ตอนที่ 30
ตอนนี้ผมนอนอยู่ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งครับ ผมไม่ทราบว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง.....ผมตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองถูกห้อยสายน้ำเกลือพะรุงพะรังแถมยังอยู่ในชุดยูนิฟอร์มของโรงพยาบาลอีกด้วย พอผมสูดหายใจเข้าลึกให้อากาศเต็มปอดจมูกผมก็ได้กลิ่นน้ำยาค่าเชื้อที่เป็นเอกลักษณ์ของโรงพยาบาลทุกแห่งมันทำให้ผมรู้สึกกระอักกระอวนครับ ก่อนที่ผมจะพยายามรวบรวมสติกลับเข้ามาอาการปวดจี๊ดตรงขมับก็กำเริบเข้ามา
ผมอยู่ที่นี่......แสดงว่า! ผมไม่ได้อยู่กับพวกอันธพาลพวกนั้นแล้วสินะครับ.....ผมไม่ต้องถูกทำเรื่องน่ากลัวพวกนั้นแล้วใช่มั้ยครับ.... แต่ถึงอย่างนั้น! ผะผม....ผมก็ยังรู้สึกไม่ดีอยู่ดีที่คนๆ นั้น มันแตะต้องร่างกายของผม.....ฮึก สกปรก...ร่างกายผมมันเหมือนสกปรกอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้แค่คนพวกนั้นจะแค่สัมผัสก็ตาม.... ผมรอดมาได้เพราะพี่ทิวามาช่วยผมไว
พะพี่ทิวา! ใช่แล้ว! ตอนนั้นพี่ทิวาถูกคนพวกนั้นทำร้าย! ทำไมผมไม่นึกให้ได้เร็วกว่านี้นะ!
“พี่ทิวา!!!!”ผมลุกขึ้นนั่งพรวดร้องเรียกชื่อพี่ทิวาออกมา หัวใจผมเหมือนโดนกรีดเมื่อภาพที่คนชื่อเคใช้มีดแทงพี่ทิวาจากด้านหลังต่อหน้าต่อตาผม
โหดร้าย....โหดร้ายจริงๆ....ฮึกๆ ฮือๆ
“ตื่นแล้วเหรอเดย์! เจ็บตรงไหนปวดตรงไหนรึเปล่าห๊ะ!”คนที่วิ่งพรวดมาหาผมจากโซฟาสีขาวมุมห้องคือพี่ไนท์ครับ สีหน้าของพี่เป็นห่วงผมมากเลยล่ะครับ
“ผมไม่เป็นอะไรแล้วครับพี่........”ตอนนี้ขอบตาของผมมันร้อนผ่าวขึ้นมา จะร้องไห้เสียให้ได้เลยครับ แค่เพราะสีหน้าพี่ไนท์ที่มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยท่าทีเป็นกังวล ก่อนจะลูบหัวผมด้วยความอ่อนโยน
“แน่ใจนะว่าไม่....พี่เป็นห่วงมาก มากจนนอนไม่หลับทั้งคืน พอรู้เดย์หายไปจริงๆ พี่เหมือนจะเป็นบ้า....หาทั่วบ้านไม่เจอจนพี่ไม่รู้จะทำยังไงดี รอตอนเช้าก็ยังหาเดย์ไม่พบ.....”พี่ไนท์พูดรัวมองผมด้วยดวงตาใสที่คลอไปด้วยหยาดน้ำตาบางๆ“.....พี่ไปบอกไอ้ทิวา ไม่รู้ทำไมถึงไปที่นั่น.....แล้วก็คิดว่าไม่อยากทิฐิอีกด้วย พี่ต้องพึ่งมันในตอนนั้น อย่างน้อยมันก็เคยบอกว่า...ว่ารักเดย์ มันคงช่วยได้ เหอะ!”พี่ไนท์หัวเราะฝืดในลำคอเหมือนคิดอะไรบางอย่างที่น่าขำแต่ขำไม่ออก ผมปล่อยให้คนตรงหน้าพูดเท่าที่ต้องการ “.....ไม่อยากเชื่อว่าคนที่ช่วยเดย์ไว้กลับเป็นมัน....พี่เป็นพี่แท้ๆ แต่ช่วยอะไรไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้....รู้สึกเจ็บใจจริงๆ ที่ต้องพึ่งไอ้ทิวา......”
“ไม่หรอกครับ...พี่ทำดีที่สุดแล้วผมเชื่ออย่างนั้น.......”
พี่ไนท์ซุกหน้าลงบ่นไหลผม น้ำอุ่นๆ ตรงไหลทำให้ผมรู้ว่าผู้ชายที่หัวรั้น ไม่ยอมคนตรงหน้ากำลังหลั่งน้ำตาเพราะความเป็นห่วงน้องที่ไม่เอาไหนอย่างผม ถึงพี่ไนท์จะไม่เอ่ยปากพูดว่าเป็นห่วงผม.....แต่ผมก็รู้ครับว่าไม่มีทางที่พี่ไนท์จะไม่ห่วงผมเด็ดขาด.....ก็เพราะว่าเป็นพี่ยังไงล่ะครับ ผมถึงคิดแบบนั้น.....
“ขอโทษนะ.....”
“ไม่ต้องขอโทษผมหรอกครับพี่.....”
“ขอโทษ....ขอโทษที่ทิ้งเดย์ไว้คนเดียวในตอนนั้น ถ้าพี่อยู่พวกคนไม่ดีพวกนั้นคงไม่กล้าจับเดย์ไป....เพื่อนไอ้ทิวาบอกว่ามันจับเดย์ไปเรียกค่าไถ่....แต่ถึงจะเสียเงินเพื่อแลกกับชีวิตเดย์พี่ก็ยอม”
จับตัว...เรียกค่าไถ่อย่างนั้นเหรอครับ....แสดงว่าเรื่องนี้พวกพี่ๆ คงไม่ได้บอกความจริงพี่ไนท์ แต่ผมว่าดีแล้วล่ะครับพี่ไนท์จะได้ไม่เป็นห่วงผมไปมากกว่านี้ เพราะถ้าเรื่องจริงพี่ไนท์คงรับไม่ได้เด็ดขาด
“พี่ไนท์ครับ.....ละแล้ว....เอ่อ....”
“มีอะไรจะพูดก็พูดมาเถอะ”
“พี่จะว่ารึเปล่าครับถ้าผม....”ผมหลบตาลงต่ำหวั่นคนตรงหน้าเมื่อผมพูดออกไป แต่ยังไงซะผมก็อยากจะทำแบบนี้อยู่ดี“ผมจะถามว่า....พี่ทิวาล่ะครับ พี่ทิวาอยู่ที่ไหน ผมจะเจอได้รึเปล่า....ก็เพราะว่าพี่ทิวาน่ะช่วยผมไว้ครับ แล้วพี่ทิวาก็บาดเจ็บผมเห็นกับตาตัวเอง ผมอยากไปหาให้แน่ใจว่าพี่ทิวาไม่เป็นอะไร.....”
“มานี่สิ.......พี่จะพาไปเอง”พี่ไนท์ส่งมือให้ผมครับ ผมมองพี่อย่างทึ่งๆ ก่อนที่พี่ไนท์จะเข้าประคองผมให้ลงจากเตียง
“พี่ไม่โกรธผมเหรอครับที่ผม.....”
“........”พี่ไนท์ส่ายศีรษะเบาๆ แล้วยิ้มให้ผม นั่นถึงกับทำให้ผมโผเข้ากอดคนตรงหน้าทั้งตัวอย่างดีใจเลยครับ
พี่ไนท์ไม่โกรธพี่ทิวาแล้วจริงๆ เหรอ.....ผมอยากให้มีวันนี้มาตลอดเลยครับ
“เฮ่! ดีใจเกินไปเดี๋ยวมีงอน พี่ชายตัวเองอยู่ตรงนี้แท้ๆ”
“ขะขอโทษครับ....เอ่อ....แล้วพี่ทิวาอยู่ไหนเหรอครับ”ทันทีที่ผมถามสายตาพี่ไนท์ก็หลบการจ้องมองของผมทันที สีหน้าของพี่ไนท์ดูเศร้าและกังวลเกินกว่าผมจะเข้าใจความหมายและท่าทีเช่นนั้น“มีอะไรเหรอครับ.....”
“เปล่า.....จะไปก็รีบไปเถอะเดี๋ยวจะถึงเวลาทานยาซะก่อน.....”
“ครับพี่......”
“ส่งตรงนี้นะ”พี่ไนท์พาผมมาไม่ใกล้ไม่ไกลจากห้องของผมนักถัดมาประมาณห้าห้องถึงจะได้ครับ ดูสีหน้าพี่ไนท์แล้วคงไม่อยากเข้าไปจริงๆ ผมก็ไม่บังคับครับ แค่พี่ไนท์ยอมพาผมมาถึงหน้าห้องพักฟื้นพี่ทิวาตรงนี้ผมก็ดีใจแล้วครับ ไม่หวังการยอมรับที่เกินกว่าเหตุหรือมากกว่านี้หรอกครับ
“ขอบคุณครับพี่”
“จะกลับแล้วบอกนะ พี่จะไปรอที่ห้อง อ่ะ! โทรศัพท์ โทรมา....”
“ขอบคุณครับ เสร็จแล้วผมจะรีบโทรไปนะครับ”ผมพูดเสร็จพี่ไนท์ก็เดินจากไป ไม่ทันที่ผมจะผลักประตูบานหนาที่มันหนืดด้วยซ้ำ แถมตอนนี้มือข้างหนึ่งของผมยังต้องประคองขวดน้ำเกลือครึ่งขวดด้วยตัวเองอีกด้วย มันเลยค่อนข้างทุลักทุเลที่จะเปิดประตูเองครับ เรี่ยวแรงมันก็รู้สึกขาดๆ หายๆ ไปจนผมรู้สึกได้
“อ้าวน้องเดย์! มะมาได้ไงเนี่ยเข้ามาๆ เดี๋ยวพี่ช่วยพยุง”ดูท่าเสียงตะกุกตะกักหน้าห้องของผมจะทำให้คนในห้องไหวตัวครับ คนที่มาดูคือพี่กรณ์ครับ ท่าทางเหมือนจะตกใจเล็กน้อยที่เห็นผมหน้าห้อง
“ขอบคุณครับ...ผมแค่อยากจะมาหาพี่.....”พอผมเข้ามาร่างพี่ทิวาที่นอนนิ่งก็ทำให้ผมหัวใจหล่นวูบจนรู้สึกได้เลยครับ ใบหน้าที่ซีดเซียวกำลังหลับตาพริ้มไม่รับรู้เหตุการณ์ภายนอก ผมเดินเข้าไปหาพี่ทิวาช้าๆ ก่อนจะหยุดลงตรงข้างเตียง มองคนตรงหน้าด้วยหยาดน้ำตาที่มันเอ่อล้นขึ้นมา
“เจ็บมากรึเปล่าครับพี่......ผะผมมาเยี่ยมนะครับ ขอโทษที่ต้องทำให้พี่เจ็บแบบนี้”ผมเอื้อมมือไปจะสัมผัสใบหน้านั้นแต่ก็ชะงักไว้เพราะกลัวพี่ทิวาจะตื่น
“นั่งก่อนนะน้องเดย์....ตัวเองก็ร่างกายอ่อนเพลียอยู่แท้ๆ ไอ้ทิวามันอึกจะตายแค่นี้มันไม่ถึงตายหรอก มันก็สำออยหลับนานไปหน่อยเท่านั้นเอง”
“หมอว่ายังไงบ้างครับพี่กรณ์....”
“ไม่เป็นอะไรมากหรอก แผลที่โดนแทงก็ไม่ได้โดนจุดสำคัญอะไรด้วย ก็มีกระดูกซี่โครงอ่อนอักเสบนิดหน่อย คงตอนไปรับมือ....อ่า....เอ่อ....พะพี่ไปเอาน้ำมาให้กินดีกว่านะ”ผมกำลังฟังอย่างตั้งใจเลยครับ แต่พี่กรณ์ก็ดันหยุดพูดกลางคันวิ่งหายไปซะเฉยๆ เลย
“พี่กรณ์ครับเดี๋ยวสิครับ!”
เป็นแบบนี้อยู่เรื่อยเลย มีเรื่องอะไรก็ไม่ยอมบอกผมให้รู้ หรือว่าไม่ไว้ใจผมเหรอครับ....
“แฮกๆ !”
“พะพี่ทิวา! เป็นยังไงบ้างครับ!”ในขณะที่ผมกำลังเหมอคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยที่เฝ้ารอพี่กรณ์กลับมา ซึ่งตอนนี้ออกไปหาน้ำให้ผมจนหายไปแล้วครับ จู่ๆ พี่ทิวาก็รู้สึกตัวทำเอาผมตื่นเต้นทำอะไรไม่ถูกเลยครับ
“อ่ะ....มะไม่เป็นไร”
“ให้ผมตามหมอให้มั้ยครับ พี่ต้องตรวจให้แน่ใจว่าตื่นมาแล้วไม่มีอาการแทรกซ้อน.....”
หมับ!
ขณะที่ผมกำลังจะเอื้อมมือไปกดปุ่มฉุกเฉินพี่ทิวาก็ใช้มือคว้าแขนผมไว้ ก่อนที่กระชากตัวผมให้ผมลงซบอกพี่ทิวาที่นอนอยู่ แขนอีกข้างของพี่ทิวาเอื้อมมาโอบตัวผมอีกแรง ผมตกใจมากครับเพราะกลัวพี่ทิวาจะเจ็บเพราะผมที่ทับอยู่
“ไม่ต้องเรียกหมอ หรือเรียกใครทั้งนั้นกรูไม่ต้องการ...ตอนนี้กรูต้องการมึงคนเดียว ไม่มีมึงกรูก็คงตายแน่ๆ”
“พะพูดอะไรแบบนั้นครับพี่.....”ผมฟังเสียงหัวใจพี่ทิวาที่เต้นรัวเร็วจนหน้าของผมเผลอเหนียมอายจนร้อนผ่าวราวไฟเผา ไม่เพียงคำพูดและประโยคที่มาจากพี่ทิวาแล้ว ผมยังดีใจที่ผมสามารถกลับมายืนอยู่ตรงจุดนี้ได้อีก เพราะคนๆ นี้แท้ๆ ที่ช่วยผมเอาไว้
“ไม่เป็นอะไรมากใช่มั้ย....”เสียงแหบพร่าเอ่ยถามผม
“ไม่ครับ ผมไม่เป็นอะไร”
“ยังกลัวอยู่อีกรึเปล่า?”
“ไม่แล้วครับ....ก็เพราะพี่อยู่ตรงนี้ผมก็ไม่กลัวอะไรแล้วทั้งนั้น ผมอยากให้พี่หายไวๆ นะครับ ไม่อยากเห็นพี่ทิวาที่อ่อนแอแบบนี้เลย”
“กรูจะรีบหายก็แล้วกัน......แต่ว่า....”ผมผงกหัวขึ้นมามองหน้าพี่ทิวา สงสัยในประโยคที่ค้างไว้ครับ หรือมีอะไรที่พี่กรณ์ไม่ได้บอกผมถึงอาการเจ็บของพี่ทิวารึเปล่าครับ!
“แต่ว่าอะไรเหรอครับ! หรือว่าพี่เจ็บตรงไหนอีก! ผะผม.....”ด้วยความตกใจผมถึงกับผลักออกจากอ้อมกอดคนตรงหน้ามา แล้วใช้สายตากังวลมองพี่ทิวาด้วยความเป็นห่วง ก่อนที่ร้อยยิ้มพี่ทิวาจะผุดขึ้นตรงมุมปากบางๆ มองผมด้วยแววตาจริงจัง......มันยิ่งทำให้ผมชักสงสัยครับ
“ไม่มีกำลังใจ....กรูหายไวๆ ไม่ได้ ยาก็ไม่ได้ช่วยเท่ามีกำลังใจ”
ฟูว์~~~ ผมถอนหายใจอย่างโล่งครับ คิดว่าเรื่องอะไรเสียอีกทำเอาตกใจแทบแย่ครับ จวนจะเป็นลมด้วยซ้ำไป แต่สีหน้าแช่มชื่นแบบนั้นคงไม่เป็นอะไรมากจริงๆ ล่ะครับ หายห่วงไปอีกเปราะนึงแล้ว
“พี่ครับ....ทุกคนเป็นกำลังใจให้พี่หายไวๆ นะครับ”
“กรูไม่เอา!”
ไหงเป็นแบบนั้นไปได้ล่ะครับ!O_o ก็ไหนบอกอยากได้กำลังใจ
“ทำไมล่ะครับ มีอะไรที่พี่ไม่ชอบ”
“กรูจะเอากำลังใจจากมึงคนเดียว.......คนอื่นช่างแม่งมันกรูไม่แคร์ กำลังใจของมึงคนเดียวที่กรูอยากได้.....ให้กรูได้รึเปล่า”พี่ทิวาทำแก้มป่องมองผม เหมือนงอนผมกรายๆ ครับ
“ดะได้สิครับ....พี่เป็นคนช่วยผมไว้แถมยังบาดเจ็บอีก เรื่องแค่นี้ไม่มีปัญหาหรอกครับ ผมจะเป็นกำลังใจให้พี่หายไวๆนะครับ”
......พูดแค่นี้ผมก็เขินนะครับ รู้สึกอายปากตัวเองชอบกล แต่ในเมื่อพี่ทิวาอยากได้เรื่องแค่นี้ผมไม่ให้ก็ใจร้ายแล้วล่ะครับ เพราะมีเพียงสิ่งเหล่านี้ที่ผมพอจะทำให้ได้ครับ
“ไม่เอาแบบนี้! กรูไม่เอา”
“ทะทำไมเหรอครับ ผมพูดอะไรผิดไปรึเปล่าครับ”คนตรงหน้าขยับตัวลุกขึ้นก่อนที่ผมจะเข้าไปประคองแต่พี่ทิวาห้ามไว้ อยากจะลุกด้วยตัวเอง
“ลุกเองได้ไม่ต้องช่วย....มึงก็ป่วยอยู่เดี๋ยวก็ไม่หาย”พี่ทิวามองผมที่ยังคงใส่ชุดยูนิฟอร์มโรงพยาบาลด้วยแววตาเศร้าๆ
“แค่นี้เองครับไม่เป็นไร.......”
“แค่นี้หรือแค่ไหนกรูไม่สน แต่มึงเจ็บเพราะกรู แม้แต่ปลายก้อยกรูก็คิดว่ามันมากเกินไปด้วยซ้ำ ถ้าเจ็บแทนได้กรูก็จะทำ ไม่อยากให้มึงต้องรู้สึกเจ็บปวดเสียใจเพราะกรูเป็นสาเหตุ....เข้าใจรึเปล่า”
“เข้าใจสิครับ....แต่ผมน่ะไม่เสียใจเลยครับ เพราะมีพี่ผมถึงไม่นึกเสียใจอีก”
“งั้นก็ส่งกำลังใจของมึงมาเลย.....กรูอยากหายไวๆ ตอนนี้แล้วอยากจะทำอะไรอีกตั้งมากมาย...สภาพแบบนี้ทำไม่ไหว เจ็บ แล้วก็ไม่ค่อยมีแรง”
“ยังไงเหรอครับ?”ผมมองพี่ทิวาที่เกาหัวตัวเองอย่างเขินๆ
“ตรงนี้ไง กรูหายข้ามคืนแน่ๆ ถ้ามึงทำ”
ผมถึงกับถอยหลังกรูราวเดียวจนสายน้ำเกลือแทบตึงเมื่อพี่ทิวาชี้นิ้วเป็นคำบอกใบ้บ่งบอกความหมายให้ผมทำเช่นนั้น
“แค่จูบ....ไม่ได้รึไง ไม่รู้รึไงว่าไม่จูบกรูจะไม่หาย!”ท่าทางวิญญาณคนเจ้าอารมณ์และเอาแต่ใจกลับมาสิงสู่ร่างพี่ทิวาเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ แต่ให้ทำแบบนั้นมันไม่มากเกินไปเรอครับ นี่ก็โรงพยาบาลเห็นๆ
“เหตุผลนั้นมันไม่ใช่เลยนะครับพี่....”
หัวใจของผมเต้นแรงอีกแล้วครับ แถมยังรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ อีกด้วย คนตรงหน้าผมกำลังทำให้ผมเป็นแบบนี้เหรอครับ
“กรูนี่แหละเหตุผล....ด่วนเลย เร็วเข้า!”
“..........”ผมนิ่งงันมองพี่ทิวาออกคำสั่งเหมือนมันเป็นเรื่องกล้วยๆ แถมสายตาคู่นั้นยังมองผมตาเป็นมันเลยด้วยครับ ออกจะน่ากลัว.....
“ไม่ทำกรูไม่หาย ไม่กินข้าว ไม่กินยา ไม่นอน ไม่......”
“พอแล้วครับพี่ทิวา! อย่าเอาแต่ใจได้มั้ยครับ”ผมยกมือขึ้นเป็นพระพุทธรูปปางห้ามญาติอย่างด่วนเลยครับ ก่อนที่พี่ทิวาจะบอกว่าไม่ ไม่และไม่อย่างไม่มีที่สิ้นสุดจน...ไปถึงคำขาดที่บอกว่าจะไม่หายใจ ผมรู้ดีครับว่าพี่ทิวาคงไม่ทำแบบนั้น แต่ถ้าผมไม่เชื่อว่าพี่ทิวาจะไม่ทำตามที่พี่ทิวาพูดเองนั้น ผมคงโดนโกรธเข้าแน่ๆ ถ้าไม่โกรธคงแผลงฤทธิ์จนทำให้ผมปวดหัวอีกแน่ ครับ
“เร็วเข้า ทำไมช้า หรือจะให้กรูจูบเอง....อ้อ! ก็ไม่บอกแต่แรก ^^”
“เดี๋ยวๆ ครับ อย่าลุกพรวดพราดแบบนั้นสิครับเดี๋ยวแผลก็.......”แทบจะทันทีที่ผมปราดเข้าไปห้ามคนตรงหน้าไม่ให้เคลื่อนไหวตัวมากกว่านี้ เผลอแป๊บเดียวผมเพิ่งจะรู้ว่าหลงกลพี่ทิวาเข้าให้แล้วครับ
“อย่าสิเดี๋ยวกรูเจ็บขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ....ให้กอดเฉยๆ ก็ได้แบบนี้ก็อุ่นดี”
“กะกอด กอดอย่างเดียวนะครับ ไม่ทำอย่างอื่น”ผมเอียงหน้าหนีหลบสายตาพี่ทิวาที่กอดผมอยู่
......ผมยอมรับเลยครับว่าผมน่ะรู้สึกเขินสุดๆ ไปเลยครับ แทบจะก้าวขาหนีไม่ออกเลยด้วย มีดีแต่สมองนี่แหละครับที่จะหาข้อแก้ตัวไปเรื่อยอย่างแยบยล
“อุ่นมาก กอดนานๆ เลยได้มั้ย”
“มะไม่ได้หรอกครับ เดี๋ยวผมต้องกลับห้องแล้ว.....ถึงเวลาต้องกินยาครับ”
กว่าจะถึงเวลานั้นอีกตั้งสองชั่วโมงครับ แต่ผมพูดไว้ดักคอพี่ทิวาเสียก่อน ก็รู้ว่าชอบยื้อยุดฉุดกระชากกันแบบนี้จะไม่ให้ผมหวั่นบ้างเลยเหรอครับ ถ้าใครมาเห็น....ไม่เป็นไรน่ะพี่ทิวา แต่ผมนี่สิครับ....อายจนหน้าชา
“แอ่มๆ ! ”
“พี่ไนท์!”ผมหันไปตามเสียงกระแอ่มกระอวนอย่างตกใจ เมื่อคนที่ยืนมองผมตาเขียวคือพี่ไนท์ครับ ผมถึงกับใจหายวูบผลักออกจาพี่ทิวาแทบไม่ทัน ส่วนพี่ทิวาก็หันมองพี่ทิวาไม่ได้ทุกข์ร้อนหรือมีท่าทีตกใจอะไรเลยครับ แถมยังยกมือทักทายซะอย่างมั่นใจเลยครับ
ทำไมผมถึงต้องรู้สึกเหมือนแอบมี....มีชู้ผมคิดแบบนี้จริงๆ ครับ หรือไม่ก็เหมือนทำผิดอะไรสักอย่างที่ต้องปกปิด....เป็นความรู้สึกที่ไม่สนุกสักเท่าไหร่เลยครับ....แถมทำให้ผมรู้สึกกังวลใจอีกต่างหาก
“เดย์!......”
“คะครับพี่”
“ทำไมต้องเสียงดัง....น้องมึงกลัวไม่รู้รึไง”
“เรื่องของกรูอย่ายุ่ง”
.....บรรยากาศชักจะยังไงแล้วล่ะครับ พี่ไนท์ดูขรึมจนน่ากลัวแถมพี่ทิวาก็ทำท่าทีแข็งข้อจนผมคนกลางเหงื่อตก ปกติพี่ไนท์ก็ไม่ชอบพี่ทิวาเป็นทุนเดิมแล้ว แต่เข้ามาประจันหน้ากันแบบนี้พี่ไนท์กำลังคิดอะไรกันแน่....ตอนนี้ผมเดาใจพี่ชายคนตรงหน้าไม่ออกจริงๆ ครับ
“เดย์.....ช่วยออกไปหน่อยได้มั้ยพี่มีเรื่องจะคุยส่วนตัวกับไอ้ทิวา”
“ผมอยู่ไม่ได้เหรอครับ....”
“ไม่เป็นไรออกไปก่อนเถอะ”พี่ทิวาพูดขึ้นผมมองหน้าพี่ไนท์สลับกับพี่ทิวาเลิกลักไม่รู้จะเอายังไงดีครับ
แอ๊ดดดด....
เสียงเปิดประตูเบาๆ เข้ามา คนที่เข้ามาคือพี่กรณ์ครับ แต่ไม่ได้เอาน้ำติดมือมาด้วยสีหน้าที่ผมเห็นคือบอกบุญไม่รับสักเท่าไหร่ครับ พี่กรณ์เดินเข้ามาหาผมแล้วหยุดอยู่ใกล้ๆ กับผม
“พี่จะพาน้องเดย์ออกไปนะ”
“แต่ว่า....”
“ให้เค้าคุยกัน.....เราออกไปกันก่อนดีกว่าเชื่อพี่เถอะนะ ^*^”ยิ้มฝืดมากครับ แต่ก็ยังดีที่พี่กรณ์ยิ้มให้ผม แต่พอหันไปด้านพี่ไนท์ยิ้มพี่กรณ์ก็หายวับไปกับตาเลยครับ พี่กรณ์ถือขวดน้ำเกลือให้ผมก่อนจะพยุงผมให้เดินออกมาจากห้อง ผมเหลียวกลังมองอย่างพะว้าพะวงไม่สบายใจเอาซะเลยครับ พี่ไนท์ต้องการจะพูดอะไรกับพี่ทิวากันแน่....คงไม่ใช่เรื่องไม่ดีใช่มั้ยครับ!
ตอนที่สามสิบแล้ว วู้ว~~~ เลขสวยรึเปล่าไม่รู้แต่สามสิบยังแจ๋ว

(อ่ะ! มะไม่เกี่ยวแล้วสิเนี่ย =*= )
เขียนอยู่สองวันเต็มๆ กว่าจะเสร็จ ตอนแรกจะเอามาให้ชิมครึ่งนึงก่อน แต่มันดูขาดๆ
เลยตัดสินใจรอก่อน....แล้วเอามาลงรวดเดียวจบดีกว่า ฮาๆๆ
เลยต้องขอโทษที่เอามาลงให้ช้านะฮับ(โค้งคัมนับงามๆ สามครั้ง) ให้อภัยข้าน้อยด้วย (ดื่มให้อีกสามจอก....ซูด~~!)
เห้อ...รู้สึกจะอิ่มน้ำชา ฮาๆๆ เอาเป็นว่าพอแค่นี้ก่อนแล้วกันเริ่มจะออกทะเลแล้ว แหะๆ เช่นเคยเอา ปล.มาฝาก
ปล.1 วันนี้แม่จะไม่ให้ตังค์ไปกินขนมบอกไปเที่ยวไม่ช่วยงานที่ร้าน แต่สุดท้ายก็ให้....รักม่ามี๊ที่สุดฮับถึงเราจะแอบเกเรไปบ้าง

ปล.2 ขอโทษฮับที่ ปล.1 ออกนอกเรื่องไป แต่ ปล.2 อยากบอกว่า....ขอบคุณนักอ่านทุกท่านมากฮับที่ติดตามกันตลอด
เฝ้าอ่านทุกรีพลายที่ส่งกันมาเลยทีเดียว
ปล.3 ทนกันใช่มั้ยฮับที่อ่านเรื่องไร้สาระท้ายเรื่องมาตลอด

แต่ของคุณนะฮับที่อ่าน ถึงแม้บางทีจะบ่นอะไรเรื่อยเปื่อยไปบ้าง
ปล.ท้ายสุด....ไว้เจอกันตอนหน้าอีกนะฮับ บ๊ายบาย

:กอด1:ด้วยรักอย่างยิ่ง