เพราะรัก....จึงเปลี่ยนได้
Part 48
คำรักที่รอคอย...
.
.
.
.
หลังจากที่ทุกคนพากันทยอยออกไปหมดแล้ว เหลือผมสองคนอยู่ตามลำพัง ผมตัดสินใจนั่งบนเตียง
เอียงหน้าสบตากลสิทธิ์นิ่งๆ น้ำตาที่คลอหน่วยเราทั้งคู่ แม้จะมีวาวน้ำบังตาอยู่ ผมกับมองเห็นกลสิทธิ์ได้ชัดเจน
มันเองสบตาผมตอบ ก่อนจะยื่นมือมาคว้ามือผมไปกุมไว้ทั้งสองข้าง
ผมมีเรื่องมากมายอยากจะบอกให้มันรู้ ทั้งเรื่องที่แม่และพี่น้องผมรู้เรื่องของเราแล้ว และเรื่องที่ผมรักมัน
เข้าแล้วเต็มเปา ทีแรกคิดว่าจะรอให้มันออกจากโรงบาลเสียก่อน แล้วค่อยเล่าให้มันฟังในบรรยากาศดีดี
แต่ตอนนี้..ผมนึกหวงแหนเวลาที่สูญเสียไปแต่ละวินาที เพราะรู้แล้วว่า...อะไรก็ตามถ้าตั้งใจทำแล้ว
ไม่ควรรออีกต่อไป ไม่ต้องคิดเยอะ สิ่งที่เราต้องการแสดงออก..กับคนที่เรารัก ไม่ต้องสนเรื่องสถานที่บรรยากาศ
หรือสร้างเงื่อนไขให้ตัวเองอีกต่อไป
ตราบใดที่ยังมีเค้าคนนั้นอยู่ตรงหน้า พร้อมจะรับฟังเราอยู่แล้ว ไม่ว่าสถานที่นั้นมันจะคือที่ไหน
ต่อให้เป็นป่าช้าหรือในสุสาน เป็นโลเกชั่นที่เลวร้ายสุดโต่ง ไม่เข้าบรรยากาศโรแมนติกกับการบอกรักเป็นอย่างมาก
อย่าได้สนใจอีกเลย ดูอย่างหนังไททานิคสิ สุดท้ายความรักของแจ็คกับโรส ต้องพรากจากกันชั่วนิรันดร์ ท่ามกลางทะเลน้ำแข็ง
มันเศร้าโศรกเสียใจแค่ไหน แล้วผมหละ..จะต้องรอทำไม ทำให้ซึ้งถึงสัจจธรรมข้อหนึ่ง
‘เวลาไม่เคยคอยใคร’ ยอมรับว่า..ที่ผ่านมาเวลาเราจะพูดคุยกันในเรื่องหัวใจ ผมกับกลมักอยู่ในสถานที่ไม่น่าสวีทเสียทุกครั้ง
ในรถเสียเป็นส่วนใหญ่ และทุกครั้งเต็มไปด้วยรอยน้ำตา ทั้งสุข ทุกข์ เศร้าเคล้ากันมาตลอด แต่อย่าลืมคราบน้ำตาที่ได้
คือความจริงใจที่มิได้เสแสร้ง คงดีกว่ารอยยิ้มและเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข หากมันเป็นเพียงแค่การหลอกลวง
เหมือนตอนนี้ที่ผมกำลังจะบอกรักมัน..บนเตียงคนไข้ในโรงบาล...ทั้งที่ก่อนหน้าคิดไว้ว่าจะพูดในสวน
หรือสถานที่ดีดีที่มีคุณค่าให้น่าจดจำ ไม่เอาแล้วครับผมรอไม่ได้อีกแล้ว หากพ่อเกิดเอาตัวมันกลับ แล้วไม่มีใครคัดค้านแกได้
ผมยังจะมีโอกาสได้พูดอีกหรือ
จำเป็นต้องยึดติดสถานที่อีกหรือไม่ ในเมื่อเนื้อแท้แล้วผมแค่ต้องการให้มันรู้ว่า
‘ผมรักมัน’ ต้องรีบพูดเดี๋ยวนี้ตอนนี้ รอไม่ได้แล้วกวี นี่คือเสียงหัวใจของผม ที่เตือนให้รู้ว่าผมควรพูดเสียที ก่อนที่จะไม่มีโอกาสอีกเลย
“
กล...กูมีเรื่องสารภาพกับมึง” มันมองหน้าผมนิ่งๆ หัวคิ้วเริ่มจรดเข้าหากันแล้ว เพราะน้ำเสียง
จริงจังของผม คงทำให้คิดว่าผมจะพูดเรื่องซีเรียสแน่ๆ แต่มันก็ไม่ได้ถาม เพียงยักหน้าให้พร้อมรอฟังทันที ผมรีบบอกมันไป
แบบไม่ต้องมีพิธีรีตองกันแล้ว เอาเนื้อๆเน้นๆ...ตามเสียงของหัวใจล้วนๆ ไม่ต้องหวาน ไม่ต้องเลิศหรู..ง่ายๆ ชัดๆเข้าใจตรงๆ
“
กูรักมึง!...กูอยากบอกว่ากูรักมึง..รักมากเลยว่ะกล” พูดจบ..มันอึ้งเบิกตาคมกว้าง
มือที่กุมมือผมขณะนั้น เผลอบีบอย่างแรงจนรู้สึกได้ ริมฝีปากล่างสั่นระริก ก่อนจะพูดกับผมมาว่า
“กูฟังไม่ผิดใช่ไหมวี?...มึงรักกู..รักกูแล้วใช่ไหม?” ผมเห็นท่าทางตื่นเต้นออกอาการทั้งสีหน้า
และแววตาของมันนั้น พาลน้ำตาไหลลงอาบสองแก้ม ทั้งที่เพิ่งแห้งไปอยู่หยกๆ
ความรู้สึกตอนนี้บอกตรงๆ โกรธตัวเองมาก ผมงี่เง่าอยู่ได้ตั้งนาน ปล่อยเวลาผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์
มัวแต่สับสนตัวเองอยู่ได้ ทำไมถึงได้ให้มันรอฟังคำรักของผมมานานขนาดนั้น มันพูดต่อ
“กูรอฟังคำนี้มาสองปีกว่า สุดท้ายกูก็ได้ยินจากปากมึงจนได้ แม้มันจะนานมากสำหรับคนอื่น
แต่กูอยากบอกว่า..
ขอบคุณ...ขอบคุณมากวี...ที่มึงตอบรับความรู้สึกกู....คุ้มค่ามากที่ได้รอ...ต่อให้รออีกนานแค่ไหน
สุดท้ายได้หัวใจมึงมา กูยินดีรอเสมอ..
รู้ไหมวี?...สิ่งที่กูกลัวมาตลอด...ไม่ใช่คนรอบข้างหรือสังคม ที่คอยจ้องดูถูกเหยียดหยามตัวกู..
เพราะดันมีเมียเป็นผู้ชาย แต่กูกลัวและไม่เคยหยุดกลัวได้เลย คือกลัวมึงไปแต่งงานมีครอบครัวตะหาก..เพราะมึงเป็นผู้ชาย
กูกลัวมึงไม่รัก...หากวันหนึ่งมึงไปจากกู...เพื่อไปใช้ชีวิตกับคนที่มึงรัก...กูกังวลและคิดมาตลอด ถึงไม่เคยปล่อยมึงให้คลาดสายตา
กูไม่เคยทิ้งมึงให้อยู่คนเดียว
ไม่เคยปล่อยมึงไปกับเพื่อนในมหา’ลัย ถ้าไม่มีกูไปด้วย กูไม่เคยไว้ใจใครทั้งนั้นที่เข้าใกล้มึง
เพียงเพราะกูเห็นแกตัว...กูกลัววี...กูยอมรับตรงๆเลยว่า...ตราบใดที่ยังไม่รู้ว่ามึงรักกูหรือไม่
มันทำให้กูคิดเสมอว่าสักวัน..มึงอาจจะมีผู้หญิงดีดีเข้ามาในชีวิต เพราะมึงหน้าตาดีนิสัยดี..อัธยาศัยน่าคบ
ใครเห็นใครก็ชอบ มึงเป็นคนมีน้ำใจ..เสน่ห์ของมึงตรงนี้แหละ...ที่ทำให้กูทั้งรักทั้งหวง สองปีที่อยู่ด้วยกันมา
กูถึงเฝ้าตามติดมึงตลอด กูรู้ว่ากูทำไม่ถูก..ที่ปิดกั้นจนมึงแทบไม่มีเพื่อนสนิทเลย กลับเป็นเพื่อนกูกลายเป็นเพื่อนมึงซะงั้น
มึงใช้ชีวิตตามตารางตลอด..เรียน...ซ้อมบอล...กลับหอ..เป็นแบบนี้มาสองปีกว่า..
กูรักมึงมาก...จนไม่รู้จะพูดยังไงให้มึงเข้าใจ ว่ารักมึงมากแค่ไหน รักของกูมันคืออะไร ทั้งรักทั้งหวง
ทั้งเห็นแก่ตัว...แต่วันนี้ พอมึงออกปากบอกรักกู...รู้ไหม?..หัวใจกูทั้งดวงถูกปลดแอก....ซึ่งกูแบกไว้ตลอดสองปีมาแล้ว
รู้สึกโล่งสบาย...จนมันพองคับอกกูแล้ว...คำว่ารักของมึง..ช่วยปลดแอกในใจกูออกทันที
กูบอกเลยนะวี..มึงกำจัดความกลัวให้กูแล้ว ยังช่วยไถ่โทษความผิดในใจกูด้วย กับสิ่งที่เคยทำกับมึงไว้
กูทำกับมึงปางตาย ทำลายศักดิ์ศรีของมึง ยัดเยียดเป็นผัวมึง มัดมือชกบีบคั้นมึงทุกอย่าง
คำว่ารักของมึงวันนี้ มีค่ากว่าคำว่าได้ให้อภัยกูเสียอีก มึงปลดปล่อยความผิดที่กินใจกูมาตลอด
ออกให้แล้ว เพียงคำพูดสามคำที่มึงบอกกู
‘มึงรักกู’ กูรอฟังคำนี้มาตลอดสองปีกว่า..สุดท้ายกูก็ได้ยินมัน...
เคยกลัวว่าสักวันมึงจะไปจากกู เมื่อเจอคนที่มึงรัก กูกลัววันนั้นที่สุด...หลอนกูมาตลอด...
กลัวจริงๆ...ดงตีนดงมือ..มีดปืนระเบิดกูลุยมาหมด ยังไม่รู้สึกกลัวเท่ากับเสียมึงเลย....ขอบคุณอีกครั้ง...ที่รักกู...
ทั้งที่กูไม่คู่ควรกับมึงสักนิด...แต่มึงยังยอมมอบใจให้กู..รักมึงว่ะวี...รักมาก.”
ผมปล่อยโฮ...แบบไม่เกรงใครได้ยินแล้ว ไม่อายเลยด้วยซ้ำ..ถ้าหากจะเข้ามาเห็นผมสภาพนี้
โผล่เข้าซบไหล่กลสิทธิ์กอดมันไว้แน่น คำพูดทุกคำที่มันถ่ายทอดมานั้น เล่นเอาผมจุกเสียดแน่นหน้าอกไปหมด
กวี...มึงโชคดีมากแค่ไหน..ที่มีคนที่รักมึงมากถึงเพียงนี้..รอมึงรักตอบมาตลอด..โดยไม่เคยเร่งเร้า
เซ้าซี้เอาคำตอบเลย ผมรู้ที่มันไม่บังคับให้ผมรักมัน เพราะคำว่าไม่คู่ควรของมันเพียงคำเดียว มันเคยทำกับผมไว้มาก
มันจึงรอผมอย่างคาดหวัง ไม่กล้าที่จะเร่งรัดให้ผมรักมัน จะมีใครบ้ารอเอาความรักจากผมได้อย่างมันอีก
คงหาไม่ได้อีกแล้วหละชาตินี้
ผมปล่อยมันรอมาตั้งนานได้อย่างไรกัน พระเจ้า!..นี่ผมทำร้ายมันมานานถึงเพียงนี้ จนเกือบจะเสียมันไป
ถึงได้รู้ใจตัวเอง ใครที่เคยมองว่าผมเป็นคนฉลาด เป็นคนมองโลกในแง่ดี...จงดูเอาเถิด..
คนฉลาดมองโลกในแง่ดี...เกือบสูญเสียโอกาสที่ได้มอบความรักให้กับผู้ชายซึ่งรักผมมาก
ดูตอนนี้สิ..ใช่ผมจะน้ำตาไหลร้องคนเดียวซะเมื่อไหร่ กลสิทธิ์มันก็น้ำตาไหลอาบแก้ม ยังอุตส่าห์มีน้ำใจ
เอามือมาเกลี่ยน้ำตาให้ผมอีก มันช่างอบอุ่นนุ่มนวลกับผมจริงๆ ทั้งที่บุคลิกของมันออกจะขัดกันยิ่งนัก นิสัยออกจะห้าว
มุทะลุโผงผาง..ดุเดือดเลือดพล่าน แต่สำหรับผมแล้ว..กลสิทธิ์อ่อนโยนเสมอ....
ไม่ต้องสนสถานที่ ไม่แคร์แล้วว่ามันคือห้องคนป่วยในโรงบาล เวลาเกือบชั่วโมงที่หมอเวรยังไม่มาตรวจ
เวลาที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายกำลังคุยกันอยู่ที่ไหนสักแห่ง มีเพียงผมกับมันเท่านั้น ปลดปล่อยเถิดหัวใจรักทั้งสองดวง
ให้ถักทอสายใยรักอย่างแน่นหน้า อย่ายึดติดจารีตประเพณีวัฒนธรรมธรรมเนียมใดๆเลย เมื่อรักก็คือรัก
ไม่จำเป็นต้องแบ่งแยกเพศหรือเผ่าพันธุ์อีกต่อไป ปล่อยสถานภาพพันธะทั้งหลายทั้งปวงให้เป็นกฎของสังคมมันเถอะ
แต่กฎของหัวใจขอมีแค่เราสองคนก็พอ
ตอนนี้..ผมกอดมันไว้แน่นบนเตียงนั่นแหละ ร้องไห้สะอึกสะอื้น...ไม่คิดว่าผมจะทรมานมันนานขนานนั้น
ให้มันอยู่อย่างหวาดระแวงรอความรักของผมมาตลอดสองปีกว่า ไม่เคยคิดหาเหตุผล..ว่าทำไมมันถึงดันทุรังมารอผมเลิกซ้อมทุกเย็น
ไม่สนใจหาคำตอบ..ว่าทำไมมันชอบตามผมยังกะปาท่องโก๋ ไม่เข้าใจว่าทำไมมันไม่ยอมปล่อยผมไปสังสรรค์กับเพื่อนนักกีฬา
หรือเพื่อนในคณะถ้าหากไม่ให้มันไปด้วย
ไม่เคยเข้าใจอะไรสักอย่าง...ว่าทำไมผมถึงไม่มีเพื่อนสนิทเหมือนสมัยเรียนพาณิชย์
เพิ่งรู้วันนี้เองว่าเพราะอะไร ผมทำร้ายมันมากจริงๆ ผูกมัดมันไว้ให้เอาตัวมาผูกติดกับผม มันเองคงขาดอิสระ
และการใช้ชีวิตส่วนตัวไปเช่นกัน แทนที่จะมีโอกาสทำกิจกรรมกับเพื่อนๆ หลังเลิกเรียนเหมือนนักศึกษาทั่วไป
แต่มันกลับมาเตะบอลอยู่กับนักศึกษาฯในมหา’ลัยผม เพื่อรอผมเลิกซ้อม
ต้องคอยมานั่งรอผมในยิมเวลาซ้อมดึก จนบางครั้งโดนแซวว่ามันเป็นรูมเมทหรือเป็นพ่อผมกันแน่ที่คอยตามมาคุม แต่มันก็ยิ้มรับ
ไม่ปฏิเสธหรือโมโหสักนิด มันทนทำสิ่งเหล่านี้มาสองปีกว่า ทั้งที่ไม่ใช่ตัวตนมันเลย ไม่ใช่สิ่งที่กลสิทธิ์ในอดีตจะสามารถทำได้
แต่มันกับทำได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย ไม่เอาเวลาไปหลีหญิงหม้อสาวเหมือนแต่ก่อน...หากไม่ติดธุระจำเป็นจริงๆ
มันไม่เคยที่จะไม่รอผมกลับหอด้วยกันทุกวัน กลกูผิดต่อมึงจริงๆ ที่ให้มึงรอ....มึงขอบคุณกู ที่บอกรักมึง
สิ่งที่กูควรบอกมึงเช่นกัน
“
อึก..อึก!..กูขอโทษ..ขอโทษที่ให้มึงรอมาตลอด..ขอโทษที่ทำให้มึงกลัว...กูไม่ชัดเจนพอ..
ทำให้มึงไม่มั่นใจ...ขอโทษจริงๆ กล..แม้วันนี้กูจะบอกมึงช้าไป...แต่ขอให้มึงรู้ไว้..คำว่ารักของกู...จะมีให้มึงคนเดียวตลอดไป
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น....ขอให้จำไว้เลยว่า...กูรักใครไม่ได้แล้ว..นอกจากมึง...ฮืออออๆๆๆๆ!!!.”
ใช่ครับ..ผมไม่ได้พูดเพราะอารมณ์ชั่ววูบ...แต่เพราะผมรู้ว่า..นับจากนี้ผมคงไม่สามารถรักใครแล้วจริงๆ
หากเราทั้งคู่ถูกกีดกันจากผู้ใหญ่..ไม่ให้คบกันต่อไป..เชื่อเถอะครับ..หัวใจดวงนี้ของ
กวี..สิงห์สุริยะ คงปิดตายไปชั่วนิรันดร์
เพราะถ้าไม่ใช่
กลสิทธิ์ จิรัติกาล แล้วหละก็...ไม่มีใครสามารถเปิดหัวใจผมได้แน่นอน....??????
ถึงผู้อ่านที่รักทุกท่าน นี่คือส่วนหนึ่งที่มาของเรื่อง ‘เพราะรัก...จึงเปลี่ยนได้’
กลเค้ายอมเปลี่ยนตัวตนเพื่อวีมากมาย แม้จะยังไม่ถึงคราวที่วีต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อพิสูจน์รักของเราก็ตาม
สำหรับกลเค้ายอมเปลี่ยนนิสัย เปลี่ยนพฤติกรรม เปลี่ยนหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดจากภายในเพื่อวี ถ้าเพราะกลไม่ได้รักวีมากแล้ว
เชื่อเถอะว่าไม่สามารถทำได้แน่นอน
ในขณะที่วีเอง เปลี่ยนไหม? ยอมรับว่าเปลี่ยนเหมือนกัน จนถึงตอนที่เปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต
คือเปลี่ยนจากชายกลายเป็นหญิง แต่เพราะรัก...จึงเปลี่ยนได้ รักคำเดียวจริงๆ ที่ทำให้คุณสามารถเปลี่ยนตัวตนคุณได้
เพื่อคนที่คุณรัก และคุณจะรู้ว่าความสุขที่ได้ไม่ใช่เกิดจากการเปลี่ยน แต่คือความสุขที่เราทำให้คนที่เรารักมีความสุข
และเราก็มีความสุขมากเช่นกันเมื่อเค้าคนนั้นก็รักเรามากด้วย
วีอยากให้น้องๆ เพื่อนๆ พี่ๆ ที่กำลังประสพปัญหาเรื่องความรัก ชีวิตคู่อยู่ในขณะนี้
ที่มีโอกาสเข้ามาอ่านเรื่องของวี + กล ลองมองปัญหาของเราสองคนเป็นตัวอย่าง วีเชื่อว่าแม้มันจะแตกต่างในเรื่องรายละเอียด..
แต่หากทุกคนรักกันจริง เสียสละและทุ่มเทให้ด้วยความมุ่งมั่นเพราะรักแท้แล้ว อุปสรรคปัญหาทั้งหลายย่อมมีหนทางคลี่คลาย
จนได้ในที่สุด แต่อย่างน้อยพื้นฐานความรักที่ว่า..ต้องรักแท้รักจริง ไม่ใช่เพราะเกิดจากลุ่มหลง นึกสนุก ต้องการเอาชนะ
หรือใช้ทิฐิเป็นที่ตั้ง แสวงหาเพียงผลประโยชน์กันนะค่ะ เพราะผลที่ได้จากการกระทำ...มันจะไม่ใช่สิ่งที่น่าภาคภูมิใจ
ทำให้จิตใจอิ่มสุขแน่นอนค่ะ ฝากแง่คิดตอนนี้ไว้ด้วยเช่นกัน
‘รักคือรัก ไม่ต้องสวยหรู..ไม่ต้องมีราคา..ไม่ต้องรอเวลา..และอย่าปล่อยโอกาสดีดี
ที่จะแสดงความรักของคุณให้ผ่านไป เพราะเวลาไม่เคยคอยใคร สุดท้ายจะมานั่งถอนหายใจ และนึกเสียดายที่วันนั้น
ไม่ได้แสดงความรักอย่างที่ใจต้องการ ไม่ว่าจะเป็นความรักต่อพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ บุคคลที่เราเคารพ เพื่อนสนิท
ญาติพี่น้อง และความรักสำหรับครึ่งชีวิตของเราเอง อย่ารอกันเลยนะค่ะ รู้สึกรักเสียแต่วันนี้
ก่อนที่คุณจะไม่มีโอกาสได้รักเลย’
ปราณวี จิรัติกาล.ต้นฉบับพี่วีตอนนี้ เล่นเอาอึ้งแดกอีกแล้ว
ตอนนี้เป็นตอนที่พี่บอกรักพี่กล
แกเขียนตามลำดับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ลุ้นกันต่อนะค่ะ...อูยยยยๆๆๆ..ลุ้นๆ เหมือนกัน
ช่วงนี้ภาษาพี่วีกับการถ่ายทอดแทบไม่ต้องพึ่งนู๋เลยอ่ะ
เล่นเอานู๋น้ำตาไหลเป็นปี๊ปเหมือนกัน
Luk.