ตามสัญญาที่บอกไว้ เอาบทส่งท้ายมาส่งแล้วฮับ
ไปตามอ่านกันเลย...
บทส่งท้าย
“อ้าว! ตื่นแล้วเหรอ ลงมากินข้าวสิ วันนี้กรูอุตส่าห์ตื่นเช้าออกไปซื้อน้ำเต้าหู้ที่มึงชอบกับปาท่องโก๋มาด้วย”
“คะครับ....”ขณะที่ผมกำลังลงบันใดจากชั้นบนลงมาชั้นล่างอย่างทุลักทุเลก็เจอกับพี่ทิวาที่หิ้วถุงน้ำเต้าหู้อยู่ตรงหน้าประตูบ้านพอดีเลยครับท่าทางสบายใจเอามากๆ อย่างผิดหูผิดตา ผมหลบตาลงต่ำมองขั้นบันใดที่ทอดยาวอย่างขัดเขินก่อนตอบพี่ทิวาออกไปไม่เต็มเสียงเท่าไหร่
ผมคิดว่าเช้านี้ผมไม่อยากจะตื่นเลยครับ อยากจะหลับให้นานเท่าที่จะทำได้ แต่พอถึงเวลาผมก็ดันตื่น.....ข่มตาให้หลับสักเท่าไหร่ก็ไม่หลับเลยครับ แถมพอจะขยับเขยื้อนตัวอีกทีก็รูสึกเหมือนมีอะไรมากดทับสะเอวจนปวดหนึบไปหมด เอี้ยวตัวทีเอวผมแทบหลุดออกจากกัน....จะเป็นเพราะสาเหตุอะไรนั้น ผะผมไม่อยากจะบรรยายหรอกครับ แค่นี้ผมก็อายแทบแทรกแผ่นดินหนีอยู่แล้ว การพบกันตอนเช้าสำหรับผมกับพี่ทิวามันทำให้ผมไม่มั่นใจในตัวเองสักเท่าไหร่เลยครับ จะพูดจะคุยก็ดันเขินเกินกว่าจะเอ่ยออกมาเป็นคำพูดซะได้ อาการหน้าแดงมือเย็นก็เข้าสิงห์ผมอีกแล้วครับ ทั้งๆ ที่คิดว่าเราสองคนไม่ใช่คนแปลกหน้ากันสักหน่อย....
“เป็นอะไรรึเปล่าคะ”ป้าแม่บ้านที่เข้ามารับถุงหิ้วจากพี่ทิวามองผมด้วยท่าทีเป็นห่วง
“ฮาๆ มะไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อยครับ ผม....ผมสบายดี”ผมหัวเราะกลบเกลื่อนก่อนจะเกาหัวแกรกๆ แก้เขินพยายามเดินลงบันใดแต่ละขั้นลงมาเรื่อยๆ แต่ละก้าวช่างยาวนานเหลือเกินครับ
“เอาไปจัดที่โต๊ะเถอะ เดี๋ยวผมจัดการเอง”พี่ทิวาโบกมือไล่ป้าแม่บ้านก่อนจะเงยหน้ามองดูผมอย่างยิ้มๆ ผมขยับตัวลงจากบันใดทีละก้าวอย่างระมัดระวังและเพราะอาการปวดๆ เมื่อยๆ มันทำให้ผมเดินช้าลง ผมหันไปส่งยิ้มอายๆ ให้คนข้างล่างที่ยืนรอผมอยู่ด้วยแววตากรุ้มกริ่ม
“ไปที่โต๊ะก่อนก็ได้ครับเดี๋ยวตามไป.....”
“ช้านะ...หรือเดินไม่ไหว”
“ปะเปล่าครับ ผมแค่ไม่อยากเดินเร็วกลัวจะตกบันใด”เหตุผลท่าจะไม่รอดครับ T^T
“หึหึๆ เพราะกรูมึงถึงไม่สบายตัวใช่มั้ยล่ะ...เดี๋ยวกรูรับผิดชอบเอง”พูดเสร็จพี่ทิวาก็ก้าวฉับๆ ขึ้นบันใดเดินมาหาผมที่ยืนอยู่ก่อนจะช้อนตัวผมให้ลอยขึ้นทำเอาผมหัวใจแทบวายครับกลัวจะพลัดตกบันใดไป แล้วพี่ทิวาทำแบบนี้ผมก็เขินสิครับ
“ปล่อยเถอะครับ ผม...ผมเดินเองจะสะดวกกว่า”
“สะดวกที่ว่านะคือเดินเป็นเต่ารึไง อย่าดื้อเลยนา....กรูรู้ว่ามึงปวดตัว เมื่อยตัว”พี่ทิวาพูดหน้าชื่นตาบานเหมือนภูมิใจที่ทำผมให้อยู่สภาพนี้ได้
“มะไม่ใช่นะครับ!”
ยอมรับก็เสียหน้าสิครับ ><
“อย่าเถียง มึงโกหกกรูไม่ได้หรอกนะ หึหึๆ ยอมรับสะเถอะว่าเมื่อคืนเพราะกรูทำแบบนั้น.....”พี่ทิวาหัวเราะหงึกมองผมตาหวานสายตาโลมเลียผมเต็มที่อย่างเปิดเผย ผมหลบหน้าที่แดงกร่ำพร้อมกับกระชับมือที่คล้องคอพี่ทิวาให้แน่นเมื่อรู้สึกเขิน และเพื่อความปลอดภัยผมก็ควรทำแบบนี้เหมือนกันล่ะครับ “นี่ยังถือว่าเบาะๆ นะ....เพราะกรูอ่อนโยนให้ถึงที่สุดถึงที่สุด....ก็กลัวจะเจ็บมากกว่านี้.....แต่ครั้งหน้าจะสอนให้รู้ว่ารักจนคลั่งมันมากกว่าเมื่อคืนขนาดไหน ^^”
ฉ่า! หูแทบออกลมหน้าแทบรอนไหม้เลยครับ ผมเขินนะครับพี่!
“พะพูดอะไรน่ะครับพี่ทิวา ผะผม...ผมไม่อยากทำอีก”ผมเชิดหน้าหนี พูดงึมงำในลำคอครับ ก็จะให้ผมพูดได้เต็มปากเต็มคำกับเรื่องน่าอายแบบนั้นได้ยังไงกันล่ะครับ....ถึงผม....ถึงผมจะทำมันก็เถอะ....อ่า....รู้สึกผิดที่ทำแบบนั้นไปจริงๆ เลยครับ >//////<
“ฮาๆ อย่าทำท่าทางน่ารักแบบนี้จะได้มั้ย กรูเห็นแล้วอยากจะทำอีกรอบตอนนี้ซะเลย”
ผะผม...ผมไปทำแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ ไอ้ท่าทางน่ารักนั่น สาบบานได้เลยครับว่าแม้แต่ยิ้มสวยตาหวานหรือแสดงท่าทีผมก็ไม่ได้ทำเลย
“ผะผม...ผมไม่อยากจะทำแบบนั้นอีกแล้วครับ ปล่อยผมลงเถอะครับพี่ครับ”
“หึหึๆ พูดแบบนั้นเดี๋ยวก็ทำซะตอนนี้เลยนิ จะมาปฏิเสธอะไรตอนนี้มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรหรอกนะ....หรือจะไปทำกันตอนนี้ดี”
“ยะอย่านะครับผมยังเจ็บ!.....”ผะผมกำลังจะพูดอะไรออกไปน่ะ
“ฮาๆ ฮาๆ ”จู่ๆ พี่ทิวาก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ผมน่าขำตรงไหนเหรอครับ“น่ารักวะ!”แล้วพี่ทิวาก็กอดผมซะแน่นจมผมแทบหายใจไม่ออก ก่อนจะพยายามดันพี่ทิวาที่แทบรัดผมจนกระดูกกรอบเลยทีเดียว
“อย่าแน่นนักสิครับ...ผมหายใจไม่ออกนะครับ ไม่อย่างนั้นวางผมลงก่อนจะดีกว่านะครับ”
“ไม่เอากรูไม่วาง จะพาไปส่งถึงโต๊ะกินข้าวเลย....อ่ะ! แต่วันนี้เหมือนกรูลืมอะไรบางอย่างไป”พี่ทิวาพูดเสร็จก็ทำท่าทางครุ่นคิดจนผมสงสัย
“ลืม....ลืมอะไรเหรอครับให้ผมช่ว....อุ๊บ!”
“ลืมมอร์นิ่งคิสน่ะ หึหึๆ ^^ ตอนนี้ก็ไปกินข้าวกันดีกว่าหิวแล้ว เดี๋ยวน้ำเต้าหู้มันจะชืดเย็นซะก่อน อุตส่าห์ออกไปซื้อด้วยตัวเองเพราะมึงเลยนะเว้ย ซาบซึ้งน้ำใจกรูซะด้วยล่ะ”พี่ทิวาทำเอาผมเหวอรับประทานเลยครับพูดอะไม่ออกไปจนถึงโต๊ะกินข้าว.... ส่วนพี่ทิวาก็อารมณ์ดีมากเสียจนผมคาดไม่ถึง มาถึงโต๊ะไม่รอรีพี่ทิวาก็จัดแจงที่นั่งและจัดอาหารให้ผม ผมมองคนตรงหน้าอย่างยิ้มๆ เมื่อท่าทีที่เก้ๆ กังๆ กำลังบ่งบอกว่าพี่ทิวาไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน สิ่งเหล่านี้มันทำให้เช้าวันนี้ของผมไม่ได้แย่ไปสักเท่าไหร่จริงๆ ครับ
ไม่อยากจะเชื่อเลยครับว่าผมกับพี่ทิวาจะมาถึงจุดๆ นี้ได้ ครั้งแรกที่เจอกันหรือก่อนหน้านี้แทบจะไม่ถูกกันซะด้วยซ้ำ แต่พอสุดท้ายแล้วต่างคนต่างมายิ้มให้กันแบบนี้มันก็ตลกอยู่เหมือนกันล่ะครับ.... แต่จะยังไงก็ตามแต่ ผมก็ชอบรอยยิ้มพี่ทิวาสุดๆ ไปเลยล่ะครับ ^^ในตอนนี้นะครับ ไม่ใช่ทุกตอนเสมอไปหรอกนะครับ...โดยเฉพาะรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั่น....โผล่มาทีไรใจผมมันสั่นไปหมดทุกทีเลยครับ แต่ถ้าจะดีผมอยากมีมื้อที่มีความสุขแบบนี้ตลอดไปเลยล่ะครับ....แม้ว่าผมจะรู้ดีว่าอนาคตมันไม่แน่นอนและมักโหดร้ายกับเราเสมอก็ตาม
“กินนี่รึเปล่า อร่อยมากกรูลองแล้ว”
“ครับ”
“อ้าปาก.....เร็ว”
“มะไม่ต้องครับพี่ ผมกินเองได้ ใส่จานให้ก็ได้ครับ”ผมยื่นจานข้าวตัวเองออกไปข้างหน้ามองตาพี่ทิวาที่มุ่งมั่นจะป้อนผมท่าเดียว แต่แบบนี้มันไม่น่าอายไปหน่อยเหรอครับ ป้าแม่บ้านก็ยืนมองตาฉ่ำเชียว
“ไม่เอากรูจะป้อนให้..........”
“แต่ว่า”
“ไม่กินกรูพาขึ้นห้อง -O-”
“กินครับ!”
ทำไม่ต้องขู่ด้วยครับเนี่ย!
“ดีมาก ^^”
“งัม.....=_=;”
เอี๊ยดดดดด! ฉึก!
เสียงรถสปอร์ตสี่ประตูคันหรูสีดำมันวาวเลี้ยวเข้าเทียบเข้าจอดทางเข้าประตูบ้านหลังใหญ่ ก่อนผู้ขับจะลงจากรถพร้อมกับขยับกรอบแว่นสีขาวให้เข้าที่ และตามลงมาด้วยผู้ที่นั่งมาข้างๆ ซึ่งถือเอาขนมหอบใหญ่ลงมาด้วย
“ทำไมมาช้าวะกรูยืนรอพวกมึงอยู่เป็นสิบนาทีแล้วนะเว้ย”ชายร่างสันทัดหน้าตาออกหวานยกนาฬิกาขึ้นมาดูพลางสวดเพื่อนที่ทำท่าทีไม่ใส่ใจเขาสักเท่าไหร่
“ก็มารับแล้วนี่ไงมึงอย่าบ่นเป็นหมากินมดได้มั้ยวะไอ้กรณ์ แม่งรำคาญชิบหาย”
“กรูผิดเองที่สาย พวกมึงเลิกทะเลาะกันสักชาติได้มั้ยวะ ชาติหน้าค่อยไปทะเลาะไกลๆ กรู”
“เฮียวัช เฮียดินครับ!!!!!”ขณะที่ทั้งสามกำลังคุยกันเสียงแจ้วจ้อยของเด็กชายตัวเล็กวัยห้าขวบ ก็ดังขึ้นมาทางหลังของกรณ์ที่ยืนหน้าบึงอารมณ์เสียกับเวลาที่เขาต้องรอ
“อ้าวไอ้ตัวเล็กวันนี้หมะม้ามาปล่อยไว้ที่บ้านนี้อีกแล้วเหรอฮะ”วัชเอ่ยถามเด็กชายแก้มยุ้ยตาตี่ที่วิ่งพรวดเข้าเกาะขาตน ก่อนจะยิ้มให้เด็กชายตัวเล็กที่อยู่ข้างหน้า
“ครับ หมะม้าให้ป๋มมาอยู่กับเฮียกรณ์”
“ว่าแล้วเชียวว่าวันนี้กชของเฮียดินต้องอยู่ เฮียเอาขนมมาฝากเยอะแยะเลย ^^”
“ว้าวเยอะจริงๆ ด้วย ป๋มถือไม่หมดเลยครับ”กชหลายชายของกรณ์ซึ่งวันนี้พี่สาวของเขาได้เอามาฝากไว้ที่บ้านกำลังหอบขนมถุงโตดูพะรุงพะรังจนน่าขำ ก่อนที่กรณ์จะส่งเสียงเรียกพี่เลี้ยงของกชให้มาช่วยรับขนมหลานของตน เด็กชายยิ้มแก้มตุ่ยฉีกถุงขนมออกแล้วกินจนแก้มเลอะ
“อาตี๋ขอบคุณเฮียๆ ยัง”
“ขอบคุณครับ”
“เดี๋ยวเฮียจะออกไปธุระข้างนอกอยู่กับอาอี๊ที่บ้านนะ”กรณ์ย่อตัวลงลูบหัวหลานชายตัวซนของบ้านอย่างเอ็นดู
“เฮียกรณ์กชไปด้วย!”
“ไม่ได้ อยู่กินขนมนะ เดี๋ยวเฮียบอกอาอี๊ให้พาอาตี๋ไปเที่ยวตอนเย็น”
“อาอี๊ไม่อยู่บ้าน หมะม้าบอกให้อยู่กับเฮีย”กรณ์ถึงกับนวดขมับถึงความรู้มากขอหลานชายก่อนจะพยายามพูดกล่อมให้เจ้าตัวเล็กข้างหน้ายอม
“อยู่กับอาเจ๊หอมก็ได้ เดี๋ยวเจ๊หอมพาไปนะ แล้วเดี๋ยวเฮียกลับมาจะซื้อขนมมาฝาก^^”
“ไม่เอา เฮียดินซื้อมาให้กชแล้ว กชจะไปกับเฮียด้วย”ดวงตากลมโตใสแจ๋วมองกรณ์อย่างมีความหวัง
“ไม่ได้”
“จะไปด้วย”
“ไอ้วัชเตรียมตัวออกรถเลย -_-”
“แล้วเฮียจะกลับมาเร็วๆ แล้วกันนะตี๋”พูดเสร็จกรณ์ก็เดินขึ้นรถของวัชไป ปล่อยให้หลานชายจอมรั้นตะโกนลั่นจะไปด้วยให้ได้ ก่อนจะร้องไห้งอแงดิ้นพรากลงกับพื้นโดยมีพี่เลี้ยงคอยดูอยู่ใกล้ๆ
“ใจร้ายกับเด็กว่ะมึงไอ้กรณ์” เสียงเหน็บแนมดังออกมาจากปากดินที่แอบขำกรณ์กับหลานชาย
“กรูไม่อยากตามใจ มึงก็เห็นอาเจ๊เอามาฝากไว้แทบทุกอาทิตย์จนไอ้ตี๋จะเป็นลูกกรูไปแล้ว พาไปไหนเดี๋ยวคนก็ได้เข้าใจผิดว่าลูกกรูอีก”
“ฮาๆๆ แม่งมึงก็ไม่หาสาวสวยๆ สักคนไว้ทำลูกเองเลยล่ะวะจะได้จบๆ เรื่องแม่มึงก็อยากได้หลายเต็มบ้านเต็มเมืองอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“กรูไม่อยากมีภาระ แค่นี้ก็ปวดหัวกับชีวิตมากแล้ว”
“พวกมึงจะแวะที่ไหนก่อนไปบ้านไอ้ทิวามั้ยวะ กรูจะได้จอดให้”วัชถามเพื่อนร่วมทางที่คุยกันควันขโมง
“ไม่ล่ะ ไปแต่ตัวก็พอ”กรณ์พูดขึ้นพลันสายตาก็หันไปเห็นอะไรบางอย่างแว๊บๆ ที่ขับผ่านรถคันที่นั่งอยู่ไปอย่างรวดเร็ว
“มึงดูอะไรของมึง?”
“ปะเปล่าไม่มีอะไร.....เอ้อ! แล้วเรื่องที่ไอ้ทิวาให้พวกมึงสองคนไปเป็นธุระให้เป็นยังไงบ้างวะ กรูจะถามอยู่นานแล้วไม่ได้โอกาสซะที”
“ไอ้ทิวาเล่นเจ็บว่ะ ทำเอาไอ้โจถึงกับบินหนีออกนอกประเทศไปแล้ว”วัชสาวพวกมาลัยเลี้ยวเข้าซอยก่อนจะพูดต่อขึ้น“กรูกับไอ้ดินไปรู้เอาตอนทนายบ้านไอ้โจมาคุย”
“ยังไงวะ มันทำอะไรไอ้เวรนั่นถึงหนีไปถึงต่างประเทศ”กรณ์ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจก่อนที่ดินจะรับอาสาเล่าต่ออย่างออกรส
“ไอ้ทิวาทำคลิปหลุด แต่โทษทีเป็นคลิปไอ้โจมันเอง....ก็คงจะเป็นตอนที่มันไปจัดการไอ้โจกับไอ้วัชน่ะแหละ แม่งไอ้ทิวาก็ใจกล้าไม่รู้ว่าไปทำอิท่าไหนให้ไอ้โจมันเปลือย แม่งถ่ายกับมือถือไอ้โจเองแล้วอัพเข้าโลกไซเบอร์จนแพร่ไปทั่ว....มึงคิดดูดิ๊ไอ้โจก็เป็นที่รู้จักของพวกเชี้ยๆ อยู่แล้ว คิดเหรอว่าคลิปทุเรศๆ พวกนั้นจะไม่ผ่านหูผ่านตาเจ้าพวกนั้นจนทำให้มันอับอายแบบนั้น แต่สะใจว่ะมันก็เลวสุดๆ กับคนของเราเหมือนกันแถมยังคนสำคัญของไอ้ทิวาซะด้วย”
“เชี่ยว่ะ!”
“ไอ้โจใช่มั้ย”
“ไอ้ทิวานั่นแหละ แม่งถ้าไอ้โจไม่จบไม่เกิดเรื่องอีกรึไง”
“คงไม่ว่ะ เพราะทนายมันมาตกลงกับทางเราเรียบร้อยแล้วว่าถ้าไอ้โจทำอะไรที่ส่งผลให้เราเดือดร้อน ทางเราจะเอาเรื่องถึงที่สุดไม่ว่าจะทางไหนก็ตาม...มีสัญญายินยอมลายเซ็นของไอ้โจมาด้วย...เพราะอะไรที่ไอ้โจทำแบบนั้นก็คงไม่ต้องมาถามกรูหรอกนะว่าเป็นฝีมือใคร ไม่รู้จริงๆ ว่าไอ้ทิวาน่ากลัวกว่าที่คิดว่ะ เหอะๆ”ดินเล่าเรื่องให้กรณ์ฟังอย่างสยอง เพียงไม่นานรถของวัชก็ได้แล่นเข้ามาจอดถึงยังที่หมายเรียนร้อยก่อนเสียงร้องหลงของดินจะดังขึ้น
“เฮ้ย!”
“เป็นเชี่ยไรของมึง ปัญญาอ่อนรึไงอยู่ดีๆ ก็ร้องออกมาซะกรูตกใจ”กรณ์ด่าดินที่นั่งอยู่ข้างวัชก่อนจะเหลือบตาไปมองตามที่ดินมอง
“สงสัยเพื่อนมึงจะมาเยี่ยมน้องมันว่ะ”วัชพูดขึ้นเหลือบมองกรณ์ที่ทำตาโตกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ
“เชี่ย! มันไม่ใช่เพื่อนกรู ไม่อยากนับว่าเพื่อนเว้ย!”
“ก็เห็นคราวก่อนพากันออกไปหายไปทั้งวัน กรูนึกว่ามึงสานสัมพันธ์กับมันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”
“ไอ้วัชอย่าเล่น กรูไม่อยากจะนึกถึง แม่งคนห่าอะไรเอาตัวเองเป็นใหญ่จนอยากจะบ้า แถมหลงตัวเองจนกรูจะอ้วกออกเป็นช้าง”
“ฮาๆๆ มึงไม่ชอบแล้วทำไมต้องหน้าแดงวะ”
“กรูไม่ได้หน้าแดงมึงอย่ามาเชี่ยไอ้ดิน”
“เออๆ ไม่แดงก็ไม่แดง กรูลงแล้วมึงจะไม่ลงหน่อยรึไงมาถึงแล้วนะเว้ย อย่าบอกนะว่ามึงจะคอยในรถหลบหน้าใครบางคน”
“เชี่ย! กรูไม่มีอะไรต้องหลบ สบายๆ อยู่แล้ว”กรณ์ก้าวออกมาจากรถเชิดหน้ามั่นใจพลางเดินตามหลังวัชเข้าไปในบ้านของทิวาแต่ในใจร้อนรุ่ม กลุ้มไปหมด
.....เป็นห่าอะไรวะ ทำไมต้องมาเจอไอ้บ้านั่นด้วยวันอื่นมีทำไมต้องมาวันนี้ด้วยวะเสือกวันตรงกันกับพวกกรูที่ไอ้ทิวาเรียกรวมตัวเรื่องห่าบ้าบออะไรของมันอีก!
“มากันแล้วเหรอครับนั่งก่อนสิครับ”
“โห! เดี๋ยวนี้กรูเพิ่งรู้ว่าบ้านนี้เปลี่ยนเจ้าของบ้านแล้ว ถึงว่าทำไมบ้านน่าอยู่ขึ้นเยอะเลย”
“มะไม่ใช่หรอกครับพี่ดิน อย่าพูดแบบนั้นสิครับผมเขินแย่”ตอนนี้ผมกำลังต้อนรับพวกพี่วัชพี่ดินแล้วก็...อ่ะนั่นพี่กรณ์ครับ แต่ทำไมต้องเดินตามหลังพี่ดินเป็นเงาแอบอยู่ด้านหลังแบบนั้นด้วยล่ะครับเนี่ย หรือเป็นเพราะพี่ไนท์เหรอครับ
อ่า....ท่าทางจะใช่แฮะ ก็พี่ไนท์นั่งตาขวางอยู่ข้างๆ ผมนี่เอง
“เป็นยังไงบ้างเดย์ ไอ้ทิวารังแกเราบ้างรึเปล่า”พี่วัชนั่งลงถัดจากพี่ทิวาถามผมเป็นเชิงหยอกล้อพี่ทิวา
“พูดอย่างกับกรูเป็นยักษ์เป็นมารนะมึง -_-”
“ไม่หรอกครับ ^^”
“จะเริ่มได้รึยังไอ้ทิวา กรูรอจนเมื่อยแล้วนะเว้ย”พี่ไนท์ท้วงขึ้น
“เฮ้ย! จะทำอะไรของมึงอีกวะ!”พี่กรณ์จ้องหน้าพี่ทิวาที่อย่างสงสัย
“ก็กรูเรียกพวกมึงมาวันนี้ก็เพราะว่ากรูมีเรื่องอยากจะบอก”
“หรือมึงจะทำพินัยกรรมก่อนตาย -O-”
“ไอ้ดิน! มึงจะเป็นใบ้ใครก็ไม่สาปแช่งมึงหรอก”
“พี่ครับ....”ผมปรามพี่ทิวาก่อนจะทำทุกอย่างให้เสียเรื่อง“คือว่าอย่างนี้ครับ....ผมกับพี่ทิวาเราคิดกันน่ะครับว่าอยากจะถ่ายรูปกัน”
“ถ่ายรูป!”เสียงจากพี่ดินพี่กรณ์ดังออกมาพร้อมกันเลยครับ แค่ถ่ายรูปเองทำไมต้องตกใจกันถึงขนาดนั้นด้วยครับเนี่ย
“เออ! มีปัญหารึไงห๊ะพวกมึงๆ ทั้งหลาย”
“จะถ่ายเอาไปทำไมวะ”พี่กรณ์ถามขึ้นสีหน้าเลิกลักมองพี่ทิวาอย่างตกใจ
“ทำไมต้องมีเหตุผลด้วยงั้นเหรอ กรูไม่ถ่ายเอาไว้สาปส่งพวกมึงหรอก”
“แต่กรูไม่ถ่ายนะเว้ย! กรูไม่ชอบถ่ายรูป”พี่กรณ์ท้วงขึ้น
“กรูรู้ว่ามึงไม่ชอบถ่ายรูป แต่ขอสักครั้งได้มั้ยวะมึง หรือต้องให้กรูบังคับ - -; จะเอาอย่างนั้นมั้ย”
“เชี่ย! มึงบังคับกรูรึไงวะ”
“เอ่อ....ไม่ถ่ายก็ไม่เป็นไรก็ได้ครับพี่กรณ์....”
“เห้อ~ รำคาญว่ะ ทำไม? หรือมึงเกลียดกลัวการถ่ายรูปขนาดนั้นเลยรึไง เหอะๆ ตลกว่ะ”จู่ๆ พี่ไนท์ก็พูดขึ้นทำเอาพี่กรณ์หันขวับตาขวางไปมองพี่ไนท์ทันทีเลย แถมพี่ไนท์ยังใจดียิ้มกลับอย่างสวยมาให้ด้วยล่ะครับ ^^
“ไม่ใช่!”
“พี่....”ผมทำท่าจะค้านแต่พี่ทิวาก็กุมมือผมเป็นเชิงปล่อยให้พี่ไนท์จัดการ
ผมไม่คิดว่าการถ่ายรูปเป็นเรื่องใหญ่ แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วมันใหญ่เอามากๆ เลยล่ะครับ เรื่องต้นคิดการถ่ายรูปรวมครั้งนี้เป็นความคิดริเริ่มมาจากผมเองล่ะครับ ทำไมผมถึงอยากเก็บรูปทุกๆ คนที่ผมรักไว้น่ะเหรอ....นั่นก็เพราะว่า ถ้าหากวันหนึ่งวันใด มีเรื่องหรือเหตุการณ์ที่อาจทำให้พวกเราต้องแยกหรือห่างหายไปจนถึงต้องลืมกัน ผมคิดว่ารูปถ่ายใบนั้นคงทำให้เราทุกคนไม่ลืมกันแน่นอนครับ วันที่สุขที่สุดนั้นจะได้เป็นความทรงจำที่มีหลักฐานของพวกเราตลอดไป
“ไม่ใช่แล้วทำไมไม่ถ่าย”
“ใครบอกมึงว่ากรูไม่ถ่าย! ไอ้ทิวาจะไปถ่ายตรงไหนบอกมาเลย กรูจะไปเตรียมตัว”
“ที่สวนหย่อมหลังบ้าน กรูให้ช่างตั้งกล้องรอแล้ว”
“งั้นก็ไปกันเถอะครับ แสงกำลังสวยทุกคนจะได้ออกมาดูดี ^^”
“ไม่ต้องห่วงหรอกเดย์ พวกพี่อ่ะถ่ายที่มืดก็เปล่งรัศมีความหล่อได้ ฮาๆๆ”พี่ดินพูดแล้วหัวเราะยกใหญ่พาเอาผมกับพี่วัชขำไปด้วยเลยครับ
ตอนนี้พวกเรากำลังเกาะกลุ่มกันมีทั้งหมดหกคนครับ ถือว่าครบคนที่ผมต้องการเลยทีเดียว การเกาะกลุ่มถ่ายรูปแน่นอนครับว่าพี่ทิวาไม่ยอมห่างตัวผมไปไหน ไม่ว่าจะมุมซ้ายหรือมุมขวาพี่ทิวาก็ยืนข้างผมเสมอ ส่วนพี่ดินกับพี่วัชก็จัดหล่อกันทุกช๊อตจนผมแอบขำ ไม่วายพี่กรณ์ก็พยายามแยกยิ้มจนเหมือนแยกเขียวด้วยซ้ำ แต่เผลอทีไรพี่ไนท์ก็ชอบไปแหย่พี่กรณ์ให้เจ้าตัวโวยวายทุกที แต่ทั้งสองเหมือนจะพยายามไม่แสดงอาการทะเลาะวิวาทถึงขั้นลงไม้ลงมือกันครับ อาจเพราะเกรงใจผมรึเปล่าก็ไม่แน่ใจ
“ไปไกลๆ ไม่อยากถ่ายรูปใกล้มึง แค่ติดในเฟรมเดียวกันกรูก็สยองแล้ว”
“ชิด ๆ กันไว้นะครับ สนุกร่าเริง เอาอารมณ์ออกมาให้เต็มที่”ช่างภาพก็พูดเอนเตอร์เทนให้พวกเราเอคทีฟตัวเองในการถ่ายรูปสุดๆ เลยครับ ส่วนพี่ไนท์กับพี่กรณ์ก็อย่างที่รู้กันครับ พี่ไนท์ก็เหลือเกินรู้ทั้งรู้ว่าพี่กรณ์ไม่ชอบให้ให้หยอกให้ล้อก็ยังจะเข้าใกล้ไปทำแบบนั้นอีก ผมล่ะเหนื่อยใจครับ
“อ่ะ! ช่างจะถ่ายแล้วกรูไม่เลื่อนที่แล้วเว้ย!”พี่ไนท์พูด
“สาม!”
“งั้นกรูเลื่อนเองก็ได้”พี่กรณ์ไม่ยอมแพ้
“สอง!”
“ไม่ต้อง”
“หนึ่ง!”
“กรูจะไปเว้ย!”
“ไม่ทันแล้วว่ะมานี่!”พี่ไนท์คว้าคอพี่กรณ์เข้ามากอดแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ เล่นเอาพี่กรณ์เผลอร้องลั่นจนพวกเราทุกคนหันไปมองทำหน้าตาตกใจและระเบิดเสียงหัวเราะลั่นกับท่าทางทะเลาะกันเป็นเด็กของสองคนนั้นอย่างสนุกสนาน ก่อนที่ช่างภาพจะกดชัตเตอร์ทันเก็บภาพอันแสนวุ่นวายภาพนี้เอาไว้ได้
“แชะ!”
“ฮาๆ ฮาๆ ฮาๆ!”
.....นี้มันคงเป็นภาพความทรงจำอันแสนวุ่นวายที่ผมจะเก็บไว้ในใจไปตราบนานเท่านานเลยครับ....ภาพที่ผมจะเป็นคนตั้งชื่อให้มันว่า....‘ภาพของความสุขทั้งหก’ดีมั้ยล่ะครับ ^^
จบแล้ววววววว!
เย่ๆ ปลาบปลื้มใจอย่างหาที่สุดมิได้กับเรื่องนี้ (หาคนร่วมฉลอง!!!!)
อยากจะบอกว่าเป็นเรื่องที่อยากให้จบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง แล้วก็สมปรารถนาตัวเองจริงๆ
เป็นตอนจบส่งท้ายที่ทำให้เรื่องสมบูรณ์ และเป็นตอนจบที่น่ารักเอามากๆ เลย ฮาๆ
(แอบปลื้มผลงานตัวเอง แอร็ย~~)
ไม่รู้ว่าจะถูกใจนักอ่านรึเปล่า แต่คนแต่งล่องลอยไปแล้ว
ยังไงก็ขอบคุณนักอ่านทุกท่านนะฮับที่ทำให้คนแต่งคนนี้สามารถเขียนเรื่องจนจบออกมาได้
ไม่รู้จะขอบคุณยังไงจริงๆ แต่หากเรื่องนี้ไม่เป็นที่พอใจก็ขออภัยนะฮับ
ถ้ามีเรื่องหน้าอีกเมื่อไหร่ จะปรับปรุงและแก้ไขให้ดีกว่านี้ เรื่องแรกก็ถือเป็นการลองมือไปก่อนแล้วกัน ^^
ปล.1 จะคิดถึงนักอ่านทุกท่านเลยฮับ กระซิกๆ
(อย่างกับจะหายไป แค่จบเรื่องเองเว่อร์แล้ว -*-)
ปล.2 ถ้ามีอะไรอยากจะบอกคนแต่งก็บอกได้นะฮับ อาจจะตอบแทนนักอ่านได้บ้างเป็นการขอบคุณที่ให้กำลังใจกันมาตลอด ซึ่งท่านได้ออกสิทธิ์แสดงความเห็นมานั้นนับเป็นบุญคุณแก่ผู้แต่งนัก
ปล.3 เรื่องนี้นั้นคนแต่งคิดว่าจะไม่ทำ Part ต่อนะฮับ
ปล.4 สำหรับตอนพิเศษจะนำไปพิจารณาให้ ตกลงปลงใจกับตัวเองแล้วเมื่อไหร่จะมาบอกนะฮับ
ปล.5 ถ้าหากว่ามีเรื่องใหม่ถ้าไม่ลืมกันไป มากิก็อยากให้รับไปพิจารณาด้วยแล้วกันนะฮับ
ก็ขอส่งท้ายสำหรับเรื่องนี้ไว้เพียงเท่านี้นะฮับ รักนักอ่านทุกท่านอย่างน้ำใสใจจริง
^^