชั้น ไม่รู้สึกเจ็บนิ้วอีกเลย
รู้งี้น่าจะเอามาพันซะแต่ทีแรก..เห่อ..เห่อ..เห่อ..เค้าถึงว่ารู้ผิดเป็นครู...แต่รู้เจ็บก่อนนี่สิ...ไม่ไหว...ระบมอ่า???
ทุ่มตรง....กระทงน้อยสองเรา ก็ได้เวลานำไปลอยริมฝั่งคงคา ไหว้สาขอสุมาพระแม่ท่าน
ที่เราได้อาบได้กินได้ใช้น้ำมาตลอดทั้งปี ชำระล้างสิ่งสกปรกต่างๆออกจากร่างกาย ดังนั้นเพื่อเป็นการขอขมา
ให้ท่านอโหสิให้พวกเรา ประเพณีลอยกระทงจึงเกิดขึ้น สืบสานเป็นประเพณีอันดีงาม..ที่น่าอนุรักษ์ไว้
น่าเลื่อมใสศรัทธาของคนไทย
ผมกับกลสิทธิ์ มาอยู่ท่ามกลางฝูงชนแน่นขนัดในงานวัดใหญ่แห่งหนึ่ง ที่จัดได้ยิ่งใหญ่เป็นประจำทุกปี
แถมด้านหลังยังติดแม่น้ำเจ้าพระยาอีกตะหาก หลังจากเราพากันกราบไว้พระประธานในโบสถ์เรียบร้อยแล้ว
ก็ตรงดิ่งมายังท่าน้ำเพื่อลอยกระทงกัน พอมาถึงผมจัดการล้วงกรรไกรตัดเล็บ และกรรไกรตัดกระดาษออกมา...
ก่อนจะยกมือไหว้กลสิทธิ์ไปหนึ่งครั้ง เพราะผมกำลังจะล่วงเกินคุณสามี ตัดปลายเส้นผมบนหัวกลมัน
และตัดเล็บออกพอเป็นพิธีใส่ในกระทงสองเรา ยอดชายก็จ้องหน้าผมตาหวานฉ่ำ มีเอามือมาขยี้หัวผมซะงั้น
คงหมั่นไส้ระม้าง ยิ่งตอนนี้ผมไว้ผมยาวเกือบถึงบ่าแล้ว...
ทุกครั้งที่ทำแบบนี้..ผมมักยกมือไหว้ขอโทษกลสิทธิ์ก่อนตลอด ทำมาสามปีแล้ว เป็นอันรู้กันว่า
ผมขออนุญาติตัดเส้นผม แม่สอนผมมา...หากจะล่วงเกินสามีในที่สูง...อย่างน้อยควรยกมือขอโทษเค้าก่อน....
เวลาเค้านอนหรือนั่งอยู่ก็อย่าก้าวขาข้าม อ้อมได้ก็ให้เดินอ้อมไปเอา...
หากไม่มีทางผ่านไปจริงๆ ให้บอกเค้าเว้นช่องให้หน่อย อย่าก้าวขาข้ามเป็นอันขาดมันไม่ดี
จะทำมาหากินไม่เจริญ ชีวิตครอบครัวก็จะไม่รุ่งโรจน์ ‘คนล้มอย่าข้าม’ สุภาษิตโบราณท่านยังกล่าวไว้
ยิ่งเป็นคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีเป็นผัวเราแล้วทั้งคน...อย่าทำเป็นอันขาด....คำสอนของแม่ที่พร่ำบอกผมนะ..
ในวันที่ท่านผูกข้อมือรับขวัญเราทั้งคู่ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผมถือปฏิบัติมาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน
(เอาไปใช้กันได้นะ..ไม่หวงลิขสิทธิ์) กวีไม่เคยก้าวข้ามกลสิทธิ์อีกเลยครับท่าน ทั้งที่ผมเคยคิดเหมือนกันว่าผมก็ผู้ชาย...
ไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อย ทำไมต้องถืออะไรขนาดนั้น
ความกระจ่างจากคำตอบของแม่...ท่านบอกผมว่า...หญิงหรือชายไม่เกี่ยว...ที่ต้องนำมาตรองก็คือ...
ผมเป็นผัวหรือเป็นเมียของกลมันกันแน่...นั่นหละคือคำตอบสุดท้าย...อึ้งแดกไปหลายวิ....มารู้ทีหลังว่าแม่แกล้งหลอกถามผมด้วย..
ว่าไอ้ที่ท่านทำหน้าที่เถ้าแก่สู่ขอลูกชายจากพ่อของกลสิทธิ์ให้ผมนั้น...ตกลงขอลูกเขยหรือลูกสะใภ้...ตอนนี้แม่คงได้คำตอบแล้ว....
แห่ะ..แห่ะ...แห่ะ!...แม่ได้ลูกเขยเข้าบ้านจร้าาาา!
ไม่ต้องอุตริถามกันนะว่า แล้วถ้าสลับเป็นผัวเมียเปลี่ยนกันไปมา ข้ามกันได้หรือเปล่า...จริงๆแล้ว
ไม่ว่าผัวหรือเมีย..โบราณเค้าถือไม่ให้ก้าวข้าม เพราะเราทุกคนคือคนเป็นที่ยังมีลมหายใจอยู่ มันดูไม่ดี..ทั้งมารยาท
และความเหมาะสม ไม่ควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง...พอเข้าใจกันนะ..
ถึงคราวกลสิทธิ์เค้าเป็นฝ่ายตัดให้ผมบ้าง แต่เค้าไม่ต้องไหว้ผมหรอกนะ...เพราะว่าผัวไม่ต้องไหว้เมีย...
โบราณเค้าไม่ให้ผัวไหว้เมีย..แต่เค้าไม่ได้บอกไว้ว่า..
ห้ามไม่ให้ผัวกลัวเมีย...เอิ๊กกกกก!!!!.. หลังจากนั้น...เราช่วยกันจุดธูปจุดเทียน ใส่เหรียญลงไปในกระทงห้าบาท พากันยกขึ้นจรดเหนือศรีษะ
ตั้งจิตอธิฐานพร้อมกัน เรียบร้อยแล้ว กลสิทธิ์เป็นคนนำลงลอยในแม่น้ำเจ้าพระยา โดยมีกวียืนส่งกำลังใจลุ้นอยู่ใกล้ๆ
ดูผลงานกระทงน้อยของสองเรา ลอยตุเรงตุเรงฝ่าคลื่นลมและกระแสน้ำห่างจากฝั่งออกไปช้าๆ
วิบวับนวลตาด้วยแสงเทียนในกระทง ทำให้หวนคิด ชีวิตก็ไม่ต่างจากกระทง
ลอยโต้คลื่นฝ่าลมตามยถากรรม แต่ก็ต้องลอยไปให้ไกลที่สุด สุดปลายทางตรงไหนไม่มีใครตอบได้
หลายคนบอกสิ้นสุดที่ปากอ่าวไทย...อาจไม่ใช่ก็ได้เพราะต่อออกไปก็ยังเป็นทะเล...มันอาจจะลอยไปไกลข้ามทวีปถึงไหนก็ไม่รู้
แต่ที่รู้ๆ....ไม่นะ...ไม่จริ๊งงงงๆๆๆๆ
กระทงของสองเรา ยังไปไม่ถึงไหนเลยด้วยซ้ำ มีพรายน้ำโผล่มาจากไหนไม่รู้
คว้ากระทงสองเราไป ก่อนจะหยิบเอาเหรียญห้าบาทมาคาบไว้ในปาก..เสร็จเรียบร้อยโรงเรียนพรายน้ำ
แต่..อ่ะ..อ่ะ..นั่น...เฮ้อ!...โชคดีหน่อย พรายน้ำค่อยๆ ปล่อยกระทงสองเรา..ลอยไปตามกระแสน้ำ
เจ้าพระยาต่อไป โล่งอก..คิดเสียว่าพรายน้ำคืออุปสรรคหนึ่งในชีวิต...ผ่านเข้ามาแล้วก็ผ่านไป...ที่แน่ๆ...ลอยไปเถอะ..
กระทงน้อย...ลอยไปให้ไกลสุดกู่...นำความรักของเราทั้งคู่ที่ได้อธิฐานไปกะกระทง ไปเข้าเฝ้าพระแม่คงคา
ให้ท่านอำนวยพรให้เราครองคู่กันตลอดกาลนานด้วยเทอญ......
พอเสร็จจากนั่น พวกผมก็เตรียมตัวเดินกลับ แต่จังหวะที่กำลังก้าวขาออกเดิน
สายตาผมดันไปสะดุดพี่ผู้หญิงคนหนึ่งเข้า แกมาคนเดียว ทำผมทรงฟาร่า..(ชาวบ้านนิยมเรียกทรงนางงาม..
เพราะพวกประกวดนางงามเค้านิยมทำกัน ไอ้ทรงแบบฟูฟ่องบานเต็มหัวนะ...สมัยนั้นอย่างฮิต)
แกกำลังถือกระทงจรดเหนือศรีษะก้มหน้าก้มตาตั้งจิตอธิฐานอย่างจริงจัง แต่..ไฟจากเทียนไข
ดันลุกติดเข้ากับผมของแก โดยที่เจ้าตัวก็ยังไม่รู้ตัว กลุ่มควันกำลังเริ่มขยายอาณาเขต และเริ่มลุกเป็นไฟ
จังหวะที่ผมเห็น..มันเผาจากกลางกบาลแก ผมรีบกระตุกแขนกลสิทธิ์ ชี้ให้มันดูทันที หากไม่มีใครเห็นหรือช่วยแกไว้ก่อน
มีหวังหัวเหอหน้าเน้อได้โดนไฟไหม้เสียโฉมแน่ๆ
“กล..กล..ไฟไหม้หัวพี่เค้า” มันหันขวับมองตามผมทันที สติมันดียิ่ง ไม่รอช้าเลย..
พุ่งพรวดถึงตัวพี่เค้าทันที กระชากกระทงจากมือเค้าเฟวี้ยงลงพื้นซะไกล เพื่อแยกไฟเทียนออกจากหัวพี่แกก่อน
“อึ๊บ!..แผล่ะ!..” ไม่เหลือสภาพกระทงสวยงามให้เห็นอีกเลย
“ว๊าย!...ทำบ้าอะไรเนี่ยะ!.” พี่แกเงยหน้าโวยวายมันทันที
“ไฟไหม้ผมพี่แล้วตอนนี้...” กลสิทธิ์สวนกลับซะดังลั่น ตอนนี้ไฟเริ่มลามผมแกแผ่ขยายวงกว้าง
เพราะทรงฟาร่า คิดว่าคงอัดสเปรย์มาด้วย ไม่งั้นมันคงไม่ลุกเร็วแบบนี้ ไม่มีเวลาแล้ว กลสิทธิ์จัดการรวบกอดแกทั้งตัว
พร้อมกับพุ่งกระโจนลงน้ำทันที
“ตูม!....” ได้ผล...ไฟดับทันตาเห็น
“แอ๊ก!...แค็กๆๆๆ!!!.” แกสำลักน้ำนิดหน่อย แต่ก็กอดคอมันไว้แน่น
ดีอย่างน้ำบริเวณริมฝั่งไม่ลึกมากระดับอก มันจึงค่อยพาแกกลับมาส่งขึ้นฝั่ง โดยมีกองเชียร์ยื่นมือช่วยดึงแกขึ้น
ก่อนที่จะดึงกลสิทธิ์ตามขึ้นมา ไทยมุงนับร้อย ผมรีบเข้าไปตรวจสอบความเรียบร้อยของสามีทันที
ว่าบาดเจ็บไรหรือเปล่า โชคดีกลสิทธิ์ไม่ได้รับบาดเจ็บไรเลย ทุกอย่างครบบริบูรณ์ไม่มีส่วนไหนสึกหรอ
เพียงแต่สภาพเหมือนลูกหมาตกน้ำ เปียกโซกไปทั่งตัว
“ขอบคุณน้องมากนะค่ะ...ขอบคุณมากที่ช่วยพี่ไว้” พี่ผู้หญิงพอตั้งสติได้
และเข้าใจเรื่องราวที่มาที่ไปทุกอย่าง รีบกล่าวขอบคุณกลสิทธิ์ พระเอกขี่ม้าขาวทันที มันก็ยิ้มรับแกไป
สภาพพี่แกผมกลางกบาลแหว่งหายไปกว่าครึ่ง นี่ถ้าช้าอีกนิดคิดว่าผมทั้งหัวคงไม่เหลือ แถมจะพาลเอาหูเหอหน้าตา
แกเกรียมไปด้วยอีกตะหาก
เหตุการณ์นี้...เป็นอุทาหรณ์สอนเตือนว่า เวลาไปลอยกระทง ระวังไฟไหม้ผมด้วย...
เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ...ทางที่ดีทุกคนไม่ควรประมาท....ไฟ!....
จากนั้นผมกับกลสิทธิ์ก็ขอตัว...ตรงดิ่งไปที่รถขับกลับคอนโดฯ ทันที เพราะสภาพกลสิทธิ์ไม่มีทาง
จะเดินเที่ยวงานได้แล้ว ระหว่างนั่งกันมา รถดันติดโครตๆ เพราะผู้คนต่างออกมาเที่ยวงานลอยกระทงกันทั้งนั้น
กว่าจะขยับได้แต่ละทียังกะเต่าคลาน กลสิทธิ์ก็พูดขึ้นว่า
“ขอโทษด้วยวี...ทำให้อดเที่ยวเลย” อร๊ายยย!...ดูสิพระเอกของผม...ยังมีแก่ใจขอโทษผมอีก
ทั้งที่ไม่ใช่ความผิดของมันสักกะหน่อย
“จะมาขอโทษวีทำไม....วีต่างหาก..โครตภูมิใจกลเลย...กลยอดมาก...พระเอกสุดๆ..ถ้าเป็นวี
ยังคิดไม่ออกด้วยซ้ำ..จะกล้ากอดพี่เค้ากระโดดลงน้ำหรือเปล่าหนะ...กลยอดจริงๆ นะ..” พูดพร้อมกับยิ้มให้มันไป
มันก็ยิ้มตอบผมมา ก่อนจะพูดขึ้นว่า
“ก็มันไม่มีทางเลือก...มองเห็นไฟ..ก็นึกถึงน้ำ...ชั่วโมงนั่นมันไม่มีน้ำตรงไหนแล้วนี่..แม่น้ำนี่แหละดีที่สุด..
ดับไฟชัวร์..น้ำเยอะดี...5555!!!..” ผมก็พลอยหัวเราะตาม แฟนใครว่ะ?...ตลกได้อีก
หลังจากหัวเราะเป็นที่พอใจกันแล้ว กลสิทธิ์ก็พูดขึ้นอีกว่า
“ถึงไม่ได้พาวีเดินเที่ยวงาน แต่อย่างน้อยก็ได้ลอยกระทงของเราก่อน...โชคดีหน่อย..
หากเกิดเรื่องก่อน..หมดอารมณ์ที่ตั้งใจลอยกระทงเลย ไหนจะไทยมุง ไหนจะคนเยอะแยะ ที่สำคัญตัวเปียกโซกแบบนี้
กลคงหมดเสียอารมณ์ไปเหมือนกัน”
“อ้าว!...ทำไมหละ...เปียกก็ไม่เห็นเป็นไร เรามาลอยกระทง...เราก็ลอยต่อได้นี่ จากนั้นก็ค่อยกลับ...
วีไม่เห็นว่ากลต้องหงุดหงิดหมดอารมณ์ไรเลยนิ..ดีเสียอีก..กลทำความดีก่อนอธิฐานขอพร...พระแม่คงคาท่านอาจเมตตา
ให้พรกลคนแรกเลยก็ได้ใครจะไปรู้ คนลอยกระทงคืนนี้เป็นล้าน พระแม่คงกำลังจับฉลากเลือกให้พรคนจนหัวหมุนอยู่ก็ได้
แต่พอเป็นกลท่านอาจจะลัดคิวให้เป็นคนแรกเลยน้า...จริงไหม?” ผมแหย่เล่นให้สนุกๆ
“จริงเหรอวี?...ถ้างั้นคืนนี้กลก็ไม่ผิดหวังแล้วสิ...ฮู้!..ดีใจจัง..งั้นเรารีบกลับคอนโดฯ กันให้ไวดีกว่า...
กลว่าเดี๋ยวถึงซอยหน้าจะเลี้ยวออกทางลัดไปเลย...จะได้กลับไปรับพรเร็วๆ” อืม..พรอะไรของกลสิทธิ์เค้าหว่า?
“ปกติ..เค้าไม่ให้ถามคำอธิฐานของใคร...แต่วีสงสัยอะกล..พรอะไรที่กลขอกับพระแม่คงคา...
ไม่ต้องบอกหมดก็ได้...แค่แปลกใจมันเกี่ยวอะไรที่ต้องไปรับเอาที่คอนโดฯ” อดไม่ได้ถามไปหละ...ก็บอกแล้วนิว่าไม่ต้องบอกหมด...
แย้มให้รู้หน่อยก็ยังดี
“หึ..หึ...จริงๆ กลขอหลายข้อเหมือนกัน..แต่ที่ต้องไปรับที่คอนโดฯ คือข้อที่กลขอ...
กลขอให้ได้ปัมปั๊มวีคืนนี้นะ”
“ - o - “ หน้าผม..อึ้งไปเลย..ขออะไรของเค้าเนี่ยะ!
“ก็นะ..วีไม่ให้กลทำมาเป็นอาทิตย์แล้วอะ...กลขอเท่าไหร่ก็ไม่ยอมให้ เมื่อคืนวันเสาร์วีก็บอกว่า
วันนี้ต้องมาเดินซื้อของปากคลอง ไม่อยากปวดตัว เพราะต้องเดินเยอะ..ไหนจะนั่งทำกระทงอีก..แล้วยังต้องมาเดิน
ในงานด้วย วีก็เลยไม่ยอมให้กล กลก็เลยขอไปหนึ่งข้อ ให้วีใจอ่อนยอมให้กลคืนนี้นะคร๊าบ”
จบข่าว!...เห่อ..เห่อ...เห่อ...สิ่งที่กลสิทธิ์ขอไม่ใช่เรื่องตลก เพราะผมไม่ยอมเขามาเป็นอาทิตย์แล้วจริงๆ
อาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์ ผมมีกิจกรรมอบรมเวียนแผนก และในกิจกรรม..มันต้องร้องต้องเต้น
ตามกระบวนการละลายพฤติกรรมโดยทั่วไป หากยอมกลสิทธิ์ ผมคงร้องคงเต้นออกท่าทางได้ปกติหรอกนะครับ
เกิดคนพานำทำติดๆ ขัดๆ แล้วพนักงานที่เข้าอบรมเค้าไม่หัวเราะกันตายเอาเหรอ
ผมเลยให้งดกิจกรรมของเราไว้ก่อน ไม่คิดว่ามันจะกลายเป็นหนึ่งในพรที่กลสิทธิ์ขอในวันลอยกระทง
แต่เอาเถอะไหนๆ มันก็ผ่านมาแล้ว จริงๆ แล้วเมื่อคืนก็กะจะให้อยู่เหมือนกัน เพราะเป็นวันเสาร์..แต่ก็อย่างที่กลสิทธิ์พูดแหละ..
ผมต้องมาเดินซื้อของที่ปากคลอง แถมยังต้องมาลอยกระทง ไม่อยากให้ร่างกายมันขัดๆ นะ เลยของดไปอีก
ถึงเวลามอบรางวัลแห่งการทำดีแล้วละมั้ง จริงๆ เรื่องนี้กลสิทธิ์ไม่น่าไปขอกับพระแม่คงคาด้วยซ้ำ...
มันใช่เรื่องควรทำที่ไหนเล่า...ใครเค้าทำกัน..แต่ก็ว่าไม่ได้..ใครเค้าไม่ทำ...ยี่ห้อกลสิทธิ์นี่แหละ..ที่ทำไม่เหมือนใครเค้าหละ...
ความจริงที่ถูกที่ควร..ต้องมาขอกับกวีถึงจะถูก... ‘เพราะคุณทำความดี’...กวีเลยจัดให้
“กล....คืนนี้วี..ให้กลทำก็ได้...แต่ห้ามเกินสอง..พรุ่งนี้วีต้องทำงานรู้ใช่ไหม?” ผมตอบไปแบบอ๋อมๆแอ๋มๆ
หน้าก็เริ่มจะมุดแล้วเหมือนกัน
“
จริงนะ...ว้าว!..สุดยอด...ไม่เกินแน่นอน..สองก็สอง...พระแม่คงคานี่ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ
ลัดคิวให้กลเหมือนวีว่าไว้เลย..ดีใจชะมัด..อย่างนี้ต้องฉลอง..รีบกลับกันดีกว่า” ไอ้บร้า!..พระแม่กวีตะหากที่ลัดคิวให้...
ขอบคุณผิดคนหรือเปล่าเนี่ยะ...ชิส...แต่...หวาย...อายจัง..มาเล่าอะไรให้ฟังกันนี่...
อูยยยยย!!!..อย่าล้อกันนะคร๊าบบบบ!!!....ฮ่า..ฮ่า...ฮ่าๆๆๆๆ!!!...มุมน่ารักๆ ที่พี่วีเอามาฝากกันค่ะ
ตอนพิเศษตามสัญญา...ติดเบรคตอนซึ้งๆ เสียน้ำตาติดๆกันบ้าง
Luk.