สวัสดีฮับ วันนี้เอาตอนใหม่มาส่ง แต่ขอชี้แจ้งอะไรก่อนอ่านกันสักเล็กน้อยนะฮับ
อ่านกันหน่อยเพื่อความเข้าใจจะได้ไม่งงกัน
ตอนนี้จะมีการบรรยายสลับตัวละครสองตัวระหว่างทิวากับเดย์นะฮับ
ถ้าอ่านแล้วจู่ๆ ก็เป็นโลเกชั่นอีกที่และลักษะการบรรยายแตกต่างกันนั่นแสดงว่าเปลี่ยนแล้วนะฮับ
แต่คิดว่าไม่เป็นปัญหาเพราะมีข้อแตกต่างในการบรรยายอย่างชัดเจน
ข้อชี้แจงมีเท่านี้ล่ะฮับ ขอให้อ่านให้สนุกนะฮับ กิ้วๆ (ทำไมต้องกิ้วๆ -*-)ตอนที่ 28 ความหวาดกลัว
ก๊อก ก๊อกๆ!
เสียงเคาะประตูดังขณะที่ผมกำลังยืนผูกไทหน้าตู้กระจกใบยักษ์ เสียงเคาะมักจะดังทุกเช้าจมผมชินไปซะแล้ว บางวันผมก็ออกไปข้างนอกโดยไม่ทานอะไรนั่นก็เป็นปกติของผมเหมือนกัน
“มีอะไร?”
“คุณทิวาจะรับมื้อเช้ารึเปล่าคะป้าจะได้เตรียมไว้ก่อนไปทำงาน”
“ขอกาแฟอย่างเดียว”
“ค่ะ”
ผมเดินวนอยู่ในห้องเพื่อหยิบโน่นนี่ก่อนจะไปทำงานเช่นพวกนาฬิกา โทรศัพท์....พอเห็นโทรศัพท์แล้วผมก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที ก็เมื่อคืนไอ้เดย์ไม่รับสาย ไม่มีข้อความ ไม่โทรกลับ ก็รู้ว่าผมบอกก่อนจะกลับแล้วว่าจะโทรหาหรือมันจงใจจะแกล้งผมให้คิดถึงจนนอนไม่หลับกันแน่ แถมยังสำเร็จด้วยเพราะผมนั่งกดโทรหามันเป็นสิบยี่สิบสายก็ไม่ยอมรับสายผมเลย
ตอนเย็นนี้มึงเจอกรูแน่ไอ้เดย์ กล้าลองของรึไงวะ
“เฮ๊อะ~ ไอ้กระต่ายแฮงซวย! เป็นไงล่ะเจ้าของมึงไม่เอาแล้วภาระกูเลยล่ะคราวนี้...แน่ะ! ยังมองหน้ากรูอีกเด๊ะก็ถีบเข้าให้ อย่าคิดนะว่ากรูจะใจดีด้วยให้อยู่ในห้องกรูก็บุญแล้ว เฮ๊อะ!”ถ้าใครมาเห็นคงคิดว่าผมบ้าแน่ๆ ที่ยืนคุยกับโคมไฟกระต่าย แน่ล่ะว่าหลังจากไอ้เดย์ออกไปจากบ้านผมก็เข้าไปในห้องมันทุกครั้งที่คิดถึงบางครั้งก็เผลอหลับไปในห้องมันทุเรศตัวเองชะมัด วันที่ผมเจอไอ้โคมไฟกระต่ายที่ผมซื้อให้มันก็หลังจากที่มันถูกไอ้ไนท์เอาตัวมันไปจากผมหนึ่งวัน ผมไปเจอไอ้โคมไฟนี่ในตู้เสื้อผ้า....ผมแทบจะอาละวาดบ้านพังเพราะโคมไฟตัวเดียวที่ไอ้เดย์มันไม่ยอมเอากลับไปด้วยแถมยังเอามันซุกหลบไว้ในหลืบตู้อีกด้วย แปลกที่แค่เพราะสิ่งของถึงกับทำให้ผมเจ็บจนอยากจะบ้าตายให้ได้
ไม่รู้หรอกใช่มั้ยว่าแค่ของชิ้นเดียวที่มีความหมายเกือบจะฆ่าผมเข้าให้ ฮึ! ผมก็แทบไม่อยากเชื่อเหมือนกัน
ตอนนี้ผมกำลังเดินลงมาข้างล่างพร้อมกับไอ้โคมไฟกระต่ายนี่ ผมจะเอาไปให้มันหลังเลิกงานถ้ามันไม่รับละก็ผมได้เขวี้ยงมันทิ้งแน่ๆ
“ป้าเตรียมกาแฟไว้ให้แล้วนะคะ”
“อื้ม....บอกคนเตรียมรถให้ผมด้วย”
“ปล่อยกรูนะเว้ยกรูจะเข้าไปหาไปบ้านั่น!!!!”เสียงเอะอะถึงกับทำให้ผมต้องหยุดชะงัก
ผมไม่เคยปล่อยให้หมาที่ไหนมาเห่าในบ้านไอ้บ้านั่นเป็นใครวะ! เห่าไม่รู้จักถิ่น!
ผมหันไปมองอย่างไม่สบอารมณ์ทันทีและเห็นคนที่มาพร้อมเสียงน่ารำคาญเป็นไอ้ไนท์นั่นเอง แต่มันมีอะไรถึงถ่อมาถึงบ้านผมได้ ไปกับไอ้กรณ์กลับมาแล้วงั้นเหรอท่าทางมาด้วยอารมณ์ร้อนซะด้วย ฮึ!
“มาบ้านคนอื่นอย่าทำเสียมารยาทดิวะ!”
“น้องกรูอยู่ไหน!”ท่าทางที่ร้อนใจถามถึงไอ้เดย์น่ะเหรอ
“อย่ามาโวยวายสร้างเรื่อง น้องมึงก็อยู่ที่บ้านมึงจะมาหาอะไรที่นี่ห๊ะ!”ผมทำเป็นไม่สนใจเดินเข้าห้องอาหารของบ้านแต่ก็ถูกไอ้หมาบ้ากระชากตัวกลับมาจนโคมไฟที่ผมถือหล่นลงบนพื้นหลุดมือผมไป หัวใจผมแทบหยุดเต้นทันทีที่มัน.....
เพล้ง!
มันหล่นลงแตกเสียงดังออกเป็นเสี่ยงๆ จนผมรู้สึกใจเสียขึ้นมาก่อนจะเงยหน้ามองไอ้บ้าที่ยืนอยู่ตรงหน้า มันอยากจะหาเรื่องผมนักรึไงวะ! แม่งนั่นของๆ กรูนะเว้ย!
“มึงทำบ้าอะไรของมึงวะไอ้ไนท์อยากจะหาเรื่องกรูมากนักรึไง! ไม่รู้รึไงว่านั้นมัน....”
“ไอ้เดย์หายไปตั้งแต่เมื่อคืนไม่อยู่ที่บ้าน ตอนเช้ากรูหาทั่วบ้านก็ไม่เจอ มันจะไปไหนได้ถ้ามึงไม่พาไป!!!!”เสียงตะคอกของไอ้ไนท์ที่กำลังแทบคลั่งโวยวายลั่นบ้านทำให้ผมรู้สึกตกใจในสิ่งที่มันพูด
เดย์ไม่อยู่กับไอ้ไนท์ที่บ้าน ไม่ได้อยู่กับผมด้วยแล้วมันหายไปไหน!
“บอกกรูมาเดี๋ยวนี้มึงพาน้องกรูมาที่นี่ใช่มั้ย!”ไอ้ไนท์กระชากเสื้อผมอย่างเอาเรื่อง ตอนนี้ผมเริ่มชักจะใจไม่ดีซะแล้ว
“ปล่อย! น้องมึงไม่ได้อยู่ที่นี่!”ผมตอบมันก่อนจะปัดมือมันออก แล้วผมก็รีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างร้อนใจ
“กรูไม่เชื่อ เดย์จะไปไหนโดยไม่บอกกรูเลยได้ยังไง เหอะ! มึงโกหกกรูใช่มั้ย!”
“เชิญไปหาด้วยตัวมึงเองได้เลยถ้ามึงไม่เชื่อกรู......กรูจะไม่แจ้งความขอหาบุกรุกบ้าน!”ผมตะคอกมันก่อนที่มันจะสงบ ดูเหมือนว่านี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ซะแล้วต้องมีอะไรแน่ๆ
“ไอ้วัชเดย์อยู่กับมึงรึเปล่าวะ.....เอ่อ....ขอบใจมาก เดย์หายไป มีข่าวอะไรก็โทรมาบอกกรูด้วยแล้วกัน”ผมโทรไปถามไอ้วัชแล้วไอ้เดย์ไม่ได้อยู่กับมัน ส่วนไอ้ดินอยู่กับไอ้วัชเลยไม่ต้องถามไอ้วัชเลยอาสาช่วยตามหาอีกแรง
“ไอ้กรณ์เดย์ไปกับมึงรึเปล่า.....กรูไม่รู้ว่าเกิดอะไร.......อื้มขอบใจมีอะไรโทรหากรู”ส่วนไอ้กรณ์ก็เหมือนจะเพิ่งตื่นมันไม่รู้เรื่องด้วยเหมือนกัน
มึงหายไปไหนวะไอ้เดย์รู้มั้ยตอนนี้ทุกคนเค้าเป็นห่วงมึงกันใหญ่ โธ่เว้ย!
“กรูจะทำยังไงดี...เดย์มันหายไปไหนกัน....เพื่อนที่สนิทๆ ด้วยกรูก็โทรไปถามแล้วไม่มีใครรู้ แถมมันจะไปไหนได้ไกลยังไงถ้าไม่มีคนพาไป”ดูเหมือนคนที่แทบจะจะบ้าเพราะไอ้เดย์คงเป็นไอ้ไนท์ แต่ผมไม่อยากจะสติแตกตอนนี้ผมต้องคิดให้ได้ว่าไอ้เดย์มันหายไปไหนกับใคร“กรูจะแจ้งความ!”
“มึงไม่รู้รึไงว่าถ้าคนหายไม่ถึง 24 ชั่วโมงทางทางสถานีจะไม่รับบันทึกประจำวัน”
ผมรู้ว่ามันร้อนใจ ผมก็ร้อนใจเป็นห่วงไม่แพ้มันเหมือนกัน....ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับไอ้เดย์ผมจะไม่ให้อภัยตัวเองเด็ดขาด!
“แล้วจะให้กรูทำยังไง รอเฉยๆ งั้นเหรอไม่มีทาง!”
“ไม่อยากรอก็ต้องคิดสิวะ! คิดว่าไอ้เดย์มีที่ไหนที่จะไปอีกบ้าง ไม่ใช่ให้มึงมาสติแตกจนทำอะไรไม่ได้แล้วแบบนี้จะเจอน้องมึงได้รึเปล่า! ถึงมึงจะเกลียดกรูแต่รู้ไว้ซะว่ากรูรักน้องมึงและไม่อยากให้มีเรื่องแบบนี้ด้วย!!!!”ผมเหวี่ยงเสื้อสูทลงกลางพื้นก้อนจะคลายเนคไทที่รั้งคอให้หย่อนลงแล้วรีบเดินออกจากบ้านไปไม่สนอะไรแล้วทั้งนั้น แม้กระทั่งไอ้ไนท์ที่แทบจะร้องไห้เพราะทำอะไรไม่ถูก
“มึงจะไปไหน!”
“กรูจะขับรถไปหาไอ้เดย์แถวบ้านมึงอีกที.....อาจจะเจอ”ผมอยากให้มันเป็นอย่างที่ผมพูดที่สุด ไม่อยากให้เกิดเรื่องเลวร้ายกับมันเด็ดขาด!
“กรูจะไปด้วย”
“แล้วแต่มึงสิวะ!”
ผมเหยียบคันเร่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนจะวนเข้าหมูบ้านไอ้เดย์ ผมชะลอรถมองข้างๆ ริมถนนอาจจะเจอไอ้เดย์เดินอยู่ก็ได้ ผมขับวนทุกซอยในหมูบ้านจนเกือบจะสองชั่วโมงมันทำให้ผมหมดความอดทนจนถึงที่สุด!
ปึก!
“โธ่เว้ย! ทำไมไม่เจอ มึงหายไปไหน ไม่ได้คิดจะเล่นอะไรบ้าๆ แบบนี้ใช่มั้ยไอ้เดย์!!!!”ผมทุบพวงมาลัยรถให้มันเป็นที่ระบายชั่วคราว เพราะผมไม่รู้จะทำยังไงดีแล้วจริงๆ ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับไอ้เดย์แม้กระทั่งที่ๆ มันอยากไป หรือบ้านเพื่อนสนิทเลยสักอย่าง ผมมันโง่ ผมมันงี่เง่าที่สุดให้ตายเถอะ!
เอี๊ยดดดด!
ผมเลี้ยวรถเข้ามาจอดหน้าบ้านไอ้ไนท์ซึ่งตอนนี้รถของมันกำลังจอดคาทางเข้าหน้าบ้านดูเกะกะ ผมเปิดประตูลงจากรถเดินเข้าไปหาไอ้ไนท์ที่ตอนนี้เหมือนกำลังดูอะไรสักอย่างที่เจออยู่ในมือ
“โทรศัพท์.....”
“ขอดู”ผมรีบคว้าโทรศัพท์ที่อยู่ในมือไอ้ไนท์มาดู ทันทีที่เห็นผมก็จำมันได้ว่าเจ้าของของมันคือใคร ทันทีที่รู้ผมถึงกับรู้สึกชาวาบไปทั้งตัวจนแทบทรงตัวยืนไม่ไหวเลยก็ได้ ผมกำโทรศัพท์ในมือแน่นกัดฟันกรอดโมโหจนแทบควบคุมตัวเองไว้ไม่อยู่ ผมเขวี้ยงโทรศัพท์ที่คว้ามาได้เมื่อครู่ลงกับพื้นคอนกรีตจนมันแตกออกเป็นเสี่ยง! อย่างแค้นใจ สิ่งที่ผมอยากเห็นไม่ใช่แค่โทรศัพท์มันที่แตกละเอียด แต่อยากเห็นไอ้คนที่คิดทำอะไรชั่วๆ แหลกคามือผมมากกว่า!
“ไอ้โจ! ไอ้เลว!”ถึงเอาช้างมาฉุดตอนนี้ก็รั้งความโกรธจนอยากจะฆ่าคนของผมไม่ไหวแล้ว
......มันกล้าดียังไงที่บังอาจมาแตะต้องของของกรู แล้วมึงจะรู้ว่านรกบนดินมีจริงไอ้พวกเลวทราม!
“มึงจะไปไหน รู้แล้วรึไงว่าเดย์อยู่ไหน!!!”เสียงไอ้ไนท์ตะคอกตามหลังผมทันทีที่ผมก้าวขายาวๆ กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปขึ้นรถ ผมหันหลังไปพูดกับคนที่ผมรู้สึกอยากจะขอโทษตอนนี้ที่สุดว่า
“น้องของมึงกรูขอรับผิดชอบด้วยชีวิต!”
....ถ้าไม่เพราะผมเดย์คงไม่ต้องมีเรื่องสกปรกแบบนี้เข้ามาในชีวิต เพราะฉะนั้นผมไม่ยอมให้คนที่ผมรักต้องมารับเรื่องเลวๆ พวกนี้แน่! ผมมันเลวคนเดียวก็เกินพอแล้ว
“เดี๋ยว!”
“..........”ผมหันไปตามเสียงเรียกอีกครั้งก่อนขึ้นรถ
“กรูจะเชื่อมึงดูสักครั้ง ขอแค่เอาน้องกรูกลับมาให้ได้ก็พอ....”
“กรูสัญญา!”ตอนนี้แค่ผมเห็นหน้าไอ้ไนท์ที่เศร้าขนาดนั้นผมยิ่งรู้สึกปวดใจยิ่งขึ้น เรื่องนี้ผมคนเดียวเท่านั้นที่ต้องจัดการให้ได้
“ไอ้วัชช่วยอะไรกรูหน่อย....ลากคอไอ้พวกหนูสกปรกออกมาให้กรูสักตัว.....ใช่ได้เรื่องแล้ว....อืมไอ้โจตัวการ....กรูจะรอที่เลาจ์ในคลับสะดวกที่สุด....ติ๊ด!”
ซ่าส์!!!
“แฮกๆ แฮกๆ”
“ตื่น! หมดเวลาหลับฝันหวานแล้วไอ้น้องชาย”
“แฮกๆ!”ผมขยับเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งพร้อมกับน้ำเย็นเยือกที่สาดเข้าใส่หน้าจนผมสำลักโดยไม่ทันได้สติ ผมรู้สึกหนาวเข้ากระดูกเลยครับแถมยังรู้สึกหายใจไม่สะดวกด้วย มองอะไรก็ดูเหมือนจะพร่าเลือนไปบ้างผมสะบัดศีรษะเล็กน้อยเพราะรู้สึกมึนงง ทันทีที่ผมได้สติมาเกือบครบถ้วนภาพของชายสองคนที่พยายามจับผมแล้วใช้ผ้าปิดจมูกผมก็ผ่านเข้ามาในหัว ก่อนที่ผมจะถูกความมืดพรากสติที่มีไปจนหมด ในคืนนั้น....ไม่มีใครที่ผมรู้จักอยู่ตรงนั้น ผมร้องเรียกขอความช่วยเหลือไม่ได้ ทุกคนหายไปหมดปล่อยให้ผมถูกคนพวกนี้จับตัวมา.....
ฮึก....มะไม่มีใครช่วยผม ผม...ผมไม่อยากอยู่กับคนพวกนี้ ไม่ต้องการอยู่ ผมต้องหนีออกไปหนีไปจากที่นี่!
ผมรวบรวมพละกำลังที่มีดันตัวเองลุกขึ้นจากพื้นห้องสี่เหลี่ยมไม่ใหญ่มากนักมันเป็นเหมือนห้องนอนเล็กๆ ที่ไม่ได้ใช้มานานมาก ทั้งกลิ่นอับและฝุ่นผงที่เกาะจับตามพื้นจนหนาเตอะ ห้องทั้งห้องไม่ได้รับการตกแต่งแต่ยังปล่อยให้ผุพังไปตามกาลเวลา มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกแย่เข้าไปอีก
“คิดจะคลานไปไหนวะ! ฮาๆ ฮาๆ”
ทันทีที่ผมพยายามยันตัวลุกขึ้นร่างกายผมที่มันสั่นสะท้านก็ล้มลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง ห้องทั้งห้องหมุนคว้างอย่างน่าตกใจจนผมแทบไม่อยากจะเปิดตามอง ภายในหัวของผมมันเหมือนเริ่มถูกบีบจนแทบจะระเบิดให้ได้ ทันทีที่ผมยกมือขึ้นสัมผัสศีรษะของตัวเองผมก็เพิ่งรู้ว่ามือทั้งสองข้างของผมใส่กุญแจมือเอาไว้ส่วนเท้าของผมก็ถูกมัดตรึงเข้าด้วยกันกับเชือกเส้นหนาจนมันแดงช้ำเป็นจ้ำเลือด ร่างกายของผมท่อนบนเปลือยเปล่ามีเพียงกางเกงตัวเก่าๆ ที่ผมไม่คุ้นตา หัวใจผมแทบหยุดเต้นทันทีที่สังเกตเห็นตัวเองในสภาพน่าสังเวชแบบนี้
กะเกิดอะไรขึ้นกับผม เสื้อ..เสื้อผ้าของผมล่ะ
ฮึก....ผมรู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ผมจะมาร้องไห้ แต่ว่า....แต่ว่าผมนะ....ฮือๆ ผมจำอะไรไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมด้วยซ้ำทั้งๆ ที่ผมเป็นแบบนี้แท้ๆ
.....ขอบตาของผมร้อนผ่าวดวงตาทั้งสองข้างเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาก่อนที่มันจะค่อยๆ เอ่อล้นไหลรินปราศจากเสียงสะอื้น ผมมองมือตัวเองที่ทั้งเย็นและซีดเซียวด้วยใบหน้าที่แทบขาดสติพร้อมทั้งหัวใจที่ไร้วิญญาณ ผมพยายามกอดตัวเองด้วยมือที่สั่นเท่าซุกหน้าที่เปื้อนน้ำตาไว้ในผ่ามือซีดๆ ที่ไร้ไออุ่นให้แอบอิง
“จะไม่พูดอะไรสักหน่อยเหรอวะไอ้น้องชาย บางทีกรูอาจจะช่วยได้ ฮาๆ”
“เห้อ~.......น่าตาออกจะน่ารักน่าเอ็นดูท่าทางจะลูกคุณหนูจัด เอามาทำแบบนี้เสียของแย่เลยวะเสร็จงานนี้สงสัยกรูอาจจะขอเอาไปเลี้ยงซะหน่อยแล้ว”
“เหอะ! ไม่มีทาง มันต้องได้กรูสิวะ....ผิวก็ขาว หน้าก็ใส่ ตัวก็เล็กแบบนี้ให้ตายกรูยอมแย่งสุดใจ”
“เพี๊ยะ! ไปให้พ้นนะ!!!! ฮึก...”
น่าขยะแขยงที่สุด มือสกปรกพวกนั้นจะแตะต้องตัวผมงั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก ไม่มีทาง!
“อย่าเล่นตัวให้มากเลย อยู่ในสถาพนี้แล้วคิดว่าตัวมึงมีค่ามากรึไงวะ!”ชายร่างสูงที่หน้าตาไม่ได้หน้าเกลียด แต่สิ่งที่เค้าทำมันน่าเกลียดและน่าขยาด ผมไม่ต้องการให้คนพวกนี้มาเข้าใกล้ผม ฮือๆ ใครก็ได้เอาผมออกไปจากที่นี่ที ผมกลัว....ฮือๆ
“ใจเย็นๆ สิวะไอ้ไผ่น้องเค้ากลัวมึงแย่”ชายอีกคนที่สูงพอๆ กันหน้าตาก็ถือว่าหล่อเหลาเข้ามาตบบ่าคนชื่อไผ่ให้ล่าถอยออกไปก่อนที่จะเข้ามาใกล้ผมแล้วย่อตัวลงมองผมแต่ไม่สัมผัสก่อนจะยิ้มให้
แต่รอยยิ้มพวกนั้นผมไม่ต้องการ!
“นี่! รู้ตัวรึเปล่าว่ามึงอ่ะน่ากอดขนาดไหน ถ้าเมื่อคืนไม่ติดตรงที่ไอ้โจบอกให้พวกกรูรอจัดการเรื่องของมัน....รับรองว่าสุดๆ ไปแล้ว”
“สะเสื้อผ้าของผมอยู่ไหน ผะผมต้องการของๆ ผมคืน ฮือๆ ”เสียงสั่นพยายามออกเสียงเท่าที่ผมจะทำได้ รอบๆ ตัวของผมเต็มไปด้วยความน่ากลัวจนผมคิดอะไรไม่ออกเลยครับ น้ำตาผมมันก็ไหลไม่หยุดด้วย น้ำที่เปียกตัวก็ยิ่งทำให้ผมหนาวสั่นจนปากซีด
“เสื้อผ้าน่ะเหรอ....อืม....ไอ้ไผ่ไปเอามาดิ๊!”
“กะเกิดอะไรขึ้นกับผม พวกคุณทำอะไรผมกันแน่ ฮือๆ ผมไม่เคยไปทำอะไรใคร ทำไมต้องทำกับผมถึงขนาดนี้ด้วย...”
“อยากรู้รึไงว่าเกิดอะไร.....”มือใหญ่ยืนเข้ามาสัมผัสแก้มของผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ผมพยายามหลบและปัดออกแต่เหมือนผมจะทำได้แย่ที่สุด
“ฮือๆ อย่านะ อย่าแตะต้องตัวผม ฮือๆ ใครก็ได้ช่วยด้วย!”
มือใหญ่ค่อยๆ ลูกไล้ไปตามต้นคอของผมก่อนจะไล่ไปตามร่างกายที่ปฏิเสธคนตรงหน้าด้วยท่าทีรังเกียจผมกัดริมฝีปากของตัวเองแน่นพร้อมหลับตาที่เอ่อไปด้วยหยาดน้ำตา หัวใจของผมเหมือนกำลังถูกย่ำยีอย่างไร้ความปราณีทีละน้อย
ฮือๆ พี่ทิวาอยู่ที่ไหนทำไมไม่มาช่วยผมล่ะ.....
“ร้องไปก็ไม่มีอัศวินที่ไหนมาช่วยมึงได้หรอก.....แต่ถ้า....ยอมสนุกกับกรูนิดๆ หน่อยๆ กรูอาจจะ.....”ใบหน้าที่ผมขยาดยื่นเข้ามากระซิบใกล้ พร้อมกับมือที่รั้งเอวผมให้เข้าใกล้ ลมหายใจอุ่นของคนตรงหน้าคลอเคลียแก้มเย็นจนผมรู้สึกถึงความอุ่น แต่ถ้าความอุ่นจากคนพวกนี้ผมไม่ต้องการหรอก ผมยอมหนาวตายดีกว่า! ฮึก!
ปวดใจครับ...รู้สึกปวดใจเหลือเกิน......
“ไม่มีทาง! ร่างกายผมนะ...ฮือๆ ไม่มีทางที่จะยกให้ใครเด็ดขาด!”
เพราะผม...ผมสัญญาไปแล้วว่าจะให้คนที่ผมรักเพียงคนเดียว.....
“เฮ่! ให้กรูไปแล้วมึงจะทำอย่างนั้นเหรอวะไอ้เค!”
“กรูแค่ล้อเล่นนิดหน่อยกับมันเท่านั้นเองนา....มันถามกรูว่าเกิดอะไรขึ้นกับมัน...มึงบอกหน่อยดิ๊กรูไม่อยากจะพูดเดี๋ยวอารมณ์มันขึ้นวะ หึๆ”
“มึงอยากรูเหรอวะ....ก็เมื่อคืนน่ะพวกกรูจับมึงถอดเสื้อผ้า....แล้วก็สัมผัสไปทีละส่วน ทีละส่วน....จะไม่ถามหน่อยเหรอว่าสัมผัสตรงไหนบ้าง.......”สายตาที่ผมเกลียดมองร่างกายของผมเหมือนจะทุละ แค่นั้นยังไม่พอ....ประโยคพวกนั้นกำลังเชือดเฉือนความรู้สึกของผมให้ขาดวิ่นไปทีละน้อยอย่างแยบยล ใบหน้าที่ระคนไปด้วยความเจ็บปวดของผมไม่สามารถช่วยอะไรผมได้เลยแม้แต่น้อย
“ผมไม่อยากฟัง!!!! ไม่อยากฟัง ไม่อยากฟังอีกแล้ว...ฮือๆ ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย ทำไมต้องเป็นผม.....ฮือๆ ทำไมต้องทำร้ายจิตใจผมด้วยวิธีแบบนี้ด้วย ฮือๆ ผมน่ะ...ผมรักคนๆ นึงมันผิดมากถึงขนาดนี้ด้วยเหรอครับ.....ฮือๆ”
น้ำตานับสิบหยดไหลรินพร้อมความรู้สึกหวาดกลัวและเสียใจ สิ่งที่เกิดขึ้นมันกำลังเลวร้ายที่สุดเกินที่ผมจะรับได้ แล้วแบบนี้ผมจะสู้หน้าใครได้...ผมรู้สึกเหมือนตัวเองน่าขยะแขยงไปด้วย ฮือๆ
พี่ทิวาครับ พี่อยู่ไหน....ถ้าพี่เห็นผมในสภาพนี้พี่จะยังชอบผมอยู่รึเปล่า ยังรักผมลงอีกมั้ย ยังจะอยากเข้าใกล้ผมเหมือนเดิมอย่างที่ทำรึเปล่าครับ....ฮือๆ
“บอกมาว่าตอนนี้ไอ้โจเพื่อนมึงไปมุดหัวอยู่ที่ไหน”
“ทำไมมึงไม่ไปถามมันเองวะ! ถุ้ย!”
“เหตุผลเหรอ...ไอ้นี่ไง! ผั๊วะ!”หมัดหนักๆ ของผมปลิวไปกระแทกหน้าไอ้หนูสกปรกที่เกลือกกลั้วอยู่กับไอ้โจไปเต็มๆ ไอ้วัชเป็นคนลากมันมาจากสังคมเน่าๆ ที่มันอยู่หลังซอกอับๆ ในบาร์แถวย่านตัวเมือง ไม่มีทางที่พวกนี้จะไม่รู้ว่าไอ้โจอยู่ที่ไหนแน่ๆ“นั่นเป็นเหตุผลข้อแรก....อยากฟังข้อต่อไปมั้ยล่ะ!”
“อย่าเอาถึงตายไอ้ทิวา”เสียงนิ่งๆ และดวงตาที่เยือกเย็นมองผ่านกรอบแว่นสีแดงสดตรงมุมหนึ่งของเลาจ์ที่ผมสั่งเหมาเป็นการส่วนตัว และข้างๆ ผมอีกสองคนคือไอ้ดินกับไอ้กรณ์ที่ยืนคุมไอ้หนูสกปรกอยู่ข้างๆ เรื่องนี้พวกมันยกให้ผมจัดการด้วยตัวเองตามที่ผมต้องการ สิ่งที่ไอ้วัชพูดเมื่อครู่ผมไม่เคยทำใครให้ถึงตาย อย่างมากก็แค่โคม่าไปหนึ่งเดือนเต็มๆ
แต่สิ่งที่ผมทำ ผมคิดว่าตัวเองใจเย็นมากพอแล้วด้วยซ้ำ....
“ปึก! พูดออกมาถ้ามึงยังไม่อยากจะตายตรงนี้”ผมใช้เท้ายันอกของมันเอาไว้ ดวงตาที่สั่นเคลือเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเป็นสัญญาญาณว่าอีกไม่นานผมคงจะได้รู้ความจริง
“กรูไม่รู้!”
ผั๊วะ! ผมถีบอกมันสุดแรงจนไอ้หนูสกปรก หงายหลังกุมอกตัวเองด้วยความเจ็บ แค่นี้มันยังไม่พอหรอกสำหรับสิ่งที่ผมกำลังเจ็บแค้น!
“กรูตัดสินใจแล้ว.....เอามันไปฆ่าแล้วโยนทิ้งทะเลไปซะให้ไกลได้ยิ่งดี กรูชักเกลียดขี้หน้ามันว่ะ!”ผมตัดสินใจพูดออกไปก่อนจะเดินออกมาจากเลาจ์
“ดะเดี๋ยว! เดี๋ยว! กรูพอจะรู้ กรูพอจะรู้ว่าไอ้โจตอนนี้อยู่ที่ไหน!”
เห็นมั้ยล่ะว่าใครๆ ก็กลัวตาย!
“งั้นเหรอ.....”ผมหยุดกึกพูดออกไป ก่อนที่มันจะบอกที่อยู่ของไอ้โจให้ผมอย่างหมดเปลือก“ยังรักชีวิตอยู่ล่ะก็...ไสหัวไปซะอย่าให้กรูเห็นหน้ามึงอีก!”ไอ้หนูโสโครกนั่นวิ่งออกจากเลาจ์อย่างรวดเร็วก่อนจะสวนเข้ากับใครบางคนที่เดินเข้ามา
“ขอโทษครับ...เอ่อ...ผะผมเอาของมาส่งให้คุณทิวาครับ”ดูจากการแต่งตัวแล้วหมอนั่นเป็นพนักงานของที่นี่ แต่ใครกันที่ส่งซองบ้าๆ นั่นมา ซึ่งมันน่าสงสัยเพราะยังไงทีนี่มันก็ไม่ใช่บ้านผม
“ผมชื่อทิวา”หลังจากที่ผมรับซองเอกสารสีน้ำตาลขนาดเอห้ามาแล้ว ไอ้คนส่งก็รีบวิ่งหายออกไปทันที ผมมันน่ากลัวขนาดนั้นเลยรึไงห๊ะ!
ผมฉีกมันเปิดออกดูอย่างไม่ใส่ใจก่อนที่ของที่อยู่ข้างในถึงกับทำให้ผมแทบช็อคจนตาค้างมือไม้แข็งแกร็งไปหมด ผมหยิบรูปถ่ายซึ่งในภาพมีเดย์ที่ไม่ได้สติอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า รอยจ้ำสีแดงตามตัวจางๆ ยิ่งทำให้ผมแค้นใจที่สุด แค่รูปสองสามรูปที่ผมเห็นมันก็มากพอที่จะทำให้ผมเจ็บใจจนถึงที่สุดแล้วจะให้ผมทนดูรูปนับสิบใบที่เหลือนี่ได้ยังไง
มันกล้าทำกับเดย์ถึงขนาดนี้เลยเหรอไอ้ชั่ว! เคยบอกแล้วไงว่าแตะเดย์แม้แต่นิดเดียว จะว่ากรูใจร้ายไม่ได้!!!!!
แกรบ!
ผมขย้ำรูปถ่ายพวกนั้นทั้งหมดจนยับคามือด้วยความแค้น อีกใจนึงก็อยากจะไปช่วยเดย์ให้เร็วเท่าที่ทำได้ แต่ถ้าผมวู่วามล่ะก็ เรื่องชั่วๆ พวกนี้มันอาจเป็นฝันร้ายของเดย์ตลอดไปก็ได้
“โธ่เว้ย!!!!!”
“เกิดอะไรขึ้น ในมือมึงเป็นอะไรวะ!”
“หรือว่าได้เรื่องแล้วเหรอวะ!”
“เอาของสกปรกพวกนี้ไปเผาซะอย่าให้เหลือซาก พวกมึงห้ามดูเด็ดขาด! ไอ้วัชไปกับกรู ส่วนไอ้ดินกับไอ้กรณ์ช่วยไปรอที่บ้านไอ้เดย์บอกไอ้ไนท์ไม่ต้องเป็นห่วง”
“ทะทำไมกรูต้องไปที่นั่น....”
“ไอ้กรณ์มึงอย่าเพิ่งโวยวายเก็บเรื่องส่วนตัวไว้ก่อน”ไอ้ดินลากไอ้กรณ์ออกไปส่วนผมกับไอ้วัชก็ได้เวลาออกเดินทาง ผมเลือกให้ไอ้วัชไปกับผมเพราะผมรู้ว่าเวลาผมโกรธจนขาดสติแล้ว ต้องมีคนๆ นึงที่พึ่งพาได้ที่สุดควบคุมสถานการณ์อยู่ใกล้ๆ ผมไม่อยากทำอะไรพลาดจนทำให้เดย์เจ็บตัว แค่นี้เดย์ก็เจ็บเพราะผมมากแล้ว....นี่เป็นครั้งแรกที่ผมอยากจะร้องไห้และแทบจะทำอะไรไม่ถูกกับสถานการณ์บ้าๆ พวกนี้ด้วย ฮึก!
จบไปอีกหนึ่งตอนอย่างระทึกใจคนแต่ง ปาดเหงื่อสิบรอบกว่าจะเสร็จทำเอาหมดพลังงานไปกว่าครึ่ง(เว่อร์จนได้)
ไม่รู้ว่าทำไมชอบติดนิสัยแต่งค้าง แต่มันก็ดูลุ้นจนตัวโก่งได้อีก ฮาๆ ^^ พร้อมๆ กับลุ้นกลัวโดนประชาทัณฑ์ด้วย
ช่วงนี้ก็อย่าไปไหนกันไกลนะฮับ เพราะบางท่านอาจจะใกล้เปิดเทอมกันแล้ว
เวลาคงมีไม่มากเหมือนก่อนเก่ามาเฝ้าบอร์ด(น่าเศร้าอะไรอย่างนี้)
แต่คนแต่งเองยังพอมีเวลาอยู่ฮับ แต่อาจน้อยลงเหมือนกัน เลยจะรีบแต่งลง แต่งลงเท่าที่ทำได้นะฮับ
ตอนนี้ก็ฮึดสู้สุดใจขาดดิ้นแทบจะลงวันต่อวัน หรือวันเว้นวันกันเลยทีเดียว สังเกตได้ว่าเร็วมากนี่ก็ 28 ตอนแล้ว
มาถึง ปล. กันบ้าง อิอิ^^ (ก็รู้ว่าข้าพเจ้าชอบ ปล.)
ปล.1ขอบคุณทุกรีฮับที่ติดตามกันมา อาจมีช่วงที่หายไปครั้งหนึ่ง แต่ก็ไม่ลืมกันข้อนี้ซึ้งมาก
ปล.2 รักตัวเองเป็นรูปแบบหนึ่งของความรัก แม้จะไม่สง่างามนัก......แต่ก็ชอบธรรม [ข้อนี้อาจไม่เกี่ยว ชอบเลยเอามา อิอิ ^^]
เอาไว้พบกันตอนหน้าอีกนะฮับ