Do not disturb ✰ ขอโทษครับ ห้ามรักกวน[เปิดจองDNDเล่มพิเศษ+Reprint p.206]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Do not disturb ✰ ขอโทษครับ ห้ามรักกวน[เปิดจองDNDเล่มพิเศษ+Reprint p.206]  (อ่าน 2442211 ครั้ง)

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
ง่า จะจบแระเหรอ เพิ่งจะมีความสุขเองน้า หุๆ

ออฟไลน์ AdLy

  • ไม่ได้ Korea Fever แค่รัก ดงบังและเอสเจ เท่านั้น
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 555
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
ร้องได้ทุกเพลงเช่นเคย

ไม่อยากให้จบเลยอ่ะ

แม้จนเงินแต่ไม่จนใจเน้อะภคิน(เกี่ยวมั้ย) ขอให้รักกันไปตราบชั่วกัลปวสานนะจ๊ะ(เขียนงี้ป่ะ?)

ออฟไลน์ care_me

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 162
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
 :a5: เฮ้ย!!!!

อะไรกันง่่า จะรีบจบกันไปไหน :z3: :z3: :z3:

แล้วต่อไปนี้จะอ่านอะไรดีเนี๊ยะอิชั้น จบเรื่องนี้แล้วก็ต่อเรื่องใหม่น้า


 :seng2ped: :seng2ped: :seng2ped:

แบบว่าชอบเรื่องนี้ง่ะ ตลกดี ชอบทุกคนเลย

ภคิน ไปป์ อาร์ต ฟาร์ กัน โจ้

แม่ง ฮาเกิ๊น

ออฟไลน์ yakkaru

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 98
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เพื่อนโจ้เพื่อนกันมันฮาจริง ตกลงไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆเหรอคะ?
แล้วก็ขำตอนที่ไปป์บอกเคยจัดงานศพให้ปลาตายเกยหาดกับตอนที่ฟาร์บอกให้อาร์ทไปจุดธุปเคารพกฎ โอยยย คิดได้ไงค่ะ ขำมาก

ส่วนเพลงที่หนุ่มๆเขาร้องกัน ทันบางเพลงค่ะ ฉันแก่มั้ยเนี่ยย

พี่คินยังคงน่ารักเว่อร์ๆ
เฮียอาร์ทก็ยังน่ากลัว
ไปป์ ฟาร์น่ารัก

รอตอนต่อไปค่ะ
ป.ล.พี่โจ้พี่กัน เขามีอะไรหรือเปล่าคะ (ยังไม่เลิก)

ice_painful

  • บุคคลทั่วไป
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
เรื่องนี้เป็นนิยายน่ากอดอีกเรื่องนึง
แอบสียใจที่จะจบ T.T
แต่สนุกมากเลยนะ
ขอบคุณ นักเขียนมากมาย

ออฟไลน์ full

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
รู้สึกหวิวๆอ่ะจะจบเเล้วขอพูดตามตรงเรื่องนี้เป็นเรื่องเเรกที่ได้เข้ามาอ่านในเล้านี่เลยนะ :o8:

ตอนหน้าจะจบเเล้ว ซื้อหนังสือเลยเเล้วกัน^^



ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
หว่าาา จะจบแร้ววว

เอาน่ะ รอ จร้าาาา

ออฟไลน์ PRiiNZE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
จะจบแล้วหรอออออ  :sad4: :sad4:
อย่าเพิ่งซิคะะะะะะะะะะ

แหมไปป์ ดีกับภคินหน่อยโชว์เลี่ยนเชียวนะ ฮาาาาาา  :z2:

ออฟไลน์ ammer

  • มีหัวใจแต่ไร้ความรู้สึก
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-0
อ่านมาถึงตอนนี้ก็ยังยืนยันว่าเราเป็น  อาร์ทFC :m20:

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
เวลารวมแก๊งที่ไร ต้องฮาทุกทีสิ

5555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






Windiizz

  • บุคคลทั่วไป
้น่ารักมากเลยอ่าาาาาา หวานนนนนนนนนนน
ฮาตรงเพลงฮุล่าฮุล่าเนี่ยแหละค่ะ ยังจำได้ร้องตามไปด้วยจนน้องมองหน้าแบบนึกคึกไรขึ้นมา 55555555
อ่านแล้วอยากไปเที่ยวทะเลเลยยย ไปกับเพื่อนคงสนุกน่าดู

ใจหายมากเลยตอนคินไปป์จะจบแล้ว T_T คงจะคิดถึงพวกแก๊งกวนๆ และมุขฮาๆที่ทำเสื่อมตลอด
คนอ่านคงจะแอบเหงาเลยแหะ

ยังไงก็จะมาร่วมส่งท้ายคินไปป์ด้วยนะคะ รักคนเขียนมากๆ :)

ออฟไลน์ MinKKniM

  • 난 널 사랑해 동해
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-2
ใจหายจัง จะจบแล้ว ไม่อยากให้จบเลยรู้สึกผูกพันกับเรื่องนี้ ตัวละครและคนเขียนมาก

นานทีจะมีนิยายวายที่มีพระเอก จนและมึนขนาดนี้ โชคดีที่ยังหล่อเลยพอให้อภัย

รอบทส่งท้าย และรอสั่งหนังสือนะคะ ถ้ามีตอนพิเศษเยอะๆจะดีมาก ^___^

ออฟไลน์ runma

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 169
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
พอผ่านเรื่องไม่เข้าใจกันของครอบครัวมา ไปป์ภคินก็หวาน หว้าน หวานจังครับ   :give2:
ดีใจแทนทั้งคู่ที่ครอบครัวเข้าใจเสียที มีท่าว่าจะเห่อลูกเขยซะด้วย

ฉากที่นั่งซบกันริมทะเลคิดตามไปแล้วก็มีความสุขไปด้วยเลยครับ บรรยากาศช่าง....หุหุ
เรื่องราวดำเนินมาจะถึงตอนจบแล้ว กว่าจะมาถึงตอนนี้ทั้งฮา ทั้งหื่น เศร้าเคล้าน้ำตา
นานทีจะได้เห็นพระเอกจนจ้นจนซักครั้ง เป็นอีกเรื่องนึงที่ชอบเลยครับ   :a9:
 

ออฟไลน์ OitJi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1012
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
หวานเกิน อิจฉาอะ>////<

snice_cz

  • บุคคลทั่วไป
เก็บตามอ่านจนทันและ ปิดเทอมไม่ค่อยมีเวลา เปิดเทอมยังไม่ค่อยมีเวลาอีก เฮ้ออ ตอนหน้าจะจบแล้วหรอ รออ่านเรื่องใหม่เลยดีกว่า อิอิ ชอบเพลงนักประดาน้ำอ่า อ่านตอนที่สองคนนี้ห่างกันแล้วแบบโหยปวดใจอ่า กว่าจะลงเอยด้วยดีได้ ทรมานแทน :(

ออฟไลน์ bew_yunjae

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
มารออีกรอบ แห้งเหี่ยวแล้วน๊า
อัพเหอะจ้า :z3: :sad4:

ออฟไลน์ badcow

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-10
เข้ามาอ่านซ้ำ ตอนล่านี้มีความสุขจนเกือบลืมไปเลย...
....ไม่มีตอนเเอมมากราบตีนไปป์กะภคินเร๊อะ?

ออฟไลน์ day9day

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-9
จบแค่ตอนนี้หรือปล่าว  หายไปเลย

namtarn11

  • บุคคลทั่วไป
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ แต่สัญญาจะตามให้ทัน ^^

ออฟไลน์ Indigo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1030/-7
Room 63

เธอเห็นท้องฟ้านั้นไหม....เห็นเงาของเมฆหรือเปล่า...ทะเลสีครามที่ทอดยาว...เห็นความรักของฉันบ้างไหม

   “ไม่เห็นเว่ย!!  แล้วก็ช่วยลุกกันออกมาได้แล้ว  จะนอนให้แดดเผาหัวเลยรึไงวะ”

   มันเป็นเวลาแปดโมงเช้าที่นาฬิกาปลุกของใครสักคนในห้องเปิดวนซ้ำๆ  ไอ้ผมกับฟาร์น่ะตื่นตั้งแต่รอบแรกแล้ว แต่ไอ้สิ่งมีชีวิตที่เหลือยังนอนเรียงกันเหมือนศพไร้ญาติ  แล้วใครมันตั้งนาฬิกาปลุกวะ  มึงตั้งแล้วไม่ตื่นไม่พอ...เสือกบังคับกูตื่นก่อนอีก

   ผมกับไอ้ฟาร์ต้องไปไล่เขย่าตัวพวกมันคนละสามรอบ  เอ่อ...เว้นไอ้อาร์ทรอบเดียว แถมเกี่ยงกันอีก  สุดท้ายมันก็ยอมตื่นมาเข้าคิวอาบน้ำกันจนครบทุกคน  ล่อไปเกือบสิบโมงครับ...เฮ้ย!!เมื่อคืนไม่ได้แตะเหล้าสักหยดเลยทำไมพวกมึงนอนอืดกันได้ขนาดนี้วะ  วันนี้พวกเราจะออกไปเที่ยวอย่างจริงๆจังๆหลังจากที่บิลด์อารมณ์กันทั้งคืน  เราบอกคุณน้าตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่าไม่ต้องทำอาหารเช้าให้เพราะจะไปหากินกันเอง (อันที่จริงผมว่าเพราะพวกมันไม่ตื่นมากินอาหารเช้าต่างหาก)  ส่วนมื้อเย็นเราเตรียมฝากตั้งแต่หลอดอาหารยันลำไส้เล็กไว้ที่คุณน้าเลยครับ  รับรองกลับมากินกันเต็มคราบ!!

   “รถจอดอยู่หน้าบ้านนะกัน” คุณน้าว่าขณะกำลังเย็บผ้าอยู่  ไอ้กันบอกว่าการทำของชำร่วยเป็นอาชีพเสริมของแก “ขับดีๆล่ะ...ใบขับขี่มีรึเปล่าน่ะเรา”
   “ไม่มีครับ”
   “อ้าว...แล้วแบบนี้เขาเรียกตรวจจะทำยังไง”
   “อ๊อ...ไม่ต้องห่วงครับคุณน้า” ภคินว่า “หน้าไอ้กันมันดูเป็นคนขับรถมืออาชีพอยู่แล้วคาดว่าไม่น่าโดนโบก”
   “แต่เสี่ยงโดนโบกตรวจยาเสพติดนะครับ” ไอ้อาร์ทเลวเต็มตีนจริงๆ  ต่อหน้าน้าเค้ามึงยังเหยียบไม่ยั้ง  โชคดีที่คุณน้าแกคงชอบเด็กผู้ชายเฮ้วๆ (เหรอ?) แกเลยหัวเราะซะลั่นบ้าน  ผู้ปกครองสมัยนี้ชอบให้บุตรหลานโดนด่าสินะ...เห็นบ้านไหนก็เป็นกันทั้งนั้น

   รถกระบะสภาพไม่ค่อยดีนักจอดรอพวกผมอยู่หน้าบ้าน  ที่บอกว่าสภาพไม่ดีคือมันเป็นสนิมขึ้นเป็นจุดๆตามตัวรถน่ะครับ แต่ระดับผมที่อยู่กับไอ้ภคินและคลุกคลีกับไอ้เน่ามานาน....ขอยืนยันว่าทุกสิ่งที่วิ่งบนถนนได้สามารถเรียกว่า ‘รถ’ ได้ทั้งสิ้น  ไอ้กันเจ้าบ้านเดินควงกุญแจเข้าไปเปิดรถก่อนจะล้วงแว่นกันแดดเรย์แบนของปลอมขึ้นมาสวม

   “ไปกันรึยังไอ้หนู” สาดดดดดดดดดดดดดด....ทำหน้าเหมือนมึงขับเฟอร์รารี่!!!
   “ให้กูขับเหอะไอ้กัน  กูอยากใส่แว่น” เชี่ยโจ้...มึงคิดได้แค่นี้สินะ
   “ไม่เอา...กูเป็นเจ้าของกูจะขับ”
   “ให้กูขับเหอะ ฮือออออออออออออออออออ”

   กูล่ะปวดหัวกับมึงสองคนจริงๆ  สุดท้ายไอ้โจ้ก็พ่ายแพ้ต้องมานั่งอยู่กระบะหลังกับพวกผม  คือจริงๆก็ไม่มีใครอยากนั่งหน้ากับไอ้กันนอกจากคู่หูมันอะครับ  แล้วเสือกมาตีกันแย่งพวงมาลัย  ไอ้กันเลยได้โชว์เดี่ยวเลย  แดดตอนนี้กำลังไล่หลังมา...ก็บอกแล้วว่าให้ตื่นกันแต่เช้า  ออกบ้านเกือบสิบโมงขนาดนี้เลยได้นั่งตากแดดกันทั่วหน้า แต่ทุกคนลงความเห็นแล้วว่าดีกว่านั่งกับไอ้กันข้างหน้า

   ผมชอบบรรยากาศเมืองท่องเที่ยวแบบนี้จัง...  เวลานี้ทั้งชาวบ้านทั้งนักท่องเที่ยวต่างออกมาสัญจรกันบนถนน แต่รถไม่ติดอย่างที่คิดนะครับ เพราะส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวไม่มีรถส่วนตัว  ที่ขับๆอยู่บนถนนนี่ก็รถชาวบ้านทั้งนั้น  เลยได้เห็นรอยยิ้มผู้คนเต็มไปตลอดเส้นทาง  แม้แดดจะร้อน แต่เราก็ยังมีลมช่วยโบกพัดให้ความเย็น....

   ใช้เวลาไม่นานพวกผมก็มาถึงแถวๆตีนเขานม  เราต้องจอดรถกันที่นี่แล้วใช้สองตีนเดินขึ้นไป  เห็นว่ามีบันไดเป็นทางยาวเกือบร้อยเมตรได้  ไม่รู้จะสร้างมาสู้กับบันไดตีนดอยสุเทพรึไงครับ

   “โห...แม่ง...” ไอ้ภคินเด็กพิการของกลุ่มถึงกับโอดครวญ “กะให้ขากูหลุดเลยรึไงวะ”
   “เอาจริงๆนะภคิน...กูว่าจากวีรกรรมที่มึงทำมา...กระดูกมึงแข็งยิ่งกว่าควายไบซันอีก”
   มันเอาไม้ค้ำฟาดขาผมเบาๆ “อุ้มขึ้นหน่อยดิ๊”
   “ชะอุ้ย....อุ้มรัก” ไอ้โจ้...มึงนี่มัน....พูดแล้วตีนกระดิก  ผมหันไปส่งสายตาอาฆาตใส่ “แหม...ไปดีกว่า” ว่าแล้วมันก็ใส่เกียร์เดินไปเกาะกลุ่มไอ้พวกข้างหน้า  ทิ้งผมกับภคินเดินอยู่ด้านหลัง

   “ภคิน...” ผมถอนหายใจ “มึงจะขึ้นจริงๆเหรอ”
   “อะไรขึ้นล่ะ?”
   “ไอ้ห่า...อย่ามามุกกับกู” เผลอไม่ได้ เชี่ยนี่ยิงมุกใต้สะดือตลอด “ไม่ต้องขึ้นไปหรอก  หมอบอกไม่ใช่เหรอว่าอย่าขยับมาก  กระดูกยังติดกันไม่สนิทเลย”
   “โอ๊ย....ถ้าจะหลุดมันหลุดไปนานแล้ว  เมื่อกี้มึงยังบอกว่าเลยกูถึกยิ่งกว่าควายไบซัน”
   “อันนั้นกูพูดเล่นเว่ย”

   ไอ้นิสัยดื้อ ดันทุรัง เล่นจริงเจ็บจริง ไม่ใช้สลิงไม่ใช้ตัวแสดงแทนของมันยังแผลงฤทธิ์ไม่เลิก  ผมรู้ว่ามันอยากเที่ยว  ผมก็อยากไปชมวิวแบบพาโนราม่าเหมือนกันแหละ....นานๆทีจะมีโอกาสได้มาเกาะแบบนี้ แต่ถ้ามันต้องแลกมากับการเสี่ยงบาดเจ็บของภคินก็..

   “งั้นมึงนั่งรอข้างล่าง...เดี๋ยวกูอยู่เป็นเพื่อน”
   “ไม่เป็นไร กูขึ้นได้แค่นี้เอง” ว่าแล้วมันก็เดินแบบเดี้ยงๆไป “ไปเร็ว...อยากดูวิวไม่ใช่เหรอ”
   “ก็อยาก...”
   “งั้นไปกันเหอะ  เดินขึ้นแป๊บๆก็ถึงแล้ว”
   “แต่อยากเห็นมึงหายเจ็บขาเร็วๆมากกว่า”

   อะไรเล่า! ทำไมต้องทำหน้าช็อคแบบนั้นด้วย  ไอ้พระเอกเบิกตาค้างทำหน้าเหมือนทรุดลงไปกองกับพื้น...

   “เฮ้ย!!ไอ้สองคนตรงนั้นตกลงจะไปมั้ย” ไอ้ฟาร์เกาะขอนไม้ยื่นหน้ามาตะโกนถาม  พวกมันทุกคนล้วนแต่ทำหน้าเอือมรอผมอยู่ที่บันได...เอาไงดีวะ...

   “ไม่ขึ้น!!  กูสองคนรออยู่ข้างล่างมึงขึ้นไปก่อนเลย” เฮ้ยยยยยยยยย...มึงเปลี่ยนใจหน้าตาเฉยเลยเรอะ “ตกใจทำไม…นานๆทีก็อยากจะตามใจเมียบ้างเป็นไร”
   “ไอ้...” โอ๊ย!! ไม่รู้จะด่าอะไรดีว้อย  แล้วเสือกมาแพ้ทาง...ไอ้เลือดไม่รักดีมันแข่งกันวิ่งขึ้นมากองอยู่บนหน้าแล้ว  กูอยากจะดำดินหายไปจากสารบบของสยามประเทศ “แม่งเอ๊ย...”
   “แหนะ...เขินแล้วแม่งมาสบถกลบเกลื่อน  ไปๆ...ไปหาที่นั่งรอพวกมันดีกว่า”

   ผมมองไอ้พระเอกใช้ไม้ค้ำอย่างเชี่ยวชาญจ้ำอ้าวๆไม่กี่ทีก็ถึงร้านขายน้ำ  มันสั่งโอวัลตินสองแก้วก่อนจะกะเผลกๆไปนั่งม้าหินตัวที่หันหน้าเข้าหาภูเขา  อ้าว...สรุปว่าสองแก้วนี้กูจ่ายสินะ  ผมเลยได้ควานหาเหรียญในกระเป๋าไปจ่ายป้าแกแล้วยกแก้วโอวัลตินเย็นไปหาพ่อพระเอก

   “อ๊ะ” ผมยื่นแก้วให้มัน
   “ประเสริฐจริงๆแฟนใครเนี้ย” อย่ามายอ...กูไม่เคลิ้มเฟ้ย  ผมทิ้งตูดลงนั่งข้างๆมัน “นั่งตรงนี้ก็ได้เห็นภูเขานะ”
   “อืม”

   เนินเขาชันทอดตัวยาวตรงหน้าพวกเรา  ผมสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติเลยล่ะ  ต้นไม้สีเขียวขจีเรียงตัวกันไปไกลสุดลูกหูลูกตา  เสียงนกเสียงแมลงร้องกันระงมไปหมด....นี่สินะที่เขาเรียกว่าสัมผัสธรรมชาติ  ผมกระชับแก้วโอวันตินในมือพลางสูดเอาออกซิเจนบริสุทธิ์เข้าไปให้เต็มปอด

   “เกิดมาไม่เคยหายใจรึไงวะ”
   “กวนตีนนะมึงอะ  เขาเรียกว่าเปิดรับธรรมชาติเว่ย  กลับกรุงเทพฯไปแม่งมีแต่ฝุ่นแต่ควัน”
   “อยากขึ้นไปล่ะสิ  เห็นจ้องเอาๆ  กูรู้มึงชอบนักแหละไอ้กิจกรรมปีนเขาดำน้ำเหมือนลิงเหมือนค่างเนี้ย” เอ๊ะ...ทำไมกูรู้สึกเหมือนโดนด่า “ขอโทษด้วยละกันที่ทำให้มึงอด”
   “ช่างแม่งเหอะ  อีกะแค่ชมทัศนียภาพอันงดงามรอบเกาะที่ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสมาอีกทีเมื่อไหร่”
   “เหน็บได้ดีนี่หว่า ฮ่าๆ ๆ ๆ” ภคินเหยียดขาข้างที่สวมเฝือกไปด้านหน้า “ขอบใจที่อยู่ด้วย”
   “อืม” ผมซดโอวัลตินแก้เขิน...ป้าแกใส่น้ำตาลเยอะไปเปล่าวะทำไมมันหวานบาดคอชอบหาย
   “แค่เนี้ย?  แค่ ’อืม’ เหรอ”
   “แล้วมึงจะเอาอะไรครับไอ้คุณภคิน”
   ไอ้พระเอกหัวเราะแล้วขยี้หัวผมจนผมยุ่งเหยิง “เย็นนี้เดี๋ยวบอก”

   สัตว์....ทำตัวมีลับลมคมใน  เสือกมายืดเวลาอีก  มึงรู้ทั้งรู้ว่าคนอย่างนายวิรัลอึดอัดกับอาการอยากเสือกแต่เสือกไม่ได้แค่ไหน...อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก

   “ดูทำหน้าเข้า  อยากรู้อะเดะ” มันยักคิ้วกวนตีน
“มึงจี้จุดอ่อนกูเรอะ”
“เปล๊า” แม่งมาลอยหน้าลอยตาอีก “โถ...ดูทำหน้าเข้าสิ  อ๊ะ..อย่าเสือกก็ยื่นหูมาสิ”

   ผมพุ่งพรวดเข้าไปแทบจะเอาหูยัดปากมันอยู่แล้ว  ภคินหัวเราะจนลมเป่ารดหู....แม่งจั๊กจี้ชิบหาย แต่ความสอดรู้มันมีมากกว่าครับ  ผมหลับตาพริ้มรวบรวมเส้นประสาทไว้ที่หูเพียงจุดเดียว...

   “อ๊ะ” ริมฝีปากร้อนๆงับลงบนใบหู ทำผมตกใจจนเผลอครางออกมา  ปลายลิ้นร้อนชื้นแตะเบาๆที่ตรงติ่งหูแล้วค่อยๆลากขึ้นไปช้าๆ....   เชี่ย...ฟ้าได้ผ่าลงมากลางวันแสกๆ  ผมรีบดันหน้ามันออกก่อนจะเคลิ้มไปมากกว่านี้ เอ๊ย!!..อย่าเข้าใจผิดครับ..ผมไม่ได้...

   “แหม..เคลิ้มเชียว”
   “ใครเคลิ้ม”
   “ก็เมื่อกี้ใครมันครางออกมาล่ะ...โอ๊ย..”

   ผู้ชายสองคนนั่งแดกหูกันอยู่คงจะไม่งามนัก แต่ถ้านั่งแดกตีนกันอันนี้ผมว่าพอจะไหวอยู่  ผมนั่งตีกับมันไปมาร่วมชั่วโมงได้...อยู่ๆก็มีเสียงเอะอะโวยวายก็ดังมาแต่ไกล

   “เขานม...ทำไมหาหัวนมไม่เจอวะ  เดินจะรอบเขาแล้วเนี้ย”
   “ก็มันเป็น ‘เขา’ อะ  ก็ต้องนมเล็กสิ  แล้วมันจะหาเจอมั้ยล่ะ” โอ้โห...บทสนทนาควายๆแบบนี้มีแค่ไอ้โจ้ไอ้กันเท่านั้นแหละ

   และมันสองคมก็ยังคุยกันเรื่องนมเขา...เขานมไม่จบไม่สิ้น  แต่ผมกับภคินไม่สนใจครับ...มาดูนี่กันดีกว่า  คู่รักสารเสพติดเดินกระหนุงกระหนิงกันลงดอยมาเลยทีเดียว  ผมบุ้ยหน้าให้ไอ้ภคินดูเสื้อแขนยาวสีเทาที่เมื่อกี้ไอ้อาร์ทสวม  แต่ตอนนี้มันมาอยู่บนไหล่ไอ้เห็ดเพื่อนผมเฉยเลยครับ  น่านนนนนนนน...แพร่...อุตรดิตถ์  สิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นพยานต่อความรักในไม้ป่าเดียวกันนี้ด้วย!!

   ไอ้กันประจำตำแหน่งคนขับรถพร้อม....เตรียมตัว....ระวัง....ไป๊!!!  หาดตาแหวนกำลังรอเราอยู่!!!

   “เยสสสสสสสสสส...โอ้ว มาย ก๊อด!! ยูอาร์โซบิวตี้ฟูล”
   “ไอ้โจ้...ถ้าสกิลภาษาอังกฤษมึงต่ำนักก็ไม่ต้องกระแดะ” ภคินดูคันไม้คันมืออยากเอาไม้ค้ำหวดไอ้โจ้มาก  นี่ถ้ามันเปิดฉากนะ กูจะขอไม้อีกข้างมาช่วยหวด

   ทรายสีขาวละเอียดนับล้านล้านเม็ดโรยตัวเต็มไปทั้งชายฝั่งตัดกับน้ำทะเลสีฟ้าใสจนเห็นพื้นด้านล่าง  ด้านหลังถัดไปนั่นคือเนินเขาสีเขียวชอุ่มกับท้องฟ้าปลอดโปร่งมีปุยเมฆแซมเป็นจุด  สวรรค์บนดินชัดๆ!!  ผมนึกว่าตัวเองอยู่ฝั่งอันดามันเสียอีก...ให้ตายเหอะ!!ไม่อยากจะเชื่อว่าทะเลจะสวยได้ขนาดนี้  ระหว่างที่กำลังอ้าปากค้างไอ้คู่หูลูกกรอกมันก็วิ่งนำลิ่วลงไปแล้ว  ไอ้โจ้กรี๊ดซะลั่นหาด....ไอ้ห่ากูอายเค้า...

   “วู้ววววววววววววววววววว” มันเอาทรายไล่สาดใส่กัน ซึ่งไอ้โจ้กรีดร้องเหมือนโดนข้าวสารเสก  ฝรั่งแถวนั้นถึงกับยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปเก็บไว้ให้ขายขี้หน้าไปทั้งประเทศ...
   “ไอ้...” พรวดดดดดดดดดดดด...ทรายหนึ่งกำสาดเข้ากลางตัวผม  โชคดีที่หุบปากลงทันก่อนไม่งั้นได้แดกทรายอร่อยเหอะ “พวกมึง....ตาย!!”

   ผมวิ่งลงไปไล่เตะไอ้นรกสองตัวนั่นจนเหงื่อท่วมตัว  จากนั้นเราถึงได้เข้าไปจับจองเก้าอี้นอนคนละตัว  ไอ้ภคินนี่แทบจะเรียกว่าทิ้งตัวนอนเลยครับ  มันโยนไม้พิการลงข้างตัวแล้วเอามือทั้งสองสอดรองใต้หัว  คงเหนื่อยน่าดูเพราะต้องใช้พลังงานในการเดินมากกว่าคนอื่นเค้า  ผมเห็นเหงื่อตรงข้างขมับมันไหลเป็นหยดเลย  ไหนจะในเฝือกอีก...คิดแล้วคันขาแทนครับ

   “เซ็งว่ะ...มาทะเลแล้วเล่นน้ำไม่ได้เนี้ย”
   “งั้นไปก่อกองทรายมั้ย” มันด่าผมทางสีหน้า “อะไรเล่าอุตส่าห์หาทางออกให้”
   “ไม่ชวนกูไปก่อที่วัดเลยอะ” มันเอาตีนเขี่ยผม “มึงไปเล่นน้ำกับไอ้พวกนั้นไป๊  ไม่ต้องนั่งเฝ้ากูหรอก...รับรองผัวไม่หายไปไหน”
   “กูเอาทรายกรอกปากมึงซะดีมั้ย”
   “เอาลิ้นกรอกแทนดีกว่า” ไอ้พระเอกกระตุกยิ้มมุมปากโชว์โลโก้....เอาจริงๆนะมันเป็นยิ้มที่น่ายันโครมมาก แต่ผมก็ต้องยอมรับว่าคิดถึงไอ้รอยยิ้มกวนประสาทนี่เหลือเกิน “ไปเล่นไป๊...กูนั่งเฝ้าของให้”
   “เดี๋ยวมึงเหงาอะ  ไปนั่งข้างหาดป๊ะ...ของแม่งก็ไม่ได้มีเหี้ยไรเลย  เงินติดตัวรวมกันยังไม่ถึงพันเลยมั้ง” ผมกระตุกแขนเสื้อมัน  ก็ไม่อยากทิ้งมันไว้คนเดียวอะ...แบบนั้นยังไงก็เล่นน้ำไม่สนุกหรอก
ภคินหัวเราะหึหึในลำคอ “เดี๋ยวนี้อ้อนเป็นแล้วนะมึงอะ”
   “ส่วนมึงนี่อ้อนตีนอะ  ไป๊!!ไอ้เดี้ยง” ผมช้อนแขนข้างนึงมันวางไว้บนบ่า  แบกมันไปทิ้งไว้ข้างโขดหิน  ไม่รู้โชคดีหรือร้ายที่ไอ้อาร์ทชวนมันสร้างสถาปัตยกรรมจากทราย.....เอิ่ม...อายุสมองของพวกมึงคือเท่าไหร่กัน  มีการเอานิ้วเขียนทรายเป็นแปลนบ้านด้วยนะครับ  ให้กูวิ่งไปซื้อดินน้ำมันให้พวกมึงทำการฝีมือมั้ย  พอทำท่าจะเดินลงน้ำภคินก็เรียกไว้

   “ไปป์” ผลุบ... หมวกฟางที่อยู่บนหัวมันย้ายที่มันอยู่บนหัวผม  ผมเกือบจะเขินอยู่แล้วเชียวถ้าไม่มีประโยคต่อมา “มึงต้องเป็นเจ้าแห่งโจรสลัดให้ได้นะ”
ผมเลยยักคิ้วกวนตีนมันมั่ง “เดี๋ยวมึงเจอหมัดยางยืด”

   มันโคลงหัวผมแล้วบอกให้ไปเล่นน้ำซะ  เพื่อนฟาร์ของผมกำลังถูกไอ้ลูกกรอกนรกนั่นรุมสาดน้ำใส่... ซึ่งผมต้องรีบไปช่วย  ช่วยไอ้โจ้ไอ้กันนะครับ กร๊ากกกกกกกกกกกกกก...นานๆจะมีโอกาสแกล้งมันโดยที่ไอ้อาร์ทไม่รู้  ไอ้ฟาร์แม่งไม่รู้จะทำยังไงมันเลยดำน้ำหนีแม่งเลย  ผมเลยแท็คทีมกับรักยมชั่วคราวตามไล่ล่ามันไปทั้งหาด

   น้ำทะเลที่นี่ใสจริงๆครับ  เค็มด้วยอะ  แม่งเผลอเข้าปากไปจนได้เยี่ยวใครมั่งก็ไม่รู้....แหวะ  เอาเหอะผมจะมองข้ามเรื่องนี้ไป  ไอ้กันชวนพวกผมเดินไปดูแนวปะการังที่ปลายหาดแต่ว่ายน้ำไปได้สักพักเราก็ฝืนสังขารตัวเองไม่ไหวครับ....กลับมานั่งหมดสภาพกันที่เดิม....  เออะ...ทำไมสาวๆมันเดินผ่านแถวไอ้ประติมากรรมทรายนี่บ่อยจังวะ

   ภคินอยู่ในชุดเสื้อกล้ามสีน้ำเงินเข้ม  มันนั่งแหกเหยียดขาทั้งสองข้างออกไปข้างหน้าแล้วแหงนหน้ามองฟ้า....เหม่อออกไปไกลเหมือนตกอยู่ในห้วงความคิด  หยดเหงื่อกลั่นตัวที่ข้างขมับเรียกให้มันยกมือปาดออกช้าๆเป็นภาพสโลว์โมชั่น.....เชี่ย เลือดกำเดาแทบไหล..

   “โอ๊ย...ตายตายตาย อกอีแป้นจะแตกค่ะ” ไอ้โจ้เอามือกุมกล่องดวงใจ เอ๊ย!หัวใจ “พี่คินของไปป์หล่อที่สุดเลยฮ้า!!”
   “เท่าที่จำได้กูไม่เคยทำเสียงแบบนั้นนะไอ้โจ้”
   “ดูสิคะ...กล้ามกรรมกรล่ำเป็นมัดๆ...หล่อล่ำซั่มเก่ง” อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก...มึงอย่ามาพูดชวนให้กูคิดเรื่องอัปมงคล  ภาพมันมาในหัวเป็นฉากๆ
   “เฮ้ย! มันใช่ว่ะโจ้ มีปุ่มกดไลค์มั้ยเธอ”
   “ไม่ใช่แค่ไลค์อะกัน  กูกดเลิฟให้เลย” ไอ้ฟาร์ถึงกับหัวเราะพรวดอย่างกลั้นไม่อยู่  เลยเจอสายตาขู่ฆ่าจากผม ซึ่งมันก็ยักไหล่หาได้แคร์ไม่

   ผมมองซากสถาปัตยกรรมที่เหลือแต่เสาเข็มคล้ายศิวลึงค์ที่ตั้งอยู่กลางหาดทรายแล้วเหนื่อยใจ  นี่คือสิ่งที่มึงกับไอ้อาร์ทนั่งเขียนแปลนกันตั้งนานเรอะ  แต่แม่ง...ไอ้พระเอกมันฟีโรโมนกระจายจริงๆครับวันนี้  มันเป็นผู้ชายที่ใส่เสื้อกล้ามได้ดูดีที่สุดคนนึงที่ผมเคยเห็นมา

   “ไอ้คิน!!  ไปป์บอกว่ามึงซั่มเก่งอะ”
   “ไอ้กันนนนนน อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก กูไม่ได้พูดโว้ย!”
   “ก็เมื่อกี้พอพูดเรื่องซั่มมึงทำหน้าฟินอะ”
   “กูไม่ได้ทำว้อย”
   “หึ..” ไอ้พระเอกกระตุกยิ้มอย่างภูมิใจ “มึงจงภูมิใจเอาไว้นะไปป์  แฟนมึงน่ะหล่อ  นิสัยดี  เป็นที่รักของทุกคน  เพอร์เฟคจริงๆกู...มีครบทุกอย่าง”
   ไอ้อาร์ทที่นั่งอยู่ข้างๆหัวเราะเย็นๆ “มีทุกอย่างยกเว้นอนาคต”

   “อุ่ย” เหี้ยโจ้ทำท่าชะโงกไปมองที่ท้องภคิน  “สงสัยท่านรองจะถูกยิง”
   “เรียกสิงห์คะนองนา!!” ไอ้กันตะโกนลั่นหาด

   เหี้ย!!  มุกมึงเก่าคร่ำครึมาก แต่กูเสือกทันซะงั้น ฮ่าๆ ๆ ๆ  ไอ้ฟาร์กับผมหัวเราะจนท้องแทบแตกที่ไอ้ภคินหน้าเสียขั้นร้ายแรง  มึงอย่าเล่นกับไอ้อาร์ทครับ  มันเป็นเจ้าแห่งศาสตร์มืด...หูยยยยย  แถวนี้แม่งเถื่อน บอกตรงๆนะถ้าไม่แน่จริงอยู่ไม่ได้  พูดแล้วยังขนลุกไม่หาย

   ไอ้โจ้กับไอ้กันออกไปถ่ายเอ็มวีเพลงเกาะสมุย (ผมก็ไม่เข้าใจว่ามันจะติดใจอะไรเพลงนี้นักหนา)  มันบอกว่าจะเอาไปหลอกเพื่อนที่คณะว่าไปอันดามันมา  แต่ที่ซวยกว่าคือมันเอาไอโฟนไอ้ฟาร์ไปถ่ายครับ...โอ้ว เสนียดมือถือชัดๆ  ตอนแรกไอ้ฟาร์มันก็ไม่ให้หรอก แต่เชื่อผมเหอะ...ถ้าคุณเจอลูกตื๊อสะอื้นเท้าของมันสองคน....อย่าว่าแต่มือถือครับ  กางเกงในกูยังถอดให้ได้ถ้ามันจะทำให้มึงหุบปาก

   พวกผมใช้เวลาหลายชั่วโมงอยู่บนชายหาด  ส่วนผมต้องเล่นไปหันไปมองภคินเป็นพักๆ  เหงื่อมันออกข้างในเฝือกแล้วคันครับ  มันเลยพยายามจะเอากิ่งไม้แหย่เข้าไปเกาขา ซึ่งคุณหมอแกห้ามครับมันสกปรก!!  ผมต้องวิ่งเข้าไปแย่งกิ่งไม้จากมันเป็นพักๆ....นี่กูเลี้ยงลูกรึไงวะ

   แสงอาทิตย์ร้อนแรงในตอนกลางวันอ่อนแรงลงเรื่อยๆ....จนสุดท้ายก็พ่ายแพ้และกำลังจะถูกดูดลงสู่ผืนน้ำด้านล่าง  ท้องฟ้าไม่ฟ้าสมชื่อแล้ว.....มันแปรเปลี่ยนเป็นสีส้มที่พอสะท้อนลงบนน้ำก็จะทอประกายวิบวับกับพื้นทราย  ความงามมีอยู่ในธรรมชาติทุกช่วงเวลาจริงๆ  อยู่ที่ว่าเราจะได้หยุดดูมันหรือเปล่าก็เท่านั้น

   ที่สำคัญคือ...คุณได้หยุดดูมันกับใคร...

   เพราะบางทีสิ่งที่ธรรมดาที่สุด  อาจมีคุณค่าที่สุดเวลาที่คุณได้ยืนมองข้างๆ ‘เขา’

   ภคินสอนให้ผมรู้จักเรื่องนี้ในตอนที่เราเดินลัดเลาะไปตามชายหาด  มาสองคนแต่มีหกขา...ตลกดีเหมือนกัน....  ผมไม่ได้ช่วยพยุงไอ้คนสี่ขานั่นเดินหรอก....มันเดินของมันเองได้ และมันก็รู้ว่าเมื่อไหร่ที่มันเดินไม่ไหว  เอ่อน่า...ถึงมันจะถึกก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะล้มไม่เป็นเสียหน่อย  นั่นแหละ...เวลานั้นผมจะช่วยพยุงมันเดินไปข้างหน้าเอง

   เราไม่ได้ประคองกันไปตลอดเวลา  ชีวิตยังคงเป็นของเรา....แต่ถ้ามีใครคนหนึ่งล้ม  เราก็พร้อมจะยื่นมืออีกข้างเพื่อดึงมันขึ้นมาจากพื้นแล้วออกเดินไปด้วยกันใหม่..

........................................................................
.................................................
................................
..............
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-07-2012 01:40:41 โดย Indigo »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Indigo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1030/-7


   “ดูสินี่  กูคือแค็ปเทนอเมริกา!!”

   ทุกสายตาหันไปจับจ้องไอ้โจ้ที่กระโดดพรวดออกมาจากห้องครัวพร้อมด้วยฝาชีอันใหญ่  ไอ้กันกรีดร้อง “แค็ปเทน!!”
   “เจอพลังของโล่หน่อยเป็นไง” ว่าแล้วมันก็ร่อนฝาชีผ่าเข้ามากลางวงเฉี่ยวหัวไอ้ภคินไปนิดเดียวก่อนจะร่อนลงที่ปลายเท้าไอ้อาร์ท....  มันค่อยๆโน้มตัวลงไปเก็บฝาชีช้าๆ....ก่อนจะส่งยิ้มที่ชวนให้ขนทุกเส้นบนร่างกายลุกชัน
   “นายลืมของนะกัปตัน”

   ฟิ้วววววววววววววววววววววววววว~

   โล่กัปตันกลับสู้จุดเริ่มต้นได้พอดีกลางหน้าผากจนผมอยากจะเปิดเพลงพี่เบิร์ด ก็เพราะว่าตัวฉันเป็นอย่างบูมเมอแรง  ขว้างไปยิ่งแรงยิ่งกลับมาเร็ว~  แค็ปเทน(กรุณาออกเสียงตามนี้)ถึงกับลงไปนอนล้มตึงกับพื้น  ร้อนถึงคู่หูมันต้องวิ่งไปดูเพื่อนรักแบบภาพสโลว์โมชั่น

   “แค็ปเทน!!” อนาถใจเกินกว่าจะดูจุดจบของซุปเปอร์ฮีโร่  ทุกคนหันกลับมาคนงานของตัวเองต่ออย่างไม่สนใจเสียงคร่ำครวญเบื้องหลัง

   “ไปป์...มึงไปเอาปลาหมึกในตู้เย็นมาสิ”
   “คร้าบบบบบบ...คุณแม่บ้าน” ไอ้ฟาร์หันมาส่งสัญญาณว่าถ้าผมยังไม่หุบปากแล้วเข้าไปเอาปลาหมึกในครัวผมจะได้แดกหนังควายที่ผัวมันเสกเข้าท้องแทน  อิ่มแบบไม่ต้องเคี้ยว...แต่แหม....เกรงใจจังครับ  ไปเอาก็ได้ครับแม่

   ผมกับฟาร์ทำหน้าที่แบบเด็กบริหารครับ  ใช้สมองไม่ใช้แรงงาน  อ้าวนั่น...งงล่ะสิว่าไอ้ที่ทำอยู่มันใช้สมองตรงไหน  ลองคิดดูนะครับว่าถ้าเรามีสัดส่วนกุ้งต่อปลาหมึกต่อปูต่อหอยไม่เท่ากันเราจะจัดสรรการย่างอย่างไร?  ในทรัพยากรพื้นที่บนตะแกรงที่อยู่อย่างจำกัด  ไหนจะถ้วยน้ำจิ้มซีฟู้ดที่มีไม่ครบจำนวนคนอีก  คิดดูครับว่ามันต้องใช้มันสมองระดับไหนกัน!!

   ตระแกรงย่างขนาดใหญ่ถูกเข็นมาวางไว้กลางลานหลังบ้านที่พวกผมใช้แด๊นซ์กระจายกันเมื่อวาน  ไอ้ภคินอยู่ในแผนกก่อไฟซึ่งตอนนี้มันกำลังพัดป้าบๆจนผงถ่านด้านล่างลอยว่อนมาเกาะเต็มหน้ามัน  ส่วนไอ้อาร์ททำเพียงแค่ยกตะแกรงไว้เฉยๆเพื่อให้ภคินทำงานง่ายขึ้น....ประเสริฐจริงๆ เพื่อนแท้เขาต้องทำแบบนี้แหละครับ ดูไว้ครับ!!  ที่แย่กว่านั้นคือไอ้รักยมที่มือไม่พายเอานิ้วทิ่มให้เรือเป็นรู....คือถ้าเอาเท้าราน้ำนี่แค่เรือไปช้าใช่มั้ยครับ แต่ไอ้สองคนนี้มันอยู่ในระดับที่ทำให้เรือจมได้เลยครับ

   กว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางก็ล่อกันไปเกือบสองทุ่มได้  แต่ธรรมดาของพวกผมแหละกินข้าวเย็นตอนสองทุ่มเนี้ย  หนักๆเข้าไม่ได้แดกเลยสักเม็ดยังทำมาแล้ว  บนตะแกรงเต็มไปด้วยอาหารทะเลนานาชนิด  โดยมีหลักการว่าใครใคร่แดกมึงเดินไปคีบกันเอง

   “อ๊ะ...” กุ้งทะเลตัวเบ้อเร่อวางหราบนจากผม  ไม่ต้องแหงนหน้าขึ้นไปยังรู้ว่าฝีมือใคร
   “รู้ว่าชอบ...แดกๆเข้าไปเยอะๆจะได้กลับมามีน้ำมีนวล  ดูดิ๊...กระดูกแทบจะแทงออกมานอกตัวอยู่ละ” มันหยิบกุ้งที่จานที่เพิ่งคีบมาวางมาสังหารโหดหัวขาดกระเด็น “กินมันกุ้งด้วยจะได้อ้วนๆ”
   “เป็นนักโภชนาการรึไง”
   “เปล่า...เป็นผัว  จบมั้ย?” โอเค...จบ!!  ถ้ามึงจะมามุกนี้มึงเอาก้ามกุ้งแทงคอหอยกูเลยดีกว่าภคิน  แทบจะสำลักปลาหมึกในปากลงหลอดลม

   ไม่อยากจะพูดครับ...แต่อดไม่ได้  ไอ้อาร์ทแม่งแกะนู่นแกะนี่หยอดลงจานไอ้ฟาร์เรื่อยๆเหมือนให้อาหารหมา  แล้วมันนั่งสร้างโลกส่วนตัวของมันสองคนเงียบๆด้วย  หาได้แคร์สายตารอบข้างไม่ เพราะไม่มีใครกล้าบุกเข้าไป...กลัวโดนอิน้องหนูดีหนูผีนั่นเล่นงาน  ช่างต่างกับคู่ผมที่แม่งแค่ขยับตัวก็โดนมันแซวแล้ว  โลกแม่งไม่ยุติธรรม!!

   กลิ่นหอมๆของอาหารทะเลเผานี่มันสุดยอดจริงๆครับ...  มันจะหอมถ่านนิดๆบวกกับความสดจากทะเล  รับประกันว่าพรานทะเลที่ว่าแน่กลายเป็นศพกุ้งเลยครับ  ผมจะมารีวิวอาหารให้พวกคุณท้องไส้ปั่นป่วนกันเล่นๆ  อย่างกุ้งที่อยู่ในจานผมเนื้อเอาแค่ตัวนะครับ  ย้ำ!!แค่ตัวไม่รวมหัว  ตัวเท่าฝ่ามือผมได้...แล้วเนื้อกุ้งสีขาวอัดแน่นกัดแล้วเด้งดึ๋ง รสชาติออกหวานนิดๆหอมกลิ่นถ่านหน่อยๆ  พอจิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ดแซ่บๆ....โอ๊ย....พูดแล้วน้ำลายแทบไหลออกมานอกปาก  แกะตัวใหม่ดีกว่า ฮ่าๆ

   “โอ้ เมื่อมีไฟ ไฟ ไฟ ลุกขึ้นแจ่มจ้า สุขอุราเมื่อเรามาพร้อมหน้ากัน~” ไอ้กันแม่งเป็นอะไรกับค่ายลูกเสือมากมั้ยมึงกลับไปเรียนใหม่ไปไอ้ห่า  ผมเห็นไอ้กันร้องเพลงไปพัดไฟไป  ส่วนไอ้โจ้ที่อยู่ทางซ้ายมือของภคิน...แกะหอยนางรมแดกอยู่ดีๆมันก็ลุกขึ้นยืน
   “หอยจี้รี่ หอยจี้รี่ มีฝาเดียววว สองฝาก็ยิ่งเสียว สองฝาก็ยิ่งเสียว หอยฝาเดียว หอยจี้รี่~” แล้วแม่งเด้งหน้าเด้งหลังประหนึ่งว่ามีหอย....เอ๊ย!! ไม่ใช่ครับ อย่าเข้าใจผมผิด
   “พวกมึงพอเหอะ  กูจะแดกอะไรไม่ลงอยู่ละ” ร้อนถึงไอ้ฟาร์ต้องเอ่ยปากขอร้องครับคิดดู
   “เอ๊ะ..เอ๊ะ..เอ๊ะ...กินไม่ลงจริงเหรอจ๊ะน้องเห็ดเด็ดสะระตี่  พี่โจ้เห็นกินเอาๆเหมือนไม่ได้แกะเอง  อุ้ย!ไม่เอาไม่พูดๆ” ผมแสร้งทำท่าตบปากตัวเอง “เรามันไม่มีคนแกะให้แบบเขา  พูดไปก็เหมือนอิจฉา”

   ไอ้ฟาร์กรอกตาขึ้นฟ้าแล้วหันไปแดกแก้เครียดแทน  ไอ้โจ้เลยส่งเสียง ‘โห...ไรวะไม่มันส์เลย’ และนั่นทำให้แม่งเบนเป้าหมายมาทางกูแทน “น้องไปป์หน้างออะไรจ๊ะ  เครียดเหรอผัวไม่แกะกุ้งให้บ้าง”
   “ไอ้โจ้...ถ้ามึงพูดอีกคำเดียวกูจะเอาเปลือกหอยปาดปากมึงซะ”
   “หอยอะไรอะ หอยหยิกหยีไม่เอานะ  เอ๊ะ..ลืมไปว่าไม่มี อั่ก” เสียงด้านหลังคือมันโดนเปลือกหอยแครงในจานผมอัดหน้าครับ “คินเมียมึงโหดว่ะ”
   “ไม่เห็นโหดเลย...ออกจะน่ารัก” ไอ้นี่ก็ปากว่ามือถึงครับ  มือแม่งเลอะแต่เสือกมาแกล้งดึงแก้มผม  ผมเลยปัดๆออก  เชี่ยนี่โรคจิตชอบมาแหย่กูอยู่เรื่อย
   “โถ่ไอ้โจ้มึงมันไม่เข้าใจ” ไอ้กันเดินเข้ามาเอาจานวางบนโต๊ะ “ไปป์มันกำลังจะบอกว่า  ถึงมันจะไม่มีหอยก็หร่อยจังฮู้”
   “ฮิ้ววววววววววววววววววววววววว”


   ฮือออออออออออออออออออ...เอามันออกไปจากชีวิตกูทีครับ!!  อาหารมื้อนี้รสชาติอร่อยระดับโรงแรม แต่บรรยากาศตลาดสดมากครับ  เสียงดังโหวกเหวกไปสามบ้านแปดบ้าน  ผมก็บ่นไปงั้นแหละเอาจริงๆผมชอบที่ชีวิตมันเป็นแบบนี้นะ  ไม่ได้หรูหราอะไร....กินบ้างอดบ้าง แต่มิตรภาพดีๆมันหาซื้อที่ไหนไม่ได้ และผมก็มีคนหยิบยื่นมันให้เต็มไปหมด

   เสียงหัวเราะชักจะหนักข้อขึ้นเรื่อยๆเมื่อมีแอลกอฮอล์เข้ามาเอี่ยวในงาน  ทั้งเหล้าทั้งเบียร์ถูกรินลงทุกแก้ว  ยกเว้นไอ้ฟาร์ครับ...รายนั้นยึดมั่นที่จะดื่มเป๊ปซี่คนเดียวต่อไป  แม้ว่ามันจะไม่ใช่ของนอกราคาแพงอะไรมาก แต่ถ้าแดกกับเพื่อนเหล้าเถื่อนก็กลายเป็นวิสกี้ได้ครับ  เรากระโดดโลดเต้นกันอยู่บนชานบ้าน...อาหารหมดก็แดกเหล้ากันแทน  อ่าฮ้า...คืนนี้ผมไม่เมานะครับบอกไว้ก่อน  เตรียมตัวมาเป็นอย่างดี!!

   “ดื่มเพื่อเกาะล้าน” ไอ้กันชูแก้วขึ้นฟ้า ไอ้ผมก็งงๆว่าเกาะล้านเป็นอะไรกับพวกเรา แต่ก็  เอ้า!! โชนนนนนนนนนน
   “ดื่มเพื่อแฟนใหม่กู”
   “ใครวะไอ้โจ้ มึงแฟนใหม่มึง” ภคินขมวดคิ้ว
   “มีสองคน  คนหนึ่งยังไม่เกิด อีกคนตายไปแล้ว” กร๊ากกกกกกกกกกกก... เอ้า!! โชนนนนนนนนนน

หลังจากนั้นก็ดื่มเพื่อทุกอย่างบนโลกครับ...หลังๆแม่งมีไปยัน...’เพื่อนของน้องชายของหลานของป้าของแม่ที่อยู่ข้างบ้าน’ คือถ้ากูให้มึงพูดอีกทีนี่จะเหมือนเดิมมั้ย...ถามจริง

   “ดื่มให้พวกเราทุกคนที่อยู่ด้วยกันมา” ภคินชูแก้วขึ้นฟ้า “ขอบใจว่ะ”
   “เฮ้!!”

   ผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าดื่มเข้าไปทั้งหมดกี่แก้ว เพราะชนไม่ถอยจริงๆ...ใครยื่นมากูชนหมดครับ  เปรียบเหมือนคนขับมินิบัสดีๆนี่เอง ฮ่าๆ ๆ  เราทุกคนสลบกันที่ลานกว้างๆตรงนั้น...ท่ามกลางสายลมและแสงจันทร์ของเกาะล้าน...

…………………………………………………………
……………………………………….
………………….
……..


   ผมรู้สึกตัวอีกทีตอนที่มีแรงเขย่าพร้อมกับเสียงทุ้มๆที่คุ้นหู “ไปป์...ตื่นเร็ว”
   “หือ...อะไร” ภคินเอานิ้วมาแหกตาผม “โอ๊ย...รู้แล้วน่าตื่นแล้วๆ” สมองผมค่อยๆประมวลผลช้าๆเหมือนคนเป็นเอ๋อ  ก่อนจะต่อสู้กับแรงโน้มถ่วงของโลกขึ้นมานั่งเก้าสิบองศากับพื้นดินได้ “ยังไม่เช้าเลยจะปลุกทำไมเนี้ย”
   “ไปดูพระจันทร์กัน  จะบอกเรื่องอยากรู้เมื่อตอนกลางวันให้”
   “ห๊ะ?  ดูทำไมเกิดมาไม่เคยเห็นเหรอ” ผมโดนไอ้ภคินตบหัวเบาๆข้อหากวนประสาท  เอ้า!!กูพูดอะไรผิดเนี้ย “อยู่ตรงนี้ก็เห็นน่าภคิน....จะไปดูที่อื่นทำไม”
   “ไม่เอา  ไม่โรแมนติกอะ” ไอ้ห่า...ผมนะอยากจะเถียงว่าเราสองคนเคยมีเวลาแบบนั้นด้วยเรอะ แต่โดนมันฉุดตัวขึ้นมาจากพื้นเสียก่อน  เป็นการแสดงว่าต่อให้ผมไม่ไปผมก็ต้องไป....เออ งงดีแท้ แต่ก็เดินตามแรงฉุดมันไปครับ  ตกลงผมหรือมันกันแน่ที่เดี้ยงเนี้ย

   มันคว้ากีต้าร์โปร่งที่พิงระเบียงทิ้งไว้แต่เมื่อวานขึ้นมาถือส่วนมืออีกข้างเป็นไม้ค้ำ  เดินนำผมลงบันไดไป  จากตรงชานบ้านที่ยื่นออกไปบนทะเลจะมีบันไดเล็กที่ทำให้เราเดินลงไปทะเลข้างล่างได้ครับ แต่คุณน้าบอกว่าไม่ค่อยชอบลงไป เพราะตรงนั้นมันมีหินโสโครกเยอะ  จะเดินชายหาดสบายอารมณ์น่ะไม่ได้หรอก แต่ตอนนี้ไอ้พระเอกกำลังเดินลงบันไดแคบๆนั่นช้าๆ

   “จะไปไหนวะ” ไม่มีเสียงตอบ...นอกจากมุมปากที่ยกสูงขึ้นชั่วครู่  เมื่อไม่รู้จุดหมายผมก็ทำเพียงเดินตามมันต้อยๆไปเท่านั้น  เห็นท่าเดินมันแล้วก็สงสารผมเลยดึงกีต้าร์ในมือมันมาถือซะเอง...มันจ้องหน้าผมแล้วเป็นฝ่ายดึงมือข้างที่เหลือของผมเข้ามาสอดประสานนิ้วเข้าไปมือมัน  ภคินพาผมเดินลัดเลาะไปบนหาด  ดูท่ามันมันเตรียมตัวมาอย่างดี...ขนาดเฝือกที่ขายังห่อถุงพลาสติกไว้พร้อมเลย  หาดนี้หินโสโครกเยอะจริงๆครับ เดินไม่ค่อยสบายเท้าเท่าไหร่นัก  โชคดีที่ทรายที่นี่ละเอียดเท้าเลยพอจะคลายความปวดไปได้บ้าง  น้ำทะเลพัดเข้าชายฝั่งมาเรื่อยๆแรกๆก็อยู่แถวๆตาตุ่ม  หลังๆชักกระเซ็นมาโดนหัวเข่า....เฮ้ย!!ไม่ใช่พากูเดินลงไปตายหมู่อย่างโรแมนติกในทะเลนะเว่ย

   “เฮ้ย!!” ผมอุทานเมื่อภคินทำสิ่งที่ไม่คาดฝัน...  มันก้มลงมานั่งยองๆแล้วพับขากางเกงให้ผม  จะไม่ตกใจได้ยังไงล่ะ  เกิดมามันไม่เคยทำอะไรเลี่ยนๆแบบนี้นี่หว่า  พอเห็นผมเขินมันก็ยักคิ้วกวนๆให้  เออ...ยกนี้มึงชนะไปนะไอ้พระเอก

   หินก้อนใหญ่ที่หลบตัวอยู่ใต้บ้านหลังหนึ่งเป็นจุดหมายของเรา  ภคินบีบมือผมเบาๆเป็นการบอกให้ทิ้งตัวนั่งลงบนหินโสโครกก้อนใหญ่ตรงหน้า  ก่อนมันจะเบียดตัวลงมานั่งข้างๆกันพร้อมกับดึงกีต้าร์โปร่งเข้าสู้อ้อมอกตัวเอง

   มันเป็นวินาทีที่เงียบสงบ....ไม่ต้องมีการสื่อสารใดระหว่างเราสองคน  เสียงคลื่นสาดเข้ามากระทบถึงหน้าขาถอยหลังลงทะเลแล้วกลับขึ้นมาใหม่ซ้ำๆวนๆเหมือนเปิดแผ่นเสียง...  ทะเลที่ตอนเช้าเป็นสีฟ้า แต่บัดนี้มันกลายเป็นสีดำทอประกายเหมือนอัญมณี...  ผมแหงนหน้ามองดวงจันทร์กลมโตเหนือหัวแล้วหลุดยิ้มออกมา

   “น่ารักนะมึงอะ” เป็นประโยคที่ชวนเอาหัวมุดลงน้ำจริงๆ  อยู่กับมันทีไรผมอารมณ์สาวน้อยทุกที  เขินง่ายซะไม่มี
   “แม่ง...” ผมสบถ
   “แต่ก่อนกูเคยเห็นมึงที่โรงเรียนนะ  เพื่อนที่ห้องกูชี้ให้ดู”
   “เชี่ย....กูดังขนาดนั้น”
   “มันบอกว่าไอ้คนนี้ที่ฉายาตุ๊ดรด.”
   “สัตว์!! เพื่อนมึงชื่ออะไร” ผมเตะน้ำกระจายด้วยความแค้น  กูเกลียดฉายานี้ แม่งงงงงงงง  พอเห็นพอโวยวายไอ้ภคินเสือกหัวเราะดังลั่น  มันเอื้อมมือมาขยี้หัวผมแรงๆ
   “ตอนนั้นกูยังคิดอยู่เลยว่ามันน่ารักตรงไหนวะ”
   “ใช่!!มึงพูดถูก...กูออกจะหล่อ”
   “คือกูเปรียบเทียบหน้ากูกับมึงนะไปป์...  คือมึงไม่ได้ขี้ตีนกูเลยอะ เฮ้ย!!” มันโวยวายเพราะโดนผมเตะน้ำใส่  มือใหญ่นั่นรีบโผเข้ามากดขาผมไว้ไม่ให้สำแดงอิทธิฤทธิ์ “ฮ่าๆ ๆ ๆ เรื่องจริงทำเป็นรับไม่ได้”
   “โคตรหลงตัวเอง”
   “หรือมึงจะเถียง?”
   “หืยยยยยยยยยยยยยยยยยย” ผมทึ้งหัวตัวเองอย่างบ้าคลั่งที่เถียงมันไม่ออก  ใช่สิ!มึงมันมีรูปเป็นทรัพย์ มีสันดานเป็นหนี้สิน  ผมนั่งหัวยุ่งจ้องหน้ามันอย่างหาเรื่อง “แล้วมาชอบกูทำไมวะ”
   “ก็มึงน่ารัก” ภคินยิ้ม...ไม่ใช่รอยยิ้มแบบกวนๆที่มันทำเป็นประจำ แต่เป็นยิ้มที่อบอุ่น...สว่างไสว “ไม่ใช่เพราะมึงน่ารัก...กูถึงรัก แต่เพราะกูรักมึง...มึงถึงน่ารักไง”

   ให้ตายเหอะ...ผมไม่รู้ว่าเกิดมาจะเขินอะไรได้ขนาดนี้อีกมั้ย  ใบหน้าร้อนผ่าวไปหมด...เลือดไม่เหลือเลี้ยงนิ้วโป้งตีนแล้วมั้งเนี้ย  ยิ่งตอนที่มันโน้มตัวลงมาจนหน้าผากเราสัมผัสกัน....

   “กูไม่รู้หรอกว่ารักแท้มันมีจริงมั้ย แล้วก็ไม่เชื่อว่าเราจะอยู่ด้วยกันไปตลอดกาลได้...ชีวิตจริงแม่งไม่ใช่นิยาย แต่กูมั่นใจว่าถ้าเราคนใดคนหนึ่งเกิดตายไปก่อน....อีกคนจะต้องคิดถึงจนวันตายแน่ๆ” ผมหลับตา....ตอนที่มันถูหน้าผากลงมาเบาๆ “อนาคตแม่งมองลำบาก  เอาเป็นว่าปัจจุบันนี้กูมีมึงอยู่ข้างๆแล้วนี่ไง....แค่นี้ก็พอแล้ว
   “กะ....กูก็มีความสุขที่มีมึงอยู่เหมือนกัน” แม้จะบอกไม่บ่อย แต่ทุกความรู้สึกที่อยู่ตรงหน้ามันคือเรื่องจริง....

   ภคินผละออกจากใบหน้าผม  พร้อมกับวางมือลงบนสายกีต้าร์ในแขน...และออกแรงดีด  ตาคู่นั้นทอดมองมาที่ผมด้วยความรู้สึกที่เปี่ยมล้น..

   ......รัก....รัก.....และรัก.....

http://www.youtube.com/v/018UMWioeW4?version=3&amp;hl=en_US

ในคืนที่ฟ้านั้นเต็มไปด้วยแสงไฟ  เราโอบกอดกันและมองไปบนฟ้าไกล
สุดหัวใจ สุดสายตา มีแต่เรา
ดวงจันทร์ล่องลอยและมอบความรักให้กัน
ขอบคุณวันนี้ที่คอยดูแลรักฉัน จากหัวใจ จากนี้ไป.....มีแต่เธอ


   ผมขยับปากร้องตามเพลง  หน้าต่างหัวใจของเราสองคนยิ้มโดยไม่ต้องขยับปาก....

ฉันไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ ดวงดาวจะหายไปไหน
ฉันไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ท้องฟ้าจะเป็นเช่นไร
แต่ฉันก็รู้หัวใจของฉัน...


   มือคู่นั้นเร่งจังหวะเพลงขึ้น...ตึก...ตึก...ตึก...ตึก...ตึก.

จะมีเพียงเธอรักเพียงแต่เธอ  โอบกอดเธอด้วยรัก รักที่ห่วงใย
ใจฉันให้เธอมันเป็นของเธอรู้ไหม  ทุกคำมันกลั่นออกมาจากหัวใจ


   มันเงยหน้าขึ้นฟ้าพร้อมกับยิ้ม...

เราจะลอยข้ามฟ้าท่ามกลางหมู่ดาว  จะไม่มีความเหงาเข้ามากล้ำกราย
เพลงนี้เพื่อเธอมันเป็นของเธอรู้ไหม สัญญาจะดูแลเธอจากนี้ ตลอดไป

แม้ในบ้างครั้งฉันทำให้เธอเสียใจ แต่ทุกๆ ครั้งเธอพร้อมจะมองข้ามไป
เธอเข้าใจ ให้อภัยคนอย่างฉัน


   ไอ้บ้าเอ๊ย...  กับคนอย่างมันทำไมผมจะให้อภัยไม่ได้ละ...  ผมตอบมันด้วยการยิ้มกว้างกว่าเดิม...

ฉันไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ ดวงดาวจะหายไปไหน
ฉันไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ท้องฟ้าจะเป็นเช่นไร
แต่ฉันก็รู้หัวใจของฉัน....

จะมีเพียงเธอรักเพียงแต่เธอ  โอบกอดเธอด้วยรัก รักที่ห่วงใย
ใจฉันให้เธอมันเป็นของเธอรู้ไหม   ทุกคำมันกลั่นออกมาจากหัวใจ
เราจะลอยข้ามฟ้าท่ามกลางหมู่ดาว  จะไม่มีความเหงาเข้ามากล้ำกราย
เพลงนี้เพื่อเธอมันเป็นของเธอรู้ไหม  สัญญาจะดูแลเธอจากนี้ .....ตลอดไป.....


   ดวงตาเรียวคู่นั้นจับจ้องมาที่ดวงตาผม..  ภคินขยับปากช้าๆ....

ต่อให้โลกสลาย หายไปกับตา
ต่อให้ดาวบนฟ้า ลบเลือนห่างไกล


   มันโน้มตัวลงมาใกล้ผม “ใจฉันให้เธอมันเป็นของเธอรู้ไหม ทุกคำมันกลั่นออกมาจากหัวใจ” แล้วหัวเราะเบาๆที่เห็นผมหน้าแดง...

เราจะลอยข้ามฟ้าท่ามกลางหมู่ดาว จะไม่มีความเหงาเข้ามากล้ำกราย

ภคินปล่อยมือออกจากสายกีต้าร์  มันยื่นหน้าเข้ามากระซิบที่ข้างหูผม... “เพลงนี้เพื่อเธอมันเป็นของเธอรู้ไหม สัญญาจะดูแลเธอจากนี้ ......ตลอดไป.....”

   มีความสุขจนแทบลอยได้มันเป็นอย่างนี้เองสินะ....  ภคินของผม...ภคิน...ภคิน....  ผู้ชายที่เข้ามาเปลี่ยนชีวิตผม และผมก็เข้ามาเปลี่ยนชีวิตมัน...  ผู้ชายที่มีแต่ตัวเปล่าๆ....แต่กลับทำให้ผมมีความสุขที่สุด....

   “กูว่ากูเป็นคนที่น่าอิจฉาที่สุดในโลกเลยว่ะ...”
   “ทำไมวะ” มันถูปลายจมูกกับจมูกผมเบาๆอย่างเอ็นดู
“มีครอบครัวที่เข้าใจ.....มีเพื่อนที่พร้อมจะอยู่ด้วยกัน.....และมี ‘มึง’ ....ผู้ชายที่ทำให้กูยิ้มกว้างที่สุด”
   ภคินกระตุกยิ้มมุมปาก “ผิดแล้วล่ะ...มึงไม่เห็นน่าอิจฉาเลยสักนิดไอ้แห้ง”
   “ไอ้...”
   “กูสิ....น่าอิจฉากว่าเยอะ.....”

   ไม่รู้จะเถียงอย่างไรจริงๆ  ในเมื่อมันปิดปากผมด้วยริมฝีปากบางคู่นั้น.....ส่งผ่านรสจูบที่หวานยิ่งกว่าน้ำตาลชนิดใดๆบนโลก....

   ไม่ต้องให้พระจันทร์....ท้องฟ้า....เกลียวคลื่น....หรืออะไรเป็นพยาน....

มีแค่ ‘เรา’ แค่ผมกับภคิน

   ที่จะจับมือกันเดิน ‘ข้างๆ’ ทุกก้าวของชีวิตต่อจากนี้ไป....

   “รักมึงนะ”
   “แล้วคิดว่ากูไม่รักมึงบ้างเหรอ”
   “หึ....”
   “รักมึงเหมือนกัน...ภคิน”

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-07-2012 01:52:37 โดย Indigo »

ออฟไลน์ Indigo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1030/-7
Final  Room

   วี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

   ใบเลื่อยสีเงินหมุนด้วยความเร็วสูงค่อย ๆ ตัดผ่านวัตถุแข็งเป๊กสีขาว...  ไอ้เฝือกนรกที่อยู่คู่ขาผมมาหลายเดือนค่อย ๆ ถูกผ่าไปทีละนิดละนิด  แม้ผมจะไม่ใช่พวกกลัวเจ็บแต่ก็อดเกร็งตัวไม่ได้  คุณหมอแกก็แก่แล้วเกรงว่ามือไม้จะสั่นแล้วพลาดเฉือนเนื้อผมแถมไปด้วย

   “แฟนน่ารักนะลูก”
   “มากเลยล่ะครับ” ผมยิ้มกว้างตอบเหมือนตัวเองโดนชมอย่างไรอย่างนั้น  ลืมกลัวใบเลื่อยไปเสียสนิท

   รอจนใบเลื่อยไปสุดตรงขอบเฝือก...  ไอ้เฝือกปูนปลาสเตอร์ก็แยกจากกันเป็นสองส่วนโดยโดยสมบูรณ์  ผมมองมันด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย  เวลาเกือบสามเดือนที่ผ่านมาช่างมีเรื่องราวหลากหลายจริง ๆ   ผมและ ‘มัน’ เติบโตขึ้น  ได้ผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มาร่วมกันมากมาย  ทั้งสุข  ทุกข์  ทั้งหัวเราะ  ร้องไห้

   “นี่ถ้าไม่ไปวิ่งจนกระดูกเลื่อนเมื่อคราวนั้น  ก็ไม่ต้องใส่นานขนาดนี้หรอกลูก” ผมรู้คุณหมอแกก็บ่นไปอย่างนั้นแหละ  แกใจดีจะตาย “เอาออกนี่ไม่ได้แปลว่ามันติดกันสนิทแล้วนะ  ยังไงก็ต้องมาหาหมอทุกเดือนเหมือนเดิม”
   “ครับหมอ”

   หมอเรียกพยาบาลเข้ามาเช็ดทำความสะอาดขาให้ผม  ผิวเนื้อที่ไม่ได้ออกมาหายใจด้านนอกเสียนาน  แม่งขาวกว่าขาอีกข้างอีก...  ทุเรศจริง ๆ กู  ระหว่างที่นั่งรอทำความสะอาด  คุณหมอก็มาอธิบายวิธีการดูแลรักษา  เห็นว่าต้องใช้เวลาอีกสักสองเดือนกระดูกจึงจะต่อกันสนิท  ไม่เป็นไรครับ...  แค่ไม่มีไอ้เฝือกนั่นกับไม้ค้ำผมก็มีความสุขแล้วล่ะ

   “เดี๋ยวออกไปรอรับยาข้างนอกนะคะ” พยาบาลสาวคนนั้นจ้องหน้าผมไม่วางตา  ผมไม่ได้โง่ที่จะไม่รู้ตัว  แต่การแกล้งโง่ทำเป็นไม่สนใจน่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่า  ปล่อยให้เธอกรีดยิ้มหวานจ๋อยแล้วเดินออกห้องไป

เธอคงไม่ได้สังเกตไอ้เฝือกที่นอนแอ้งแม้งอยู่นี่เลยสินะ  ผมเลื่อนสายตากลับมาโฟกัสที่ซากอารยธรรมตลอดสามเดือนที่ผ่านมา

   “จะเกือบเฝือกไว้รึเปล่าล่ะลูก” คุณหมอแซวผมขำ ๆ
   “ไม่ล่ะครับ...  เดี๋ยวก็ได้ยินคำนี้จากปากเค้าอีกแหละ”

   ซากปูนเปื่อย ๆ ที่เหมือนจะไม่มีอะไร  แต่ถ้าลองสังเกตดี ๆ จะเห็นว่าใต้ฝ่าเท้ามีตัวอักษรหวัด ๆ เขียนอยู่...  คุณหมออาจจะดูไม่ออกว่านั่นมันลายมือผู้ชาย

   ‘สู้ ๆ : D‘

   คำเดียว  อ่านสองครั้ง...  แต่ผมนั่งยิ้มอยู่ได้เป็นชั่วโมง

.........................................................................
...................................................
..............................
.............

   “คุณภคิน  โพธิวัฒน์สกุล  เชิญรับยาที่ช่องจ่ายยาหมายเลข 3 ค่ะ”

   “ไม่ต้องลุกเลยนะ  นั่งอยู่เนี่ยแหละ  กูไปเอาเอง” ผมชี้หน้าสั่งเจ้าของชื่อที่พอถอดเฝือกปุ๊บก็ทำซ่าเดินไปรอบโรง’บาล  ภคินยกมือยอมแพ้ประชดผมได้น่าหมั่นไส้มาก  ผมคว้ากระเป๋าตังก่อนจะเดินไปที่ช่องรับยาหมายเลข 3  โชคดีที่เรามีสวัสดิการของมหา’ลัยอยู่  ไม่งั้นคงได้จ่ายเงินอานแน่ ๆ

   ผู้หญิงคนหนึ่งเดินสวนมาระหว่างที่ผมเดินออกมาจากช่องจ่ายยา  และทำให้ผมต้องหันควับไปมองเธอทันที...  เธออยู่ในชุดเสื้อยืดรัด ๆ กับกางเกงขาสั้น  ไม่จริงน่า...
   “นั่นมันแอมไม่ใช่เหรอวะ” ไอ้คนที่นั่งรออยู่พูดสิ่งที่ผมคิดออกมา
   “ไม่แน่ใจว่ะ...” ผมหรี่ตามอง “แปะผ้าก๊อซเต็มหน้าขนาดนั้นดูไม่ค่อยออก”
   “ใช่แล้วล่ะ...  ไปทักทายดีกว่าว่ะ” ผมยังไม่ทันได้ประมวลผลดี  ไอ้ภคินก็คว้ามือผมเดินดุ่ม ๆ ไปที่ด้านหลังของเป้าหมายทันที  เฮ้ย!  มันคิดจะทำอะไรของมันเนี่ย

   “แอมครับ” เสียงทุ้ม ๆ ที่มาเป็นมหัตภัยด้านหลัง  เล่นเอาคนตรงหน้าสะดุ้งเฮือก  เธอค่อย ๆ หันกลับมาหาเราสองคนช้า ๆ อย่างจำใจ  ใบหน้าที่เคยขาวใสของเธอบวมช้ำจนปูดออกมา  บางแห่งถูกปิดด้วยผ้าก๊อซ  ถ้าเพ่งดี ๆ จะเห็นรอยเล็บด้วย...  ถึงจะเปลี่ยนไปแค่ไหนผมก็ยังจำหน้าเธอได้อยู่ดี  ใช่แอมจริง ๆ ด้วย!
   “เอ่อ...  หวัดดีค่ะ” ทีนี้มึงสุภาพใส่กูทันทีเลยนะ  ผมนึกด่าเธออยู่ในใจ  แต่ไอ้ภคินกลับแสยะยิ้มกวนประสาท
   “หน้าไปโดนอะไรมาน่ะ”
   “คะ... คือ  แอมรถล้มน่ะค่ะ” เธอก้มหลบใบหน้าที่เคยสวยใสลง “ขอตัวนะคะ  เดี๋ยวต้องรีบ...”
   “อ้าว...  ไม่ใช่ข่าวลือที่ผมได้ยินมาเหรอ?” ไอ้ภคินเล่นมุกข่าวลือย้อนคืน “ที่ว่า...  แอมไปแย่งแฟนคนอื่น  แล้วโดนเขาตามมาตบถึงกลางคณะน่ะ  นี่ผมได้ยินข่าวมามั่วเหรอเนี่ย?” เหยดดดดดดดดดดด  มึงร้ายครับไอ้พระเอก!  มึงร้าย!  วาจาเชือดเฉือนประกอบกับใบหน้าดูแคลนเล่นเอาแอมช็อกไปแล้วเรียบร้อย
   “แอมขอตัวนะคะ...” เธอทำท่าจะเดินหนีลูกเดียว  ไอ้ภคินเลยคว้าแขนเธอเอาไว้ก่อน
   “อ๊อ...  ผมลืมบอกเรื่องสำคัญไปอย่าง” มันแสยะยิ้ม “ขอบคุณสำหรับวันนั้นนะครับ”
   สงสัยจะกลัวแอมไม่เคลียร์วันไหน  เชี่ยนั่นเลยเดินมากอดไหล่ผมโชว์  แอมหน้าซีดเผือกลงทันทีเมื่อมันบอกใบ้กลาย ๆ “นี่ถ้าไม่ได้แอมบอกพ่อแม่ไปป์ให้วันนั้น  ผมคงแย่เลยนะครับ...  อึดอัดมาตั้งนาน  นางฟ้ามาโปรดชัด ๆ
   เธอกระแทกส้นเท้าเดินหนีคำชมเสียอย่างนั้น  ผมหันเอ๋อ ๆ ไปมองหน้าคนข้าง ๆ ที่มันแทบจะหัวเราะให้ฟันร่วง  เชี่ยแม่ง...  ไอ้ภคินมันเป็นพวกแค้นฝังหุ่นไม่แพ้กันสินะ  ดูมันทำหน้าเข้า
   “เงียบทำไมวะ  ทำไมไม่ช่วยกูเหยียบซ้ำ”
   “มึงไม่เขียนบทให้กูก่อนอะ  ไอ้ห่า  แย่งกูพูดหมดแล้วกูจะเหลืออะไรให้พูดวะ” มันหัวเราะ
   “กลับกันได้แล้ว  วันนี้วันดีว่ะ  กลับมามีขาเป็นของตัวเอง  แถมยังได้เอาคืนคนบางคนอีก”
   “ได้ข่าวว่านั่นแฟนเก่ากูกับมึง” ผมว่าพลางหัวเราะ...  มันเป็นความจริงที่ตลกสิ้นดี
   “แต่แฟนเก่ามาระรานแฟนใหม่กูก็ต้องจัดการสิวะ” มันพูดเรียบ ๆ แต่เล่นเอากูสะดุ้งเฮือก
   “ที่จริงกูก็ว่าเขาน่าสงสารนะ  ถ้าไอ้เชอร์เจอแบบนี้  กูเอาปืนยิงไส้ไหลเลย”
   “ยิงใคร?”
   “ยิงมึงแหละ  ไอ้ห่า”
ไอ้ภคินหัวเราะลั่น “ไป ๆ   กลับห้องเหอะว่ะ  เบื่อกลิ่นโรง’บาลจะแย่”

   ใช้เวลาแค่แป๊บเดียวเท่านั้น  เราสองคนก็ได้ออกมารอรถเมล์ที่หน้าโรงพยาบาล  เพราะว่าที่นี่อยู่ใกล้บ้านภคิน  มันจึงไกลจากมหาลัยพอสมควร  แต่ก็ต้องถ่อมาเพราะคุณหมอแกเก่ง  นั่งรอไปสักพักรถสายที่ผ่านแถวมอเราก็มาถึง  ผมโบกรถแล้วส่งตัวไอ้พระเอกขึ้นไปก่อน  ขามามันยังใส่เฝือกเราเลยมาแท็กซี่  แต่ขากลับงบประมาณชาติมีน้อยก็รถเมล์เอาล่ะครับ

   รถเมล์เอาเรามาทิ้งไว้ตรงป้ายหน้าปากซอยหอได้พอดีเหมาะเจาะ  ผมลงมาบิดขี้เกียจเล็กน้อยเพราะนั่งนานจนเมื่อย  แต่ไอ้ภคินรายนั้นดูจะไฮเปอร์ตลอดเวลากับขาใหม่ที่คืนชีพ

   “แข่งกันวิ่งมั้ย  ใครถึงหอก่อนชนะ”
   “จะบ้าเรอะ!?  เมื่อกี้มึงเพิ่งบอกกูอยู่ว่าหมอห้ามออกแรงเยอะไปอีก 2 เดือน”
   “หมอไม่รู้หรอก”
   “แต่กูรู้เฟ้ย” ผมจิ้มหน้าผากมันจึ้ก ๆ “เดินดี ๆ เร็ว...  วันนี้ไม่เข้าเวรเหรอ?”
   “ไม่เข้า...  ลาไปผ่าเฝือก” ถึงขั้นต้องลางานเลยวุ้ย  เป็นภารกิจระดับชาติจริง ๆ   ผมเริ่มก้าวขาออกเดินเข้าไปในซอยหอพักที่คุ้นเคย  โชคดีที่หอเราอยู่ไม่ลึกมาก  เอ่อ...  ไม่ได้หมายความว่าไม่ลึกนะครับ  แต่อยู่ในเกณฑ์พอเดินได้น่ะ

   “บอกแล้วว่าให้ขับไอ้เน่าไป”
   “ไม่เอา...  รถในกรุงเทพฯขับน่ากลัวจะตายชัก  ใครเค้าจะเอาคนเจ็บซ้อนมอ’ไซค์ล่ะ  โดยเฉพาะถ้ามันเป็นไอ้เน่ายิ่งแล้วใหญ่”
   มันเลิกคิ้ว “มึงดูถูกรถในตำนาน?”
   “รถที่ทิ้งให้มึงใส่เฝือกเป็นเดือน ๆ อะเหรอ  ฮ่า ๆ ๆ ๆ  โอ๊ย...” เสียงด้านหลังนั่นคือผมโดนมันเตะตูดครับ  ไอ้นี่หายพิการแล้วซ่านักเรอะ
   “ระวังตัวมึงไว้ดี ๆ นะไปป์  ขากูหายแล้ว”
   “แล้วไง”
   “จะได้เปลี่ยนท่ากันซะบ้าง...  อั้ก...” คราวนี้ผมถีบมันคืนบ้าง ”โอเค ๆ   เขินรุนแรงตลอดนะมึงเนี่ย”
   “ก็มึงมันหื่น”
   “คราวนี้กูจะข่มขืนมึงต่อหน้าไอ้หมีหน้าโง่  ชู้รักของมึงเลย  คอยดู  หึ ๆ ๆ ”
   “เลิกเรียกพี่เดียวอย่างงั้นนะเว่ย  แม่ง!  โลกนี้มียาที่ฉีดแล้วเป็นหมันมั้ย  เข็มหนึ่งแพงเท่าไหร่กูก็จะซื้อไปฉีดให้มึง”
   “ฮ่า ๆ ๆ ๆ”

   มันเป็นเวลาพลบค่ำที่เงียบสงบอย่างไม่น่าเชื่อว่าเราอยู่ในย่านหอพัก  แสงแดดสีส้ม ๆ สาดใส่ด้านหน้าเราก่อให้เกิดเงาสีดำทอดยาวไปด้านหลัง  เสียงหัวเราะและเถียงกันของคนข้าง ๆ ตัวทำให้ผมแทบจะลืมความวุ่นวายในเมืองใหญ่  ภคินยื่นมือเข้ามาสอดประสานปลายนิ้วเข้าหาผมแล้วบีบเบา ๆ   ผมเองไม่ได้ขืนตัวออกเลยสักนิด...  ใครจะปฏิเสธความรู้สึกดีที่ฟูฟ่องเต็มอกได้ลงเล่า

   เราก้าวไปเรื่อย ๆ เอื่อย ๆ   ไม่เร่งรีบอะไร...  ใช้เวลาที่มีมือของอีกฝ่ายอยู่ในฝ่ามือให้นานที่สุด  บางครั้งภคินก็แกล้งแกว่งแขนให้สูง ๆ จนผมแทบหน้าคว่ำ  เลยได้ตีกันไปตลอดทาง

   จวบจนมาถึงประตูเนื้อด้านที่คุ้นตาเราก็ยังไม่ยอมปล่อยมือกัน...  ภคินใช้มือข้างที่ว่างล้วงเข้าไปควานหากุญแจในกระเป๋า  แล้วเสียบมันเข้ากับลูกบิด...

   แกร๊กกก

   ขอบคุณโชคชะตา...  นรกชัง...  สวรรค์แกล้ง  หรืออะไรก็แล้วแต่  ที่ส่งไอ้ผู้ชายคนนี้มาให้ผม

   คนที่ไม่เคยอ่อนหวาน
   คนที่ไม่เคยพูดเพราะ
   คนที่เอาแต่ใจ
   คนที่ไม่สนใจโลก
   คนที่โสโครก
   คนที่มีดีแค่หน้าตา
   คนที่ยากจน
   คนที่แข็งนอกอ่อนใน
   คนที่เกลียดความรัก

   แต่เป็นคนที่... ’รัก’ ผม


   ผมไม่รู้หรอกว่าความรักของคุณจะยิ่งใหญ่ขนาดไหน?  รักเท่าฟ้าหรือมหาสมุทร...  รักเท่าผืนดินหรือผืนน้ำ...  รักฉันที่สุด...  โอเคครับ  ผมยอมรับว่าลอกเพลงเขามา

   นั่นแหละ  ไม่ว่ารักของพวกคุณจะยิ่งใหญ่แค่ไหน  แต่สำหรับ ‘เรา’ มันมีขนาดเท่ากับช่องว่างระหว่างฝ่ามือของกันและกันในยามเกาะกุมมือ

   อาจไม่ยิ่งใหญ่เหมือนใคร...  แต่มันจะไปกับเราสองคนในทุกที่


   “ถึงห้องซะทีวะ”




THE  END


ก่อนอื่นสำหรับคำถามที่ถามกันเข้ามามาก...ยืนยันคำเดิมว่าไอ้กันไอ้โจ้ไม่มีอะไรในกอไผ่จริงๆค่ะ  แน่ยิ่งกว่าแช่แป้ง....พวกเธอว์ต้องไปจิ้นกันเองแล้วล่ะ แต่แหม...ไอ้เพื่อนสนิทที่จริงๆแล้วไม่ได้เป็นอะไรกันนี่มันก๊าวออกนะคะ

เอาล่ะ!! ในที่สุดเราต้องเดินทางมาถึงตอนจบของDNDกันจนได้สินะคะ ฮิ้ววววววววววววววว//จุดพลุ//
พอลองมองย้อนกลับไปถึงวันแรกที่คิดจะเขียนนิยายเรื่องนี้ขึ้นก็รู้สึกว่าตอนนั้นคิดอะไรอยู่วะเนี้ย ฮ่าๆ
เดินทางมาไกล  บางทีก็เหนื่อย บางทีก็ท้อ...บางทีก็อท้อมาก...บางทีก็ท้อมากถึงมากที่สุด
เรารู้ว่าตัวยังเขียนได้ไม่ดีนัก  มันไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นเร้าใจ  ไม่น่าติดตาม แต่ทุกครั้งที่ท้อแล้วได้กลับมาอ่านคอมเม้นมันก็ช่วยเติมพลังให้เราได้เสมอ
ธีมของDNDคือ 'ความรักธรรมดา' ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร แต่แค่เราอยู่กับมันอย่างมีความสุขเท่านั้น เราหวังว่าอย่างน้อยคนอ่านทุกคนจะได้รับเสียงหัวเราะและความสุขไปจากเรื่องนี้ไม่มากก็น้อย หรือหากลึกซึ้งกว่านั้นก็อาจจะเห็นมุมมองเล็กๆที่เราพยายามแฝงเอาไว้(พยายามแล้วนะคะ555)
อยากให้ทุกคนมีความสุขกับเรื่องธรรมดาๆในทุกวัน โลกมันไม่สวย แต่ความสุขเป็นสิ่งที่หาได้ในทุกวัน  ดูอย่างไอ้คู่เกรียนของเราสิ...วันๆอยู่แต่ในห้อง(เรื่องนี้ใช้สถานที่ซ้ำซากน่าเบื่อมาก) แต่มันก็มีความสุขได้ เพราะกันและกัน
อย่างคินก็เป็นพระเอกนรก ไม่แสนดี  ไม่ใช่เทวดา ไม่ใช่ผู้ชายเพอร์เฟค และไปป์เองก็ไม่ได้มาเต็มเติมคินได้พอดีด้วย เพราะโลกมันไม่มีอะไรที่พอดี  มันก็เลยทะเลาะกันเป็นพักๆค่ะ ฮ่าๆ ๆ แต่ก็นั่นแหละชีวิตมันไม่มีความพอดี  เราต้องเรียนรู้ที่จะมีความสุขกับมัน

ตั้งแต่เกิดมาบนโลกนี้ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะสามารถเขียนนิยายให้จบได้ แถมเขียนได้ยาวมากซะด้วย
ค่อยๆเขียนไปทีละตอน  ขีดฆ่ามุกทีใช้แล้วออกจากหนังสือทีละครั้ง  ยิ่งใกล้หมดยิ่งใจหาย
แม้จะเป็นนิยายเรื่องแรกที่ข้อผิดพลาดเต็มไปหมด แต่เราก็พูดอย่างภูมิใจเลยว่าเรารักนิยายเรื่องนี้มากๆ  มันคือความสุข เสียงหัวเราะ และน้ำตาของเรา  เชื่อสิอวดได้ยันลูกบวชเลยนะ!!(ถ้าหาสามีได้นะ.....)
ตอนแรกที่คิดจะเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาแทบจะไม่มีอะไรในหัวด้วยซ้ำ แต่ก็ดันไปปรึกษาคุณผจก.ในช่วยตั้งชื่อตัวละครให้หน่อย  เลยตั้งกันแบบพล็อตเรื่องกลวงๆนั่นแหละค่ะ
แล้วจากนั้นก็โยงไปมาโยงมา  ได้โครงเรื่องหลวมๆมาเรื่องหนึ่ง  มันอาจจะไม่ดีอะไร แต่เราชอบความธรรมดาของมันมากเลย  อุ้ยตาย...ชมตัวเองก็มีว่ะคนเรา เอิ๊กกกกกกกกกกก
เลยปรากฎออกมาเป็นนิยายFeel Good(เหรอ?)กากๆเรื่องนี้  เวิ่นบ้าง  ยืดเรื่องเหมือนหนังช่อง7บ้าง ดราม่าเล็กน้อยถึงน้อยที่สุด

ขอขอบคุณ...คุณผู้จัดการ(Seiren)สำหรับทุกอย่าง ให้พูดคงไม่หมดแน่ๆ แต่กล้าพูดเลยว่าถ้าไม่มีเจ๊DNDก็ไม่มีวันนี้หรอก รักเจ๊นะ
ขอขอบคุณ...พี่เซย์ สำหรับชื่อเรื่องเก๋ไก๋และสารพัดคำปรึกษา
ขอขอบคุณ...พี่หวาน ศาสตราจารย์ผู้นำเรื่องก๊าวใจมาให้ไม่หยุดหย่อน
ขอขอบคุณ...เล้าและเด็กดี สำหรับสถานที่ที่ให้เราได้แบ่งปันกัน
ขอขอบคุณ...ครอบครัว  ที่ไม่รู้หรอกว่าเราทำอะไร555 แต่แค่อยู่ด้วยกันแล้วทำให้มีความสุขมาก
ขอขอบคุณ...เพื่อนๆทั้งหลาย  อยากเอ่ยชื่อนะแต่รู้ว่าพวกมึงไม่ได้มาอ่านหรอก ฮ่าๆ
สุดท้ายนี้...ขอขอบคุณ...คนอ่านทุกคนที่อยู่ด้วยกันมาจนถึงตรงนี้  พวกคุณคือกำลังใจของเราจริงๆ  ขอบคุณที่ยังติดตาม...ขอบคุณที่ยังรออ่านนิยายธรรมดาๆจากเรา  เราจะพยายามพัฒนาการเขียนให้ดีขึ้นนะคะ

เราไม่รู้ว่าสำหรับคนอ่านมันสนุกมั้ย?  ดีมั้ย?  ไร้สาระเกินไปมั้ย?
แต่ถ้านิยายเรื่องนี้ทำให้พวกคุณยิ้มได้.....เราว่าเราประสบความสำเร็จแล้วล่ะค่ะ
ขอบคุณมากนะคะ....ที่เดินทางร่วมกันมาไกลขนาดนี้

ถนนสายนึ้ของคินไปป์ยังอีกยาวไกลนัก  ปล่อยให้มันสองคนเดินกันจนขาขวิดแหละค่ะ

Indigo

ปล.เรื่องต่อไปยังไม่มีแพลนแน่นอนนะคะ คือวางไว้เยอะแต่ไม่รู้ว่าจะเขียนอันไหนก่อนดี  เอาเป็นว่ารอจัดการเรื่องหนังสือให้คนอ่านก่อนดีกว่าค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-07-2012 21:24:09 โดย Indigo »

ออฟไลน์ Indigo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1030/-7
มาถึงเวลาเปิดจองหนังสือกันแล้วค่ะ

เปิดจองDo not disturb ✰ ขอโทษครับ ห้ามรักกวน


รายละเอียดหนังสือ
จำนวน : 3 เล่ม (ไม่ขายแยกนะคะ)
ขนาด : A5
จำนวนหน้า : ประมาณเล่มละ 300-350 หน้า
ปก : กระดาษอาร์ตการ์ด 270 แกรม  พิมพ์ 4 สี  1 ด้าน  เคลือบด้าน  เข้าเล่มไสกาว
เนื้อใน : กระดาษถนอมสายตา  พิมพ์ขาวดำ 350 หน้า + มีภาพประกอบ (เป็นเส้นสเก็ตช์)  เล่มละ 5 ภาพค่ะ  ฝีมือคุณผจก. Seiren อีกเช่นเคย
ราคา : 1200บาท รวมค่าจัดส่งแบบลงทะเบียน  ถ้าสั่งหลายชุด ชุดต่อไปราคา1180(คือค่าหนังสือ 1140+ค่าส่ง40บาทค่ะ)

ตอนพิเศษ (ไม่มีลงในเว็บค่ะ)
1. When I was young (คินไปป์)
        - เรื่องราวสมัยคินเป็นนักเรียนหัวเกรียนมัธยมปลาย
2. ห้องแห่งความลับ
        - เมื่อเจ้าแห่งศาสตร์มืดกลับมาเล่าเรื่องราวแห่งมิตรภาพของเขา
3. ลูกเมียน้อย (อาร์ทฟาร์)
        - เรื่องราวของเห็ดขี้ควายกับนายกัญชา
4. ชายกลาง (กัน & โจ้ story)
        - เมื่อผู้ชายดีๆมีแฟนหมดแล้วคุณรออะไร?  ลองคบแค่ผู้ชายกลางๆอย่างผมได้มั้ย
5.เรื่องนี้มีคุณค่า (ค่า story)
        - คุณ'ค่า' ของเรื่องนี้อยู่ที่ไหน... โปรดติดตาม...
6.Office boys (คินไปป์)
        - เรื่องราวของหนุ่มออฟฟิศ...

สิ่งที่ท่านจะได้รับ
1. หนังสือนิยาย DND จำนวน 3 เล่ม
ปกเล่ม1ค่ะ

2. ปกแจ๊คเก็ตขนาด A5  กระดาษ Fabria Bianco  160 แกรม  จำนวน 3 ปก (คล้าย ๆ กระดาษวาดเขียนผิวหยาบค่ะ)  ตัวอย่างปกสวมค่ะ

3. ที่คั่นหนังสือ 3 อัน 3 ลาย

4. การ์ด 4 ใบ  เป็น SD ธีมตัวละครในเทพนิยาย

5. แฟนบุค 1 เล่ม  เนื้อในเป็นกระดาษปอนด์ 80 แกรม  ประมาณ 20 หน้า  มีโดจิน 12 หน้า  วาดโดยคุณแนร์ http://nair.exteen.com + ทำเนียบตัวละครและภาพสเก็ตช์ห้อง 330
ภาพตัวอย่างจากคุณnair






ระยะเวลาการเปิดจองวันนี้ - 1 ตุลาคม 2555
(โอนได้ก่อนเที่ยงคืนของวันที่ 1 ตุลาคมนะคะ  จะตัดยอดหลังจากนั้นค่ะ)
สามารถโอนเงินเข้ามาได้เลย  โดยไม่ต้องส่งเมลมาจองล่วงหน้านะคะ
คาดว่าจะสามารถส่งของได้ในช่วงปลายต.ค. - ต้นพ.ย.ค่ะ


ประกาศนะคะ

เนื่องจากตอนนี้มีหลายคนเมลเข้ามาแจ้งว่าเก็บตังไม่ทัน แล้วคนเขียนก็ยังต้องรอไฟล์อาร์ตเวิร์คอยู่ (ช่วงนี้อยู่ในช่วงสอบด้วย)
เพื่อความสมบูรณ์ของรูปเล่ม เพราะคนเขียนเองก็ไม่อยากเร่งงานจนหนังสือมีข้อผิดพลาดเยอะ
จึงขอประกาศเลื่อนปิดโอน เป็นก่อนเที่ยงคืนของวันที่14 ตุลาคม 2555 ค่ะ
ส่วนเรื่องส่งหนังสือคนเขียนยังวางกำหนดไว้ที่เดิม ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดน่าจะได้รับประมาณต้นเดือนพ.ย.ปีนี้นะคะ (ปีนี้แน่นอนค่ะ555)
คนอ่านคนไหนที่กำลังจะกู้นอกระบบอย่าเพิ่งนะคะ ดอกมันแพง รอเก็บตังไปเรื่อยๆก่อนได้ค่ะ
คนที่โอนเข้ามาแล้ว คนเขียนขอโทษด้วยนะคะที่เลื่อนปิดโอน แต่การจัดส่งหนังสือจะไม่ให้ช้าไปกว่ากำหนดเดิมนะคะ

จึงเรียนมาเพื่อทราบ
Indigo



ส่งเมลเข้ามาที่ Indigo_fictionแอทyahoo.com
ตั้งหัวข้อว่า "แจ้งโอน DND"

รายละเอียดในเมล
อ้างถึง
ชื่อ-นามสกุล :
usename :
ที่อยู่ :
จำนวน (ชุด) :
จำนวนเงินที่โอน (ถ้าโอนเป็นเศษสตางค์ได้จะดีมากค่ะ) :
วันเวลาที่โอน :
เบอร์โทรศัพท์ :

**เพิ่มเติม** ขอภาพถ่ายสลิปด้วยนะคะ

ถ้าเช็คเรียบร้อยแล้วจะเมลกลับไปยืนยันนะคะ
มีข้อสงสัยสอบถามได้จาก...
E-mail:: Indigo_fictionแอดyahoo.com
twitter :: https://twitter.com/Indigo_fiction
facebook :: http://www.facebook.com/IndigosFiction



อัพเดทรายชื่อ
ตอนแรกจะลงเป็นUsername แต่บางคนไม่มีหรือไม่ได้เขียนมา เลยขอลงเป็นชื่อจริงนะคะ
ใครอยากเซ็นเซอร์นามสกุลไม่ให้แม่รู้ก็หลังไมค์มาได้ค่ะ 5555555555555

(1) 27/08/55
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-02-2014 00:15:05 โดย Indigo »

ออฟไลน์ badcow

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-10
ไรอ่ะ ?

ออฟไลน์ littlepink

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 340
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
:z13: :z13: :z13: :z13:

ว๊าาาาาา จบซะแล้ว สนุกมาก ๆ เลยค๊าา

ติดตามเรื่องต่อไปนะคะ

คินไปป์น่าร๊ากกกกกกกกกก :)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-07-2012 02:56:00 โดย littlepink »

ออฟไลน์ badcow

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-10
ขอบคุณสำหรับรอยเเผลของเเอม 55555555
.
เเล้วจะรีบโอนเงินจองนะครับ

ออฟไลน์ railay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 983
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-0

ออฟไลน์ aorpp

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1274
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +250/-3
ขอบคุณมากค่ะ
สำหรับนิยายแห่งความรัก มิตรภาพ และรอยยิ้ม
มีความสุขทุกครั้งที่ได้เข้ามาอ่าน
แทบทุกครั้งจะนั่งยิ้ม นั่งหัวเราะอยู่หน้าคอมฯ
ตลอดระยะเวลาที่ดำเนินเรื่องราว
เหมือนเราได้เป็นส่วนหนึ่งของพวกเค้าเลยค่ะ ผูกพันมากกกก
คงคิดถึง คิน ไปป์ อาร์ท ฟาร์ กัน โจ้ มากๆๆๆ
วันนี้ยิ้มทั้งน้ำตาเลยอ่ะ ไม่อยากจากพวกเค้าไปเลย
รักคนแต่งที่สุด
+1  :กอด1:

ออฟไลน์ 13smblue

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ในที่สุดก็จบลงแล้วนะฮ่ะ เรื่องที่ทำให้นักอ่านอย่างเราต้องเสียน้ำตาเป็นปีบ และหัวเราะอย่างบ้าคลั่งกับมุขต่างๆ
ขอบคุณคนแต่งนะค่ะ ที่แต่งเรื่องแบบนี้มา  o13

ออฟไลน์ ❥ʞαxiќɒ。

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
ภคินมันพาเข้าเรื่องใต้สดือมันทุกมุก! 555555555555
น้องไปป์ก็ยังเขินรุนแรงน่ารักเหมือนเดิมม  :-[

ไม่น่าเชื่อว่าพ่อพระเอกของเราจะโรแมนติกขนาดนี้ !!!
ไม่ต้องเถียงกันว่าใครน่าอิจฉากว่ากัน... ฉันอิจฉาโว้ยย!!!! :m31: :m31:

มันหวานมากกกก! หวานเกินไปแล้ว ชอบทุกโมเม้นต์! ทั้งตอนจะขึ้นเขา... ทั้งตอนเล่นทะเล..
ไปป์ก็ห่วงขาภคิน ภคินมันก็อยากให้น้องไปป์สนุก ! อะไรจะห่วงกันขนาดน๊านนน?! (น้องไปป์ห่วงแบบซึนๆ 5555) ><

ฉากที่อาร์ทชวนภคินไปเล่นทรายมันน่ารักมากๆ !
ปกติไม่ค่อยมีฉากน่ารักๆของอาร์ท(มีแต่ฉากหลอนๆ 5555) แต่ตอนนี้น่ารักจริงๆนะ..ไม่น่าเชื่อว่าอาร์ทจะเด็กน้อยขนาดนี้ XD

แต่สงสัยอยู่อย่าง... ? ฟาร์น้อย... ดำน้ำหนีมันไม่เปียกกว่าเดิมหรอลูก ? 55555555555
อยากเข้าไปแกล้งด้วยยยย! อร้ากกกกกกกก! จะจับฟาร์กด(น้ำ)! หมั่นเขี้ยอ่าาา อร้ายยย >w<''

ลูกเมียน้อย....!!!
โอ้ยยยยยยยยยย! ขออีกได้มั้ยยยยยยยยย มันไม่พออออออออออ แง่มมมมมมมมม TT''
อาร์ทเป็นสุภาพบุรุษมากกกกกก!!!! ทั้งแกะกุ้งหอยปูปลาให้ ทั้งให้ยืมเสื้อ!
มันมันมัน... มันเขินมากกกกกกกกกกกกก !! อ่านเจอฉากลูกเมียน้อยนิดเดียวดิ้นเกือบตกเตียง! >///<

''เราไม่รู้ว่าสำหรับคนอ่านมันสนุกมั้ย?  ดีมั้ย?  ไร้สาระเกินไปมั้ย?
แต่ถ้านิยายเรื่องนี้ทำให้พวกคุณยิ้มได้.....เราว่าเราประสบความสำเร็จแล้วล่ะค่ะ''


ถ้างั้นคนเขียนก็ประสบความสำเร็จมากๆแล้วค่ะ.... เราไม่ใช่แค่ยิ้มธรรมดา..หัวเราะเป็นคนบ้าเลยค่ะ xD 555555
หัวเราะมันทุกตอน ขนาดฉากหื่นๆยังฮา 5555555555555
ขอบคุณคนเขียนเหมือนกันนะคะ ขอบคุณที่แต่งเรื่องสนุกๆ มาให้อ่าน เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอบอุ่นหัวใจมาก <3
ทุกครั้งเวลาเรามีเรื่องเคลียดเราจะกลับบ้านมาคุ้ยหานิยายอ่าน และเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องนึงที่ทำให้เรายิ้มได้ตลอด
ทำให้ลืมเรื่องเคลียดๆ ขอบคุณนะคะ ((:

คนเขียนรู้มั้ยว่าเรารักน้องฟาร์มากอ่ะ♥ รักมาก! เพราะอะไรไม่รู้... หรือเพราะทรงผม ? 555555555
ปกติไม่เคยเอาตัวละครจากนิยายเรื่องไหนกลับมาจิ้นเยอะขนาดนี้เลย! (ไม่ได้จิ้นเรื่องหื่นๆนะเห้ย! ><)
แบบ.. จะทำอะไรก็คิดถึงแต่ฟาร์น้อยตลอด จริงๆนะ!
คนเขียนเคยบอกว่าฟาร์โดนแกล้งตอนเด็กๆ.. เราก็เก็บไปนั่งคิดนอนคิด! นั่งสงสารอยู่ตั้งนาน! TT''
มีแค่คนเขียนสองคนที่ทำให้เราอินได้ขนาดนี้อ่ะ! คืออินดิโก้กับโอซากะ อินสุดๆ! จนคิดว่าตัวเองเป็นบ้าไปแล้ว55555

ตอนนี้ตอนสุดท้ายแล้วจริงๆหรออ T________T
เราร้องไห้แล้วนะ...ตอนฟังเพลงลูกอมใจมันหายวูบๆ! ไม่ได้เว่อร์นะเห้ย! มันผูกพันจริงๆ !!

อยากจะเม้นเยอะๆกว่านี้อีก.. แต่แอบเกรงใจ 5555555555555
เอาเป็นว่า.. จะติดตามเรื่องต่อๆไปของคนเขียนอีกนะคะ ((:

ปล. อย่าลืมตอนพิเศษร้อยหน้าฟ้อน11 #ไม่ใช่ละ
ถ้าเป็นไปได้ขออาร์ทฟาร์♥ โผล่มาด้วยนะคะ T ^ T

ปลล. หนังสือซื้อแน่นอนค่ะ ไม่พลาดอยู่แล้ว xD

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด