“คุณหมอ”
“ครับ”
“คุณยะกับน้องพีอยู่ข้างนอกครับ” ผมดุเสียงเบาเอากับคนที่นอนอยู่ด้วยกัน พลางดันหน้าที่ซุกไซ้ตรงแถวหน้าอก ดึงมือที่ลูบอยู่แถวขอบกางเกงออกให้ห่างตัว ก่อนเข้านอนก็พูดกันรู้เรื่องแล้วแท้ๆ นะคุณหมอนี่
“ผมคิดถึงคุณฟ้าจะแย่อยู่แล้วนะครับ” คุณหมอว่า ถึงจะปิดไฟแล้วแต่ผมก็เห็นหน้างอๆ ของคุณหมดได้ครับ
“ผมก็คิดถึงคุณหมอนะครับ แต่มันไม่เหมาะ” ผมบอก ใครจะกล้าให้ความร่วมมือด้วยล่ะ ในเมื่อมีคนอื่นนอนอยู่ข้างนอก เกิดมีเสียงลอดออกไป ตอนเช้าสู้หน้าไม่ได้พอดี
คุณหมอทิ้งตัวลงนอนก่อนจะดึงผมเข้าไปกอด ปากหนากดจูบที่หน้าผากของผม แช่อยู่นานครับกว่าจะปล่อย
“27 คืนจนได้” พูดแล้วมีถอนหายใจครับ ผมเนี้ยอดยิ้มไม่ได้ คุณหมอเป็นคนที่ดูแต่ภายนอกไม่ได้เลย ถ้าไม่ได้ใกล้ชิดจนกลายเป็นคนเดียวกันอย่างทุกวันนี้ ผมก็คงคิดว่าคุณหมอเป็นหมอหมาที่สุภาพ สุขม น่านับถือ คงไม่มีวันรู้เด็ดขาดว่าข้างในน่ะหื่นมาก
“26 คืนต่างหาก คืนนี้ก็ได้นอนกอดผมแล้วนี่ครับ” ผมแกล้งท้วง ทั้งที่รู้นะครับว่า 27 คืนน่ะ มันหมายถึง 27 คืนที่เราสองคนไม่มีอะไรกัน คิดแล้วก็เขิน ใช่ว่าคุณหมอคนเดียวเมื่อไหร่ที่ “อยากรัก” ผมก็ “อยากถูกรัก” เหมือนกันนะ อายจังแต่มันก็เป็นเรื่องของธรรมชาตินี่น่า คนรักกันก็อยากจะ “รัก” กันอยู่แล้วเป็นเรื่องธรรมดา
“ครับ 26 คืนที่ไม่ได้กอด แต่มันเป็น 27 คืนที่ผมไม่ได้เข้าไปในตัวคุณฟ้า” คุณหมอว่าเสียงเบาอยู่ใกล้หูของผม พร้อมกับรั้งตัวผมเข้าไป ก่อนที่มือใหญ่จะสัมผัสเข้ากับสะโพกด้านหลังของผม เคล้นเบาๆ แล้วเพิ่มแรงมากขึ้น
“ไม่เอาคุณหมอ” ผมดึงมือดื้อด้านนั้นออก เอามันไปวางคืนให้กับเจ้าของที่ตีหน้ายุ่งเพราะชักชวนผมไม่สำเร็จ
“ใจร้าย”
“เกรงใจพี่ชายคุณหมอ แล้วก็น้องพีด้วย” ผมบอกคำเดิมที่บอกไปก่อนหน้านี้
“นี่ผมอดกอดคุณฟ้าเพราะพี่ชายตัวเองใช่ไหมเนี้ย” คุณหมอบ่นพึมพำ แล้วหลับตาลง
ย้อนไปเมื่อหลายชั่วโมงก่อน ตอนที่คุณหมอถามหลานชายตัวเองว่าจะนอนกับใคร น้องพียืนยันคำเดิมครับว่าจะนอนกับคุณหมอ ผมนึกว่าเรื่องจะจบแค่นั้น ที่ไหนได้กลายเป็นว่าคุณยะพี่ชายของคุณหมอขอตามมานอนด้วย คุณหมอไม่ยอมแต่ฝ่ายพี่ชายดื้อจะตามมาให้ได้ แล้วก็ตามมาจนได้ครับ เรื่องเลยกลายเป็นอย่างที่รู้กัน สองพ่อลูกนอนอยู่ข้างนอก ผมไม่ใช่เจ้าของบ้านที่ใช้ไม่ได้นะครับ ตอนแรกผมจะยกห้องนี้ให้คุณยะกับน้องพีนอนด้วยกัน แต่ฝ่ายนั้นปฏิเสธเพราะเกรงใจ
ผมไม่รู้ว่าพี่ชายคุณหมอจะสงสัยไหมว่าทำไมเสื้อผ้าของน้องชายเขาถึงมีอยู่ในตู้เสื้อผ้าของผมเยอะแยะ เมื่อคุณหมอหยิบเสื้อผ้าของตัวเองให้พี่ชายใส ข้าวของเครื่องใช้ในห้องหายชิ้นก็บ่งบอกว่ามันเป็นของคุณหมอ ร่วมถึงในห้องน้ำทั้งสองห้องนั้นด้วย แล้วทำไมน้องชายเขาถึงเข้านอกออกในคอนโดนี้ได้ง่ายๆ ทั้งที่เขาน่าจะรู้นะครับว่าผมกับคุณหมอไม่ได้เป็นเพื่อนกันมาก่อนหน้านี้ และที่สำคัญเขาไม่ถามอะไรผมกับคุณหมอเลยสักคำว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน เขาพูดคุยกับผมเหมือนคนเคยรู้จักแล้วอย่างนั่นเลยครับ
เขาไม่ถาม ไม่ได้ทำหน้าสงสัยอะไรเลยด้วยซ้ำตอนที่คุณหมอเดินตามผมเข้ามานอนในห้องด้วยกัน หรือว่าคุณหมอบอกเรื่องนี้กับพี่ชายคุณหมอไปแล้ว ดีใจครับ ดีใจจริงๆ ถ้าสิ่งที่ผมคิดเป็นความจริง อย่างน้อยๆ เรื่องของผมก็ไม่เป็นความลับมากไปนัก
“คุณหมอ” ผมสะกิดตรงกล้ามหน้าท้องของคุณหมอ ผ่านเสื้อที่คุณหมอสวม ความดีใจทำให้ผมมีความสุข จนอยากทำให้คุณหมอมีความสุขไปด้วยกัน บางทีถ้าผมกลั้นเสียงตัวเองไว้ในตอนที่เรากำลังมีความสุขกัน มันอาจจะไม่ดังมากจนลอดออกไปให้คนข้างนอกได้ยินก็ได้มั้งนะครับ
“ครับ” คุณหมอลืมตาขึ้นมามองผม ทำหน้าสงสัยนิดหน่อยว่าผมเรียกทำไม
“คือ....” ผมจะพูดยังไงดีล่ะ เขินตัวเองนะที่จะต้องเอ่ยปากชวนคุณหมอมา ‘ทำรัก’ กัน
“คืออะไรครับ” คุณหมอถาม ปากหนาจุ๊บลงมาที่ปากของผมเบาๆ อยู่สองสามที ไม่ได้ล้วงล้ำเข้ามาข้างในคงกลัวจะห้ามตัวเองไม่ได้ จะมาห้ามตัวเองทำไมตอนนี้ก็ไม่รู้ ถ้ารุกเข้ามานะ ผมจะได้มีข้ออ้างให้กลายเป็นเรื่องเลยตามเลย จะไม่ห้ามไม่ขัดขืนเหมือนก่อนหน้านี้หรอก
“ทำกันไหมครับ” ผมทำใจกล้าหน้าด้านถาม อายตัวเองมาก แต่ก็ไม่ยอมหลบสายตาแวววับของคุณหมอที่เห็นได้ชัดเจนในความมืด
“ครับ”
คุณหมอยิ้มกว้างทำให้ความอายของผมลดลงแทบจะกลายเป็นศูนย์ ผมรั้งต้นคอหนาเข้ามาใกล้ มอบสัมผัสจากปากของตัวเองสู่กลีบปากหนา เริ่มต้นรุกไล่เข้าไปเบื้องหลังปากนั้น เชิญชวนอย่างที่เคยทำมาบ้างแล้วในหลายๆ ครั้ง แล้วร่างกายที่หนากว่าผมก็ขยับขึ้นมาคล่อมทับผมเอาไว้ ขณะที่ปากของเราสองคนยังไม่ทำหน้าที่อย่างหนักหน่วง
‘อ๊ะ....’
‘...อ่าา’
เสียงนั้นที่ผมได้ยิน ไม่ใช่เสียงของตัวเองและไม่ใช่เสียงของคุณหมอ เราสองคนยังไม่ได้เดินทางไปถึงตรงจุดนั้น มันดังแผ่วเบาลอดเข้ามาให้ผมกับคุณหมอได้ยิน ถึงไม่ชัดนักแต่เราสองคนก็ได้ยิน
ผมกับคุณหมอเราผละออกจากกันอย่างช้าๆ แล้วลุกขึ้นนั่ง ต่างคนต่างนิ่ง ผมแทบไม่กล้าขยับตัว กลัวจะเกิดเสียงที่ดังรบกวนเสียงด้านนอกที่ลอดเข้ามา ผมไม่กล้าสงสัยว่ามันเป็นเสียงที่เกิดจากอะไร ในเมื่อผมพอจะรู้ว่ามันเป็นเสียงที่เกิดจาก...
...เกิดจากสิ่งที่ผมกับคุณหมอกำลังจะทำร่วมกัน
เสียงมันลอดเข้ามาจากข้างนอก ข้างนอกที่มีพี่ชายและหลานชายของคุณหมอ มีแค่คนสองคนอยู่ตรงนั้น ผมไม่อยากจะคิด แต่ห้ามความคิดของตัวเองไว้ไม่ได้
“คุณหมอ” ผมแตะเข้าที่แขนคุณหมอ เมื่อเสียงนั้นเงียบหายไป เสียงที่เบามากแต่เราสองคนก็ตั้งใจฟังจนแน่ใจว่ามันคือเสียงอะไร
“อย่าเพิ่งออกไปเลยครับ” ผมเปลี่ยนจากแตะแขนคุณหมอเป็นรั้งแขนแข็งแกร่งนั้นเอาไว้ เพราะคุณหมอทำท่าจะลุกออกจากเตียงไป
“รออีกนิดนะครับ เผื่อว่า....” ผมไม่ได้พูดต่อนะครับว่าต้องเผื่อเวลาไว้ด้วยสาเหตุใด ถ้ามันเป็นความจริง ยังไงมันก็เป็นเรื่องจริงอยู่แล้วครับ คิดเป็นอื่นไม่ได้เลย ออกไปตอนนี้อาจจะไม่เหมาะสม สภาพของคนสองคนคงยังไม่พร้อม
ผมเอื้อมมือไปกดสวิซไฟ แสงจากโคมไฟบนโต๊ะข้างเตียงสว่างขึ้น ฉายให้เห็นความกังวลใจบนใบหน้าของคุณหมอ คุณหมอนั่งเงียบ ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา ผมรู้ว่าคุณหมอคงอึ้งกับเสียงที่ได้ยิน ความคิดของคุณหมอคงวิ่งวุ่นวายกับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ด้านนอก
ผมยื่นมือไปกุมมือคุณหมอเอาไว้ ไม่รู้จะพูดหรือถามอะไรเหมือนกัน กลัวจะไปกระทบจิตใจของคุณหมอ ความสัมผัสลึกซึ้งระหว่างผู้ชายด้วยกันเอง ไม่ใช่เรื่องผิดแผกหรือผิดปกติอะไรในความคิดของผม เพราะความรักเป็นเรื่องของหัวใจของคนสองคน ไม่ใช่ตัวหนังสือที่กำหนดว่าชายต้องคู่กับหญิงเพียงเท่านั้น แต่ที่ผมเป็นห่วงคุณหมอคือเรื่องที่คนสองคนข้างนอกอยู่ในฐานะพ่อกับลูก มันไม่สมควรเกิดขึ้นเลยใช่ไหมครับ
“ผมไม่เป็นไรครับ” คุณหมอหันมายิ้มฝืดๆ ให้ผม มือที่ผมกุมไว้เลื่อนขึ้นมากุมมือผมแทน
คุณหมอลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะ หลังจากเวลาผ่านไปนานแล้วแต่ไม่รู้ว่านานกี่นาที ผมไม่ได้ดูเวลาแต่น่าจะสิบกว่านาทีได้แล้ว
ไฟหน้าจอสีเหลี่ยมในมือคุณหมอสว่างขึ้น ก่อนที่คุณหมอจะยกมันขึ้นแนบใบหู
“พอจะคุยกับผมได้ไหม” คุณหมอพูดกับคนที่คุณหมอโทรหา ไม่ต้องบอกใช่ไหมครับว่าคนๆ นั้นคือใคร
.
.
.
.
.
.
ผมเดินกลับมาที่เตียงหลังจากกดปิดสวิซไฟข้างพนัง ห้องไม่ได้มืดมากเพราะยังมีแสงนวลตาจากโครมไฟบนโต๊ะข้างเตียงนอน ผมทิ้งตัวลงนอนข้างใครอีกคนหนึ่งซึ่งไม่ใช่คุณหมอ
ครับ...คนนั้นคือน้องพีหลานชายคุณหมอ
คุณหมออุ้มน้องพีที่สะอื้นไห้เอากับอกคนเป็นอาเข้ามาในห้องหลังจากที่เปิดประตูออกไปได้ไม่ถึงถึงนาที ตอนนี้น้องพีหลับไปแล้ว ผมสงสารนะครับ สงสารมาก ตัวเล็กๆ แสนเปราะบางเหมือนจะแตกให้ได้ตอนที่คุณหมออุ้มมาวางไว้ที่เตียง แกร้องไห้กอดคุณหมอเอาไว้ไม่ยอมปล่อย คุณหมอต้องนั่งกอดและปลอบอยู่นานกว่าจะหยุดร้องไห้ ไม่เชิงหยุดร้องหรอกครับ น่าจะร้องจนหมดแรงแล้วหลับคาอกของคุณหมอมากกว่า
ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไงกันบ้าง ทั้งคุณหมอกับคุณยะพากันออกไปคุยกันที่ไหนไม่รู้ แต่น่าจะเป็นด้านล่างของคอนโดมั้งครับ ตีหนึ่งเกือบตีสองแล้วด้วยครับตอนนี้ คงไม่ออกไปไหนไกล
มองแผ่นหลังเล็กๆ ตรงหน้าแล้วก็สงสาร มันไม่ใช่เรื่องเล็กเลยนะครับ พ่อกับลูกกับความสัมพันธ์ที่ผิดรูปแบบ แล้วเรื่องต่อจากนี้จะเป็นยังไงต่อไป ไม่กล้าคิดเลยครับ
.
.
.
.
.
.
.
“โอยยยย....”
เจ็บสะโพกแล้วก็ตื่นเต็มตาเลยครับตอนนี้ ผมนอนตกเตียงครับ ไม่บ่อยที่ผมจะนอนตกเตียง ปีหนึ่งเกิดขึ้นครั้งหรือสองครั้งเอง เพราะคนที่นอนด้วยจะเป็นคนตกเองซะมากกว่า แต่เช้าวันนี้กลับเป็นผม แน่ล่ะเพราะผมไม่ได้นอนอยู่ตรงกลางเตียง แล้วก็ไม่ได้มีคุณหมอคอยกอดเอาไว้ให้อาการนอนดิ้นลดความรุนแรงลง เมื่อคืนผมขยับมานอนขอบเตียง ไม่กล้านอนใกล้หลานคุณหมอมาก กลัวจะนอนดิ้นแล้วถีบน้องพีตกเตียง เลยกลายเป็นว่าผมนอนตกเตียงเสียเอง
“ตื่นแล้วเหรอครับน้องพี” ผมถามตอนที่ยัดตัวลุกขึ้นยืน กะจะล้มตัวลงนอนอีกครั้งเพราะเหลือบดูนาฬิกาแล้วเพิ่งจะหกโมงเช้าเอง นอนต่อได้อีกชั่วโมงเลย ลุกขึ้นมาเจอน้องพีที่นอนตะแคงหน้ามองมาทางผม
“ครับ” น้องพีตอบเสียงเบามากแทบไม่ได้ยิน ก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นนั่ง คอเสื้อกว้างที่ตกลงมาถึงหัวไหล่เล็กๆ ทำให้เห็นผิวเนื้อที่เป็นจ้ำสีเข้มตัดผิวขาวจัด ผมเป็นคนขาวนะครับแต่เทียบกับหลานคุณหมอแล้ว ผมสู้ไม่ได้เลย
“....” น้องพีคงรู้ตัวว่าผมมองรอยที่โผล่พ้นคอเสื้อออกมา เจ้าตัวถึงได้ค่อยๆ ดึงคอเสื้อให้ชิดคอ ก้มหน้าหนีสายตาของผม รู้สึกผิดจังครับ ไม่น่าเผลอมองรอยพวกนั้นเลย มันคงไปกระตุ้นให้นึกถึงเรื่องที่ทำให้เกิดรอยนั้น
“อาฟ้าครับ” จู่ๆ น้องพีก็เงยหน้าขึ้นมาพูดกับผม หลังจากที่ก้มหน้านิ่งนั่งเงียบไปสักพัก
“ครับ” ผมทิ้งตัวลงนั่งขัดสมาธิบนเตียง ตั้งใจฟังว่าน้องพีจะพูดอะไร เพราะสีหน้าของเจ้าตัวดูเหมือนจะมีเรื่องอยากถามผม
“อาฟ้า...เป็นแฟนอานุหรอครับ”
คำถามนี้ผมควรจะตอบว่าไงดีล่ะ
...ใช่ครับ...
...ไม่ใช่ครับ...
ถ้าผมตอบ คำตอบของผมจะมีผลกระทบต่อคุณหมอไหม
“น้องพีหิวข้าวหรือยังครับ ถ้าหิวอาจะลงไปซื้อให้” ผมเลือกถามแทนที่จะตอบ ไม่ใช่อยากจะปิดบังอะไรหรอกนะครับ ผมอยากบอกให้ทุกคนรู้ด้วยซ้ำไปว่าผมกับคุณหมอคบกันในฐานะอะไร ผมไม่อายที่จะบอกใครต่อใครว่าผมมีแฟนเป็นผู้ชาย แต่กรณีของน้องพีที่ถามผมมา ผมไม่กล้าตอบ กลัวน้องพีเอาไปบอกทางบ้านของคุณหมอ แล้วจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ หากคุณหมอต้องการปิดเรื่องนี้เป็นความลับ แม้ว่าผมจะมั่นใจนิดๆ ว่าพี่ชายคุณหมอน่าจะรู้เรื่องของผมกับคุณหมอบางแล้วก็ตาม
ผมลืมคุณหมอไปเลย เมื่อคืนก็ไม่ได้กลับเข้ามานอนในห้อง หรือว่าจะนอนกับพี่ชายตัวเองข้างนอก
“ผมยังไม่หิวครับ” น้องพีตอบผม ก่อนจะก้มหน้า หัวคิ้วที่ผมเห็นมันกำลังชนกัน มือเล็กประสานกันแน่นวางบนตัก คล้ายกำลังคิดอะไรอยู่
“อาฟ้า...”
เป็นอีกครั้งที่น้องพีเงยหน้าขึ้นมาแล้วพูดในสิ่งที่ผมไม่ได้ถาม
“ผมกับคุณยะ...”
ผมกำลังรอฟัง รอฟังสิ่งที่เจ้าของกระบอกตารื้นน้ำใสๆ กำลังจะพูดออกมา
“...ผมไม่ใช่...”
มือเล็กยกขึ้นปาดน้ำตาที่ทะลักออกมา พยายามกลั้นเสียงสะอื้นลงคอ เพื่อจะพูดในสิ่งที่อยากบอกกับผม
“...ผมไม่ใช่ลูกของคุณยะ...ฮึก...ฮึก...”
ไม่ใช่ลูก...
น้องพีไม่ใช่ลูกของพี่ชายคุณหมอ...
ผมควรจะหมดห่วงหรือควรจะยังเป็นห่วงคนแสนเปราะบางคนนี้อยู่ครับ
.
.
.
.
.
.
.
.
ผมกำลังวางสตรอเบอร์รี่ลูกพอดีคำสีสดน่ากัดบนซีสเค้กที่แต่งหน้าเรียบร้อยแล้ว เมื่อมือใหญ่คุ้นเคยสอดเข้ามาโอบรอบเอวผม ก่อนแก้มจะสัมผัสถึงรอยจูบ
“อะ..โอยยย” เสียงครางเบาๆ จากคุณหมอ ตอนที่ผมหันหน้าไปชนเข้ากับมุมปากที่เป็นรอยช้ำสีม่วงอมเขียวอมแดง
“ขะ...ขอโทษครับคุณหมอ” รู้สึกผิดที่ทำให้คุณหมอเจ็บ
“ไม่เป็นไรครับ” คุณหมอว่า ลดมือที่จับมุมปากตัวเองลง แล้วเอามากอดผมเหมือนเดิมอีกครั้ง
เมื่อคืนคุณหมอกับพี่ชายไม่ได้กลับมานอนที่คอนโด คุณหมอบอกว่าขับรถออกไปคุยกันที่คลินิกจนถึงเช้า แต่กว่าจะคุยกันรู้เรื่องก็ชกกันไปหลายหมัด รอยช้ำตรงมุมปากด้านซ้ายของคุณหมอถือว่าน้อยมากถ้าเทียบกับรอยช้ำบนหน้าของพี่ชายคุณหมอ แล้วหลายหมัดที่ว่าคงเป็นหมัดของคุณหมอมากกว่า
“อย่างนี้ก็จูบกันไม่ได้แล้วสิครับ” ผมพูดแหย่ คุณหมอนี่ตาวาวเลยครับ ผมนึกว่าจะทำหน้าผิดหวังเสียอีก
“ทนได้ครับ” คุณหมอว่า ผมยังไม่เข้าใจ มองมือคุณหมอที่หยิบลูกสตรอเบอร์รี่ขึ้นมาใส่ปาก เคี้ยวและกลืนลงคอ แล้วจึงค่อยๆ เข้าใจเมื่อลิ้นร้อนกำลังทำงานอยู่ในปากผม
“อืมม.....” จูบรสสตรอเบอร์รี่หวานมากครับ หวานจนไม่อยากให้คุณหมอหยุด
จูบกับคุณหมอทีไร ผมรู้สึกมีความสุขมากครับ
“เห็นไหมครับว่าจูบได้” คุณหมอยิ้มแล้วบอก น้ำเสียงมีความสุข มีความสุขเหมือนผมนั่นแหละ
“เห็นครับ” ผมยิ้มตอบ ไม่ได้หลบตาแวววับอะไรของคุณหมอหรอกครับ ชินแล้ว ไม่เขินแล้วด้วย มีความสุขด้วยซ้ำที่ได้มองสบตากับคุณหมอ สายตาหวานๆ ที่มีให้ผม ทำให้ผมมีความสุขมากจนลืมความกังวลในทุกๆ อย่าง
“แต่เสียดาย จูบได้ กอดได้ แต่มากกว่านี้ไม่ได้”
ท่าทางจะเสียดายจริงครับ หน้าตานี้เศร้าเลย เหตุมันเป็นเพราะเรื่องของพี่ชายกับหลานชายของคุณหมอนั่นล่ะครับ คุณหมออยากให้พี่ชายไปเคลียร์ตัวเองให้เรียบร้อย ไม่อยากให้เข้าใกล้น้องพีในช่วงนี้ เพราะน้องพีก็ยังเด็ก คุณหมอเลยปกป้องหลานชายด้วยการเอามาอยู่ใกล้ๆ ตัวเอง หมายถึงว่าทุกคืนน้องพีจะต้องนอนกับคุณหมอ เพราะคุณหมอไม่ไว้ใจพี่ชายตัวเองแล้ว กลัวจะทำอะไรน้องพีในทำนองนั้นอีก ครั้นจะพากันมานอนที่คอนโดผมก็ไม่สะดวกนัก คุณหมอเลยเลือกจะกลับไปนอนที่บ้านสักพัก พอจัดการทุกอย่างให้ลงตัวได้เลยจะกลับมาอยู่กับผมเหมือนเดิม ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่
“เป็นลูกผู้ชายต้องอดทนครับ”
นั่นสิครับ เป็นลูกผู้ชายต้องอดทน รวมถึงผมด้วยครับ ผมก็ต้องอดทน ทนที่จะไม่มีอ้อมกอดอุ่นๆ ให้ซุกในเวลาค่ำคืน ผมอยากทิ้งตัวและทิ้งหัวใจลงสู่อ้อมกอดอุ่นๆ นั้นตลอดไปเลยด้วยซ้ำ แต่คนเราไม่สามารถได้ในทุกสิ่งที่ต้องการครับ ผมต้องเสียสละมันไปบ้าง
“พี่หมอคะ คุณลมมาหาค่ะ” ยีนชะโงกหน้าเข้ามาบอก ก่อนจะถอยออกไป
ถ้าผมยังไม่รู้เรื่องของคุณหมอกับคุณลม ผมคงไม่รู้สึกอะไรอย่างที่เป็นในตอนนี้ มันรู้สึกหวั่นไหว แล้วก็หวงขึ้นมาทีละนิด
อยากจะดึงแขนคุณหมอที่กำลังเดินพ้นกรอบประตูออกไปเอาไว้ ไม่ยอมปล่อยให้ไปหาถ่านไฟเก่า แต่ผมทำได้เพียงแค่คิด
เมื่อแผ่นหลังของคุณหมอหายลับไปจากกรอบประตูหลายนาทีแล้ว
>>>>> Happy Na Ka <<<<<
เย้ๆๆๆๆๆ อบขนมรัก...เชิญครับ มาให้ชิมแล้วนะคะ รับชิม รับชม รับอ่านไปด้วยกันเลย
ขอบคุณที่ยังติดตามเรื่องรัก...เชิญครับ นะคะ ^______________^
ปล. ฝากเรื่องสั้นของคนแต่งไว้อีกเรื่องนะคะ
เรื่องนี้เลย มึงมันคนถูกทิ้ง http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31899.0
เรื่องสั้นที่เอาไว้เขียนสลับกับเรื่องยาว เป็นการพักสมองไปในตัวด้วย
เขียนสลับกัน สมองจะได้ไม่จมอยู่กับเรื่องเดียว อิอิ
บับบาย...
สีเหลืองอ่อน // aeaw