Room 30
ร่มเงาของต้นกันเกราที่ขึ้นปกคลุมไปทั่วบริเวณลานม้าหินอ่อนในคณะ พอมาประกอบกับสายลมเอื่อยๆพัดมาเบาๆแบบนี้ยิ่งชวนให้เคลิ้มหลับไม่ยากเลย แต่ไม่ว่าจะง่วงแค่ไหนตอนนี้อย่าว่าแต่หลับเลยครับ...หายใจกูยังทำแทบไม่ได้
“ฟาร์ๆๆ ชิบหายละ.... ไฟล์งานมึงเปิดไม่ได้อ่ะ”
“อ้าวเชี่ยละ...ทำไมเปิดไม่ได้วะ” ไอ้ฟาร์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามรีบชะโงกหน้ามาดู “ไปป์...ถ้าคอมมึงจะใช้เวิร์ด2003เนี้ยนะ เวรจริงๆสมัยนี้เค้าไม่ใช้กันแล้วเว่ย”
“เอ้า!! ก็กูจะรู้มั้ยอ่ะ ร้านคอมมันลงมาให้งี้อ่ะ”
“นี่ถ้ามันลงไวรัสมาให้มึงมึงก็คงไม่รู้เรื่องเนอะ”
“เฮ้ย...พวกมึงอย่าเพิ่งเถียงกัน ไปป์มึงมาใช้คอมกูก่อน” โห...เป็นครั้งแรกที่เหี้ยกล้วยทำตัวมีประโยชน์ ผมมองมันแล้วน้ำตาคลอ “มึงก็ควายจริงๆไอ้ไปป์ หูยยยยยยยยยย...เสียเวลา”
“แค่นี้กูก็เครียดจนจะเอาโน้ทบุคทุ่มหัวตายแล้ว มึงเลิกด่ากูเหอะกล้วย”
ไอ้กล้วยไม่ตอบอะไรแต่ถ่อดแถ่ดตูดเลื่อนมาใช้คอมผมแทน มันบอกว่ามันเซฟไฟล์เป็น2003แล้ว เปิดเครื่องผมได้ เสียงเคาะแป้นพิมพ์ก๊อกๆแก๊กๆดังไปทั่วลานกว้าง ประหนึ่งโรงงานรกก็ไม่ปาน
รายงานกลุ่มรอบนี้ดูดพลังชีวิตพวกผมไปจนหมดสิ้น ยิ่งหันไปมองบรรดาเพื่อนๆร่วมชะตากรรมแล้วก็พบว่าศพเดินได้มันเป็นเช่นไร ใครผ่านมาเห็นอาจคิดว่ากำลังถ่ายหนังห้าแพร่งแล้วไอ้หน้าโง่สี่ห้าคนนี่เล่นเป็นผีดิบที่วิ่งไล่กัดคอคนก็เป็นได้
“จบโปรเจคนี้ฉันต้องไปเข้าคอร์ทมาร์คหน้าด่วนๆ” ขนาดว่าเครียดไอ้แม็กซ์มันยังจะมาห่วงความสวยความงามที่ไม่ค่อยจะมีอีก เฮ้ออออออ...กูล่ะเหนื่อยใจ
“มีคอร์ทที่ทำแล้วลอกหนังหน้ามึงออกเลยมั้ยแม็กซ์” ไอ้กล้วยชิ่งกัดมันก่อนเลย ว่าแต่เมื่อกี้หมาที่ไหนมันบอกว่าอย่าเถียงกันวะ??
“มีแต่ลอกหนังตีนไปแปะไว้ที่หน้าแกอ่ะอิกล้วย” อิแม็กซ์จีบปากจีบคอพูด ก่อนจะหมุนข้อมือพักเมื่อย “ฉันมาร์คหน้าด้วยแตงกวาย่ะ ผิวพรรณถึงได้เปร่งปรั่งสวยงามเหมือนเชื้อเจ้าขนาดนี้”
“แต่กูว่าผิวมึงสากเป็นไพร่เลยนะแม็กซ์ เก็บแตงกวาไปแดกจะมีคุณค่ากว่ามั้ย” เล่นเอาผมอดไม่ไหวปล่อยลูกในปากออกมาเดินเล่นบ้าง
“หรือเก็บเอาไว้ทำอย่างอื่นวะ กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก” เหี้ยกล้วยมึงพูดอะไรออกม๊า!!!! ทำเอากูเห็นด้วยเลยนะเนี้ย...เฮ้ย!!!ไม่ใช่ พูดจาสองแง่สามง่ามนะมึงอ่ะ กูรับไม่ด๊ายยยยย แต่ตบเข่าฉาดใหญ่ด้วยความสะใจ
“นี่อิกล้วย ระดับฉันไม่ต้องพึ่งแตงกวาย่ะ สวยขนาดนี้ขี้คร้านผู้ชายจะมาแย่งกันอยากเป็นแตงกวา” เอ่อ...กูขึ้นมุมจอว่า ‘ฉ’ นี่ทันมั้ยครับท่านผู้ชม
“แค่กูเห็นหน้ามึงแตงกวาก็เหี่ยวแล้วเหอะ” มาถึงตรงนี้หน้านิ่งๆอย่างไอ้ฟาร์ยังหลุดขำพรวดออกมาเลยทีเดียว
“นี่อิกล้วย” แม็กซ์ว่าพลางจิกตาลงไปที่เป้ากางเกงของไอ้กล้วย “ถ้าแกไม่อยากให้ฉัน’อมกล้วย’แกตอนนี้ก็ช่วยหุบปากแล้วพิมพ์งานไปซะ!!!!!”
อย่าว่าแต่ไอ้กล้วยเลย งานนี้ผู้ชายทั้งโต๊ะ(และโต๊ะข้างๆ)นั่งหน้าซีดกดคีย์บอร์ดก๊อกๆแก๊กๆประหนึ่งว่าจะแย่งตำแหน่งพนักงานดีเด่นกัน แม็กซ์จุดยิ้มมุมปาด้วยความสาแก่ใจในชัยชนะ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่กูว่าก็ดีเหมือนกัน เกิดเถียงกันต่อมีหวังงานไม่เสร็จแหงมๆ ผมหันข้อมือดูบนหน้าปากก็ต้องซี๊ดปากเสียวไส้เพราะเหลือเวลาก่อนพรีเซนส์ไม่มากแล้ว
“ใครเขียนTarget Groupอยู่”
“กูเขียนๆ”
“เฮ้ย...แคมเปญอยู่ไหน เอามาแปะลงหน้านี้ด่วนๆ”
“เชดดดดดดด พ่อมึงสิใครเขียนงบวะ บวกเลขก็ผิด”
“เชี่ยกล้วย มึงด่ากูทำไม”
“มึงนี่เองไอ้ไปป์ กลับไปเรียนอนุบาลใหม่เลยควาย คราวหน้าบวกเกินสองหลักมึงก็ยกนิ้วมือมาช่วยนับนะ ถ้าไม่พอก็บวกนิ้วตีนเข้าไป หรือถ้าไม่พออีกมึงยืมนิ้วตีนกูอีกคนก็ได้”
“มึงอย่าเพิ่งด่ากู เหี้ยเอ๊ย...กูอ่านทวนบรรทัดเดิมซ้ำมาสามรอบแล้วนะโว้ย”
และประโยคอื่นๆอีกมากมายที่ดงความวุ่นวาย ใครว่าเรียนบริหารง่าย??มึงมาต่อยกะกูเลยดีกว่ามา!!! ทั้งตัวเลขตัวหนังสือเหี้ยห่าอะไรตีกันไปหมดจนผมแทบน็อคเอ้าท์หน้าคอม ไอ้บรรยากาศลมโชยเย็นๆเหี้ยห่าอะไรนั่นไม่ได้ช่วยอะไรเลยเพราะเหงื่อพวกเรายังคงแตกเหมือนไปวิ่งสี่คูณร้อยมาสักสิบแปดรอบ
ตัดภาพกลับมาอีกที ขณะนี้เวลาสิบแปดนาฬิกาสามนาทีสี่สิบสี่วินาที พวกผมยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนตัวเดิม แต่ความรู้สึกต่างจากเดิม เพราะพรีเซนส์งานเสร็จแล้วทุกคนจึงม่อยกระรอกหมอบกระแตอยู่คาโต๊ะไม่ไหวติงแบบนี้ บรรยากาศยิ่งกว่าผู้คุมวิญญาณทั้งอัสคาบันเดินผ่านซะอีก
“สุดท้ายก็โดนจวก เฮ้อออออออออออออออ” ฟาร์ที่เหมือนจะมีสติสตังอยู่ครบที่สุดเลยได้ถ่อสังขารไปซื้อน้ำให้เพื่อน มันว่าพลางวางถุงขวดน้ำลงบนโต๊ะให้พวกผมรุมแย่งทึ้งกันเหมือนสัมพเวสี
“มองในแง่ดีก็โดนกันทุกกลุ่มละวะ จวกมากจวกน้อยก็ว่ากันไปตามเรื่อง” ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับวิธีคิดแบบนางสาวไทยของไอ้กล้วย
“ไงวะ”
น้ำเสียงหวานๆขัดกันรูปประโยคมาพร้อมกับดาวคณะที่แม่คุณเดินมาทิ้งตูดลงนั่งข้างแม็กซ์ได้หน้าตายเฉยมาก เพลงวางกองหนังสือดังตึงจนคนทั้งโต๊ะสะดุ้งโหยง
“เป็นไงล่ะ...โดนกันไปถ้วนหน้า”
“อาจารย์แกก็โหดเกินไป ก็เข้าใจนะว่าอยู่ปีสามแล้ว แต่บางข้อที่จวกมานี่ชียังไม่เคยสอนเลยนะยะ” ฟังแล้วรู้เลยว่าแม็กซ์มันเก็บกดอยากด่าขนาดไหน
เพลงยักไหล่ “เดี๋ยวก็เจ็บและชินไปเอง” เธอยีเส้นผมสั้นๆของเธอให้ยุ่งขึ้น”อ๊า~~ เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนดีกว่า ไหนๆวันนี้เจอสะใภ้กลุ่มทั้งที”
มันจะไม่อะไรเลยครับถ้าสาวเจ้าไม่มานั่งจ้องตาผมปริบๆ เอ่อ...นี่ส่งซิกอะไรให้กูครับ เอ๊ะ..หรือว่าเพลงมีจิตพิศวาสผมขึ้นมา ทีตอนโสดล่ะไม่ชอบนะ....ผู้หญิงนี่ก็แปลกชอบแย่งของคนอื่น
“อะไรอ่ะเพลง” ถามแบบพาซื่อมากครับ
“ไม่เจอกันแป๊บเดียวหน้าตาเปร่งปรั่งขึ้นเชียวนะ หึหึหึ” อะไรวะ...แม่สาวเจ้าต้องการจะสื่ออะไร แดกเป๊ปซี่แก้เครียดดีกว่า “อ้าวนั่น...ทำเป็นกลบเกลื่อน...อย่างว่าแหละคนกำลังอินเลิฟ”
พรวดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
อื้อหือ...ซู่ซ่าไปถึงขนจมูกทุกเส้น แม่งเอ๊ย...แสบไม่พอยังมีเสียงสบถอี๊อ๊าด่าพ่อล่อแม่จากคนบนโต๊ะรุมหวดยับ
“ไปป์แม่งสกปรกว่ะ พ่อแม่ไม่ได้สอนให้ดื่มน้ำทางปากเหรอ” ไอ้ฟาร์ไอ้เลวกูกำลังทรมานโพรงจมูกอยู่ กำลังจะด่าแต่ยังดีที่มันยื่นทิชชู่มาให้...เอาเหอะรอบนี้รอดไปนะมึง
“ว้ายยยยยยยยยยยยยยย...อิเพลง แกกำลังพูดถึงเรื่อง’นั้น’ใช่มั้ยยะ” เรื่องพวกนี้มึงเร็วยิ่งกว่าแมลงสาบอีกนะไอ้แม็กซ์
“แกก็รู้เหรออิแม็กซ์”
“แกเคยเห็นฉันพลาดเรื่องไหนด้วยเหรอ ยิ่งแซ่บขนาดนี้ไม่มีทางซะหรอก” ตลกละ...ได้ข่าวว่ามึงรู้โดยบังเอิญนะแสรดดดดดดดดด
“โอ๊ย...แกเอ๊ย ตอนฉันได้ยินแทบตกเก้าอี้ ไม่รู้มันไปได้กันอีท่าไหน”
“ท่าไหนว้า~~ คริคริ ฮิฮิ ฮุฮุ งุงุ”
“แม็กซ์มึงเลิกทำเสียงควายๆได้มั้ย”
“แนะๆๆ ทำด่ากลบเกลื่อนด้วย แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยย~”
“อุ๊ยๆๆๆ หน้าแดงด้วยอ่ะ” ถ้าตบหน้าผู้หญิงจะมีคนว่าหน้าตัวเมียรึเปล่าครับ ถึงจะเคยชอบก็ไม่ได้หมายความว่าจะแซวได้นะเว้ย
“เฮ้ยๆ พวกมึงพูดเหี้ยไรกันกันวะ?? ไอ้ไปป์มีแฟนเหรอ?? เชดดดดดดดดด...ทำไมกูไม่รู้”
“หูยยยยยยยยยยยยยย....ไปมุดอยู่รูไหนมายะอิกล้วย เพื่อนเราเดี๋ยวนี้เขาไม่ธรรมดาแล้วนะยะ....มีดีกรีเป็นถึงแฟนดะ....”
“เงียบเลยนะ ไอ้หน้ามะเขือม่วง!!!!!!!”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!อิไปป์!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”
แม้ว่าแม๊กซ์มันจะเป็นกะเทยหน้าด้านหน้าทนเป็นหนังควายแค่ไหนก็ตาม แต่เรื่องเซนสิทีฟที่สุดในชีวิตมันก็คือเรื่องที่เกิดมาแล้วหน้ายาวเป็นมะเขือม่วงเนี้ยแหละ คือถ้าหน้ายาวแล้วหล่อเป๊ะแบบณเดชคงจะไม่มีใครว่ามัน แต่เชี่ยนี่เสือกหน้ายาวแล้วเป็นกะเทยอีก แลดูแมนไปกันใหญ่
“ได้!!!” มันขึ้นเสียงสูง “แกเล่นแบบนี้กับฉันใช่มั้ยไปป์”
“อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกส์ อย่านะเมิ๊งงงงงงงงงงงงงง &)_)$!@$%^)_(_**^&*^&#@^$%&%%$@@_*(*)$@#@%&(+)(^^$&^%*&^*(^*%$^$&%$&” กูตะโกนบ้าบอคอแตกอะไรไม่รู้ยาวเหยียดกลบเสียงไอ้แม็กซ์ให้จมดิน...
จนผมลากเสียงยาวต่อไปไม่ไหวต้องหุบปากลง แล้วเวลาของไอ้แม็กซ์ก็มาถึง มันกอดอกเชิ่ดหน้าอย่าถือไพ่เหนือกว่า “มันเป็นแฟนกับภคิน”
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด.....พูดออกมาแล้ว!!!!!!!!!! ไอ้เหี้ยแม็กซ์หลุดออกมาแล้ว!!!!!!!!!!
“อ๋อ....เรื่องนี้นี่เอง” ตึ่งโป๊ะ!!!! ไอ้กล้วยพูดด้วยอารมณ์เดียวกับตอนเจอหมามาเยี่ยวใส่ล้อรถ
“ห๊ะ...มึงไม่ตกใจเลยเหรอ”
ไอ้กล้วยดูดชาเขียวในขวดดังซู๊ด “กูก็พอรู้มาบ้าง”
“มึงรู้ได้ไงกล้วย” แม้แต่ฟาร์ที่ทำเงียบมานานยังโดดมาร่วมวงด้วย เอาเข้าไป!!!
“โอ๊ยยยยยยยยยยยยย....ไม่รู้ก็โง่เต็มทนละ กูเห็นไปรับไปส่งยิ่งกว่ารถรับส่งเด็กนักเรียน วันก่อนเจอไปแดกข้าวต้มกันแถวหอกูก็แทบจะช่วยกันแคะฟันกลางร้าน ตอนนู้นเจอเดินอยู่ข้างถนนแทบจะขี่คอกันอยู่ละ แล้วเมื่อวันก่อน...”
“พอๆ...เหี้ยกล้วย ข้อมูลมึงแน่นเกินไปละ”
ฟังแล้วนั่งกุมขมับเส้นเลือดเต้นตุบๆ นี่ถ้าไม่รู้จักกันมาก่อนกูคงคิดว่าไอ้กล้วยเป็นแฟนคลับกูไปแล้ว มึงจะรู้ลึกเกินไปแล้ว แต่ที่มึงเล่ามานี่ไม่ได้ใกล้เคียงความจริง กูไปทำอะไรแบบนั้นตอนไหนวะ!!!!!
“โหยยยยยยยยยยยยยยย....ไอ้กล้วยมึงมาเล่าให้กูฟังต่อเลย มาๆๆ” เพลงตบเก้าอี้ข้างๆตัวเรียกเชี่ยกล้วยที่ทำท่าอยากแฉกูเต็มทน แถมพ่วงด้วยแม็กซ์ที่ไม่รู้แสลนมาจากไหนด้วย
ไอ้ผมที่ทนฟังเสียงเม้าท์มอยสาดสีไม่ไหวเลยดึงแขนไอ้ฟาร์ให้ลุกขึ้นจะได้กลับบ้านซะที ไอ้ห่านี่ก็อิดออดทำท่าเสียดายอยากเสือกเต็มที่ แต่สุดท้ายก็ต้องยอมเดินตามต้อยๆ
“มึงไปทำอะไรแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่วะ โคตรมีการพัฒนาเลยว่ะ”
“อะไร....มึงเชื่อเชี่ยกล้วยเหรอ ให้แมวเยี่ยวใส่ขากูเลย”
“เอ๊า!!ใครเล่าจะรู้” มันทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ยาวๆใต้ตึก “อย่างแบบนี้ไงให้กูมานั่งรอผัวมารับ ยังกะครูอนุบาลส่งเด็กกลับบ้านอย่างงั้นแหละ”
“ไอ้ฟาร์...”
“ไม่ต้องทำเสียงข่มขู่กูเลยนะมึง ไม่ได้ผลเว่ย” ทำไมต้องปากว่ามือถึง มึงตบหัวกูทำไมเนี้ย “ไปป์...ทำไมมึงไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องนี้วะ”
“เป็นมึงมึงอยากอวดชาวบ้านป่ะล่ะ ให้กูประกาศไปตามเสียงตามสายเลยมั้ย.....กระผมนายไปป์ วิรัล วงศ์วิสุทธิ์ เรียนอยู่คณะบริหาร เป็นเกย์คร๊าบบบบบบ มีผัวเป็นเดือนมหาลัยด้วย อิจฉาป่ะล่ะ....เป็นไง เอางี้เลยป่ะมึง”
“เออ...เข้าท่าดีนะ กูชอบ”
“พ่อมึงดิไอ้เห็ด” ได้ทีตบกบาลมันคืนซะหน่อย สะใจ!!!
“เฮ้อออออออออออออออ....ว่าไปเรื่องนี้กูก็หนักใจเหมือนกันนะ”
“เรื่องเป็นผู้ชายมีผัวอ่ะเหรอ”
“ไอ้สัส...มึงจะฟังต่อมั้ย”
“ต่อๆ....กูเงียบละ” ทีเรื่องนี้เร็วเชียวนะมึง
“คืองี้...เอ่อ... กูจะเริ่มจากยังไงดีวะ....” เชี่ย...มาจ้องหน้ากูตาแป๋วขนาดนี้ยิ่งพูดไม่ออกเว้ย “
“งั้นกูหลับตาก็ได้” มันหลับจริงครับ สัส...เพื่อเสือกนี่ทำได้ทุกอย่างนะมึง
“เออๆ ไม่ต้องหลับหรอก” ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “คือ....มึงเข้าใจใช่ป่ะว่ากูไม่ค่อยอยากให้คนอื่นรู้เรื่องกูกับมันเท่าไหร่”
“อืม...เข้าใจ”
“แล้ว.....แบบว่า มันอ่ะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องนี้เลยว่ะ” ผมว่าพลางเป่าผมหน้าม้าขึ้น “มันชอบทำตัวรุ่มร่ามนอกบ้าน แถมยังป่าวประกาศบอกเพื่อนตั้งแต่หัวเมืองชั้นในยันหัวเมืองชั้นนอกอีก”
“คิดในแง่ดีมันคงอยากอวดมึงแหละ มึงน่าจะดีใจไว้นะ มีแฟนหน้าเหี้ยขนาดนี้มันยังจะอวด....สงสัยที่เขาว่าหล่อแต่โง่จะจริงแฮะ”
“ไอ้เห็ดสด....มึงหลอกด่ากูใช่มั้ย”
ฟาร์ยักไหล่กวนตีน “คิดมากน่ามึง”
“เออ...แต่จะไม่ให้คิดก็ไม่ได้อีก...โอ๊ยยยยยย อยากจะบ้า!!!” ว่าแล้วเอามือขยี้หัวตัวเองแม่งเลย สติแตกจริงกู “บอกแล้วมันฟังที่ไหน ไอ้ภคินมันพวกดันทุรังสูง แถมยังหน้าด้านหน้าทนอีก”
“ไอ้หน้าด้านของมึงมารับนู่นแล้ว” ผมหันมองตามทางที่ฟาร์บุ้ยหน้าไปก็เห็นตัวปัญหาค่อยๆไถไอ้เน่ามา บางทีกูก็นึกสงสัยว่าเวลาเจอตำรวจมันจะบิดหนีได้มั้ย??? มีหวังโดนตำรวจโดดถีบรถล้มแหงมๆ
“ฟาร์...กูไปก่อนนะ”
“นั่นไง!!!! ผัวมาปุ๊บ...ทิ้งกูปั๊บ”
“สัส....หรือมึงจะไปกะกูมั้ยล่ะ”
“เกรงว่าล้อรถมึงจะหลุดออกมาก่อนดิ เออ...กูกลับละ เดี๋ยวป๊าโทรตาม” ฟาร์โบกมือลานิดหน่อยก่อนจะเดินควงกุญแจรถไปประจำที่ฮอนด้าแจ๊สสีขาวของป๊ามันทันที
ไอ้ภคินอยู่ในชุดถูกระเบียบครึ่งตัว ท่อนบนเป็นเสื้อนักศึกษาท่อนล่างเป็นกางเกงยีนส์กับรองเท้าผ้าใบ มันยืนกอดอกเท้าแขนกับไอ้เน่า ซึ่งคาดว่าคนอื่นขับคงโดนประจานให้ไปถอนเป็นเศษเหล็กขายแล้ว แต่พอเหี้ยนี่เป็นคนขับปุ๊บ!! ต๊าย....รถเด็กแนว เซอร์จังเลย อยากซ้อนจัง หูยยยยยยยยยยยยยย....ให้มันรู้ไปสิว่าความยุติธรรมมันไม่มีบนโลก!!!!!
“มองทำไม” สาบานได้ว่านี่เป็นคำทักทายของแฟน สวีทมากครับไอ้ภคิน
“อยากมองตายห่าล่ะ คิดว่าหล่อรึไงมึง...เก๊กหน้าซะ”
“ไม่เก๊กก็หล่ออยู่แล้ว” เอากับมันสิ “เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน มึงมาก็ดีแล้ว...ถือกระดานให้กูด้วย ขับรถมือเดียวแม่งยากชิบหาย”
“พ่อมึงตาย....กระดานหรือโต๊ะกินข้าววะนั่น” ไม่ได้เว่อร์ครับขนาดมันเท่าโต๊ะกินข้าวในโรงอาหารจริงๆ ใหญ่เหี้ยๆ!!
“กระดาน” ตอบปุ๊บยัดใส่มือกูปั๊บกะไม่ให้เถียงกันเลย
ผมเลยต้องจำใจเป็นเบ๊กระเตงไอ้กระดานผีสิงนั่นร่อนๆไปตามถนน(แอบทำขูดพื้นด้วย....อย่าไปบอกมันนะครับ) กว่าจะถึงหอได้ก็เล่นเอาแขนเปลี้ยไปหมด ยังดีที่พอลงจากรถมันเอาไปถือเอง ไม่งั้นกูเนี้ยแหละจะเอากระดานปักคอมึงตาย
หลังจากแยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัวอายน้ำเหี้ยห่าอะไรก็ว่ากันไป ราวๆยี่สิบห้านาฬิกาผมนอนเอกเขนกเขียนงานอยู่บนโซฟาพร้อมกับพี่เดียวดาย ส่วนไอ้ภคินยังคุยโทรศัพท์มือถืออยู่ที่ระเบียง ดูจากสีหน้าแล้วมันดูเครียดมากๆจนผมอดมองตามเป็นพักๆไม่ได้....แม่ง ไม่ใช่หันไปอีกทีมึงลงไปโดดบันจี้จั๊มป์แบบไร้สายนะมึง แถมนี่มันแค่ชั้นสามเกิดไม่ตายขึ้นมาแม่มึงอาจจะลำบากได้....
“มีไรวะ” เป็นคำแรกที่ผมทักหลังจากมันเปิดประตูเข้าห้องมา มันยักไหล่แทบคำตอบก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะกินข้าวที่ทำงานประจำของมัน
“เออ...มีอะไรไม่บอกนะมึง”
“ไม่บอก กูรู้ว่ามึงอยากเสือก บอกไปก็ไม่หนุกดิ”
“สัส”
มันกระตุกยิ้มมุมปาก ท่าประจำของมันเลยล่ะนั่น เห็นแล้วอดตีนกระตุกตามไม่ได้ แต่ก็ต้องก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป กระซิกๆ...ชีวิตกูมันเกิดมาเป็นเบี้ยล่าง อยากเสือกก็ทำไม่ได้ดั่งใจหวัง
ภคินขีดๆเขียนๆเหี้ยห่าอะไรไม่รู้อีกสักพักนึงก่อนจะออกไปคุยโทรศัพท์อีกรอบ ผมก็เลิ่กลักมองตามจนทำงานไม่รู้เรื่อง เลยชิ่งส่งตัวเองไปนอนก่อนจะดีกว่า อะไรครับ??ผมไม่ได้งอนมันนะ จะบ้าเหรอ...ไม่ใช่สาวน้อยนะเว่ย!!!
ก่อนเข้าห้องนอนแอบเงี่ยหูฟังนิดๆ ได้ยินอะไรเหมือนว่า ‘เดี๋ยวก่อน’ ‘ยังไม่ได้บอก’ หรืออะไรทำนองนั้น เอาเถอะ...ไม่บอกก็ไม่บอก กูนอนตากแอร์เย็นๆดีกว่าเยอะ ด้วยความที่เหนื่อยมาทั้งวันโดนสูบพลังงานจนฮีลไม่ขึ้นก็ขอกูนอนตายก่อนเถอะ หัวถึงหมอนไม่ถึงนาทีผมก็เริ่มเบลอจนแทบจะไหลไปแล้ว....
“ไม่มีรอกันเลยนะ”
เหี้ย!!!!สะดุ้งหมด!! ที่บ้านไม่ได้สอนเหรอว่าจะมากระซิบเสียงดัง(ที่บ้านกูเรียก ‘พูดกรอกหู’)ข้างหูคนอื่นมันบาป ยิ่งคนกำลังจะนอนเนี้ยบาปหนาเลยนะโว้ย
ผมไม่สนใจ งัวเงียหันตัวไปตะแครงอีกข้างนึงแล้วทำเสียงอู้อี้ ให้แม่งรู้ว่ากูจะนอน อย่ามายุ่ง....
“เฮ้ยๆ...สนใจกูหน่อย”
เอ๊ะ...นี่กูยังไม่ชัดเจนอีกเรอะว่าจะนอน
“ไปป์ อะไรหลับแล้วเหรอวะ”
ไม่หลับมั้งไอ้ห่า....นอนตายอยู่เนี้ย
“แกล้งหลับใช่มั้ยมึง คิดว่ากูไม่รู้เหรอ”
กูหลับแล้วจริงๆ...(??)
“คนหลับเหี้ยไรคิ้วจะชนกันอยู่แล้ว”
คนอย่างกูเนี้ยแหละ
“ถ้าหลับก็ตื่นเดี๋ยวนี้”
อ้าว...เกรียนแตกซะงั้นนะมึง
“ไปป์...ตื่น”
บ๊ะ!!!...เหมือนที่ผมบอกมั้ยล่ะว่ามันเป็นพวกดันทุรังสูงกับทุกเรื่อง
“ตื่น!!!!!!”
ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!
“บอกให้ตื่น!!!!”
กูจะนอนนนนนนนนนนนนนนนนน...
“โอเค...กูว่ามีเรื่องอะไรจะบอกมึงซะหน่อย ไม่ตื่นก็ไม่เป็นไร”
เท่านั้นแหละคุณเอ๊ย!!! ตัวผมเด้งดึ๋งยังกะติดสปริงขึ้นมานั่งตั้งฉาก90องศากับเตียงเด๊ะๆ เล่นเอาไอ้ภคินหัวเราะน้ำหูน้ำตาไหลไม่หยุด
“เฮ้ย...พอๆไม่ต้องหัวเราะแล้ว ตกลงมึงมีอะไรจะบอก”
“อยากรู้จริงๆเหรอ” อย่าเล่นตัวได้มั้ยวะสัส “อ๋อ...ลืมไปถ้าไม่อยากรู้มึงคงไม่ตื่นตาสว่างขนาดนี้หรอก”
“เออสิ...ตกลงมีเรื่องอะไร อย่ามาลีลา”
“เอาเป็นว่าบอกแล้วมึงห้ามโกรธกู.... สัญญานะ”
“เออ....”
ชั่วขณะที่ผมกลั้นหายใจรอคำตอบ อยู่ๆใบหน้าของมันก็โฉบลงมาประกบริมฝีปากเข้ากับผมทันที ผมเบิกตากว้างที่อยู่ๆมันมา‘สูบไปป์’กลางดึกแบบนี้
รู้สึกถึงสัมผัสเปียกชื้นที่รุกล้ำเข้ามา พยายามเอามือดันหน้ามันออกแต่ไม่เป็นผล...ก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลยล่ะครับ ผมหลับตาซึบซับสัมผัสวาบหวามในอกที่ตีตื้นขึ้นมาในตอนที่มันเข้ามากวาดต้อน
“อื้ออออออออออออออออ....”
ไอ้ห่านี่มึงจะฆาตกรรมกูเหรอ แสรดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!
เฮ้ยๆ...มันชักจะนานไปแล้วโว้ย!!!!!!! ผมอาศัยจังหวะที่มันกำลังเคลิ้มๆถีบหนีตัวเองขึ้นมาจากความตาย
เปรี้ยงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง...
ไอ้เปรตนั่นลงไปกองแดดิ้นอยู่ที่พื้นห้อง คราวนี้มันเป็นฝ่ายเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ นานๆจะเห็นมันทำหน้าเหวอขนาดนี้ ฮ่าๆๆๆๆ ตลกดีว่ะ
“ร้ายนักนะมึง” พูดจบมันก็กระโจนเข้าใส่จนผมล้มหงายหลังไปกับที่นอน จะดิ้นก็ไม่หลุดเพราะเหี้ยนี่เล่นนั่งทับกูจนซี่โครงกูแทบจะแทงออกออกมาข้างนอกอยู่แล้วโว้ยยยยยยยยยยยย
“สัส....กูหนัก”
“ปล้ำแม่งซะดีมั้ย”
“ไม่ดีโว้ยยยยยยยยยยยยยย....เฮ้ย มึงไม่ต้องมาไซร้คอกูเลยนะ!!!!”
มันไม่ตอบแต่สูดลมหายใจเข้าลึกๆดังฟึด โอ๊ยยยยยย...แม่งโคตรจั๊กจี้เหอะ!!!!
“ปล่อยกู๊!!! พรุ่งนี้กูมีเรียนนะมึง” และกูยังไม่อยากเสียสาวที่สวนหอมตอนนี้!!!
“มีแล้วไงวะ กูก็มี”
“ค-ยเหอะมึง”
“พูดแบบนี้แสดงว่าอยากเจอใช่มั้ย”
“อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกส์”
กรีดร้องแล้วหลับตาปี๋รอรับชะตากรรม อิป้ออิแม่....ลูกจ่ะโดนป้อจายข่มขืนละเน้อ...
จุ๊บ....
แต่สิ่งที่ได้มาเป็นเพียงจูบเบาๆที่หน้าผากเท่านั้น ทำเอาผมที่เตรียมใจจะเสียตัว(?)ถึงกับต้องลืมตาขึ้นมาดูหน้ามัน ซึ่งผมก็ได้รู้ว่ามันเป็นความคิดที่ผิดมหันต์.... ภาพดวงตาเรียวคมนั่นจ้องมองมาเหมือนจะแผดเผาให้ตาย มันเป็นแววตาที่เจื้อด้วยรอยยิ้มอบอุ่นอย่างที่ผมมั่นใจว่าคนอื่นคงไม่เคยเห็นมันในมุมนี้แน่ๆ
ริมฝีปากหยักยิ้มยกยิ้มมุมปากที่เป็นโลโก้เฉพาะตัวของมันก่อนจะเอ่ยถ้อยคำสุดท้ายของวันนี้....
“ฝันดีนะ”
มันหลับไปแล้ว......
ทิ้งให้ผมนอนใจเต้นโครมครามเข้าโหมดสาวน้อยแรกแย้มอยู่คนเดียว
แสรดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด....พ่อแม่ไม่สั่งไม่สอนเหรอว่าอย่าปลุกลูกชาวบ้านขึ้นมาให้ใจเต้นกลางดึก ส่วนตัวเองลงไปนอนหลับสบายหน้าตาเฉย...
ผมพลิกตัวไปมานิดหน่อยแบบที่ทำปกติเวลานอนไม่หลับ ผมกับมันไม่ได้นอนกอดกันเหมือนคู่รักผัวเมียในละครตอนหัวค่ำหรอก
มันชอบนอนหงาย...
....ผมชอบนอนตะแครง
มันชอบนอนเอามือดสอดใต้หัว....
....ผมชอบนอนกอดหมอนข้าง
มันนอนนิ่งเป็นศพ...
....ผมนอนดิ้น แถมยังละเมออีกต่างหาก
การนอนของเราช่างแตกต่างกัน...
.....ไม่มีอะไรเหมือนกัน
นอกจาก ’รอยยิ้ม’ บนริมฝีปากในยามที่ได้นอนเอนกายข้างกันเท่านั้นแหละ
TBC
มาต่อให้แล้วนะคะ ก่อนที่อาทิตย์หน้าจะยุ่งมากๆเพราะใกล้สอบแล้วงานรุมเร้าเหลือเกิน(ผิดเองที่ดองงานค่ะT T)
ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่ติดตามค่ะ
ปล.สำหรับเรื่องเอเอฟ...คนเขียนชอบสวนด.ค่ะ เอิ๊กกกกกกกกกกกก
มันลำบากก็ตรงต้องมานั่งตามดูเนี้ยแหละ...งานเลยไม่ค่อยเดิน(โทษเค้าซะงั้น 5555) แถมดูแล้วหยุดดูไม่ได้..ชอบหลายคนเหลือเกินปีนี้