ไม่พูดพร่ำทำเพลงฮับ รีบเข็ญตอนที่ 27 มาอย่างไวเป็นการไถ่โทษที่หายไปอาทิตย์กว่าๆ นิดๆ จิ๊ดๆ แหะๆ
ใครที่คิดถึงพี่ทิวาตอนนี้ก็เอามาให้หายคิดถึงกันฮับ
ขอให้อ่านให้สนุกนะฮับ! ^^ตอนที่ 27 เมื่อกลางวันมาเยือน
วันนี้คงเป็นวันที่วุ่นวายที่สุดในรอบสัปดาห์เลยล่ะครับ ก็พี่ไนท์ดันสร้างเรื่องปวดหัวให้ผมจนได้แถมบอกว่าจะไม่กลับมาทานข้าวเย็นอีก ไปคนเดียวผมจะไม่กังวนใจหรอกครับแต่พี่ไนท์ดันพาพี่กรณ์ไปด้วย ยังไงผมก็ยังเอะใจอยู่ดีล่ะครับว่าทั้งสองคนจะดีกันได้จริงๆ แต่ถ้าไม่ดีกันอยู่ใกล้กันขนาดนั้นก็คงจะทะเลาะกันอีกแน่ๆ เลย แล้วถ้าเกิดแม่โทรมาผมจะต้องโกหกให้พี่อีกงั้นเหรอ ทำไมเรื่องของพี่ผมต้องมาบากหน้าพูดโกหกให้ด้วยนะ
ตรู๊ดดดดด! ตรู๊ดดดดดด!
“เฮือก! ทะโทรศัพท์ดัง”จะเป็นแม่รึเปล่าที่โทรเข้ามา ท่าทางจะโทรเข้าโทรศัพท์พี่ไนท์แล้วไม่ติด ที่ผมรู้เพราะโทรไปแล้วน่ะสิครับแต่ตอนผมโทรพี่ไนท์ปิดเครื่องหนีทำเอาผมปวดหัวตุบๆ ตรงขมับอยู่พักนึงเลยทีเดียว คราวนี้แม่คงโทรเข้าโทรศัพท์มือถือผมแทน แต่วันทั้งวันแม่น่าจะโทรเข้าโทรศัพท์บ้านนี่ครับ
ผมใจเต้นถี่ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงภาวนาให้แม่ไม่ถามเรื่องพี่ก็เป็นพอครับ จะเรื่องอะไรสำคัญก็ตามแต่ผมรับได้หมด
“ฮะฮัลโหลครับ....>_o”ผมขานรับอีกปลายสายปิดตาหยี่ลุ้นว่าอีกปลายสายจะพูดทักด้วยประโยคอะไร ที่ผมได้ฟังประจำจากแม่คือ ‘พี่ไนท์อยู่ไหนเรียกตัวมาคุยกับแม่’หรือไม่ก็‘เหลวไหลกันไปใหญ่แล้วรึไง’บวกกับน้ำเสียงทรงอิทธิพลของแม่แล้ว บอกได้เลยครับว่าแทบจะคายความลับทุกอย่างที่มีบอกกับแม่ไปให้หมด -_-;
“เป็นอะไร.....น้ำเสียงมึงฟังดูแปลก หรือตกใจรึไงที่กรูโทรมา - -”
พี่ทิวา! ผมรู้สึกเหมือนมีใครสักคนเอาเค้กวันเกิดก้อนโตที่ตกแต่งอย่างสวยงามจนสุดฝีมือมาเซอร์ไพรส์ตรงหน้าเลยครับ ทั้งแปลกใจ ดีใจจนทำอะไรไม่ถูก หัวใจผมมันก็กำลังพองโตน่าดู
“พะพี่ทิวาหรอกเหรอครับ”ผมกำโทรศัพท์ตัวเองแนบหูแน่นไม่ยอมให้มันหลุดมือแน่ๆ ครับ
“คิดว่าใครล่ะ....หรือมึงแอบนอกใจกรูรึเปล่าเห็นว่ากรูยุ่งๆ แล้วคิด....”
“พี่ครับไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย”
“ไม่ใช่แล้วอะไร พูดมา”เสียงดุของพี่ทิวาทำให้ผมรู้สึกร้อนใจแปลกๆ ครับยังไงพี่ทิวาก็เป็นพี่ทิวาอยู่วันยังค่ำ แต่ถึงจะพูดจาห้วนๆ แต่ผมกลับดีใจที่ได้ยินเสียง แปลกมากสินะครับแค่นี้ผมก็ยังรู้สึกดีใจจนใจเต้นไม่เป็นอันทำอะไรแล้ว แต่ยิงเจอตัวจริงผมก็เหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินทุกทีเลยครับ
“ผม คือผม....ไม่ได้คิด นอกใจอะไรทั้งนั้นนะครับ”ผมพูดแบบนี้มันดูเหมือนยอมรับสภาพตัวเองตอนนี้เต็มๆ ยังไงก็ไม่รู้สิครับ....เห้อ....ทำไมผมถึงไม่กล้าที่จะพูดตรงๆ ได้เหมือนพี่ทิวาหรือคนอื่นๆ นะ ทั้งๆ ที่เป็นความรู้สึกของตัวเองแท้ๆ
“หึ! เจ้าโง่น้ำเสียงแบบนั้นไม่มั่นใจที่จะพูดเลยนะ หรือไม่อยากพูดกับกรู?”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับความจริงแล้วผมน่ะ.....”
“ถ้ายังไม่พูดออกมานับหนึ่งถึงสามกรูวางสาย....”
“พี่ครับเดี๋ยวครับ!”
“อ่ะพูดมากรูจะฟัง...ไม่เข้าหูมึงโดนแน่”
“ผมน่ะ...ดีใจนะครับที่พี่โทรมา...คิดถึง ผะผมคิดถึงพี่ทิวานะครับ”ในที่สุดก็พูดไปแล้ว
“หึๆ น่ารักว่ะ กรูก็คิดถึงมึงเหมือนกัน ไอ้พวกงานงี่เง่านั่นทำเอากรูเหนื่อยแทบตายจนแทบหมดแรงเดินไม่ไหวอยู่แล้ว....ออกมาเจอกรูหน่อย”ไหนว่าหมดแรงไงครับ
“อะไรนะครับ!”
“กรูบอกว่าให้มึงออกมา....กรูอยู่หน้าบ้านมึงเนี่ยยุงกัดจะตายอยู่แล้ว แม่ง! คับยิบ!”
“คิก คิก ยุงแค่กัดไม่ถึงตายหรอกครับพี่ ^^”ผมแทบกลั้นหัวเราะและความดีใจแทบไม่ไหวครับ ทันทีที่พี่ทิวาบอกว่าอยู่หน้าบ้านผมก็รีบออกมาดูด้วยตาตัวเองว่าจริงรึเปล่า พี่ทิวาไม่ได้พูดโกหกจริงๆ ครับผมเห็นพี่ทิวา เห็นจริงๆ
“หัวเราะอะไรวะ! เดี๋ยวเจอทำโทษรีบๆ ออกมา กรูให้เวลาเตรียมตัวสิบนาทีไม่ออกมาดีๆ กรูบุกถึงห้องเข้าใจ ติ๊ด!”
พี่ทิวาวางหูไปแล้วครับ และท่าทางพี่ทิวาจะเห็นผมที่มายืนอยู่ตรงระเบียงหน้าบ้านแล้วด้วยเพราะพี่ทิวาหันมากระตุกยิ้มให้ผมก่อนจะชูแขนซ้ายขึ้นแล้วใช้มือชี้ตรงนาฬิกาตัวเองบอกให้ผมรีบๆ แต่ผมยังมีสิ่งที่ต้องพูดกับพี่ทิวาอีกจึงรีบวิ่งไปตรงหน้าประตูรั้วบ้าน ซึ่งตอนนี้พี่ทิวายืนพิงกระโปรงรถคันโปรดรอผมอยู่ดูจากชุดแล้วเพิ่งกลับมาจากทำงานแน่ๆ ครับเพราะชุดสูทที่ดูไม่คุ้นตามองแล้วทำเอาผมรู้สึกเขินๆ ยังไงก็ไม่รู้สิครับ
“เสร็จแล้วงั้นเหรอ ไวเป็นบ้า”
“เอ่อยังครับแต่จะไม่เป็นไรแน่เหรอครับที่ผมจะออกไป”
“ไม่ต้องถาม...ไอ้ดินโทรบอกกรูแล้วว่าไอ้ไนท์มันออกไปกับไอ้กรณ์ตั้งแต่บ่ายแล้ว”
ข่าวไวจริงๆ ครับสมแล้วที่เป็นพี่ทิวา
“แต่......”
“ไม่มีแต่!”พี่ทิวามองมาทางผมด้วยสายตาดุๆ ครับผมแอบหลบสาตาไม่กล้ามองตรงๆ ซึ่งจริงๆ แล้วจะเป็นสายตาแบบไหนที่มองผม ผมก็รู้สึกเหมือนตัวเองตื่นเต้นตลอดเวลาเลยล่ะครับ
“แต่ผมยังไม่ได้เตรียมตัวเลยนะครับ!”
“งั้นก็ไม่ต้องแค่มึงออกมาเจอกรู กรูก็ดีใจแล้ว”พี่ทิวาใช้มือคลายเนคไทที่ผูกรั้งคออยู่ให้หลวมลงแล้วปลดกระดุมสองเม็ดเพื่อไม่ให้อึกอัดแต่ใบหน้าเมื่อกี้ที่พูดกับผมบอกได้คำเดียวครับว่าเท่ห์มาก เพียงผมกระพริบตาพี่ถี่ทิวาก็มายืนอยู่ตรงหน้าผมแล้วครับก่อนจะคว้าแขนผมลากไปขึ้นรถ
มือพี่ทิวาอุ่นมากเลยล่ะครับ
“ทำงานวันนี้เหนื่อยมากรึเปล่าครับ”
“อือ.....เหนื่อย”
“แล้วทำไมไม่กลับไปนอนเอาแรงไว้ล่ะครับ”
“ไม่เอา ไม่อยากนอน”พี่ทิวาตอบผมเอาแต่ใจเหมือนเด็กเลยครับ ผมเลยไม่กล้าถามอะไรอีกได้แต่มองไปข้างหน้ารถที่กำลังมุ่งหน้าไปไหน? นั่นสิครับพี่ทิวากำลังขับรถพาผมไปไหนกัน?
“พี่ครับ!”
“เรียกทำไม...คิดถึงเหรอ”
“ก็ผมบอกไปแล้ว....แต่ว่านี่มันออกนอกตัวเมืองแล้วนะครับพี่”
“ไปสูดอากาศ ทำงานเหนื่อย พรุ่งนี้ไม่ไปแล้วเบื่อ เซ็ง!”
“ไม่ได้นะครับพี่ต้องไปทำงาน ทำแบบนั้นไม่ดีเลยนะครับแล้วผมก็ไม่ชอบให้พี่หนีงานเอาดื้อๆ ด้วย”
“ไม่ชอบก็ต้องชอบ อะไรที่เป็นกรูมึงต้องชอบ”
เหนื่อยครับเวลาพูดกับผู้ชายคนนี้ คนที่ฟังแต่เสียงตัวเองเสมอต้นเสมอปลายไม่เปลี่ยนแปลง น่านับถือจริงๆ ครับ(ประชดน่ะครับ -_-)
“ผมทำแบบนั้นไม่ได้หรอกครับ ผมอยากเห็นพี่ทิวาที่รู้จักรับผิดชอบในหน้าที่ ไม่เหลวไหล ไม่.....”
เอี๊ยดดดด! ฉึก!
จู่ๆ พี่ทิวาก็เหวี่ยงพวกมาลัยรถเข้าข้างทางก่อนจะจอดรถจนผมหัวแทบทิ่มไปข้างหน้าแต่ดีหน่อยครับที่รัดเข็มขัดเอาไว้ พอจอดรถเสร็จพี่ทิวาก็ลงจากรถเอาดื้อๆ เลยครับสงสัยจะโกรธผมแน่ๆ เลย แต่เรื่องแบบนี้ถ้าโกรธกันก็อย่าพูดกันเลยดีกว่าครับ
“ลงมา”พี่ทิวาเปิดประตูรถด้านฝั่งของผมก่อนจะลากผมลงมา ดูหน้าพี่ทิวาแล้วหงุดหงิดแน่ๆ ครับ
“ทำอะไรน่ะครับ ผมเดินเองได้”
“ออกมาสูดอากาศซะจะได้ไม่พูดมาก”
“พี่ครับ...ผมหวังดีนะครับ ถ้าพี่ทำแบบนี้คุณลุงคงกลุ้มใจแย่”
“อยากให้กรูกลับไปทำงานมากงั้นเหรอ”พี่ทิวาหันมามองหน้าผมแบบนิ่ง ผมก็มองกลับด้วยความน้ำใสใจจริงครับ แต่พอผมได้มองพี่ทิวาใกล้ๆ แบบนี้แล้วผมเห็นแววตาที่ชอบดุใส่ผมมันสวยมากครับทั้งกลมโต และที่สำคัญเงาในแววตาของพี่ทิวามีแต่ผมอยู่ข้างในอีกด้วย“มองนานๆ ก็ได้”ใบหน้าของพี่ทิวายื่นเข้าใกล้ผมมากขึ้นอีกแต่ใบหน้าตอนนี้มีรอยยิ้มปรากฏอยู่ด้วยครับ พี่ทิวายิ้มให้ผมและมองผมจนผมรู้สึกตัวหดเล็กลงไปเลยครับ
“ขะขอโทษครับ เอ่อเรากลับกันดีกว่ามั้ยครับ”
“ไม่เอายังไม่อยากกลับ บ้านไม่น่าอยู่”
“ทำไมล่ะครับ”
“เพราะไม่มีมึงไง”
“ไม่มีผมพี่ทิวาก็อยู่ได้”
“อยู่ได้แต่ไม่มีความสุข”
“อย่าพูดแบบนั้นสิครับ บ้านคือที่ที่ปลอดภัยและอบอุ่นที่สุดนะครับ พี่ทิวาไม่รู้สึกบ้างเหรอครับว่าอยู่บ้านตัวเองแล้วดีกว่าอยู่ที่อื่นเป็นไหนๆ”
“ไม่มีมึงอยู่ด้วยจะที่ไหนๆ ก็ไม่ดีทั้งนั้น”พี่ทิวาทำสีหน้าเหมือนคนอมทุกข์จนผมต้องเอานิ้วไปจิ้มแขนให้พี่ทิวารู้สึกตัว
“พี่ครับ....อย่าลืมนะครับว่าที่แล้วมาไม่มีผมพี่ก็อยู่ได้ และถ้าไม่มีผมต่อไปพี่ก็ต้องอยู่ได้.....”
หมับ!
อ้อมกอดอุ่นเข้าโอบตัวผมอย่างไม่ทันตั้งตัวร่างกายของพี่ทิวาโถมเข้าหาผมจนรู้สึกได้เลยครับว่ามันหนักอึ้ง แต่ผมก็ไม่ปฏิเสธครับแต่กลับรู้สึกดีจนต้องโอบมือกอดตอบแบบเบาๆ
“อยู่แบบนี้สักพักนะ....อยากชาร์คแบต”
“ครับ....แต่อย่าลืมนะครับผมไม่ได้อยู่กับพี่ตลอดเวลาและตลอดไป....”
ตอนนี้ผมไม่รู้สึกอึดอัดที่จะทำแบบนี้เลย ไม่รู้สึกอยากจะผลักไสคนตรงหน้า อยากกอดให้นานขึ้นซะด้วยซ้ำไป
“อย่าพูดแบบนั้นกรูไม่ชอบ กรูรู้อย่างเดียวว่าต้องมีมึงอยู่ด้วยไม่อย่างนั้นกรูยอมตายซะดีกว่า”พี่ทิวาเงียบไปซักพักผมก็ไม่ได้พูดอะไรอีก จนพี่ทิวาเป็นฝ่ายเริ่มพูดขึ้นมาก่อน“กลับไปอยู่บ้านกรูได้มั้ย....กรูเหงา”
น้ำเสียงทุ้มๆ กระซิบแผ่วเบาและอ่อนโยนด้วยความเศร้าในขณะที่พี่ทิวายังโอบกอดผมไม่ปล่อย ผมรู้ครับว่านั่นคือความต้องการของพี่ทิวาแต่ผมทำแบบนั้นไม่ได้หรอกครับ
“ผมทำแบบนั้นไม่ได้ครับ พี่ก็รู้ว่าพี่ไนท์ไม่ชอบพี่และดูเหมือนว่าอนาคตของเราจะไม่ได้แน่นอน ตอนนี้พี่อาจชอบผมแต่ต่อไปพี่อาจจะเกลียดผม ลืมผมไปก็ได้นะครับพี่ ต่างคนก็อาจมีทางเดินของตัวเองที่อาจเดินไปร่วมกันไม่ได้....”สิ่งที่ผมพูดมันคือสิ่งที่ผมคิดมาตลอดครับ
“กรูรู้ว่าอนาคตไม่แน่นอน....แต่ตอนนี้กรูรู้ว่ารักมึง รักมากเข้าใจรึเปล่า ไม่อยากห่าง ไม่อยากให้มองใคร ไม่อยากให้ใครสัมผัส มันจะเจ็บตรงอกซ้ายทุกครั้งที่รู้สึกว่ามึงจะไม่อยู่ด้วย มันทำให้กรูรู้สึกเหมือนไม่อยากจะมีชีวิต....”เพียงประโยคสั้นคำว่า‘รัก’ถึงกับทำให้ผมแก้มแดงและร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีเลยครับ
ตึกตัก ตึกตัก ทำนองและจังหวะการเต้นของหัวใจก็ยังรู้สึกแปลกไปด้วยเลยครับ หัวใจเต้นแรงมากจนผมรู้สึกได้....เพราะคนๆ นี้เหรอครับที่ทำให้ผมเป็นได้ถึงขนาดนี้ และแอบยิ้มกับตัวเองเหมือนคนประหลาด
“ครับ.....”
“รักกรูรึเปล่า”
“........”ผมตาโตทันทีที่พี่ทิวาถาม จู่ๆ ก็ยิงคำถามแบบนั้นใส่ผมก็อึ้งสิครับ แล้วก็...เขินด้วยครับ เขินจนแทบแทรกคอนกรีตหนี
“ตอบมาเถอะนาไม่ทำอะไรหรอก...รึว่าต้องให้ทำ ถึงจะตอบได้”รอยยิ้มกรุ่มกริ่มตรงหน้าไม่ได้สร้างความมั่นใจให้ผมเลยครับ แต่มันก็ไม่ได้แย่หรอกครับถ้าผมจะตอบว่า...
“คะครับ...ผมก็รัก”
จุ๊บ O_o
ผมความรู้สึกยังดีอยู่นะครับ เมื่อกี้ถึงมันจะไวไปหน่อยแต่รู้ว่าพี่ทิวาจูบผมแบบเบาๆ ตรงริมฝีปาก ก่อนจะยืนยิ้มมองผมแบบแปลกๆ
“รางวัลสำหรับเด็กดี....และต่อไปก็รางวัลสำหรับผู้ใหญ่ที่อุตส่าห์ทำงานเหนื่อยแทบตาย”
“พี่.....อุ๊บ!”ไม่ทันแล้วละครับก็คนตรงหน้าเล่นเข้าจู่โจมผมไม่ทันตั้งตัว ทั้งร่างกายและหัวใจเผลอไผลไปแล้วจนกู่ไม่กลับ ริมฝีปากอุ่นๆ ของพี่ทิวากำลังครอบครองริมฝีปากของผมที่ทั้งสั่นระริกและเย็นด้วยความตื่นเต้น สองมือใหญ่ตรงหน้าโอบกอดร่างกายผมให้กระชับแน่นขึ้นจนรู้สึกได้เลยครับว่าเราทั้งสองเหมือนจะหลอมรวมเป็นคนๆ เดียวกัน ผมไม่ได้ขัดขืนหรือปฏิเสธจูบคนตรงหน้าในตอนนี้ แต่กลับรู้สึกอยากเป็นเจ้าของจูบนี้ไปตลอดไม่ว่าจะยังไงก็ตาม
เห๋! มะเมื่อกี้นั่นความคิดผมเหรอครับ! มะมันน่าอาจจริงๆ ที่คิดงี่เง่าแบบนั้นไปได้ >////<
“แฮกๆ ”ผมกลั้นหายใจไปนานเท่าไหร่ครับเนี่ย พี่ทิวาทำให้ผมแทบขาดอากาศหายใจตาย
“หึ! ยิ่งจูบยิ่งหวาน เป็นแบบนี้กรูคงขาดมึงไม่ได้แน่ๆ”
“พะพูดอะไรแบบนั้นครับ!”
“เปิดปากตอนจูบโอเคมั้ย”พี่ทิวาขยิบตาให้ผมก่อนใช้นิ้วชี้ตรงริมฝีปากของตัวเองเป็นตัวอย่าง มีเหรอครับที่ผมจะไม่รู้สึกเขินจนหน้าร้อนฉ่าแทบไหม้ มาพูดเรื่องแบบนั้น...ถึงแม้ว่าผมจะ....แต่มันก็ยังน่าอายอยู่วันยังค่ำ
“ผะผม คือผมอยากจะ....อุ๊บ....O///o”
ผมไม่ได้อยากจะจูบนะครับ แต่ผมอยากจะกลับบ้านครับ!!!!! ><
“อือ....อึก....”ลิ้นอุ่นทำเอาผมแทบคลั่งครับ รู้สึกได้เลยว่ากำลังควบคุมตัวเองไม่ได้ ออกแรกหน่อยก็แทบไม่มีเรี่ยวแรงมือไม้อ่อนยวบไปหมด ยิ่งพี่ทิวาแสดงความเป็นเจ้าของผมจากจูบที่อ้อยอิ่งผมยิ่งแทบยืนไม่ไหวแต่พี่ทิวาเหมือนจะรู้เลยรวบเอวผมเข้าประชิดตัวซะแน่นก่อนจะถอนจูบที่ร้อนแรงดั่งไฟแล้วไล่ไปจูบตรงต้นคอผมจนรู้สึกจักจี้นิดหน่อยครับ
“คิสมาร์ก มึงเป็นของกรู”
อ่า....มะไม่ไหวแล้วครับตาลายไปหมด ขืนทำแบบนี้อีกผมคงได้ตายแน่ๆ เลยครับ
“ผม..ผม....คือ”
“ไม่ต้องพูดอะไร ขืนพูดมากกว่านี้กรูได้ทำอะไรที่ทั้งอดทนอดกลั้นมากกว่านี้แน่ เพราะมึงเล่นทำหน้าตาน่ารักแบบนี้....คิดจะยั่วกรูทางอ้อมรึไงวะ”
“เห๋! ผมเปล่านะครับ!”ผมรีบแกะมือพี่ทิวาออกมาทันทีครับ อันตรายเหลือเกิน
“ฮาๆ กลับเหอะเดี๋ยวกรูไปส่งบ้าน ชาร์ตแบตเสร็จแล้ว”พี่ทิวาทำท่าบิดขี้เกียจก่อนจะเดินนำผมไปขึ้นรถควงกุญแจอย่างอารมณ์ดี แผ่นหลังกว้างและแขนที่แข็งแรงนั่นเคยโอบกอดผมด้วยความรักงั้นเหรอครับ มันเหมือนฝันจริงๆ
“จะไปทำงานใช่มั้ยครับพรุ่งนี้?”
“เออนา...รีบขึ้นรถก่อนที่กรูจะเปลี่ยนใจพาไปไหนต่อไหนซะ”
“คร้าบบบบ!”
รู้สึกมีความสุขจังเลยครับ พี่ทิวาทำตัวน่ารักขึ้นมาเยอะกว่าแต่ก่อนเป็นไหนๆ แต่....จะดีเหรอครับที่เรื่องมันเป็นแบบนี้
“กลับบ้านปลอดภัยนะครับ”
“ถึงแล้วจะโทรหา มึงห้ามหลับหนีกรูก็แล้วกันไม่งั้นกรูแผลงฤทธิ์แน่”
“ครับๆ ^^ ผู้ใหญ่อย่างพี่ก็อย่าลืมทำตามที่บอกนะครับ”
“รู้แล้วล่ะนา!”
“ไว้คุยกันนะครับ”
ผมโบกมือสุดแขนให้รถพี่ทิวาที่กำลังแล่นไปก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าบ้านพร้อมกับโลกทั้งใบที่ยิ้มให้แต่ทว่า....
“เหอะ! รู้สึกจะมีความสุขสุดๆ ไปเลยนะมึง”เสียงหยิ่งยโสและเสียดสีดังมาจากมุมมือข้างประตูรั้ว แต่เสี่ยงนั่นทำให้ผมตั้งหันไปและตกใจเป็นอย่างมาก
“พี่โจ”
“^^ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ เป็นไงบ้างล่ะชีวิตที่ราบรื่นและสุขสบายบนความแค้นใจของคนอื่นดีมากเลยล่ะสิท่า!”พี่โจจริงๆ ด้วยครับ ตอนนี้กับเมื่อก่อนยังดูค่อนข้างเหมือนเดิม แต่ตอนนี้อาจดูผอมกว่าไปนิดหน่อย แล้วพี่โจรู้จักบ้านของผมได้ยังไงกันครับ แถมเราก็ไม่ได้เป็นคนที่จะสนิทจนต้องมาหากันด้วย
“ขอโทษนะครับมันดึกแล้วผมต้องเข้าบ้าน”ผมรีบจ้ำอ้าวเพื่อจะไปเปิดประตูเล็กเข้าบ้าน แต่พี่โจก็รีบเดินมาดักหน้าผมไว้ซะก่อน ถึงแม้ใบหน้าพี่โจจะเจือปนด้วยรอยยิ้มแต่ผมก็รู้สึกไม่ดีอยู่ดีล่ะครับ ทุกๆ อย่างที่พี่ทิวาและพี่โจทำร่วมกันผมลืมไม่ลงหรอกครับ แต่เพราะผมพยายามลืมมันและไม่อยากเก็บไปคิดผมถึงอยู่ได้จนตอนนี้
“ยังเป็นเด็กเสียมารยาทเหมือนเดิมเลยนิ จะไม่อยู่คุยกันสักหน่อยรึไงคนอุตส่าห์มาหา”
“เอาไว้พรุ่งนี้ดีกว่านะครับ ถ้าเรื่องสำคัญจริงๆ ผมจะให้เบอร์โทรศัพท์ไว้.....”
“กรูไม่ต้องการเบอร์โทรศัพท์!”
“แล้วพี่ต้องการอะไรครับ!”
“มึงไง!”
“อะไรนะครับ!”พี่โจหันไปส่งสายตาให้ใครบางคนทางด้านหลังของผม ผมรีบหันไปมองอย่างตกใจก่อนจะเห็นเงาคนสองคนเดินเข้ามาอย่างรวดเร็วแล้วเข้ารวบตัวผมก่อนจะใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดจมูกจนผมแทบหายใจไม่ออกเลยครับ ในใจก้องไปด้วยคำขอความช่วยเหลือ แต่ตอนนี้แม้แต่จะดิ้นผมยังทำไม่ได้เพราะจู่ๆ ร่างกายของผมมันก็รู้สึกชาและสติของผมก็เหมือนจะวูบลงไปภายในไม่กี่วินาที
พี่ทิวา....ช่วยผมด้วย.....พี่ไนท์ครับ.....
“ฮึ! ใครก็ช่วยมึงไม่ได้หรอก บอกลาความรักงี่เง่าของมึงได้เลย แล้วดูสิหลังจากนี้พี่ทิวาจะยังรักมึงลงได้อีกรึเปล่า......”
“ฮึก....อย่า.....”
แสงสุดท้ายที่ผมเห็นคือจากหลอดไฟตรงเสาหน้าบ้านที่ค่อยๆ มืดลงไปพร้อมๆ กับสติและดวงตาที่ปิดลง ลมหายใจที่หอบถี่กำลังสูดเอาอากาศบริสุทธิ์ที่ตอนนี้ไม่สามารถช่วยอะไรผมได้ ความหวาดกลัวที่เคยจางหายกำลังกลับมาหาผมอีกครั้งแล้วครับ ผมจะทำยังไงดีถ้าเกิดผมไม่ตื่นขึ้นมาอีก ผมจะทำยังไงครับ....
ทิ้งท้ายวันนี้ก็ไม่มีอะไรมากฮับ(ไม่มากแต่ยาวทุกที =_=)
คงได้เห็นจากชื่อตอนแล้วว่ามันสิ้นคิดนิดหน่อยก็อย่าว่ากันนะฮับ
แปลตรงๆ ตามตอนกันเลยประมาณว่า กลางวัน(ทิวา)+มาเยือน(มาหา) = ทิวามาหา(เอ่อ...มันช่างเกินบรรยาย!)
เพราะบางครั้งชื่อตอนมันก็ไม่รู้จะให้ว่ายังไงเนอะ แหะๆ
เอาเป็นว่าตอนหน้าอย่าลืมมารับไปอ่านด้วนนะฮับ
ปล.ขอบคุณมากฮับที่มาอ่านและอ่านจนถึงตอนนี้ ไม่มีอะไรให้เป็นการตอบแทนหรอกนะฮับนอกจากคำว่าขอบคุณ
จะขอบคุณทุกๆ ตอนเลยฮับ ขอบคุณมากฮับ ^^