“อ้าว... ไอ้อาร์ท มึงทำอะไรเพื่อนกู ทำไมอยู่ ๆ มันร้องไห้วะ?” ไปป์รีบกระเด้งตัวขึ้นมาจนหัวคินกระแทกกับพื้น เขาเขย่าตัวเพื่อน “ฟาร์... ฟาร์... มึงเป็นไรวะ ร้องไห้ทำไม?”
“ฮือออออออออออออออออออออออออ ฮึก... ฮึก... ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ” แล้วอยู่ ๆ ฟาร์ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทั้งน้ำตาเล่นเอาไปป์งง และคินที่กำลังจะอ้าปากด่าถึงกับชะงัก
“ชิบหาย... มันเมา”
ผมพยักหน้า “ครับ... ไม่ต้องบอกสุนัขยังรู้”
ไปป์สะอึกฮึก ผมก็ไม่เข้าใจว่าเขาเกิดความผิดปกติกับระบบหายใจได้อย่างไร สงสัยต้องแนะนำให้คินพาไปหาหมอบ้างเสียแล้ว... ผมเขย่าตัวคนตัวเล็กกว่าเบา ๆ ฟาร์ปาดน้ำตากับเสื้อสีเทาของเขา จนมันขึ้นรอยเปียกน้ำเป็นปื้น เขาส่งเสียงหัวเราะผสมกับน้ำตาออกมาเยอะพอกัน
“จะหัวเราะหรือร้องไห้ก็เอาสักอย่างสิครับ”
“มึงจะเอาอะไรกะคนเมาวะ ไอ้อาร์ท” คินว่าพลางยกแก้วขึ้นดื่ม ผมกำลังคิดว่าแอลกอฮอล์ในร่างกายเขาน่าจะไปอุดตันในเส้นเลือดช่วงขาที่หักไป เขาจะได้พิการขึ้นมาจริง ๆ เลย
“ฮืออออออออออออออออ”
“ร้องไห้หาพ่อเธอหรือ... เห็นเธอตะโกนหาพ่อ เจ็บช้ำจนน้ำตาคลอ... ให้พ่อมาเช็ดน้ำตา” กันเดินเข้ามาพลางดีดนิ้วประกอบจังหวะเพลง ก่อนโจ้จะร้องเสริม...
“ร้องไห้หาแม่เธอหรือ... เห็นเธอตะโกนเรียกหา เจ็บช้ำหัวใจอ่อนล้า... ให้แม่เธอมาเช็ดน้ำตาอีกคน”
“ฮืออออออออออออออออ ฮึก... ฮึก...” อ้าว... ร้องดังกว่าเดิมอีกครับ แย่จังแฮะ
“กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก” คนในบริเวณนั้นหัวเราะกันเสียงดังลั่น ผมก็ยังสงสัยว่าการใช้คำสุภาพอย่าง ’ร้องไห้หาพ่อเธอหรือ’ เป็นเรื่องตลกตรงไหนกัน? แม้แต่ไปป์ที่เป็นเพื่อนสนิทของฟาร์ยังหัวเราะซะลั่น สงสัยจะเป็นตัวอย่างคำที่บ้านผมเคยสอนไว้ว่า มีสุนัขเป็นเพื่อน ดีกว่ามีเพื่อนเหมือนสุนัข
“เฮ้ย! เอากล้องมาถ่ายมันไว้ดิ๊” โจ้รีบควานหามือถือตามคำสั่งของกัน แต่ผมเอื้อมมือไปจับเบา ๆ โจ้ก็สะดุ้งเฮือกเหมือนโดนไฟฟ้าสถิตสักล้านโวลต์ จะสะดุ้งอะไรขนาดนั้นกันนะ?
“เราจะพาฟาร์กลับบ้านเอง เขามีสภาพแบบนี้เพราะเรา... เรารับผิดชอบเอง”
“โห... พูดอย่างกับมึงทำเพื่อนกูท้อง”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ฮะ ๆ ๆ ฮือออออออออออออออออ ฮึก...”
ผู้ชายผมทรงเห็ดตัวเตี้ย ๆ ยังคงสับสนในชีวิตต่อไป ว่าเขาจะร้องไห้หรือหัวเราะดี จะให้ผมช่วยเลือก เขาก็คงจะไม่ฟังแล้วซะแล้วมั้งครับ ผมก็รู้สึกผิดนิดหน่อย... ย้ำว่านิดหน่อย ที่ทำให้เขาโกรธ ผมไม่โทษตัวเองนะ ที่ทำให้เขาเมา ผมถือว่าเหตุการณ์นี้จะช่วยทำให้เขาได้รู้ตัวเองว่า เมาแล้วจะเป็นอย่างไร ในอนาคตเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับเขานะ... ผมนี่เป็นคนที่มองโลกในแง่ดีจริง ๆ อีกอย่าง ผมไม่คิดว่าแค่แก้วเดียวแถมอาเจียนออกมาจะทำให้เขาเมาได้ ต้องจดบันทึกสถิติโลกไว้เสียแล้ว
“เลิกหัวเราะบนความทุกข์ของคนอื่นได้แล้วครับ” ผมคว้าแขนเล็ก ๆ ที่กำลังยกปาดน้ำตา “ที่บ้านไม่ได้สั่งได้สอนเรื่องนี้เหรอ”
“สอนแล้วแต่ไม่จำ กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”
“เฮ้อ...” ผมถอนหายใจ “การศึกษาคงไม่ได้ยกระดับจิตใจให้สูงตาม”
คนแถวนั้นสะอึกฮึกกันเป็นแถว คาดว่าโรคทางเดินหายใจคงกำลังระบาดในช่วงนี้ ผมช้อนแขนไว้ใต้รักแร้ฟาร์แล้วพยายามประคองให้เขายืนขึ้น ไปป์เองก็เข้ามาช่วยเอาแขนข้างนึงพาดบ่าไว้เหมือนกัน... ด้วยความที่ฟาร์ไม่ค่อยได้ดื่มนมตอนเด็ก ผมเลยต้องก้มตัวลงมากกว่าปกติ นี่ถ้าเป็นคินคงต้องคลานไปเลยมั้งครับเนี่ย...
“แล้วเอารถกลับไปแบบนี้มึงจะกลับมานี่ยังไงวะอาร์ท... เฮ้ย! มึงไม่ต้องลุกออกมาเลยนะ ภคิน ขาเดี้ยงแล้วเสือกซ่า”
“ได้ไงวะ... เดี๋ยวมึงทิ้งกูแล้วหนีกลับบ้านจะทำไง”
“กูไม่หนีหรอก นั่งรถไปกับไอ้อาร์ทให้กูกัดลิ้นตายเหอะ...” ไปป์หันกลับมา “เออ... แล้วตกลงมึงจะกลับมานี่ยังไงวะ”
“แท็กซี่ก็มีนี่ครับ ยังไงบ้านฟาร์ก็ติดถนนใหญ่อยู่แล้ว”
“แหนะ... แสดงว่าไปบ่อย กิ๊ว ๆ ๆ”
“คงไม่บ่อยเท่าพวก ‘หลับนอน’ ร่วมกันทุกวันหรอกมั้งครับ”
“โอ๋ ๆ ๆ อย่าร้องดิวะ ไอ้ฟาร์ ตอนนี้กูอยากจะร้องแทนมึงมากกว่า” ไปป์หันไปบ่นใส่เพื่อนตัวเล็กที่ตอนนี้เอาหน้ามาถูปาดน้ำตาตรงบ่าไปป์ แต่เขาก็ยังส่งเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากไม่เลิก ยังดีนะที่เขาไม่ดิ้น “เมาได้ทุเรศจริงเพื่อนกู”
“ก็สูสีกับไปป์ตอนเมานั่นแหละครับ ตอนนั้นเล่นเอาลำบากกันไปทั้งโต๊ะ”
“นี่กูเดินมากับมึงแป๊บเดียวโดนแทงพรุนไปทั้งตัวละ แม่ง... หันไปข้างหลังนี่เลือดไหลเป็นทาง” เขาว่าพลางเอาแขนที่พาดบ่าออก เพราะเราเดินมาถึงรถกันแล้ว รอจนผมไขกุญแจรถได้ เราก็ค่อย ๆ ช่วยกันยัดเด็กขี้แยเข้าไปที่เบาะหลัง เล่นเอาเหนื่อยไม่ใช่น้อย ฟาร์นอนหัวเราะเอิ๊กอ๊ากแล้วเอาหน้าเช็ดน้ำตากับเบาะรถอย่างมีความสุข
“เฮ้ออออออออออออออออ” ไปป์ถอนหายใจ “มึงชอบไปแกล้งมัน”
“เปล่าครับ ก็แค่อยากให้เขารู้จักเข้าสังคมบ้าง”
“เข้าสังคมไม่ได้เท่ากับแดกเหล้านะโว้ย” ไปป์ว่าพลางขยับขาเพื่อนเขาให้งอ แล้วปิดประตูรถ หน้าตาเขาดูจริงจังขึ้นมา “กูรู้ ว่ามึงคบกับเพื่อนกูอยู่”
“ไม่เชิงหรอกครับ...” ผมไหวไหล่ “จะว่าเป็นแฟนกันก็ไม่ใช่ เป็นอะไรก็ไม่เชิง”
“เออ... นั่นแหละ ไอ้ห่า เป็นอะไรก็เรื่องของมึงเหอะ แต่ก็ไม่สมควรมอมเหล้ามันนะโว้ย”
“ตอนนั้นผมว่าผมเห็นไปป์แล้วนะ” ผมเลิกคิ้ว “ทำไมไม่ห้ามล่ะครับ?”
“ไม่เถียงละ แม่ง คุยกับมึงแล้วปวดหัว”
“แบบนี้ที่บ้านเผมเรียกตัดช่องหนีความผิดนะครับ”
“เรียกอะไรก็เรื่องของมึง แต่ที่กูจะบอกคือ... เอ่อ... จะว่าไงดีวะ”
ผมก้มมองนาฬิกาข้อมือ “หมดไปครึ่งชีวิตครับ”
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก แม่งเอ๊ย!” เขาขยี้ผมตัวเองจนยุ่งเหยิงไปหมด พอตั้งสติได้ก็ชี้หน้าผม “มึง! รู้ใช่มั้ย ว่าเพื่อนกูมันเป็นคนแปลก ๆ มันเงียบ... มันไม่พูด แต่ไม่ใช่ว่า... แม่งเอ๊ย!”
“สบถหยาบคายไม่ดีนะครับ”
“มึงมันกวนประสาท! กูล่ะไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าไอ้ฟาร์มันอยู่กับมึงเข้าไปได้ไง”
“พอ ๆ กับที่ผมไม่อยากจะเชื่อว่าคนบ้าสองคนจะอยู่ห้องเดียวกันได้แหละครับ” ไปป์จ้องหน้าเหมือนอยากจะถอดรองเท้ามาตบปากผม แต่ใจไม่แข็งพอ
“กูจะบอกว่า... เอ่อ... ว่าไงดีวะ แม่งพูดยากชิบ... คือมึงกับมัน... ไม่รู้ว่ามึงทำอะไรมันบ้าง... แล้วแบบ...”
ปั้ง
ผมทุบกระโปรงรถจนไปป์สะดุ้งเฮือก โชคดีที่ฟาร์เมาอยู่ ไม่งั้นเขาคงตื่นขึ้นมาด่าผมข้อหาทำร้ายลูกเขาแล้ว ผมฉีกยิ้มจริงใจให้แฟนเพื่อน “สรุปว่า... เป็นห่วงฟาร์ แค่นี้ใช่มั้ยครับ?”
“อ่า...”
“โรคปากไม่ตรงกับใจนี่ โรงพยาบาลที่ไหนเขาก็คงไม่รับรักษาสินะครับ เป็นห่วงเพื่อนก็บอกมาสิครับ หรือจะมาข่มขู่อะไรอีก?”
“กูว่ามึงต่างหาก ที่กำลังข่มขู่กูอยู่นะ”
“เอาเป็นว่าไม่ต้องห่วงหรอก ผมอาจไม่ใช่คนดีอะไร แต่ก็ไม่ได้เลวขนาดนั้น ผมไม่เคยคิดจะล้อเล่นกับความรู้สึกใครหรอก” ผมเหลือบมองอีกคนที่ยังหัวเราะเสียงดังลั่นรถ “รับรองว่า จะดูแลให้ดีที่สุด”
ไปป์จ้องหน้าผมอยู่สักพักก่อนจะถอนหายใจออกมา “เออ... ฝากด้วยละกัน กูกลับละ คุยนานเดี๋ยวภคินกระเตงออกมาอีก คราวนี้ได้ขาหลุดออกมาแน่” เขาว่าพลางโบกมือลาแล้วรีบเดินไป ผมเลยตะโกนไล่หลัง
“แหม... เป็นห่วงกันออกนอกหน้าเหลือเกินนะครับ คุณทองกวาว”
“ไอ้เหี้ย! แอบฟังคนอื่นคุยกัน เสียมารยาท!”
ด่าทิ้งท้ายได้สมกับเป็นเขาดี บอกตรง ๆ ว่า ผมก็แปลกใจไม่น้อยที่เขามาเป็นแฟนกับคินได้ ผมยังจำวันนั้นที่คินมาคณะในสภาพที่เต็มไปด้วยรอยปากกาบนใบหน้าได้ พวกผมหัวเราะกันจนปวดท้องไปหมด ยิ่งพอรู้ว่ารูมเมทคนใหม่เป็นคนทำ ผมเลยคิดว่าเขาตองไม่รอดแน่ ๆ เพราะเพื่อนผมคนนี้เป็นพวกความดันทุรังสูง ถ้าจะเล่นงานกันจริง ๆ ผมว่าไปป์ไม่รอดแล้วล่ะครับ แต่ก็ไม่แน่ เพราะคู่กรณีก็อึดเป็นแมลงสาบพอกัน อืม... คาดว่าคงสูสีจนไปได้กันเองเนี่ยแหละครับ
เอาล่ะ! มีภารกิจบุกบ้านรอผมอยู่ จะมัวช้าไม่ได้... เห็นว่าป๊าฟาร์ดุซะด้วยด้วยสิ แต่ลูกชายก็เรียนตั้งปี 3 จะขึ้นปี 4 แล้ว เรื่องดื่มเหล้าหรือเที่ยวกลางคืนก็น่าจะเป็นเรื่องธรรมดา อีกอย่าง ถ้าเจอป๊าเขา ผมคิดว่าความนอบน้อมของผมน่าจะเอาชนะใจเขาได้นะ...
ผมสตาร์ทรถ ค่อย ๆ ถอยออกมาจากที่จอดรถข้างป้ายคณะช้า ๆ บรรยากาศถนนตอนกลางคืนชวนให้ขับรถชมวิวเรื่อย ๆ เหลือเกิน ถ้าไม่ติดว่าคนด้านหลังรถร้องไห้ปนหัวเราะเป็นเอฟเฟ็คต์คงจะรื่นรมย์กว่านี้ แต่ก็เอาเถอะครับ... ผมว่าเขาร้องไห้น่ารักดีนะ ตาแดง ๆ สะอึกฮึก ๆ ไม่หยุดเลย แต่เดี๋ยวก็เปลี่ยนมาเป็นหัวเราะ ผมเคยได้ยินมาว่า คนเมามักจะทำอะไรที่เขามักไม่ทำในตอนปกติ หรืออาจะทำสิ่งที่เค้าทำตอนปกติมากกว่าเดิมเป็นสองเท่า ซึ่งฟาร์คงเป็นกรณีแรกมากกว่า เขาเป็นคนไม่ชอบแสดงอารมณ์ให้คนอื่นเห็น พอเมาก็เลยอาการหนักขนาดนี้
จะว่าโรคจิตก็ได้... แต่ผมคิดว่าตัวเองไม่โรคจิตนะ ผมอยากเห็นทุกมุมมองในชีวิตของผู้ชายคนนี้จริง ๆ เขาชอบเงียบ... ไม่เถียงผมเหมือนที่ไปป์ทำ นั่นยิ่งทำให้ผมอยากรู้ว่า แท้จริงแล้วเขามีหน้ากากซ่อนไว้กี่หน้ากันนะ? อยากจะลองเข้าใจ ว่าเขาคิดอะไรอยู่... อย่างวันนี้ผมก็ได้เห็นอีกมุมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ถึงสภาพเขาตอนเมามันจะน่าอดสูไปหน่อยก็ตาม แต่ก็ดีเหมือนกัน เขาจะได้ไม่กล้าไปดื่มที่ไหนคนเดียว ถ้าไม่มีผม
ทำไมคนอื่นต้องมองว่าผมชอบแกล้งเขาด้วยนะ ก็แค่อยากให้เขารู้จักโลกกว้าง ๆ ใบนี้มากขึ้นเท่านั้นเอง ผมคิดพลางเคาะนิ้วลงกับพวงมาลัย... ผมชอบขับรถคันนี้เสียยิ่งกว่ารถตัวเองอีก ผมชอบกลิ่นที่เหมือนกับเจ้าของรถ มันหอมหวาน ชวนให้ยิ้มได้ ใช้โอกาสตอนที่รถกำลังติดไฟแดงอีกหลายนาทีเอี้ยวตัวไปด้านหลังรถ ฟาร์ยังคงหัวเราะไม่หยุด ทั้ง ๆ ที่น้ำตานองหน้า... เค้าน่ารักน่าเอ็นดูมาก เวลาปกติเค้าอาจนิ่ง ไม่พูดไม่จา ไม่ได้ยิ้มแย้มสดใส หรือมองโลกในแง่ดีเหมือนไปป์ แต่นั่นทำให้ฟาร์เป็นฟาร์... เป็นผู้ชายที่แข็งนอกอ่อนใน คนที่ไม่เคยพูดอะไร... แต่จิตใจของเขาหวังดีกับคนอื่นเสมอ
เขาน่ารักจริง ๆ นะ...
ผมมองหน้าที่ขึ้นสีเรื่อเหมือนเด็กตัวเล็ก ๆ เวลาร้องไห้ ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบแก้มนั่นช้า ๆ
“ฮ่า ๆ ๆ ฮึก... ฮือออออออออออออออ” ผมก็เดาไม่ออกหรอก ว่าเขาดีใจหรือเสียใจที่ผมมาจับแก้มเขาแบบนี้ อยากจะเพ่งมองนาน ๆ อยู่หรอก เสียแต่ว่าไฟเขียวมาเร็วกว่าที่ใจคิด...
ระยะทางจากมหา’ลัยไปบ้านเขาถือว่าไม่ไกลนัก ขับรถแป๊บ ๆ ไม่ถึง 15 นาทีก็ถึงแล้วครับ ผมเปิดไฟเลี้ยวแล้วค่อย ๆ แล่นเข้าไปในซอยกว้าง ๆ ขับไปนิดเดียวก็มาหยุดอยู่ที่รั้วลูกกรงที่คุ้นตา บ้านของเขาเป็นบ้านสองชั้นอยู่ในบริเวณรั้วที่ไม่กว้างมาก แต่ค่อนข้างลึก ผมดับเครื่องลงก่อนจะสอดส่องสายตาหาตัวช่วย
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ฮือออออออออออออออออออ ฮึก... ฮะ ๆ ฮ่า ๆ ๆ” เสียงจากคนที่อยู่หลังรถยังดังไม่ไม่หยุด ตลกซะจนผมเกือบจะหลุดหัวเราะตามอยู่แล้ว ไม่ได้สิ... ผมต้องทำภารกิจส่งมอบตัวให้ลุล่วงเสียก่อน ผมพยายามเพ่งตามองที่เสาว่ามีกริ่งติดอยู่รึเปล่า ทันใดนั้นเอง...
ครืดดดดดดดดดดดดดดด
ประตูรั้วถูกเลื่อนออกด้วยฝีมือของเด็กผู้ชายตัวสูง ๆ คนนึง แค่แว้บแรกที่ผมเห็นเขา ผมก็รู้ตัวได้ทันทีว่า เจอของแข็งเข้าซะแล้ว... เด็กชายหัวเกรียนใส่เสื้อกล้ามกับกางเกงบ็อกเซอร์คนนั้นดูท่าจะยังไม่รู้ตัว... ว่าพี่เขยเขาก็อยู่ในรถด้วย
ไหน ๆ เขาก็เปิดให้แล้ว ผมก็จะไม่ให้เสียน้ำใจแล้วกัน รถประจำตำแหน่งลูกชายคนโตของบ้านค่อย ๆ แล่นเข้าไปจอดเทียบกับอีกคันที่คาดว่าจะเป็นรถป๊าของพวกเขา ผมเหลือบมองกระจกก็พบว่าน้องชายของฟาร์ เออ... รู้สึกจะชื่อเนียร์สินะ นั่นแหละ... เขาดูจะมีความสุขมากที่พี่ชายมาถึงบ้านแล้ว ถ้ารู้ว่าพี่เป็นศพอยู่ตรงเบาะหลังนี่จะเป็นยังไงนะ...
เขาเริงร่ารีบปิดประตูรั้วก่อนจะวิ่งร่อนมารอที่ประตูคนขับ คิ้วหนา ๆ นั่นขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ชายไม่ลงมาเสียที ถึงคราวพระรองต้องเปิดตัวแล้วล่ะครับ...
ผมกดปุ่มเลื่อนกระจกรถลงช้า ๆ แล้วหันไปส่งยิ้มที่คิดว่าหวานที่สุดในชีวิตให้ แต่น้องเขาดันสะดุ้งเฮือกแทบจะลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้าที่พื้น เขาพูดเสียงดัง
“เฮ้ย! ใครวะ เอารถเฮียกูมาขับได้ไง!?”
“ไม่ต้องเสียงดังไปหรอกครับ” ผมเอ่ยเรียบ ๆ “พี่ชายคุณนอนอยู่หลังรถนี่เองครับ”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก” เหมือนจะรู้ตัวนะ... หัวเราะซะดังเชียว น้องชายเขารีบส่องเข้ามาด้านหลังรถ พอเห็นสภาพพี่ชายนอนเป็นบ้าอยู่ เขาก็หันมาชี้หน้าผม
“มึงทำอะไรเฮียกู!?”
“มอมเหล้าครับ” ผมตอบไปตามตรง เพราะที่บ้านไม่เคยสอนให้โกหก
“ไอ้สัตว์!” เขาตบบนรถลูกรักของพี่ชาย “ลงมาคุยกับกูเดี๋ยวนี้ มึงใช่มั้ย ไอ้คนที่สะเออะมาจีบเฮียกูอะ”
“ใช่ครับ”
“มึงลงมาเลย เคลียร์กะกูให้รู้เรื่อง ไอ้หน้าจืดแล้วไม่เจียม”
“คนเจอหน้ากันครั้งแรก เขาไม่ใช้ภาษาหยาบคายใส่คนที่อายุมากกว่าหรอกนะครับ” ผมพูดเรียบ ๆ “โดยเฉพาะคนมีการศึกษา”
เขาเบิกตาโพลงเหมือนช็อกไปกับพูดผม ทำหน้าเหมือนโดนผมด่าเลยแฮะ ที่บ้านผมไม่เคยสอนให้ใช้คำหยาบอยู่แล้ว ดังนั้นรับรองได้ว่า ผมด่าใครไม่เป็นแน่นอนครับ... ด้วยเกียรติของลูกเสือเลย
“ฮึก... ฮึก... ฮืออออออออออ” เสียงครวญครางจากเบาะหลังยังคงดังไม่เลิก พอได้ยินเสียงพี่ชายเท่านั้น เหมือนสติเขาจะกลับคืน เนียร์รีบหันมาต่อกรกับผมทันที
“มึงทำอะไรเฮียกูวะเนี่ย มึงฉวยโอกาสกับเฮียกูเหรอ เฮีย! เฮีย!” เขาโผไปทุบกระจกด้านหลังแรง ๆ แต่ฟาร์ก็ยังคงหัวเราะแกมร้องไห้ไม่เลิก “อ๊ากกกกกกกกกกกกก เฮีย! มึงปล้ำเฮียกูเหรอ!?”
“ผมเป็นสุภาพบุรุษพอครับ”
“เฮียยยยยยยยย!” เขาทุบกระจก
“ฮะ ๆ ฮ่า ๆ ๆ ๆ กร๊ากกกกกกกกกกกก”
“โอ๊ย... กูอยากจะบ้า” เขาหันมา “เปิดล็อกสิวะ จะรอให้เฮียกูกรามค้างตายในรถรึไง” ขอมาผมก็จัดไปครับ พอปลดล็อกปุ๊บ น้องชายฟาร์ก็พุ่งตรงเข้าไปสำรวจตัวฟาร์ทันที ถึงขั้นแหวกคอเสื้อดู “โอเค... เฮียยังไม่เสียตัว”
“ฮือออออออ ฮึก... ฮืออออออออ” พอมีคนอยู่ใกล้ ๆ ฟาร์ก็ซบหน้าร้องไห้กับบ่าน้องชายทันทีครับ
“โอ๊ย! เหม็นเหล้าว่ะเฮีย”
“ฮืออออออออออออออออออออ”
“น้ำมูกเต็มแขนผมแล้ว เฮีย บอกว่าอย่าถูไงเล่า!”
“คนเมาทำอะไรไปคงไม่รู้ตัวหรอกครับ” ผมออกความเห็น “เอาเป็นว่าเราพาฟาร์ขึ้นไปนอนเถอะครับ”
ว่าแล้วผมก็ขยับตัวเข้าไปใกล้ด้วยไมตรีจิต แต่เนียร์ดันสะดุ้งขึ้นมา ทำไมวันนี้ผมเจอแต่คนสะดุ้งแฮะ... ไม่เข้าใจเลย เขารีบสอดแขนไว้ที่ใต้หัวกับขาของฟาร์ อุ้มให้ลุกขึ้น “มึงไม่ต้องมาแตะต้องเฮียกูเลยนะ”
“ก่อนมาถึงนี่ก็จับไปเยอะอยู่นะครับ”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ เอิ๊กกกกกกกกกกกกกกกก”
“เฮียอย่าหัวเราะสิ! ไม่ตลกนะเว่ย! มึงกล้าดียังไง มาจีบเฮียกู”
“เนียร์... เสียงดังอะไรน่ะ?”
เจ้าของชื่อที่กำลังจะอ้าปากด่าต่อถึงกับต้องชะงักไป เสียงเข้ม ๆ ของผู้ชายวัยกลางคนนั่น พอให้ผมเดาได้ว่าคงมาจากพ่อตาตัวเองแน่ ๆ มาถึงที่ขนาดนี้ไปไหว้เสียหน่อยก็ดีเหมือนกัน
“มะ... ไม่มีอะไรป๊า! ป๊าไปนอนเหอะ เฮียกลับมาแล้วนะ” เนียร์ตะโกนตอบกลับไป ผมไม่เข้าใจเลย ว่าเขาจะกีดกันไม่ให้ผมพบญาติผู้ใหญ่ไปทำไม “บ้านกูยังไม่ต้อนรับมึง”
“รู้ได้ไงล่ะครับ? พี่ว่าฟาร์เขาก็ตอบรับพี่แล้วนะ”
“เฮียก็ส่วนเฮียสิ แต่กูยังไม่ยอมรับมึงเว่ย แฟนคนแรกของเฮียจะต้องได้ดีกว่านี้”
“จะเอาแบบเจ้าของบ่อน้ำมันเลยหรือไงครับ?”
“ได้แบบนั้นก็ดี ถึงกูจะไม่ตกใจที่เฮียมีแฟนเป็นผู้ชาย แต่เจอผู้ชายแบบนี้ บอกตรง ๆ ว่ากูช็อกมาก” เขากระชับร่างพี่ชายในอ้อมแขนก่อนจะยกขึ้น “ฮึบ... คนที่ดูเหมือนมีรังสีความเย็นแผ่ออกมาตลอดเวลา เฮียอยู่กับมึงเข้าไปได้ไงวะ ถอยเด๊ะ!”
ผมที่ยืนบังทางเดินยังคงไม่ขยับตัว ผมชะโงกหน้าเล็กน้อย... ฟาร์อยู่ในอ้อมแขนของน้องชายของเขา จะว่าไปน้องชายเขาก็สูงเกือบจะเท่าผมอยู่แล้ว เด็กสมัยนี้ตัวสูงจริง ๆ แฮะ... พอเพ่งมองหน้าของเด็กหัวเห็ดแล้วผมก็อดยิ้มไม่ได้ ตอนนี้ทั้งหน้าเขาแดงไปหมดด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ แถมทั้งร้องไห้ทั้งหัวเราะมาตลอดทางขนาดนี้... ไม่เหนื่อยบ้างหรือไงนะ? เขาซุกหน้าอยู่บนบ่าน้องชาย แต่ก็ยังหัวเราะไม่หยุด น่าเอ็นดูจริง ๆ แฮะ แบบนี้ผมคงอดไม่ได้ที่จะ...
“เฮ้ย! จะทำอะไรเฮียกู!?”
จุ๊บ...
ผมก้มลงไปจูบเบา ๆ ที่ผมนิ่ม น่ารักจริงเห็ดขี้ควายของผม...
“มึงกล้าจุ๊บเฮียต่อหน้ากูเหรอ ไอ้สัตว์!? มาต่อยกะกูเลย”
“เสียงดังเดี๋ยวป๊าว่านะครับ” เขาฮึดฮัดพยายามจะแกะมือออกจากฟาร์ เพื่อจะมาตั๊นหน้าผม “อุ้มดี ๆ เถอะครับ เดี๋ยวแฟนพี่ร่วง”
“เชี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย! ไอ้หน้าจืด!”
“เนียร์... เสียงดังอะไรน่ะ แล้วนี่ยังไม่ขึ้นห้องอีกรึไง”
“ปะ... เปล่าครับ ป๊า เดี๋ยวเนียร์ขึ้นห้องแล้วครับ” สรุปว่าบ้านนี้กลัวป๊าทั้งบ้านสินะ... พ่อตาดุนี่คงต้องเอาใจไว้บ้างซะแล้ว จะว่าไปน้องชายเขาก็ดูจะไม่ชอบผมเอาซะเลยแฮะ ทำไมกันนะ... ผมว่าผมออกจะสุภาพและดูภูมิฐานพอตัวแล้วเชียวนะ
“ฝากไว้ก่อนเหอะมึง เจอกันคราวหน้า กูไปตีมึงถึงมหา’ลัยแน่”
“ครับ... ตามสบาย” ตามใจเด็กอีก ถึงเด็กนี่จะสูงพอ ๆ กับผม แต่เพื่อนผมที่คณะก็เยอะพอตัวเหมือนกัน อืม... ตีกันขึ้นมาก็คงไม่เป็นอะไรมากมั้ง? เห็นท่าทีฟึดฟัด ๆ แบบนั้นผมเลยต้องรีบเดินออกมาจากบ้านเขา ไม่ใช่ว่ากลัวเขานะครับ ผมกลัวเขาจะขว้างพี่ชายทิ้งแล้วหันมาต่อยผมแทน ผมกลัวฟาร์ได้รับบาดเจ็บน่ะครับ... ดีสมกับเป็นพระรองจัง
“อ๊อ... ลืมบอกไปอย่าง”
“มึงยังไม่ไปอีกเรอะ”
“ฟาร์ตื่นแล้วบอกด้วยว่า... พี่เขยฝากมาบอกว่าฝันดีนะครับ”
ผมทิ้งท้ายด้วยวลีแบบพระรองก่อนจะเดินออกมาจากรั้วบ้าน แต่ที่ตามมาดันเป็นเสียงสาปส่งจากน้องแฟนเสียนี่
เกิดเป็นผมนี่มันลำบากจริง ๆ ครับ...
TBC
เราให้อาร์ทเป็นพระเอกในหัวใจฟาร์ แต่พระเอกตัวจริงน่ะมันต้องคินนะค๊าาาาาา ดูสิ...ขนาดเพลงที่ร้องยังทำเอาตำแหน่งพ่อพระเอกสั่นสะเทือน ฮ่าๆๆ
ตอนนี้แอบเขียนน้องเนียร์เด็กปั้นมามีบทบาทเสียหน่อย หึหึหึ
ตอนหน้ายังคงอยู่กับลูกเมียน้อยนะจ๊ะ เอาให้แม่ยก พ่อยกหายคิดถึงกันเลย FCเค้าเยอะซะด้วย
ช่วงนี้คนเขียนเฟล พี่แคนออกจากบ้านเดอะสตาร์ไม่พอ ถัดมาบอลดันมาแพ้ และจะชวดแชมป์ลีคอีก...โอ้.. นี่คงถึงยุคตกต่ำของเราเป็นแน่แท้//ทรุด
แต่ชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันไปค่ะ ฮิ้วววววววววววววววววววววว
แล้วที่สำคัญก็.....สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะ!!
ขอให้มีความสุขกับวันหยุด เล่นน้ำให้สนุก ปลอดภัย ที่สำคัญอย่าลืมไปดำหัวญาติผู้ใหญ่ด้วยนะคะ

)
ปล.สงกรานต์แล้วคิดถึงสมัยคินไปจีบไปป์ที่เชียงใหม่เลย ฮ่าๆๆ