เพราะรัก....จึงเปลี่ยนได้
Part 32
โอกาส...
.
.
.
.
ตอนนี้ผมนั่งอยู่ในศาลาท่าน้ำบ้านตายายของเหี้ยกลที่สุพรรณ
โทษทีครับ..ว่าจะฝึกให้มันเปลี่ยนพฤติกรรมจากสัตว์เลื้อยคลานมาเป็นอาชา
เรียกนามมันใหม่ดีกว่า..บ้านตายายของกล....หลายคนคงแปลกใจนึกสงสัยว่า..
ผมมานั่งอยู่นี้ได้ยังไง....เริ่มจากตรงไหนดี เอาเป็นว่า..ต่อจากที่กลมันบอกรักผม
และขอให้ผมรับรักมัน คิดว่าไงกันครับ...ผมจะตอบแบบไหน ลองมาฟังกันดีกว่า....
“กล..กูคง..รับรักมึงไม่ได้หรอก” หน้ามันเจื่อนลงทันที หันกลับไปมองถนนตรงหน้า
นั่งนิ่งเงียบกริบ ผมรู้ว่ามันคงเสียใจ..และสะเทือนใจมาก มันเพิ่งบอกอยู่แหม่บ ๆ
ว่าตัดสินใจเลือกจะรักผม เพราะมันขาดผมไม่ได้ และไม่ต้องการให้ผมปฏิเสธความรักมันด้วย
เราต่างนั่งเงียบ..กว่าสิบนาที ในที่สุด..ผมเป็นฝ่ายเอ่ยปากพูดขึ้นมาก่อน
หลังจากคิดทบทวนอะไรเงียบ ๆ จึงได้คำตอบบางอย่าง........
“แต่กู...ยินดีให้โอกาสมึง...ลองคบกับกู..มะ..เหมือน..เหมือนที่มึงต้องการ” พูดเสร็จ
มันหันหน้ามามองผมขวับ..ตาจ้องผมค้าง เหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
ผมรีบเมินมองออกด้านข้างให้ไว เชี้ยเอ้ย!..ทำไมกูรู้สึก...เขิล..มันว่ะ!
“มึงพูดอีกทีดิ ให้กูฟังชัด ๆได้ไหม?” มันขอให้ผมพูดอีกรอบ เสียใจว่ะ!..ชั่วโมงนี้
หนังดีฉายรอบเดียว...คือผมไม่ได้รับรักมัน สาเหตุเพราะผมไม่รู้ว่ารักมันหรือเปล่า
ลองถามใจตนเองวินาทีนั้น คำตอบที่ได้..ผมไม่ได้รักมัน ออกจะรังเกียจนิสัยส่วนตัวของมัน
หลาย ๆ อย่างซะด้วยซ้ำ แต่ที่ให้โอกาสมัน..คบผมในฐานะคนรักหรือแฟนอย่างที่มันต้องการ
เพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ผมน่าจะใช้โอกาสนี้ปรับเปลี่ยนพฤตินิสัย..เหี้ยกล..จากสัตว์เลื้อยคลาน
ที่สังคมรังเกียจ ให้ขึ้นมาองอาจผงาดเป็นสัตว์ชั้นสูง...อย่างชายชาติอาชาไนยกับเค้าได้บ้าง...
ผมน่าจะลองดู..หากมันรักผมจริงเหมือนที่พูด มันต้องเปลี่ยนเพื่อผมได้ ผมเชื่อว่าคนเรา..
ถ้ารักกันจริงแล้วล่ะก็..ไม่ยากที่จะเปลี่ยน..นอกเสียจากมันโกหก
เพราะผมเชื่อเสมอ ‘
เพราะรัก...จึงเปลี่ยนได้’
ส่วนหนึ่งที่ได้ปฏิเสธมันไปตอนแรก...คือปัญหาที่กลมันพูดมาทั้งหมด
ก็เป็นปัญหาครอบครัวผมเช่นเดียวกัน ถึงแม้บ้านผมจะมีลูกมาก
พี่ชายถึงสามคนน้องชายอีกสอง รวมผมเป็นหกเข้าไปแล้ว
แต่อย่าลืมสมัยนั้น..คงไม่มีใครเดินยิ้มได้หน้าระรื่นเชิดคอตั้ง อวดศักดาว่าพี่น้องกูเยี่ยม
รักกับเพศเดียวกันได้หรอกจริงไหม...
พอมันรู้จุดประสงค์ที่ผมให้โอกาสมัน โดยยังมีเส้นชัยรออยู่ข้างหน้า..เพราะผมบอกไปว่า
ถึงวันนี้ผมไม่นึกรักมัน...แต่อนาคตไม่แน่...อาจจะรักมันก็ได้
ขอแค่ให้มันทำตามเงื่อนไขสัญญาใจกับผมได้สำเร็จ การคบกันในฐานะคนรัก...
เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป เงื่อนไขสัญญาใจที่ผมกำหนดง่าย ๆสามข้อ..มีดังนี้
1.ต้องปรับเปลี่ยนแก้ไขนิสัยส่วนตัว รู้จักให้เกียรติ์ตัวเองและผู้อื่น..อันนี้สำคัญมาก
หาก..ให้เกียรติ์ตนเองเป็น..ให้เกียรติ์ผู้อื่นได้ ความเอาแต่ใจ เห็นแก่ได้ เห็นแก่ตัว
ก็จะหมดไปในที่สุด กลจะกลายเป็นคนมีสำนึกดีและคุณธรรมดีงาม
รวมถึงจะไม่ยึดเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง หรือไม่เห็นคุณค่าความสำคัญของใคร ๆ อีกต่อไป
2.ต้องเลิกพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดยา การพนัน เจ้าชู้..มั่วผู้หญิง
และสังคมเสเพลนับแต่บัดนี้เป็นต้นไป
3.ห้ามใช้อารมณ์ตัดสินปัญหา ต้องใช้ปัญญาเป็นที่ตั้ง ต้องเชื่อฟังและให้เกียรติ์ซึ่งกันและกัน
ทั้งต่อหน้าและลับหลัง พึงระลึกไว้เสมอว่า
‘
ของๆ กลสิทธิ์..คือของๆ กวี...ของๆกวี..ก็ย่อมเป็นของๆกวี’.....อันหลังนี้ผมเน้นมาก
เพราะไว้บังคับกลมันภายหลังได้แน่นอนกว่า
เงื่อนไขสัญญาใจ สลักไว้ในใจของเราทั้งคู่ หากวันใดกลผิดสัญญา ทุกอย่างเป็นอันโมฆะ
ผมจะออกไปจากชีวิตกล โดยไม่เหลือแม้แต่นิยามคำว่า ‘
เพื่อน’ ให้เป็นอันขาด
จากนั้นเราก็แลกของสำคัญ..ไว้แทนคำสัญญาและใช้เป็นหลักฐาน
เมื่อใดก็ตาม..ฝ่ายหนึ่งผิดคำสัญญา ให้อีกฝ่ายแสดงของสิ่งนี้เพื่อบังคับให้อีกฝ่าย
กระทำการตามสัญญา...โดยไม่มีเงื่อนไขต่อรองเป็นอันขาด................
ผมกับกลแลกของไว้ให้กัน กลใช้แหวนรุ่นเด็กช่างของมันสวมนิ้วให้ผม (ซึ่งสมัยนั้น..พวกเด็กช่างกล
เค้าถือมาก..แหวนรุ่นของใครต้องเก็บไว้ให้คนที่รักเท่านั้น) ซึ่งกลมันใส่ไว้นิ้วนางข้างขวา
แต่พอสวมที่นิ้วผม..ล่อนิ้วกลางข้างซ้าย นิ้วมันใหญ่กว่านิ้วผมอีกหน่ะ
ส่วนผมใช้แหวนรุ่นเด็กพาณิชย์ (สมัยนั้น..เด็กพาณิชย์ สั่งแหวนรุ่นไว้กันทีหลายวง..เพื่อเก็บสะสม..
หรือแจกเพื่อนหรือคนที่นับถือ..แต่ผมประหยัดตังค์..สั่งแค่วงเดียว) สวมที่นิ้วนางข้างซ้ายกล
ได้พอดิบพอดี ปกติผมสวมนิ้วกลางข้างซ้าย มันพอดีนิ้วนางข้างซ้ายของกลสิทธิ์แป๊ะ!...
เรามองตากัน..แล้วมันก็จูบหน้าผากผมทีหนึ่ง จากนั่นก็ยิ้มหน้าระรื่น ออกรถขับตรงไปบ้านมันทันที
มันบอกไม่ต้องกังวลเรื่องเสื้อผ้า ไปเลือกของมันที่บ้านใส่ไปก่อน เพราะเสื้อผ้าของมัน..ไซร้ที่ผมใส่ได้
มีเยอะแยะ...ส่วนของใช้ส่วนตัว..ใช้กะมันนั่นแหล่ะ..ยกเว้นแปรงสีฟันกับกางเกงใน..ที่แวะจอดรถซื้อ
ให้ผมตรงห้างฟิวเจอร์ปาร์คบางแคสามตัว ก่อนตรงดิ่งยิงยาวไปหนองแขม ถึงบ้านมันร่วมหกโมงเย็น
คุยธุระแผนการเดินทางกับแม่มันเสร็จ ถึงได้เข้านอน..เพราะพรุ่งนี้เช้าเก้าโมง
แม่ให้มันขับรถ Ben ของแม่มันแทน..ตรงไปเยี่ยมตามันที่โรงบาลทันที
ณ ตอนนี้ผมถึงได้รู้ว่า...พ่อกับแม่กลแยกทางกัน น้องสาวไปอยู่กับพ่อที่ชัยนาท
เพราะพ่อทำไร่ทำสวนที่นั่น พร้อมกับมีครอบครัวใหม่แล้วด้วย
แถมมีน้องต่างท้องแม่ให้กลเป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่ง อายุ 7 ขวบกับ 4 ขวบ
ส่วนน้องสาวกลเพิ่งอายุ 14 เรียนม. 2 ฐานะของพ่อกลกับแม่ใหม่
ถือว่าเป็นคนมีกะตังค์เหมือนกัน ส่วนกลมันอยู่กับแม่ ซึ่งก็แต่งงานใหม่
พ่อเลี้ยงของกลเป็นวิศวกรบริษัทฯ ใหญ่รับเหมาก่อสร้างโครงการของรัฐฯ
แม่กลมีน้องไม่ได้แล้วเพราะทำหมันตั้งกะคลอดน้องสาวของกล พ่อใหม่มีลูกติดสองคน
เป็นหญิงทั้งคู่ อายุ 20 กับ 16 ปี และคนพี่ดันแอบหลงรักกลมันอีก มันถึงไม่ชอบอยู่บ้าน
หนีไปอยู่ข้างนอกเสียส่วนใหญ่ เคยถูกลูกสาวพ่อเลี้ยงแอบย่องเข้าหามาแล้ว แต่มันไม่ได้ทำอะไร
ชิ่งหนีดื้อ ๆซะงั้น มันไม่อยากสร้างปัญหาให้ครอบครัวของแม่ ความสัมพันธ์ของกลกับครอบครัว
เป็นอย่างที่เล่าให้ฟัง กลไม่มีปัญหาด้านค่าใช้จ่ายส่วนตัว ทั้งพ่อทั้งแม่ต่างส่งให้ทุกเดือน
กลมีเงินใช้ส่วนตัวเดือนละแปดพันบาท เท่ากับอาทิตย์ละสองพัน สมัยนั้นถือว่าเยอะมาก
มันถึงมือเติบหน้าใหญ่สุรุ่ยสุร่าย เลี้ยงเพื่อนไงล่ะครับ เทียบกับผมเดือนละสองพันต่างกันริบลับ
ส่วนนี้ไม่รวมค่าเช่าหอพัก ซึ่งแม่มันให้อีกต่างหาก ที่นี้พอเข้าใจพื้นฐานครอบครัวของกลแล้วนะครับ
กลับมาปัจจุบัน ตอนนี้ผมนั่งอยู่คนเดียวศาลาริมน้ำบ้านตายายของกล กลเป็นหลายชายคนแรก
และเป็นหลายคนโต..ซึ่งตากับยายรักมาก ถึงขนาดแบ่งที่ดินที่สุพรรณซึ่งเค้าใช้ปลูกแห้วกว่าสิบไร่
เป็นชื่อกล..ทั้งสองท่านแก่ตัวมากแล้ว ตอนนี้กลมันอยู่เฝ้าตาที่โรงบาล ผมมาเป็นเพื่อนแม่
หาซื้อของสดทำกับข้าว สักสี่โมงเย็นถึงจะไปหากลมันที่โรงบาลอีกครั้ง
ที่ไม่ได้อยู่ด้วยเพราะญาตพี่น้อง อยากให้กลใช้เวลาช่วงนี้อยู่ดูแลตาเป็นครั้งสุดท้าย
หลังจากกลมาถึง..ตามันก็พูดไม่ได้แล้ว ได้แต่นอนมองกลน้ำตาไหลอาบแก้ม
ปากจมูกเสียบสายอ๊อกซิเจน ชีพจรเต้นช้าลงมาก แต่ท่านก็รับรู้ว่ากลมันมาแล้ว
มันก็นั่งข้างเตียงกุมมือตาไว้...คุยให้ตามันฟังสองคนตาหลาน ถึงตาจะพูดตอบมันไม่ได้
แต่ท่านก็เข้าใจและรับฟังสิ่งที่มันพูดรู้เรื่อง หมอบอกว่าไม่แน่อาจไม่พ้นคืนนี้
เพราะร่างกายท่านภายในไม่ทำงานแล้ว อยู่ได้ด้วยกำลังใจล้วน ๆ
คงเพราะท่านแข็งใจรอเจอหลานรักคือกลมันเอง.........
ติดตามกันต่อไป....
Luk.
ปล. เกือบลืม...พี่วีฝากบอกมาว่า ขอบคุณเม้นท์ฯ ทุกเม้นท์ที่นักอ่านแสดงความคิดเห็นร่วม
เพราะพี่วีเค้าชอบอ่านเม้นท์มาก ทำให้แกได้กลับไปคิดถึงอดีตได้แจ่มแจ้งชัดแจ๋วมากขึ้น
เหมือนเป็นตัวกระตุ้นว่างั้น........