“ดูสินี่ กูคือแค็ปเทนอเมริกา!!” ทุกสายตาหันไปจับจ้องไอ้โจ้ที่กระโดดพรวดออกมาจากห้องครัวพร้อมด้วยฝาชีอันใหญ่ ไอ้กันกรีดร้อง “แค็ปเทน!!”
“เจอพลังของโล่หน่อยเป็นไง” ว่าแล้วมันก็ร่อนฝาชีผ่าเข้ามากลางวงเฉี่ยวหัวไอ้ภคินไปนิดเดียวก่อนจะร่อนลงที่ปลายเท้าไอ้อาร์ท.... มันค่อยๆโน้มตัวลงไปเก็บฝาชีช้าๆ....ก่อนจะส่งยิ้มที่ชวนให้ขนทุกเส้นบนร่างกายลุกชัน
“นายลืมของนะกัปตัน”
ฟิ้วววววววววววววววววววววววววว~ โล่กัปตันกลับสู้จุดเริ่มต้นได้พอดีกลางหน้าผากจนผมอยากจะเปิดเพลงพี่เบิร์ด
ก็เพราะว่าตัวฉันเป็นอย่างบูมเมอแรง ขว้างไปยิ่งแรงยิ่งกลับมาเร็ว~ แค็ปเทน(กรุณาออกเสียงตามนี้)ถึงกับลงไปนอนล้มตึงกับพื้น ร้อนถึงคู่หูมันต้องวิ่งไปดูเพื่อนรักแบบภาพสโลว์โมชั่น
“แค็ปเทน!!” อนาถใจเกินกว่าจะดูจุดจบของซุปเปอร์ฮีโร่ ทุกคนหันกลับมาคนงานของตัวเองต่ออย่างไม่สนใจเสียงคร่ำครวญเบื้องหลัง
“ไปป์...มึงไปเอาปลาหมึกในตู้เย็นมาสิ”
“คร้าบบบบบบ...คุณแม่บ้าน” ไอ้ฟาร์หันมาส่งสัญญาณว่าถ้าผมยังไม่หุบปากแล้วเข้าไปเอาปลาหมึกในครัวผมจะได้แดกหนังควายที่ผัวมันเสกเข้าท้องแทน อิ่มแบบไม่ต้องเคี้ยว...แต่แหม....เกรงใจจังครับ ไปเอาก็ได้ครับแม่
ผมกับฟาร์ทำหน้าที่แบบเด็กบริหารครับ ใช้สมองไม่ใช้แรงงาน อ้าวนั่น...งงล่ะสิว่าไอ้ที่ทำอยู่มันใช้สมองตรงไหน ลองคิดดูนะครับว่าถ้าเรามีสัดส่วนกุ้งต่อปลาหมึกต่อปูต่อหอยไม่เท่ากันเราจะจัดสรรการย่างอย่างไร? ในทรัพยากรพื้นที่บนตะแกรงที่อยู่อย่างจำกัด ไหนจะถ้วยน้ำจิ้มซีฟู้ดที่มีไม่ครบจำนวนคนอีก คิดดูครับว่ามันต้องใช้มันสมองระดับไหนกัน!!
ตระแกรงย่างขนาดใหญ่ถูกเข็นมาวางไว้กลางลานหลังบ้านที่พวกผมใช้แด๊นซ์กระจายกันเมื่อวาน ไอ้ภคินอยู่ในแผนกก่อไฟซึ่งตอนนี้มันกำลังพัดป้าบๆจนผงถ่านด้านล่างลอยว่อนมาเกาะเต็มหน้ามัน ส่วนไอ้อาร์ททำเพียงแค่ยกตะแกรงไว้เฉยๆเพื่อให้ภคินทำงานง่ายขึ้น....ประเสริฐจริงๆ เพื่อนแท้เขาต้องทำแบบนี้แหละครับ ดูไว้ครับ!! ที่แย่กว่านั้นคือไอ้รักยมที่มือไม่พายเอานิ้วทิ่มให้เรือเป็นรู....คือถ้าเอาเท้าราน้ำนี่แค่เรือไปช้าใช่มั้ยครับ แต่ไอ้สองคนนี้มันอยู่ในระดับที่ทำให้เรือจมได้เลยครับ
กว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางก็ล่อกันไปเกือบสองทุ่มได้ แต่ธรรมดาของพวกผมแหละกินข้าวเย็นตอนสองทุ่มเนี้ย หนักๆเข้าไม่ได้แดกเลยสักเม็ดยังทำมาแล้ว บนตะแกรงเต็มไปด้วยอาหารทะเลนานาชนิด โดยมีหลักการว่าใครใคร่แดกมึงเดินไปคีบกันเอง
“อ๊ะ...” กุ้งทะเลตัวเบ้อเร่อวางหราบนจากผม ไม่ต้องแหงนหน้าขึ้นไปยังรู้ว่าฝีมือใคร
“รู้ว่าชอบ...แดกๆเข้าไปเยอะๆจะได้กลับมามีน้ำมีนวล ดูดิ๊...กระดูกแทบจะแทงออกมานอกตัวอยู่ละ” มันหยิบกุ้งที่จานที่เพิ่งคีบมาวางมาสังหารโหดหัวขาดกระเด็น “กินมันกุ้งด้วยจะได้อ้วนๆ”
“เป็นนักโภชนาการรึไง”
“เปล่า...
เป็นผัว จบมั้ย?” โอเค...จบ!! ถ้ามึงจะมามุกนี้มึงเอาก้ามกุ้งแทงคอหอยกูเลยดีกว่าภคิน แทบจะสำลักปลาหมึกในปากลงหลอดลม
ไม่อยากจะพูดครับ...แต่อดไม่ได้ ไอ้อาร์ทแม่งแกะนู่นแกะนี่หยอดลงจานไอ้ฟาร์เรื่อยๆเหมือนให้อาหารหมา แล้วมันนั่งสร้างโลกส่วนตัวของมันสองคนเงียบๆด้วย หาได้แคร์สายตารอบข้างไม่ เพราะไม่มีใครกล้าบุกเข้าไป...กลัวโดนอิน้องหนูดีหนูผีนั่นเล่นงาน ช่างต่างกับคู่ผมที่แม่งแค่ขยับตัวก็โดนมันแซวแล้ว โลกแม่งไม่ยุติธรรม!!
กลิ่นหอมๆของอาหารทะเลเผานี่มันสุดยอดจริงๆครับ... มันจะหอมถ่านนิดๆบวกกับความสดจากทะเล รับประกันว่าพรานทะเลที่ว่าแน่กลายเป็นศพกุ้งเลยครับ ผมจะมารีวิวอาหารให้พวกคุณท้องไส้ปั่นป่วนกันเล่นๆ อย่างกุ้งที่อยู่ในจานผมเนื้อเอาแค่ตัวนะครับ ย้ำ!!แค่ตัวไม่รวมหัว ตัวเท่าฝ่ามือผมได้...แล้วเนื้อกุ้งสีขาวอัดแน่นกัดแล้วเด้งดึ๋ง รสชาติออกหวานนิดๆหอมกลิ่นถ่านหน่อยๆ พอจิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ดแซ่บๆ....โอ๊ย....พูดแล้วน้ำลายแทบไหลออกมานอกปาก แกะตัวใหม่ดีกว่า ฮ่าๆ
“โอ้ เมื่อมีไฟ ไฟ ไฟ ลุกขึ้นแจ่มจ้า สุขอุราเมื่อเรามาพร้อมหน้ากัน~” ไอ้กันแม่งเป็นอะไรกับค่ายลูกเสือมากมั้ยมึงกลับไปเรียนใหม่ไปไอ้ห่า ผมเห็นไอ้กันร้องเพลงไปพัดไฟไป ส่วนไอ้โจ้ที่อยู่ทางซ้ายมือของภคิน...แกะหอยนางรมแดกอยู่ดีๆมันก็ลุกขึ้นยืน
“หอยจี้รี่ หอยจี้รี่ มีฝาเดียววว สองฝาก็ยิ่งเสียว สองฝาก็ยิ่งเสียว หอยฝาเดียว หอยจี้รี่~” แล้วแม่งเด้งหน้าเด้งหลังประหนึ่งว่ามีหอย....เอ๊ย!! ไม่ใช่ครับ อย่าเข้าใจผมผิด
“พวกมึงพอเหอะ กูจะแดกอะไรไม่ลงอยู่ละ” ร้อนถึงไอ้ฟาร์ต้องเอ่ยปากขอร้องครับคิดดู
“เอ๊ะ..เอ๊ะ..เอ๊ะ...กินไม่ลงจริงเหรอจ๊ะน้องเห็ดเด็ดสะระตี่ พี่โจ้เห็นกินเอาๆเหมือนไม่ได้แกะเอง อุ้ย!ไม่เอาไม่พูดๆ” ผมแสร้งทำท่าตบปากตัวเอง “เรามันไม่มีคนแกะให้แบบเขา พูดไปก็เหมือนอิจฉา”
ไอ้ฟาร์กรอกตาขึ้นฟ้าแล้วหันไปแดกแก้เครียดแทน ไอ้โจ้เลยส่งเสียง ‘โห...ไรวะไม่มันส์เลย’ และนั่นทำให้แม่งเบนเป้าหมายมาทางกูแทน “น้องไปป์หน้างออะไรจ๊ะ เครียดเหรอผัวไม่แกะกุ้งให้บ้าง”
“ไอ้โจ้...ถ้ามึงพูดอีกคำเดียวกูจะเอาเปลือกหอยปาดปากมึงซะ”
“หอยอะไรอะ หอยหยิกหยีไม่เอานะ เอ๊ะ..ลืมไปว่าไม่มี อั่ก” เสียงด้านหลังคือมันโดนเปลือกหอยแครงในจานผมอัดหน้าครับ “คินเมียมึงโหดว่ะ”
“ไม่เห็นโหดเลย...ออกจะน่ารัก” ไอ้นี่ก็ปากว่ามือถึงครับ มือแม่งเลอะแต่เสือกมาแกล้งดึงแก้มผม ผมเลยปัดๆออก เชี่ยนี่โรคจิตชอบมาแหย่กูอยู่เรื่อย
“โถ่ไอ้โจ้มึงมันไม่เข้าใจ” ไอ้กันเดินเข้ามาเอาจานวางบนโต๊ะ
“ไปป์มันกำลังจะบอกว่า ถึงมันจะไม่มีหอยก็หร่อยจังฮู้”
“ฮิ้ววววววววววววววววววววววววว” ฮือออออออออออออออออออ...เอามันออกไปจากชีวิตกูทีครับ!! อาหารมื้อนี้รสชาติอร่อยระดับโรงแรม แต่บรรยากาศตลาดสดมากครับ เสียงดังโหวกเหวกไปสามบ้านแปดบ้าน ผมก็บ่นไปงั้นแหละเอาจริงๆผมชอบที่ชีวิตมันเป็นแบบนี้นะ ไม่ได้หรูหราอะไร....กินบ้างอดบ้าง แต่มิตรภาพดีๆมันหาซื้อที่ไหนไม่ได้ และผมก็มีคนหยิบยื่นมันให้เต็มไปหมด
เสียงหัวเราะชักจะหนักข้อขึ้นเรื่อยๆเมื่อมีแอลกอฮอล์เข้ามาเอี่ยวในงาน ทั้งเหล้าทั้งเบียร์ถูกรินลงทุกแก้ว ยกเว้นไอ้ฟาร์ครับ...รายนั้นยึดมั่นที่จะดื่มเป๊ปซี่คนเดียวต่อไป แม้ว่ามันจะไม่ใช่ของนอกราคาแพงอะไรมาก แต่ถ้าแดกกับเพื่อนเหล้าเถื่อนก็กลายเป็นวิสกี้ได้ครับ เรากระโดดโลดเต้นกันอยู่บนชานบ้าน...อาหารหมดก็แดกเหล้ากันแทน อ่าฮ้า...คืนนี้ผมไม่เมานะครับบอกไว้ก่อน เตรียมตัวมาเป็นอย่างดี!!
“ดื่มเพื่อเกาะล้าน” ไอ้กันชูแก้วขึ้นฟ้า ไอ้ผมก็งงๆว่าเกาะล้านเป็นอะไรกับพวกเรา แต่ก็
เอ้า!! โชนนนนนนนนนน “ดื่มเพื่อแฟนใหม่กู”
“ใครวะไอ้โจ้ มึงแฟนใหม่มึง” ภคินขมวดคิ้ว
“มีสองคน คนหนึ่งยังไม่เกิด อีกคนตายไปแล้ว” กร๊ากกกกกกกกกกกก...
เอ้า!! โชนนนนนนนนนนหลังจากนั้นก็ดื่มเพื่อทุกอย่างบนโลกครับ...หลังๆแม่งมีไปยัน...’เพื่อนของน้องชายของหลานของป้าของแม่ที่อยู่ข้างบ้าน’ คือถ้ากูให้มึงพูดอีกทีนี่จะเหมือนเดิมมั้ย...ถามจริง
“ดื่มให้พวกเราทุกคนที่อยู่ด้วยกันมา” ภคินชูแก้วขึ้นฟ้า
“ขอบใจว่ะ” “เฮ้!!” ผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าดื่มเข้าไปทั้งหมดกี่แก้ว เพราะชนไม่ถอยจริงๆ...ใครยื่นมากูชนหมดครับ เปรียบเหมือนคนขับมินิบัสดีๆนี่เอง ฮ่าๆ ๆ เราทุกคนสลบกันที่ลานกว้างๆตรงนั้น...ท่ามกลางสายลมและแสงจันทร์ของเกาะล้าน...
…………………………………………………………
……………………………………….
………………….
……..
ผมรู้สึกตัวอีกทีตอนที่มีแรงเขย่าพร้อมกับเสียงทุ้มๆที่คุ้นหู “ไปป์...ตื่นเร็ว”
“หือ...อะไร” ภคินเอานิ้วมาแหกตาผม “โอ๊ย...รู้แล้วน่าตื่นแล้วๆ” สมองผมค่อยๆประมวลผลช้าๆเหมือนคนเป็นเอ๋อ ก่อนจะต่อสู้กับแรงโน้มถ่วงของโลกขึ้นมานั่งเก้าสิบองศากับพื้นดินได้ “ยังไม่เช้าเลยจะปลุกทำไมเนี้ย”
“ไปดูพระจันทร์กัน จะบอกเรื่องอยากรู้เมื่อตอนกลางวันให้”
“ห๊ะ? ดูทำไมเกิดมาไม่เคยเห็นเหรอ” ผมโดนไอ้ภคินตบหัวเบาๆข้อหากวนประสาท เอ้า!!กูพูดอะไรผิดเนี้ย “อยู่ตรงนี้ก็เห็นน่าภคิน....จะไปดูที่อื่นทำไม”
“ไม่เอา ไม่โรแมนติกอะ” ไอ้ห่า...ผมนะอยากจะเถียงว่าเราสองคนเคยมีเวลาแบบนั้นด้วยเรอะ แต่โดนมันฉุดตัวขึ้นมาจากพื้นเสียก่อน เป็นการแสดงว่าต่อให้ผมไม่ไปผมก็ต้องไป....เออ งงดีแท้ แต่ก็เดินตามแรงฉุดมันไปครับ ตกลงผมหรือมันกันแน่ที่เดี้ยงเนี้ย
มันคว้ากีต้าร์โปร่งที่พิงระเบียงทิ้งไว้แต่เมื่อวานขึ้นมาถือส่วนมืออีกข้างเป็นไม้ค้ำ เดินนำผมลงบันไดไป จากตรงชานบ้านที่ยื่นออกไปบนทะเลจะมีบันไดเล็กที่ทำให้เราเดินลงไปทะเลข้างล่างได้ครับ แต่คุณน้าบอกว่าไม่ค่อยชอบลงไป เพราะตรงนั้นมันมีหินโสโครกเยอะ จะเดินชายหาดสบายอารมณ์น่ะไม่ได้หรอก แต่ตอนนี้ไอ้พระเอกกำลังเดินลงบันไดแคบๆนั่นช้าๆ
“จะไปไหนวะ” ไม่มีเสียงตอบ...นอกจากมุมปากที่ยกสูงขึ้นชั่วครู่ เมื่อไม่รู้จุดหมายผมก็ทำเพียงเดินตามมันต้อยๆไปเท่านั้น เห็นท่าเดินมันแล้วก็สงสารผมเลยดึงกีต้าร์ในมือมันมาถือซะเอง...มันจ้องหน้าผมแล้วเป็นฝ่ายดึงมือข้างที่เหลือของผมเข้ามาสอดประสานนิ้วเข้าไปมือมัน ภคินพาผมเดินลัดเลาะไปบนหาด ดูท่ามันมันเตรียมตัวมาอย่างดี...ขนาดเฝือกที่ขายังห่อถุงพลาสติกไว้พร้อมเลย หาดนี้หินโสโครกเยอะจริงๆครับ เดินไม่ค่อยสบายเท้าเท่าไหร่นัก โชคดีที่ทรายที่นี่ละเอียดเท้าเลยพอจะคลายความปวดไปได้บ้าง น้ำทะเลพัดเข้าชายฝั่งมาเรื่อยๆแรกๆก็อยู่แถวๆตาตุ่ม หลังๆชักกระเซ็นมาโดนหัวเข่า....เฮ้ย!!ไม่ใช่พากูเดินลงไปตายหมู่อย่างโรแมนติกในทะเลนะเว่ย
“เฮ้ย!!” ผมอุทานเมื่อภคินทำสิ่งที่ไม่คาดฝัน... มันก้มลงมานั่งยองๆแล้วพับขากางเกงให้ผม จะไม่ตกใจได้ยังไงล่ะ เกิดมามันไม่เคยทำอะไรเลี่ยนๆแบบนี้นี่หว่า พอเห็นผมเขินมันก็ยักคิ้วกวนๆให้ เออ...ยกนี้มึงชนะไปนะไอ้พระเอก
หินก้อนใหญ่ที่หลบตัวอยู่ใต้บ้านหลังหนึ่งเป็นจุดหมายของเรา ภคินบีบมือผมเบาๆเป็นการบอกให้ทิ้งตัวนั่งลงบนหินโสโครกก้อนใหญ่ตรงหน้า ก่อนมันจะเบียดตัวลงมานั่งข้างๆกันพร้อมกับดึงกีต้าร์โปร่งเข้าสู้อ้อมอกตัวเอง
มันเป็นวินาทีที่เงียบสงบ....ไม่ต้องมีการสื่อสารใดระหว่างเราสองคน เสียงคลื่นสาดเข้ามากระทบถึงหน้าขาถอยหลังลงทะเลแล้วกลับขึ้นมาใหม่ซ้ำๆวนๆเหมือนเปิดแผ่นเสียง... ทะเลที่ตอนเช้าเป็นสีฟ้า แต่บัดนี้มันกลายเป็นสีดำทอประกายเหมือนอัญมณี... ผมแหงนหน้ามองดวงจันทร์กลมโตเหนือหัวแล้วหลุดยิ้มออกมา
“น่ารักนะมึงอะ” เป็นประโยคที่ชวนเอาหัวมุดลงน้ำจริงๆ อยู่กับมันทีไรผมอารมณ์สาวน้อยทุกที เขินง่ายซะไม่มี
“แม่ง...” ผมสบถ
“แต่ก่อนกูเคยเห็นมึงที่โรงเรียนนะ เพื่อนที่ห้องกูชี้ให้ดู”
“เชี่ย....กูดังขนาดนั้น”
“มันบอกว่าไอ้คนนี้ที่ฉายาตุ๊ดรด.”
“สัตว์!! เพื่อนมึงชื่ออะไร” ผมเตะน้ำกระจายด้วยความแค้น กูเกลียดฉายานี้ แม่งงงงงงงง พอเห็นพอโวยวายไอ้ภคินเสือกหัวเราะดังลั่น มันเอื้อมมือมาขยี้หัวผมแรงๆ
“ตอนนั้นกูยังคิดอยู่เลยว่ามันน่ารักตรงไหนวะ”
“ใช่!!มึงพูดถูก...กูออกจะหล่อ”
“คือกูเปรียบเทียบหน้ากูกับมึงนะไปป์... คือมึงไม่ได้ขี้ตีนกูเลยอะ เฮ้ย!!” มันโวยวายเพราะโดนผมเตะน้ำใส่ มือใหญ่นั่นรีบโผเข้ามากดขาผมไว้ไม่ให้สำแดงอิทธิฤทธิ์ “ฮ่าๆ ๆ ๆ เรื่องจริงทำเป็นรับไม่ได้”
“โคตรหลงตัวเอง”
“หรือมึงจะเถียง?”
“หืยยยยยยยยยยยยยยยยยย” ผมทึ้งหัวตัวเองอย่างบ้าคลั่งที่เถียงมันไม่ออก ใช่สิ!มึงมันมีรูปเป็นทรัพย์ มีสันดานเป็นหนี้สิน ผมนั่งหัวยุ่งจ้องหน้ามันอย่างหาเรื่อง “แล้วมาชอบกูทำไมวะ”
“ก็มึงน่ารัก” ภคินยิ้ม...ไม่ใช่รอยยิ้มแบบกวนๆที่มันทำเป็นประจำ แต่เป็นยิ้มที่อบอุ่น...สว่างไสว
“ไม่ใช่เพราะมึงน่ารัก...กูถึงรัก แต่เพราะกูรักมึง...มึงถึงน่ารักไง” ให้ตายเหอะ...ผมไม่รู้ว่าเกิดมาจะเขินอะไรได้ขนาดนี้อีกมั้ย ใบหน้าร้อนผ่าวไปหมด...เลือดไม่เหลือเลี้ยงนิ้วโป้งตีนแล้วมั้งเนี้ย ยิ่งตอนที่มันโน้มตัวลงมาจนหน้าผากเราสัมผัสกัน....
“กูไม่รู้หรอกว่ารักแท้มันมีจริงมั้ย แล้วก็ไม่เชื่อว่าเราจะอยู่ด้วยกันไปตลอดกาลได้...ชีวิตจริงแม่งไม่ใช่นิยาย แต่กูมั่นใจว่าถ้าเราคนใดคนหนึ่งเกิดตายไปก่อน....อีกคนจะต้องคิดถึงจนวันตายแน่ๆ” ผมหลับตา....ตอนที่มันถูหน้าผากลงมาเบาๆ “อนาคตแม่งมองลำบาก เอาเป็นว่าปัจจุบันนี้กูมีมึงอยู่ข้างๆแล้วนี่ไง....
แค่นี้ก็พอแล้ว”
“กะ....กูก็มีความสุขที่มีมึงอยู่เหมือนกัน” แม้จะบอกไม่บ่อย แต่ทุกความรู้สึกที่อยู่ตรงหน้ามันคือเรื่องจริง....
ภคินผละออกจากใบหน้าผม พร้อมกับวางมือลงบนสายกีต้าร์ในแขน...และออกแรงดีด ตาคู่นั้นทอดมองมาที่ผมด้วยความรู้สึกที่เปี่ยมล้น..
......รัก....รัก.....และรัก.....http://www.youtube.com/v/018UMWioeW4?version=3&hl=en_USในคืนที่ฟ้านั้นเต็มไปด้วยแสงไฟ เราโอบกอดกันและมองไปบนฟ้าไกล
สุดหัวใจ สุดสายตา มีแต่เรา
ดวงจันทร์ล่องลอยและมอบความรักให้กัน
ขอบคุณวันนี้ที่คอยดูแลรักฉัน จากหัวใจ จากนี้ไป.....มีแต่เธอ ผมขยับปากร้องตามเพลง หน้าต่างหัวใจของเราสองคนยิ้มโดยไม่ต้องขยับปาก....
ฉันไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ ดวงดาวจะหายไปไหน
ฉันไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ท้องฟ้าจะเป็นเช่นไร
แต่ฉันก็รู้หัวใจของฉัน... มือคู่นั้นเร่งจังหวะเพลงขึ้น...ตึก...ตึก...ตึก...ตึก...ตึก.
จะมีเพียงเธอรักเพียงแต่เธอ โอบกอดเธอด้วยรัก รักที่ห่วงใย
ใจฉันให้เธอมันเป็นของเธอรู้ไหม ทุกคำมันกลั่นออกมาจากหัวใจ มันเงยหน้าขึ้นฟ้าพร้อมกับยิ้ม...
เราจะลอยข้ามฟ้าท่ามกลางหมู่ดาว จะไม่มีความเหงาเข้ามากล้ำกราย
เพลงนี้เพื่อเธอมันเป็นของเธอรู้ไหม สัญญาจะดูแลเธอจากนี้ ตลอดไป
แม้ในบ้างครั้งฉันทำให้เธอเสียใจ แต่ทุกๆ ครั้งเธอพร้อมจะมองข้ามไป
เธอเข้าใจ ให้อภัยคนอย่างฉัน ไอ้บ้าเอ๊ย... กับคนอย่างมันทำไมผมจะให้อภัยไม่ได้ละ... ผมตอบมันด้วยการยิ้มกว้างกว่าเดิม...
ฉันไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ ดวงดาวจะหายไปไหน
ฉันไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ท้องฟ้าจะเป็นเช่นไร
แต่ฉันก็รู้หัวใจของฉัน....
จะมีเพียงเธอรักเพียงแต่เธอ โอบกอดเธอด้วยรัก รักที่ห่วงใย
ใจฉันให้เธอมันเป็นของเธอรู้ไหม ทุกคำมันกลั่นออกมาจากหัวใจ
เราจะลอยข้ามฟ้าท่ามกลางหมู่ดาว จะไม่มีความเหงาเข้ามากล้ำกราย
เพลงนี้เพื่อเธอมันเป็นของเธอรู้ไหม สัญญาจะดูแลเธอจากนี้ .....ตลอดไป..... ดวงตาเรียวคู่นั้นจับจ้องมาที่ดวงตาผม.. ภคินขยับปากช้าๆ....
ต่อให้โลกสลาย หายไปกับตา
ต่อให้ดาวบนฟ้า ลบเลือนห่างไกล มันโน้มตัวลงมาใกล้ผม
“ใจฉันให้เธอมันเป็นของเธอรู้ไหม ทุกคำมันกลั่นออกมาจากหัวใจ” แล้วหัวเราะเบาๆที่เห็นผมหน้าแดง...
เราจะลอยข้ามฟ้าท่ามกลางหมู่ดาว จะไม่มีความเหงาเข้ามากล้ำกรายภคินปล่อยมือออกจากสายกีต้าร์ มันยื่นหน้าเข้ามากระซิบที่ข้างหูผม...
“เพลงนี้เพื่อเธอมันเป็นของเธอรู้ไหม สัญญาจะดูแลเธอจากนี้ ......ตลอดไป.....” มีความสุขจนแทบลอยได้มันเป็นอย่างนี้เองสินะ.... ภคินของผม...ภคิน...ภคิน.... ผู้ชายที่เข้ามาเปลี่ยนชีวิตผม และผมก็เข้ามาเปลี่ยนชีวิตมัน... ผู้ชายที่มีแต่ตัวเปล่าๆ....แต่กลับทำให้ผมมีความสุขที่สุด....
“กูว่ากูเป็นคนที่น่าอิจฉาที่สุดในโลกเลยว่ะ...”
“ทำไมวะ” มันถูปลายจมูกกับจมูกผมเบาๆอย่างเอ็นดู
“มีครอบครัวที่เข้าใจ.....มีเพื่อนที่พร้อมจะอยู่ด้วยกัน.....และมี ‘มึง’ ....ผู้ชายที่ทำให้กูยิ้มกว้างที่สุด”
ภคินกระตุกยิ้มมุมปาก “ผิดแล้วล่ะ...มึงไม่เห็นน่าอิจฉาเลยสักนิดไอ้แห้ง”
“ไอ้...”
“กูสิ....น่าอิจฉากว่าเยอะ.....” ไม่รู้จะเถียงอย่างไรจริงๆ ในเมื่อมันปิดปากผมด้วยริมฝีปากบางคู่นั้น.....ส่งผ่านรสจูบที่หวานยิ่งกว่าน้ำตาลชนิดใดๆบนโลก....
ไม่ต้องให้พระจันทร์....ท้องฟ้า....เกลียวคลื่น....หรืออะไรเป็นพยาน....
มีแค่ ‘เรา’ แค่ผมกับภคิน
ที่จะจับมือกันเดิน ‘ข้างๆ’ ทุกก้าวของชีวิตต่อจากนี้ไป....
“รักมึงนะ”
“แล้วคิดว่ากูไม่รักมึงบ้างเหรอ”
“หึ....”
“รักมึงเหมือนกัน...ภคิน”