เพราะรัก....จึงเปลี่ยนได้
Part 35
กลเปลี่ยนไป.
.
.
.
.
นับจากวันที่กลับจากสุพรรณฯ กระทั่งถึงวันนี้สองอาทิตย์กว่าเข้ามาแล้ว
เชื่อไหมว่า ‘กลสิทธิ์’ คนที่ผมเคยรู้จัก จะเป็นคนมีรสนิยมเกี่ยวกับการใช้ชีวิต...
ที่ผมต้องกลับมาคิดและเริ่มมองใหม่เสียแล้ว แรกเลยคือ..ผมคิดว่า..
มันต้องหงุดหงิดและต้องอยู่ไม่ติดห้อง อาจต้องใช้เวลาที่ต้องปรับนิสัยด้านนี้
แต่กลับผิดคาด...เพราะความจริงแล้ว ตัวตนกลสิทธิ์กลับเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง
ชอบชีวิตเรียบง่ายสบาย ๆ ดูหนังฟังเพลง โดยเฉพาะหนังตลกชอบมาก
และที่สำคัญเป็นคนเส้นตื้นมาก ๆ หัวเราะได้ตลอดขนาดมุกโครตฝืดยังหัวเราะขำเป็นเรื่องเป็นราว
อีกเรื่องคือ..กลสิทธิ์ชอบเพลงลูกทุ่งและชอบร้องเพลงลูกทุ่งเป็นพิเศษ..ในขณะที่วัยรุ่นสมัยนั้น..
ชอบวงสตริง วงไมโคร พงษ์พัฒน์ คาราบาว อะไรประมาณนี้
แต่กลสิทธิ์กับชอบก๊อตจักรพรรณ แถมร้องเพลงของก๊อตได้ดีจนน่าทึ่ง ร้องตอนอาบน้ำประจำ...
ทำเอาผมต้องศึกษากลสิทธิ์อีกหลายมุม อ๋อ!..มีอีกเรื่อง..เกมส์เพลย์ที่กลสิทธิ์อุตส่าห์ขนมาด้วยนั้น
ปรากฎว่ากลสิทธิ์เล่นไม่เอาถ่านเลยซะด้วยซ้ำ ซ้ำยังไม่ชอบเล่นอีกต่างหาก
เหตุผลที่เอามาด้วย เพื่อให้ผมรู้สึกว่าเค้าทันสมัย เคยเล่นด้วยกัน..
แต่พอเล่นแพ้ผม..กลับพูดว่าตัวเค้าไม่นิยมเกมส์ปัญญาอ่อนที่ไม่ประเทืองปัญญาซะว่างั้น
แต่ต้องยอมรับกลสิทธิ์เซียนมาก..ฝีมือขั้นเทพในการเล่นหมากฮ๊อทหรือหมากรุกไทย
ขนาดน้าข้างห้องที่มีโอกาสปะทะฝีมือหมากรุกกับกลสิทธิ์..ยังยกนิ้วให้
แถมชอบมาชวนไปประลองสมองกันออกบ่อย แต่กลสิทธิ์ก็ไปบ้างไม่ไปบ้างแล้วแต่รมณ์เค้า
ส่วนใหญ่ชอบเช่าตลกมานอนดูที่ห้องซะมากกว่า
บรรดาพวกไอ้ก๋อยไอ้ต่อฯลฯ เพื่อนกลุ่มเดิมพวกมันเรียนต่อปวส. โรงเรียนเก่านั่นแหละ..
ยังสุมหัวกันอยู่หอเดิม แต่กลสิทธิ์ไม่ได้ไปร่วมแจมกะเค้าอีกเลย พวกมันพยายามติดต่อ...
โทรไปตามกลที่บ้านเหมือนกัน แม่กลโทรมาเล่าให้ฟัง แต่กลมันก็ไม่ติดต่อกลับ
หนำซ้ำกำชับไม่ให้แม่บอกที่อยู่หอนี้..และห้ามให้เบอร์อีกตะหาก..สั่งเอาไว้ด้วยว่า..
ถ้าพวกนั้นโทรมาอีก..ให้บอกไปว่า..ตอนนี้กลสิทธิ์อยู่สุพรรณไม่ได้อยู่กรุงเทพฯ
เปิดเทอมโน้นถึงจะกลับมา เหตุผลนะหรือครับ มันบอกว่า..ถ้าต้องไปพบปะกันอีก
ก็ไม่พ้นเสียตังค์ซื้อเหล้า หารค่าเที่ยวเทคและปี้สาว เป็นเรื่องปกติที่พวกเค้าทำกัน
หนักหน่อยก็ไปมีเรื่องทะเลาะวิวาท อยากจะเปลี่ยนแล้วอยู่สงบ ๆ.. เลยขอห่างเพื่อนกลุ่มนี้หน่อย....
ผมเพิ่งเข้าใจว่า...ที่มันดิบ เถื่อน ห้าว กวน สถุล แท้จริงเป็นเพียงเปลือกนอก...
ทำไปตามกระแสสังคมเด็กช่าง หากไม่ทำแบบนั้น
ก็ต้องเป็นเบ๊คอยเดินตามหลังไอ้พวกกร่างให้มันจิกหัวใช้อีกด้วย อย่างเช่นไอ้นพ
ก่อนจะรู้จักกับกล ถึงขั้นต้องลงไม้ลงมือชกต่อยกัน...เลยโดนกลมันอัดเสียน่วม
มันถึงยอมให้กล ไม่งั้นกลุ่มไอ้นพก็กร่างกวนหาเรื่องกลเพื่อดึงเป็นเบ๊ในกลุ่มว่างั้น
พอข่าวที่กลซัดไอ้นพร่วง..แพร่ออกไป ตอนนั้นเพิ่งอยู่ปีหนึ่งกันเอง
ทำให้พวกไอ้ต่อ ไอ้วิทย์ ไอ้นัท ขอเข้ามาอยู่ในก๊วนมันทันที
เดิมมีกลกับไอ้ก๋อยสองคนที่จบม.3 แล้วพากันเรียนต่อสายช่างสองคน
ไม่มีเพื่อนที่โรงเรียนเก่ามาเรียนด้วยเลย นี่คือวีรกรรมของกลสิทธิ์..ที่ยอมเปิดปากเล่าให้ผมฟัง
มันเลยตัดสินใจเปลี่ยนสายเรียน หันมาเรียนสายบริหารการจัดการมหาลัยเอกชนดังซะงั้น
ทั้งที่มันเรียนไฟฟ้ามาแท้ ๆ แต่ผมก็เข้าใจนะ...ระดับมหาลัยหากต้องต่อสายเดิมก็ต้องวิศวะเลยหละ
ดูเกรดเฉลี่ยที่กลมันจบมา ได้แต่ส่ายหัวให้ 1.9 แล้วจะเรียนวิศวะได้ยังไง
แต่ก็ต้องยอมรับอย่าง...พวกระบบไฟฟ้า ซ่อมบำรุงเดินสายไฟวงจรไรพวกเนี๊ยะ
กลมันมีความสามารถมาก แถมเครื่องใช้ไฟฟ้าบางอย่างมันก็ซ่อมได้
เมื่อสามวันก่อนเตารีดห้องน้าที่ชอบชวนมันโขลกหมากรุก..เกิดไม่ร้อนขึ้นมาซะงั้น
แกตัดสินใจจะซื้อใหม่แล้ว แต่กลยังหิ้วมารื้อออกดู..เอาชุดเครื่องมือที่มี
จัดการซ่อมใช้งานได้เรียบร้อยเหมือนเดิม แกให้ค่าเสียเวลาตั้งร้อยหนึ่งแหนะ
มันไม่เอาแกก็คะยั้นคะยอให้...มันเลยเอามายื่นให้ผม บอกเป็นค่าขนมซะงั้น
ผมก็มือไว....รีบหยิบเข้ากระเป๋าทันที มีหัวเราะขำผมอีก แถมหยอกปิดท้ายว่า
“สงสัยกูคงจะรวย...แม่งมีแฟนงก เก็บตังค์เก่งฉิบหาย” ก่อนจะส่ายหัวเหมือนระอากับความงกของผม
เดินไปนั่งเปิดดูตลกต่อหน้าตาเฉย ส่วนผมหน้าแดงไปตามระเบียบ มันคิดไปไกลขนาดนั้นเลยเหรอ
ผมยังไม่คิดไรเลยเรื่องผมกับมัน ถึงจะเกินเลยกันมานับไม่ถ้วนแล้วก็เหอะ
ถึงจะตกลงเป็นแฟน ถึงจะแลกแหวนรุ่นแทนคำสัญญา แต่ผมก็คิดเสมอว่ามันเป็นไปได้ยาก
เพราะเราทั้งคู่มีภาระครอบครัว..ซึ่งคงไม่ยอมรับเรื่องที่จะรักกันเป็นแน่
แต่ก็ไม่ได้แย้งขัดคอมันหรอกครับ เพราะคิดว่ามันยังไม่ถึงเวลา ปล่อยทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติดีกว่า
ถึงเวลาคงมีการเปลี่ยนแปลงเอง ตอนนี้เหมือนเราเป็นรูมเมทกัน...ผมมีมันอยู่ด้วยเพียงคนเดียวตอนนี้
พี่สาวผมมีโทรมาสองสามวันครั้ง ส่วนใหญ่กลมันมักเสนอหน้าคุยด้วยทุกครั้ง
รู้สึกจะคุยเข้ากันกับพี่ผมซะจริง จนบางครั้งผมยังแอบหมั่นไส้มันชะงั้น มีบอกนัดพี่ผมอีก
ว่าจะขับรถไปเยี่ยมที่นครสวรรค์ หลังสอบกลางภาคแล้ว ตอนนี้ไม่สะดวก
เนื่องจากอีกสองวันผมต้องซ้อมบอลกับมหาลัยเพื่อฟื้นฝีมือก่อนมหาลัยเปิด
มันเลยขอเป็นหลังสอบ...ซึ่งคงได้หยุดสองสามวันจะได้ไปกับผม คิดเองเอ่อเองเสร็จสรรพ
ไม่ถามความเห็นผมสักคำ นี่แหละยี่ห้อกลสิทธิ์เค้าหละ ชอบบัญชาการจนติดเป็นนิสัย
ข้อนี้พฤติกรรมยังไม่เปลี่ยนในระยะสั้น คงต้องใช้เวลาหน่อย
ผมเริ่มซ้อมบอล มันก็ตามมารอข้างสนามด้วย รุ่นพี่ปีสี่ที่ทำหน้าที่ดูแลการซ้อมเลยรู้จักมันไปด้วย
ระดับมหาลัยเค้าไม่แยกซ้อมชายหญิงเหมือนสมัยผมเรียนปวช. ที่นี้เขาซ้อมรวมเลย
ดังนั้นนักกีฬาของมหาลัยที่ได้โควต้า...ทีมหญิงทีมชายรวมรุ่นพี่เกือบสามสิบคนได้
สองสามวันแรกไม่ได้ซ้อมหนักไรมาก เป็นการวอร์มเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
และก็เล่นทีมกันเบา ๆซะมากกว่า เลิกซ้อมประมาณทุ่มหนึ่ง
ดีหน่อยที่มหาลัยไม่ซ้อมหนักเลิกดึกเหมือนสมัยเรียนปวช. พวกพี่เค้าก็ชวนไปกินน้ำแข็งใสต่อ
ถือโอกาสกินข้าวไปด้วยแถวใน..ม.นั่นแหละ มีร้านขายข้าวหลายร้าน
พวกนักศึกษาที่ลงซัมเมอร์ก็อาศัยกินกันที่นี่ประจำ พวกผมกลุ่มนักกีฬาอาศัยฝากท้องที่นี่ด้วย
ซึ่งก็มีนักกีฬาหลายประเภทที่พากันมากินหลังเลิกซ้อม คนก็คึกคักพอสมควร....
กลมันก็เนียนไม่ถึงอาทิตย์มันตีสนิทกับพี่ ๆ และรุ่นเดียวกันที่เพิ่งเข้าปีหนึ่งเป็นน้องใหม่ในทีม
ลืมบอกไปสาว ๆ ทีมหญิงรู้สึกจะสนใจกลมันเป็นพิเศษ เพราะตอนนี้มันไว้ทรงผมสกินเฮด
คิ้วเริ่มหนาแล้ว ทำให้หน้ามันเข้มไปอีกแบบ ยิ่งเคราครึ้มตามไรหนวดของมันอีก
ไม่ต้องบอกไอ้ดำมันเด่นมาก เพราะมีมันเพียงคนเดียวที่ต่างมหาลัย
ทุกคนเข้าใจว่ามันกับผมเป็นรูมเมทและเพื่อนสนิทกันตั้งแต่มัธยม
ตามเรื่องแต่งเก่ามาเล่าใหม่ต่อเนื่องไม่จบสิ้น ผมไม่ได้รู้สึกหึงหวงเลยนะ
เพราะมันไม่รู้สึกจริง ๆ รุ่นพี่ปีสองคนหนึ่งชื่อพี่จอย แสดงออกชัดเจนว่าสนใจมัน
ชอบมานั่งข้าง ๆเวลากินข้าว ชวนมันคุยตลอด มันเองก็คงดูออกว่าพี่เค้าทอดสะพานให้
ยิ่งตอนมันมารอผมซ้อม ทีมชายเล่นทีมในสนามผมต้องลงไปจ่ายบอล
มักเห็นพี่จอยนี่แหละ..นั่งกะมันริมสนามคุยออกรสออกชาดแบบไม่สน..ว่าใครจะมองยังไง
มีวันหนึ่งกลมันขับรถมา ปกติผมกับมันจะจ๊อกกิ้งกันเอา เพราะหอผมกับมหาลัยไม่ไกลกันมาก
เป็นการวิ่งออกกำลังกายไปด้วย มันก็ชอบวิ่งเหมือนกัน ความเห็นตรงกันประหยัดน้ำมัน
ตอนขากลับก็ถือโอกาสเดินย่อยหลังกินข้าวอิ่ม แต่วันนั้นเลิกซ้อมจะแวะซุปเปอร์ซื้อของใช้ใส่ห้อง
พวกแฟ๊ปสบู่ ยาสีฟัน และของสดเล็ก ๆน้อย ๆ เผื่อผมไว้ทำกับข้าวบ้าง
เลยตัดสินใจขับรถมา พอพี่จอยรู้ว่ากลมันมีรถ พี่แกกระดี๊กระด๊าออกอาการใหญ่
เค้าถึงว่าสมัยนั้นผู้ชายลองมีรถขับ ไม่ต้องกลัวจะขาดตุ๊กตานั่ง
ขากลับคุณพี่ขอติดรถไปต่อรถเมลล์..ตรงป้ายที่เธอบอกเป็นทางผ่านด้วย
เธอขอนั่งหน้าคู่มันซะงั้น รถกลมันสามประตูคนนั่งหลังต้องขึ้นก่อน
แล้วถึงเลื่อนเบาะให้คนนั่งหน้าขึ้น เธอให้เหตุผลว่าเวลาจอดริมถนน รถจะติดหากให้ผมนั่งคู่กับกล
เพราะต้องลงและคอยเลื่อนเบาะให้เธอลงอีกที มันจะช้าเมื่อมีเหตุผลผมเลยจำนนคำพูด
ปล่อยเธอนั่งยิ้มหน้าระรื่นชวนกลมันคุยจ้อ แถมเปิดเพลงฟังอีกตะหาก
ผมเองถึงจะนั่งรถกลมันออกบ่อย ยังไม่เคยถือวิสาสะหยิบจับอะไรของมัน...
หรือรื้อค้นแกะรถมันเลยสักครั้ง แต่พี่จอยเธอไม่สน ทำยังกะนักสืบซะงั้น
ตรงไหนมีให้เปิดเธอเปิดดะ ที่กลมันไม่ว่า..เพราะเห็นว่าเป็นรุ่นพี่มหาลัยผม
ทั้งที่จริงมันไม่ชอบผู้หญิงจุ้นจ้านแบบนี้ มีแค่เปรยให้ฟังว่าไม่ใช่สไตล์ผู้หญิงที่มันจะเอา
ถ้าเธอมาได้ยินคงกรี๊ดสลบ....
ใช่ว่ากลมันไม่เป็นสุภาพบุรุษหรอกนะครับ เหมือนเอาผู้หญิงมานินทาลับหลัง
แต่บางครั้งผมเข้าใจว่า เรื่องบางเรื่องผู้ชายก็ไม่สามารถตำหนิผู้หญิงได้ตรง ๆหรอก
องค์ประกอบปัจจัยรุ่นพี่รุ่นน้อง...เรื่องผลกระทบกับผมอีกนั่นแหละ เพราะผมต้องเรียนที่นี่
ทำให้มันรักษามารยาทไม่ได้ตำหนิพี่เค้าไป แต่มันก็ไม่ได้แสดงอะไรในเชิงให้ความหวังเค้านะ....
ผมฟังการพูดคุยที่มันโต้ตอบพี่เค้าก็พอรู้ เพียงแต่พี่จอยเธอออกตัวแรงไงครับ
เธอไม่สนใจคงคิดว่าตื้อเท่านั่น..เดี๋ยวเรียบร้อยเองละมั้ง ผู้หญิงบางคนเค้าคิดแบบนี้จริง ๆ
ดูการกระทำที่พยายามตีซี้ทุกวิถีทาง โดยไม่สนว่าผลจะออกมายังไง
มีผู้หญิงประเภทนี้อยู่หลายคนที่คิดกันแบบนี้ หนึ่งในนั้นที่ผมเคยเจอมาแล้ว...
คือคุณกุ้งนางไงหละ..................????????
ตอนนี้มาแบบสบายๆ ให้รู้จักตัวตนพี่กลเพิ่มขึ้น
Luk.[/b]